Professional Documents
Culture Documents
41211 สรุป มาตราแพ่ง 1สำหรับท่อง
41211 สรุป มาตราแพ่ง 1สำหรับท่อง
บุคคล ความสามารถของบุคคล
ใหญ่
นัน้ เป็ นโมฆะ (เช่น สัญญาจ้ างฆ่าคน สัญญาซื ้อขายเฮโรอีน เป็ นต้ น )
มาตรา 152 วางหลักไว้วา่ : การใดมิได้ ทาให้ ถูกต้ องตามแบบที่กฎหมายบังคับไว้ การ
ไม่ถกู ต้ องตามแบบ นัน ้ เป็ นโมฆะ
มาตรา 154 วางหลักไว้วา่ : การแสดงเจตนาใดแม้ ในใจจริงผู้แสดงจะมิได้ เจตนาให้ ตนต้ องผูกพัน
เจตนาซ่อนเร้ น(ไม่ ตามที่ได้ แสดงออกมาก็ตาม หาเป็ นมูลเหตุให้ การแสดงเจตนานัน้ เป็ นโมฆะไม่ เว้ น
เป็ นโมฆะ) แต่ ค่ กู รณีอีกฝ่ ายหนึ่งจะได้ ร้ ูถึงเจตนาอันซ่ อนอยู่ในใจผู้แสดงนัน้ (ผูท้ ํานิติกรรมรู้ แต่
คู่กรณี ไม่รู้ = นิติกรรมสมบูรณ์ ผูท้ ํานิติกรรมรู้ คู่กรณี รู้ =นิติกรรมเป็ นโมฆะ)
มาตรา 155 วางหลักไว้วา่ : การแสดงเจตนาลวง โดยสมรู้ กับคู่กรณีอีกฝ่ ายหนึ่ง เป็ นโมฆะ
เจตนาลวง , แต่ จะยกขึน้ เป็ นข้ อต่ อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทาการโดยสุจริ ตและต้ อง
เจตนาอาพลาง เสียหายจากการแสดงเจตนาลวงนัน้ มิได้
(เป็ นโมฆะ)
ถ้ าการแสดงเจตนาลวงตามวรรค 1 ทาขึน้ เพื่ออาพรางนิตกิ รรมอื่น
ให้ นาบทบัญญัตขิ องกฎหมายอันเกี่ยวกับนิตกิ รรมที่ถูกอาพรางมาใช้ บังคับ
(ทัง้ ผูท้ ํานิ ติกรรมและคู่กรณี รู้ดว้ ยกันทัง้ คู=่ นิ ติกรรมตกเป็ นโมฆะ)
มาตรา 156 วางหลักไว้วา่ : การแสดงเจตนาโดยสาคัญผิด ในสิ่งที่เป็ นสาระสาคัญ นิตกิ รรมนัน้
สาคัญผิดใน เป็ นโมฆะ
สาระสาคัญ ความสาคัญผิดในสิ่งที่เป็ นสาระสาคัญแห่งนิติกรรม ได้ แก่ สาคัญผิด ใน
(เป็ นโมฆะ)
ลักษณะของนิติกรรม สาคัญผิดในตัวบุคคลซึง่ เป็ นคูก่ รณีแห่งนิติกรรม และสาคัญผิด
ในทรั พย์ สินซึง่ เป็ นวัตถุแห่งนิติกรรม
มาตรา 157 วางหลักไว้วา่ : การแสดงเจตนาโดยสาคัญผิดในคุณสมบัตขิ องบุคคลหรื อ
สาคัญผิดใน ทรั พย์ สิน เป็ นโมฆียะ
คุณสมบัติ ต้ องเป็ นความสาคัญผิดในคุณสมบัติ ซึง่ ตามปกติถือว่าเป็ นสาระสาคัญ ซึง่ หาก
(เป็ นโมฆียะ)
มิได้ มีความสาคัญผิด ดังกล่าว การอันเป็ นโมฆียะนั ้นคงจะมิได้ กระทาขึ ้น
(สําคัญผิ ดเอง โง่เอง ตัดสิ นใจเอง ไม่ใช่การถูกหลอกลวง สามารถบอกล้างโมฆี ยะ
ได้)เช่นรับสมัครแม่บ้านเข้ามา แต่ทํางานไม่เป็ นเลย หรื อซื ้อรู ปภาพ แต่ได้ภาพปลอม )
7
มาตรา 158 วางหลักไว้วา่ : ความสาคัญผิดตามมาตรา 156 หรื อ 157 ซึง่ เกิดขึ ้นโดยประมาท
