Professional Documents
Culture Documents
กิจกรรมหน่วยวิทยาศาสตร์ ป.3.
กิจกรรมหน่วยวิทยาศาสตร์ ป.3.
กิจกรรมหน่วยวิทยาศาสตร์ ป.3.
ทักษะ/กระบวนการ
1) ทดลอง
2) สำรวจ
3) สืบค้นข้อมูล
4) กระบวนการกลุ่ม
5) การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
คุณลักษณะ
1) ใฝ่ หาความรู้
2) มุ่งมั่นในการทำงาน
3) มีเหตุผล
4) ยอมรับฟั งความคิดเห็นของผู้อ่ น
ื
5) มีความเมตตา ระมัดระวังต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
6) ทำงานร่วมกับผู้อ่ น
ื ได้อย่างสร้างสรรค์
4. การประเมินผลรวบยอด
ชิน
้ งาน
แผนภาพวัฏจักรชีวิตของสัตว์
การประเมินผล
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนน
ประเด็น 2 1 0
การ
ประเมิน
1. ผล ผลงานสอดคล้อง ผลงาน ผลงานไม่
งานตรง กับจุดประสงค์ทุก สอดคล้องกับ สอดคล้องกับ
กับจุด ประเด็น จุดประสงค์เป็ น จุดประสงค์
ประสงค์ ส่วนใหญ่
2. ผล เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระ
งานมี ผลงานถูกต้องครบ ของผลงานถูก ของผลงานไม่
ความถูก ถ้วน ต้องเป็ นส่วน ถูกต้องเป็ น
ต้อง ใหญ่ ส่วนใหญ่
สมบูรณ์
3. ผล ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนว ผลงานไม่แสดง
งานมี ถึงความคิด ความคิดแปลก แนวคิดใหม่
ความคิด สร้างสรรค์แปลก ใหม่แต่ยังไม่
สร้างสรร ใหม่เป็ นระบบ เป็ นระบบ
ค์
4. ผล ผลงานมีความเป็ น ผลงานมีความ ผลงานส่วน
งานมี ระเบียบ ประณีต เป็ นระเบียบ ใหญ่ไม่เป็ น
ความ สวยงาม แต่มีข้อ ระเบียบมีข้อ
เป็ น บกพร่องบาง บกพร่องมาก
ระเบียบ ส่วน
5. ความ ส่งงานตามกำหนด ส่งงานช้ากว่า ส่งงานช้ากว่า
รับผิด เวลา กำหนด เวลา กำหนดเวลา
ชอบ 1-3 วัน เกิน 3 วัน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
8 - 10 ดีมาก
5-7 ดี
1-4 พอใช้
5. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมที่ 1 ความสำคัญของสิง่ ที่จำเป็ นต่อการดำรงชีวิตของ
มนุษย์ (2 ชั่วโมง)
1.ครูตงั ้ คำถาม เพื่อกระตุ้นความคิดของนักเรียน ดังนี ้
-วันนีน
้ ักเรียนคนไหนรับประทานอาหารเช้ามาบ้าง
(แนวตอบ คำตอบขึน
้ อยู่กับนักเรียน)
-ในแต่ละวันนักเรียนรับประทานอะไรบ้าง แล้วอาหารที่รับ
ประทานมีประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่
(แนวตอบ ขึน
้ อยู่กับสิง่ ที่นักเรียนรับประทาน)
-ทำไมเราต้องรับประทานอาหารทุกวัน ให้นักเรียนคิดคำตอบ
ไว้ในใจ แล้วครูพูดกระตุ้นนักเรียนว่า เราจะไปเรียนรู้เพื่อหา
คำตอบกัน
2.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน สำรวจอาหารที่นักเรียนรับ
ประทานในแต่ละมื้อ โดยให้สมาชิกในกลุ่มเสนอเมนูอาหารมาคนละ
1 เมนู
3.ให้แต่ละกลุ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารหลัก 5 หมู่ ในหนังสือ
เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 หน้า 28-30 และภาพ
อาหารหลัก 5 หมู่
4. นักเรียนในกลุ่มเลือกอาหารที่ตนเองชื่นชอบ กลุ่มละ 2 เมนู
แล้วบอกส่วนประกอบของอาหาร และประโยชน์ของอาหาร โดยจัด
กระทำข้อมูลลงในกระดาษแข็งและตกแต่งให้สวยงาม
5. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุป
ว่า ร่างกายของเราเจริญเติบโตได้ เพราะเราได้รับประทานอาหาร
ทุกวัน ดื่มน้ำที่สะอาด และมีอากาศหายใจ ถ้าขาดสิง่ ใดสิ่งหนึ่งไป
จะทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างลำบากและอาจจะทำให้ตายได้
4. การประเมินผลรวบยอด
ชิน
้ งาน
ประดิษฐ์ของใช้จากเศษวัสดุ
การประเมินผล
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนน
ประเด็น 1 0.5 0
การ
ประเมิน
1. ผล ผลงานสอดคล้อง ผลงาน ผลงานไม่
งานตรง กับจุดประสงค์ทุก สอดคล้องกับ สอดคล้องกับ
กับจุด ประเด็น จุดประสงค์เป็ น จุดประสงค์
ประสงค์ ส่วนใหญ่
2. ผล เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระ
งานมี ผลงานถูกต้องครบ ของผลงานถูก ของผลงานไม่
ความถูก ถ้วน ต้องเป็ นส่วน ถูกต้องเป็ น
ต้อง ใหญ่ ส่วนใหญ่
สมบูรณ์
3. ผล ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนว ผลงานไม่แสดง
งานมี ถึงความคิด ความคิดแปลก แนวคิดใหม่
ความคิด สร้างสรรค์แปลก ใหม่แต่ยังไม่
สร้างสรร ใหม่เป็ นระบบ เป็ นระบบ
ค์
4. ผล ผลงานมีความเป็ น ผลงานมีความ ผลงานส่วน
งานมี ระเบียบ ประณีต เป็ นระเบียบ ใหญ่ไม่เป็ น
ความ สวยงาม แต่มีข้อ ระเบียบมีข้อ
เป็ น บกพร่องบาง บกพร่องมาก
ระเบียบ ส่วน
5. ความ ส่งงานตามกำหนด ส่งงานช้ากว่า ส่งงานช้ากว่า
รับผิด เวลา กำหนด เวลา กำหนดเวลา
ชอบ 1-3 วัน เกิน 3 วัน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
4-5 ดีมาก
2-3 ดี
0-1 พอใช้
5. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมการเรียนรู้วัสดุในชีวิตประจำวัน (10 ชั่วโมง)
กิจกรรมที่ 1 การประกอบวัตถุชน
ิ ้ ใหม่จากชิน
้ ส่วนย่อย (3
ชั่วโมง)
1. นักเรียนดูภาพบทที่ 1 การประกอบวัตถุและการ
เปลี่ยนแปลงของวัสดุ ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 หน้า 59 แล้วช่วยกันตอบคำถาม ดังนี ้
- กำแพงบ้านทำจากวัสดุชนิดใด นักเรียนช่วยกันแสดงความ
คิดเห็น
(แนวตอบ อิฐ)
- ถ้าเราแยกอิฐออกจากกำแพงบ้าน เราสามารถนำอิฐไปใช้
ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง
(แนวตอบ ทำรัว้ ทำกระถางต้นไม้ )
2.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน หรือใช้กลุ่มจากชั่วโมงที่แล้ว
