ภาพถ่ายหน้าจอ 2564-07-05 เวลา 20.25.18

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 69

โรงเรียน นุ ัขท าร นู ย์การ ุนัขท าร

กรมการ ัต ์ท ารบก

ลัก ูตร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก ์ ( ุนัข)


คานา

นัง ือ คู่มือการเรียน ลัก ูตรผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัตรัก ์ ( ุนัข) เล่มนี้ โรงเรียน ุนัขท าร
ูนย์การ ุนัขท าร กรมการ ัต ์ท ารบก ได้ร บร มเพื่อใช้เป็น ลักฐานประกอบการเรียน
ตาม ลัก ูตรผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก ์ ( ุนัข) ตามขอบเขตและ ิชาที่ได้รับอนุมัติจากกองทัพบก
ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้เข้ารับการ ึก าและผู้ นใจที่จะ ึก าเกี่ย กับ ิชาแขนงนี้เป็นอย่างยิ่ง
นัง ือเล่มนี้อาจจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ผู้พบเ ็นข้อบกพร่อง มค รแก้ไขใ ้ดีขึ้น
โปรดแจ้งการแก้ไขได้ที่ ผู้อาน ยการโรงเรียน ุนัขท าร ูนย์การ ุนัขท าร กรมการ ัต ์ท ารบก
ตาบล นอง า ร่าย อาเภอปากช่อง จัง ัดนครราช ีมา ร ั ไปร ณีย์ ๓๐๑๓๐ โทร ัพท์
044 – 311990 ต่อ 9028, 9030 จักขอบคุณอย่างยิ่ง

โรงเรียน นุ ัขท าร ศูนย์การ ุนัขท าร


กรมการ ัตว์ท ารบก
ารบัญ
ลาดับ เรื่อง น้า

1 กายวิภาคศา ตร์และ รีรวิทยา 1


2 ลักการศัลยกรรมทั่วไป 21
3 บาดแผล 24
4 เครื่องมือและอุปกรณ์ทางศัลยกรรม 29
5 การเย็บแผล การผูกมัดปม และวั ดุเย็บ 31
6 การระงับความรู้ ึก 41
7 อาการเลือดออกและการควบคุมการไ ลของโล ิต 49
8 โรค และการป้องกันโรค 50
9 อ้างอิง 66
-1-
กายวิภาคศา ตร์และ รีรวิทยา (Anatomy)
ความมุ่ง มายเพื่อใ ้ผู้เข้ารับการ ึก าได้เรียนรู้ถึงรูปร่าง โครง ร้าง อ ัย ะต่าง ๆ ของร่างกาย ตลอดถึงระบบ
การทางานของร่างกาย เพื่อเป็นประโยชน์ในการดูแลเลี้ยงดู ุนัขต่อไป
กล่าวทั่วไป
กายวิภาคศา ตร์เป็น ิชาที่กล่า ถึงลัก ณะของรูปร่าง โครง ร้าง และอ ัย ะต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งจะประกอบ
ร มกันเป็นระบบการทางาน
รีรวิทยาเป็น ิชาที่กล่า ถึง น้าที่และการทางานของอ ัย ะต่าง ๆ ของร่างกายในแต่ละระบบ ซึ่งทุกระบบจะมี
ค าม ัมพันธ์และเกี่ย ข้องกัน ทาใ ้ร่างกาย ามารถดารงชี ิตอยู่ได้
ระบบการทางานของร่างกายแบ่งออกได้เป็น 11ระบบ ดังนี้คือ
1. ระบบเครื่อง ่อ ุ้มร่างกาย (INTEGUMENTARY SYSTEM)
2. ระบบโครงกระดูก (SKELETAL SYSTEM)
3. ระบบกล้ามเนื้อ (MUSCULAR SYSTEM)
4. ระบบทางเดินอา าร (DIGESTIVE SYSTEM)
5. ระบบ งจรโล ิต (VASCULAR SYSTEM)
6. ระบบ ายใจ (RESPIRATORY SYSTEM)
7. ระบบ ืบพันธุ์ (REPRODUCTIVE SYSTEM)
8. ระบบขับถ่ายปั า ะ (URINARY SYSTEM)
9. ระบบประ าท (NERVOUS SYSTEM)
10. ระบบต่อมไร้ท่อ (ENDOCRINE GLAND SYSTEM)
11. อ ัย ะในการมองเ ็นและได้ยิน (EYE AND EAR)

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


-2-

1.ระบบเครื่องห่อหุ้มร่างกาย (INTEGUMENTARY SYSTEM)


ระบบเครื่อง ่อ ุ้มร่างกาย เป็นระบบการทางานระบบ นึ่งของร่างกาย ซึ่งได้แก่ระบบที่ทา น้าที่ปก
คลุมภายนอกร่างกาย โดยมีอวัยวะที่ าคัญคือ ผิว นัง (SKIN)

ก. การแบ่งชั้นของผิวหนัง ผิว นังแบ่งออกได้เป็น 2 ชั้น คือ


(1) ผิวหนังชั้นนอก (EPIDERMIS) เป็นผิว นังใน ่วนที่ตายแล้ว ไม่มีโล ิตมาเลี้ยงผิว นังชั้นนี้จะ ลุด
ลอกออกเป็นขี้ไคล
(2) ผิวหนังชั้นใน (DERMIS) เป็นชั้นของผิว นังที่มีโล ิตมาเลี้ยง ซึ่งในผิว นังชั้นนี้จะมีอวัยวะต่าง ๆ
รวมอยู่ด้วยคือ
- ปลายเ ้นประ าท ทา น้าที่ในการรับความรู้ ึก
- ขุมขน ทา น้าที่ ร้างขนปกคลุมร่างกาย

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


-3-
- ต่อมไขมัน ทา น้าที่ ร้างน้ามันเพื่อ ล่อเลี้ยงผิ นังทาใ ้ผิ นังอ่อนนุ่มไม่แ ้งกร้าน และยัง
ป้องกันไม่ใ ้น้าในร่างกายระเ ยออกมากเกินไป
- ต่อมเ งื่อ ทา น้าที่ขับเ งื่อออกจากร่างกาย ซึ่งช่ ยในการระบายค ามร้อนและขับของเ ียที่เป็น
ของเ ล ออกจากร่างกาย า รับ ุนัขจะไม่มีต่อมเ งื่อที่ผิ นัง
ข. ่วนประกอบอื่น ๆ ของผิว นัง
(1) ขนเป็น ่ นที่ช่ ยปกคลุมเกือบทั่ ร่างกาย ซึ่ง ัต ์แต่ละชนิดจะมีลัก ณะของขนที่แตกต่างกัน ขน
ามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ขนชนิดที่ขึ้นปกคลุมบริเ ณต่าง ๆ ทั่ ร่างกาย กับขนชนิดที่มีอยู่เฉพาะแ ่ง
เช่น คิ้ น ด และอ ัย ะเพ เป็นต้น
ขนของ ุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอด มี 2 ชั้น คือ
- ชั้นนอก ลัก ณะเป็นขนค่อนข้างแข็ง เ ้นตรงและมีค ามยา ปานกลาง
- ชั้นใน ขนจะมีลัก ณะ ั้น ค่อนข้างนุ่มและ นา
(2) เล็บอุ้งเท้าคือ ่ นที่เปลี่ยนแปลงมาจากผิ นังชั้นนอก เมื่อเล็บถูกทาลายจะ ามารถ ร้างเล็บใ ม่ได้อีก
(3) นิ้วติ่ง คือ นิ้ ที่ประกอบด้ ยเล็บ เช่นเดีย กับเล็บอื่น ๆ นิ้ ติ่งขา น้าจะมีกระดูก แต่นิ้ ติ่งขา ลังไม่
มีกระดูก
ค. น้าที่ของผิว นัง
(1) ปกคลุมร่างกาย
(2) รับค ามรู้ ึกจากภายนอกร่างกาย
(3) รัก าระดับอุณ ภูมิของร่างกาย
(4) ขับของเ ียที่เป็นของเ ล ออกจากร่างกายทางเ งื่อ
(5) ดูดซึม ารบางชนิด
2. ระบบโครงกระดูก (SKELETAL SYSTEM)
โครงกระดูกในร่างกายจะประกอบด้ ยกระดูกต่าง ๆ ลายชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นอาจจะมีรูปร่างเ มือนกัน
คล้ายกัน รือแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตาแ น่งและ น้าที่ของกระดูกชิ้นนั้น ๆ
ที่ ก ระดู ก แต่ ล ะชิ้ น จะมี เ ้ น โล ิ ต และเ ้ น ประ าทมาเลี้ ย ง ดั ง นั้ น กระดู ก จึ ง มี ก ารเจริ ญ เติ บ โต
เปลี่ยนแปลง ซ่อมแซมตั เองและอาจเกิดโรคได้เช่นเดีย กับอ ัย ะอื่น ๆ
ก. ่วนประกอบของกระดูก กระดูกประกอบด้ ยชั้นต่าง ๆ 3 ชั้น
(1) ชั้นนอก ลัก ณะแข็ง บางชิ้นอาจจะ นา รือบาง ขึ้นอยู่กับ น้าที่และตาแ น่งของกระดูกในร่างกาย
(2) ชั้นกลาง ลัก ณะเป็นรูพรุนคล้ายฟองน้า
(3) ชั้นใน คือ ่ นที่เป็นช่อง ่างของกระดูก ในชั้นนี้จะมีไขกระดูก
- ไขกระดูก ีแดง ทา น้าที่ ร้างเม็ดโล ิตแดงและเม็ดโล ิตขา
- ไขกระดูก ีเ ลือง ทา น้าที่ช่ ยซ่อมแซมกระดูกเมื่อกระดูก ัก

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


-4-

ข. การแบ่งชนิดของกระดูกตามลักษณะ
(1) กระดูกยา เช่น กระดูกขา น้าตอนบน กระดูกขา น้าตอนล่าง กระดูกขา ลังตอนบน และกระดูก
ขา ลังตอนล่าง เป็นต้น
(2) กระดูก ั้น เช่น กระดูกนิ้ เป็นต้น
(3) กระดูกแบนเช่น กระดูก ะบัก และกระดูกเชิงกราน เป็นต้น
(4) กระดูกเป็นโพรง เช่น กะโ ลก ีร ะ เป็นต้น
(5) กระดูกเป็นก้อน เช่น กระดูก ะบ้า
(6) กระดูกลัก ณะอื่น ๆ เช่น กระดูก ัน ลัง เป็นต้น
ค. การแบ่งชนิดของกระดูกตามหน้าที่ แบ่งได้เป็น 2 ประเภท
(1) กระดูกแกนกลางของร่างกาย (AXIAL SKELETON) ได้แก่กระดูกต่างๆ ที่อยู่ตรงกึ่งกลางลาตั ได้แก่
(ก) กะโ ลก (SKULL) คือกระดูกที่ ่อ ุ้ม มองเพื่อป้องกันการถูกกระแทก ประกอบด้ ย ่ นที่เป็น
ีร ะ (CRANIAL PORTION) กับ ่ นที่เป็นใบ น้า (FACIAL PORTION)
(ข) กระดูก ัน ลัง (VERTEBRAL COLUMN) คือกระดูกที่เป็นแกนกลางของลาตั ได้แก่กระดูกที่ต่อ
จากกะโ ลกออกมา แบ่งตามตาแ น่งที่อยู่ได้เป็นกระดูกบริเ ณคอ, กระดูกบริเ ณอก, กระดูกบริเ ณ ลั ง
และเอ , กระดูกบริเ ณก้น และกระดูก าง
กระดูก ัน ลังใน ุนัขมีทั้ง มด 50 - 52 ชิ้น แบ่งออกเป็น
- กระดูกบริเ ณคอ (CERVICAL VERTEBRAE) จาน น 7 ชิ้น
- กระดูกบริเ ณอก (THORACIC VERTEBRAE) จาน น 13 ชิ้น
- กระดูบริเ ณ ลังและเอ (LUMBAR VERTEBRAE) จาน น 7 ชิ้น
- กระดูกบริเ ณก้น (SACRAL VERTEBRAE) จาน น 3 ชิ้น
- กระดูก าง (COCCYGEAL VERTEBRAE) จาน น 20 - 22 ชิ้น
ดังนั้น เขียนเป็น ูตรกระดูก ัน ลังของ ุนัขได้คือ C7T13L7S3Cy20-22
(ค) กระดูกซี่โครง (RIBS) เป็นกระดูกแบน เล็กและยา ประกอบด้ ย 2 ่ น คือ ่ นที่เป็นกระดูก
แข็งซึ่งเกาะติดกับกระดูก ัน ลังบริเ ณอก (THORACIC VERTEBRAE) ทั้ง องด้าน กับ ่ นที่เป็นกระดูกอ่อน
ซึ่งเกาะติดกับกระดูกอก (STERNUM) ดังนั้น ุนัขจะมีกระดูกซี่โครงร ม 13 คู่ รือ 26 อัน ทา น้าที่ป้องกัน
อ ัย ะในช่องอก

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


-5-
(ง) กระดูกอก (STERNUM) มีลัก ณะเป็นแผ่นอยู่ตรงกลางลาตั บริเ ณช่องอก เป็นที่ยึดเกาะของ
กระดูกซี่โครง ( ่ นที่เป็นกระดูกอ่อน) ทั้ง องด้าน
(2) กระดูกรยางค์ (APPENDICULAR SKELETON) ได้แก่กระดูกขา น้า และกระดูกขา ลัง
(ก) กระดูกขา น้า ประกอบด้ ย
1) กระดูก ะบัก (SCAPULA) เป็นกระดูกแผ่นแบน ๆ รูปคล้าย ามเ ลี่ยม ยึดติดกับลาตั ด้ ย
กล้ามเนื้อ ตอนล่างของกระดูก ะบักจะต่อกับกระดูกขา น้าตอนบนบริเ ณที่เรียก ่า ั ไ ล่
2) กระดูกขา น้าตอนบน (HUMERUS) เป็นกระดูกรูปร่างยา ั กระดูกด้านบนจะต่อกับ
กระดูก ะบัก ่ นกระดูกด้านล่างจะต่อกับกระดูกขา น้าตอนล่างบริเ ณที่เรียก ่า ข้อ อก
3) กระดูกขา น้าตอนล่างประกอบด้ ย กระดู กยา 2 ชิ้น ชิ้นที่ใ ญ่ก ่าเรียก ่ากระดูกเรเดีย
(RADIUS) ซึ่งปลายตอนบนจะต่อกลับกระดูกขา น้าตอนบนตรงบริเ ณข้อ อก ่ นชิ้นที่เล็กก ่าเรียก ่า
กระดูกอัลน่า (ULNA) บริเ ณ ่ นปลายล่างของกระดูกทั้ง องชิ้นนี้จะต่อกับกระดูกข้อมือ
4) กระดูกข้อมือ (CARPUS) เป็นกระดูกชิ้นเล็ก ๆ องแถ อยู่ระ ่างกระดูกขา น้าตอนล่าง
กับกระดูกฝ่ามือ
5) กระดูกฝ่ามือ (METACARPUS) ใน ุนัขมี 5 ชิ้นเรียงกัน
6) กระดูกนิ้ มือ (PHALANGE) ใน ุนัขมี 5 นิ้ ประกอบด้ ยกระดูกนิ้ ละ 3 ชิ้น
(ข) กระดูกขา ลัง ประกอบด้ ย
1) กระดูกเชิงกราน (PELVIC GIRDLE) เกิดจากกระดูก 3 ชิ้น มาเรียงต่อกัน (ILIUM ISCHIUM
และ PUBIS) ทาใ ้เกิดเป็นช่อง ่างตรงกลางลัก ณะค่อนข้างกลม เรียก ่าช่องเชิงกราน (PELVIC CAVITY) ซึ่ง
ใน ุนัขเพ เมีย เมื่อคลอดลูก ลูกจะเคลื่อนจากปีกมดลูกผ่านช่องเชิงกรานนี้ออกมา และบริเ ณด้ านข้างของ
กระดูกเชิงกรานทั้ง องด้านจะมีรอยเ ้าเป็นแอ่ง ซึ่งเป็นตาแ น่งที่ต่อกับกระดูกขา ลังตอนบน เรียกตาแ น่ง
ดังกล่า นี้ ่า ข้อตะโพก
2) กระดูกขา ลังตอนบน (FEMUR) เป็นกระดูกรูปร่างยา ่ น ั กระดูกด้านบนจะต่อกับ
กระดูกเชิงกรานที่ข้อตะโพก และกระดูก ่ นล่างจะต่อกับกระดูกขา ลังตอนล่างตรงบริเ ณที่เรียก ่า ั เข่า
3) กระดูก ะบ้า (PATELLA) เป็นกระดูกรูปไข่ขนาดเล็ก ๆ อยู่ที่บริเ ณด้าน น้าของ ั เข่า
4) กระดูกขา ลังตอนล่าง ประกอบด้ ย กระดูก 2 ชิ้น ขนาดแตกต่างกัน ชิ้นที่ขนาดใ ญ่ก ่า
เรียก ่ากระดูกทิเบีย (TIBIA) ่ นชิ้นที่เล็กก ่าเรียก ่ากระดูกฟิบูล่า (FIBULA) ปลายด้านบนของกระดูกทั้ง อง
ชิ้นจะติดต่อกับกระดูกขา น้าตอนบนที่บริเ ณ ั เข่า ่ นปลายด้านล่างของกระดูกจะต่อกับกระดูกข้อเท้า
5) กระดูกข้อเท้า (TARSUS) เป็นกระดูกชิ้นเล็ก ๆ องแถ อยู่ระ ่างกระดูกขา ลังตอนล่าง
กับกระดูกฝ่าเท้า
6) กระดูกฝ่าเท้า (METATARSUS) ลัก ณะเช่นเดีย กับกระดูกฝ่ามือ
7) กระดูกนิ้ เท้า (PHALANGE) ลัก ณะเช่นเดีย กับขา น้า
ง. ข้อต่อ (JOINT)
ข้อต่อคือ บริเ ณที่กระดูก 2 ชิ้นมาต่อกัน ซึ่งตรงบริเ ณรอยต่อดังกล่า อาจจะเคลื่อนไ ได้อย่างอิ ระ
รือเคลื่อนไ ได้เล็กน้อย รือเคลื่อนไ ไม่ได้เลย ขึ้นอยู่กับลัก ณะการเชื่อมต่อของกระดูกที่แตกต่างกัน
ข้อต่อที่เคลื่อนไ ได้อย่างอิ ระ เช่น ข้อ อกและ ั เข่า
ข้อต่อที่เคลื่อนไ ได้เล็กน้อย เช่น ข้อต่อกระดูก ัน ลัง และข้อต่อภายในกระดูกเชิงกราน
ข้อต่อที่เคลื่อนไ ไม่ได้ เช่น ข้อต่อภายในกะโ ลก ีร ะ
จ. ข้อต่อที่สาคัญในร่างกายสุนัข
(1) ข้อต่อบริเ ณกะโ ลก ีร ะ
- ข้อต่อขากรรไกร (กะโ ลก ีร ะกับขากรรไกรล่าง)
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
-6-
- ข้อต่อท้ายทอย (กะโ ลก ีร ะกับกระดูกคอ)
(2) ข้อต่อบริเ ณขา น้า
- ั ไ ล่ (SHOULDER JOINT) กระดูก ะบัก กับกระดูกขา น้าตอนบน
- ข้อ อก (ELBOW JOINT) กระดูกขา น้าตอนบน กับกระดูกขา น้าตอนล่าง
- ข้อมือ (กระดูกขา น้าตอนล่าง กับกระดูกข้อมือ)
(3) ข้อต่อบริเ ณขา ลัง
- ข้อตะโพก (HIP JOINT) กระดูกเชิงกราน กับกระดูกขา ลังตอนบน
- ั เข่า (STIFLE JOINT) กระดูกขา ลังตอนบน กับกระดูกขา ลังตอนล่าง
- ข้อเท้า (กระดูกขา ลังตอนล่าง กับกระดูกข้อเท้า)

3. ระบบกล้ามเนื้อ (MUSCULAR SYSTEM)


กล้ามเนื้อเป็นอ ัย ะชนิด นึ่งของร่างกายซึ่ง ามารถพบได้ทั่ ร่างกาย ร มทั้งอ ัย ะภายในร่างกายบาง
อ ัย ะทา น้าที่ในการยึดและ ดตั เพื่อใ ้เกิดการเคลื่อนไ ่ นต่าง ๆ ของร่างกายได้
กล้ามเนื้อแต่ละมัดจะถูก ุ้มด้ ยแผ่นของพังผืด (FASCIA) กล้ามเนื้อเ ล่านี้จะมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันตาม
ตาแ น่ง รูปร่าง น้าที่ รือลัก ณะการทางาน
กล้ามเนื้อแต่ละมัดจะประกอบด้ ย ่ นต่าง ๆ คือ
ORIGIN คือ ่ นปลายของกล้ามเนื้อที่ยึดติดกับตาแ น่งอ ัย ะที่ไม่ต้องการใ ้เคลื่อนไ
BELLY คือ ่ นที่เป็นมัดของกล้ามเนื้อ
INSERTION คือ ่ นปลายของกล้ามเนื้อที่ยึดติดกับตาแ น่งของอ ัย ะที่ต้องการใ ้เคลื่อนไ
กล้ ามเนื้ อ ่ นใ ญ่ จะยึ ด ติด กับ กระดูก โดย ่ นปลายของกล้ า มเนื้ อที่ เกาะติด กั บ กระดูก คือ เอ็ น
(TENDON)

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


-7-

ก. ประเภทของกล้ามเนื้อ แบ่งตามลัก ณะการทางานได้ 2 ประเภท


(1) กล้ามเนื้อในอานาจจิตใจ (VOLUNTARY MUSCLE)
เป็ น กล้ า มเนื้ อ ที่ ท างานภายใต้ ก ารค บคุ ม ของ มองโดยผ่ า นค า ั่ ง มาตามเ ้ น ประ าท ซึ่ ง าก
เ ้นประ าท ่ นใดเ ีย าย รือเ ื่อม ภาพ จะทาใ ้อ ัย ะใน ่ นที่ถูกค บคุมนั้นเกิดอาการที่เรียก ่าอัมพาต
กลุ่มกล้ามเนื้อเ ล่านี้ได้แก่กล้ามเนื้อลาย เช่น กล้ามเนื้อขา น้าและขา ลัง และกล้ามเนื้อตา เป็นต้น
กล้ามเนื้อในอานาจจิตใจ จะทางานเป็นลัก ณะคู่ และทางานตรงข้ามกัน เช่น ในการเคลื่อนไ ของ
อ ัย ะ กล้ามเนื้อด้าน นึ่งจะทา น้าที่ในการ ดตั ่ นกล้ามเนื้อด้านตรงข้ามกันจะทา น้าที่ในการยืดตั
(2) กล้ามเนื้อนอกอานาจจิตใจ (INVOLUNTARY MUSCLE)
เป็นกล้ามเนื้อที่ทางานได้เองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องใ ้ มองค บคุม รือ ั่งงานแต่อย่างใด ได้แก่กล้ามเนื้อ
เรียบทั้ง มด เช่น กล้ามเนื้อ ั ใจ กล้ามเนื้อที่อ ัย ะในระบบทางเดินอา าร เป็นต้น
ข. กลุ่มของกล้ามเนื้อที่สาคัญในร่างกาย
(1) กล้ามเนื้อบริเ ณ ีร ะ
เป็ น กล้ า มเนื้ อ มั ด เล็ ก ๆ ท า น้ า ที่ เ กี่ ย กั บ การเคลื่ อ นไ ของ ู แ ละตา การเคี้ ย การกลื น การ
เคลื่อนไ ของใบ น้าและปาก เป็นต้น
(2) กล้ามเนื้อบริเ ณลาคอ
ทา น้าที่เกี่ย กับการเคลื่อนไ ของ ีร ะ และการทาใ ้เกิดเ ียง เป็นต้น
(3) กล้ามเนื้อบริเ ณขา น้า
ทา น้าที่เกี่ย กับการเคลื่อนไ ของ ั ไ ล่ ข้อ อก ข้อมือ และนิ้ เท้า
(4) กล้ามเนื้อบริเ ณ ัน ลัง
เป็นกล้ามเนื้อที่เกาะอยู่กับกระดูก ัน ลัง ทา น้าที่ในการทรงตั มุนตั และกลับตั เป็นต้น
(5) กล้ามเนื้อบริเ ณท้อง
เป็นกล้ามเนื้อชิ้นใ ญ่แต่บาง ทา น้าที่ช่ ยในการ ายใจด้ ยท้อง
ภายในร่างกาย จะมีกล้ามเนื้อลัก ณะเป็นแผ่นใ ญ่ ซึ่งจะกั้นแบ่งใ ้ช่องอกกับช่องท้องแยกจากกัน
และทา น้าที่ช่ ยในการ ายใจ เรียกกล้ามเนื้อนี้ ่า “กระบังลม” (DIAPHRAM)
(6) กล้ามเนื้อบริเ ณขา ลัง
ทา น้าที่เกี่ย กับการเคลื่อนไ ข้อตะโพก ั เข่า ข้อเท้า และนิ้ เท้า
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
-8-
ที่บริเ ณด้าน ลังของขา ลังตอนล่างจะมีกล้ามเนื้อมัดใ ญ่เรียก ่า กล้ามเนื้อน่อง ซึ่งกล้ามเนื้อมัดนี้จะ
มีเอ็นที่ าคัญอยู่ที่ปลายของกล้ามเนื้อ เป็นเอ็นที่มีลัก ณะเ ้นใ ญ่และเกาะติดกับกระดูก ้นเท้าเรียก ่า เ อ็น
ร้อย าย (ACHILLES TENDON)
4. ระบบทางเดินอาหาร (ALIMENTARY SYSTEM / DIGESTIVE SYSTEM)
ระบบทางเดินอา าร รือระบบย่อยอา าร จะประกอบด้ ยอ ัย ะต่าง ๆ แต่ละ ่ นติดต่อกันเป็นทาง
ยา ตั้งแต่ ่ นต้นจนถึง ่ นท้าย มีลัก ณะคล้ายท่อ ภายนอก ่อ ุ้มด้ ยกล้ามเนื้อ ่ นภายในบุด้ ยเยื่อชุ่ม
(MUCOUS MEMBRANE)

ก. หน้าที่ของระบบทางเดินอาหาร
(1) ่งอา ารเข้า ู่ร่างกาย
(2) บดและย่อยอา าร
(3) ขับถ่ายกากอา ารออกจากร่างกาย

ข. อวัยวะในระบบทางเดินอาหารได้แก่
- ปาก เป็น ่ นต้นของระบบทางเดินอา าร ประกอบด้ ย
- ลิน้ เป็นกล้ามเนื้อแผ่น นา ๆ ทา น้าที่ในการต ัดและคลุกเคล้าอา ารภายในปาก และทา น้าที่ใน
การรับร อา ารโดยอา ัยอ ัย ะลัก ณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ บนลิ้น ที่เรียก ่า “ต่อมรับร ” (TASTE BUD) ซึ่งต่อม
รับร ชนิด นึ่งจะรับร อา ารได้ร นึ่ง ร อา ารที่รับได้คือ ร เปรี้ย าน เค็ ม และขม ่ นร อื่น ๆ ที่รู้ ึก
ได้นั้น เป็นค ามรู้ ึกที่ผ มผ านกันระ ่างร ทั้ง 4 นี้
นอกจากนี้ลิ้นยังทา น้าที่อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ย ข้องกับระบบทางเดินอา าร คือช่ ยทาใ ้เกิดเ ียงต่าง ๆ
- ต่อมน้าลาย มี 3 คู่ ทุกคู่จะมีช่องเปิดภายในปากทา น้าที่ ร้างน้าลาย เพื่ อทาใ ้อา ารเปียกและ
ร มเป็นก้อน นอกจากนี้น้าย่อยในน้าลายยังทา น้าที่ย่อยอา ารประเภทแป้งใ ้เป็นน้าตาล
- ฟัน เป็นอ ัย ะที่ทา น้าที่ในการตัด ฉีก และบดอา ารในช่องปากเพื่อใ ้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อน ่ง
อา ารลงไปทาการย่อยต่อที่กระเพาะอา าร
ฟันแบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ ตามลัก ณะและ น้าที่ ดังนี้.-
ฟันตัด (INCISOR = I)
ฟันฉีก (CANINE = C)
ฟันกรามเล็ก (PREMOLAR = P)
ฟันกรามใ ญ่ (MOLAR = M)
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
-9-
ฟัน ุนัขมี 2 ชุด คือ
1. ฟันน้านม ใน ุนัขมี ๒๘ ซี่ ได้แก่
2 ( I 3/3 , C 1/1 , P 3/3 )
2. ฟันแท้ ใน ุนัขมี 40 – 42ซี่ ได้แก่
2 ( I 3/3 , C 1/1 , P 4/4 , M 2/2-3 )

คอ อย เป็นทางผ่านของอา ารจากปากเข้า ู่ ลอดอา าร


ลอดอา าร (ESOPHAGUS) เป็นอวัยวะที่อยู่ระ ว่างคอ อยกับกระเพาะอา าร ลัก ณะเป็นท่อซึ่ง
่อ ุ้มด้วยกล้ามเนื้อ ทา น้าที่เป็นทางผ่านของอา ารจากคอ อยลง ู่ กระเพาะอา าร โดยวิธีการบีบและคลาย
ตัวของกล้ามเนื้อเป็นจัง วะ ซึ่งอา ารจะไม่ถูกย่อย รือถูกดูดซึมใน ลอดอา ารนี้แต่อย่างใด
กระเพาะอา าร (STOMACH) เป็นอวัยวะ ่วน นึ่งของระบบทางเดินอา ารที่ขยายใ ญ่ ซึ่งอยู่ต่อจาก
ลอดอา าร ใน ุนัขจะมีกระเพาะอา ารเพียงกระเพาะเดียว
ภายในกระเพาะอา ารจะมีต่อม า รับ ร้างน้าย่อยต่าง ๆ เพื่อช่วยย่อยอา ารแต่ละชนิด เช่น ย่อย
โปรตีน ย่อยไขมัน และย่อยน้านม เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีกรดเกลือที่จะทาใ ้ภายในกระเพาะอา ารมี ภาพ
เป็นกรดซึ่งเ มาะต่อการย่อยอา าร
ที่ผนั งภายนอกของกระเพาะอา ารจะมีเ ้นโล ิ ตมากมายซึ่งจะทา น้าที่ดูดซึมอา ารที่ย่อยอย่าง
มบูรณ์แล้วจากกระเพาะอา ารเพื่อไปเลี้ยง ่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
อา ารที่ผ่านจาก ลอดอา ารจะเข้า ู่กระเพาะอา ารเพื่อทาการย่อย อา ารบาง ่วนจะถูกย่อยจนมี
ขนาดเล็กที่ ุด และจะถูกดูดซึมเข้า ู่กระแ โล ิต ่วนอา ารที่เ ลื อที่ยังถูกย่อยไม่ มบูรณ์ จะไ ลเข้า ู่ลาไ ้
เล็กเพื่อทาการย่อยต่อไป
ลาไ ้เล็ก (SMALL INTESTINE) เป็นอวัยวะในระบบทางเดินอา ารที่อยู่ต่อจากกระเพาะอา าร มี
ลัก ณะเป็นท่อยาวขดไปมาในช่องท้อง ซึ่งใน ุนัขจะมีความยาวประมาณ 13 ฟุต รือ 4เท่าของความยาวลาตัว
ลาไ ้เล็ก จะแบ่งออกเป็น 3 ่วน คือ
1. ลาไ ้เล็ก ่วนต้น (DUODENUM) เป็น ่วนที่ต่อมาจากกระเพาะอา าร ที่บริเวณนี้จะมีท่อน้าดี ซึ่งนา
น้าดีจากถุงน้ าดีในตับมาเพื่อใช้ในการย่ อยไขมัน และนอกจากนั้นยังมีท่อที่นาน้าย่ อยที่เรีย กว่า “อินซูลิ น ”
(INSULIN) และน้าย่อยอื่น ๆ จากตับอ่อน มาออกที่ลาไ ้เล็ก ่วนนี้อีกด้วย
2. ลาไ ้เล็ก ่วนกลาง (JEJUNUM) เป็น ่วนที่ต่อมาจากลาไ ้เล็ก ่วนต้น จะมีความยาวมากที่ ุด
3. ลาไ ้เล็ก ่วนปลาย (ILEUM) เป็น ่วน ุดท้ายของลาไ ้เล็กที่ต่อมาจากลาไ ้เล็ก ่วนกลางและจะไป
เชื่อมต่อกับลาไ ้ใ ญ่

