Singtoh Nokkok

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 26

สิงโตนอกคอก

มีคำพูดที่พูดกันมานมนานว่าการอ่านหนังสือมีประโยชน์  มันถูกพูดบ่อย
เสียจนบางครั้งผู้เขียนก็ไม่อยากจะพูดอะไรแบบนั้น  และใจหนึ่งก็รู้สึกว่า
การละเล่นหรือการออกไปสมาคมกับเพื่อนฝูงก็อาจมีประโยชน์ได้ไม่แพ้กัน 
แต่ น านวั น เข้ า   ยิ่ ง พบเจอผู้ ค นหลากหลายประเภท  ก็ ยิ่ ง รู้ สึ ก ว่ า คนที่
อ่านหนังสือจะมีความลึกในตัวเองมากกว่าคนทีไ่ ม่อา่ นหนังสือ  ก็เลยจำเป็น
ต้องเข้าข้างคำพูดเก่าแก่ที่ว่า  การอ่านหนังสือมันมีดีอยู่มากทีเดียว

—  จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท
สิงโตนอกคอก
ร ว ม เ รื่ อ ง สั้ น  ๙ เ รื่ อ ง
ของนักเขียนรางวัลยอดเยี่ยมนายอินทร์อะวอร์ด
รางวัลพระยาอนุมานราชธน
และรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน
ประจําปี   ๒๕๖๐ 
จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท
เขียน
คำประกาศของคณะกรรมการตัดสินรางวัล
วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน  (ซีไรต์)
ประจำปีพุทธศักราช  ๒๕๖๐

คณะกรรมการตั ด สิ น รางวั ล วรรณกรรมสร้ า งสรรค์ คณะกรรมการตั ด สิ น รางวั ล วรรณกรรมสร้ า งสรรค์


ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน  (ซีไรต์)  ประจำปีพุทธศักราช  ๒๕๖๐  ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน  (ซีไรต์)  ประจำปีพุทธศักราช  ๒๕๖๐ 
ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้รวมเรือ่ งสัน้   สงิ โตนอกคอก  ของจิดานันท์ 
รวมเรือ่ งสัน้   สงิ โตนอกคอก ของจิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท เหลืองเพียรสมุท  ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม
ซึ่งประกอบด้วยเรื่องสั้นจำนวน  ๙  เรื่อง  มีเนื้อหาหลากหลาย แห่งอาเซียน  (ซีไรต์)  ประจำปีพุทธศักราช  ๒๕๖๐
ที่ตั้งคำถามและวิพากษ์ความเป็นมนุษย์  อำนาจนิยม  มายาคติ
ของความรู้และความเชื่อในสังคม  ท้าทายความคิดของผู้อ่าน  ลงนาม  ณ  วันที่  ๖  เดือนธันวาคม  พ.ศ. ๒๕๖๐
ทำให้ย้อนกลับมาใคร่ครวญถึงสังคมที่เราอยู่ในปัจจุบัน  ตั้งแต่
ระดับครอบครัว  ชุมชน  ประเทศชาติและสังคมโลก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ  ดร.กุสุมา  รักษมณี ประธานกรรมการตัดสิน
ด้านกลวิธีใช้การเล่าเรื่องแบบอุปมานิทัศน์  (allegory)  นางกนกวลี  กันไทยราษฎร์ กรรมการตัดสิน
ที่มีโครงสร้างของเรื่องซ้อนกันหลายขั้นอย่างสัมพันธ์กัน  โดย นายเฉลิมศักดิ์  แหงมงาม กรรมการตัดสิน
เชื่อมโยงตัวบทอื่น ๆ  เช่น  ตำนานและเรื่องเล่าที่ผู้อ่านคุ้นเคย  รองศาสตรจารย์  ดร.ตรีศลิ ป์  บุญขจร กรรมการตัดสิน
การสร้างตัวละครและฉากที่ไม่อยู่ในบริบทสังคมไทยเป็นการ นายนิรันดร์ศักดิ์  บุญจันทร์ กรรมการตัดสิน
ข้ามพรมแดนของการเล่าเรื่องไปสู่ความเป็นสากล  ผู้เขียนใช้ รองศาสตราจารย์  ดร.สรณัฐ  ไตลังคะ กรรมการตัดสิน
ภาษาในการเล่าเรื่องอย่างเรียบง่ายทว่าลุ่มลึกและคมคาย นายอัศศิริ  ธรรมโชติ กรรมการตัดสิน
จะขอรับผิดทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
เรื่องสั้นยอดเยี่ยมรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด  ประจำปี  ๒๕๕๘