จากนัน
้ ร่วมกันทำกิจกรรมที่ 1 การประกอบวัตถุ ตอนที่ 2 โดย
ศึกษาขัน
้ ตอนการทำกิจกรรมในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 หน้า 63
3.นักเรียนสำรวจสิ่งของรอบตัวหรือสิ่งของภายในชัน
้ เรียนมา 3
ชิน
้ โดยให้สังเกตว่า สิง่ ของชิน
้ นัน
้ ประกอบจากชิน
้ ส่วนย่อยอะไร
บ้าง แล้วบันทึกผลลงในสมุดประจำตัวนักเรียนหรือแบบฝึ กหัด
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 หน้า 41
4.นักเรียนร่วมกันวางแผน ออกแบบ และสร้างวัตถุชน
ิ ้ ใหม่ขน
ึ ้ มา
1 ชิน
้ โดยเลือกใช้ชน
ิ ้ ส่วนย่อยจากสิ่งของ 3 ชิน
้ นัน
้ มาประกอบกัน
แล้วบันทึกผลลงในสมุดประจำตัวนักเรียนหรือแบบฝึ กหัด
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 หน้า 42
5.นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็ น 4 กลุ่ม จากนัน
้ ครูแจกจิกซอว์ภาพ
วัตถุให้แต่ละกลุ่มช่วยกันต่อภาพจิกซอว์ให้เป็ นภาพที่สมบูรณ์
6.ครูตงั ้ ประเด็นคำถามนักเรียน ดังนี ้
- ภาพที่ได้ช่ อ
ื ว่าอะไร
- จากภาพเป็ นของเล่นหรือของใช้
- สิ่งของนัน
้ ทำมาจากอะไรบ้าง
นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากการเรียนได้ข้อสรุปว่า
วัตถุแต่ละอย่างอาจทำมาจากชิน
้ ส่วนย่อย ๆ หลายชิน
้
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
8 - 10 ดีมาก
5-7 ดี
1-4 พอใช้
5. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมที่ 1 การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ (2
ชั่วโมง)
1.นักเรียนดูภาพ แล้วตอบคำถามสำคัญประจำบทที่ 1
แรงกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 หน้า 77
- จากภาพ มีการออกแรงกระทำต่อวัตถุอย่างไร
- การออกแรงในภาพมีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุหรือไม่
อย่างไร
2.ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากนัน
้ ครูให้นักเรียน
แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมที่ 1 ช่วยกันดึง ช่วยกันผลัก คือ
1)ดันโต๊ะเรียน
2)ดึงโต๊ะ
3.นักเรียนสังเกตลักษณะการออกแรงและการเคลื่อนที่ของวัตถุ
ว่ามีทิศทางการเคลื่อนที่เป็ นอย่างไร
4.นักเรียนจับคู่ แล้วยืนห่างกันประมาณ 2-3 เมตร โดยยืนหัน
หน้าเข้าหากัน
5.นักเรียนคนักเรียนและครูร่วมกันสรุปได้ข้อสรุปว่า แรง
หมายถึง สิง่ ที่กระทำต่อวัตถุ แล้วทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงสภาพไป
- การดึง เป็ นการออกแรงกระทำต่อสิ่งใดสิ่งหนึง่ แล้วทำให้สิ่ง
นัน
้ เคลื่อนที่เข้าหาตัว
- การผลัก เป็ นการออกแรงกระทำต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วทำให้
สิ่งนัน
้ เคลื่อนที่ออกจากตัวเรา
กิจกรรมที่ 2 ผลของแรงที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่
ของวัตถุ (2 ชั่วโมง)
1.นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำ
ตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไป
สู่การเรียนรู้ เรื่อง แรงและผลของการออกแรงที่กระทำต่อ
วัตถุ
2.ครูตงั ้ คำถามเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน ดังนี ้
- รถยนต์เคลื่อนที่ได้อย่างไร
(แนวตอบ แรงขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์)
3.นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แล้วปฏิบัติกิจกรรมที่ 2 การเคลื่อนที่
ของวัตถุ ดังนี ้
1)วางลูกฟุตบอลไว้บนพื้น โดยไม่ออกแรงกระทำต่อลูก
ฟุตบอล
2)วางลูกฟุตบอลไว้บนพื้น ใช้มือผลักลูกฟุตบอลไปข้างหน้า
3)ขณะที่ลก
ู บอลกำลังเคลื่อนที่ ให้ใช้มือออกแรงผลักลูกบอล
ไปในทิศทางเดียวกับที่ลูกบอลกำลังเคลื่อนที่
4)ขณะที่ลก
ู ฟุตบอลกำลังเคลื่อนที่ ให้ออกแรงผลักลูกฟุตบอล
ไปทางด้านขวา
5)ขณะที่ลก
ู ฟุตบอลกำลังเคลื่อนที่ ให้ใช้มือออกแรงผลักลูก
ฟุตบอลไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ ลูกฟุตบอลเคลื่อนที่
4.นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของลูกฟุตบอล
พร้อมกับบันทึกผล
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้การสังเกตพฤติกรรม
การทำงานรายบุคคล)
5.ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนโดยให้ดูภาพคนกำลังเข็น
รถยนต์ แล้วตัง้ คำถามกับนักเรียนว่า
- การเคลื่อนที่ของวัตถุในภาพมีแรงมากระทำหรือไม่
- ถ้ามี แรงที่กระทำคือแรงอะไร มีทิศทางใด
6.นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำ
ตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ เรื่อง ผลของแรงที่มี
ผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ
7.ครูอธิบายเพิ่มเติม เมื่อเราออกแรงกระทำต่อวัตถุนน
ั ้ จะส่งผล
ต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุในลักษณะต่าง ๆ
- วัตถุเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่ง เช่น การหยุดลูกบอลที่กำลัง
เคลื่อนที่ด้วยเท้า
- วัตถุกำลังเคลื่อนที่อยู่แล้วเคลื่อนที่เร็วขึน
้ เช่น การปั่ น
จักรยานเพื่อเพิ่มความเร็ว
- วัตถุที่หยุดนิ่งเกิดการเคลื่อนที่ เช่น การตีลูกขนไก่ที่หยุดนิ่ง
ให้เคลื่อนที่
- วัตถุเคลื่อนที่อยู่แล้วเกิดการเปลี่ยนทิศทาง เช่น การเขี่ยส่ง
ลูกบอลเพื่อหลบคู่แข่งขัน
กิจกรรมที่ 3 แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส (4 ชั่วโมง)
1. ทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้ว การดึงหรือการผลัก เป็ นการ
ออกแรงที่เกิดจากวัตถุหนึ่งกระทำกับอีกวัตถุหนึ่ง โดยวัตถุทงั ้ สอง
อาจสัมผัสกันหรือไม่สัมผัสกัน
2. แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัสต่างกันอย่างไร นักเรียนจะได้เรียนรู้
จากการทำกิจกรรมต่อไปนี ้
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้การสังเกตพฤติกรรม
การทำงานรายบุคคล)
3. ครูให้นักเรียนแต่ละคนปฏิบัติกิจกรรม ดังนี ้
1)ออกแรงดันเก้าอี ้
2)ออกแรงดันโต๊ะ
3)เตะลูกบอล
4)ดันสมุดให้เคลื่อนที่
.สังเกตการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของสิง่ ต่าง ๆ
4. ครูตงั ้ คำถามนักเรียนว่า สิ่งของเคลื่อนที่ได้อย่างไร
(แนวตอบ ออกแรงกระทำต่อวัตถุ)
5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ทดลองการตกของวัตถุ
ดังนี ้
- หาก้อนหินและถ่านมาอย่างละ 1 ก้อน
- มือขวากำก้อนหิน มือซ้ายกำถ่าน คว่ำมือลงแล้วเหยียด
แขนออกให้มือทัง้ สองอยู่ระดับเดียวกัน
6. นักเรียนร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติ
กิจกรรม โดยใช้แนวคำถามต่อไปนี ้
-ผลสรุปของการทดลองนีค
้ ืออะไร
(แนวตอบ วัตถุที่มีน้ำหนักต่างกัน ถ้าปล่อยจากความสูงเท่า
กันจะตกถึงพื้นพร้อมกัน)
-ถ้าเปลี่ยนจากยางลบเป็ นแผ่นกระดาษจะได้ผลเหมือนเดิม
หรือไม่ เพราะเหตุใด
(แนวตอบ ไม่เหมือนเดิม เพราะแผ่นกระดาษไม่ตกลงตาม
แนวดิ่งเหมือนยางลบ)
7. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดย
ให้ได้ข้อสรุป ดังนี ้
- แรงโน้มถ่วงมีทิศมุ่งลงในแนวตัง้ ฉากกับผิวโลกหรือพุ่งสู่
ใจกลางของโลก
- แรงโน้มถ่วงของโลกจะน้อยลงเมื่อห่างจากโลกออกไป ใน
อวกาศที่ไกลมาก ๆ จะไม่มีแรงโน้มถ่วง
ของโลก
8. ครูอธิบายแรงไม่สัมผัส คือ การออกแรงของวัตถุหนึ่ง
กระทำต่ออีกวัตถุหนึ่ง โดยวัตถุทงั ้ สองไม่มีการสัมผัสกัน เช่น
- แรงโน้มถ่วงของโลก เป็ นแรงที่ดึงดูดวัตถุต่าง ๆ บนโลกและ
วัตถุที่อยู่ใกล้โลก เช่น ดาวเทียม ดวงจันทร์ ให้เข้าสู่
ศูนย์กลางของโลก
- แรงแม่เหล็ก เป็ นแรงดึงดูดหรือแรงผลักที่เกิดขึน
้ ระหว่างแม่
เหล็กกับสารแม่เหล็ก หรือแม่เหล็กกับแม่เหล็กด้วยกัน เช่น
แท่งแม่เหล็กดึงดูดสารแม่เหล็ก
- แรงไฟฟ้ า เป็ นแรงที่กระทำต่อวัตถุที่มีประจุไฟฟ้ าด้วยกัน
เช่น ไฟฟ้ าสถิต
9. ครูให้นักเรียนดู Power Point เรื่อง แรงกับการเคลื่อนที่
ของวัตถุ
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้การสังเกตพฤติกรรม
การทำงานรายบุคคล)
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
8 - 10 ดีมาก
5- 7 ดี
1-4 พอใช้
5. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมที่ 1 ส่วนประกอบและความสำคัญของอากาศ (4 ชั่วโมง)
1. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 5 คน จากนัน
้ ครูแจกลูกโป่ งคนละ 1 ลูก
ให้นักเรียนเป่ าลูกโป่ งเพื่อเก็บอากาศ แล้วมัดลูกโป่ งให้แน่น โดย
ครูตงั ้ คำถามกระตุ้นนักเรียน ดังนี ้
- นักเรียนคิดว่า มีอะไรอยู่ในลูกโป่ ง
(แนวตอบ อากาศ)
- นักเรียนมองเห็นอากาศที่อยู่ในลูกโป่ งหรือไม่
(แนวตอบ มองไม่เห็น)
2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาขัน
้ ตอนการทำ
กิจกรรมที่ 1 ส่วนประกอบของอากาศ สังเกตสิ่งเจือปนในครู
สนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา พร้อมทัง้ ให้
นักเรียนตอบคำถามในประเด็นคำถามต่อไปนี ้
- รอบตัวเรามีอากาศอยู่หรือไม่
- นักเรียนมองเห็นอากาศหรือไม่
- มีอะไรปนอยู่ในอากาศบ้าง
3. นักเรียนร่วมกันค้นหาคำตอบว่า เราสามารถสัมผัสกับอากาศได้
หรือไม่
- โบกสมุดไปมาใกล้ ๆ หน้าของตนเอง เราจะรู้สึกว่าหน้า
ของเราสัมผัสกับสิ่งใด
(แนวตอบ อากาศ)
4. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนดูภาพสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต
พร้อมกับตอบคำถามในประเด็นต่อไปนี ้
- อะไรบ้างที่ต้องการอากาศ (แนวตอบ กระต่าย นก สุนัข)
- สิ่งที่ต้องการอากาศเป็ นสิง่ มีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิต (แนวตอบ สิง่
มีชีวิต)
- สิ่งที่ต้องการอากาศใช้อากาศเพื่ออะไร (แนวตอบ ใช้อากาศใน
การหายใจ)
5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาการทำกิจกรรมที่ 3
ความสำคัญของอากาศ ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 หน้า 10
6. ครูให้นักเรียนเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรม ดังนี ้
7. กระดาษแข็ง 1 แผ่น
8. แหล่งข้อมูล เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุด
9. นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของอากาศต่อสิ่งมีชีวิต
จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
10. ร่วมกันอภิปรายและสรุปข้อมูลที่ได้จากการสืบค้น แล้วบันทึก
ผลลงในสมุดประจำตัวนักเรียนหรือแบบฝึ กหัดวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 หน้า 9-10
11. นำข้อมูลที่ได้มาจัดกระทำในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนภาพ
แผนผัง ลงในกระดาษแข็ง พร้อมตกแต่งให้สวยงาม
กิจกรรมที่ 2 มลพิษทางอากาศต่อสิ่งมีชีวิต (4 ชั่วโมง)
1. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนดูภาพสภาพอากาศ ครูถาม
นักเรียน ดังนี ้
- สภาพอากาศในภาพใดน่าอยู่กว่ากัน