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 10 -
ลาไ ้เล็กจะทา น้าที่ในการย่อยอา ารที่เ ลือทั้ง มดจากการย่อยที่ยังไม่ มบูรณ์จากกระเพาะอา าร
และอา ารที่ถูกย่อยจน มบูร ณ์แล้ว จะถูกดูดซึมเข้า ู่ กระแ โล ิ ต เพื่อนาไปเลี้ ยง ่ ว นต่าง ๆ ของร่างกาย
า รับ ่วนที่เ ลือจากการย่อยที่เรียกว่า “กากอา าร” จะเคลื่อนไปเข้า ู่ลาไ ้ใ ญ่ต่อไป
ตับ (LIVER) เป็นอวัยวะในระบบทางเดินอา ารมีลัก ณะเป็นก้อน ๆ ลายก้อนอยู่รวมกัน แต่ละก้อน
จะมีขนาดแตกต่างกันไป ปกติจะมี ีน้าตาลเข้ม
ภายในตับจะมีถุงน้าดี (GALL BLADDER) ซึ่งมี น้าที่ในการ ร้างน้าดี (BILE) เพื่อใช้ในการย่อยไขมันที่
ลาไ ้เล็ก โดยจะไ ลไปตามท่อน้าดี (BILE DUCT) จากถุงน้าดีไปออกที่ลาไ ้เล็ก ่วนต้น
น้าที่ของตับ โดยทั่ว ๆ ไป คือ
- ร้างน้าดี
- ทาลาย ารที่เป็นพิ
- ะ มน้าตาล ธาตุเ ล็ก และวิตามินดี
ตับอ่อน (PANCREAS) เป็นอวัยวะที่อยู่บริเวณด้านข้างของลาไ ้เล็ก ่วนต้น มี น้าที่ในการ ร้างน้าย่อย
เพื่อใช้ย่อยโปรตีน ย่อยไขมัน และนอกจากนั้นยังมี น้าที่ ร้าง “อินซูลิน” อีกด้วย
ลาไ ้ใ ญ่ (LARGE INTESTINE) เป็นอวัยวะที่อยู่ต่อจากลาไ ้เล็ก ่วนปลาย มีลัก ณะเป็นท่อคล้าย
ลาไ ้เล็ก แต่มีขนาดใ ญ่กว่าและ ั้นกว่าลาไ ้เล็ก
ลาไ ้ใ ญ่จะรับกากอา ารที่เ ลือจากการย่อยโดยลาไ ้เล็กมาเก็บ ะ มไว้ภาย ลังจากการดูดน้าออก
จากกากอา ารแล้ว กากอา ารเ ล่านี้จะถูกขับออกจากร่างกายทางทวาร นักเป็นอุจจาระ
ค. รุปการทางานของระบบทางเดินอา าร
เมื่อ ุนัขกินอา ารเข้า ู่ปาก ลิ้นจะคลุกเคล้าอา ารใ ้เข้ากันและเป็นก้อนโดยมีน้าลายเป็นตัวช่วย ฟัน
จะบดเคี้ยวอา ารใ ้มีขนาดเล็กลง น้าย่อยในน้าลายจะช่วยย่อยอา ารบาง ่วน แต่จะไม่มีการดูดซึมอา ารใน
ช่องปาก จากนั้นอา ารจะเคลื่อนผ่าน ลอดอา ารไปเข้า ู่กระเพาะอา าร โดยไม่มีการดูดซึมอา ารใน ลอด
อา ารเช่นกัน ที่กระเพาะอา ารจะย่อยอา ารได้และถูกดูดซึมไปบาง ่วน การย่อยและดูดซึมอา าร ่วนที่
เ ลือจะ มบูรณ์ที่ลาไ ้เล็ก กากอา ารที่เ ลือจะผ่านไปถึงลาไ ้ใ ญ่ จากนั้นกากอา ารจะ ะ มและถูกขับออก
จากร่างกายทางทวาร นัก
5. ระบบวงจรโล ิต (VASCULAR SYSTEM)
ก. ระบบโล ิต (BLOOD VASCULAR SYSTEM)
ประกอบด้วย ่วนต่าง ๆ ดังนี้.-
(1) ัวใจ (HEART) ลัก ณะคล้ายดอกบัวคว่า ่อ ุ้มด้วยกล้ามเนื้อ ภายในแบ่งออกเป็น 4 ้อง
ตาแ น่งที่อยู่คือบริเวณซี่โครงซี่ที่ 3 – 6 และค่อนมาทางด้านซ้าย ่วนประกอบของ ัวใจได้แก่
- เยื่อ ุ้ม ัวใจ (PERICARDIUM) เป็นถุง 2 ชั้น ภายในมีของเ ลวเล็กน้อย ทา น้าที่เป็นตัว
ล่อลื่น ป้องกันการเ ียด ีในระ ว่างการเคลื่อนไ วของ ัวใจ
-ผนัง ัวใจ แบ่งออกเป็น 3 ชัน้ คือ
ชั้นนอก (EPICARDIUM) เป็นชั้นที่บาง
ชั้นกลาง (MYOCARDIUM) เป็นชั้นกล้ามเนื้อ นามาก กล้ามเนื้อ ัวใจด้านซ้ายจะ นากว่าด้านขวา
ชั้นใน (ENDOCARDIUM) เป็นชั้นที่บาง

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 11 -

- ้อง ัวใจ แบ่งออกเป็น ้องด้านซ้ายและ ้องด้านข า แยกจากกันอย่าง มบูรณ์ และใน ้อง


แต่ละด้านนี้จะแบ่งเป็น ้องบนกับ ้องล่าง ซึ่งจะมีผนังกั้นแบ่ง แต่มีช่องที่ทะลุถึงกันได้
- ลิ้น ัวใจ เป็น ่ นที่ช่ ยกั้นแบ่งบริเ ณช่องที่อยู่ระ ่าง ั ใจ ้องบนกับ ้องล่าง ซึ่งตามปกติ
ลิ้น ั ใจจะยอมใ ้โล ิตไ ลผ่านออกไปได้ แต่จะปิดกั้นไม่ใ ้โล ิตไ ลย้อนกลับ ลิ้น ั ใจที่กั้นแบ่งระ ่าง ั ใจ
้องบนข ากับ ้องล่างข า จะเป็น แผ่นบาง ๆ 3 แผ่น เรียก ่า TRICUSPID VALVES ่ นลิ้น ั ใจที่กั้นแบ่ง
ระ ่าง ั ใจ ้องบนซ้ายกับ ้องล่างซ้าย เรียก ่า BICUSPID VALVES รือ MITRAL VALVES
(2) โล ิตแดง คือ โล ิตที่จะนาก๊าซออกซิเจนและอา ารจาก ั ใจไปเลี้ยง ่ นต่าง ๆ ของร่างกาย
(3) โล ิตดา คือ โล ิตที่จะรับเอาของเ ียที่เกิดจากการทางานของร่างกายและก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์
จาก ่ นต่าง ๆ กลับเข้า ู่ ั ใจ
(4) เ ้นโล ิตแดง (ARTERIES) มีลัก ณะเป็นท่อยา ๆ ซึ่งจะออกจาก ั ใจเพื่อนาพาโล ิตแดงไปยัง
อ ัย ะต่าง ๆ ยกเ ้นเ ้นโล ิตที่นาโล ิตดาจาก ั ใจไปฟอกที่ปอด
เ ้นโล ิตแดงจะมีตั้งแต่ขนาดใ ญ่ที่ ุดจนถึงขนาดเล็กที่ ุดเรียก ่าเ ้นโล ิตฝอย (CAPILLARIES)
เ ้นโล ิตแดงขนาดใ ญ่จะมีผนัง นาและยืด ยุ่นได้ซึ่งจะเป็นตั ปรับระดับค ามดันโล ิต เมื่อ ั ใจบีบ
ตั จะ ่งโล ิตไปตามเ ้นโล ิตแดงทาใ ้เกิดชีพจร (PULSE) และใน ุนัขจะตร จได้จากเ ้นโล ิตชื่อ FEMORAL
ARTERY ที่บริเ ณด้านในของโคนขา ลังตอนบน
เ ้นโล ิตฝอยจะมีขนาดเล็กมากเพียงแต่ใ ้เม็ดโล ิตแดงผ่านไปได้ในลัก ณะแถ เรียงเดีย มีอยู่ทั่ ไป
ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ เป็นร่างแ เป็นตั แลกเปลี่ยนก๊าซ อา ารและของเ ียระ ่างโล ิตกับเนื้อเยื่อของร่างกาย
(5) เ ้นโล ิตดา (VEINS) เป็นเ ้นโล ิตที่ออกจากอ ัย ะต่าง ๆ เพื่อนาพาโล ิตดากลับเข้า ู่ ั ใจ
ยกเ ้นเ ้นโล ิตที่นาโล ิตแดงที่ฟอกแล้ จากปอดไปยัง ั ใจ
เ ้นโล ิตดามักจะมีขนาดใ ญ่ก ่าเ ้นโล ิตแดง แต่ผนังบางก ่า ลัก ณะพิเ ของเ ้นโล ิตดาคือ มี
ลิ้นเพื่อใ ้โล ิตดาไ ลเข้า ู่ ั ใจได้โดยไม่ ามารถไ ลย้อน ลับ
ระบบโล ิต แบ่งออกได้เป็น 3 ระบบย่อย คือ
- ระบบการนาโล ิตจาก ั ใจไป ู่เนื้อเยื่อ ่ นต่าง ๆ ของร่างกาย ร มทั้งการนาโล ิตจากเนื้อเยื่อ ่ น
ต่าง ๆ นั้นกลับเข้า ู่ ั ใจ (SYSTEMIC CIRCULATION)

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 12 -
- ระบบการนาโล ิตจาก ั ใจไป ู่ปอดเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนกับคาร์บอนไดออกไซด์ แล้ ไ ล
กลับเข้า ู่ ั ใจ (PULMONARY CIRCULATION)
- ระบบการรับโล ิตจากระบบทางเดินอา าร แล้ นามาผ่านตับเพื่อกาจัด ารพิ และของเ ีย ร มทั้ง
กัด ารที่มีประโยชน์ไ ้ในตับแล้ จึงผ่านโล ิตไปที่ ั ใจ (PORTAL CIRCULATION)
หน้าที่ของโลหิต
- นาออกซิเจนจากปอดไปยังอ ัย ะต่าง ๆ และรับคาร์บอนไดออกไซด์จากอ ัย ะต่าง ๆกลับ ู่ปอด
- นาอา ารที่ย่อยแล้ จากระบบทางเดินอา ารไปเลี้ยง ่ นต่าง ๆ ของร่างกายและรับของเ ียจาก
อ ัย ะต่าง ๆ เพื่อขับถ่ายออกจากร่างกาย
- ช่ ยค บคุมอุณ ภูมิของร่างกาย
- ช่ ยป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ของร่างกาย
ขบวนการไหลเวียนของโลหิต
- โล ิตดาจากเนื้อเยื่อของอ ัย ะต่าง ๆ ในร่างกายไ ลกลับเข้า ู่ ั ใจ ้องบนด้านข า โดยโล ิตดาจาก
่ น ีร ะและขา น้าจะไ ลเข้าทาง ANTERIOR VENA CAVA และโล ิตดาจาก ่ นท้ายของลาตั และขา ลัง
จะไ ลเข้าทาง POSTERIOR VENA CAVA
- โล ิตดาจะไ ลจาก ั ใจ ้องบนข า ผ่านลิ้น ั ใจ (TRICUSPID VALVE) ไปที่ ั ใจ ้องล่างข า
- โล ิตดาจะออกจาก ั ใจ ้องล่างข าไปที่ปอดเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กับออกซิเจน
ทาใ ้โล ิตดากลายเป็นโล ิตแดง
- โล ิตแดงจากปอดจะไ ล ลับเข้า ู่ ั ใจที่ ้องบนซ้าย
- โล ิตแดงจะไ ลจาก ั ใจ ้องบนซ้าย ผ่านลิ้น ั ใจ (BICUSPID VALVE) เข้า ู่ ั ใจ ้องล่างซ้าย
- เมื่อ ั ใจบีบตั โล ิตจะถูก ูบฉีดจาก ั ใจ ้องล่างซ้ายเข้า ู่เ ้นโล ิตแดงใ ญ่ (AORTA) เพื่อ ่ง
ต่อ ๆ กัน ไปเลี้ยงอ ัย ะต่าง ๆ ของร่างกาย
ข. ระบบน้าเหลือง (LYMPHATIC SYSTEM)
ประกอบด้ ย ่ นต่าง ๆ ดังนี้.-
(1) น้าเหลือง (LYMPH) เป็นของเ ล ที่พบอยู่ในระ ่างเซลของร่างกาย มี น้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซ
อา ารและของเ ียระ ่างโล ิตกับเซล
(2) ท่อน้าเหลือง (LYMPH VESSELS) เป็นท่อขนาดเล็ก ๆ จาน นมาก ซึ่งจะมีลิ้น (VALVE) ไ ้เพื่อ
ป้องกันน้าเ ลืองที่อยู่ภายในท่อไ ลกลับ
(3) ต่อมน้าเหลือง (LYMPH NODES) เป็นต่อมที่อยู่บริเ ณท่อน้าเ ลือง มี น้าที่กรองน้าเ ลือง
ต่อต้าน ิ่งแปลกปลอม ร้างเม็ดโล ิตขา ประเภท LYMPHOCYTE และ ร้างภูมิคุ้มกันโรค
หน้าที่ของระบบน้าเหลือง
- เป็นตั กรองของเ ล ในร่างกาย
- กาจัด ิ่งแปลกปลอม
- ร้างภูมิคุ้มกันโรค (ANTIBODY)
ม้าม (SPLEEN) เป็นอ ัย ะคล้ายต่อมน้าเ ลือง แต่มีขนาดใ ญ่ เป็นที่ ะ มเม็ดโล ิตแดง เป็นที่ทาลาย
เม็ดโล ิตแดงที่ มดอายุ และเป็นที่ ร้างเม็ดโล ิตขา
6. ระบบหายใจ (RESPIRATORY SYSTEM)
ก. อวัยวะในระบบหายใจ ประกอบด้ ย
(1) รูจมูก (NOSTRIL) เป็นทางผ่านของอากา จากภายนอกเข้า ู่ร่างกาย

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 13 -
(2) ช่องจมูก (NASAL CAVITY) เป็น ่ นที่อยู่ต่อจากรูจมูกเข้าไป ช่องจมูกจะแบ่งออกเป็น ข้างด้ ย
กระดูกอ่อน ด้านล่างของช่องจมูกคือเพดานปาก ซึ่งจะเป็นตั กั้นใ ้จมูกและปากแยกออกจากกัน ภายในช่อง
จมูกจะมีขน ทา น้าที่ในการกรองอากา ก่อน ายใจเข้า ู่ร่างกาย
(3) คอ อย (PHARYNX) เป็น ่ นที่อยู่ในบริเ ณซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อของอ ัย ะต่าง ๆ ดังนี้
- ระบบทางเดินอา าร คอ อยจะอยู่ระ ่างปากกับ ลอดอา าร
- ระบบ ายใจ คอ อยจะอยู่ระ ่างช่องจมูกกับ ลอดลม
ดังนั้น คอ อยจึงเป็นบริเ ณเชื่อมต่อกันของระบบทางเดินอา ารและระบบ ายใจนั่นเอง
ที่บริเ ณคอ อยจะมีกระดูกอ่อนมาก ๆ (EPIGLOTTIS) ลัก ณะเ มือนลิ้น ทา น้าที่ปิดกล่อง
เ ียงเมื่อมีการกลืนน้า รืออา าร

(4) กล่องเ ียง (LARYNX) เป็น ่ นที่อยู่ระ ่างคอ อยกับ ลอดลม มี น้าที่ดังนี้.-
- ค บคุมการ ายใจเข้า - ออก
- ทาใ ้เกิดเ ียง
- ป้องกันการ ายใจเอา ิ่งแปลกปลอมเข้าไป
กล่องเ ียงของ ุนัข จะประกอบด้ ยกระดูกอ่อน ๆ 7 ชิ้น ภายในจะมี ่ นยื่นของกระดูกอ่อน
ซึ่งจะเป็นตั พยุงเยื่อบาง ๆ (VOCAL CORD) ซึ่งเมื่อมีการ ั่น ะเทือนจะทาใ ้เกิดเ ียง
(5) ลอดลมใ ญ่ (TRACHEA) เป็นอ ัย ะที่เชื่อมระ ่างกล่องเ ียงกับปอด ลัก ณะเป็นท่อกล งยา
ท่อเดีย ่ นประกอบของท่อคือกระดูกอ่อนเป็น ง ๆ ตามค ามยา ของท่อ ลอดลม
(6) ลอดลมเล็ก (BRONCHUS) คือท่อ ลอดลมที่ต่อจาก ลอดลมใ ญ่ แต่มีขนาดเล็กก ่า และแยก
ออกเป็น 2 ข้าง
(7) ลอดลมฝอย (BRONCHIOLE) คือท่อ ลอดลมที่แตก าขาออกมาจาก ลอดลมเล็ก แต่มีขนาดเล็ก
ก ่า และจะแยกจนกลายเป็น ลอดลมที่เล็กที่ ุด

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 14 -
(8) ถุงลม (ALVEOLI) ลัก ณะเป็นถุงเล็ก ๆ อยู่ปลาย ุดของทางเดิน ายใจ ถุงลมเล็ก ๆเ ล่านี้จะ
ร มกันเป็นเนื้อปอด ลายก้อน ถุงลมจะมี น้าที่เป็นอ ัย ะในการแลกเปลี่ยนระ ่างก๊าซออกซิเจนที่ได้จากการ
ายใจเข้ากับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่รับมาจากอ ัย ะต่าง ๆ
ข. การทางานของระบบ ายใจ
เมื่อร่างกาย ูดอากา จากภายนอก (ออกซิเจน) เข้า ู่ภายในร่างกายแล้ อากา จะเคลื่อนไปตามทางเดิน
ายใจ คือจากรูจมูก ช่องจมูก คอ อย ลอดลมใ ญ่ ลอดลมเล็ก ลอดลมฝอย และถุงลม ซึ่งที่นี่ จะมีการ
แลกเปลี่ ย นระ ่ างก๊ าซออกซิ เจนกั บ ก๊ า ซคาร์ บ อนไดออกไซด์ กล่ า คื อโล ิ ต ด าที่ มาจาก ั ใจจะน าก๊ า ซ
คาร์บอนไดออกไซด์มาปล่อยที่ถุงลม และรับก๊าซออกซิเจนที่ได้จากการ ายใจเข้า เข้าไปแทนทาใ ้กลายเป็นโล ิต
แดง แล้ จึงไ ลกลับ ู่ ั ใจ ่ นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถุงลม จะถูกขับออกจากร่างกายโดยการ ายใจออก

7. ระบบ ืบพันธุ์ (REPRODUCTIVE SYSTEM)


ระบบ ืบพันธุ์ของ ุนัข แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท เช่นเดีย กับ ัต ์อื่น ๆ ได้แก่ ระบบ ืบพันธุ์เพ ผู้
และระบบ ืบพันธุ์เพ เมีย

ก. ระบบ ืบพันธุ์เพศผู้ ประกอบด้ ย


(1) ลูกอัณฑะ (TESTIS) มีลัก ณะเป็นรูปไข่จาน น 2 ลูก อยู่ภายในถุง ุ้มลูกอัณฑะ ทา น้าที่ ร้างเชื้อ
ืบพันธุ์เพ ผู้ รือเชื้ออ ุจิ (SPERM) และฮอร์โมนเพ ผู้ (TESTOSTERONE)
(2) ถุง ุ้มลูกอัณฑะ (SCORTUM) เป็นผิ นังบาง ๆ ลัก ณะเป็นถุง ทา น้าที่ ่อ ุ้มลูกอัณฑะทั้ง องข้าง
(3) ท่อนาเชื้อ ืบพันธุ์เพศผู้ รือเชื้ออ ุจิ (EPIDIDYMIS) เป็นท่อขนาดเล็กต่อออกมาจากลูกอัณฑะแต่
ละข้าง ลัก ณะคดไปมา ทา น้าที่เป็นทางผ่านใ ้เชื้อ ืบพันธุ์เพ ผู้ รือเชื้ออ ุจิ (SPERM) ที่ ร้างจากลูกอัณฑะ
ผ่านไปเข้า ู่ท่อนาน้าเชื้ออ ุจิ
(4) ท่อนาน้าเชื้ออ ุจิ (VAS DEFERENS) ลัก ณะเป็นท่อที่ต่อมาจากท่อนาน้าเชื้ออ ุจิ (EPIDIDYMIS)
ทา น้าที่ ร้างน้าเลี้ยงเชื้ออ ุจิใ ้ร มกับเชื้ออ ุจิกลายเป็นน้าเชื้ออ ุจิ (SEMEN) และเป็นทางผ่านใ ้น้าเชื้ออ ุจิ
เคลื่อนลง ู่ต่อมลูก มาก
(5) ต่อมลูก มาก (PROSTATE GLAND) ลัก ณะเป็นต่อมใ ญ่อยู่ที่บริเ ณโคนของอ ัย ะ ืบพันธุ์เพ
ผู้ มี น้าที่ ร้างน้าเลี้ยงเชื้ออีก ่ น นึ่ง (PROSTATIC FLUID) ใ ้กับน้าเชื้ออ ุจิ
(5) อวัยวะ ืบพันธุ์เพศผู้ (PENIS) เป็นอ ัย ะที่ใช้ในการผ มพันธุ์ โดยการ อดใ ่เข้าไปในอ ัย ะ
ืบพันธุ์เพ เมีย ประกอบด้ ย

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 15 -
- นัง ุ้มอวัยวะ ืบพันธุ์ (PREPUCE) เป็นผิ นังบาง ๆ ่อ ุ้มอ ัย ะ ืบพันธุ์เพ ผู้ ทา น้าที่ป้องกัน
อ ัย ะ บื พันธุ์ไม่ใ ้เ ียด ี รือกระทบกระแทกโดยตรง
- กระดูก (OS PENIS) เป็นกระดูกรูปตั ี (V) ลัก ณะยา ไปตามอ ัย ะ ืบพันธุ์ ทา น้าที่ป้องกันท่อ
ปั า ะและเ ้นโล ิตในอ ัย ะ ืบพันธุ์
- กล้ามเนื้อ เป็น ่ นประกอบ ่ นใ ญ่ของอ ัย ะ ืบพันธุ์
- ท่อปั าวะ (URETHRA) ลัก ณะเป็นท่อยา ที่ต่อออกมาจากกระเพาะปั า ะ ผ่านต่อม
ลูก มาก เข้า ู่อ ัย ะ ืบพันธุ์ ทา น้าที่เป็นทั้งท่อทางผ่านของน้าปั า ะและน้าเชื้อ ืบพันธุ์ออกจากร่างกาย
ข. ระบบ ืบพันธุ์เพศเมีย ประกอบด้ ย
(1) รังไข่ (OVARY) มีลัก ณะเป็นรูปไข จาน น 1 คู่ ทา น้าที่ ร้างไข่ (เชื้อ ืบพันธุ์เพ เมีย) และ ร้าง
ฮอร์โมนเพ เมีย
(2) ท่อนาไข่ (OVIDUCT) มีลัก ณะเป็นท่อเล็กๆ แบ่งออกเป็น 3 ่ น ่ นที่ติดกับรังไข่
(INFUNDIBULUM) จะบานออกเป็นรูปปากแตร า รับรองรับไข่ที่ตกออกมาจากรังไข่ แล้ เคลื่อนไปจนถึง
่ นกลาง (MIDDLE PORTION) เพื่อรอปฏิ นธิกับเชื้อ ืบพันธุ์เพ ผู้ (SPERM) ลังจากนั้น ไข่ที่ได้รับการ
ปฏิ นธิแล้ จะเคลื่อนไปจนถึง ่ นปลาย (DISTAL PORTION) และเข้า ู่ปีกมดลูก (HORN OF UTERUS) เพื่อ
รอการฝังตั
(3) มดลูก (UTERUS) ลัก ณะเป็นท่อกล งยา แบ่งออกได้เป็น 3 ่ น
(ก) ปีกมดลูก (HORN OF UTERUS) อยู่ติดกับท่อนาไข่ ่ นปลาย (DISTAL PORTION) ทั้ง 2
ข้าง ลัก ณะเป็นท่อยา เป็นที่ฝังตั ของไข่ที่ได้รับการปฏิ นธิแล้ จนกระทั่งถึงกา นดคลอด
(ข) ตัวมดลูก (BODY OF UTERUS) เป็น ่ นตั้งแต่บริเ ณที่ปีกมดลูกทั้ง 2 ข้างมาบรรจบกัน
ไปจนถึงคอมดลูก ลัก ณะเป็นท่อตรงท่อเดีย ั้น ๆ เป็นทางผ่านของลูกจากปีกมดลูกขณะคลอด
(ค) คอมดลูก (CERVIX) เป็นอ ัย ะที่ต่อมาจากตั มดลูก ลัก ณะเป็นท่อแคบ ๆ ่อ ุ้มด้ ย
กล้ามเนื้อ ปกติตรงบริเ ณปากท่อจะปิดตลอดเ ลาโดยเฉพาะในขณะที่ตั้งท้อง ยกเ ้นเมื่อถึงกา นดคลอดปาก
ท่อจะเปิดเพื่อใ ้ของเ ล ในมดลูกและตั ลูกเคลื่อนผ่านออกไปได้
(4) อวัยวะ ืบพันธุ์เพศเมีย (VAGINA) อยู่ระ ่างคอมดลูกกับปากช่องคลอด ลัก ณะเป็นท่อกล ง ทา
น้าที่เป็นตั รับอ ัย ะ ืบพันธุ์เพ ผู้ (PENIS) เมื่อมีการผ มพันธุ์
(5) ปากช่องคลอด (VULVA) เป็นอ ัย ะ ่ นที่อยู่ด้านนอก ุดของอ ัย ะ ืบพันธุ์เพ เมีย บริเ ณผนัง
ด้านล่างจะมีช่องเปิดของท่อปั า ะออกมา

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 16 -

ค. การทางานของระบบสืบพันธุ์
น้าเชื้ออ ุจิ (SEMEN) จะถูก ลั่งออกมาจากอ ัย ะ ืบพันธุ์เพ ผู้ โดยการผ มพันธุ์ตามธรรมชาติ รือ
โดยการรีดน้าเชื้อ (MASTURBATION) เข้า ู่อ ัย ะ ืบพันธุ์เพ เมีย เชื้อ ืบพันธุ์เพ ผู้ (SPERM) จะเคลื่อนจาก
อ ัย ะ ืบพันธุ์เพ เมียไปตามคอมดลูก ตั มดลูก ปีกมดลูก และเข้า ู่ท่อนาไข่ เพื่อไปปฏิ นธิกับไข่ที่ตกออกมา
จากรังไข่ จากนั้นไข่ที่ได้รับการปฏิ นธิแล้ จะเคลื่อนจากท่อนาไข่ไปฝังตั ที่ปีกมดลูกแต่ละข้าง จนกระทั่งไข่
เจริญเติบโตเป็นตั อ่อนที่ มบูรณ์ และเมื่อครบกา นดตั อ่อนจะคลอดออกมาทางช่องคลอด

8. ระบบขับถ่ายปัสสาวะ (URINARY SYSTEM)


ระบบขับถ่ายปั า ะ ประกอบด้ ยอ ัย ะต่าง ๆ ที่ าคัญ ดังนี้.-
ก. ไต (KIDNEY) เป็นอ ัย ะที่มีลัก ณะรูปร่างคล้ายถั่ ีน้าตาลแกมแดง อยู่ตรงบริเ ณด้านข้างทั้ง 2
ด้านของกระดูก ัน ลัง ่ นท้อง โดยไตด้านข าอยู่ ูงก ่าไตด้านซ้ายเล็กน้อย เนื้อไตมี 2 ชั้น คือ
- ชั้นนอก (CORTEX) เป็น ่ นเนื้อไตที่อยู่ด้านนอก ประกอบด้ ย น่ ยเล็ก ๆ จาน นมาก ซึ่งทา น้าที่
ในการกรองของเ ียจากโล ิตซึ่งเกิดจากการทางานของร่างกาย
- ชั้นใน (MEDULLA) เป็น ่ นเนื้อไตที่อยู่ด้านในถัดจากเนื้อชั้นนอกเข้ามา ประกอบด้ ยท่อเล็ก ๆ
ซึ่งทา น้าที่รองรับน้าปั า ะที่ได้จากการกรองของเ ียจากโล ิต และร มกันไ ลเข้า ู่ท่อไต
ข. ท่อไต (URETER) เป็นท่อเล็ก ๆ ซึ่งต่อออกมาจากไตชั้นในทั้ง 2 ข้าง มี น้าที่นาน้าปั า ะจากไตไป ู่
กระเพาะปั า ะ
ค. กระเพาะปัสสาวะ (URINARY BLADDER) เป็นอ ัย ะที่มีลัก ณะเป็นถุง ผนังของกระเพาะปั า ะเป็น
กล้ามเนื้อ ดังนั้นจึง ามารถขยายตั เพื่อรองรับน้าปั า ะ รือบีบตั เพื่อขับน้าปั า ะออกจากร่างกาย
ง. ท่อปัสสาวะ (URETHRA) มีลัก ณะเป็นท่อซึ่งจะแตกต่างกันระ ่างตั ผู้กับตั เมีย กล่า คือ
- ตัวผู้ ท่อปั า ะจะต่อออกมาจากกระเพาะปั า ะและผ่านไปตามค ามยา ของอ ัย ะ ืบพันธุ์เพ
ผู้และมีรูเปิดของท่อปั า ะที่ปลายลึงค์
- ตัวเมีย ท่อปั า ะจะต่อออกมาจากกระเพาะปั า ะเช่นเดีย กับตั ผู้ แต่ขนาดของท่อจะ ั้นก ่า
และมีรูเปิดของท่อปั า ะที่ผนังด้านล่างของปากช่องคลอด

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 17 -
ข. การทางานของระบบขับถ่ายปั าวะ
โล ิตจะพาเอาของเ ียที่เป็นของเ ล ซึงเกิดจากการทางานของร่างกายไ ลผ่านไต ไตจะทา น้าที่
กรองของเ ี ยจากโล ิตเป็น น้าปั า ะ น้าปั า ะจะไ ลจากไตลง ู่ ท่อไต และไปร มกันอยู่ในกระเพาะ
ปั า ะ เมื่อจาน นของน้าปั า ะมีมากขึ้น จะทาใ ้กระเพาะปั า ะขยายใ ญ่ขึ้น และจะขับน้าปั า ะ
ออกจากร่างกาย โดยการบีบตั ของกล้ามเนื้อที่ผนังกระเพาะปั า ะ
9. ระบบประ าท (NERVOUS SYSTEM) แบ่งเป็น 2 ่ นคือ
-ระบบประ าท ่ นกลาง
- ระบบประ าท ่ นปลาย

ก.ระบบประ าท ่วนกลาง (CENTRAL NERVOUS SYSTEM = C.N.S) ประกอบด้ ย


(1) มอง (BRAIN) ทา น้าที่เกี่ย กับการกระทาต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การเรีย น การคิด
การเคลื่อนไ และการรับรู้ ที่อยู่ภายใต้อานาจจิตใจ แบ่งออกเป็น 3 ่ น คือ
- ่วน มองตอนบน (CEREBRUM) มีลัก ณะคล้ายครึ่งทรงกลม จาน น 2 อันประกบกัน
แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นนอกและชั้นใน ทา น้าที่เกี่ย กับค ามจา ค ามฉลาด การได้ยิน ได้กลิ่น ค ามร้อน ค าม
กดดัน ค ามเย็น ค ามเจ็บป ด การมองเ ็น และการ ัมผั เป็นต้น
- ่วน มองตอนท้าย (CEREBELLUM) อยู่ต่อจาก มองตอนบนมาทางด้าน ลั ง ทา น้าที่
เกี่ย กับการทรงตั และเป็น ูนย์กลางของการทางานในแบบ “ปฏิกิริยา ะท้อนกลับ” (REFLEX ACTION)
- ่วน มองตอนล่าง (BRAIN STEM) ประกอบด้ ย 2 ่ น คือ พอน ์(PONS) กับ
เมดูล่า ออบลองกาต้า(MEDULLA OBLONGATA)
พอน ์ (PONS) เป็น ่ นที่อยู่ด้านใต้ของ มองตอนบน (CEREBRUM) ประกอบด้ ย
เ ้นประ าทซึ่งนาค ามรู้ ึกต่าง ๆ ไปและกลับจาก มองตอนบน
เมดูล่า ออบลองกาต้า (MEDULLA OBLONGATA) เป็น ่ นที่ต่อออกมาจาก
“พอน ์” (PONS) และจะเริ่มเป็น ่ นของไข ัน ลัง (SPINAL CORD) ทา น้าที่ค บคุมค ามเร็ และค ามลึก
ของการ ายใจ ค บคุมเกี่ย กับค ามดันโล ิตและการเต้นของ ั ใจ
(2) เยื่อ ุ้ม มอง (MENINGS) เป็นเยื่อปกคลุม มอง