หากมีสิ่งเดียว  ที่เขาจะกล่าวโทษได้  เขาจะกล่าวโทษความ


เหน็บหนาว
แต่มอเดร็ดรู้ดีว่าเขาไม่อาจโทษความเหน็บหนาวได้  ความ
เหน็ บ หนาวเป็ น เพี ย งธรรมชาติ อั น ใสซื่ อ ที่ โ ลกมอบให้ กั บ มนุ ษ ย์
เป็ น ของขวั ญ   เธอแวะมาเยี่ ย มเยี ย นปี ล ะครั้ ง ด้ ว ยความคิ ด ถึ ง 
หวั ง จะได้ รั บ การต้ อ นรั บ ฉั น มิ ต ร  โดยไม่ รู้ ตั ว เลยว่ า เธอได้ พ า
ความเจ็บปวดโหดร้ายทารุณมาสู่เจ้าบ้านมากมายเพียงใด  ความ
ใสซื่อและสวยงามบริสุทธิ์ของหิมะแรกในฤดูหนาวเป็นสิ่งที่ไม่อาจ
มีใครสาปส่ง  แม้ทุกคนจะรู้ดีว่าหลังจากนี้  สิ่งที่ตามมาจะทารุณ
โหดร้ายเกินทานรับ
ตอนนั้นเบธราฟา  ลูกชายของเขาอายุห้าขวบ  มันเป็นปีที่
ฤดูหนาวเหีย้ มโหดเลือดเย็นยิง่ กว่าทุกปี  มันตามมาหลังฤดูไถหว่าน
ทีแ่ ห้งแล้งจนพืชผลแทบไม่ออกดอกและฤดูเก็บเกีย่ วทีแ่ ม้แต่ยงุ้ ฉาง
ยังว่างเปล่า  การมาของมันอาจเปรียบได้กับคนขับรถม้าอำมหิต
ที่มาพร้อมแส้ยาวตวัดฟาดลงบนหลังพวกเขา  ซึ่งตามมาหลังการ

จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 3
ควบผ่านของอาชาสีดำทะมึนตัวใหญ่ที่เพิ่งเหยียบผ่านไปและทำให้ ถ้าเราแข็งตายพรุ่งนี้  ร้านอาหารไม่ต้องมีป้ายชื่อร้านหรอก  อย่างไร
กระดูกสันหลังของพวกเขาแหลกเป็นชิน้   ๆ  ไม่นานอาหารทีส่ ำรองไว้ เสียก็ไม่มีอาหารเหลือให้ขายอีกแล้ว  พวกเขากัดกินเศษขนมปัง
ก็หมด  ฟืนทีส่ ำรองสำหรับฤดูหนาวก็ไม่มเี หลือ  ชาวเมืองเริม่ คิดถึง เหลือ  ๆ  พลางเสาะหาไม้ที่จะนำมาเป็นฟืนได้อีก
ป่าสนที่อยู่ห่างจากเมืองไปแค่สิบสองกิโลเมตรหรือน้อยกว่านั้น  ถ้าเลาะคานบ้านออกมาเผาแล้วบ้านยังคงรูปทรงได้  พวกเขา
ในสายตาของพวกเขา  ที่นั่นไม่ใช่ป่า  แต่คือความอบอุ่นของคน คงทำไปแล้ว
ทั้งเมืองตลอดฤดูหนาว  แต่กำแพงเมืองสูงหลายเมตรกั้นพวกเขา ในที่สุดไม้ชิ้นสุดท้ายในเมืองก็มอดไหม้ลง  ในวันเดียวกับ
ออกจากโลกภายนอก  และข้ า งนอกนั่ น  หิ ม ะท่ ว มสู ง เป็ น เมตร  ที่พวกเขาล้มม้าตัวสุดท้ายเพื่อแบ่งเนื้อกันอย่างกระเบียดกระเสียร
ลมพัดแรงจนเพียงแค่สายลมเฉย ๆ ก็ฆ่าคนได้  ทุกคนต่างก็รับรู้ ที่สุด  ยังต้องผ่านอีกหนึ่งเดือนความหนาวจึงจะจบสิ้น   พวกเขา
ความจริงข้อนี้จากการได้ยินเสียงลมฟาดเข้าที่กำแพงหินตลอดเวลา  ตกลงกันว่าจะกินหมาและแมว  แต่บางบ้านสารภาพออกมาว่าตน
มันเหมือนมังกรวายุที่กำลังพยายามกัดกร่อนกำแพง  หวังจะพัง กินหมาและแมวไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว
มันลงเพื่อเข้ามาฆ่าพวกเขา  และความหวังของพวกเขาก็มีแค่ว่า  “ด้วยม้า  เรายังอยู่ได้ไปอีกอาทิตย์หนึ่ง  และหลังจากนั้น 
กำแพงหินที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นจะแข็งแรงพอที่จะปกป้องลูกหลาน ถ้าทุกคนกินสัตว์เลี้ยงของตัวเองไปแล้วจริง  ๆ”  มอเดร็ดพูดกับ