ประมาทเลินเล่อ เลินเล่ ออย่ างร้ ายแรงของบุคคลผู้แสดงเจตนา บุคคลนันจะถื ้ อเอาความสาคัญ
อย่างร้ ายแรง
ผิดมาใช้ เป็ นประโยชน์ แก่ ตนไม่ ได้ (นิติกรรมไม่ตกเป็ นโมฆะ มีผลสมบูรณ์ )
มาตรา 159 วางหลักไว้วา่ : การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้ อฉล เป็ นโมฆียะ
กลฉ้ อฉล การถูกกลฉ้ อฉลที่จะเป็ นโมฆียะตามวรรค 1 จะต้ องถึงขนาดซึง่ ถ้ ามิได้ มี
(เป็ นโมฆียะ)
กลฉ้ อฉลดังกล่าว การอันเป็ นโมฆียะนันคงจะมิ ้ ได้ กระทาขึ ้น
ถ้ าคู่กรณีฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้ อฉลโดยบุคคลภายนอก
การแสดงเจตนานัน้ จะเป็ นโมฆียะ ต่ อเมื่อคู่กรณีอีกฝ่ ายหนึ่งได้ ร้ ู หรื อควรจะ
ได้ ร้ ู ถึงกลฉ้ อฉลนัน้ (ถ้าคู่กรณี ฝ่ายหนึ่งไม่รู้ = นิ ติกรรมสมบูรณ์ )
มาตรา 160 วางหลักไว้วา่ : การบอกล้ างโมฆียะกรรมเพราะถูกกลฉ้ อฉลตามมาตรา 159 ห้ ามมิ
การบอกล้ าง ให้ ยกเป็ นข้ อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทาการโดยสุจริต
โมฆียะกรรมเพราะ
(ถ้าใช้กลฉ้อฉลหลอกให้ขายพระเครื ่องให้แล้ว และนําไปขายต่ออีกกับบุคคลที ่ 3 ซึ่ง
ถูกกลฉ้ อฉล
สุจริ ต บุคคลทีถ่ ูกกลฉ้อฉลจะไม่สามารถเรี ยกคืนพระเครื ่องได้ )
มาตรา 161 วางหลักไว้วา่ : ถ้ ากลฉ้ อฉลเป็ นเพียงแต่เหตุจงู ใจให้ คกู่ รณีฝ่ายหนึง่ ยอมรั บ
ยอมรับข้ อกาหนด ข้ อกาหนดอันหนักยิ่งกว่ าที่คกู่ รณีฝ่ายนั ้นจะยอมรับโดยปกติ คูก่ รณีฝ่ายนั ้น(ผู้ซื ้อ)จะ
อันหนักยิ่งกว่า
บอกล้ างการนั ้นหาได้ ไม่ แต่ชอบที่จะเรี ยกเอาค่ าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหาย
อันเกิดจากกลฉ้ อฉลนัน้ ได้
มาตรา 162 วางหลักไว้วา่ : ในนิติกรรม 2 ฝ่ าย การที่คกู่ รณีฝ่ายหนึง่ จงใจนิ่งเสีย ไม่แจ้ งข้ อความ
ฉ้ อฉลโดยการนิ่ง จริ งหรื อคุณสมบัติอนั คูก่ รณีอีกฝ่ ายหนึง่ มิได้ ร้ ู การนัน้ จะเป็ นกลฉ้ อฉล หากพิสจู น์ได้
เสีย(เป็ นโมฆียะ)
ว่าถ้ ามิได้ นิ่งเสียเช่นนั ้น นิติกรรมนั ้นก็คงจะมิได้ กระทาขึ ้น
(การนิ่ งเสียต้องเป็ นหน้าทีท่ ีต่ อ้ งบอก แต่ ไม่ยอมบอก)
มาตรา 163 วางหลักไว้วา่ : ถ้ าคูก่ รณีตา่ งได้ กระทาการโดยกลฉ้ อฉลด้ วยกันทั ้งสองฝ่ าย ฝ่ ายหนึง่
ฉ้ อฉลทัง้ 2 ฝ่ าย ฝ่ ายใดจะกล่าวอ้ างกลฉ้ อฉลของอีกฝ่ ายหนึง่ เพื่อ การบอกล้ างการนัน้ หรื อเรี ยกค่ า
กม.ไม่ยืนยัน
สินไหมทดแทนมิได้ (อ้างอะไรไม่ได้เลย)
มาตรา 164 วางหลักไว้วา่ : การแสดงเจตนาเพราะถูกข่ มขู่เป็ นโมฆียะ (เช่นถูกปื นขู่ให้ ทานิติ