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 18 -
(3) โพรงใน มอง (VENTRICLES) คือช่อง ่างอยู่ภายใน มอง ซึ่งมีทั้ง มด 4 แ ่ง โพรงทั้ง มดนี้จะ
ติดต่อถึงกัน และเชื่อมกับร่องตรงกลางของไข ัน ลังไปตลอดค ามยา ภายในโพรงนี้จะมีของเ ล ที่เรียก ่า
“ของเ ล ใน มองและไข ัน ลัง” ซึ่งเป็นของเ ล ใ
(4) ของเ ล ใน มองและไข ัน ลัง (CEREBROSPINAL FLUID) เป็นของเ ล ที่พบในโพรง มอง,
รอบ ๆ มอง และในไข ัน ลัง ทา น้าที่ป้องกันการกระทบกระเทือนใ ้แก่ประ าท ่ นกลาง
(5) ไข ัน ลัง (SPINAL CORD) เป็น ่ นที่ต่อออกมาจาก มองตอนล่างที่เรียก ่า เมดูล่า ออบลอง
กาต้า ไข ัน ลังจะเข้าไปตามกระดูก ัน ลัง (VERTEBRAL COLUMN) จนถึง ่ นท้ายของลาตั ทา น้าที่รับ
ค ามรู้ ึกและรับการ ั่งงานของ มอง
ข. ระบบประ าท ่ นปลาย(PERIPHERAL NERVOUS SYSTEM = P.N.S) มายถึง ่ นของประ าท
ต่าง ๆ ในร่างกายนอกเ นือจากระบบประ าท ่ นกลาง ( มองและไข ัน ลัง) แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
(1) กลุ่มประ าทบริเ ณ ีร ะ (CRANIAL NERVES) คือ กลุ่มของเ ้นประ าทที่มาจาก มอง โดยผ่าน
ออกมาตามรูของกะโ ลก ีร ะ เพื่อไปค บคุมการทางานของ ่ นต่าง ๆ ในบริเ ณ ีร ะ มีทั้ง มด 12 คู่ คือ
คู่ที่ ชื่อ น้าที่
1 OLFACTORY NERVE การดมกลิ่น
2 OPTIC NERVE การมองเ ็น
3 OCULOMOTOR NERVE การค บคุมกล้ามเนื้อตา
4 TROCHLEAR NERVE การค บคุมกล้ามเนื้อตา
5 TRIGEMINAL NERVE รับค ามรู้ ึกเกี่ย กับการมองเ ็น
และค บคุมกล้ามเนื้อที่เกี่ย กับการเคี้ย
6 ABDUCENS NERVE การค บคุมกล้ามเนื้อตา
7 FACIAL NERVE การรับร อา าร ค ามรู้ ึก
บริเ ณ ูและการแ ดงออกที่ใบ น้า
8 ACCUSTIC NERVE การได้ยินและค าม มดุลย์
9 GLOSSOPHARYNGEAL NERVE การรับร อา ารและการทางาน
ของคอ อย
10 VAGUS NERVE การค บคุมกล้ามเนื้อกล่องเ ียง
11 SPINAL ACCESSORY การค บคุมกล้ามเนื้อที่คอและไ ล่
12 HYPOGLOSSAL NERVE การค บคุมลิ้น

2. กลุ่มประ าทบริเ ณ ัน ลัง (SPINAL NERVES) คือกลุ่มของเ ้นประ าทที่ออกมาจากไข ัน ลัง


ทั้ง มด ทา น้าที่ค บคุมการทางานของกล้ามเนื้อภายใต้อานาจจิตใจ โดยจะรับค ามรู้ ึกต่าง ๆ แล้ ่งผ่านเข้า
ไข ัน ลังไปยัง มอง และเมื่อ มอง ั่งงานจะ ่งผ่านไข ัน ลังไปที่เ ้นประ าทบริเ ณ ัน ลัง เพื่อค บคุมใ ้
กล้ามเนื้อบริเ ณนัน้ ทางาน
3. กลุ่มประ าทอัตโนมัติ (AUTONOMIC NERVOUS SYSTEM = A.N.S) คือกลุ่มของเ ้นประ าทใน
ระบบประ าท ่ นปลาย ที่ทา น้าที่ค บคุมกล้ามเนื้อที่อยู่นอกอานาจจิตใจ แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
- กลุ่มประ าทอัตโนมัติที่ออกมาจากกลุ่มประ าทบริเ ณ ัน ลัง (SPINAL NERVES) ่ นอก
และ ่ น ลัง (SYMPATHETIC SYSTEM)
- กลุ่มประ าทอัตโนมัติที่ออกมาจากกลุ่มประ าทบริเ ณ ัน ลัง (SPINAL NERVES) ่ นคอ
และ ่ นก้น (PARASYMPATHETIC SYSTEM)

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 19 -
10. ระบบต่อมไร้ท่อ (ENDOCRINE GLAND SYSTEM)
ต่อมไร้ท่อมี น้าที่ในการ ร้าง ารที่เรียก ่า “ฮอร์โมน” (HORMONE) เข้าไปในกระแ โล ิต เพื่อ ่งไปยัง ่ น
ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยจะมีผลต่ออ ัย ะต่าง ๆ แตกต่างกันตามชนิดของฮอร์โมนนั้น ๆ ต่อมไร้ท่อที่ าคัญได้แก่
ก. ต่อมใต้ มอง (PITUITARY GLAND) อยู่ที่บริเ ณใต้ฐานของ มอง ประกอบด้ ย 2 ่ น
- ่วน น้า มี น้าที ร้างฮอร์โมนที่ค บคุมการทางานของต่อม ม กไต การเจริญเติบโตของร่างกาย
และ งจรการ ื บ พัน ธุ์ของอ ัย ะทั้ ง 2 เพ ากร่างกายขาดต่อมใต้ มอง ่ นนี้ ไปจะมี ผ ลใ ้ ั ต ์ ยุ ด
เจริญเติบโต การทางานของร่างกายลดลงและอ ัย ะ ืบพันธุ์จะลีบเล็ก
- ่วน ลัง มี น้าที่ ร้างฮอร์โมนที่เกี่ย ข้องกับค ามดันโล ิต กระตุ้นการ ลั่งของน้านม การไ ลของ
น้าปั า ะ และการทางานของกล้ามเนื้อมดลูก
ข. ต่อม มวกไต (ADRENAL GLAND) อยู่บริเ ณเ นือไต โดยอยู่ติดกับตอนบนของไต ประกอบด้ ย
- ว่ นนอก ร้างฮอร์โมนที่มี น้าที่เกี่ย กับการค บคุมการ ร้าง ารกลัยโคเจน (GLYCOGEN)
- ่วนใน ร้างฮอร์โมน “แอดรีนาลีน” (ADRENALINE) รือ “อีพิเนฟริน” (EPINEPHRINE) ซึ่งมี
น้าที่ทาใ ้เ ้นโล ิต ดตั ั ใจเต้นเร็ ลอดลมขยาย กระเพาะอา าร และลาไ ้ ย่อนตั เปลี่ยนไกลโคเจน
ในตับใ ้เป็นน้าตาลในกระแ โล ิต และเปลี่ยนไกลโคเจนในกล้ามเนื้อใ ้เป็นกรดแลคติก (LACTIC ACID)
ค. ต่อมไทรอยด์ (THYROID GLAND) อยู่ที่บริเ ณ 2 ข้างของ ลอดลมที่ต่อกับกล่องเ ียง มี น้าที่ ร้าง
ฮอร์โมน “ไทร็อกซิน” (THYROXINE) ซึ่งค บคุมการทางานของร่างกาย การเจริญเติบโต การเจริญทางเพ
และผิ นัง
ต่อมไทรอยด์ จะใช้ ารไอโอดีน (IODINE) เพื่อ ร้างฮอร์โมนไทร็อกซิน ดังนั้น ากร่างกายขาด าร
ไอโอดีน จะทาใ ้ต่อมไทรอยด์ขยายใ ญ่ขึ้น ที่เรียก ่า “คอ อยพอก”
ง. ต่อมพาราไทรอยด์ (PARATHYROID GLAND) เป็นต่อมคู่ขนาดเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับต่อมไทรอยด์ มี น้าที่
ร้างฮอร์โมนที่ค บคุมเกี่ย กับการเพิ่มของแคลเซียมในโล ิต ดังนั้น ากตัด ต่อมพาราไทรอยด์ทิ้ง จะทาใ ้
ปริมาณแคลเซียมในกระแ โล ิตลดลง เกิดอาการชักกระตุกและ ตายในที่ ุด

11. อวัยวะในการมองเ ็นและได้ยิน (EYE AND EAR) อ ัย ะ า รับการมองเ ็นและการได้ยิน ได้แก่ตาและ


ู ตามลาดับ ซึ่งอ ัย ะทั้ง 2 นี้ ไม่จัดอยู่ในระบบต่าง ๆ ที่กล่า มา แต่จะอยู่ในกลุ่มของอ ัย ะที่เกี่ย กับการรับ
ค ามรู้ ึก
ก. ตา (EYE) เป็นอ ัย ะที่ใช้ในการรับค ามรู้ ึกโดยการมอง ประกอบด้ ย ่ นต่าง ๆ คือ
(1) ลูกนัยน์ตา (EYEBALL) ลัก ณะเป็นอ ัย ะค่อนข้างกลมอยู่ในเบ้าตาทั้ง 2 ข้าง ประกอบด้ ย
- ชั้นนอก ่ นใ ญ่ ีขา ขุ่น มี น้าที่ป้องกันลูกนัยน์ตายกเ ้นบริเ ณ ่ น น้าตรงกลางจะเป็น งกลม
โปร่งแ ง ามารถมองผ่านเข้าไปด้านในได้ ่ นนี้เรียก ่า “ตาดา” รือ “กระจกตา” (CORNEA)

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 20 -

- ม่านตา (IRIS) ลัก ณะเป็นแผ่นกล้ามเนื้อขา ๆ อยู่ด้านในของกระจกตา ม่านตาจะมี ีแตกต่างกัน


และตรงกลางของม่านตาจะมีรูม่านตา (PUPIL) ซึ่งขนาดของรูจะขยายใ ญ่ รือแคบลงนั้น ขึ้นอยู่กับการขยาย
รือการ ดตั ของม่านตา ทาใ ้ ามารถปรับปริมาณของแ งที่ผ่านเข้าไปในตาได้ใ ้เ มาะ ม
- เลน ์ตา (LENS) เป็นอ ัย ะที่ใช้ในการปรับภาพที่ผ่านเข้ามาเพื่อใ ้เ ็นภาพนั้นได้ชัดเจนทุกครั้ง
- กล้ามเนื้อเลน ์ตาเป็นกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่ยึดเลน ์ไ ้ และจะยึด รือ ดตั ทุกครั้งเพื่อทาใ ้เลน ์ตา
ามารถปรับภาพที่เ ็นได้ชัดเจนทุกครั้ง
- เรติน่า (RETINA) เป็น ่ นที่อยู่ด้าน ลัง ุดของลูกนัยน์ตา มี น้าที่รับภาพที่ผ่านมาจากเลน ์ตา
คล้ ายกับจอรั บภาพ ากภาพตกบนเรติน่า พอเ มาะจะท าใ ้ เ ็ น ภาพชั ดเจนด้าน ลั ง ของเรติน่ าจะต่อกั บ
เ ้นประ าทที่เกี่ย กับการมองเ ็น ทาใ ้เกิดค ามรู้ ึกและ ่งไปที่กลุ่มประ าทบริเ ณ ีร ะคู่ที่ 2 และต่อไปที่
มอง ทาใ ้ทราบและรู้ ึกในการมองเ ็น
(2) กล้ามเนื้อลูกนัยน์ตาเป็นกลุ่มของกล้ามเนื้อที่ยึดติดกับลูกนัยน์ตาทั้งด้านข้าง 2 ข้าง ด้านบนและ
ด้านล่าง ทา น้าที่บังคับใ ้ลูกนัยน์ตามองไปทางซ้าย – ข า รือมองขึ้น - ลงก็ได้
(3) เยื่อ ุ้มตา (CONJUNCTIVA) เป็นเยื่อบุ ีชมพูอ่อน ๆ อยู่ที่ใต้ นังตาบนและ นังตาล่าง
(4) นังตา (EYELID) ประกอบด้ ย นังตาบนและ นังตาล่าง ทา น้าที่ป้องกันลูกนัยน์ตา

ข. ู (EAR) เป็นอ ัย ะที่ใช้ในการรับค ามรู้ ึกโดยการได้ยิน แบ่งออกได้เป็น 3 ชั้น คือ


(1) ูชั้นนอกประกอบด้ ยใบ ู รู ู และแก้ ู
- ใบ ู (EAR PINNA) ลัก ณะเป็นแผ่นบาง ๆ ภายในเป็นกระดูกอ่อน ทา น้าที่ในการรับคลื่นเ ียงจาก
ภายนอก
- รู ู (EAR CANAL) ลัก ณะเป็นช่องต่อจากใบ ูเข้าไปภายใน เป็นทางผ่านของคลื่นเ ียง ที่ได้รับ
- แก้ว ู (TYMPANIC MEMBRANE) ลัก ณะเป็นเยื่อขา ๆ ปิดกั้นที่บริเ ณ ่ นปลายของ รู ู ทา
น้าที่รับคลื่นเ ียงที่เข้ามาทาใ ้แก้ ู ั่น แล้ ่ง ัญญาณเ ียงต่อเข้าไปที่ ูชั้นกลาง
(2) ูชั้นกลาง เป็น ่ นที่ต่อมาจาก ูชั้นนอก โดยมีแก้ ูเป็นตั กั้น ประกอบด้ ยกระดูกเล็ก ๆ 3 ชิ้น คือ
- กระดูกฆ้อน (MALLEUS) เป็นกระดูกรูปคล้ายฆ้อนอยู่ติดกับแก้ ู มี น้าที่รับ ัญญาณเ ียงจากการ
ั่นของแก้ ู
- กระดูกทั่ง (INCUS) เป็นกระดูกที่อยู่ต่อจากกระดูกฆ้อนเข้าไป มี น้าที่รับ ัญญาณเ ียงจากกระดูกฆ้อน

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 21 -
- กระดูกโกลน (STAPES) เป็นกระดูกชิ้นที่อยู่ต่อจากกระดูกทั่ง มี น้าที่รับ ัญญาณเ ียงจากกระดูกทั่ง
แล้ ่งต่อไปยัง ูชั้นใน
(3) ูชั้นในเป็น ่ นที่ต่อมาจาก ูชั้นกลาง ประกอบด้ ยอ ัย ะ 2 ชนิด คือ
- อ ัย ะ า รับรับ ัญญาณเ ียง (COCHLEA) ลัก ณะเป็นรูป อยโข่ง ภายในมีของเ ล เมื่อ
ัญญาณเ ียงที่ ่งมาจากการ ั่นของกระดูกโกลน จะทาใ ้ของเ ล ในอ ัย ะนี้เกิดการ ั่น ะเทือนตาม ซึ่งจะ
กลายเป็น ัญญาณเข้า ู่ เ ้นประ าทที่เกี่ย กับการได้ยิน ซึ่งอยู่ติดกับอ ัย ะนี้ แล้ จึง ่งต่อไปยัง มองทาใ ้
ทราบ ่าเ ียงที่ได้ยินนั้นเป็นเ ียงของอะไร
- อ ัย ะ า รับการทรงตั ของร่างกาย (SEMICIRCULAR CANAL) ลัก ณะเป็นท่อ งแ นร ม 3 ง
ทา น้าที่ในการรัก าค าม มดุลของร่างกาย

ลักการศัลยกรรมทั่วไป
เป้า มายของการทาศัลยกรรม
1. เพื่อเป็นการบาบัดรัก าโรคใ ้ ุขภาพ ัต ์ป่ ยฟื้นคืน ู่ ภาพปกติ เช่น การเย็บแผลบาดเจ็บ การผ่าตัด
เนื้องอก เป็นต้น
2. เป้า มายอื่นๆที่มนุ ย์จะได้ประโยชน์จาก ัต ์ เช่น การผ่าตัดทา มัน การตัดเขา ก่อนนามาใช้งานเพื่ อทา
ใ ้มันเชื่องค บคุมได้ง่ายขึ้น ลดอันตรายระ ่างการทางาน
ศัลยกรรม า รับ ัตว์แบ่งเป็น
1. ลั ยกรรมขนาดใ ญ่ เป็นการผ่าตัดที่เกี่ย กับอ ัย ะ าคัญๆ เช่น การผ่าตัดช่องอก การผ่าตัดช่อง
ท้องซึ่งจาเป็นจะต้องมีการ างยา ลบ
2. ัลยกรรมขนาดย่อย เป็นการผ่าตัดเล็กๆน้อยๆ ซึ่งอาจไม่จาเป็นต้องมีการใช้ยา ลบ อาจเพียงใช้ยาชา
ช่ ยระงับค ามรู้ ึก เช่น การเย็บแผลที่ฉีกขาด การตัดนิ้ ติ่ง เป็นต้น

ลักการพิจารณาก่อนการทาศัลยกรรม
1. ผู้ดูแล ัต ์ต้องมีค ามเข้าใจถึง าเ ตุที่จะต้องผ่าตัด ิธกี ารดูแลรัก า ัต ์ ลังผ่าตัด ร มทั้งอันตรายและผลดี
ผลเ ียจากการผ่าตัด เพื่อจะได้มี ่ นร่ มในการดูแล ัต ์ใ ้ดี
2. ใน ่ นของ ัต ์ป่ ย
2.1 การระบุตั ัต ์ป่ ยได้ถูกต้องในกรณีที่ ัต ์เลี้ยงร มกัน
2.2 การเตรียมตั ัต ์ตามปกติตามข้อแนะนาต่างๆ ได้แก่ แนะนาใ ้มีการอดอา าร และน้าอย่างน้อย 8-12
ชั่ โมง มีการขับถ่ายอุจจาระและปั า ะ การเตรียมบริเ ณที่จะผ่าตัด การ างตั ัต ์ในท่าที่พร้อมที่จะผ่าตัด
2.3 การเตรียมตั ัต ์กรณีพิเ บางกรณีจะต้องมีการเตรียมตั เฉพาะ า รับการผ่าตัดบางอย่าง เช่น
ัต ์บางตั อยู่ในภา ะขาดน้าก็ค รจะต้องเตรียมตั ใ ้มีการใ ้ ารน้าบาบัด รือน้าเกลือก่อน
3. ใน ่ นผู้ทาการผ่าตัด
3.1 ผู้ผ่าตัดและผู้ร่ มงาน ค รมีการเตรียมตั ก่อนการผ่าตัดที่ดีทั้งด้านค ามรู้ ทางด้านเรื่องที่จะผ่าตัด
ด้านกาย ิภาค รีระ ิทยาต่างๆ เพื่อช่ ยลดเ ลาในการทางาน ลดการเกิดบาดแผล และ ค าม ะอาด ่ นตั
เช่น การล้างมือ ิธีการทาใ ้ปรา จากเชื้อต่างๆ
การเตรียมตัวทาความ ะอาดของผู้ผ่าตัดและผู้ช่วยผ่าตัด
1. มรองเท้าที่ ะอาด และเป็นรองเท้าที่ใช้ า รับเ ลาทาการผ่าตัดเท่านั้น
2. ตัดเล็บใ ้ ั้น ถอดเครื่องประดับจากมือและแขนออก ล้างมือฟอก บู่และเช็ดใ ้แ ้ง

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 22 -
3. เปิด ่อผ้าที่ต้องใช้ า รับทา ัลยกรรมที่ได้รับการฆ่าเชื้อแล้ ได้แก่ ม ก ผ้าปิดจมูก ผ้าเช็ดมือ ชุดผ่าตัด ถุงมือ
4. ม ม กปิดผมใ ้มิดชิด
5. ใช้ผ้าปิดจมูกและปาก
6. ขัดถูมือ และแขน โดยฟอก บู่แ ล้ ทาการแปรงตั้ งแต่นิ้ มือแต่ล ะนิ้ ทั้ง 4 ด้าน เล็ บ มือ อุ้ งมือ ลั งมื อ
ท้องแขน และ ลังแขน โดยขัดใ ้เลยข้อ อกขึ้นไปประมาณ 2-4 นิ้ ด้านละประมาณ 10-20 ครั้ง
ไม่ปล่อยใ ้มือและแขนอยู่ต่าก ่าข้อ อก เพื่อป้องกันน้าไ ลย้อนกลับจากข้อ อกไปยังมือ ล้างน้าโดยใ ้น้า
ไ ลจากก๊อกรินผ่านจากมือไปแขน และไปข้อ อกแล้ ปล่อยใ ้น้า ยดจน มด
7. ราดแอลกอฮอล์ 70-90 % จากปลายนิ้ มือไ ลรินไปตามแขนจน ยดออกจากปลายข้อ อก
8. เช็ดมือด้ ยผ้าเช็ดมือที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้
9. มชุดผ่าตัด
10. มถุงมือผ่าตัด
นอกจากนี้ยังต้องมีการเตรียมเครื่องมือผ่าตัดบนโต๊ะ างเครื่องมือตามลาดับใ ้ถูกต้อง และการคลุมตั ัต ์
ใ ้พร้อมที่จะได้รับการผ่าตัด
3.2 ผู้ผ่าตัดค รตร จตราดูเครื่องมือและอุปกรณ์ ใ ้มี ภาพดี ทนทาน และมีประ ิทธิภาพเ มาะ มกับ
การใช้งาน ค รใช้เครื่องมือตาม น้าที่ ะอาดปรา จากเชื้อโรค และมีการจัดเตรียมไ ้ใ ้พร้อมก่อนผ่าตัด
วิธีการฆ่าเชื้อโรค า รับอุปกรณ์และเครื่องมือทางศัลยกรรม มี ลาย ิธี ได้แก่
1. การฆ่าเชื้อโรคโดยใช้ค ามร้อน
1.1 การใช้ค ามร้อนแ ้ง คือ ตู้อบ ที่อุณ ภูมิ 160 อง าเซลเซีย เป็นเ ลา 1 ชั่ โมง
1.2 ค ามร้อนเปียก มี 2 แบบคือ
1.2.1 การต้มเดือด
1.2.2 การนึ่งภายใต้ค ามดัน
- ใช้เครื่องมือนึ่งที่เรียก ่า ออโต้เคลบ (Autoclave)
- เป็น ิธีที่ฆ่าเชื้อโรคของเครื่องมือและอุปกรณ์ในการผ่าตัดที่ดีที่ ุด
2. การฆ่าเชื้อโรคโดยใช้ก๊าซ
3. การฆ่าเชื้อโรคโดยใช้ ารเคมี
1. แอลกอฮอล์ (70-90%)
2. Iodineมักใช้ฆ่าเชื้อโรคบนผิ นังมากก ่าใช้กับและเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น ทิงเจอร์ไอดีน Povidone
iodine (Betadine)
3. Quaternary ammonium compound
4. Chlohexidine gluconate 0.3% w/v ( Savlon)
5. Phenol
- ทาลายแบคทีเรียได้
- ไม่เ ื่อมคุณภาพ และประ ิ ทธิภ าพเมื่อปนอยู่กับ ิ่ง กปรกต่างๆจึงใช้ทาค าม ะอาดภาชนะ และ
เครื่องมือที่เปรอะเปื้อนคราบ นอง เลือดได้ดี
- เช่น Lysol Dettol
- กลิ่นเ ม็นรุนแรง
- ทาลายเชื้อโรคแบคทีเรียได้ดีมาก
3.3 การจัดการ ัต ์ป่ ย ขนบนตั ัต ์เป็น ่ นที่ทาใ ้มีการติดเชื้อบริเ ณผ่าตัดได้ เพราะฉะนั้นค รมีการ
โกนขนออกใ ้ก ้างพอไม่แคบเกินไปแล้ ทาค าม ะอาดบริเ ณผ่าตัด โดยใช้น้า บู่ล้าง ิ่ง กปรกออก จากนั้นใช้
าลีชุบทิงเจอร์ไอโอดีนและเช็ดตามด้ ยแอลกอฮอล์ แล้ ใช้ผ้าคลุมป้องกันการปนเปื้อนบริเ ณผ่าตัด
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 23 -
ขั้นตอนการทาความ ะอาดบริเวณที่จะทาการผ่าตัด
1. ถ้า ัต ์ยังไม่ปั า ะ ลังจากที่ ัต ์ ลบแล้ ใ ้บีบกระเพาะปั า ะ รือใช้ท่อ นน้าปั า ะออก เพื่อ
ป้องกันการปนเปื้อนจากน้าปั า ะที่ออกมาขณะที่การผ่าตัด
2. โกนขนบริเ ณที่จะทาการผ่าตัดใ ้ก ้างอย่างน้อย 3 เท่า ของค ามยา บาดแผลและค ามก ้างก็ใ ้ได้
ัด ่ นกัน
3. ใช้น้าและ บู่เช็ดใ ้ ะอาดและเช็ดใ ้แ ้ง
4. เช็ดด้ ยทิงเจอร์ไอโอดีน
5. เช็ดซ้าด้ ยแอลกอฮอล์ 70 %
6. เมื่อทาค าม ะอาดเรียบร้อยแล้ นา างบนโต๊ะผ่าตัด
3.4 ภาพแ ดล้อม ในการผ่าตัดถ้าเป็น ่ นของโรงพยาบาลมักมี ้องผ่าตัดเฉพาะก็จะค่อนข้างมีค าม
พร้อมทั้งอุปกรณ์และค าม ะอาด แต่ในบางกรณีไม่ ามารถนาตั ัต ์มาได้ รือ บางที่ยังไม่มีค ามพร้อม
จึงจาเป็นต้องปฏิบัติในพื้นที่ที่ ัต ์อยู่ ซึ่งมักมีปัญ า กปรกและแมลงรบก น แต่ก็จาเป็นต้องเลือกพื้นที่ที่
เ มาะ มในการทางานที่ ุด

4. การค บคุมการติดเชื้อ ลังการผ่าตัด


การผ่ าตัดโดยทั่ ไปมักปลอดเชื้อแต่จากการทดลองพบ ่ายังมี โอกา ที่มีการติดเชื้ออยู่บ้างในแต่ล ะ
ขั้นตอนของการผ่าตัด เช่นจากฝุ่นละอองในอากา รือแม้กระทั่งช่ งการดูแล ลังการผ่าตัด จึงค รมีการ
เตรียมการค บคุม ได้แก่การใช้ยาปฏิชี นะในรูปแบบการฉีด การกิน และยาทาทาค าม ะอาดแผลเพื่อเป็น
่ นช่ ยเ ริมนอกเ นือจากการปล่อยใ ้ ัต ์ ายเองตามธรรมชาติ
5. ิธีการทา ัลยกรรม
ค รมีค าม นใจในรายละเอียดทุกอย่าง และฝึกฝนใ ้มีค ามชานาญ เช่น การจับเครื่องมือผ่าตัด
การเย็บแผลรูปแบบต่างๆ ก่อนทาการผ่าตัดค รเตรียมเครื่องมือใ ้พร้อมและพอเพียงกับการใช้งาน
6. การจดบันทึก
เป็นเรื่อง าคัญที่จะต้องจดบันทึกการรัก าขนาดของยาที่ใช้ชนิดของยา ค รจดทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน
ไม่ค รจดย้อน ลังนานเกินไป ข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนางานต่อๆไป
การจัดการภาย ลังการทาศัลยกรรม
ความมุ่ง มาย
เพื่อช่ ยใ ้ ัต ์อยู่ใน ภาพที่เ มาะ มที่จะฟื้นตั ดีดังเดิม ลังจากช่ ยทาการรัก าทาง ัลยกรรม และทาใ ้มี
การปรับ ภาพการทางานของร่างกายเกิดขึ้นในเ ลาที่ ั้นที่ ุด ทาใ ้การผ่าตัดประ บค าม าเร็จอย่างแท้จริง
ปัจจัยที่ าคัญที่ ุดในการดูแล ัต ์ป่ ย ลังผ่าตัดคือ การเฝ้า ังเกตอย่างใกล้ชิด และประเมินอาการป่ ยที่แ ดง
ออกมาในระ ่างนี้เช่น - ภา ะช็อก เป็นภา ะที่พบได้บ่อยใน ัต ์ ลังการผ่าตัด ซึ่ง ่ น นึ่งเกิดจากผล
ของการผ่าตัด รือภา ะที่มีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ภา ะช็อกเป็นลัก ณะที่การไ ลเ ียนของเลือดไปเลี้ยง ่ น
ต่างๆของร่างกายไม่พอ จาเป็นต้องรีบแก้ไข ากปล่อยไ ้ ัต ์อาจจะตายได้
- ปัญ าแทรกซ้อนของแผลระ ่างการดูแลแผล ลังผ่าตัด
- ภา การณ์ขาดน้า

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 24 -
บาดแผล
บาดแผล มายถึงการเกิดการฉีกขาด รือรอยขูดขีด เป็นผลใ ้เนื้อเยื่อของร่างกาย ่วนใด ่วน นึ่ง
เกิดการแยกออกจากกัน
ชนิดของบาดแผล
แบ่งแผลได้ ลายประเภท ได้แก่
1. แบ่งตามลัก ณะของบาดแผลว่ามีการติดต่อกับภายนอก รือไม่
1.1 แผลเปิด (Opened รือExposed wound) มายถึงบาดแผลที่มีการฉีกขาดของผิว นัง รือเนื้อเยื่อ
อื่นๆของร่างกายและมีช่องทางใ ้ ่วนลึกของบาดแผลติดต่อกับ ิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกายได้
1.2 แผลปิด (Closed รือ Unexposed wound) มายถึงบาดแผลที่มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้
ผิว นัง โดยไม่มีช่องทางติดต่อกับ ิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย
2. แบ่งตามลัก ณะของบาดแผล
2.1 บาดแผลจากการไ ม้
-ความร้อน
-ไฟฟ้า
- ารเคมี
2.2 บาดแผลจากความเย็น
2.3 บาดแผลงูกัด
2.4 บาดแผลจากการถูกยิง
2.5 บาดแผลจากการถูกกัด
2.6 บาดแผลจากการเลีย
2.7 บาดแผลจากการกดทับ
2.8 แผลเรื้อรังและแผลรูลึก
3. แบ่งตามระดับของการปนเปื้อน
1. บาดแผล ะอาด
2. บาดแผลปนเปื้อนที่ได้รับการทาความ ะอาด ลังจากเกิดแผลไม่เกิน6-8ชั่วโมง
3. บาดแผลปนเปื้อนที่เกิดขึ้น 8 -12 ชั่วโมงและพบว่ามีการปนเปื้อน
4. บาดแผล กปรกเป็นบาดแผลที่ติดเชื้อและเกิดขึ้นเกิน 12 ชั่วโมงมีการปนเปื้อน มีเนื้อตาย รือเกิดการติด
เชื้อแทรกซ้อนอย่างมาก
อาการของแผล
1. เลือดออก เกิดจากการฉีกขาดของเ ้นเลือดบริเวณที่เกิดบาดแผล
2. ความเจ็บปวด เป็นผลจากเ ้นประ าทบริเวณที่เกิดบาดแผลได้รับความเ ีย าย รือกระทบกระเทือน
3. รอยแยกระ ว่างขอบแผล
4. การ ูญเ ีย น้าที่ของอวัยวะ
5. อาการอื่นๆ เช่น การอักเ บ, การเกิดแผลเป็น, การติดเชื้อแทรกซ้อน เป็นต้น
การหายของแผล
การ ายของบาดแผลแตกต่างไปตามชนิดของ ัตว์ ชนิดของเนื้อเยื่อที่เ ีย าย การ ายของแผลเป็น
ขบวนการทางชีวภาพของร่างกายที่จะซ่อมแซม ่วนที่เ ีย ายโดยแบ่งเป็น 2 ลัก ณะ คือ การซ่อมแซม และการ
ร้างเนื้อเยื่อใ ม่