จากเจ้ามังกรคลั่งที่มองไม่เห็นตัวนั้น ทุกคน  “ฉันจะออกไปล่าหมาป่าข้างนอก”
หมาป่ า สี เ งิ น เห่ า หอนอยู่ ใ นป่ า   พวกมั น บางตั ว จำศี ล   แต่ ทุกคนมองหน้ากัน  จำนวนอาหารที่แต่ละคนได้รับในช่วง
ความแห้งแล้งที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงทำให้หลายตัว สองสามเดือนที่ผ่านมานั้นน้อยจนแค่ยืนก็แข้งขาสั่น  แค่ยืนก็ยาก
สะสมอาหารไว้ไม่มากพอที่จะจำศีลได้  ดังนั้นความหิวจึงบังคับมัน แล้ว  แค่ตอ่ สูก้ บั ความเหน็บหนาวภายในนีก้ จ็ ะตายแล้ว  ไม่ตอ้ งพูด
ให้ตื่น  ตระเวนไปมาในป่าและรอบกำแพงเมือง  รอโอกาสที่จะได้ ถึ ง การออกล่ า และต่ อ สู้ กั บ หมาป่ า ท่ า มกลางความเหน็ บ หนาว
ฆ่ามนุษย์ที่หลงออกมาสักคนหนึ่ง นอกกำแพง
เมื่อการเดินทางออกไปนอกกำแพงสูงอาจหมายถึงความตาย  “เราไม่มีทางเลือก  และเนื้อชิ้นใหญ่ก็อยู่หน้าประตูเมืองนี่เอง 
พวกเขาจึ ง ปิ ด ประตู เ มื อ งแน่ น  ไม่ ใ ห้ ใ ครเข้ า และออกจากเมื อ ง  กำลังตะกุยตะกายพยายามจะเข้ามา  ฉันก็หิว  มันก็หิว  ฉันยังพอ
กลางฤดูหนาวแบบนี ้ พวกเขาไม่ตอ้ นรับอาคันตุกะประเภทใดทัง้ สิน้   ยิงธนูได้อยู่  ถ้าฉันยิงโดน  อย่างน้อยพวกเราก็มีอะไรกิน  และถ้า
เพราะการเพิม่ ประชากรในเมืองย่อมหมายถึงจำนวนอาหารทีน่ อ้ ยลง ฉันพลาด  อย่างน้อยพวกมันก็มีอะไรกิน”  มอเดร็ดขยับรอยยิ้ม
ทุกอย่างที่กินได้และกินไม่ได้ถูกนำมากิน  ทุกอย่างที่เป็นไม้ อย่างเศร้า ๆ  เขาเป็นเจ้าเมืองมาหลายปีแล้ว  ร่างเขาสูงแต่ไม่ใหญ่ 
ถูกเผา  เราไม่ต้องใช้โต๊ะไม้ที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยยายทวดหรอก  แขนขายาว  กระดูกแข็งและพอมีกล้ามเนือ้   ไม่ใช่เรือนร่างของนักรบ 