- ควันของโรงงานอุตสาหกรรมทำให้อากาศเป็ นพิษ
หรือไม่
2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ทำกิจกรรมที่ 4 มลพิษทาง
อากาศ ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2
หน้า 14
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นและบันทึกข้อมูลลงในสมุด
ประจำตัวนักเรียนหรือแบบฝึ กหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ป.3 เล่ม 2 หน้า 13-14 ตามหัวข้อ ดังนี ้
1)มลพิษทางอากาศคืออะไร
2)สาเหตุที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
3)ผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสิง่ มีชีวิต
4)แนวทางการปฏิบัติตนในการลดการเกิดมลพิษทางอากาศ
4. นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นตาม
หัวข้อต่าง ๆ แล้วนำเสนอข้อมูลหน้าชัน
้ เรียน
5. ครูนำรูปภาพมลพิษทางอากาศ 4-5 ภาพ ให้นักเรียนดู
6. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า ภาพใดเกิดจากการกระทำ
ของมนุษย์ และภาพใดเกิดเองตามธรรมชาติ
7.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากนัน
้ แต่ละกลุ่มร่วมกัน
สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการกระทำของ
มนุษย์และภาพใดเกิดเองตามธรรมชาติ
8. ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ เป็ นภาวะของ
อากาศที่มีการเจือปนด้วยสารต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษทาง
อากาศและเป็ นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ซึ่งสามารถเกิดขึน
้ เองตาม
ธรรมชาติและเกิดจากการกระทำของมนุษย์
9. ครูตงั ้ คำถามนักเรียนว่า ผลกระทบของมลพิษทางอากาศมีอะไร
บ้าง
(แนวตอบ - ทำลายสุขภาพ อากาศเสียทำให้เกิดโรคแพ้อากาศ
โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับ
การไหลเวียนของโลหิต ผลที่เกิดในระยะยาวอาจ
ทำให้ถึงตายได้
- ทำลายสิ่งก่อสร้างและเครื่องใช้โดยเฉพาะสิง่ ก่อสร้าง
ทีทำ
่ ด้วยโลหะทําให้เกิดการสึกกร่อน ทำให้หนังสือ
และศิลปกรรมต่าง ๆ เสียหาย
- ทำให้ทัศนวิสัยไม่ดี และมีผลทำให้อุณหภูมิอากาศลด
ต่ำลงกว่าปกติได้ ทัศนวิสัยเลวลง ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
ทัง้ ในอากาศ ท้องถนน และท้องน้ำ )
กิจกรรมที่ 3 การเกิดลม ( 4 ชั่วโมง)
1. นักเรียนดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ป.3 เล่ม 2 หน้า 22 แล้วนักเรียนช่วยกันตอบคำถาม ดังนี ้
-ลมเกิดขึน
้ ได้อย่างไร
-เราสามารถใช้ประโยชน์จากลมได้อย่างไรบ้าง
2. นักเรียนร่วมกันอ่านคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอากาศรอบตัวและ
มลพิษทางอากาศ
นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาขัน
้ ตอนการทำกิจกรรมที่
1 การเกิดลม
3. ครูให้นักเรียนสังเกตภาพเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของลมจาก
บริเวณที่ความกดอากาศสูงไปยังความกดอากาศต่ำ แล้วตัง้
คำถาม ดังนี ้
- ถ้าบริเวณหนึ่งมีปริมาณอากาศหนาแน่น ส่วนอีกบริเวณหนึ่งมี
ปริมาณอากาศเบาบางจะเกิอะไรขึน
้
- บริเวณยอดเขากับบริเวณพื้นผิวโลก บริเวณใดมีความกด
อากาศมากกว่ากัน เพราะอะไร
4. ทบทวน เรื่อง ความกดอากาศ พร้อมทัง้ นำแผนภาพการเกิด
ลมมาให้นักเรียนดู แล้วตัง้ คำถาม ดังนี ้
- ถ้าพื้นที่ 2 บริเวณ มีความกดอากาศที่แตกต่างกัน นักเรียน
คิดว่าจะเกิดอะไรขึน
้ เพราะอะไร
- นักเรียนคิดว่าการเกิดลมพัดมีสาเหตุมาจากอะไร
- อากาศร้อนและอากาศเย็นมีความสัมพันธ์กับการเกิดลม
หรือไม่ เพราะอะไร
5. นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นต่อคำตอบจากความรู้และ
ประสบการณ์ของตนเอง
6. นักเรียนดูภาพเกี่ยวกับการเกิดลมบก ลมทะเล
นักเรียนและครูร่วมกันสรุป ลม เกิดจากการเคลื่อนที่ของอากาศ
ในแนวราบขนานไปกับพื้นโลก ซึ่งปั จจัยที่ทำให้เกิดลม ได้แก่
อุณหภูมิของอากาศและความกดอากาศ
กิจกรรมที่ 4 ประโยชน์และโทษของลม (2 ชั่วโมง)
1. ครูนำกังหันลมมาให้นักเรียนดู แล้วตัง้ คำถาม ดังนี ้
- กังหันหมุนได้อย่างไร
(แนวตอบ มีลมพัด)
2. นักเรียนจะได้ทราบถึงประโยชน์และโทษของลมจากการทำ
กิจกรรมต่อไปนี ้
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้การสังเกตพฤติกรรม
การทำงานรายบุคคล)
3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากนัน
้ ช่วยกันสืบค้นข้อมูล
เกี่ยวกับประโยชน์และโทษของลมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ แล้ว
บันทึกข้อมูลลงในสมุด
4. นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปข้อมูลที่ได้จากการสืบค้น แล้ว
นำข้อมูลมาจัดทำในรูปแบบต่าง ๆ ลงในกระดาษแข็งพร้อมตกแต่ง
ให้สวยงาม
5. นำเสนอผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนกลุ่มอื่นภายในชัน
้
เรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้การสังเกตพฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม)
6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1) หนังสือเรียน
2) แบบทดสอบ
3) บัตรภาพและบัตรคำ
4) อินเตอร์เน็ต
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง พลังงานบนโลก
รหัสวิชา ว 13101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี โรงเรียนอนุบาลพนัสศึกษาลัย
ชัน
้ ประถมศึกษาปี ที่ 3 ภาคเรียนที่ 2
เวลา 14 ชั่วโมง
….