ข่มขู่ กรรม) การข่มขู่ที่จะทาให้ การใดตกเป็ นโมฆียะนัน้ จะต้ องเป็ นการข่มขู่ที่จะให้ เกิด
(เป็ นโมฆียะ)
ภัยอันใกล้ จะถึง และร้ ายแรงถึงขนาดที่จะจูงใจให้ ผ้ ถู กู ข่มขู่มีมลู ต้ องกลัว ซึง่ ถ้ า
มิได้ มีการข่มขู่เช่นนัน้ การนันคงจะมิ
้ ได้ กระทาขึ ้น (แต่ถา้ ไม่เข้าสาระสําคัญนี ้ถือว่า
สมบูรณ์ )
8
สัญญา
มาตรา 150 วางหลักไว้วา่ : การใดมีวัตถุประสงค์ เป็ นการต้ องห้ ามชัดแจ้ งโดยกฎหมาย เป็ น
นิตกิ รรมต้ องห้ าม การพ้ นวิสัยหรื อเป็ นการขัดต่ อความสงบเรี ยบร้ อยหรื อศีลธรรมอันดีของ
ชัดแจ้ งโดย ประชาชน การนัน้ เป็ นโมฆะ
กฎหมาย เป็ น (คู่สญ
ั ญาทีท่ ํานิ ติกรรมจะต้องร่ วมรู้ถึงวัตถุประสงค์ของนิ ติกรรมตัง้ แต่ทํานิ ติกรรม การ
โมฆะ
ทํานิ ติกรรมนัน้ จึงจะตกเป็ นโมฆะ)
มาตรา 152 วางหลักไว้วา่ : การใดมิได้ ทาให้ ถูกต้ องตามแบบที่กฎหมายบังคับไว้ การนัน้
ไม่ถกู ต้ องตามแบบ เป็ นโมฆะ
มาตรา 168 วางหลักไว้วา่ : การแสดงเจตนาที่กระทาต่ อบุคคลซึ่งอยู่เฉพาะหน้ า ให้ ถือว่ ามี
การแสดงเจตนาที่ ผลนับแต่ ผ้ รู ั บการแสดงเจตนาได้ ทราบการแสดงเจตนานัน้ ความในข้ อนี ้ให้ ใช้
กระทาต่อบุคคลซึ่ง
ตลอดถึงการที่บคุ คลหนึง่ แสดงเจตนาไปยังบุคคลอีกคนหนึง่ โดยทางโทรศัพท์ หรื อ
อยู่เฉพาะหน้ า นิติ
ทางเครื่ องมือสื่อสารอย่ างอื่น หรื อโดยวิธีอ่ นื ซึ่งสามารถติดต่ อถึงกันได้ ใน
กรรมทางโทรศัพท์
มีผล
ทานองเดียวกัน
มาตรา 169 วางหลักไว้วา่ : การแสดงเจตนาที่กระทาต่ อบุคคลซึ่งมิได้ อยู่เฉพาะหน้ า ให้ ถือ
เมื่อผู้แสดงเจตนา ว่ ามีผลนับแต่ เวลาที่การแสดงเจตนานัน ้ ไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา แต่ถ้าได้ บอก
ตาย นิตกิ รรมไม่ไร้ ถอนไปถึงผู้รับการแสดงเจตนานั ้นก่ อนหรื อพร้ อมกัน กับที่การแสดงเจตนานั ้นไปถึง
ผล
ยังคงผูกพันอยู่
ผู้รับ การแสดงเจตนานัน้ ตกเป็ นอันไร้ ผล
การแสดงเจตนาที่ได้ ส่งออกไปแล้ ว ย่ อมไม่ เสื่อมเสียไป แม้ ภายหลังการ
แสดงเจตนานั ้นผู้แสดงเจตนาจะถึงแก่ ความตาย หรื อถูกศาลสั่งให้ เป็ นคนไร้
ความสามารถหรื อเสมือนไร้ ความสามารถ (ดูมาตรา 360 ประกอบด้ วย)
มาตรา 354 วางหลักไว้วา่ : คาเสนอจะทาสัญญาอันบ่ งระยะเวลาให้ ทาคาสนองนัน้ ท่านว่าไม่
คาเสนอบ่ง อาจจะถอนได้ ภายในระยะเวลาที่บง่ ไว้
ระยะเวลาให้ ทาคา
สนอง
มาตรา 355 วางหลักไว้วา่ : บุคคลทาคาเสนอไปยังผู้อื่นซึง่ อยู่ห่างกันโดยระยะทาง และมิได้ บ่ง