4 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 5


แต่เป็นร่างกายของผูท้ ผี่ า่ นฤดูหนาวอันโหดร้ายมาหลายปี  บาดแผล “พ่ อ ”  เด็ ก ชายกระตุ ก ชายเสื้ อ โค้ ต รุ่ ง ริ่ ง สี ด ำของมอเดร็ ด 
หิมะกัดยังปรากฏอยู่บนแก้มซ้ายของเขา  ยืนยันว่าเขาเคยออก “ถ้าพ่อตายแล้วผมจะอยู่กับใครล่ะ”
นอกกำแพงเมืองในฤดูพายุหิมะมาแล้วอย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งครั้ง มอเดร็ดก้มลงมองเบธราฟา  ลูกชายวัยห้าขวบของเขา  เด็กชาย
ชาวเมืองต่างมองหน้ากัน  ทุกคนรูว้ า่ มอเดร็ดพูดถูก  พวกเขา เพิง่ เสียมารดาให้กบั ฤดูหนาวปีกอ่ น  และยังไม่พร้อมเสียใครอีกครัง้  
เริ่มจากหมูและไก่  ต่อมาก็นกที่แข็งตาย  ม้า  และจากนั้นก็ต้อง แต่เจ้าเมืองไม่อาจปลอบลูกว่าตนจะไม่ตาย  เขาชี้ไปในหมู่ชาวเมือง 
เป็นหมา  ถ้าหากมันยังมีหมาเหลืออยู ่ แต่พวกเขาคิดว่าคงไม่มหี มา และบอกว่า  “อยู่กับทุกคนไง”
เหลืออยู่อีกแล้วละ  ใครจะไปทนไหวถ้าหิวขนาดนั้นแล้วมีเนื้อสด ๆ  เด็กชายก้มหน้า  กำชายเสือ้ ของพ่อแน่น  เขาไม่ชอบคำตอบนี้
เดินอยู่ในบ้าน  ขนาดหนู  ทุกคนยังจับกินไปหมดแล้วเลย “เอาเถอะ  แบ่งม้าให้เท่ากันทุกคน”  มอเดร็ดพูด  “เราเหลือ
พวกเขาล้มม้าตัวสุดท้ายแล้ว  อาทิตย์หน้า  พวกเขาคงต้องกิน กี่คนตอนนี้”
เจ้าอสูรร้ายที่อยู่นอกกำแพงนั่น จำนวนประชากรในเมืองลดลงเรือ่ ย  ๆ  ตลอดฤดูหนาว  สาเหตุ
เด็ ก ชายผมสี น้ ำ ผึ้ ง ยื น อยู่ ข้ า งมอเดร็ ด ขณะที่ ทุ ก คนกำลั ง เป็นเพราะการตาย  และเมื่อฤดูหนาวจบลง  ประชากรก็จะลดลง
ถกเรื่องนี้กัน  ชาวเมืองยืนล้อมรอบศพม้าสีดำตัวโต  พ่อค้าหมู เพราะการย้ายออกจากเมือง  หลายคนที่รอดชีวิตมาได้จะอพยพ
ที่เชี่ยวชาญที่สุดในเมืองถูกเลือกให้เป็นผู้หั่นม้า  ทุกส่วนที่ใช้ได้ ออกจากเมืองก่อนที่จะไม่รอดอีกในปีหน้า
จะถูกนำมากิน  และทุกส่วนที่ปกติแล้วใช้ไม่ได้ก็จะถูกนำมากิน โดยปกติแล้วจำนวนประชากรต่ำสุดจะอยู่ที่ราวสองร้อยคน 
เช่นกัน  เด็กชายจ้องมองม้าสีดำตัวนัน้   และเงยหน้าขึน้ มองมอเดร็ด  หลายครอบครั ว ตั้ ง รกรากอยู่ ที่ นี่ ม าตั้ ง แต่ รุ่ น ปู่ ท วด  อยู่ ม านาน
มีความคล้ายคลึงบางประการระหว่างม้าดำตัวนี้และมอเดร็ด  หนึ่ง  เกินกว่าจะย้ายหนีไปไหน  ฤดูหนาวเอาคนไป  และฤดูผสมพันธุ์
มีขนสีดำ  สอง  มันไม่ได้มีเนื้อมากนัก  และ - สาม - ล้วนแต่เป็น ก็พาผู้คนกลับมา  สองร้อยคือเลขต่ำสุด  ปกติจะไม่ต่ำลงไปกว่านั้น
ผู้กรำศึก  ม้าตัวนี้เป็นม้าศึกที่วิ่งได้ไกลที่สุด   ตลอดหลายเดือน “แปดสิ บ สี่ ”   นายทะเบี ย นประจำเมื อ งเอ่ ย ช้ า  ๆ  มอเดร็ ด
ที่ผ่านมา  ทุกคนไม่ยอมล้มมันเพราะความเสียดาย  แต่ไม่มีใคร พยักหน้า  ตอนที่ล้มม้าตัวก่อนหน้านี้  ตัวเลขอยู่ที่ร้อยกว่า ๆ ถึง
เหลือความเสียดายอีกแล้วเมือ่ มันเป็นสัตว์ตวั สุดท้ายทีก่ นิ ได้ในเมือง เก้าสิบกว่า ๆ
แห่งนี้ “แปดสิ บ สาม”  สามี ภ รรยาคู่ ห นึ่ ง เอ่ ย ขึ้ น ช้ า  ๆ  “ทาเที ย น่ า
เด็กชายมองม้าและเจ้าเมืองสลับกันไปมา  ทันใดนั้นเขาก็ ลูกสาวเราตายเมื่อเช้า”
สังเกตเห็นความคล้ายคลึงข้อที่สี่  มอเดร็ดพยักหน้าแสดงความเสียใจ  คำว่าเสียใจด้วยถูกเอ่ย
ทั้งสองต่างก็กำลังจะตาย บ่อยเกินไปจนทุกคนเกลียดมันและเลิกใช้มันไปแล้ว 