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว
้ ัด
มาตรฐานการเรียนรู้ ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การ
เปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร
และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น
ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า รวม
ทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชีว้ ัด ป.3/1 ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงพลังงานหนึ่งไปเป็ น
อีกพลังงานหนึง่ จากหลักฐานเชิงประจักษ์
ตัวชีว้ ัด ป.3/2 บรรยายการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ าและ
ระบุแหล่งพลังงานผลิตกระแสไฟฟ้ าจากข้อมูลที่รวบรวมได้
ตัวชีว้ ัด ป.3/3 ตระหนักในประโยชน์และโทษของไฟฟ้ า โดยนำ
เสนอวิธีการใช้ไฟฟ้ าอย่างประหยัดและปลอดภัย
2. สาระสำคัญ
พลังงานเป็ นปริมาณที่แสดงถึงความสามารถในการทำงาน เมื่อ
วัตถุเกิดการเคลื่อนที่ พลังงานจะเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง
เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงของพลังงาน
ไฟฟ้ าเป็ นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนรูปเป็ นพลังงาน
อื่น และทำให้เครื่องมือต่าง ๆ สามารถทำงานได้ และเพื่อช่วย
อำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ
ไฟฟ้ าผลิตจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ าซึง่ ใช้พลังงานจากแหล่ง
พลังงานธรรมชาติหลายแหล่ง เช่น พลังงานจากลม พลังงานจากน้ำ
พลังงานจากแก๊สธรรมชาติ
การผลิตไฟฟ้ าต้องใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานธรรมชาติที่มี
จำกัด และแหล่งพลังงานหมุนเวียน ซึ่งแหล่งพลังงานที่มีจำกัดนีเ้ มื่อ
ใช้แล้วจะค่อย ๆ หมดไป ดังนัน
้ จึงต้องเรียนรู้วิธีการใช้ไฟฟ้ าอย่าง
ประหยัด
3. สาระความรู้
ความรู้
1) พลังงานเป็ นปริมาณที่แสดงถึงความสามารถในการ
ทำงาน พลังงานมีหลายแบบ เช่น พลังงานกล พลังงานไฟฟ้ า
พลังงานแสง พลังงานเสียง และพลังงานความร้อน โดยพลังงาน
สามารถเปลี่ยนจากพลังงานหนึง่ ไปเป็ นอีกพลังงานหนึ่งได้เช่น
การถูมือจนรู้สึกร้อน เป็ นการเปลี่ยนพลังงานกลเป็ นพลังงาน
ความร้อน แผงเซลล์สุริยะเปลี่ยนพลังงานแสงเป็ น พลังงาน
ไฟฟ้ า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้ าเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานอื่น
2) ไฟฟ้ าผลิตจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ าซึ่งใช้พลังงานจากแหล่ง
พลังงานธรรมชาติหลายแหล่ง เช่น พลังงานจากลม พลังงาน
จากน้ำ พลังงานจากแก๊สธรรมชาติ
3) พลังงานไฟฟ้ ามีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน การใช้
ไฟฟ้ านอกจากต้องใช้อย่างถูกวิธี ประหยัดและคุ้มค่าแล้วยังต้อง
คำนึงถึงความปลอดภัยด้วย
ทักษะ/กระบวนการ
1) ทดลอง
2) สำรวจ
3) สืบค้นข้อมูล
4) กระบวนการกลุ่ม
5) การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
คุณลักษณะ
1) ใฝ่ หาความรู้
2) มุ่งมั่นในการทำงาน
3) มีเหตุผล
4) ยอมรับฟั งความคิดเห็นของผู้อ่ น
ื
5) มีความเมตตา ระมัดระวังต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
6) ทำงานร่วมกับผู้อ่ น
ื ได้อย่างสร้างสรรค์
4. การประเมินผลรวบยอด
ชิน
้ งาน
ออกแบบและนำเสนอวิธีการใช้ไฟฟ้ าอย่างประหยัด
การประเมินผล
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนน
ประเด็น 2 1 0
การ
ประเมิน
1. ผล ผลงานสอดคล้อง ผลงาน ผลงานไม่
งานตรง กับจุดประสงค์ทุก สอดคล้องกับ สอดคล้องกับ
กับจุด ประเด็น จุดประสงค์เป็ น จุดประสงค์
ประสงค์ ส่วนใหญ่
2. ผล เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระ
งานมี ผลงานถูกต้องครบ ของผลงานถูก ของผลงานไม่
ความถูก ถ้วน ต้องเป็ นส่วน ถูกต้องเป็ น
ต้อง ใหญ่ ส่วนใหญ่
สมบูรณ์
3. ผล ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนว ผลงานไม่แสดง
งานมี ถึงความคิด ความคิดแปลก แนวคิดใหม่
ความคิด สร้างสรรค์แปลก ใหม่แต่ยังไม่
สร้างสรร ใหม่เป็ นระบบ เป็ นระบบ
ค์
4. ผล ผลงานมีความเป็ น ผลงานมีความ ผลงานส่วน
งานมี ระเบียบ ประณีต เป็ นระเบียบ ใหญ่ไม่เป็ น
ความ สวยงาม แต่มีข้อ ระเบียบมีข้อ
เป็ น บกพร่องบาง บกพร่องมาก
ระเบียบ ส่วน
5. ความ ส่งงานตามกำหนด ส่งงานช้ากว่า ส่งงานช้ากว่า
รับผิด เวลา กำหนด เวลา กำหนดเวลา
ชอบ 1-3 วัน เกิน 3 วัน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
8 -10 ดีมาก
5-7 ดี
1-4 พอใช้
5. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมที่ 1 พลังงานและการเปลี่ยนแปลง (6 ชั่วโมง)
1. นักเรียนดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3
เล่ม 2 หน้า 39 แล้วช่วยกันตอบคำถามสำคัญประจำบท ดังนี ้
- ในภาพมีพลังงานเกิดขึน
้ หรือไม่ อะไรบ้าง
- ในชีวิตประจำวันเราเกี่ยวข้องกับพลังงานอย่างไรบ้าง
2. นักเรียนศึกษาขัน
้ ตอนการทำกิจกรรมที่ 1 พลังงานเปลี่ยนไป ใน
หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลครูสาธิตการทำงานของ
เครื่องเป่ าผม แล้วตัง้ คำถามกระตุ้นนักเรียน ดังนี ้
- นักเรียนคิดว่า เครื่องเป่ าผมเป็ นเครื่องใช้ไฟฟ้ าประเภทที่
เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานรูปแบบใด
(แนวตอบ เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานกลและพลังงาน
ไฟฟ้ า)
3. ครูอธิบายพลังงานที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมีหลายรูป
แบบ เช่น
- พลังงานกล คือ พลังงานที่เกิดจากการกระทำของแรง ทำให้
วัตถุเกิดการหมุนหรือเคลื่อนที่
- พลังงานเสียง คือ พลังงานที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของสิง่
ต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดเสียงได้
- พลังงานแสง คือ พลังงานที่แผ่รังสีมาจากดวงอาทิตย์
- พลังงานไฟฟ้ า คือ พลังงานที่เปลี่ยนมาจากพลังงานอื่น
- พลังงานความร้อน คือ พลังงานที่ได้มาจากหลายแหล่ง เช่น
ดวงอาทิตย์ การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง
4. ครูตงั ้ คำถามนักเรียนในประเด็นต่อไปนี ้
- เครื่องใช้ไฟฟ้ าทำงานโดยใช้พลังงานอะไร
5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการ
เปลี่ยนแปลงพลังงาน
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทำสมุดภาพที่เกี่ยวข้องกับการ
เปลี่ยนแปลงของพลังงาน โดยติดภาพหรือวาดภาพอุปกรณ์หรือ
กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงพลังงานหนึ่งไปเป็ นอีก
พลังงานหนึง่
7. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปจนได้ข้อสรุป ดังนี ้
- พลังงาน คือ ความสามารถที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ ทำงานได้ เช่น
การเคลื่อนที่ของรถยนต์ หลอดไฟฟ้ าสว่าง
- พลังงานมีหลายรูปแบบ และพลังงานสามารถเปลี่ยนจาก
พลังงานหนึง่ ไปเป็ นอีกพลังงานหนึ่งได้ เช่น พัดลมเปลี่ยน
พลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานความร้อน โทรทัศน์เปลี่ยน
พลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานแสงและพลังงานเสียง
กิจกรรมที่ 2 การผลิตไฟฟ้ า (2 ชั่วโมง)
1. นักเรียนดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3
เล่ม 2 หน้า 51 แล้วช่วยกันตอบคำถามสำคัญประจำบทต่อไปนี ้
- จากภาพ มนุษย์นำแหล่งพลังงานใดมาผลิตไฟฟ้ า
- ไฟฟ้ ามีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของเราอย่างไร
2. นักนักเรียนศึกษาการผลิตไฟฟ้ าเพิ่มเติม โดยใช้โทรศัพท์มือถือ
สแกน QR Code เรื่อง การผลิตไฟฟ้ า ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีเรียน
3. แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาการทำกิจกรรมที่ 1 การผลิต
ไฟฟ้ า
4. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรมได้ข้อสรุปว่า
เมื่อน้ำปะทะกับกังหัน แรงดันของน้ำจะทำให้กังหันหมุน ซึ่งแกน
ของกังหันจะต่ออยู่กับแกนของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ า ทำให้แกนของ
เครื่องกำเนิดไฟฟ้ าหมุนและผลิตไฟฟ้ าได้อย่างต่อเนื่อง
กิจกรรมที่ 3 แหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้ า (4 ชั่วโมง)
1. ครูทบทวนถึงการผลิตพลังงานไฟฟ้ าระบบพลังน้ำที่ได้เรียนรู้
มาแล้ว โดยยกตัวอย่างเขื่อนในประเทศไทยที่ใช้ระบบพลังน้ำ
เพื่อให้ไปปะทะกับกังหันซึ่งเชื่อมต่ออยู่กับแกนของเครื่องกำเนิด
ไฟฟ้ า โดยครูใช้คำถามกระตุ้น ดังนี ้
- การผลิตพลังงานไฟฟ้ าระบบพลังน้ำมีหลักการทำงาน
อย่างไร
(แนวตอบ น้ำจากเขื่อนที่อยู่ระดับสูงตกลงมาระดับล่างและ
ทำให้กังหันผลิตพลังงานไฟฟ้ าหมุน)
นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาขัน
้ ตอนการทำกิจกรรมที่
2 แหล่งพลังงานที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้ า ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ป.3
2. นำบัตรคำแสดงแหล่งพลังงานต่าง ๆ ได้แก่ แสงอาทิตย์
น้ำมัน ลม ถ่านหิน และแก๊สธรรมชาติ ให้นักเรียนดู และ
อภิปรายถึงแหล่งพลังงานที่มีจำกัด โดยครูใช้คำถามกระตุ้น
ดังนี ้
- แหล่งพลังงานใดเป็ นแหล่งพลังงานที่เกิดจากการทับถมของ
ซากพืชซากสัตว์เป็ นเวลาหลายล้านปี
(แนวตอบ ถ่านหิน น้ำมันและแก๊สธรรมชาติ)
- แหล่งพลังงานดังกล่าวมีข้อจำกัดในเรื่องใด
3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาข้อมูลแหล่ง
พลังงานที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้ า ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 หน้า 60-65 ดังนี ้
1)ถ่านหิน
2)น้ำมันและแก๊สธรรมชาติ
3)พลังงานลม
4)พลังงานน้ำ
5)พลังงานแสงอาทิตย์
4. ครูเชื่อมโยงความรู้สู่อาเซียนโดยให้ความรู้เพิ่มเติมว่า
พลังงานจากฟอสซิล ได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน และแก๊สธรรมชาติ นับ
วันจะหายากและมีราคาแพง เนื่องจากเป็ นพลังงานที่ใช้แล้วหมดสิน
้
ไป ไม่สามารถผลิตทดแทนได้
5. นักเรียนร่วมกันสรุปแหล่งพลังงานที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้ า โดย
ร่วมกันเขียนแผนผังความคิดลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
กิจกรรมที่ 4 การรู้จักใช้ไฟฟ้ า (2 ชั่วโมง)
1. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำถามกระตุ้นนักเรียนว่า
-ภายในห้องเรียนมีอะไรบ้างที่เป็ นเครื่องใช้ไฟฟ้ า
-นักเรียนรู้วิธีใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ าเหล่านีห
้ รือไม่
2. นักเรียนศึกษาการทำกิจกรรมที่ 3 ประโยชน์และโทษของ
ไฟฟ้ า จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโสืบค้นข้อมูลเกี่ยว
กับประโยชน์และโทษของไฟฟ้ า
3. อภิปรายและสรุปข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ
ประโยชน์และโทษของไฟฟ้ า
นโลยี ป.3
4. ครูนำภาพเครื่องใช้ไฟฟ้ าที่สำคัญต่อชีวิตประจำวันมาให้
นักเรียนร่วมกันบอกประโยชน์ของเครื่องใช้ไฟฟ้ าแต่ละชนิด
5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ทำกิจกรรม ประโยชน์
และโทษของไฟฟ้ า ตัวแทนแต่ละกลุ่มจับสลากชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้ า
กลุ่มละ 1 ชนิด ดังนี ้
1)เตารีด
2)พัดลม
6. นักเรียนแบ่งกลุ่ม จากนัน
้ ร่วมกันจัดทำคู่มือความปลอดภัยใน
การใช้ไฟฟ้ า โดยวาดภาพหรือติดภาพและเขียนอธิบายวิธีการ
ปฏิบัติตนในการใช้ไฟฟ้ าอย่างปลอดภัย พร้อมตกแต่งให้สวยงาม
6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1) หนังสือเรียน
2) บัตรคำ
3) มอเตอร์ไดนาโม
4) ใบงาน
5) อินเตอร์เน็ต
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง ดวงอาทิตย์และปรากฏการณ์บนโลก
รหัสวิชา ว 13101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี โรงเรียนอนุบาลพนัสศึกษาลัย
ชัน
้ ประถมศึกษาปี ที่ 3 ภาคเรียนที่ 2
เวลา 10 ชั่วโมง
….
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว
้ ัด
มาตรฐานการเรียนรู้ ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ
กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์
และระบบสุริยะ รวมทัง้ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิง่
มีชีวิต และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ
ตัวชีว้ ัด ป.3/1 อธิบายแบบรูปเส้นทางการขึน
้ และตกของดวง
อาทิตย์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
ตัวชีว้ ัด ป.3/2 อธิบายสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์การขึน
้ และ
ตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน และการกำหนดทิศ
โดยใช้แบบจำลอง
ตัวชีว้ ัด ป.3/3 ตระหนักถึงความสำคัญของดวงอาทิตย์ โดย
บรรยายประโยชน์ของดวงอาทิตย์ต่อสิ่งมีชีวิต
2. สาระสำคัญ
ดวงอาทิตย์เป็ นดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ที่มีแสงสว่างในตัวเองเป็ น
แหล่งพลังงานที่มีความสำคัญต่อโลก เพราะดวงอาทิตย์ ให้
พลังงานความร้อนและพลังงานแสงแก่โลก ทำให้สิ่งมีชีวิตนำ
พลังงานไปใช้ประโยชน์ได้
การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เห็นดวงอาทิตย์ปรากฏขึน
้ บน
ท้องฟ้ าในเวลากลางวันจากขอบฟ้ าด้านหนึ่งและตกลับขอบฟ้ าอีก
ด้านหนึ่ง ทำให้โลกเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน
การที่โลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิด
ปรากฏการณ์การขึน
้ และตกของดวงอาทิตย์ และ ในขณะเดียวกันก็
ทำให้เกิดช่วงเวลาของวันด้วย
3. สาระความรู้
ความรู้
1) คนบนโลกมองเห็นดวงอาทิตย์ปรากฏขึน
้ ทางด้านหนึ่ง
หรือตกทางอีกด้านหนึ่งทุกวัน หมุนเวียนเป็ นแบบรูปซ้ำ ๆ
2) โลกกลมและหมุนรอบตัวเองขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์
ทำให้บริเวณของโลกได้รับแสงอาทิตย์ไม่พร้อมกัน โลกด้านที่ได้
รับแสงจากดวงอาทิตย์จะเป็ นกลางวัน ส่วนด้านตรงข้ามที่ไม่ได้
รับแสงจะเป็ นกลางคืน นอกจากนีค
้ นบนโลกจะมองเห็นดวง
อาทิตย์ปรากฏขึน
้ ทางด้านหนึ่ง ซึ่งกำหนดให้เป็ นทิศตะวันออก
และมองเห็นดวงอาทิตย์ตกทางอีกด้านหนึ่ง ซึง่ กำหนดให้เป็ น
ทิศตะวันตก และเมื่อให้ด้านขวามืออยู่ทางทิศตะวันออก ด้าน
ซ้ายมืออยู่ทางทิศตะวันตก ด้านหน้าจะเป็ นทิศเหนือ และด้าน
หลังจะเป็ นทิศใต้
3) ในเวลากลางวันโลกจะได้รับพลังงานแสงและพลังงาน
ความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้
ทักษะ/กระบวนการ
1) ทดลอง
2) สำรวจ
3) สืบค้นข้อมูล
4) กระบวนการกลุ่ม
5) การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
คุณลักษณะ
1) ใฝ่ หาความรู้
2) มุ่งมั่นในการทำงาน
3) มีเหตุผล
4) ยอมรับฟั งความคิดเห็นของผู้อ่ น
ื
5) มีความเมตตา ระมัดระวังต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
6) ทำงานร่วมกับผู้อ่ น
ื ได้อย่างสร้างสรรค์
4. การประเมินผลรวบยอด
ชิน
้ งาน
วาดภาพประกอบการอธิบายการขึน
้ -ตกของดวงอาทิตย์
การประเมินผล
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนน
ประเด็น 1 0.5 0
การ
ประเมิน
1. ผล ผลงานสอดคล้อง ผลงาน ผลงานไม่
งานตรง กับจุดประสงค์ทุก สอดคล้องกับ สอดคล้องกับ