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 25 -
การซ่อมแซม (Repair) คือ การ ร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใ ม่ โดยพบว่าการ ร้างเนื้อเยื่อใ ม่มีลัก ณะต่างจากเดิม
ก่อนเ ีย าย เช่น การเกิดเป็นแผลเป็น ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่แตกต่างและไม่ ามารถทา น้าที่ได้เ มือนเดิม
การ ร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใ ม่ (Regeneration) คือ การ ร้างเนื้อเยื่อขึ้นใ ม่เพื่อทดแทน ่วนที่เกิดการเ ีย าย
โดยใ ้เ มือนกับเนื้อเยื่อที่ถูกทาลายไปและ ามารถทา น้าที่ได้ตามปกติ เช่น การ ายของแผลที่เยื่อเมือกของ
ทางเดิน ายใจ ทางเดินอา าร เป็นต้น
การ ายของแผลจะเกิดขึ้นเป็นขั้นตอนที่เ ลื่อมล้ากันเป็น 4 ระยะ คือ
1. การเกิดบาดแผล
2. การอักเ บ
3. การเพิ่มขึ้นของเซล
4. การจัดรูปแบบใ ม่ การ ดตัวของแผล และการซ่อมแซม ่วนเซลชั้นผิว
ดังนั้นผู้ที่ทาการผ่าตัด รือทาการรัก าแผลจึงควรเข้าใจถึง ภาวะการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้น
ลีกเลี่ยงการรบกวนการ ายของบาดแผลและลดการเกิดปัญ า ลังการรัก า รือผ่าตัด
การเกิดบาดแผล
เป็นจุดเริ่มตั้งแต่เกิดความเ ีย ายของเนื้อเยื่อ ก่อนที่จะไปมองใน ่วนของการตอบ นองในระดับเซล
เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นก็จะเริ่มการแยกออกของเนื้อเยื่อและมีเลือดออกเนื่องจากการฉีกขาดของเ ้นเลือด ความ
รุนแรงแล้วแต่ตาแ น่งที่เ ีย าย
การอักเ บ
ลังจากที่บ าดแผลเกิดขึ้นและมีเลือดออก จะเกิดการ ะ มกันของเซลต่างๆซึ่งอาจจะเกิดจากการ
เคลื่อนที่มา รือ ร้างข้นใ ม่ เมื่อเลือดออกมีเซลต่างๆถูกปล่อยมา เซลเ ล่านั้นจะปล่อย ารช่วยใ ้เลือดเกิดการ
แข็งตัวและช่วยป้องกันการติดเชื้อจากภายนอกในระดับ นึ่ง
การเพิ่มขึ้นของเซล
ลังจากเกิดบาดแผลประมาณ 24-36 ชั่วโมง จะพบว่ามีการแบ่งตัวของเนื้อเยื่อโดยจะพบมากบริเวณ
บาดแผลเกิดการ ร้างเ ้นเลือดขึ้นมาใ ม่ทดแทน รือเชื่อมต่อกับ ่วนที่เ ีย ายไป มีการ ร้างเซลและเนื้อเยื่อ
ใ ม่เกิดขึ้นเรียกว่า Granulation tissue
การจัดรูปแบบใ ม่
ช่วงนี้จะเกิดขึ้นประมาณ 15 วัน และอาจยาวนานไปถึง 12 เดือน ภาย ลั งจาก ่ว น Granulation
tissue เกิดขึ้นมาทดแทน ่วนที่เ ีย ายไปแล้ว เกิดการปรับความ มดุลกันในการจัดเรียงตัวของเซลใ ม่ใ ้อยู่ใน
ลัก ณะที่ปกติตามเดิม
ปัจจัยที่มีผลต่อการ ายของแผล
ปัจจัยที่มีผลต่อการ ายของบาดแผลที่เกิดจากการผ่าตัดเป็น ิ่งที่เราใ ้ความ าคัญเนื่องจากเป็น ิ่งที่จะ
ลดการเกิดปัญ าแทรกซ้อนภาย ลังที่เกิดบาดแผลโดยแบ่งได้เป็น 2 ปัจจัย ลักคือ
1. ปัจจัยเฉพาะที่ (Local factor) ได้แก่
- ิ่งแปลกปลอม เมื่อเกิดบาดแผลมักมี ิ่งแปลกปลอมจาก ิ่งแวดล้อมเข้า ู่บาดแผลซึ่งจะถูกกาจัด
โดยกลไกของร่างกาย เช่นการอักเ บที่ทาใ ้เกิดเม็ดเลือดขาวมาเก็บกิน ิ่งแปลกปลอม ถ้าบาดแผล
มี ิ่งแปลกปลอมมากก็จะทาใ ้แผลเกิดการอักเ บเป็นเวลานาน
- เนื้อเยื่อที่ตาย รือถูกทาลายก็เป็นตัวกระตุ้นใ ้เกิดการอักเ บ ดังนั้นการตัดเอา ่วนเนื้อตายออก
ในช่วงการทาแผลก็ช่วยใ ้การอักเ บน้อยลง
- การเกิดช่องว่างในแผลทาใ ้เกิดการ ะ มของของเ ลวภายใต้แผล

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 26 -
- การติดเชื้อทาใ ้มีการอักเ บมากขึ้น ทาใ ้การ ายของแผลช้าลง
- ค ามเ ีย ายของเนื้อเยื่อถ้ามีมากแผลจะ ายช้า
2. ปัจจัยร มทั้งระบบ (Systemic factor)
ได้แก่ อายุ ค ามอ้ น โรคที่เป็นอยู่ ภาพอา าร
วิธีและขั้นตอนปฏิบัติในการรัก าแผลชนิดต่างๆ
มายถึงการ างแผนการรัก าตามลาดับและตามค ามเ มาะ มของชนิดบาดแผลนั้นๆ เพื่อใ ้
เกิดการ ายของบาดแผลโดยเร็ และ มบูรณ์มากที่ ุดและลดโอกา เกิดภา ะแทรกซ้อนใ ้น้อยที่ ุด
ลักการดูแลรัก าแผล
1. การบังคับ ัต ์
2. การป้องกันบาดแผล
3. การทาค าม ะอาดบาดแผล
4. การระบาย ิ่งคัด ลั่งจากบาดแผล
5. การพิจารณารัก าแผลเปิด รือแผลปิด
6. การ ่อ ุ้มบาดแผล
7. การรัก าทางอายุรกรรม
8. การจัดการทางโภชนาการ
- ัต ์เมื่อเกิดบาดแผลอาจแ ดงอาการเจ็บป ดมีผลต่อการ ายของบาดแผล ในขณะรัก าบาดแผล
ค รใ ้ ัต ์อยู่ในค าม งบ รือเคลื่อนไ น้อยที่ ุด ดูแลไม่ใ ้ ัต ์แทะเลียแผล
- มีการป้องกันบาดแผลไม่ใ ้บาดแผล กปรก รื อปนเปื้อนมากขึ้น ลังจากนาเ กปรกออกจาก
แผลใ ้โกนขนรอบแผลใ ้ ะอาด
- การทาค าม ะอาดแผล เป็นการช่ ยกาจัด ิ่งแปลกปลอมที่ปนเปื้อนในแผลและกาจัดเนื้อเยื่อที่
ได้รับค ามเ ีย าย ารละลายที่ใช้ทาค าม ะอาดแผลต้อง ามารถขจัด ิ่งแปลกปลอมและเนื้อ
ตายออกมากที่ ุดโดยมีผลต่อเนื้อเยื่อปกติที่อยู่ข้างเคียงน้อยที่ ุด เช่น น้าเกลือล้างแผล เบตาดีน
การ ายของแผลมี ลายระดับ ามารถแบ่งได้เป็น
1.การ ายของแผลปรา จากเชื้อ รือบาดแผลติดเชื้อที่ ามารถค บคุมการติดเชื้อได้โดยการเย็บปิด
บาดแผล แผลจะ ายเร็ เพราะกระบ นการ ายของแผลเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่มี ิ่งใดรบก น
2.การ ายของบาดผลติดเชื้อ รือบาดแผลปรา จากเชื้อขนาดก ้างมาก โดยไม่เย็บปิดแผล การ าย
ของแผลจะดาเนินการไปอย่างช้าๆใช้เ ลารัก านาน
3.การ ายของแผลติดเชื้อที่มีขนาดแผลไม่ก ้าง จะทาการรัก าแบบแผลติดเชื้อแต่เนื่องจากขนาดแผล
ไม่ก ้างแผลจึง ายเร็ ก ่า
การรัก าบาดแผล
1. การรัก าแผลปรา จากเชื้อ โดยเย็บปิดปากแผลทันที ลังเตรียมบาดแผลเรียบร้อยแล้
2. การรัก าแผลติดเชื้อระยะเ ลา นึ่ง 5-8 ันจน ามารถค บคุมการติดเชื้อได้แล้ จึงเย็บปิดบาดแผล
ในเ ลาต่อมา
3. การรัก าแผลติดเชื้อระยะเ ลานานก ่าข้อ 2 แล้ เย็บปิดบาดแผล
4. การรัก าบาดแผลปรา จากเชื้อโรคชนิดที่มีการ ูญเ ียเนื้อเยื่ออย่างรุนแรง รือบาดแผลก ้างมากจน
ไม่ ามารถดึงรั้งขอบแผลเข้ามาเย็บติดกันได้ จึงทาการรัก าแผลเปิด โดยการล้างทาค าม ะอาดแผลและใ ่ยา
ระงับการติดเชื้อติดต่อกันทุก ันจนแผล ายการระบาย ิ่งคัด ลั่งที่ ะ มอยู่ภายใต้บาดแผล ิ่งคัด ลั่งภายใต้
บาดแผลเกิดจากการอักเ บของเนื้อเยื่อที่ได้รับค ามเ ีย าย ากไม่ระบายใ ้ มดจะขัดข างการ ายของแผล

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 27 -
อาจมีเชื้อโรคเกิดขึ้นติดเชื้อแทรกซ้อนก่อใ ้เกิดเนื้อตายและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ วัตถุประ งค์ของการระบาย ิ่ง
คัด ลั่งคือเพื่อลดเนื้อที่ว่างเปล่าภายใต้บาดแผลและกาจัดของเ ลวที่มีเซลอักเ บและเซลเนื้อตายปะปนอยู่ การ
เลือกรูปแบบการระบาย ิ่ง ิ่งคัด ลั่งขึ้นอยู่กับชนิดของบาดแผล ตาแ น่งของบาดแผล ภาวะ ัตว์ป่วย เป็นต้น
การ ่อ ุ้มบาดแผล
การพันและ ่อ ุ้มบาดแผลมักทากรณีรัก าแบบแผลเปิด วัตถุประ งค์เพื่อป้องกันกากระทบกระเทือน
รือการติดเชื้อแทรกซ้อนจากภายนอก ช่ว ยทาใ ้ผิว นังบริเวณบาดแผลไม่มีการเคลื่ อนไ ว ช่วยกดระงับ
อาการเลือดออกและดูดซับ ิ่งคัด ลั่งที่ขับออกจากแผลด้วย
การรัก าทางอายุรกรรม
อาจมีการใ ้ยาปฏิชีวนะถ้าเป็นแผลติดเชื้อ ในกรณีที่ ัตว์มีไข้ ูง ซึม เบื่ออา าร อ่อนเพลีย ก็จาเป็นต้อง
ดูแลตามความเ มาะ ม ารอา ารบางชนิดมี ่วน าคัญช่วยเ ริม ร้างการซ่อมแซมของบาดแผล เช่น โปรตีน
วิตามิน แร่ธาตุ เป็นต้น
ปัญ าแทรกซ้อนของบาดแผล
1. การติดเชื้อ
าเ ตุ เกิดจากในแผลมีเชื้อแบคทีเรีย เนื้อตาย การดูแลรัก าที่ไม่ถูกต้องทาความ ะอาดแผลไม่ดี
ุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงภูมิต้านทานโรคต่าและที่ าคัญคือการใ ้ยาปฏิชีวนะที่ไม่ถูกต้อง
อาการ ลัก ณะของแผลที่ติดเชื้อคือ มีกลิ่นเ ม็น มีของเ ลวออกจากแผล แผลจะบวมแดง ัตว์มี
อาการไข้ กินอา ารลดลง ซึมลง
การรัก า ควรทาทันทีที่พบว่าเกิดการติดเชื้อขึ้นโดยใ ้ยาปฏิชี วนะชนิดและขนาดที่เ มาะ มรวมถึง
การรัก าตามอาการด้วย ในแผลที่เป็นแผลปิดอาจทาใ ้เป็นแผลเปิดเพื่อระบายของเ ลวของ นองออก ล้าง
แผลใ ้ ะอาดโดยใช้น้าเกลือ ะอาด ตัดเล็มเนื้อตายออก ทาการล้างแผลทุกวันจนกว่าจะควบคุมการติดเชื้อได้
และเกิดการ ายของแผลดีขึ้น
2. น้าเ ลืองคั่ง (Seroma)
คือการเกิดการรวมตัวของซีรั่มจานวนมากอยู่ในชั้นใต้ผิว นังบริเวณแผลที่เป็นแผลปิด ของเ ลวนี้มี
โปรตีน ูงเ มาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรคโดยเฉพาะแบคทีเรีย จึงทาใ ้เกิดฝี นองตามมาได้ ทาใ ้แผล
ายช้าลง
าเ ตุ การที่เ ้นเลือดถูกทาลาย การจับเนื้อเยื่อที่ไม่นิ่มนวลเวลาทาการผ่าตัด การเย็บแผลไม่ดีปล่อย
ใ ้มีช่องว่างภายใต้แผลอยู่มาก
การรัก า ทาการรัก าโดยการระบายของเ ลวออก โดยกรีดเปิดแผลบาง ่วน อาจใช้ท่อช่วยระบาย
ถ้าเป็นแผลผ่าตัดอาจตัดเอาไ มออกบาง ่วน
3. แผลแตกออก
าเ ตุ
1. เกิดจากการเย็บที่ไม่ดี
2. การติดเชื้อของบาดแผล
3. การเลือกใช้วั ดุผูกเย็บที่ไม่เ มาะ ม
4. แพ้วั ดุผูกเย็บ
5. ความผิดพลาดของผู้ทาการผ่าตัด
6. ตัว ัตว์เอง เช่น อายุ ความอ้วน
การแก้ไข
ถ้า ากมีการติดเชื้อในแผลปิดต้องทาการรัก าแผลเปิด แต่ถ้า ากไม่มีการติดเชื้ออาจทาการรัก าแผลใ ม่ได้

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 28 -
4. โรคบาดทะยัก
าเ ตุ เกิดจากการติดเชื้อ Clostridium tetani มักพบในแผลที่ลึกและ กปรกมีเ ดิน รืออุจจาระ
ปนอยู่ที่บาดแผลทาใ ้บาดแผลไม่ ัมผั กับอากา ภายนอก อาจพบอาการ ลังจากแผล ายแล้ พบได้บ่อยใน
ม้า ัต ์อื่นพบน้อย
การรัก า ไม่มีการัก าที่เฉพาะเจาะจง
- ทาการรัก าแผลโดยใช้ยาฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์ ูงๆ
- ใ ้ยาเพนิซิลินขนาด ูง
- ใ ้ท็อกซอยด์ฉีดเพื่อลดการ ร้าง ารพิ จากเชื้อขึ้นมาใ ม่
5. ภา ะมีเลือดออก
าเ ตุ
1. การ ้ามเลือดไม่ดี
2. ค ามผิดปกติในกลไกการแข็งตั ของเลือด
การรัก า
้ามเลือดด้ ย ิธีต่างๆตามค ามเ มาะ ม
6. ภา ะโล ิตจาง
าเ ตุ เ ียเลือดจาน นมาก
อาการ ัต ์อ้าปาก ายใจ ชีพจรเบาลง เยื่อเมือกซีด มองขาดเลือดไปเลี้ยง อาจรุนแรงถึงตายได้
7. ภา ะที่มีอากา รือแก๊ แทรกอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย
ทาใ ้บริเ ณนั้นบ มและนุ่ม คลาพบเ ียงอากา ใต้เนื้อเยื่อ โดยที่ ัต ์ไม่แ ดงอาการเจ็บป ด พบใน
กรณีแผลที่มีขนาดปากแผลเล็กเมื่อมีการเคลื่อนไ จะทาใ ้อากา ผ่านปากแผลเข้าไป ลังปากแผลปิดแล้ ก็ยัง
มีอากา อยู่ภายใน ที่ าคัญต้องระ ังในกรณีการฉีกขาดทะลุของระบบทางเดิน ายใจ เช่น ช่องอก ลอดลม จะ
ทาใ ้ ัต ์อึดอัด ายใจลาบาก
การรัก า ใช้เข็มเบอร์ใ ญ่เจาะ รือทาการขยายปากแผลใ ้ก ้างและบีบไล่อากา ออก ใช้ผ้าพัน
บริเ ณที่บ ม และรัก าแก้ไขที่ าเ ตุเบื้องต้น

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 29 -

เครื่องมือและอุปกรณ์ทางศัลยกรรม

1. ใบมีดผ่าตัด (scalpal blades)


2. ด้ามมีด (scalpal handle)
3. กรรไกรตัดไ ม (sticth scissors)
4. กรรไกรตัดเนื้อเยื่อ (tissue scissors)
5. กรรไกรตัดผ้าพันแผล (lister bandages scissors)
6. ปากคีบจับเนื้อเยื่อ (tissue forceps)
7. ปากคีบ ้ามเลือด (artery forceps)
8. ไ มเย็บแผล (suture)
9. เครื่องมือจับเข็ม (needles holder)
10. เข็มเย็บแผล (needles)
11. เครื่องมือถ่างแผล (retractors)
12. ที่จับเนื้อเยื่อ (allis tissue forceps)
13. ที่ถ่างช่องคลอด (vaginal speculum)
14. ที่จับผ้า น้าต่าง (towel forceps)
15. ที่กดลิ้น (laryngo scope)
16. ที่ขูดแผล (curette)
17. ที่ขูด ินปูน (tartar scraper)
18. ที่ดูดน้า (suction tip)
19. ไฟ ่องผ่าตัด
20. ที่ นีบ ้ามเลือดตัดใบ ู (ear cropping clamps)
21. ม ก (cap)
22. ผ้าปิดปาก (mask)
23. ชุดผ่าตัด (grown)
24. ถุงมือผ่าตัด (gloves)
25. ผ้าซับเลือด รือผ้าก๊อ ซับเลือด (gauze)
26. ผ้าคลุมแผลผ่าตัด (drapes)
27. ผ้าเช็ดมือ (towel)
28. ท่อ นปั า ะ (urinary catheter)
29. ที่ตอนม้าเพ ผู้ (emasculator)
30. ที่ถ่างปาก (mouth gag รือ dental gag)
31. กรรไกรตัดกระดูก (bone cutting forceps)

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 30 -

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 31 -
การเย็บแผล การผูกมัดปม
(Suture and Ligature) และวัสดุเย็บ

การเย็บและการผูกเงื่อนเป็นพื้นฐานของการทาการ ัลยกรรมทุกชนิดซึ่งมีรูปแบบของการเย็บและการ
ผูกมัด ลาย ิธี ในที่นี้จะกล่า ถึงเฉพาะ ิธีที่มีการใช้มากที่ ุดในปัจจุบัน ซึ่งผู้ทาการผ่าตัดไม่ค รปิดกั้นตั เองที่
จะเลือกใช้ ิธีเดีย เฉพาะ แต่ค รใช้ตามค ามเ มาะ มกับแผลมากก ่า
วัสดุและเครื่องมือ
1. ั ดุเย็บแผล
2. คีมจับเข็มเย็บแผล
3. คีมคีบ
4. คีม นีบ ลอดเลือด
5. เข็มเย็บแผล
6. เครื่องมือเฉพาะต่างๆ
วัสดุเย็บแผล
คุณสมบัติ
ั ดุเย็บแผล ่ นใ ญ่จะต้องมีคุณ มบัติที่ดีคือ มีค ามอ่อนตั นามาฆ่าเชื้อโรคได้ง่าย แข็งแรงไม่ขาด
ง่าย เมื่อผูกปมก็ไม่เลื่อน ลุดง่ายเมื่ออยู่ในแผลต้องไม่ทาใ ้บ ม รือเกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อ
ั ดุเย็บแผลแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. ั ดุเย็บแผลที่ละลายได้ (absorbable suture)
2. ั ดุเย็บแผลที่ไม่ละลาย (Non-absorbable suture)
วัสดุเย็บแผลที่ละลายได้
จะใช้เย็บแผล รือผูกอ ัย ะภายใน ตั้งแต่ชั้นผิ นังเข้าไป เป็น ั ดุเย็บที่ละลายโดยอ ัย ะ เซลล์
และน้า รือของเ ล ในร่างกาย ระ ่างที่แผล าย ในปัจจุบันมี ลาก ลายชนิด ซึ่ง ่ นใ ญ่เป็น ั ดุที่มา
จากการ ังเคราะ ์ ารธรรมชาติ รือ ั ดุ ังเคราะ ์ที่คล้ายโปรตีน เช่น
- ไ มละลาย catgut ทาจาก elastic submucosa ของลาไ ้แกะ นิยมใช้กันมาก
- อื่นๆ เช่น Vicryl , Dexon , Safril
ปัจจัยที่มีผลต่อการสลายตัวของวัสดุเย็บ
1. ขนาดของเ ้นไ ม
2. อายุการใช้งานของ ั ดุ
3. ชนิดของเนื้อเยื่อที่ได้รับการเย็บ
4. ลัก ณะเฉพาะตั ของ ัต ์นั้นๆ

วัสดุเย็บแผลที่ไม่ละลาย
ใช้ผูก รือเย็บอ ัย ะภายนอกซึ่งได้แก่ ผิ นัง จะไม่ละลาย รือถูกดูดซึมโดยเนื้อเยื่อของร่างกาย
ตั อย่างเช่น ไ ม (Silk) ฝ้าย (Cotton) ไนล่อน (Nylon) ล ด เป็นต้น เมื่อไปอยู่ภายในผิ นังร่างกายจะ
พยายามขจัดออกไปเพราะเป็น ิ่งแปลกปลอม เมื่อแผลติด นิทกันดีแล้ จึงตัดไ มออกประมาณ 7-14 ัน ลัง
เย็บแผล รือแล้ แต่ ภาพของแผล ถ้าเกิดแผลเป็น นอง รือไ มรั้งขอบแผลจนอักเ บติดเชื้อก็ต้องรีบตัดไ ม
ออกแล้ รัก าแบบแผลเปิด

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 32 -
ขนาดของเ ้นไ ม
ไม่ ว่ าจะเป็ น ไ มละลาย รื อ ไ มที่ ไ ม่ล ะลายก็ต ามการก า นดขนาดไ มจะใช้ ลั ก การเดีย วกั น
คือ จะเรียงลาดับจากขนาดเล็กไปใ ญ่ ดังนี้ เบอร์ (No.) 7/0 6/0 5/0 4/0 3/0 2/0 0 1 2 3 ตามลาดับ

เครื่องมือเย็บแผล
เข็มเย็บแผล แบ่งเป็น 2 ชนิด
1. เข็มปลายกลม ใช้เย็บอวัยวะที่อ่อนโดยเฉพาะอวัยวะภายใน เช่น เยื่อบุช่องท้อง พังพืดกล้ามเนื้อ ชั้นใต้
ผิว นัง ลาไ ้ เป็นต้น
2. เข็มปลายเ ลี่ยม ลัก ณะปลายเข็มจะเป็นเ ลี่ยมและแบน คม ใช้ า รับผิว นังที่มีความเ นียวมาก
รูปร่างของเข็ม เข็มเย็บแผลจะมีรูปร่างต่างๆ ตามการใช้งาน ได้แก่ ครึ่งโค้งครึ่งตรง, 3/8 วงกลม
และครึ่งวงกลม
คีมจับเข็ม
- แบบ แมทธิว( Mathieu ) ใช้มากที่ ุด ใช้จับเข็มได้ทุกชนิด
- อื่นๆ เช่น Ermoldใช้จับเข็มเล็กๆ , Metzenbaumใช้จับเข็มเย็บลาไ ้
การผูกเงื่อนปมทางศัลยกรรม
การผูกเงื่อนปมที่ดีเป็น ิ่ง าคัญ า รับการผ่าตัด เพราะถ้าผูกปมไม่ถูกต้อง รือไม่แน่น จะทาใ ้ปม
คลายในภาย ลัง ซึ่งจะมีผลเ ียตามมา เช่น วั ดุเลื่อน ลุดจนแผลแตก, ปมคลายตัวในจุดที่ผูก ้ามเลือด
ทาใ ้เลือดไ ลไม่ ยุด
รูปแบบของการผูกเงื่อน
มีอยู่ 3 แบบ คือ
1. การผูกแบบเงื่อนพิรอด รือ เงื่อนแน่น (Square knot)
วิธีนี้จะมัด 2 ครั้งทับกัน ครั้งที่ 1 ปลายซ้ายทับปลายขวา ใช้ปลายข้างใดข้าง นึ่ง มุนเข้าวง
ครั้งที่ 2 ปลายขวาทับปลายซ้าย ปลายข้างใดข้าง นึ่ง มุนเข้าวง
2. เงื่อน ัก รือเงื่อนยายแก่ (Granny knot)
3. การผูกแบบการผ่าตัด (Surgeon knot)
มีลัก ณะการเย็บคล้ายเงื่อนพิรอด ต่างกันตรงที่ครั้งที่ 1 ประกอบด้วยเกลียว องเกลียวและจะมีการ
ผูกครั้งที่ 3 ซ้าอีก นึ่งครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 ปลายซ้ายทับปลายขวา แล้วเอาปลายด้านใดด้าน นึ่งเข้าวงอีกครั้งเป็นซ้า องเกลียว
ครั้งที่ 2 ปลายขวาทับปลายซ้าย มุนปลายข้างใดข้าง นึ่งเข้าวง
ครั้งที่ 3 ปลายซ้ายทับปลายขวา มุนปลายข้างใดข้าง นึ่งเข้าวง
ในกรณีที่ผูกปม ้ามเลือดควรใช้วั ดุผูกที่มีขนาดเ มาะ มและผูกเนื้อเยื่อใ ้น้อยที่ ุดเท่าที่จะทาได้
เนื่องจากร่างกายจะดูดซึมและขับ ิ่งแปลกปลอมเ ล่านี้ออก
รูปแบบของการเย็บแผล (Suture patterns)
แบ่งตามลัก ณะการเย็บมาตรฐานเป็น 2 รูปแบบ คือ
1. การเย็บแบบเป็นเปลาะ (Interrupted suture)
2. การเย็บแบบต่อเนื่อง (Continuous suture)
่วนรูปแบบอื่นๆอาจใช้ตามลัก ณะของวั ดุเย็บแผลและวัตถุประ งค์ในการเย็บแผลแต่ละอย่าง
เช่น การเย็บด้วยลวด การ นีบแผล

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 33 -
การเย็บแบบเป็นเปลาะ
1. แบบ Simple interrupted suture

- เป็นแบบเก่าแก่และนิยมใช้กันมากที่ ุด
- ไม่มีแรงดึงมากเกินไป
- เป็นการเย็บแยกกันของไ มแต่ละเ ้น ิธีการเย็บทาโดยแทงเข็มเย็บจากด้านนอกของขอบแผลผิ นังด้าน
นึ่งผ่ านแผลผ่าตัดใ ้ทะลุ ออกไปยังขอบแผลอีกด้าน นึ่ง ระยะ ่ างระ ่างจุดที่แทงเข็มกับขอบแผล
ประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร ผูกปมใ ้แน่นพอ มค ร แต่ไม่ค รดึงรั้งจนขอบแผลย่นเพราะจะทาใ ้บาด
ขอบแผลและเกิด นองตามมาได้ ่ นระยะ ่างของแต่ละเปลาะประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร ขอบ
แผลจะต้องมาชิดกันพอดีเ มอกันไม่เกยกัน และไม่มีรูแยกระ ่างแผล
2. แบบ Horizontal mattress sutures

- เป็นการเย็บที่เ มาะ า รั บใช้เย็บบาดแผลที่ต้องการแรงพยุงขอบแผลค่อนข้างมาก เช่น การเย็บแผล


บริเ ณข้อต่อข้อ อก รือ ั เข่า เป็นต้น
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 34 -
- เริ่มต้นการเย็บเช่นเดียวกับ simple interrupted suture แต่ ลังจากแทงทะลุเข็มออกที่ขอบแผลผิว นัง
อีกด้าน นึ่งแล้วก็แทงเข็มวกกลับจากขอบแผลผิว นังด้านนั้นไปทะลุที่ขอบแผลผิว นังด้านที่เริ่มต้นเย็บครั้ง
แรก ทาใ ้ไ มที่เย็บทางขอบแผลด้าน นึ่งมีลัก ณะคล้ายบ่วงและขนานกับขอบแผลผิว นังด้านนั้น ่วน
ขอบแผลผิว นังอีกด้าน นึ่งจะมีปลายไ ม องปลาย ไว้ผูกเงื่อนและขนานกับขอบแผลด้านนี้เช่นเดียวกัน
การเย็บควร ่างจากขอบแผล 0.4-0.5 เซนติเมตร ในเปลาะเดียวกันแต่ละฝีเข็ม ่าง 0.5 - 0.8 เซนติเมตร
ระยะ ่างแต่ละเปลาะ 0.5 -1เซนติเมตร
3. แบบ Cross mattress suture
- ใช้มากในการเย็บ ลังจากตัด าง ุนัข
การเย็บแบบต่อเนื่อง
ข้อดีของวิธีการนี้คือเย็บได้รวดเร็ว แต่มีข้อเ ียคือ ่วนใ ญ่ถ้าปมข้างใดข้าง นึ่ง ลุดแผลก็จะแตกได้
เพราะเ ้นไ มจะคลายตัวออก
1. แบบ Simple continuous suture
- เ มาะกับแผลยาวและเป็นกล้ามเนื้อที่ยืด ยุ่นได้บ้าง และไม่ต้องการแรงดึง ูงมากนัก
- ที่นิยมมากที่ ุดคือการเย็บ ่วนของเยื่อบุช่องท้อง
- วิธีการเย็บจะเ มือนกับ simple interrupted suture ในเบื้องต้นและเข็มต่อๆไปใ ้แทงเข็มผ่านตั้งฉาก
กับขอบแผลทั้ง องด้าน จะทาใ ้มองเ ็นวั ดุเย็บแผลคร่อมปากแผลเป็นแนวเฉียงๆ ก่อนแทงเข็มแต่ละ
ครั้งใ ้ได้ว่าจะพอเ มาะเมื่อดึงขอบแผลใ ้มาชิดกันแน่นพอดี เมื่อ ิ้น ุดการเย็บที่ขอบแผลก็ผูกเงื่อนที่บ่วง
ซึ่งเกิดจากการแทงเข็ม ุดท้าย
- แผลไม่ควรยาวเกิน 13 เซนติเมตร
2. แบบ Subcuticular suture

- ใช้เย็บเฉพาะชั้นใต้ผิว นัง
แบบการเย็บอื่นๆ
1. การเย็บแบบหูรูด (Purstring suture)
- ใช้เย็บแก้ไขกรณีมดลูกทะลัก รือ ลาไ ้ใ ญ่ทะลัก
2. การเย็บ stent
- เป็นการเย็บผ้าก๊อ ตรึงกับบาดแผลผิว นังเพื่อช่วยป้องกันบาดแผล กด ้ามเลือดที่ออกจากขอบแผลโดย
การเย็บคล่อมผ้าก๊อ ด้วย แบบ simple interrupted suture รือ แบบ cross mattress suture ก็ได้