6 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 7


“ได้โปรดฝังเธอซะ”  เจ้าเมืองขอร้อง  และสามีภรรยาก็มอง “ปั ญ หาเรื่ อ งเนื้ อ ไม่ ห นั ก หนาเท่ า เรื่ อ งฟื น ”  มอเดร็ ด พู ด 
ตอบกลับ ละประโยคหนึ่งไว้ในใจ  ตราบใดที่มันยังหนาวมากพอจะฆ่าคน
“แน่นอน  เราจะทำ”  พวกเขาพูดอย่างโกรธเคือง  “เราไม่มี ให้ตาย  คนในเมืองก็จะยังมีเนื้อมาเพิ่มอยู่เสมอ
ทางทำเรื่อง...ไร้ความเป็นมนุษย์แบบนั้น” แต่ตอนนี้พวกเขาไม่เหลือไม้ที่จะนำมาใช้เป็นฟืนได้อีกแล้ว 
มอเดร็ดพยักหน้าอีก  เขาไม่มที างรูห้ รอกว่าทาเทียน่าจะถูกฝัง ยกเว้น...
จริงหรือไม่  มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการกินศพคนในครอบครัว หัวใจของทุกคนคิดถึงสิง่ เดียว  สิง่ ทีไ่ ม่มใี ครแตะต้องมาตลอด
ของตัวเอง  เพื่อนบ้านบางคนถึงขั้นไปเคาะประตูขอแบ่งเนื้อเมื่อ หลายสิบปีแม้ว่าพายุหิมะจะทารุณสักเพียงใด  แต่ปีนี้ความหนาว
ได้ข่าวว่าบ้านข้าง ๆ มีใครบางคนตาย  บางครั้งเนื้อก็ถูกหยิบยื่นให้ โหดร้ายยิ่งกว่าปีไหน ๆ  ในศตวรรษที่ผ่านมา 
ด้ ว ยใจอารี   แต่ บ างครั้ ง ก็ ถู ก ตวาดกลั บ พร้ อ มคำตอบว่ า ได้ ฝั ง บาทหลวงตายไปตั้งแต่ต้นฤดูหนาว  และศาสนาก็เลือนหาย
ลูกเด็กเล็กแดงหรือคนชรานั้นไปแล้ว ไปจากใจของผู้ ค นเรี ย บร้ อ ยตั้ ง แต่ ล มหนาวระลอกแรกปาดคอ
ทั้งที่ไม่มีใครเห็นร่างนั้นถูกหามออกไปจากบ้านเลยแม้แต่ สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาและพาดวงวิญญาณไปโดยไม่ลืม
คนเดียว กระซิบคำสัญญาว่า  ปีนี้จะโหดร้ายยิ่งกว่าทุกปีที่ผ่านมา
หลายคนก็ไม่ได้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่พอจะแบ่งเนื้อของยายเฒ่า ไม้ทุกชิ้นในโบสถ์ก็มอดไหม้ไปเรียบร้อยแล้ว  พวกเขาแสดง
ในบ้านตนให้คนอื่นในภาวะแร้นแค้นเช่นนี้  ความเคารพครั้งสุดท้ายต่อกางเขนไม้ขนาดใหญ่ของโบสถ์  สัญญา
ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริง  แต่ไม่นำขึ้นมาพูดกันในที่แจ้ง  ว่าพอฤดูร้อนมาถึงจะไปตัดไม้ในป่ามาสร้างกางเขนใหม่ให้  จากนั้น
ทุกคนยังมีความเป็นมนุษย์พอที่ปากของพวกเขาจะละอายหาก ก็ ช่ ว ยกั น แบกมั น ออกไปในวั น คริ ส ต์ ม าส  ทุ ก คนล้ อ มวงกั น
ต้องพูดเรื่องการกินเนื้อแม่ตัวเอง  แต่ปากเหล่านั้นไม่ละอายที่กลืน รอบกองไฟทีอ่ บอุน่ นัน้   บางคนทีเ่ คร่งศาสนาทีส่ ดุ ปฏิเสธการปันส่วน
ชิ้ น เนื้ อ เข้ า ไป  ปากของมนุ ษ ย์ กิ น ได้ ทุ ก อย่ า ง  แต่ ไ ม่ อ าจพู ด ได้ ไม้ชิ้นนี้  แต่เมื่อปีใหม่ผ่านไปคนเหล่านั้นก็ต้องก้มหน้ายอมรับว่า
ทุกเรื่อง ชีวิตของคนมีค่าพอจะรับเปลวไฟที่พระเจ้ามอบให้
มอเดร็ดยินยอมให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในที่มืดต่อไป  เพราะ ทุกคนรู้ดีว่าไม่มีไม้ใดเหลืออยู่ในโบสถ์อีกแล้ว  แต่พวกเขา
เขารู้ว่าเขาไม่อาจห้ามความหิวโหยได้   สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ ไม่ได้กำลังคิดถึงชิ้นไม้ในโบสถ์  ทุกคนกำลังคิดถึงหอสมุดของ
เพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นมนุษย์ของชาวเมืองคือ  ยังไม่สั่งให้นำศพ โบสถ์...
ออกมาหั่นแบ่งกันเหมือนที่ทุกคนกำลังหั่นแบ่งม้าอยู่ในขณะนี้ มั น เป็ น ห้ อ งสมุ ด ที่ ร วบรวมตำราหายากเอาไว้ จ ำนวนมาก 
ถ้าทำอย่างนั้น  สุดท้ายทุกคนคงฆ่ากันเพื่อหาอะไรกิน แปดสิบปีก่อน  บาทหลวงคนหนึ่งเดินทางมาปักหลักอยู่ที่นี่  งาน