คาเสนออยู่ห่างกันระยะเวลาให้ คาสนอง จะถอนคาเสนอของตนเสียในเวลาอันควรคาดหมายว่าจะได้
โดยระยะทาง
รับคาบอกกล่าวสนองนั ้น ท่ านว่ าหาอาจจะถอนได้ ไม่
มาตรา 356 วางหลักไว้วา่ : คาเสนอทาแก่ บุคคลผู้อยู่เฉพาะหน้ า โดยมิได้ บ่งระยะเวลาให้ ทา
คาเสนอเฉพาะหน้ า คาสนองนั ้น เสนอ ณ ที่ใดเวลาใดก็ย่อมจะสนองรับได้ แต่ ณ ที่นั ้นเวลานั ้น ความข้ อนี ้
และทางโทรศัพท์
ท่านให้ ใช้ ตลอดถึงการที่บคุ คลคนหนึง่ ทาคาเสนอไปยังบุคคลอีกคนหนึง่ ทางโทรศัพท์
ด้ วย
12
มาตรา 378 วางหลักไว้วา่ : มัดจานัน้ ถ้ ามิได้ ตกลงกันไว้ เป็ นอย่างอื่น ท่านให้ เป็ นไป
มัดจา ดังต่อไปนี ้
1. ให้ ส่งคืน หรื อจัดเอาเป็ นการใช้ เงินบางส่วนในเมื่อชาระหนี ้
2. ให้ ริบ ถ้ าฝ่ ายที่วางมัดจาละเลยไม่ชาระหนี ้ หรื อการชาระหนี ้ตกเป็ นพ้ น
วิสยั
3. ให้ ส่งคืน ถ้ าฝ่ ายที่รับมัดจาละเลยไม่ชาระหนี ้ หรื อการชาระหนี ้ตกเป็ นพ้ น
วิสยั
มาตรา 379 วางหลักไว้วา่ : ถ้ าลูกหนีส้ ัญญาแก่ เจ้ าหนีว้ ่ าจะใช้ เงินจานวนหนึ่งเป็ นเบีย้ ปรั บ
เบี ้ยปรับเป็ นเงิน เมื่อตนไม่ ชาระหนีก้ ็ดี หรื อไม่ ชาระหนีใ้ ห้ ถูกต้ องสมควรก็ดี เมื่อลูกหนี ้ผิดนัด
อย่างเดียว
ก็ให้ ริบเบี ้ยปรับ ถ้ าการชาระหนี ้อันจะพึงทานันได้้ แก่งดเว้ นการอันใดอันหนึ่ง หาก
ทาการการอันนันฝ่ ้ าฝื นมูลหนี ้เมื่อใด ก็ให้ ริบเบี ้ยปรับเมื่อนัน้
มาตรา 380 วางหลักไว้วา่ : ถ้ าลูกหนีไ้ ด้ สัญญาไว้ ว่าจะให้ เบีย้ ปรั บเมื่อตนไม่ ชาระหนี ้
เจ้ าหนี ้จะเรี ยกเอา เจ้ าหนีจ้ ะเรี ยกเอาเบีย้ ปรั บอันจะพึงริ บนัน้ แทนการชาระหนีก้ ็ได้ แต่ ถ้า
เบี ้ยปรับแทนการ เจ้ าหนีแ้ สดงต่ อลูกหนีว้ ่ าจะเรี ยกเอาเบีย้ ปรั บฉะนัน้ แล้ วก็เป็ นอันขาดสิทธิ
ชาระหนี ้ก็ได้
เรี ยกร้ องชาระหนีอ้ ีกต่ อไป
สรุปมาตราเน้นแพ่ง ๑
บุคคลไร้ความสามารถ
- ศาลสัง่ ให้บคุ คลวิกลจริตเป็ นผูไ้ ร้ความสามารถ มาตรา ๒๘
- ผลขอนิ ติกรรมที่ผูไ้ ร้ความสามารถได้ทาลง มาตรา ๒๙
- ผลของนิ ติกรรมที่บคุ คลวิกลจริตที่ศาลยังไม่มีคาสัง่ ให้เป็ นคนไร้
ความสามารถทาลง มาตรา ๓๐
บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ
- การขอให้ศาลสัง่ ให้เป็ นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ มาตรา ๓๒
- นิ ติกรรมที่คนเสมือนไร้ความสามารถทาต้องได้รบั ความยินยอมจากผูพ้ ทิ กั ษ์
ก่อน มาตรา ๓๔
****************************************************