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 35 -
ความยาวของปลายไ มที่เ ลือจากการตัด ถ้าเป็นไ มละลายที่เย็บแล้วฝังในร่างกายควรจะตัดปลายใ ้
ชิดปม เพื่อลดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อ ่วนปลายของไ มที่เย็บใน ่วนของผิว นังด้านนอก ใ ้เ ลือปลาย
ประมาณ 0.6-1 เซนติเมตร
การตัดไ มทาได้ในวันที่ 7-14 ลังจากเย็บแผล ทั้งนี้ใ ้พิจารณาจาก ภาพการ ายของบาดแผล
ควรตัดไ มด้วยความระมัดระวัง ทายาฆ่าเชื้อรอบๆขอบแผล ดึงปลายไ มด้านที่มีปมอยู่ขึ้น ใช้กรรไกรตัดใต้ปม
แล้วดึงไ มออก จะทาใ ้ไม่มี ่วนที่อยู่ภายนอกบาดแผลผ่านเข้าไปในบาดแผล เป็นการป้องกันการติดเชื้อจาก
ภายนอก
ิธีการและขั้นตอนปฏิบัติในการทา ัลยกรรมต่างๆ
ฝี นอง (Abscess)
ฝี นอง มายถึง นองในโพรงที่เกิดจากการ ลายตัวของเนื้อเยื่อ มี นองคั่งอยู่ปริมาณ นึ่งคั่งภายใน
ก้อนฝี ลังจากที่ ัตว์เกิดการอักเ บ ฝีประกอบด้วย 2 ่วน คือ ของเ ลว รือก้อนที่เรียกว่า นอง และผนังของ
โพรง นอง
าเ ตุการเกิด นองและฝี
เกิดจากเมื่อร่างกายติดเชื้อเข้ าไปในแผล รือเนื้อเยื่อร่างกายก็จะตอบ นองต่อเชื้อโรคทันที โดยการ
ปล่อยเม็ดเลือดขาวจานวนมากมาทาลายเชื้อโรคและพยายาม ร้างภูมิคุ้มกัน ในบางทีจะ ร้างของเ ลวออกมา
ซึ่งเมื่อรวมกันระ ว่าง ของเ ลว เชื้อโรค เม็ดเลือดขาว เนื้อเยื่อเนื้อตายต่างๆ ก็กลายเป็น นอง และเมื่อ นอง
าทางออกจากแผลไม่ได้ร่างกายก็พยายามจากัดบริเวณเอาไว้โดยการ ร้างผนัง ุ้ม ซึ่งก็กลายเป็น ฝี นั่นเอง
อาการ
ัตว์เมื่อเป็นฝีจะแ ดงอาการ เป็นไข้ เจ็บปวดบริเวณที่เป็น ตาแ น่งที่เป็นฝีจะบวมถ้าฝี ุกผนังกลางฝี
จะบางลงแล้วแตกออก
การรัก า
ถ้าฝียังไม่ ุกอาจรอโดยการประคบร้อนวันละ ลายครั้งเพื่อเร่งใ ้ฝี ุก แต่ถ้าฝี ุกแล้วใ ้กรีดผ่าได้เลย
เพื่อใ ้ นองภายในได้ระบายออกมาโดยโกนขนด้านนอกออกก่อน กรีดใ ้แผลกว้างพอเ มาะที่จะใ ้ นองไ ล
ออกมาได้ มด จากนั้นทาการล้างแผลด้วย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และน้าเกลือล้างแผลตามลาดับ จากนั้น
ใ ้ยาปฏิชีวนะควบคุมการติดเชื้อ
ในกรณีที่ฝีแตกแล้วและพบว่าภายในเป็นโพรงใ ญ่อาจทา setoning โดยการใช้ผ้าก็อ ชุบทิงเจอร์ รือ
ยาฆ่าเชื้อ า รับแผลใ ่เข้าไปในโพรงใ ้พอดีไม่แน่นเกินไปเ ลือชายผ้าไว้ด้านนอกใ ้มีการไ ลของ นองออกมา
ได้ตลอดเวลา และเปลี่ยนผ้าทุกวัน ทาการใ ่ผ้าไว้ประมาณ 3 วัน ก็เพียงพอจากนั้นใ ่ยาฆ่าเชื้อในแผลก็พอ
ฝี บายเป็นฝีที่ค่อยๆเป็นและไม่มีร่องรอยของการอักเ บเป็นฝี นองเรื้อรัง ผนังฝีจะ นา การรัก า
มักจะผ่าเลาะเอาออกทั้งก้อนบวมโดยไม่ฉีกขาด รือ รัก าโดยกรีดเปิดธรรมดาก็ได้ และมีการใ ้ยาปฏิชีวนะ
ร่วมกับการรัก าแผลด้วย
เนื้อตายเนื้อเน่า (Gangrene)
เนื้อตายเน่าเป็นความเ ีย ายของเนื้อเยื่อที่ร้ายแรง ร่างกาย มดความ ามารถที่จะตอบโต้โดนตรงต่อ
ิ่งที่กระตุ้นตัวที่ทาใ ้เกิดโรค รือแผลต่อไปได้อีก อาจเพราะ ิ่งที่ก่อความกระทบกระเทือนนั้นมีความรุแรง
พอที่ทาใ ้เซลตายเฉียบพลัน รือมีผลทาใ ้เซลขาดเลือดไป ล่อเลี้ยง เซลตายได้ การตายปรากฏร่วมกับการ
ที่เนื้อนั้นบนร่างกายเริ่มเน่า อาจมีกลิ่นเ ม็น
าเ ตุ เกิดจากเนื้อเยื่อถูกทาลายและขาดเนื้อเยื่อไปเลี้ยงจึงเกิดเป็นเนื้อตายและ ากมีการติดเชื้อร่วมด้วยก็
เป็นเนื้อเน่าตามมา มักเกิดขึ้น ลังการอักเ บ าเ ตุทั่วๆไป เช่น
ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 36 -
1. การถูกกดรัด รือเ ียด ีบริเวณดังกล่าวทาใ ้ขาดเลือดไป ล่อเลี้ยง เช่น การนั่งกดทับ การพันแผลจนรัด
แน่นเกินไป รือการผ่าตัดไม่ถูกวิธีจนตัดเ ้นเลือดขาดทาใ ้ไม่มีเลือดไปเลี้ยง
2. มีการขัดขวางการไ ลเวียนของเลือดโดย าเ ตุต่างๆ เช่น ารเคมี ลิ่มเลือดอุดตันในเ ้นเลือด
3. การทางานระบบประ าทถูกขัดขวาง
4. การอักเ บที่มีการติดเชื้อ
แบ่งเป็น 2 ชนิด
1. แบบแ ้ง เนื้อตายเน่าที่แ ้ง ไม่ค่อยมีกลิ่นเ ม็น ีน้าตาลอาการป่วยของ ัตว์น้อย
2. แบบเปียกเนื้อตายที่ ่วนนั้นชื้นมีกลิ่นเ ม็นเน่า ีเ ลืองเขียว และเปลี่ยนเป็น ีม่วงแดงมักเกิดใน ่วนเนื้อเยื่อที่มี
น้ามากๆ อาจมีแก๊ เกิดร่วมด้วยในกรณีที่มีเชื้อแบคทีเรียที่ติดเชื้ออยู่เป็นชนิดที่ ามารถ ร้างแก็ ได้
การรัก า
รัก าบาดแผลใ ้ ะอาด ถ้าไม่มีการติดเชื้อเนื้อตายอาจมีการลอก ลุดออกไปเอง แต่ถ้ามีการติดเชื้อ
รือเป็นเนื้อตายขนาดใ ญ่จะต้องทาการตัดทิ้งเพื่อใ ้ ายเร็ว และล้างแผล ร่วมกับการใ ้ยาปฏิชีวนะควบคุม
การติดเชื้อ
ถุงน้า (Cyst)
ถุงน้าเป็นก้อนบวมที่ข้างในเป็นโพรงบรรจุของเ ลวเป็นถุงโตผิดปกติมีผนัง ุ้มบางๆ
าเ ตุ
เกิดจากท่อต่างๆอุดตัน รือมีการ ะ มของๆเ ลว รือมี ิ่งแปลกปลอมภายในเช่น ตัวอ่อนของพยาธิ
การรัก า
1. ตัดออกใ ้ มดทั้งถุง
2. เจาะดูดของเ ลวออก
3. กรีดเปิดใ ้ของเ ลวระบายออก
แผลเปื่อย (Ulcer)
แผลเปื่อย มายถึงแผลที่ผิว น้าของผิว นัง รือผิ ว นัง เยื่อบุเมือกที่เกิดจากการ ูญเ ียเนื้อเยื่อ ่วน
น้าและมักอักเ บ แผลนี้อาจเป็นแผลเก่า รือแผลใ ม่ แผลนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่ ายปิด นิท ด้วยเ ตุที่
ผิว น้า ายไปเกิดกลายเป็น ลุมลึก
แผลกดทับ รือ แผลนอนทับ (Bed sore)
แผลนอนทับเป็นแผลที่เป็นเนื้อตายเน่าอย่าง นึ่งเนื่องจากผิวร่างกายถูกกดทับนานๆโดยเฉพาะที่ปุ่ม
กระดูกอยู่ตื้นมากชิดผิว นังเมื่อถูกกดทับนานๆจะขาดเลือดไปเลี้ยง รือไปเลี้ยงได้น้อยจนทาใ ้เกิดเนื้อตาย
แข็งๆแ ้งๆ มักเกิดใน ัตว์ป่วยที่อ่อนเพลีย รือมีอาการบาดเจ็บต้องนอนป่วยนานๆไม่ ามารถขยับพลิกตัว รือ
ลุกขึ้นยืนได้ ่วนมากจะเป็นเนื้อตายใน ่วนของผิว นังและชั้นใต้ผิ นัง
การรัก า
การรัก าทาเช่นเดียวกับเนื้อตายเน่า แผลต้อง ะอาด พื้นที่ที่ ัตว์นอนต้องไม่ชื้นแฉะอย่าใ ้ ัตว์นอน
ทับนานๆ ตัดเนื้อตายทิ้งและรัก าอย่างแผลเปิดและมีการใ ้ยาปฏิชีวนะระงับเชื้อด้วย

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 37 -
ถุง ้อเลือด (Hematoma )
าเ ตุ
เ ้นเลือดใต้ผิ นังถูกทาลายเนื่องจากการกระแทก รืออื่นๆเลือดซึมออกมา และไปจับตั เป็นก้อนตาม
ชั้นของเนื้อเยื่อตามอ ัย ะต่างๆ เช่น ใบ ูเนื่องจากการเกา ูแรงๆ
การตร จดูภายนอกคล้ายกับการเกิดฝี รือไ ้เลื่อน แต่เมื่อเจาะของเ ล ออกมาจะพบ ่ามีของเ ล ีเ มือนน้า
ล้างเนื้อ รือก้อนเลือดที่แข็งตั ปนออกมา
การรัก า
1. ถ้าเป็นถุงขนาดเล็กอาจทาการประคบร้อนเพื่อกระตุ้นการไ ลเ ียนของเลือดแล้ ร่างกายจะดูด ซึมกลับไป
มด รือทาการเจาะออกมาจน มด
2. ถ้าเป็นมากและมีขนาดใ ญ่ใ ้ทาการกรีดผิ นังใ ้ของเ ล ระบายออกและใ ้ก้อนเลือดที่แข็งตั ออกใ ้
มด ล้างแผลภายในใ ้ ะอาดและใ ้ยาปฏิชี ะค บคุมการติดเชื้อ

การผ่าตัดทา มัน ัต ์
ประโยชน์ของการตอน ัต ์
1. เพื่อป้องกัน ัต ์ที่มีลัก ณะไม่ดีทาการแพร่พันธุ์
2. เพื่อกาจัดกลิ่นของพ่อพันธุ์ที่ปลดชราแล้
3. เพื่อขายใ ้ได้ราคา ูงเพราะ ัต ์ตอนมีร ดี
4. เพื่อเลี้ยงใ ้โตเร็ เพราะ ัต ์ต้องกินอา ารเพื่อไปทาเนื้อโดยตรง
5. เพื่อลดอาการดุร้ายของ ัต ์ รือลดค ามตื่นตั ทางเพ ามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น

การตอน ุนัขเพ ผู้

1. ทาการเตรียมตั ุนัขก่อนทาการผ่าตัดและ างยา ลบ


2. จับ ุนัขนอน งายแล้ โกนขนบริเ ณตั้งแต่ด้าน ลัง นัง ุ้มองคชาตจนถึงถุง ุ้มอัณฑะ และโกนขนเลยถุง
ุ้มอัณฑะมาเล็กน้อยแล้ จึงทาค าม ะอาดตามขั้นตอนปรา จากเชื้อ
3. ขั้นตอนการผ่าตัด

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 38 -
1. คลุมผ้า น้าต่างบริเ ณที่จะทาการผ่าตัดคือระ ่างตาแ น่งที่โกนขน
2. ใช้มือดันลูกอัณฑะด้านใดด้าน นึ่งใ ้ออกจากถุง ุ้มอัณฑะจนขึ้นมาด้านบนบริเ ณเ นือถุง ุ้มอัณฑะ
3. ใช้มีดกรีดผิ นังบริเ ณที่ลูกอัณฑะถูกดันขึ้นมา โดยกรีดผ่านชั้นใต้ผิ นังลงไปในผังพืดที่ ุ้มเนื้อเยื่อด้านใน
4. ใช้มีดรีดเบาๆผ่านผังพืดที่ ุ้มลูกอัณฑะ
5. เมื่อเยื่อผังพืดขาดจะ ามารถยกลูกอัณฑะขึ้นมาได้แต่จะยังมีเยื่อบาง ่ นเ ลืออยู่ ใ ้ใช้ผ้ าก๊อ รูด
ออกไปจน ามารถดึงลูกอัณฑะออกมาได้อย่างอิ ระ
6. ดึง าย ่ นที่เป็นท่อนาน้าเชื้อและเ ้นเลือดที่ต่อมาจากลูกอัณฑะใ ้ตึง แล้ ใช้คีม นีบเ ้นเลือด นีบเอาไ ้
7. ใช้ๆไ มละลาย เช่น catgut เบอร์ 2/0 ผู กใต้คีม นีบ ้ ามเลื อดมัดท่อนาน้าเชื้อและเ ้ น เลื อด
เ ้นประ าทเอาไ ้เพื่อเป็นการผูก ้ามเลือดก่อนตัดลูกอัณฑะออกโดยทาการผูก องเปลาะถัดกันไป
8. ปลดคีม นีบ ้ามเลือดมา นีบไ ้ที่ปลายเปลาะที่ นึ่งเอาไ ้แล้งตัด ่ นที่อยู่ด้านเดีย กับลูกอัณฑะออก
9. ปลดคีม นีบ ้ามเลือดออกตร จดู ่าไม่มีเลือดออกแล้ ดันท่อที่เ ลืออยู่กลับเข้าไปในถุง ุ้มอัณฑะ
10. จากนั้นดันลูกอัณฑะอีกข้าง นึ่งขึ้นมาที่รอยแผลเดิม ทาการกรีดเยื่อผังพืดที่ ุ้มกั้นระ ่างกลางออก
แล้ ดันลูกอัณฑะออกมาผ่านแผลเดิม แล้ ทาการตัดลูกอัณฑะออกเช่นเดีย กับข้างแรก
11. ทาการเย็บผังพืดก่อนชั้นใต้ผิ นังโดยใช้เข็มกลม และ ไ มละลาย เช่น catgut เบอร์ 2/0 โดยใช้ ิธี
Simple interrupted suture
12. เย็บชั้นใต้ผิ นังโดยใช้ ิธี Subcuticular suture
13. เย็บผิ นังโดยใช้เข็มเ ลี่ยมและไ มไม่ละลาย เช่น Silk โดย ิธีแบบ Simple interrrpted suture
14. เย็บ stent รือผ้าก๊อ กด ้ามเลือดและช่ ยป้องกันแผลไ ้
15. ทาแผล ลังการผ่าตัดและใ ้ยาปฏิชี นะค บคุมการติดเชื้อ และตัดไ มตามกา นด

การตอนสุนัขเพศเมีย
การเตรียมตัวสัตว์เพื่อทาการผ่าตัด
จับ ุนัขนอน งายใ ้ลาตั ตั้งตรง ตรึงขาทั้ง ี่กับโต๊ะ จากนั้นโกนขนบริเ ณที่จะผ่าตัด คือบริเ ณ
caudal midline รือบริเ ณตั้งแต่ ะดือลงมาจะเป็นรอยผ่าตัด ฉะนั้นต้องโกนขน ูงขึ้นไปเ นือ ะดือ
ประมาณ 3 นิ้ ยา ลงมาถึงขา นีบ เป็นบริเ ณก ้างประมาณ 3 นิ้ แล้ ทาค าม ะอาดตาม
ขั้นตอนการทาใ ้ปรา จากเชื้อ
ขั้นตอนการผ่าตัด
1. คลุมผ้า น้าต่าง โดยพยายามอย่าใ ้บริเ ณที่ไม่ได้โกนขนลอดออกมาทางช่อง น้าต่างขอบบนอยู่เ นือ
ะดือประมาณ 1.5 นิ้ ขอบล่างอยู ่างจากขอบบนประมาณ 5-6 นิ้
2. กรีดชั้นผิ นังบริเ ณแน กลางตั รือเบี่ยงไปทางด้านข้างเล็กน้อย โดยเริ่มจากเ นือ ะดือ 1-2
ซม. ยา ลงมา 3-4 นิ้ แล้ ทาการแยกผิ นังออก พยายามกรีดใ ้ขาดในมีดเดีย อย่าซ้า
ลาย น และต้องไม่แรงเกินไปจนทะลุชั้นอื่นๆ
3. ถ้ามีเลือดออกใ ้ทาการ ้ามเลือดโดยใช้ผ้าซับเลือด แล้ ใช้คีม นีบ ้ามเลือด นีบ ผูกด้ ย catgut
เบอร์ 2-0ใต้ปลาย artery forceps เมื่อผูกปมแรกใ ้ปลดออกแล้ ดู ่าเลือด ยุดไ ลแล้ รือยังแล้
จึงผูกปมที่ อง และ ามจนเกิด square knot
4. ใช้กรรไกร รือนิ้ เลาะชั้นใต้ผิ นังและไขมันจนพบพังผืดยึดกล้ามเนื้อของ rectus abdominis

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 39 -

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 40 -
5. กรีดพังผืดกล้ามเนื้อตามแนวแผลชั้นผิว นังโดย ลีกแนว linear alba แล้วใช้นิ้ว รือกรรไกร รือ
คีม นีบเ ้นเลือด แยกชั้นกล้ามเนื้อจน ุดขอบแผล
6. เมื่อแยกชั้นกล้ามเนื้อออกจะพบชั้น เยื่อบุช่องท้อง (peritonium) ใ ้ใช้คีม ีบเนื้อเยื่อ allis tissue
forceps จับกล้ามเนื้อแยกออกจากกันทั้ง 2 ข้าง จะเ ็น peritoneum มากขึ้น
7. ยกปลายของ allis tissue forceps ด้านที่จับกล้ามเนื้อขึ้น จะทาใ ้เยื่อบุช่องท้องยกขึ้นตาม ใช้
คีม นีบเนื้อเยื่อคีบเยื่อบุช่องท้อง ขึ้นมาแล้วขลิบด้วยกรรไกรใ ้พอที่จะ อด tissue forceps ลงไป
ใต้เยื่อบุช่องท้องได้เพื่อใ ้มีลัก ณะคล้าย groove ditrector แล้วจึงใช้กรรไกรตัดเยื่อบุช่องท้องไป
ด้าน น้าและด้านท้าย
8. คลา าปีกมดลูก ซึ่งในขณะ ุนัขนอน งาย จะอยู่ใต้กระเพาะปั าวะค่อนไปทางข้างลาตัว เมื่อพบใช้
นิ้วเกี่ยวดึงปีกมดลูกขึ้นมา ารวจจนแน่ใจว่าไม่ใช่อวัยวะอื่น เช่น ลาไ ้ ใช้ผ้าก็อ จับไว้เพื่อป้องกัน
การลื่นไ ล แล้วไล่ไปจนถึงรังไข่ซึ่งอยู่ด้าน น้า โดยจะมี ovarian bursa ุ้มอยู่
9. ผู้ช่วยจะเป็นผู้ใช้มือข้าง นึ่งจับปีกมดลูกใกล้รังไข่ โดยใช้ผ้าก็อ จับและใช้อีกมือ นึ่งจับretractor ดึง
ผนังช่องท้องบริเวณใกล้ขั้วรังไข่ใ ้เปิดกว้างออก แล้วรั้งรังไข่ขึ้นในแนวตั้งฉากกับตัว ุนัข ซึ่งการดึง
ต้องไม่ดึงแรงจนเกินไปเพราะจะทาใ ้ฉีกขาดได้
10. ใช้คีบ นีบเ ้นเลือด นีบขั้วรังไข่ เ นือบริเวณรังไข่เพื่อใ ้เกิดรอยแล้ว โดยเริ่มต้นโดยใช้ artery
forceps แ วกช่องว่างของ broad ligament แล้วจึง นีบรวบขั้วรังไข่ซึ่งประกอบด้วย เ ้นเลือด
ดา และเ ้นเลือดแดงที่มาเลี้ยงรังไข่ และเยื่อยึดรังไข่ซึ่งอาจมีไขมัน ุ้ม จากนั้นใช้ catgut เบอร์ 2
รือเบอร์ 1 ผูก circumferenail ligation บริเวณรอยเมื่อปลด artery forceps และผูกอีก
เปลาะเ นือรอยแรกขึ้นไปเปลาะนี้ใ ้ใช้วิธีผูกเช่นเดียวกับเปลาะแรก
11. ผู้ช่วยจะเป็นผู้ทาใ ้ผูกได้ง่าย โดยยกปีกมดลูกที่จับขึ้นจน ุด ระวังฉีกขาด และใช้อีกมือ นึ่งกดปาก
แผลใ ้ต่ากว่าบริเวณที่ผูก
12. เปลาะที่ 2 จะยังไม่ทาการตัด catgut โดยจะปล่อยชายยาวแล้ว นีบไว้ด้วย คีม นีบเ ้นเลือด
13. ใช้คีม นีบเ ้นเลือดอีกอัน นีบบริเวณปลาย ปีกมดลูกแล้วใช้มือคลารังไข่ใ ้มั่นใจว่ารังไข่ที่จะถูกตัด
ออกอยู่ในบริเวณที่คลา จึงทาการใช้มีด รือกรรไกรตัดใกล้เปลาะแรกที่ผูกเ นือรังไข่
14. ตรวจ อบใ ้แน่ใจทุกครั้งว่าตัดรังไข่ออก มด โดยเปิด bursa ออกดูและตรวจดูว่าไม่มีเลือดไ ลจาก
จุดที่ทาการตัดจึงตัดชาย catgut ที่ยาวและปลดคีม นีบเ ้นเลือดที่ นีบเปลาะที่ องที่ผูกไว้
15. ไล่ตามปีกมดลูกข้างแรกไปจนพบปีกมดลูกและรังไข่อีกข้าง
16. ปฏิบัติดังเช่นการตัดรังไข่ในปีกมดลูกข้างแรก
17. เมื่อตัดขั้วรังไข่ทั้ง องข้างแล้ว จึงทาการฉีก broad ligament และ round ligament ออกจาก
ปีกมดลูกระวังไม่ใ ้เ ้นเลือดใ ญ่ที่เลี้ยงมดลูกฉีกขาด
18. ดึงรั้งปีกมดลูกที่ตัดแล้วทั้ง องข้าง ไปทางด้านท้าย ใ ้ผู้ช่วยจับรวบไว้และกดขอบแผลลงเพื่อใ ้
ทางานได้ง่ายขึ้น
19. พยายามยกมดลูกขึ้นมาจนถึง น้าปากมดลูก จากนั้นใช้คีม นีบเ ้นเลือด นีบบริเวณ น้าปากมดลูก
ใ ้เกิดรอย แล้วปลดออกจากนั้นทา tranfixed ligation โดยใช้เข็มกลมและ catgut เบอร์ 2
รือ 1 โดยผูกรอบเ ้นเลือดที่เลี้ยงมดลูกข้างใดข้าง นึ่งก่อนโดยตักเข็มลงในเนื้อมดลูกบริเวณที่ทา
รอยไว้ เมื่อพันรอบเ ้นเลือดแล้วใ ้พันอีกรอบ นึ่งรอบตัวมดลูกทั้ง มดอีกเปลาะ
20. ทาต่ออีกเปลาะ นึ่งใ ้ ่างจากเปลาะแรกพอ มควร
21. ใช้คีม นีบเ ้นเลือดอีกอัน นีบเ นือบริเวณที่จะตัด แล้วจึงใช้มีดตัดโดยคีม นีบเ ้นเลือดนี้จะอยู่ติดกับ
ตัวมดลูกที่ถูกตัดออกไป
22. ดึงคีม นีบเ ้นเลือดที่ นีบปลาย catgut ของเปลาะที่ อง เพื่อใ ้ตาเ น่งที่ผูกมดลูกยังคงอยู่ที่บริเวณปากแผล
ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 41 -
23. ใช้กรรไกรขลิบผนังมดลูกตรงรอยตัด พยายามใ ้ออกใ ้ มด
24. ใช้ทิงเจอร์ไอโอดีนแต้มบริเ ณที่ตัด
25. ตร จดูใ ้แน่ ่าไม่มีเลือดออกที่จุดใดๆจึงปล่อยใ ้มดลูก ่ นที่เ ลือกลับ ู่ช่องท้อง
26. ทาการเย็บปิดแผลโดยดึงพังผืดยึดลาไ ้มาคลุมลาไ ้ก่อน
27. อาจใช้ยาปฏิชี นะเพนนิซิลินใ ่ลงในช่องท้อง
28. เย็บชั้นเยื่อบุช่องท้องด้ ย catgut เบอร์ 2-0 โดยใช้เข็มกลม ด้ ย simple continuous sututrer
ในกรณีที่เยื่อบุช่องท้องบางมากและฉีกขาดเมื่อเย็บ จาเป็นต้องเย็บร บไปกับบาง ่ นของกล้ามเนื้อ
29. เย็บชั้นกล้ามเนื้อด้ ย ิธี simple interrupted suture
30. เย็บชั้นใต้ผิ นังด้ ย subcuticular suture
31. เย็บปิดผิ นังโดยเปลี่ยนมาใช้เข็มเ ลี่ยม และเย็บด้ ย simpleinterrupted suture โดยใช้ไ ม
เบอร์ 0 รือ 2-0
32. เย็บ stent ปิดปากแผล
33. ทาแผลและใ ้ยาปฏิชี นะติดต่อกัน 5 ัน
34. ถ้า stent เปียก รือถูกแทะจนฉีกขาด ใ ้ตัดออกได้เลย
35. ประมาณ ันที่ 5 ค รตัดstent ออกได้
36. ตัดไ มประมาณ ันที่ 10 ของการผ่าตัด

การระงับความรู้ ึก
เป็นการทาใ ้ ัต ์อยู่ในภา ะที่ปรา จากค ามรู้ ึกของร่างกายชั่ ระยะเ ลา นึ่ง อาจเกิดทั่ ร่างกายที่
เรียก ่า การ ลบ (General anesthesia) รือเกิดเฉพาะแ ่งของร่างกาย (Local anesthesia) ซึ่งเป็นผลของ
ยาระงับค ามรู้ ึก รือเป็นผลของกรรม ิธีใดๆที่ขัดข างการทางานของระบบประ าท ทาใ ้ปรา จากค าม
เจ็บป ด และ ัต ์ ามารถฟื้นกลับคืนเป็นปกติได้ภาย ลัง มดฤทธิ์ของยา
คา าคัญที่เกี่ยวข้องกับการวางยา ลบ
Analegsia มายถึง ภา ะปรา จากค ามรู้ ึกเจ็บป ด
Tranquilization มายถึ ง ภา ะที่ ั ต ์ งบผ่ อนคลาย แต่ยั ง รู้ ึ ก ตั และ นใจ ิ่ งแ ดล้ อ มเรีย ก ่ ากล่ อ ม
ประ าท ยาที่ใช้เรียก ่า Tranquilizer รือ ยากล่อมประ าท
Sedation มายถึง ภา ะที่ ัต ์ง่ งซึมยังรู้ ึกตั แต่ไม่ นใจ ิ่งแ ดล้อมเรียก ่าถูกระงับประ าท และเรียกยาที่
ใช้ ่ายาระงับประ าท
Local anesthesia มายถึง ภา ะที่ ัต ์ปรา จากค ามรู้ ึกเฉพาะแ ่งของร่างกาย ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ รือ
รู้ ึกเจ็บป ดในขณะที่ยังรู้ ึกตั มีการะ ังและยืนอยู่ได้
Regional anesthesia มายถึง ภา ะที่ ัต ์ปรา จากค ามรู้ ึกเฉพาะบริเ ณ รื อเฉพาะ ่ นของร่างกายที่
ก ้างก ่า Local anesthesia
General anesthesia มายถึง ภา ะที่ ัต ์ ลบจากการได้รับยาระงับค ามรู้ ึก ัต ์จะไม่รู้ ึก ปรา จากการ
ตอบโต้การกระตุ้น เนื่องจากระบบประ าท ่ นกลางถูกกดอย่าง มบูรณ์ ไม่ ามารถปลุกใ ้ตื่นชั่ ครา แต่
ามารถฟื้นกลับมาได้ภาย ลังที่ยา มดฤทธิ์
จุดประ งค์ของการทาใ ้ปราศจากความรู้ ึก
1. เพื่อไม่ใ ้ ัต ์มีค ามรู้ ึกเจ็บป ด และมีปฏิกิริยาตอบโต้ขณะผ่าตัด ทาใ ้ทางานได้ ะด กขึ้น
2. เพื่อบังคับ ัต ์ใ ้ งบ รืออยู่นิ่งเพื่อตร จรัก าได้
3. การใช้ยาชา เพื่อช่ ย ินิฉัยโรค
4. การใ ้ยา ลบเพื่อทาใ ้ ัต ์พ้นค ามทรมาณ(Euthanasia)
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 42 -
ประเภทของการวางยาสลบ
1. การดมยา ลบ เป็นการทาใ ้ ัต ์ ลบโดยการใ ้ดมยา ลบที่เป็นก๊าซ รือไอระเ ย
2. การใ ้ยา ลบชนิดฉีด เป็นการทาใ ้ ัต ์ ลบด้ ยการใช้ยา ลบชนิดฉีดเข้าเ ้นเลือดเข้ากล้ามเนื้อ รือเข้าใต้ผิ นัง
3. การใ ้ยา ลบโดยการกิน ิธีนี้ได้ผลไม่แน่นอน
4. การใช้ไฟฟ้า เป็นการทาใ ้ ลบโดยการปล่อยกระแ ไฟฟ้าผ่าน มอง
5. การใช้ค ามเย็น เป็นการทาใ ้ ลบ โดยลดอุณ ภูมิของร่างกายจนถึงระดับที่ ามารถคง ภา ะการ ลบ
อาจใช้ร่ มกับยา ลบเพื่อลดขนาดของยา ่ นใ ญ่ใช้ในการ างยา ลบ ัต ์อายุ น้อย รือ ั ต ์ป่ ยที่
จาเป็นต้องทา ัลยกรรม ั ใจและ ลอดเลือด
ปัจจัยที่มีผลต่อการวางยาสลบ
ัต แพทย์ผู้ทาการ างยา ลบค รพิจารณาเลือกชนิดของยาระงับค ามรู้ ึก รือยา ลบ และ ิธีการ
างยา ลบที่เ มาะ มที่ ุด า รับ ัต ์แต่ละตั และ า รับแต่ละจุดประ งค์เพื่อใ ้เกิดค ามปลอดภัยต่อ ัต ์
และผู้ทาการผ่าตัด ขณะเดีย กันจะต้องเป็น ิธีที่ทาใ ้ ัต ์ มดค ามรู้ ึกถึงระดับที่เพียงพอที่จะ ามารถทางาน
บนตั ัต ์ได้ตามจุดประ งค์ ซึ่งจะต้องนาปั จจัยต่างๆที่จะกล่า ต่อไปนี้มาประกอบการพิจารณาเลือกยาและ
ิธีการ างยา ลบแต่ละราย ดังนี้
1. ระยะเ ลาของการ ลบ
การผ่าตัดง่ายๆมักใช้ยา ลบที่มีฤทธิ์อยู่ไม่นาน มักใช้ชนิดฉีดที่มีฤทธิ์อยู่ไม่นาน แต่ า รับการผ่าตัดที่
าคัญ รือกรณีที่ต้องใช้เ ลานานก็ต้องใช้ยา ลบชนิดฉีดที่มีฤทธิ์อยู่ได้นาน รือใช้ยา ลายชนิดร่ มกัน รือใช้
ิธีดมยา ลบ
2. ุขภาพ
- ัต ์ที่อ้ นมีไขมันมาก จะมีเมตาบอลิซึมต่า จึงต้องการยา ลบน้อยก ่า ัต ์ปกติที่มีรูปร่างเพรีย บาง
รือมีแต่กล้ามเนื้อ
- ใน ัต ์ที่เป็นโรค ั ใจ ตับ ไต ซึ่งเป็นอ ัย ะ าคัญในการขจัดยา ลบ ไม่ค รใช้ยาลบที่มีผลต่ออ ัย ะ
ดังกล่า ค รเลือกใช้ยา ลบชนิดที่ถูกทาลาย รือขจัดทิ้งออกจากร่างกายได้ง่าย รือใช้การระงับ
ค ามรู้ ึกเฉพาะที่จะปลอดภัยก ่า
3. ประ ัติการรัก า
ยาบางชนิดที่ ัต ์ได้รับก่อนการ างยา ลบมี ่ นเ ริมฤทธิ์ยา ลบบางชนิดใ ้รุนแรงมากขึ้น
เช่น ยากลุ่ม Tetracycline, Chloramphinical ขัดข างการทางานของเอนไซม์ในตับ ร่างกายจึงทาลายยา
กลุ่ม Barbiturate และ Local anesthetics ได้ช้า จึงไม่ค รใช้ยากลุ่มเ ล่านี้เป็นยา ลบใน ัต ์ที่รับยา
ดังกล่า เป็นต้น
4. ชนิด
- ยา ลบ ่ นใ ญ่ใช้ได้กับ ัต ์ทุกชนิด แต่ก็มียาบางอย่างที่ไม่ ามารถใช้ได้กับ ัต ์บางชนิด
- การ างยา ลบ ัต ์ใ ญ่ เช่น ม้าและ ั ค รเลือกใช้ยา รือ ิธีการที่ทาใ ้ ัต ์ ฟื้นตั ได้เร็ และนิ่มน ล
ที่ ุด รือใน ัต ์เคี้ย เอื้องค รใช้ยาชาเฉพาะที่เพราะถ้า ากใช้การทาใ ้ ลบทั้งตั จะทาใ ้ท้องอืด
ขย้อน าลักอา าร แต่ถ้า ากใช้ยาชา ัต ์ยัง ามารถยืนอยู่ได้ ช่ ยใ ้อ ัย ะภายในช่องท้องไม่กดการ
ทางานของ ั ใจ
5. พันธุ์
ค ามแตกต่างทาง ายพันธุ์แ ดงลัก ณะที่แตกต่างทางโครง ร้างของร่างกาย เช่น ุนัขพันธุ์ที่มี น้า ั้น
เช่น บูลด็อก มีโครง ร้างทางเดิน ายใจที่ทาใ ้ ายใจไม่ ะด ก ค รใช้ยา ลบที่ทาใ ้ ัต ์ฟื้นตั ได้เร็ และ
ามารถค บคุมการ ายใจได้เองอย่างร ดเร็