8 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 9


ตลอดชีวิตของเขาคือการศึกษาภูมิปัญญาแห่งมนุษย์  เขารวบรวม ทำไม  คนในโลกภายนอกไม่ได้สนใจเสียหน่อย  คนส่วนใหญ่ไม่ได้
เอกสารหายากหลายอย่างมาตลอดชีวิตและตัดสินใจจะมาใช้ชีวิต ให้ความสำคัญกับหนังสือพวกนี้หรอก  มองให้ดี  ๆ แล้ว  มันคือ
บัน้ ปลายอย่างสงบทีเ่ มืองอันห่างไกลและเหน็บหนาวแห่งนี ้ ระหว่าง ฟืนที่ปู่ย่าตายายของพวกเขายังไม่หนาวและจนตรอกพอที่จะเผาทิ้ง 
ทีเ่ ขาประจำอยูท่ นี่  ี่ เขายังคงรวบรวมหนังสือต่อไป  จนกระทัง่ สิน้ ลม เพราะฤดูหนาวในอดีตไม่ได้โหดร้ายเช่นนี้  มันคือไพ่ตายที่ปู่ย่า
ในเมืองแห่งนีแ้ ละได้รบั การขนานนามเป็นนักบุญ  จากผลงานของเขา  ทิ้งไว้ให้  เพื่อให้ใช้ในยามที่ความหนาวราวนรกเช่นนี้คืบคลานมาถึง 
ห้องสมุดของโบสถ์กลายเป็นที่รวมหนังสือหายาก  แม้จำนวนของ และวันนี้มันมาถึงแล้ว  นี่จึงไม่ใช่หนังสือ  มันคือฟืน...
หนังสือจะไม่มากนัก  แต่ความรูภ้ ายในนัน้ อยูร่ ะดับเดียวกับหอสมุด คือฟืน  คือความอบอุ่น  คือชีวิตของแม่และลูกน้อย
แห่งอะเล็กซานเดรีย  หนังสือหลายเล่มมีความรู้ที่ถูกสืบทอดมา ทุกคนคิดเช่นนั้นแต่ไม่มีใครกล้าพูด  พวกเขาไม่กล้าพอจะ
ตั้งแต่ครั้งบรรพชน  ตำราลึกลับ  ศาสตร์ทั้งมืดและสว่าง  และ บอกว่า  เราต้องการเผาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษให้เหี้ยนเพื่อจะได้
ภาพร่างวิทยาการอัจฉริยะของดา  วินชี  บางเล่มเป็นคำสอนฉบับที่ ใช้ชีวิตของคนโง่ต่อไปในวันพรุ่งนี้
เขียนด้วยมือของนักบุญผู้เคยติดตามพระเยซู  และไม่อาจจะหา เขาทั้งหลายไม่กล้ากล่าวสิ่งที่อาจทำให้ถูกรุมประณาม  ความ
เล่มใดมาทดแทนได้อีกแล้ว นับถือในความรู้ของพวกเขาสูงส่งยิ่งจนสามารถกินเนื้อแม่ตัวเองได้ 
ทุกคนในเมืองช่วยกันลากหนังสือเหล่านั้นลงจากชั้นหนังสือ แต่เผาหนังสือพวกนั้นไม่ได้
เมื่อสองเดือนก่อนเพื่อเอาชั้นหนังสือทั้งหมดไปทำฟืน  ในตอนนั้น พวกเขาจึงรอ...รอให้มอเดร็ดพูดออกมาก่อน
สิ่งที่ลากลงจากชั้นมากองอยู่บนพื้นหินของโบสถ์มีฐานะเป็นตำรา พวกเขารูว้ า่ มอเดร็ดจะต้องพูด  ไม่มที างอืน่ สำหรับเมืองแห่งนี้
ล้ำค่าหายากที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง  ตอนนั้นในหัวของพวกเขา อีกแล้ว  และในฐานะของเจ้าเมือง  มอเดร็ดย่อมไม่อาจแลกชีวิต
เต็มไปด้วยความคิดของผูส้ งู ส่ง  เช่น  ‘เราจะไม่แตะต้องมันเด็ดขาด ของพลเมืองกับ  หนังสือ
แม้ลมหนาวจะเชือดคอพวกเราจนหมดทุกคนก็ตาม’  ‘มันคือสมบัติ มอเดร็ดมองตาผู้ที่อยู่ใต้การปกครองทีละคน  และกล่าวช้า ๆ
ของประชากรโลก’  ‘มันคือสิ่งที่บรรพชนของพวกเรายอมหนาวตาย “เราคงต้องเผาหนังสือของโบสถ์”
โดยไม่แตะต้อง  เพือ่ ส่งต่อมาจนถึงทุกวันนี้  เราจะไม่ทำลายเกียรติ ทุกคนที่ได้ยินถ้อยคำนั้นไชโยโห่ร้องในใจเมื่อสิ่งนี้ถูกอนุญาต
ของบรรพชน’ ในที่ สุ ด   มั น หมายถึ ง ราตรี ที่ อ บอุ่ น เพิ่ ม ขึ้ น อี ก หลายคื น   แต่ ใ น
วันเวลาผ่านไปและไม้ทกุ ชิน้ ก็มอดไหม้  ตอนนีห้ นังสือพวกนัน้ ฉากหน้านัน้   ทุกคนนิง่ เงียบ  ก้มหน้าราวกับว่านีค่ อื สิง่ ทีท่ มิ่ ตำจิตใจ
ยังกองอยู่บนพื้น  และสิ่งที่ทุกคนเห็นก็ไม่ใช่หนังสือ  แต่คือฟืน ของพวกเขานัก  ในฐานะปัญญาชน  มันช่างเจ็บปวดที่เราจะเผา
อันที่จริงแล้วพวกเขาจะพยายามรักษามันไว้เพื่อมนุษยชาติ สมุดบันทึกที่ไม่มีใครอ่านออกของดา  วินชี