กับจุด ประเด็น จุดประสงค์เป็ น จุดประสงค์
ประสงค์ ส่วนใหญ่
2. ผล เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระ
งานมี ผลงานถูกต้องครบ ของผลงานถูก ของผลงานไม่
ความถูก ถ้วน ต้องเป็ นส่วน ถูกต้องเป็ น
ต้อง ใหญ่ ส่วนใหญ่
สมบูรณ์
3. ผล ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนว ผลงานไม่แสดง
งานมี ถึงความคิด ความคิดแปลก แนวคิดใหม่
ความคิด สร้างสรรค์แปลก ใหม่แต่ยังไม่
สร้างสรร ใหม่เป็ นระบบ เป็ นระบบ
ค์
4. ผล ผลงานมีความเป็ น ผลงานมีความ ผลงานส่วน
งานมี ระเบียบ ประณีต เป็ นระเบียบ ใหญ่ไม่เป็ น
ความ สวยงาม แต่มีข้อ ระเบียบมีข้อ
เป็ น บกพร่องบาง บกพร่องมาก
ระเบียบ ส่วน
5. ความ ส่งงานตามกำหนด ส่งงานช้ากว่า ส่งงานช้ากว่า
รับผิด เวลา กำหนด เวลา กำหนดเวลา
ชอบ 1-3 วัน เกิน 3 วัน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
4-5 ดีมาก
2-3 ดี
0-1 พอใช้
5. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมที่ 1 ความสำคัญของดวงอาทิตย์ต่อสิ่งมีชีวิต (4 ชั่วโมง)
1. ครูถามคำถามกระตุ้นนักเรียน ดังนี ้
- เด็ก ๆ เคยเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เวลาใดบ้าง
- เด็ก ๆ ตื่นนอนเวลาใด มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ขน
ึ ้ อยู่บน
ท้องฟ้ า
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้การสังเกตพฤติกรรม
การทำงานรายบุคคล)
2. ครูพานักเรียนไปสำรวจนอกห้องเรียน โดยให้นักเรียนสังเกต
ลักษณะอากาศและท้องฟ้ าในเวลากลางวันวันนี ้ ครูให้คำแนะนำ
เรื่องการสังเกตดวงอาทิตย์ โดยเน้นย้ำไม่ให้นักเรียนจ้องมองดวง
อาทิตย์ในแนวตรง เพื่อความปลอดภัยของดวงตา
3. นักเรียนสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับเวลากลางวันและลักษณะ
ท้องฟ้ าที่สำรวจในวันนีว้ ่า มีลักษณะอย่างไร และนักเรียนพบอะไร
บ้าง ให้นักเรียนช่วยกันตอบพร้อมกับยกตัวอย่างประกอบ
4. ครูตงั ้ คำถามสำคัญประจำบทว่า ดวงอาทิตย์มีความสำคัญต่อสิ่ง
มีชีวิตบนโลกอย่างไร แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น
นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาขัน
้ ตอนการทำกิจกรรมที่
1 ความสำคัญของอาทิตย์ ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ป.3
5. ครูตงั ้ คำถาม เพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียน ดังนี ้
- แสงสว่างจากดวงอาทิตย์มีประโยชน์ต่อนักเรียนอย่างไร
- ในชีวิตประจำวันของนักเรียนมีกิจกรรมใดบ้างที่ต้องใช้
ประโยชน์จากแสงสว่างของดวงอาทิตย์
6. นักเรียนแสดงความคิดเห็นและซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับดวง
อาทิตย์ เพื่อเชื่อมโยงไปสูก
่ ารเรียนรู้ เรื่องพลังงานความร้อนและ
พลังงานแสงจากดวงอาทิตย์
กิจกรรมที่ 2 ปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์บนโลก (6 ชั่วโมง)
1. ครูตงั ้ คำถามเพื่อกระตุ้นนักเรียน โดยใช้คำถาม ดังนี ้
-นักเรียนเห็นดวงอาทิตย์ขน
ึ ้ เมื่อใด
(แนวตอบ ตอนเช้า)
2. ครูนำแผนภาพระบบสุริยะและการเคลื่อนที่ของโลกรอบดวง
อาทิตย์มาให้นักเรียนดู แล้วตัง้ คำถามดังนี ้
- การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์มีความสัมพันธ์กับเรื่องใด
บ้าง
(แนวตอบ กลางวัน กลางคืน และฤดูกาล)
นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาการทำกิจกรรมที่ 2 แบบ
รูปการขึน
้ และตกของดวงอาทิตย์
3. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า เวลากลางวัน กลางคืนเกิดขึน
้ จาก
การที่โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
4. นักเรีนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำกิจกรรมที่ 3 กลางวัน กลาง
คืน และการกำหนทิศ เพื่อสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุการเกิด
ปรากฏการณ์บนโลกที่กำหนดให้ยนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน
สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกลนักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดทิศ
โดยกำหนดจากการขึน
้ และตกของดวงอาทิตย์จากแหล่งข้อมูลต่าง
ๆ แล้วบันทึกข้อมูลลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
5. สังเกตและวาดภาพการขึน
้ และตกของดวงอาทิตย์ในบริเวณ
โรงเรียน พร้อมกำหนดทิศลงในภาพ
6. ใช้เข็มทิศสังเกตทิศภายในโรงเรียน เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
ของการกำหนดทิศจากการสังเกตการขึน
้ และตกของดวงอาทิตย์
7. สำรวจและวาดภาพตำแหน่งของสถานที่ต่าง ๆ ภายในโรงเรียน
ลงในกระดาษ A4 โดยใช้ความรู้ เรื่อง ทิศ จากการขึน
้ และตกของ
ดวงอาทิตย์
8. นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม สังเกตทิศที่เกิดจากดวงอาทิตย์ โดย
ปฏิบัติกิจกรรมตามขัน
้ ตอนที่วางแผนไว้ ดังนี ้
9. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหา
6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1) หนังสือเรียน
2) บัตรคำ
3) ใบงาน
4) อินเตอร์เน็ต