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 43 -
6. เพ
ตั ์เพ ผู้มีเมตาบอลิซึม ูงก ่า ัต ์เพ เมียประมาณ 7% จึงต้องใช้ยา ลบมากก ่าเพ เมีย เมื่อเทียบที่
น้า นักเท่ากัน แต่ถ้าเป็นเพ เมียที่ตั้งท้องเมตาบอลิซึมก็จะ ูงก ่าเพ ผู้
7. ขนาด
ัต ์ขนาดเล็ก เช่นแม และ ุนัข ต้องการขนาดยาต่อน้า นักตั มากก ่า ัต ์ใ ญ่ เช่น ม้า และ ั
เนื่องจากมีเมตาบอลิซึม ูงก ่า การนอน ลบก็ไม่เ มาะกับ ัต ์ใ ญ่เนื่องจากมีน้า นักตั มาก เ ้นประ าทและ
ลอดเลือดจะถูกกดทับขณะนอน ลบเป็นเ ลานานจนอาจเป็นอัมพาตและมีการอักเ บของกล้ามเนื้อ
8. อายุ
ัต ์ที่เกิดใ ม่และ ัต ์ที่มีอายุมากมีค ามเ ี่ยงในการ างยา ลบ ูง เนื่องจากมีเมตาบอลิซึมต่า และมี
เอนไซม์ในตับที่จาเป็น า รับการ างยา ลบน้อยก ่าปกติ จึงค รใ ้ยา ลบน้อยก ่าปกติ รือกรณีของ
ยา ลบกลุ่ม Pentobarbital ไม่ค รใช้ใน ัต ์อายุน้อย เป็นต้น
9. กรรมพันธุ์
ัต ์ชนิดเดีย กันแต่แตกต่างพันธุ์ อาจมีค ามไ ต่อยา ลบไม่เ มือนกัน
10. นิ ัยและอารมณ์
ัต ์ที่ตื่นเต้นอาจต้องใช้ย า ลบเพิ่มมากขึ้นและค บคุมลาบาก จึงค รฉีดยาทาใ ้ ัต ์ ลบเ ียก่อน
เพื่อ ะด กต่อการใ ้ยา ลบและ ลีกเลี่ยงการเพิ่มขนาดของยา ลบ การฉีดยา ลบเข้าเ ้นเลือดทาได้ใน ัต ์
ที่เชื่องแต่ใน ัต ์ที่ดุร้ายอาจทาได้แค่เพียงฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
11. อื่นๆ เช่น ประ บการณ์ของผู้ทาการ างยา ลบ การออกกาลังกายของ ัต ์ ั ดุอุปกรณ์และผู้ช่ ย
การเตรียมตัวสัตว์ก่อนวางยาสลบ
1. การตร จร่างกายและประเมิน ภาพ ัต ์ก่อน างยา ลบ
- ดูประ ัติ ัต ์ป่ ย
- ตร จดูที่ตั ัต ์
2. ประ ัติการใ ้ยา
3. การอดอา ารและน้า
- ัต ์ที่มีอา ารอยู่ในกระเพาะอา ารจะมีค ามเ ี่ยงอันตรายจากการ าลักเอาอาเจียนที่ออกมาเข้าไปใน
ปอดได้ เพราะยา ลบมีฤทธิ์ข้างเคียงทาใ ้อาเจียน
- ม้าต้องอดอา าร 6 ชั่ โมง อดน้า 1-2 ชั่ โมง
- ัต ์เคี้ย เอื้องอดอา าร และน้า 12-18 ชั่ โมง
- ุนัข ุกร และแม อดน้าและอา าร 6-12 ชั่ โมง
- ลูก ัต ์อด เพียง 1-2 ชั่ โมง เพราะถ้านานก ่านั้นร่างกายจะมีระดับน้าตาลในเลือดต่ามีผลเ ียต่อ
ร่างกายได้
5. การ นปั า ะและอุจจาระ
ก่อน างยา ลบค รใ ้ ัต ์ถ่ายอุจจาระและปั า ะใ ้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค
เมื่อ ัต ์ถ่ายออกมาขณะผ่าตัด ถ้า ัต ์ไม่ถ่ายเอง ค รทาการ นออกมาในขณะ ลบก่อนทาการผ่าตัด
ระดับความลึกของการสลบ
ในการ างยา ลบจ าเป็ น จะต้ อ งใ ้ ั ต ์ ไ ม่ รู้ ึ ก ตั อยู่ นิ่ ง และปรา จากค ามเจ็ บ ป ด แต่ ใ น
ขณะเดีย กัน ก็ต้องคานึงถึ งค ามปลอดภัย ของ ั ต ์ ผู้ทาการ างยา ลบจะต้องคอย ั งเกตอาการของ ั ต ์
ตลอดเ ลาที่ ลบและนามาประกอบการพิจารณาการเพิ่มขนาดยา ลบเพื่อใ ้ ัต ์ ลบอยู่ในระดับที่ทาการผ่าตัด
ได้อย่างปลอดภัย ระดับค ามลึก ามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ แต่การประเมินระดับค ามลึกจริงๆค่อนข้าง

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 44 -
ยากเพราะเนื่องจากไม่ ามารถแยกระดับต่างๆออกจากกันได้อย่างชัดเจน และอาจพบบางอาการตรงระยะที่อยู่
ระ ว่างระดับความลึกของการ ลบแต่พอจะ รุปได้คร่าวๆดังนี้
ระดับที่ 1
- เริ่มตั้งแต่ใ ้ยา ลบและ ิ้น ุดเมื่อ ัตว์ไม่รู้ ึกตัว
- อาการที่แ ดงพบว่า ัตว์บางตัวอาจตื่นเต้น อาจมีการกลั้น ายใจชั่วขณะ ัวใจเต้นเร็ว และแรงรูม่าน
ตาขยาย ัตว์อาจถ่ายอุจจาระและปั าวะ ในรายที่ไม่ได้รับยาอาโทรปีนก่อนวางยา ลบจะมีน้าลาย
ไ ลในระยะท้ายของระยะที่1 ก่อนเข้า ู่ระยะที่ 2 ัตว์ไม่ ามารถยืนอยู่ได้ จะทรุดตัวลงนอนและไม่
รู้ ึกตัวแต่อาจจะยก ัวได้

ระดับที่ 2
- เริ่มตั้งแต่ ัตว์ไม่รู้ ึกตัว จนกระ ัตว์ ายใจอย่าง ม่าเ มอก่อนเข้าระดับที่ 3
- ยา ลบกดการทางานของระบบประ าท ่วนกลาง ทาใ ้ ัตว์เ ียการควบคุมตัวเอง ดังนั้น จึงมีรีเฟล็
กซ์รุนแรงต่อการกระตุ้นจากภายนอก อาจดิ้นรน รือเตะขารุนแรง อาจมีการอาเจียนใน ระยะนี้ การ
ายใจตอนต้นยังไม่ ม่าเ มอ ยังมีการกระพริบตาเมื่อถูกกระตุ้นที่เปลือกตา รือ นังตา แต่ในระยะ
ท้ายก่อนเข้าระยะที่3 ัตว์จะ ายใจ ม่าเ มอ ไม่มีรีเฟล็กซ์ของการกลืนและ การอาเจียน ในระดับที่ 2
นี้ ัตว์จะมีปฏิกิริยารุนแรง การทาใ ้ ลบจึงต้องเลือกยาและวิธีที่ทา ใ ้ ัตว์ผ่านระยะนี้ไปเร็วที่ ุด
ระดับที่ 3
- การ ลบระดับนี้ ามารถทาการผ่าตัดได้
- การ ายใจช้าลงแต่ ม่าเ มอ
- ไม่มีรีเฟล็กของการอาเจียน
การ ลบระยะนี้แบ่งเป็นระดับย่อยได้เป็น 3 เพลน คือ
เพลนที่ 1
- ัตว์ไม่รู้ ึกเจ็บ ายใจ ม่าเ มอ
- มี corneal reflex คือเมื่อ ัมผั ที่ ัวตายังมีการกระพริบตา รือกรอกตาไปมาอยู่บ้าง และ palpebral
reflex การดึงขากลับเมื่อถูกบีบนิ้ว รือง่ามนิ้วเท้ายังคงมีอยู่
- แต่ไม่มีรีเฟล็กของการไอและการกลืน
- ทาการผ่าตัดง่ายๆได้ เช่น กรีดฝี ตัดเนื้อตายที่แผล
เพลนที่ 2
- ยุดกรอกตาไปมา
- ายใจลึก ม่าเ มอ ม่านตาไม่ตอบ นองต่อแ ง
- ถ้าเป็น ุนัข ลูกตาดาจะตกลงซ่อนอยู่ใต้เปลือกตาล่าง
- ไม่มีปฏิกิริยาการดึงขา นี
- ามารถผ่าตัด ่วนใ ญ่ได้ เช่นการเย็บแผล แต่ไม่ ามารถผ่าตัดช่องท้องได้
เพลนที่ 3
- ายใจเร็วขึ้นแต่ตื้นและ ม่าเ มอ
- ายใจโดยใช้ช่องท้องและกระบังลมมาตั้งแต่ปลายระยะที่ 2
- ไม่มี pedal reflex คือ ไม่มีปฏิกิริยาดึงขากลับเมื่อถูกบีบง่ามนิ้ว
- กล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ย่อนมาก
- ามารถผ่าตัดอวัยวะภายในช่องท้องได้

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 45 -

ระดับที่ 4
- ระบบประ าทถูกกดอย่างมาก รวมทั้งระบบ ายใจ
- เป็นระยะของการได้รับยาเกินขนาด
- อาจ ยุด ายใจ เยื่อเมือกที่บุช่องปากซีด รูม่านตาขยาย อุจจาระและปั าวะไ ล ัตว์จะตายในที่ ุด
ถ้าไม่ได้รับการช่วยเ ลือ
ดังนั้นในการวางยา ลบ จึงควรควบคุมใ ้ ัตว์ ลบอยู่ในเพลนที่ 2 รือ 3ของระดับที่ 3 เพื่อป้องกันการ
พลาดเข้า ู่ระดับที่ 4
การเฝ้าระวังการ ลบ
1. การจัดท่านอนโดยเฉพาะ ัตว์ใ ญ่ไม่ใ ้เกิดการกดทับ
2. การ ังเกตดูความลึกของการ ลบ จดบันทึกการ ายใจ การเต้นของ ัวใจ อุณ ภูมิของร่างกาย ัตว์
การฟื้นจาก ลบ
การฟื้น จาก ลบจะเกิ ดขึ้ น เมื่อ ยุด ใ ้ ย า ลบและยาถูก ขับออกจาก มอง ซึ่ ง ั ต ว์จ ะแ ดงอาการ
ย้อนกลับของระดับต่างๆของการ ลบ จะต้องมีการดูแล ัตว์ตั้งแต่มีการฟื้นตัวมาจนถึงระดับที่ 2 ของการ ลบ
โดยเฉพาะ ัตว์ใ ญ่ คือ ม้า เพราะมักจะแ ดงอาการดิ้นรนพยายามจะลุกขึ้นขณะที่ยังทรงตัวไม่ได้ซึ่งอันตราย
มาก ้องพักฟื้นควรเงียบ งบมีวั ดุ นานุ่มรองรับอยู่
ยาเตรียมการ ลบ
ยาเตรียมการ ลบ (Preanesthetics) เป็นยาที่ใ ้ ัตว์ในระยะก่อนชักนาใ ้ ลบแบ่งออกเป็น
1. Anticholinergics
2. Tranquilizers รือ sedative
วัตถุประ งค์ของการใ ้ยาเตรียมก่อนใ ้ยา ลบ
1. เ ริมฤทธิ์ของยา ลบ ทาใ ้ ามารถลดขนาดการใช้ยา ลบลง ช่วยใ ้ ัตว์ที่ ลบฟื้นตัวเร็ว
2. ทาใ ้ ัตว์ งบไม่ดิ้นรน ไม่ตื่นเต้นจนเกินไป ก่อนที่จะใ ้ยา ลบจริง
3. ช่วยทาใ ้ทางเดิน ายใจโล่ง ลดการ ลั่งของน้าลาย
4. ป้องกัน รือ ลดการอาเจียน และการขย้อนอา าร
5. ลดอาการการเต้นผิดปกติของ ัวใจ
6. ช่วยใ ้กล้ามเนื้อ ย่อนตัว ามารถทาการผ่าตัดได้ง่าย

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 46 -
ยากลุ่ม Anticholinergics

อาโทรปีน (Atropine)
- ฉีดเข้าใต้ผิว นัง กล้ามเนื้อ รือเ ้นเลือดดา ฉีดก่อนวางยา ลบ 15-20 นาที
- ขนาดการใช้ ุนัข แมว 0.04 มก./กก, ม้า 0.04 มก./กก.
- การออกฤทธิ์
1. ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของ ัวใจ
2. ช่วยขยาย ลอดลม
3. ลดการ ลั่งของน้าลายที่เนื่องจากฤทธิ์ของยา ลบ
ยากลุ่ม Tranquilizer และ Sedative
จุดประสงค์การใช้
1. เพื่อทาใ ้ ัตว์ งบและควบคุมได้ง่าย
2. ช่วยเ ริมฤทธิ์ของยา ลบทาใ ้ลดขนาดการใช้ยา ลบลงได้
3. ทาใ ้ ัตว์ฟื้นจากการ ลบได้ดีขึ้น
4. ระงับปวดจะฉีดก่อนวางยา ลบอย่างน้อย 15-30นาที และใ ้ ัตว์อยู่ในที่ งบเพื่อใ ้ยาออกฤทธิ์ได้
เต็มที่ ได้แก่
1. กลุ่ม Phenothiazine

Acepromazine
- ขนาดการใช้ 0.025-0.1 มก./กก. ไม่เกิน 3 มก.ต่อตัว
- ฉีดเข้าใต้ผิว นัง เข้าเ ้นเลือด กล้ามเนื้อ
- การออกฤทธิ์ จะกดการทางานของระบบประ าท ่วนกลาง จึงทาใ ้ง่วงซึมไม่ นใจ ิ่งแวดล้อม
- ผ่านรกมีผลต่อลูก
2. กลุ่ม Alpha adrenocopter agonist

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 47 -

Xylazine hydrochloride (Rompun)


- ระงับอาการเ ียดและปวดท้องของม้าได้ดี
- ช่วยใ ้กล้ามเนื้อ ย่อน ทาการผ่าตัดได้ง่าย
- ขนาดการใช้ 1-3 มก./กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
ยาสลบชนิดฉีด
เป็นวิธีที่ง่ายและ ะดวก ไม่ต้องใช้เครื่องดมยาที่มีราคาแพง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1. กลุ่ม Barbiturates เช่น Pentobarbital sodium (Nembutal) Thiopental
2. กลุ่ม Non- barbiturates เช่น ketamine zoletil

เพนโทบาบิโทนโซเดียม (Pentobarbital sodium)


- เป็นยา ลบที่ใช้ใน ุนัข และอาจใช้กับแมวบ้าง
- ออกฤทธิ์อยู่ได้นาน แต่บางครั้งนานเกินไป ัตว์ฟื้นช้า
- การฟื้นตัวของ ัตว์ไม่นุ่มนวล จึงควรใช้ร่วมกับยาอื่นเพื่อลดขนาดการใช้ยา
- กดการ ายใจ
- ผ่านรกจากแม่ไป ู่ลูก

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 48 -

ไทโอเพนโทล โซเดียม (Thiopental sodium)


- มีความปลอดภัยกว้าง
- เ ื่อมคุณภาพง่าย ากเก็บรัก าไม่ดี
- ไม่ควรใช้ใน ัตว์อายุน้อย
- การออกฤทธิ์ กดระบบประ าท ่วนกลาง ออกฤทธิ์เร็ว กดการ ายใจ
- ผ่านรก
- ขนาดการใช้ 20 มก./กก. ฉีดเข้าเ ้นเลือด
การคานวณปริมาณการใช้ยา
1. คานวณปริมาณยาในขวดก่อนว่า ใน 1 cc มีตัวยากี่ มก.
เช่น ยา thiopental sodium ใน 1 ขวดมีตัวยา 1 กรัม ( รือ1000 มก.) แต่ต้องผ มน้ากลันลงไป 20 cc
การคานวณ
ในยา 1 ขวด ปริมาตร 20 cc มีตัวยา 1000 มก.
ถ้ายาปริมาตร 1 cc จะมีตัวยา = (1000*1) / 20 = 50 มก.
2. คานวณปริมาณยาที่จะต้องฉีดใ ้ ัตว์ตาม ัด ่วนของน้า นักตัวเป็น น่วย cc
เช่น ุนัขมีน้า นักตัว 10 กก.
ยา อาโทรปีน ซัลเฟต ต้องฉีดขนาด 0.04 มก./กก.
เท่ากับต้องฉีด 0.04 (มก./กก.) * 10 ( กก.) = 0.4 มก.
มีปริมาณยา 0.6มก./ 1 cc
เพราะฉะนั้นต้องฉีด = (0.4*1) / 0.6 = 0.67 cc
การวางยาสลบสุนัข
1. ตรวจร่างกาย
2. อดอา ารและน้า 8-12 ชั่วโมง
3. ฉีดยา อาโทรปีน ซัลเฟต ร่วมกับยานา ลบ เช่นยา XylazineHCl รือ Acepromazineเข้ากล้ามเนื้อ
รอประมาณ 15-20 นาที
4. ฉีดยา ลบ เช่น Thiopental sodium รือ Nembutal เข้าเ ้นเลือด ในขนาดที่ทาใ ้ ุนัขอยู่ใน
ระดับการ ลบที่เ มะ มกับการผ่าตัด ที่เ ลือใช้เติมระ ว่างการผ่าตัดตามระดับความลึกของยา ลบ

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 49 -
อาการเลือดออกและการควบคุมการไ ลของโล ิต

อาการเลือดออก มายถึง การที่มีเลือดไ ลออกมาจากเ ้นเลือด


แ ล่งที่เลือดออก
1. เลือดไ ลออกจากเ ้นเลือดแดง เลือดที่ไ ลจะพุ่งออกแรงและมี ีแดง ด
2. เลือดไ ลออกจากเ ้นเลือดดา เลือดที่ออกจะไ ลช้าและมี ีแดงคล้า
3. เลือดไ ลออกจากอ ัย ะภายใน เช่น ตับ ม้าม ไต ปอด โดยเลือดจะไ ลซึมออกมาเรื่อยๆและคั่งอยู่
ภายในร่างกาย
4. เลือดไ ลออกจากเ ้นเลือดฝอย จะพบ ่าเลือดจะไ ลออกเป็นลัก ณะ ยดๆและเลือดมัก ยุดได้เอง
ผลของการเ ียเลือด
1. ูญเ ียเม็ดเลือดแดง ทาใ ้การนาออกซิเจนไปเลี้ยง ่ นต่างๆของร่างกายลดลง อ ัย ะ าคัญของ
ร่างกายขาดออกซิเจน ากรุนแรงจะเกิดอาการช็อก และตายได้
2. เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน เนื่องจากเลือดเป็นอา ารที่เ มาะ มต่อการเจริญเติบโตของเชื้อ
3. บาดแผล ายช้า เนื่องจากเลือดข างอยู่ระ ่างขอบแผลทาใ ้ขอบแผลอยู่ ่างกัน
3. ทาใ ้การผ่าตัดล่าช้าและต้องอา ัยอุปกรณ์ ้ามเลือดเพิ่ม
การ ้ามเลือด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. การ ้ามเลือดที่เกิดจากปัจจัยภายในร่างกาย
การ ้ามเลือดที่เกิดขึ้นเองภายในร่างกายโดยธรรมชาติเกิดขึ้นโดยผนังเ ้นเลือดชั้นใน ุด และกล้ามเนื้อ
เรียบของเ ้นเลือดเกิดการ ดตั เพื่อยับยั้งการไ ลของเลือด ในขณะที่บริเ ณที่เกิดบาดแผลจะเกิดการ ดตั
เพื่อดึงรั้งขอบแผลใ ้เข้ามาชิดกัน นเลือดที่ไ ลออกจากเ ้นเลือดมา ะ มบริเ ณบาดแผลนั้นร่างกายจะมี
กระบ นการแข็งตั ของเลือดและอา ัยเลือดที่แข็งตั แล้ บริเ ณบาดแผล ช่ ยกดเพื่อยับยั้งใ ้เลือด ยุดไ ลได้
อีกด้ ย
2. การ ้ามเลือดที่เกิดจาก ิ่งภายนอกร่างกาย
เป็นการ ้ามเลือดโดยอา ัย ิทยาการและอุปกรณ์เข้ามาเ ริม ได้แก่
2.1 การใช้การช่ ยกดและและซับเลือด จากผ้าซับเลือด ผ้าก๊อ โดยการกดปากแผลไ ้ระยะเ ลา ั้นๆ
แล้ ยกออก ซึ่งเมื่อเลือด ยุดไ ลแล้ อย่าพยายามถูไถเนื้อเยื่อบริเ ณนั้นเพื่อป้องกันไม่ใ ้เลือดออกมาอีก ใช้ได้
กับบาดแผลขนาดเล็ก รือเลือดที่ไ ลออกจากเ ้นเลือดฝอย
2.2 การกด ้ามเลือดโดยอา ัยแรงกดจากนิ้ มือกด ่ นเ ้นเลือด โดยใ ้กดอยู่เ นือบริเ ณที่มีเลือดออก
2.3 การ ้ามเลือดโดยการขันชเนาะ โดยใช้ ายยาง แถบผ้า เชือก จะทาในช่ งเ ลา ั้นๆ การผูกรัดที่
นานเกินไปอาจทาใ ้เกิดเนื้อเยื่อเ ีย าย ง่ายต่อการติดเชื้อและอาจเกิดป็นเนื้อตายได้
2.4 การ ้ า มเลื อดโดยใช้คีม นี บเ ้ นเลื อด บี บเ ้ นเลื อดตรงตาแน่ง ที่เลื อดไ ลโดย นีบไ ้ใ ้ เกิ ด
กระบ นการแข็งตั ของเลือด แล้ จึงปลดเครื่องมือออกมักใช้กับเ ้นเลือดขนาดเล็ก
2.5 การใช้ ั ดุผูกเย็บดึงรั้งและผูกเนื้อเยื่อรอบๆตาแ น่งที่มีเลือดออก ทาใ ้เนื้อเยื่อบริเ ณนั้นเข้ามา
ชิดกันแน่นเป็นการช่ ยกด ้ามเลือ ดไ ้ รือผูกที่ปลายเ ้นเลือด ากพบเ ็น ่ นของปลายเ ้นเลือด เป็น ิธีที่
นิยมมากที่ ุด
2.6 การ ้ามเลือดโดยใช้ค ามร้อน
2.7 การใช้ าร ้ามเลือด แบ่งได้เป็น 2 ประเภท
1. ารเคมี ้ามเลือดเฉพาะที่ เช่น Adrenaline Silvernitrate
2. ารเคมี ้ามเลือดทั่ ร่างกาย เช่น ิตะมินเค TranminNeohesna
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 50 -

โรค การป้องกันโรค

ความมุ่งหมาย เพื่อใ ้ผู้เข้ารับการ ึก าได้เรียนรู้ถึงโรค การป้องกันโรคและการปฐมพยาบาล เพื่อนาไปใช้ใ ้


เกิดประโยชน์แก่ ุนัข เจ้า น้าที่ ัต รัก ์( ุนัข) ค รจะต้องมีค ามรู้ในเรื่องโรคของ ุนัข เพื่อจะได้ าทางป้องกัน
โรคไม่ใ ้เกิดขึ้นแก่ ุนัขได้ ทั้งทางทฤ ฎีและภาคปฏิบัติ และค รฝึก าค ามชานาญจน ามารถนาไปปฏิบัติงาน
ที่ได้รับมอบ มายได้
1. โรคติดต่อและการป้องกัน
ก. โรคติดต่อ มายถึง โรคที่เมื่อเกิดขึ้นใน ัต ์ตั นึ่ งแล้ ามารถติดต่อไปยัง ัต ์ตั อื่น ๆ โดยมีเชื้อ
โรคเป็น าเ ตุ การติดต่อของโรค ามารถติดต่อได้ ดังนี้.-
(1) ติดต่อโดยตรง จากการ ัมผั รือกิน ิ่งขับถ่ายของ ัต ์ป่ ย เช่น น้ามูก น้าลาย ปั า ะ
รืออุจจาระของ ัต ์ป่ ย
(2) ติดต่อโดยการที่เชื้อโรคปลิ ไปในอากา
(3) ติดต่อโดยการ ืบพันธุ์
(4) ติดต่อโดยมีตั นาเชื้อ เช่น เ ็บ แมลง มนุ ย์ รือ ัต ์อื่น ๆ
ข.การป้องกันโรคติดต่อ
(1) แยก ัต ์ป่ ย
(2) ร้างภูมิคุ้มกันโรคใ ้กับ ัต ์ เช่น การฉีด ัคซีน
(3) ป้องกันมิใ ้มีตั นาเชื้อ
(4) ฆ่าเชื้อโรคในคอก ัต ์ป่ ย และบริเ ณใกล้เคียง ในกรณีที่ ัต ์ป่ ยตายลง ทาลายซากโดย
ิธีที่ถูกต้อง
(5) มีการกักกันโรคก่อนรับ ัต ์ใ ม่เข้าคอก อย่างน้อย 15 ัน
(6) ในกรณีที่ ัต ์ป่ ยตายลงทาลายซากโดย ิธีที่ถูกต้อง และการทาลายที่ดีที่ ุดคือการเผา แต่
ถ้าไม่ ามารถทาได้ ใ ้ฝังโดย ิธีดังต่อไปนี้.-
(ก) การเลือก ถานที่ฝัง ใ ้ไกลบริเ ณน้าไ ล และแม่น้า ลาธาร ตลอดจนแ ล่งน้า
เพราะเชื้อโรคที่ทนอยู่ในดินจะแพร่กระจายไปได้
(ข) การฝังซาก ค รฝังใกล้บริเ ณที่ ัต ์ตาย รือบริเ ณที่ฝังซากเพื่อจะได้ไม่ต้อง
เคลื่อนย้ายไปไกล ซึ่งจะทาใ ้เชื้อโรคกระจายได้
(ค) ขุดดินใ ้ลึกพอ มค ร เมื่อเอาซากลง ลุมแล้ กลบด้ ยปูนขา แล้ จึงกลบดิน
(ง) เลือด นอง ปั า ะ อุจจาระ ที่เปื้อนอยู่ใ ้ฆ่าเชื้อด้ ยน้ายาฆ่าเชื้อโรค
(จ) บริเ ณที่ฝัง อย่าใ ้ ัต ์อื่นเข้ามาเ ยียบย่า
2. โรคติดต่อร้ายแรงและการป้องกัน
โรคติดต่อร้ายแรง มายถึง โรคที่เกิดขึ้นแล้ จะติดต่อถึง ัต ์อื่นได้อย่างร ดเร็ และมีอัตราการตาย ูง
โรคติดต่อร้ายแรง ซึ่ง ูนย์การ ุนัขท าร กา นดไ ้ ่า ุนัขทุกตั ต้องได้รับการฉีด ัคซีนป้องกันโรค ได้แก่
- โรคไข้ ัด ุนัข
- โรคตับอักเ บติดต่อใน ุนัข
- โรคเลปโต ะไปโรซี
- โรคพิ ุนัขบ้า
- โรคลาไ ้อักเ บติดต่อใน ุนัข
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 51 -
ก. โรคไข้ ดั ุนัข
โรคไข้ ัด ุนขั เป็นโรคติดต่อร้ายแรงใน ุนัขอายุยังน้อย ๆ มักพบใน ุนัขอายุต่าก ่า 1 ปี
าเ ตุ เกิดจากเชื้อไ รั
การติดต่อ (1) โดยการ ัมผั โดยตรง
(2) โดยการรับเชื้อจากอากา
อาการ ุนัขจะซึม เบื่ออา าร มีไข้ ูงอยู่ 1 – 3 ัน จากนั้นอุณ ภูมิจะลดลงจนปกติอยู่
2 – 3 ันอาการทั่ ไปจะดีขึ้น ต่อมาอุณ ภูมิจะ ูงขึ้นอีก ขี้ตา และเคืองตา น้ามูกข้น ท้องร่ ง ุนัข จะผอม
และน้า นักจะลดลงร ดเร็ อาจมีโรคแทรก คือ ปอดบ ม ทาใ ้ ุนัขตาย นอกจากนี้อาจจะมีอาการอาเจียน
และพบตุ่ม นองใต้ท้องและขา นีบ อาจพบอาการทางประ าท ชัก ุนัขที่เป็นโรคนี้ จะมีกลิ่นเฉพาะตั
การป้องกัน ฉีด ัคซีนป้องกันโรคไข้ ัด ุนัข ซึ่งเป็น ัคซีนร มกับโรคตับอักเ บติดต่อใน ุนัข
และโรคเลปโต ะไปโรซี เมื่อลูก ุนัขอายุ 9 ัปดา ์
ข. โรคตับอักเ บติดต่อใน ุนัข
โรคตับอักเ บติดต่อใน ุนัข เป็นโรคติดต่อที่เกิดได้ใน ุนัขทุกอายุ แต่ ุนัขอายุน้อยมีโอกา เป็นได้ง่าย
าเ ตุ เกิดจากเชื้อไ รั (คนละชนิดกับที่ทาใ ้เกิดโรคไข้ ัด ุนัข)
การติดต่อ (1) การใช้ภาชนะและ ิ่งของร่ มกับ ุนัขป่ ย
(2) ปั า ะของ ุนัขที่เป็นโรค
อาการ ุนัขจะซึม เบื่ออา าร ไข้ ูง ซึ่งต่อมาจะลดลงจนถึงระดับปกติ รืออาจต่าก ่าปกติ เยื่อ
บุตาอักเ บ น้ามูกและน้าตาไ ล บางรายมีอาการบ มน้าใต้คอ และ ีร ะเยื่อบุต่าง ๆ เช่น ที่ปากจะซีดเ ลือง
ตาฝ้าขา อาการอื่น ๆ คือ อาเจียนและท้องร่ ง ุนัขมักจะตายด้ ยอาการโรคแทรก เช่น ปอดบ ม
การป้องกันเช่นเดีย กับการป้องกันโรคไข้ ัด ุนัข
ค. โรคเลปโต ะไปโรซี
โรคเลปโต ะไปโรซี เป็นโรคติดต่อที่เกิดขึ้นได้ใน ัต ์ ลายชนิดและติดต่อถึงคนได้
าเ ตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
การติดต่อเชื้อถูกขับออกจากร่างกาย ัต ์ป่ ยทางปั า ะ
อาการ ุนัขแ ดงอาการซึม อ่อนเพลีย ไม่กินอา าร ไข้ ูง เยื่อบุ นังตาแดง อาเจียนออกมา
เป็น ีเ ลือง ต่อมาอีก 2 ันไข้จะลดลง กระ ายน้าจัด เกิดอาการดีซ่าน กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง แ ดงอาการ
เจ็บป ดตามขา ท้องและ ลัง เกิดแผลในปาก ซึ่งต่อมาจะเน่าและลอก ลุดออกเป็น ย่อม ๆ มีน้าลายเ นีย ติด
ที่เ งือกและขอบปาก ลม ายใจมีกลิ่นเ ม็น ปั า ะมี ีน้าตาล อุณ ภูมิจะลดลงต่าก ่าปกติ ชัก และตาย
การป้องกันเช่นเดีย กับการป้องกันโรคไข้ ัด ุนัข
ง. โรคพิ ุนัขบ้า
โรคพิ ุนัขบ้าเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับ ัต ์เลี้ยงลูกด้ ยนมทุกชนิด และเป็นได้ทุกอายุ
าเ ตุ เกิดจากเชื้อไ รั ซึ่ง ามารถทาลายประ าทและ มอง
การติดต่อโดยการถูกน้าลายของ ัต ์ที่เป็นโรคนี้มาก่อน เช่นถูกกัด รือน้าลายถูกกับผิ นังที่
มีบาดแผล เนื่องจากเชื้อไ รั ที่ทาใ ้เกิดโรคนี้จะออกมากับน้าลาย
อาการ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
(1) ชนิดดุร้าย ชนิดนี้พบได้บ่อย ุนัขป่ ยจะแ ดงอาการตื่นเต้น กระ นกระ าย
เพ่นพ่าน กัดคน รือ ัต ์โดยไม่เลือก กินอา ารและน้าไม่ได้ น้าลายฟูมปาก ตั แข็ง างตก ตาเบิกก ้าง ตา
ข าง ขาและลาตั ั่น รือชักเป็นพัก ๆ กินของแปลก ๆ เช่น เ ไม้ ิ่งไปโดยไม่มีจุด มาย กัดใน ิ่งที่ข าง น้า
ขากรรไกรล่าง ้อยต่อมาเริ่มโซเซ เป็นอัมพาต โดยเริ่มจากขา ลัง ชักและตาย

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 52 -
(2) ชนิดซึม พบได้น้อย ชอบนอนซ่อนตัวในที่ งบเงียบ ซึม ค่อย ๆ เป็นอัมพาต โดย
เฉพาะที่ขากรรไกรล่าง ลิ้น ทาใ ้ขากรรไกร และลิ้น ้อย น้าลายไ ลมาก เ ่าไม่ได้จะกัดคน รือ ัตว์อื่นเมื่อถูกรบกวน
เท่านั้น กลืนอา ารไม่ได้คล้ายกับมีของติดคอ โดยแ ดงอาการตะกุยบริเวณคอ ต่อมาจะอัมพาตทั่วตัว และตาย
การป้องกัน
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิ ุนัขบ้าเป็นประจาทุกปี
- อย่าใ ้ ุนัข รือคน ัมผั กับน้าลายของ ัตว์ที่เป็นโรคนี้
- กาจัด ุนัขเถื่อน ซึ่งอาจเป็นตัวนาโรค
จ. โรคลาไ ้อักเ บติดต่อใน ุนัข
โรคลาไ ้อักเ บติดต่อใน ุนัข มักเกิดในลูก ุนัข และ ุนัขอายุน้อย ตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ถึง 6 – 8 เดือน
ุนัขที่มีอายุ 2 – 3 ปี ขึ้นไปก็มีโอกา เป็นโรคนี้ได้ แต่มีจานวนน้อยกว่า
าเ ตุ เกิดจากเชื้อพาร์โวไวรั
การติดต่อ (1) โดยการ ัมผั
(2) ได้รับเชื้อจากอุจจาระของ ุนัขป่วย เช่นการเลียอุจจาระ เป็นต้น
อาการ แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ
(1) ท้องเ ียอุจจาระเ ลวจนเป็นน้า ระยะแรกอาจมี ีเ ลืองปกติ ต่อมากลายเป็น ี
แดง รือ ีดาพุ่งออกมามีกลิ่นเ ม็นคาวจัด มีอาการอาเจียนติดต่อกันภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมง โดย ิ่งที่อาเจียน
ออกมาคือน้าลายลัก ณะเป็ นฟอง รือเมือกขาว อาจเกิดก่อน รือภาย ลังพร้อม ๆ กันกับอาการท้องเ ี ย
ร่างกายขาดน้า ลูก ุนัขอาจตายใน 48 ชั่วโมง รือเร็วกว่านั้น แต่ ุนัขโตอาจจะมีอาการเพียงท้องเ ีย ซึมและ
เบื่ออา าร
(2) กล้ามเนื้อ ัวใจอักเ บในลูก ุนัขจะตายทันที รือในเวลาอันรวดเร็ว ภาย ลัง
จากแ ดงอาการ ายใจลาบาก มักจะตายเนื่องจากอาการกล้ามเนื้อ ัวใจอักเ บ พบในลูก ุนัขอายุประมาณ 2 –
11 ัปดา ์
การป้องกัน - แยก ุนัขป่วยออกจากฝูง
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคลาไ ้ติดต่อใน ุนัข
3. โรคติดต่อไม่ร้ายแรงและการป้องกัน
ก. โรค ที.ซี.พี. รือทรอปปิคอล คาไนน์ แพนไซโตฟีเทีย เป็นโรคที่มักเกิดใน ุนัขเมืองร้อน ุนัขพันธุ์
เยอรมันเชพเพอด เป็นโรคนี้ได้ง่าย ่วน ุนัขพันธุ์อื่น ๆ ก็เป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
าเ ตุ เกิดจากเชื้อโรคพวกรักเกตเชีย
การติดต่อเ ็บเป็นตัวนาเชื้อ
อาการ ุนัขแ ดงอาการเซื่องซึม ไม่ นใจต่อ ิ่งแวดล้อมทางานไม่ได้ผล น้า นักลดลงอย่าง
รวดเร็ว ระยะแรกจะมีไข้ ูงอยู่ 2 – 10 วัน โล ิตจาง ตาฝ้า มีอาการบวมที่ขาและอัณฑะ ระยะต่อมาอาจพบ
เลือดกาเดาไ ล แบ่งได้เป็น 2 ลัก ณะ
(1) ลัก ณะเฉียบพลัน เลือดกาเดา ๆ ไ ลอยู่ 24 – 48 ชั่วโมง แล้วตาย
(2) ลัก ณะเรื้อรัง เลือดกาเดาจะไ ลอยู่ 2–3 ัปดา ์ ุนขั อาจจะตาย รือไม่ตายก็ได้
การป้องกัน
(1) กาจัดเ ็บ
(2) ในพื้นที่ที่มีเ ็บชุกชุม ควรใ ้ ุนัขกินยาเตดร้าไซคลีน ไฮโดรคลอไรด์ ขนาด 3
มิลลิกรัมต่อปอนด์ทุกวัน

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 53 -
ข. โรคพยาธิลาไส้ พยาธิลาไส้ที่มักพบในสุนัข มี 4 ชนิด คือ
(1) พยาธิตัวตืด

(2) พยาธิตัวกลม

(3) พยาธิปากขอ

(4) พยาธิแซ่ม้า

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 54 -
การติดต่อ (1) โดยการกินไข่ รือตั อ่อนของพยาธิ
(2) โดยการที่ตั อ่อนของพยาธิผ่านรก รือน้านมแม่ถึงลูก
อาการ ุนัขที่มีพยาธิโดยทั่ ๆ ไป มีอาการคล้าย ๆ กันคือ ท้องเ ีย น้า นักลด ร่างกายไม่
เจริญเติบโต ถ้า ุนัขที่มีพยาธิปากขอ รือตั ตืด จะถ่ายเป็นมูกปนเลือด โล ิตจาง ถ้ามีพยาธิตั กลม ุนัขอาจไอ
อาเจียน ท้องกาง ในลูก ุนัขถ้ามีพยาธิมาก ๆ จะตาย
การป้องกัน (1) ถ่ายพยาธิ ุนัขตาม งรอบ และก่อนผ มพันธุ์
(2) เอาใจใ ่ในการ ุขาภิบาล ของคอก ุนัข
ค. โรคพยาธิหัวใจ

พยาธิหัวใจ เป็นพยาธิที่พบตั แก่ของมันใน ั ใจของ ุนัข ละพบตั อ่อนในกระแ โล ิต มักพบใน ุนัข


อายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
การติดต่อ ยุงเป็นตั นาเชื้อ
อาการ ุนัขมีอาการไอแบบเรื้อรัง โดยไม่พบการอักเ บของระบบ ายใจ ถ้า ุนัขมีพยาธิ ั ใจ
มากจะ ายใจลาบาก ท้องมาน บ มน้า มีน้าในช่องอก
การป้องกัน (1) กาจัดยุง
(2) ใ ้ยาป้องกันพยาธิ ั ใจแก่ ุนัข โดยเริ่มเมื่อ ุนัขอายุ 6 – 8 ัปดา ์
ทุกๆ 6 เดือน
ง.โรคผิวหนัง
โรคผิ นัง ุนัขจัดเป็นโรคติดต่อ เป็นโรคผิ นังชนิดที่เกิดจาก ตั ิด และเชื้อรา โรคผิ นังที่เกิดจาก
ตั ิด ที่พบบ่อยใน ุนัข ได้แก่
(1) ขี้เรื้อนขุมขน เกิดจากตั ิด ชนิดดีโมเดก
(2) ขี้เรื้อนแ ้ง เกิดจากตั ิด ชนิดซ่าคอปเต
(3) ขี้กลาก งเดือน
ขี้เรื้อนขุมขน
อาการ เนื่องจากตั ิดที่ทาใ ้เกิดโรคนี้อา ัยอยู่ในรูขุมขน จึงทาลายรากขน ทาใ ้ขนร่ ง
อย่างรุนแรง อาการจะเริ่มเกิดบริเ ณ น้าก่อนแล้ ลามไปทั้งตั ผิ นังจะบ มแดงแล้ เกิดตุ่มมากมาย
เมื่อตุ่มที่เกิดขึ้นแตกออก เลือดและ นองจะปกคลุมผิ นัง ทาใ ้ผิ นังมี ีคล้า และเมื่อเกิดการติด
เชื้อจะเกิดเป็น นอง และการอักเ บของผิ นังจะมากขึ้น

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 55 -
ขี้เรื้อนแ ง้
อาการเนื่องจากตัว ิดทาใ ้เกิดโรคนี้ ซอนไชอยู่ใต้ผิว นัง ุนัขจะคันมาก ุนัขเกาอย่างรุนแรง
ทาใ ้มีน้าเ ลืองไ ลออกมา เมื่อน้าเ ลืองแ ้งกลายเป็นรังแคปกคลุมผิว นัง
ขี้กลากวงเดือน
อาการ ขนจะร่วงเป็น ย่อม ลัก ณะ ย่อมขนร่วงมีลัก ณะกลม รือรูปไข่ บางทีก็เป็นปื้น
เนื้อนูนขึ้นมา อาการที่เกิดขึ้นจะลามอย่างรวดเร็ว
การป้องกันโรคผิว นัง
(1) แยก ุนัขที่เป็นโรคผิว นังออก
(2) มีการ ุขาภิบาลดี คอก ะอาด อุปกรณ์ประจากาย ุนัข ะอาดและใช้ไม่ปะปนกัน
จ.โรคท้องร่วงจากโปรโตซัว
โรคท้องร่วงเนื่องจากโปรโตซั เป็นโรคที่ติดต่ออย่างรวดเร็ว เป็นได้ใน ุนัขทุกอายุ
การติดต่อกินเชื้อโรคเข้าไป
การป้องกันเ มือนโรคติดต่ออื่น ๆ
4. โรคธรรมดาและการป้องกัน
ก. การแพ้
เป็นปฎิกริยาที่เกิดขึ้นกับ ัตว์ต่อ ารต่าง ๆ ซึ่งไม่เ มือนกันในแต่ละตัว อาการแพ้มี 2 อย่าง
(1) อาการแพ้อย่างรุนแรง มีอาการ ดังนี้.-
(ก) อ่อนเพลีย อาเจียน ท้องเ ีย
(ข) บวมน้า และมีเลือดออกตามลาไ ้
(ค) ช๊อค เยื่อเมือกต่าง ๆ ซีด ความดันโล ิตต่า ายใจขัด และมักตาย
(2) อาการแพ้เล็กน้อย เช่น ลมพิ
(ก) ผื่นแดงตามผิว นัง
(ข) คัน
การป้องกันเนื่องจากปฎิกริยาของร่างกายของ ัตว์แต่ละตัวที่มีต่อ ารต่าง ๆ ไม่เ มือนกัน ผู้
เลี้ยงต้อง ังเกตว่า ุนัขของตนแพ้ ารประเภทใด แล้ว ลีกเลี่ยงไม่ใ ้รับ ารนั้น
ข. โรค ู
โรค ูที่พบบ่อยใน ุนัขคือ ูอักเ บ ซึ่ง าเ ตุอาจเกิดจากน้าเข้า ูขณะอาบน้า รือมีพยาธิ ภายนอก
อยู่ใน ู ทาใ ้ ุนัขเกาและคัน เกิดบาดแผลทาใ ้เกิดติดเชื้อในรู ู
อาการ ุนัขจะกระวนกระวาย เจ็บ ั่น ู ูของ ุนัขจะเอียงเอาข้างที่เจ็บลง เมื่อตรวจดูใน ูพบ
น้า นองใน ู รือมีการอักเ บ แดงเ ็นได้ชัด
การป้องกัน (1) กาจัดพยาธิภายนอก
(2) เมื่อจะอาบน้า ุนัข ใ ้ใช้ก้อน าลีอุดรู ูไว้ก่อนป้องกันน้าเข้า ู
ค. โรคผิว นัง
(1) าเ ตุของโรคผิว นังโดยทั่วไป
(ก) การมีพยาธิบางชนิดในรูขุมขน รือใต้ผิว นัง
(ข) การถูกพยาธิภายนอกกัด แล้วมีเชื้อโรคเข้าบาดแผลที่ถูกกัด
(ค) การขาดแร่ธาตุ รือวิตามินบางชนิดในอา าร
(ง) การแพ้ ารบางชนิด
แต่อย่างไรก็ดี ต้น เ ตุที่ทาใ ้ เกิดโรคผิ ว นังที่แท้จ ริงคือความบกพร่องในเรื่องการ ุ ขาภิบ าล ซึ่ง
เจ้า น้าที่ ัตวบาลประจาคอกจะต้องเอาใจใ ่ในเรื่องการ ุขาภิบาล เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิว นัง
ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 56 -
(2) การพิจารณาและวิเคราะ ์ลัก ณะของโรค
(ก) ลัก ณะของโรคผิว นังที่เกิดขึ้น เป็นเฉพาะแ ่ง รือเป็นทั่วตัว
(ข) ตาแ น่งของวิการที่เกิดขึ้น และลัก ณะของวิการ
(ค) วิการที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นกับโรคอื่น รือไม่
(ง) ระยะเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิว นัง
(จ) การตอบ นองต่อยาที่รัก า
(ฉ) การติดต่อไปยังตัวอื่น ๆ
(3) ลัก ณะของวิการที่เกิดขึ้น
(ก) การเปลี่ยน ีของผิว นัง
(ข) ขนร่วง
(ค) การมีผื่นแดง อักเ บ บวม มีตุ่ม นอง
(ง) การมี ะเก็ดรังแค
(จ) อาจมีไข้ร่วมด้วย เนื่องจากการมีโรคแทรกซ้อน
(4) การเปลี่ยนแปลงของวิการที่ผิว นัง
(ก) การเป็นจุด รือตุ่มเล็ก ๆ
(ข) เป็นตุ่ม มีน้าใ ๆ อยู่ภายใน
(ค) ตุ่มนั้นมีขนาดโตขึ้น
(ง) การบวมบริเวณที่เป็น
(จ) ตุ่มที่มีน้าใ กลายเป็น นอง
(ฉ) ตุ่มนั้นแตกออก ทาใ ้เกิดเป็นแผลแฉะ ขนร่วง
(ช) เมื่อ นองแ ้ง เกิดเป็น ะเก็ดและรังแคปกคลุมอยู่เ นือบริเวณที่เกิด โรคผิว นัง
(5) การรัก าโรคผิว นัง
การรัก าโรคผิ ว นังที่จะใ ้ได้ผ ลนั้น ิ่ ง าคัญที่ ุดคือความเอาใจใ ่ของผู้ เลี้ยง ุ นัข ทั้งนี้
เพราะการรัก าโรคผิว นังต้องกระทาอย่าง ม่าเ มอ จึงจะได้ผลรวดเร็วและแน่นอน การเตรียม ุนัขก่อนทา
การรัก า ผู้เลี้ยงจะต้องปฏิบัติ ดังนี้.-
(ก) การขลิบขน ใ ้ผู้เลี้ยงขลิบขนบริเวณที่เกิดโรคผิว นัง
(ข) การทาความ ะอาดผิว นัง รืออาบน้าเพื่อ กาจัด ิ่ง กปรกบริเวณที่เป็นโรค
ผิว นังออกใ ้ มด ควรใช้น้าอุ่น ๆ และ บู่อ่อน ๆ ล้างใ ้ทั่วและนวดผิว นังบริเวณนั้นด้วย เป็นการกระตุ้นการ
ไ ลเวียนของโล ิตบริเวณนั้นดีขึ้น
การรัก าโรคผิว นังอย่างถูกต้อง ควรจะกระทาโดย ัตวแพทย์ ผู้เลี้ยง ุนัข รือเจ้า น้าที่ ัตว
บาลประจาคอก จะต้องปฏิบัติตามคาแนะนาของ ัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด การรัก าโดยต่อเนื่อง และการเอา
ใจใ ่ของผู้เลี้ยงดูจะทาใ ้การรัก าได้ผลดียิ่ง
ขณะที่ ุนัขได้รับการรัก าจาก ัตวแพทย์ เจ้า น้าที่ ัตวบาลจะต้องเอาใจใ ่ในเรื่องการ ุขาภิบาลใน
คอกที่เลี้ยง ุนัขด้วย
5.การปฐมพยาบาล ุนัข
การปฐมพยาบาล ุนัข คือ การรัก าพะยาบาลขั้นต้น จะใช้ในกรณีที่เป็น ภาวะรีบด่วน เพื่อ ป้องกัน
รือรัก าชีวิตของ ุนัขไว้
ก. บาดแผลกรณีที่เกิดบาดแผลขึ้นที่เท้า รือขา และมีโล ิตไ ลออกมา การปฏิบัติดังนี้.-
(1) กาบริเวณเ นือบาดแผลด้วยมือใ ้แน่นและนานพอควร แล้วใช้การรัดด้วยผ้าธรรมดา รือ
ผ้าก๊อ
ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 57 -
(2) ถ้า ิธีดังกล่า ไม่ได้ผล ค รใช้การผูกเ นือบาดแผลใ ้แน่นด้ ยเชือก, เข็มขัด,ผ้าผูกคอ รือ
ายจูง ฯลฯ โดยผูกเ นือบาดแผลประมาณ 3 – 4 นิ้ า รับในรายที่เกิดบาดแผลบริเ ณอุ้งเท้า ใ ้ผูกในระดับ
เ นือ รือระดับเดีย กันกับข้อเท้า
ข้อควรระวัง ค รผูกไม่ใ ้แน่นจนเกินไป เพียงใ ้พอที่จะระงับการไ ลของโล ิตได้ ในกรณีที่บาดแผล
เกิดขึ้นที่อื่น ซึ่งไม่ ามารถใช้ ิธีการผูกได้ ใ ้ใช้ ิธีกดด้ ยผ้าที่แผล เช่น ผ้าเช็ด น้า รือนิ้ มือ แล้ รีบนา ่ง
โรงพยาบาลทันที
ถ้า ามารถปฏิบัติเกี่ย กับบาดแผลได้ก่อนนา ่งโรงพยาบาล ค รจะป้องกันมิใ ้ขน รือ ิ่ง กปรกเข้าไป
ปะปนในแผล ล้างแผลด้ ยน้า ะอาด และปิดแผลด้ ยผ้าที่ ะอาด
ข. บาดเจ็บในที่นี้จะกล่า ถึงในกรณีที่กระดูก รืออ ัย ะภายในได้รับอันตราย อาจจะเนื่องจากถูกตี ก
ล้ม ถูกยิง รือถูกแทง รือจาก าเ ตุอื่น ๆ
กระดูก ัก แม้จะเกิดไม่มากรายนัก แต่ก็มีโอกา เกิดขึ้นได้ เมื่อทราบ รือคาด ่า ุนัขกระดูก ัก ใ ้รีบ
ช่ ยใ ้ ุนัขอยู่ในท่าที่จะป้องกันมิใ ้เกิดอาการเพิ่มมากขึ้น พยายามใ ้ ุนัข งบมากที่ ุด และค รใ ้ค าม
อบอุ่นบ้าง เพื่อป้องกันการช็อค นอกจากนั้นไม่ค รเคลื่อนย้าย ุนัข ถ้าไม่จาเป็นจริง ๆ
ก่อนทาการเคลื่อนย้าย ุนัขที่ขา ัก ค รเข้าเฝือกใ ้ก่อน โดยการผูกขาที่ ักเข้ากับไม้กระดาน รือท่อน
ไม้ที่ าได้ ตาแ น่งที่ผูกคือเ นือและใต้บริเ ณที่ ัก เพื่อป้องกันการขยับเขยื้อนของขา เข้าเฝือกใ ้ แน่นพอ แต่
ไม่ถึงกับทาใ ้เ ้นเลือดถูกรัดมากเกินไป
ถ้า ่ นปลายของกระดูกที่ ักทิ่มแทงทะลุออกมาภายนอก ใ ้ผิดแผลบริเ ณนั้นด้ ยผ้าที่ ะอาดก่อนทา
การเข้าเฝือก
ถ้าไม่ ามารถเข้าเฝือก ุนัขได้ใ ้ าง ุนัขบนแคร่ ซึ่ง ามารถทาได้โดยใช้แผ่นกระดานผูกติดต่อกัน รือ
ทาจากท่อนไม้ และค รจะก ้างพอที่จะใ ้ ุนัขนอนได้
อย่าพยายามช่ ยจัดกระดูกเอง เพราะจะทาใ ้ ุนัขได้รับค ามทรมาน และอาจทาใ ้ ุนัขได้รับบาดเจ็บ
มากขึ้น
การบาดเจ็บของอ ัย ะภายในอาจจะร่ มไปกับการตกเลือดภายในและช็อค ทาใ ้เยื่อเมือกต่าง ๆ ซีด ,
การ ายใจตื้นขึน้ , อุณ ภูมิในร่างกายลดลง, ริมฝีปากเย็น ในรายที่ ง ัยใ ้ช่ ยในด้านค ามอบอุ่น และใ ้อยู่นิ่ง ๆ
ค. งู กั ด เมื่ อ ุ นั ข ถู ก งู มี พิ กั ด ต้ อ งพยายามใ ้ ุ นั ข อยู่ ใ นที่ งบและเงี ย บ และรี บ น า ่ ง
โรงพยาบาลทันที อาจมีบางรายถูกกัดบริเ ณ น้าและคอ ใ ้รีบถอด ายจูงออกและคลาย รือเอาขลุมปากออก
การบ มอาจเกิดขึ้นอย่างร ดเร็ ภาย ลังถูกกัด กรณีที่รอการรัก าใ ้ผูกรัดที่ขาระ ่าง บาดแผลกับ
ั ใจ รือใช้น้าแข็งปะคบบาดแผล เป็นการชั่ ครา ก่อน
ง. สิ่งแปลกปลอมในปากเมื่อ ุนัขกิน ิ่งแปลกปลอมเข้าไป ุนัขอาจจะแ ดงอาการไอ กลืนลาบากใช้
เท้าตะกุยปาก และน้าลายฟูม ซึ่งอาการเช่นนี้คล้ายกับอาการของโรคพิ ุนัขบ้า จึงค รระ ังและ ังเกตใ ้ดี ถ้า
ุนัขแ ดงอาการ ายใจลาบากอย่างเด่นชัด และเรา ามารถมองเ ็น ิ่งแปลกปลอม ในปาก ใ ้พยายามช่ ยเอา
ออกใ ้ได้ แล้ นา ่งโรงพยาบาล
จ. สารพิษ ารพิ ที่เป็นอันตรายต่อ ุนัขได้ เช่น ยาเบื่อ นู , ารตะกั่ , ารปรอท, ังกะ ี, ไซยาไนต์,
ยาฆ่าแมลง, ารพ กออร์การโนฟอ ฟอรั , ยากาจัด ัชพืช และ ตริกนิน เป็นต้น
ในกรณีที่อยู่ ่างไกลจากโรงพยาบาล พยายามใ ้ ุนัขกิน ิ่งที่ช่ ยทาใ ้ ุนัขอาเจียนได้ เช่น เกลือแกง
( นึ่งช้อนโต๊ะต่อน้า นึ่งแก้ ) รือไขขา ดิบ และใ ้ ุนัขอยู่ในที่ งบเงียบ อบอุ่น จนก ่า ัต แพทย์จะมาใ ้การ
รัก าต่อไป
(ฉ) พิษความร้อนและแสงแดดเกิดขึ้นเนื่องจาก ุนัขได้รับค ามร้อน แต่ไม่ ามารถระบายออกจาก
ร่างกายได้ทัน มักเกิดขึ้นในระ ่างการฝึก การใช้งาน และการเดินทางในขณะที่อากา ร้อน อาการที่พบคือ
(1) อุณ ภูมิร่างกาย ูงถึง 105 อง า ฟ. รือมากก ่า
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 58 -
(2) ่ นเพลีย
(3) ยืนได้ไม่มั่นคง
(4) าเจียน
(5) ายใจลาบาก
(6) ชัก
(7) ล้มฟุบ
การช่วยเ ลือในขั้นต้น ได้แก่
(1) รีบนา ุนัข ลบเข้าในร่มบริเ ณใกล้เคียงโดยเร็ ที่ ุด
(2) พยายามลด ุณ ภูมิภายในร่างกาย โดยการปะคบด้ ยน้าเย็นบริเ ณ ีร ะ ตามลาตั และ
ขา รื จุ่ม ุนัขลงในลาธาร, ้ ย รื บ่ น้า (ถ้ามี) โดยใ ้ ีร ะ ยู่เ นื น้า เพื่ ป้ งกันน้าเข้าป ด ถ้าในกรณีที่
าน้าแข็งได้ ใ ้ปะคบตามลาตั และขา าจจะปะคบตามบริเ ณด้านในข งขา น้าใกล้ ๆ ลาตั รื ด้านใน
ข งขา ลัง และตามบริเ ณ น้าผาก, แก้ม
(3) ถ้าจาเป็นต้ งมีการเคลื่ นย้าย ใ ้ใช้ ิธี าม รื บนยานพา นะในการป้ งกัน
(4) พยายาม ลีกเลี่ยงการฝึก และการ กกาลังกาย นัก ๆ ใน ภา ะ ากา ร้ นจัด
(5) พยายามใ ้มีการพักในระ ่างการฝึกบ่ ยครั้งขึ้น
(6) เมื่ มีการเคลื่ นย้าย ค รใ ้ ยู่ใน ภาพที่มีการระบาย ากา ดีพ
(7) ใ ้กินเกลื แกงเม็ดก่ นและระ ่างการฝึก การใช้งานและการเคลื่ นย้าย
ช. ท้องพอง คื ภาพการขยายข งกระเพาะ า ารจากแก๊ ซึ่งเกิดขึ้น โดยการผ มข ง า ารและน้า
ในกระเพาะ และ าจเกิดขึ้นในเ ลาใดก็ได้ แต่โดยทั่ ๆ ไป แล้ นั้นมักเกิดขึ้นภาย ลังการ กกาลังกาย
นัก ๆ แล้ กลับเข้าค ก และได้กินน้าในปริมาณมาก ๆ ไปแล้ 2 – 3ชั่ โมง โดย ลัง จากกินน้าแล้ ชั่ ครู่
ประก บกับมี า าร ลงเ ลื ยู่ในกระเพาะ จะ ังเกตเ ็นการขยายใ ญ่ขึ้นข งบริเ ณท้ งด้านซ้าย (ต่ จาก
กระดูกซี่โครง) และ ุนัขจะแ ดง าการ
(1) กระ นกระ าย
(2) าจแ ดง าการเจ็บป ดในบริเ ณช่ งท้ ง
(3) พยายามจะ าเจียน ( าจจะ าเจียน รื ไม่ าเจียน)
าการ าจเป็นมากขึ้น จนกระทั่งทาใ ้กระเพาะ า ารแตก และทาใ ้ ุนัขตายได้ ย่างร ดเร็
ดังนั้น เมื่ พบ าการดังกล่า จะต้ งดาเนินการดังนี้
(1) ยุดใ ้ า ารและน้าโดยเด็ดขาด
(2) กกาลังกายแต่พ ค ร เช่น เดินช้า ๆ จะทาใ ้ าการดีขึ้น เนื่ งจากกระเพาะ
า ารมีการเคลื่ นไ รื ามารถระบายแก๊ กได้
(3) ถ้า าการรุนแรง ใ ้รีบ ่งโรงพยาบาลทันที เพราะ าจต้ งใ ้ยากร ก รื ถ้า
าการ น ักมาก าจต้ งทาการผ่าตัด
(4) จากัดปริมาณน้าดื่มข ง ุนัขชั่ ระยะเ ลา นึ่งภาย ลังการกิน า าร และการ
กกาลังกาย
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นใน ุนัขท ารที่มีภาวะบาดเจ็บจากความเย็น
เงื่ นไข : ุนัขท ารที่แ ดง าการบาดเจ็บจากค ามเย็น ผู้บังคับ ุนัข มปล กปากใ ้กับ และเตรียมพร้ มใ ้
ตาแ น่งบังคับ ุนัข ุปกรณ์ และเครื่ งมื ที่จาเป็น ได้แก่ นา ิกา, ปร ท ัด ุณ ภูมิ, ผ้า ่ม รื ผ้าเช็ดตั ,
เบาะน้าร้ น, เครื่ งปล่ ยลมร้ น, ข ดน้าร้ น, เครื่ งใ ้ค ามร้ นไฟฟ้า และใบบันทึก ุขภาพ ุนัข
ข้ กา นด : ามารถจาแนกชนิดข งภาระการบาดเจ็บจากค ามเย็น และปฏิบัติทุกขั้นต นเพื่ รัก าการ
บาดเจ็บได้ทาใ ้ ุนัข บ ุ่นโดยไม่ก่ ใ ้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 59 -
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
1. ตร จ ัญญาณชีพของ ุนัข
2. แยกประเภทของ การบาดเจ็บจากค ามเย็น ่าเป็นแบบไดตามลัก ณะดังต่อไปนี้
ก. อุณ ภูมิร่างกายต่าก ่าปกติ ( Hypothermia )
(1) อุณ ภูมิร่างกายต่าก ่าปกติ ( ต่าก ่า 95 อง าฟาเรนไฮต์ ัดทางท าร นัก ) รู้ ึกเย็นเมื่อ ัมผั ตั ุนัข
(2) ุนัขอาจไม่มี ติรับรู้ รือแ ดงอาการค ามมี ติลดลง
(3) การ ายใจช้าลง
(4) อัตราการเต้นของชีพจรช้าลง
(5) อ่อนเพลีย
(6) ช๊อค
ข. อาการบ มเป็นน้าเ ลือง เนื่องจากถูกเย็น (Frostbite)
มายเ ตุ: เนื้อเยื่อ ่ นปลาย ได้แก่ ปลาย ู, ถุงอัณฑะ, าง, ปลายขา และนิ้ เท้า เป็น ่ นที่มักพบ ่ามี อาการ
บ มเป็นน้าเ ลืองเนื่องจากค ามเย็น
1. เมื่อจับเนื้อเยื่อจะพบ ่าเย็น
2. ุนัขมีประ ัติของการ ัมผั ค ามเย็นจัดอย่างรุนแรง
3. ภา ะขาดเลือดมาเลี้ยงเนื่องจากเนื้อเยื่อแข็งเย็น
1) ผิ นังเป็น ีเทามากก ่า ีชมพู
2) ผิ นังที่ ัมผั ค ามเกิดภา ะการขาดออกซิเจน ( ผิ นังเป็น ีน้าเงิน )
3) ่ นใ ญ่พบที่บริเ ณฐานเล็บ และขอบใบ ู
3. ทาการรัก า ุนัขด้ ย ิธีการที่เ มาะ ม
มายเ ตุ: ค รรีบใ ้ค ามอบอุ่นแก่ ุนัขใ ้เร็ ที่ ุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการบาดเจ็บจากค ามเย็นทั้ง 2 แบบ
ก.อุณ ภูมิร่างกายต่าก ่าปกติ
1. ทาใ ้ ุนัขอบอุ่นด้ ย ิธีดังต่อไปนี้
1) ่อตั ุนัขด้ ยผ้า ่ม รือผ้าเช็ดตั
2) จัด าง ุนัขบนเบาะน้าร้อน โดยใ ้น้ามีอุณ ภูมิระ ่าง 85 - 103 อง าฟาเรนไฮต์ ่อเบาะ
น้าร้อนด้ ยผ้าเช็ดตั รือผ้า ่ม และคลุม ุนัขกับเบาะด้ ยผ้า ่ม
3) ่อข ดน้าร้อนด้ ยผ้าเช็ดตั รือด้ ยผ้าอื่น ๆ แล้ นาไป างระ ่างขา ลังของ ุนัข และผ้า
่มใ ้ ุนัข
4) ใช้เครื่องทาค ามร้อนเพื่อใ ้ ้องอบอุ่น
5) เครื่องปล่อยลมร้อน (เช่น เครื่องแบร์ฮักเกอร์)
2. รัก าภา ะช็อคใน ุนัขภายไต้การค บคุมของ ัต แพทย์
3. ัดอุณ ภูมิทางท าร นักทุก 15 นาที
ข.อาการบ มเป็นน้าเ ลือง เนื่องจากถูกเย็น
(1) ใ ้ค ามร้อนบริเ ณที่โดนค ามเย็นโดย นึ่งใน ิธีดังต่อไปนี้
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
1) นา ่ นทีโดนค ามเย็นของ ุนัขแช่ในน้าอุ่นอุณ ภูมิ 85 - 103 อง าฟาเรนไฮต์ เป็นเ ลา 15 - 20 นาที
2) ใช้ผ้าเช็ดตั ชุบน้าอุ่นประคบบริเ ณที่โดนค ามเย็นเป็นเ ลา 15 - 20 นาที และเปลี่ยนผ้าเช็ดตั ทุก 5 นาที
(2) เช็ดบริเ ณที่โดนค ามเย็นอย่างนุ่มน ล ้ามถู
(3) ป้องกัน
1)ใช้ปลอกคอกันเลีย
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 60 -
2) ใช้ปลอกปาก นุ ัข
4. แจ้ง ัต แพทย์
5. บันทึกประ ัติ, การตร จ, การรัก า และการติดตามอาการใน SF600 (ดูภารกิจ 081 - 891 - 1036)

ัดผลการปฏิบัติงาน ผ่าน ไม่ผ่าน


1. ตร จ ัญญาณชีพของ ุนัข - -
2. แยกประเภทของการบาดเจ็บจากค ามร้อน - -
3. รัก า ุนัขด้ ย ิธีการที่เ มาะ ม - -
4.บนทึกทุกการตร จ และการรัก าลงในใบบันทึก ุขภาพ ุนัข - -
ค าแนะน าประเมิ น : ลงบั น ทึ ก ในช่ อ ง “ผ่ า น” าก ามารถปฏิ บั ติ ต ามขั้ น ตอนขั้ น ตอนได้ บั น ทึ ก ในช่ อ ง
“ไม่ ผ่ า น” ากตกขั้ น ตอนขึ้ น ไ นไป ถ้ า ท ารตกขั้ น ตอนไ นไป ใ ้ แ ดง ่ า ท ารปฏิ บั ติ อ ะไรผิ ด พลาด
และแ ดงแบบที่ถูกต้องใ ้ดู อ้างอิง: ไม่มี

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นใน ุนัขใช้งานท ารที่มีภาวะแ ้งน้า (Dehydration)


เงื่อนไข : ุนัขใช้งานทางท ารที่แ ดงอาการแ ้งน้า ผู้บังคับ ุนัข มปลอกปากใ ้ ุนัข และเตรียมพร้อมใน
ตาแ น่งบังคับ ุนัขอุปกรณ์ และเครื่องมือที่จาเป็น ได้แก่ อุปกรณ์ในการตร จ PCV, Total Plasma protein,
ค ามถ่ งจาเพาะของปั า ะ, ชุดใ ้ ารน้าทดแทน, แผนภูมิภา ะแ ้งน้า, เข็ มแทงเ ้นเลือดพร้อมปลอก, าร
น้าทดแทนแบบ Crstalloid, และใบบันทึก ุขภาพ ุนัข
ข้อกา นด : ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ ุนัขใช้งานทางท ารที่มีภา ะแ ้งน้า
ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. ตร จภา ะแ ้งน้าใน ุนัขโดยการ ังเกตด้ ยตาเปล่าร่ มกับการตร จจาเพาะทาง ้องปฏิบัติการ
ก. อาการของภา ะแ ้งน้า
(1) เซื่องซึม
(2) กิจกรรมลดลง
(3) เยื่อเมือกแ ้ง
(4) เยื่อเมือกมี ีชมพูถึงซีด
(5) เ ลาการไ ลย้อนกลับของเลือดเข้า ู่เ ้นเลือดฝอยยา นานขึ้น ( CRT นานขึ้น )
(6) ตาลึกจม
(7) น้า นักลด
(8) การคืนตั ของผิ นังช้าลง
ข. การตร จจาเพาะทาง ้องปฏิบัติการ
(1) PCV (ดูภารกิจ 081 - 891 - 1048) ค่า PCV ที่เพิ่มขึ้น (>50) พบได้ปกติในภา ะแ ้งน้า
(2) Total plasma protein (ดูภารกิจ 081 - 891 - 1074) ค่า TPP ที่เพิ่มขึ้นพบได้ปกติในภา ะแ ้งน้า
(3) ค่าค ามถ่ งจาเพาะของปั า ะ (ดูภารกิจ 081 - 891 - 1207) พบมีค่าอยู่ที่ 1.030 รือมากก ่า
พบได้ปกติในภา ะแ ้งน้า
2. ประมาณการใ ้ ารน้าทดแทนจากภา ะแ ้งน้าโดยใ ้ ัต แพทย์เป็นผู้ประเมินเปอร์เซ็นต์ภา ะแ ้งน้า
1) นาเปอร์เซ็นต์ภา ะแ ้งน้า (เป็นท นิยม) คูณกับน้า นัก ุนัข (เป็นกิโลกรัม) เพื่อ า ารน้าทดแทน
(เป็นลิตร) ที่ต้องใ ้แก่ ุนัข
ตั อย่าง: ุนัขน้า นัง 40 กิโลกรัม เปอร์เซ็นต์ภา ะแ ้งน้า 8 % ารน้าที่ต้องใ ้เท่ากับ 40x 0.80=3.32 ลิตร
2) นาผลลัพธ์ที่ได้มาคูณ 1,000 เพื่อแปลงเป็น ารน้าทดแทนใ ้เป็น น่ ยมิลลิลิตร
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 61 -
ตั อย่าง: ารน้าทดแทน 3.2 ลิตร เท่ากับ 3,200 มิลลิลิตร
3. ประเมิน ารน้าทดแทนที่ ุนัขจาเป็นได้รับในแต่ละ ัน
1) คาน ณค ามต้องการน้าของ ุนัขปกติในแต่ละ ัน โดยคาน ณจากนา นัก ุนัข ซึ่งค ามต้องการน้า
ใน ุนัขปกติอยู่ที่ 40 - 60 มิลิลิตร/กิโลกรัม
2) ใช้ 40 มล./กก. เป็นตั คูนใน ุนัขท ารน้า นักมากก ่า 50 กิโลกรัม และใช้ 60 มล./กก. เป็นตั คูณ
ใน ุนัขท ารน้า นักน้อยก ่า 50 กิโลกรัม
3) ตั อย่าง: ุนัขน้า นัก 35 กิโลกรัม ค ามต้องการปริมาณน้าในแต่ละ ันเท่ากับ 35 กก. x 60 มล./
กก. = 2,100 มล.
: ุนัขน้า นัก 55 กิโลกรัม ค ามต้องการปริมาณน้าในแต่ละ ันเท่ากับ 55 กก. x40 มล./กก.= 2,200 มล.

ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
4. ประเมิน ารน้าทั้ง มดที่ ุนัขต้องได้รับเพื่อชดเชย ารน้าที่ ุนัขต้องการในแต่ละ ัน และ ารน้าทดแทนที่
ต้องการในภา ะแ ้งน้า
1) นาปริมาณ ารน้าทดแทนที่ ุนัขต้องการใน ันแรก ( 24 ชั่ โมงแรกของการรัก าด้ ยการใ ้ ารน้า )
5. ใช้เข็มแทงเ ้นเลือดแทงเ ้นเลือดที่ขา ุนัข โดยเข็มแทงเ ้นเลือดที่ใช้มีขนาดเ ้นผ่าน ูนย์กลางอย่างน้อยที่ ุด
เบอร์ 18 และยา 11/2 นิ้ ( ดูภารกิจ 081 - 891 - 1038 )
6. เริ่มใ ้ ารน้าทดแทนประเภท Crystalloid ทาง ลอดเลือดดา (เช่น Lactate Ringer’s solution,
Plasmalyte-R®)
กา นดอัตราการปล่อย ารน้าโดย ัต แพทย์ รือเจ้า น้าที่ การ ัต รัก ์อา ุโ (ดูภารกิจ 081 – 891 – 1038
และ 081 – 891 – 1018)
7. บันทึกการตร จ และการรัก าในบันทึก ุขภาพ ุนัข
การ ัดผลการปฏิบัติงาน ผ่าน ไม่ผ่าน
1. ระบุ ่า ุนัขมีภา ะแ ้งน้าจากการ ังเกตร่ มกับการตร จจาเพาะ
ทาง ้องปฏิบัติการได้
2. คาน ณ ารน้าทดแทนจากภา ะแ ้งน้า
3. คาน ณค ามต้องการ ารน้าของ ุนัขในแต่ละ ัน
4. คาน ณปริมาณ ารน้าทดแทนที่ ุนัขต้องการทั้ง มดใน 24ชั่ โมงแรก
5. ใช้เข็มแทงเ ้นเลือดที่มีขนาดและค ามยา เ มาะ ม
6. ใ ้ ารน้าทางเ ้นเลือดดาที่กา นดใ ้โดย ัต แพทย์
7. บันทึกการรัก าในบันทึก ุขภาพ ุนัข
คาแนะนาการประเมิน ลงบันทึกในช่อง “ ผ่าน ” าก ามารถปฏิบัติตามขั้นตอนขั้นตอนได้ บันทึกใน
ช่อง “ ไม่ผ่าน ” ากตกขั้นตอนขึ้นไ นไป ถ้าท ารตกขั้นตอนไ นไป ใ ้แ ดง ่าท ารปฏิบัติอะไรผิ ดพลาด
และแ ดงแบบที่ถูกต้องใ ้ดู
อ้างอิง : ไม่มี
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นใน ุนัขท ารที่มีภาวะแพ้อย่างรุนแรง(Anaphylaxis)
เงื่อนไข : นา ่ง ุนัขท ารที่มีภา ะช๊อคไปยังโรงพยาบาล ัต ์ รือที่ที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบถ้ น แจ้ง ัต
แพทย์ทันที าก ัต แพทย์อยู่ระ ่างทางยังมาไม่ถึง ใ ้ ัต รัก ์อา ุโ ูง ุดดูแล ัต ์ในภา ะฉุกเฉินภายใต้
คาแนะนาของ ัต ์แพทย์จนก ่า ัต แพทย์จะมาถึงผู้บังคับ ุนัขพร้อมที่จะช่ ยเ ลือ ุนัข อุปกรณ์ และเครื่องมือ
ที่จาเป็นได้แก่ เข็มฉีดยา และกระบอกฉีดยาที่มีขนาดเ มาะ ม, ารน้าทดแทนประเภท Crystalloid, เข็มแทง
เ ้ น เลื อดพร้อมปลอก,epinephrine hydrochloride, ท่อ ายใจ และเครื่องมือช่ ย อดท่อ ายใจ ุ นัข,
ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 62 -
เครื่องมือช่วย ายใจ (ถุงช่วย ายใจ) , ตารางขนาดยาที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน , เครื่องฟังปอด และ ัวใจแขวนคอ
(Stetchoscope) และบันทึก ุขภาพ ุนัข
ข้อกา นด : ปฐมพยาบาลเบื้องต้นใน ุนัขท ารที่มีภาวะแพ้อย่างรุนแรง
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
1. จดจาอาการทางคลินิกของ ุนัขที่มีภาวะอาการแพ้อย่างรุนแรง
1) ุนัขทรุด รือ มด ติทันที ลังจาก ัมผั กับ ารที่เป็น าเ ตุของการแพ้ (เช่น วัคซีนพิ จาก
แมลงกัดกัดต่อย, ยาฆ่าตัวเบียน, ารเคมีล้างภาพถ่ายรัง ี , ยาเ พย์ติด, ารน้าแมนนิทอล,
ารน้าพวกเด็กซ์แทรน)
2) ุนัข ายใจผิดปกติ
3) เยื่อเมือกซีด รือมี ีม่วงคล้า
4) ไม่มีแรง รือจับชีพจรไม่พบ
5) เวลาการไ ลย้อนกลับของเลือดเข้า ู่เ ้นเลือดฝอยยาวนานขึ้น(CRT)
2. ขอความช่วยเ ลือและ าที่ตั้งอุปกรณ์ช่วยเ ลือฉุกเฉิน
มายเ ตุ : ถานพยาบาล ัตว์ทุกแ ่งควรมีตู้ ่วนกลาง า รับเก็บยาที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน,
อุปกรณ์และเครื่องมือช่วยชีวิต นอกจากนี้ โดยทั่วไป ควรมีรถเข็นเคลื่อนที่ได้ โดยมีทุกอย่างที่
จาเป็น า รับ ัตว์
ป่วยที่อยู่ในภาวะฉุกเฉิน ิ่งที่ควรมีอยู่ในรถเข็น ได้แก่ ยา, อุปกรณ์และเครื่องมือที่มีบันทึกไว้ใน
นัง ือคู่มือการดูแลและการจัดการ ุนัขท ารทาง ัตวแพทย์ ตู้เก็บอุปกรณ์และยาควรมีป้าย
กากับไว้ที่ น้าตู้ บริเวณที่เก็บยาและอุปกรณ์ควรมีป้ายระบุชนิดของยาและอุปกรณ์เครื่องมือ เพื่อ
ความ ะดวกรวดเร็ว
ในช่วงภาวะฉุกเฉิน และควรมีการตรวจเป็นประจาเพื่ อใ ้แน่ใจว่ายาไม่ มดอายุ และอุปกรณ์
เครื่องที่ปลอดเชื้อไม่มี
การปนเปื้อน เจ้า น้าที่ของ ถานพยาบาล ัตว์ทุกคนควรรู้ว่าตู้เก็บของในกรณีฉุกเฉินนี้อยู่ที่ไ น
3. ทาการ ารวจ ุนัขป่วยขั้นต้น
1) อดท่อช่วย ายใจเข้า ลอดลม ถ้าพบว่ามีการอุดตันที่ทางเดิน ายใจ (เช่น จากภาวะตั วบวม
รือใน ุนัขที่ไม่มี ติ)
2) เริ่มใ ้ ารน้าทดแทนประเภท Crytalloid
3) รัก าภาวะช๊อค
4. จัดการเริ่มใ ้ ารน้าทดแทนทาง ลอดเลือด า รับ ุนัขที่อยู่ในภาวะช๊อค
1) ใช้เข็มแทงเ ้นเลือดแทงเ ้นเลือด า รับใ ้ ารน้าอย่างน้อย องตาแ น่ง
2) เริ่มใ ้ ารน้าแทนประเภท Crystalloid ทาง ลอดเลือดดา
3) รัก าภาวะช๊อค
5. ใ ้อ๊อกซิเจนแก่ ุนัข
1) ถ้า อดท่อช่วย ายใจแล้ว ใ ้ต่อท่อช่วย ายใจเข้ากับเครื่องดมยา ลบแล้วทาการใ ้ออกซิเจน
และปรับอัตราการใ ้ออกซิเจนอยู่ที่ค่ามาตรฐาน (30 มล./กก.)
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
2) ถ้ายังไม่ได้ทาการ อดท่อช่วย ายใจ ใ ้ใช้ น้ากากต่อเข้ากับเครื่องดมยา ลบ และปรับอัตรา
การใ ้ออกซิเจนอยู่ที่ระดับ ูง (10 ลิตร/นาที) ถ้า ัตว์ยังมี ติ และไม่ยอมใช้ น้ากากใ ้ถือท่อออกซิเจนไว้ใกล้
จมูก และปากของ ุนัข โดยใช้อัตราการไ ลของออกซิเจน ูง ( 10 - 15 ลิตร/นาที)

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 63 -
6. ใ ้ epinephrine มีใช้อยู่ในรูปความเข็มข้น ๐.๑ มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ( ารละลาย 1 : 10,000 ) และ 1
มิลลิกรัม ( ารละลาย 1 : 1,000 ) ต้องแน่ใจว่ารูปแบบไ นที่เราจะใช้เมื่อคานวณ าขนาดยา
1) ตารางการใ ้ยาในภาวะฉุกเฉิน รือคู่มือทางคลินิกปฏิบัติใ ้ยาแก่ ุนัขตามขนาดยาที่ระบุไว้ใน
2) ถ้าไม่มีตารางการใ ้ยาในภาวะฉุกเฉิน และคู่มือทางคลินิกปฏิบัติไม่ได้ระบุขนาดยาไว้ใ ้ใช้ยา
ขนาด 0.01 – 0.02 มก/กก.
3) เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่ ุดควรใ ้ epinephrine ทางเ ้นเลือดดา ่วนกลาง าก าเ ้นเลือด ่วนกลาง
ไม่พบ ใ ้ใช้เ ้นเลือด ่วนปลาย
4) ากใ ้ยาทาง ลอดเลือดดาไม่ได้ ใ ้ปรับขนาดยาเป็น องเท่า และใ ้ทางท่อ ายใจ าก อด
ท่อ ายใจเอาไว้แล้ว
(1) ใช้ าย วนปั าวะแมวตัวผู้ รือไม่ก็ าย วนปั าวะ ุนัขตัวผู้ ต่อเข้ากับกระบอกฉีดยาที่
มี epinephrine อยู่ภายในใช้ าย วน อดเข้าไปในท่อ ายใจจนถึงผ่านเลยเข้าไป ่วนปลายของท่อ เพื่อใ ้แน่ใจ
ว่า ุนัขจะได้รับยา และยาจะไม่เคลือบติดอยู่ในท่อ ายใจ
(2) กลั้วล้าง าย วนด้วยน้าเกลือ 5 - 10 มล. ลังจากใ ้ epinephrine เพื่อใ ้แน่ใจว่า ุนัข
จะได้รับยา
7. เฝ้าระวังอาการ ุนัขภายใต้การควบคุมของ ัตวแพทย์ รือเจ้า น้าที่ ัตวรัก ์อาวุโ จนกระทั่ง ัตวแพทย์มาถึง
8. บันทึกการตรวจ และการรัก าในบันทึก ุขภาพ ุนัข

วัดผลการปฏิบัติงาน ผ่าน ไม่ผ่าน


1. จดจาอาการ ุนัขที่เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้ - -
2. ขอความช่วยเ ลือ และรู้ที่ตั้งของที่เก็บยา และอุปกรณ์ า รับภาวะฉุกเฉินได้- -
3. ทาการ ารวจ ุนัขป่วยขั้นต้น IAW ภารกิจ 081 – 891 – 1094 - -
1) อดท่อ ายใจเข้าทางเดิน ายใจของ ุนัขถ้ามีการอุดตันที่ทางเดิน ายใจ รือ ุนัขที่ มด ติ
2) เริ่มปฏิบัติการกู้ชีพเบื้องต้น ากมีเ ตุที่ต้องทา
4. แทงเ ้นเลือด า รับการใ ้ ารน้าอย่างน้อย องตาแ น่ง - -
5. เริ่มใ ้ ารน้าประเภท Crystalloid ทาง ลอดเลือดดา และแก้ไขภาวะช็อคIAW - -
6. ใ ้ออกซิเจนแก่ ุนัขป่วย - -
7. ใ ้ Epinephrine แก่ ุนัขด้วยขนาดที่เ มาะ ม - -
8. เฝ้าระวังอาการ ุนัขภายไต้การควบคุมของ ัตวแพทย์ รือเจ้า น้าที่ ัตวรัก ์อาวุโ จนกว่า ัตวแพทย์จะ
มาถึง - -
9. บันทึกการตรวจ และการรัก าลงในบันทึก ุขภาพ ุนัข - -
คาแนะนาการประเมิน ลงบันทึกในช่อง “ผ่าน” าก ามารถปฏิบัติตามขั้นตอนขั้ นตอนได้ บันทึกใน
ช่อง “ไม่ผ่าน” ากตกขั้นตอนขึ้นไ นไป ถ้าท ารตกขั้นตอนไ นไป ใ ้แ ดงว่าท ารปฏิบัติอะไรผิดพลาด และ
แ ดงแบบที่ถูกต้องใ ้ดู
อ้างอิง : ไม่มี

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นใน ุนัขใช้ทางท ารที่มีภาวะช๊อกจากการ ูญเ ียเลือด


เงื่อนไข : ากพบ ุนัขใช้งานทางท ารที่มีอาการ Hypovolemic shock อุปกรณ์ และเครื่องมือที่จะเป็นได้แก่
ปรอทวัดอุณ ภูมิ , เข็มแทงเ ้นเลือดพร้อมปลอด , เข็มฉีดยา และกระบอกฉีดยาขนาดต่าง ๆ , เทพเ นียว ,
ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ
- 64 -
บัตตาเลี่ยนพร้อมใบมีดเบอร์ 40 , แอลกอฮอล์ 70 % , น้ายาล้างมือเพื่อการผ่าตัด , ผ้าก๊อช , อุปกรณ์ใ ้ความ
ร้อน , ารน้าทดแทนประเภท Crystalloid า รับใ ้ทาง ลอดเลือด , ชุด ายน้าเกลือ , ผ้าเช็ดตัว รือผ้า ่ม ,
เครื่องฟังปอด และ ัวใจแบบแขวนคอ และใบบันทึก ุขภาพ ุนัข
ข้อกา นด : จดจาอาการของภาวะ ช๊อคจากการ ูญเ ียเลือด (hypovolemic shock) และใ ้การปฐมพยาบาล
แก่ ุนัขใช้งานทางท ารโดยไมก่อใ ้เกิดอันตรายแก่ ุนัข
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
1. ทาการ ารวจ ุนัขป่วยขั้นต้นและตรวจ ัญญาณชีพของ ุนัข
2. จดจาอาการช๊อคเนื่องจากการ ูญเ ียเลือด (hypovolumia)
1) เยื่อเมือกซีด รือมี ีม่วงคล้า
2) อัตราเต้นของ ัวใจผิดปกติ : เพิ่มขึ้น (tachycardia) รือลดต่าลง (bradycardia)
3) ชีพจรเต้นอ่อน
4) เวลาไ ลย้อนกลับของเลือดเข้า ู่ ลอดเลือดฝอยนานขึ้น (CRT) มากกว่า 2 วินาที
5) อัตราการ ายใจเพิ่มขึ้น (tachypnea)
6) อ่อนแรง , มด ติ , รือซึม
7) อุณ ภูมิร่างกายต่ากว่าปกติ
8) ปลายขาเย็น
9) ความดันเลือดต่า (hypotension) = ค่าเฉลี่ยของความดันเลือดแดง < 60 มม.ปรอท ;
3. ใ ้ออกซิเจนแก่ ุนัข (ดูภารกิจ 081 – 891 – 01041 , ขั้นตอนที่ 5)
4. ใช้เข็มแทงเ ้นเลือดแทงเ ้นเลือดอย่างน้อย องตาแ น่งโดยใช้เ ้นเลือดดา cephalic และ / รือเ ้นเลือด
ดา Saphenous
5. ใ ้ ารน้าทดแทนทาง ลอดเลือดดา (ดูภารกิจ 081 -891 -1018) โดยคานวณปริมาณ ารน้าที่ใ ้เป็น
“ปริมาณ ารน้าในภาวะช็อค” ขนาด 90 มล. / กก. เพื่อแก้ไขภาวะช็อคจากการ ูญเ ียเลือด
ก. ใช้ “กฎ 10 – 20 – 10 – 20” เพื่อประเมินการตอบ นองของ ุนัขต่อการรั ก าภาวะช็อค และเพื่อความ
ควบคุมการใ ้ ารน้าทดแทน
1) เก็บเลือดและปั าวะ (ถ้าเป็นไปได้) และตรวจ าค่าความ นาแน่นเม็ดเลือดแดง (pcv) , Total
Plasma protein (TPP) และค่าความถ่วงจาเพาะของปั าวะ
2) วัดและบันทึกอัตราการเต้นของ ัวใจ , อัตราการ ายใจ , อุณ ภูมิทางทวาร นัก , hemoglobin
Saturation (spo2) และค่าความถ่วงจาเพาะของปั าวะ
3) ใ ้ ารน้าปริมาณ นึ่งใน ี่ของปริมาณน้าในภาวะช๊อคที่คานวณได้แก่ ุนัขอย่างรวดเร็วใน 10 นาที
แรก ( รือใ ้เร็วที่ ุดเท่าที่จะเป็นได้) ยกตัวอย่าง เช่น ถ้า ุนัขน้า นัก 40 กก. ต้องการ ารน้าในภาวะช็อค
ทั้ง มด 4,500 มล. (40 กก. × 90 มล. / กก.) ดังนั้นใ ้ ารน้า นึ่งใน ี่ของปริมาณทั้ง มดเท่ากับ1,125 มล.
(4,500 มล. ารด้วย 4)
4) วัดและบันทึกอัตราการเต้นของ ัวใจ อัตราการ ายใจ อุณ ภูมิทางทวาร นัก (spo2) และความ
ดันเลือดแดง
5) ถ้า ุนัขยังคงมีอัตราการการเต้นของ ัวใจมากกว่าปกติ อัตราการ ายใจมากกว่าปกติ และความดัน
เลือดต่ากว่าปกติ ใ ้ทาการใ ้ ารน้า ่วนที่ องจากที่ ่วนต่อไปอีก 20 นาที ( รือใ ้เร็วที่ ุดเท่าที่จะเป็นไปได้)
6) ตรวจวัดค่า PCV , TPP , อัตราการเต้นของ ัวใจ , อัตราการ ายใจ และความดันเลือดแดงซ้าอีก
ครั้ง ลังจากใ ้ ารน้า ่วนที่ อง

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 65 -
7 ) ถ้า ุนัขยังคงอยู่ในภาวะช็อค (อัตราการเต้นของ ัวใจมากกว่าปกติ , อัตราการ ายใจมากกว่าปกติ
, ความดันเลือดต่ากว่าปกติ) ค่า PCV ูงกว่า 30% และค่า TPP ูงกว่า 3.5 กรัม / เดซิลิตร ใ ้ทาการใ ้
ารน้า ่วนที่ ามต่อใน 10 นาทีต่อไป ( รือใ ้เร็วที่ ุดเท่าที่จะเป็นไปได้)
8) ตรวจวัดค่า PCV , TPP , อัตราการเต้นของ ัวใจ , อัตราการ ายใจ และความดันเลื อดแดง
ลังจากใ ้ ารน้า ่วนที่ าม
9) ถ้า ุนัขยังคงอยู่ในภาวะช็อค (อัตราการเต้นของ ัวใจมากกว่าปกติ , อัตราการ ายใจมากกว่าปกติ ,
ความดันเลือดต่ากว่าปกติ) ค่า PCV ูงกว่า 30% และค่า TPP ูงกว่า 3.5 กรัม / เดซิลิตร ใ ้ทาการใ ้ าร
น้า ่วน ุดท้ายใน 20 นาทีถัดไป ( รือใ ้เร็วที่ ุดเท่าที่จะเป็นไปได้)
ข. ถ้าตอนไ นในช่วงใ ้ ารน้าเพื่อรัก าภาวะช็อคนี้ พบว่าค่า PCV ลดต่ากว่า 30% รือค่า TPP ลดต่า
กว่า 3.5 กรัม / เดซิลิตร ใ ้ลดอัตราการใ ้ ารน้าจากภาวะช็อคเป็นอัตรา ารน้าเพื่อคง ภาพ ุนัข (ดู
ภารกิจ 081 – 891 -1037 , ขั้นตอนที่ 4) และคอยคา ั่งตอไปจาก ัตวแพทย์
ค. ปรับอัตราการใ ้ ารน้าใ ้ช้าลง และเริ่มใ ้ ารน้าในอัตรา เพื่อคง ภาพ ุนัข (ดูภารกิจ 081 – 891 -
1037 , ขั้นตอนที่ 4) เมื่อพบว่า ุนัข ายจากอาการช็อค
6. ทาใ ้ ุนัขอบอุ่นเ มอด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1) นา ุนัขไปไว้บนเบาะน้าร้อน
2) ใช้ผ้า ่ม รือผ้าเช็คตัว ่มใ ้กับ ุนัข
3) ใช้เครื่องเป่าลมร้อน
4) วางขวดน้าร้อนไว้รอบ ๆ ตัว ุนัข ควรแน่ใจว่าได้ ่อขวดน้าร้อนด้วยผ้าเช็คตัวแล้ว เพื่อป้องกันไม่ใ ้
ลวกผิว นัง ุนัข
7. เฝ้าระวังอาการ ุนัขอย่างน้อยทุก 15 นาที จนกระทั่งทาง ัตวแพทย์ รือ เจ้า น้าที่ ัตวรัก ์อาวุโ
อนุญาตใ ้เลิก
1) ตรวจวัด ัญญาณชีพของ ุนัข (ดูภารกิจ 081 – 891 – 1007)
2) ฟังปอดเพื่อ าเ ียง “แครกเกอร์” ซึ่งบ่งบอกว่ามีภาวะปอดบวม (Pulmonary edema)
3) ตรวจวัดการไ ลย้อนกลับของเลือดเ ้นเลือดฝอย, ีเยื่อเมือก, ความตื่นตัวของ ุนัข, น้า นักของชีพจร
8. บันทึกการตรวจและการรัก าในบันทึก ุขภาพ ุนัข
การวัดผลการปฏิบัติงาน
ผ่าน ไม่ผ่าน
1) ทาการตรวจ ุนัขขึ้นต้น
2) จัดจาอาการทางคลินิกของภาวะช็อคจากการ ูญเ ียเลือดได้
3) ใ ้ออกซิเจนช่วยเ ลือ ุนัข
4) แทงเข็มแทงเ ้นเลือดอย่างน้อย 2 ตาแ น่ง
5) ใ ้ ารน้าทดแทนทาง ลอดเลือดดาโดยใช้ “ปริมาณ ารน้าในภาวะช็อค”
และกฎ “10 – 20 – 10 – 20”
6) รัก า ุนัขใ ้อบอุ่นเ มอ
7) ตรวจวัด ุนัขอย่างเ มาะ มอย่างน้อยทุก 15 นาที
8) บันทึกการตรวจและการรัก า

ลัก ตู ร ผู้ช่วยเจ้า น้าที่ ัตวรัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ


- 66 -

เอกสารอ้างอิง
มาริ ักดิ์ กัลล์ประ ิทย์. 2544. การ ลบ , การเตรียมตั ัต ์ก่ น างยา ลบ, การเฝ้าระ ังการ ลบ,
ยาเตรียมการ ลบ, ยา ลบชนิดฉีด, การ างยา ลบ ัต ์เล็ก และ การ างยา ลบ ัต ์ใ ญ่ .
การ างยา ลบ ัต ์. ภาค ิชา ัลย า ตร์ คณะ ัต แพทย า ตร์ จุ าลงกรณ์ ม า ิทยาลัย.
มพง ์ ัฒถนารา. 2543. ลักการ ัลยกรรมทั่ ไป, การ ายข งแผลและการ ร้างซ่ มเนื้ เยื่ , เทคนิคการเย็บ
แผลผ่าตัด, เทคนิคการระงับค ามรู้ ึก และ การจัดการภาย ลังการทา ัลยกรรม. การตร จรัก าโรค
โคด้าน ัลย า ตร์. านักพิมพ์ ม า ิทยาลัยเก ตร า ตร์.
ติชาต พร มา า. 2544. การจัดการก่ นและ ลัง ัลยกรรม, การระงับค ามรู้ ึก. ัลย า ตร์ ัต ์ใ ญ่.
ภาค ิชา ัลย า ตร์ คณะ ัต แพทย า ตร์ จุ าลงกรณ์ม า ิทยาลัย
เ ก ารประก บคา น ิชา ัลย า ตร์ . 2541. ภาค ิชา ัลย า ตร์ คณะ ัต แพทย า ตร์ จุ าลงกรณ์
ม า ิทยาลัย.
Jennings, P.B. JR. 1984. The practice of Large Animal Surgery. W.B. Sunders Company.
Philadelphia London.

ลัก ตู ร ผู้ช่ ยเจ้า น้าที่ ัต รัก (์ ุนัข) รร. ุนัขท ารฯ

You might also like