10 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 11


มอเดร็ดมองทุกคนที่ก้มหน้า  เขาคิดว่าคนใต้การปกครอง เปลวไฟเต้นสลับไปมาบนหนังสือที่กองสุมกัน  มันผลัดกัน
ของเขาทุกคนคงไม่อยากทำสิ่งนี้  และคงกำลังนึกตำหนิมอเดร็ด แลบลิ้นเลียคำสารภาพก่อนถูกประหารของโสกราตีส  หัวเราะเยาะ
อยู่ในใจที่ออกคำสั่งนี้  เจ้าเมืองหนุ่มรู้สึกราวกับเขาเป็นคนบาป  บทกวีทบ่ี รรยายความกล้าหาญของเฮกเตอร์และอะคิลลิส  มันกลืนกิน
คนไร้อารยธรรมจากป่าที่ไม่รู้คุณค่าของกระดาษที่สลักหมึกและ บทวิเคราะห์ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ของพีทาโกรัส  และไหม้มติ รภาพ
สลักปัญญาเหล่านัน้   แต่ลมหายใจมีคา่ มากกว่าความรู ้ เขาต้องยอม ของอาริสโตเติลให้แหลกเป็นผุยผง  มอเดร็ดมองสีสม้   น้ำเงิน  และ
เป็นคนบาปเพื่อความอยู่รอดของทุกคน  เขาคิดอย่างเจ้าเมืองที่ดี  แดงของไฟโดยไม่จ้องไปทางอื่นมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว  เขารู้สึกว่ามัน
แต่พลันกระแสความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าปะทะ แผดเผาจิตใจของเขา  มันเป็นเพียงกองไฟที่ไม่ใหญ่  แต่ในสายตา
ลมหายใจของมนุษย์ผตู้ ำ่ ต้อยมีคา่ มากกว่าความรูข้ องบรรพชน ของเขา  มันสูงเสียดฟ้าและกำลังเผาวิหารแห่งพาร์เธนอน
จริง  ๆ  น่ะหรือ ทุกคนล้อมวงกันแน่นรอบกองไฟนัน้   มันเป็นกองไฟกองใหญ่
แต่เขาก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป  จะเป็นอย่างไรหากเขาไม่เผา กว่ า ครั้ ง ใดที่ เ คยมี ม าในรอบหนึ่ ง เดื อ นนี้   พวกเขาผิ ง มื อ   สู ด
หนังสือและปล่อยให้ทุกคนในเมืองตายด้วยความหนาวเหน็บ  แล้ว ลมหายใจเอาความอบอุ่นเข้าไปในตัว  ความเสียดายหนังสือเกิดขึ้น
พอฤดูร้อนมาถึง  พ่อค้าที่เดินทางมากับคาราวานก็พบว่าพวกเขา ผสมผสานกับความยินดีที่ตนจะมีชีวิตในความอบอุ่นเช่นนี้ไปได้
ทุกคนตายแล้ว  ทั้งที่มีเชื้อเพลิงอย่างดีกองเต็มห้องสมุด อีกนาน  มีหนังสือมากพอให้เผาจนถึงสิ้นฤดูหนาว  ทุกคนรู้สึก
โลกใบนี้จะมองว่าพวกเขาเป็นผู้เสียสละสูงส่ง  หรือจะมองว่า ปลอดภัย
พวกเขาเป็นคนโง่ ช่างอบอุ่นอะไรเช่นนี้  มอเดร็ดคิด  อบอุ่นจนน่าจะไม่มีใคร
มอเดร็ดถามตัวเอง ตายในยามกลางคืนอีก
แล้วหากเขาเผามัน  โลกใบนีจ้ ะเข้าใจความจำเป็นของเขา  หรือ นั่ น หมายความว่ า เนื้ อ จะลดลง  เจ้ า เมื อ งจ้ อ งมองแสงไฟ 
คิดว่าเขาเป็นคนโง่ที่เผาบันทึกฉบับแท้ของยูดาสผู้ทรยศทิ้ง เบธราฟาน้อยนั่งอยู่บนตักเขา  นิ่งคล้ายหลับไป
อย่างไรเสียเขาก็ทำได้แค่อยูอ่ ย่างคนโง่หรือไม่กต็ ายอย่างคนโง่ มอเดร็ดกำมือของตัวเอง  พลางถามมันโดยยังไม่ละสายตา
เจ้าเมืองไม่อาจแลกชีวิตของคนในเมืองกับสิ่งใด จากเปลวไฟ
“ฉันรูว้ า่ ทุกคนเสียใจ”  มอเดร็ดกล่าว  ดวงใจของเขาปวดร้าว  นี่ มื อ เอ๋ ย   เจ้ า ยั ง มี แ รงมากพอจะล่ า หมาป่ า ได้ ไ หม  มี ท้ อ ง
หัวใจของชาวเมืองเริงระบำรอฟัง  “แต่เราต้องเผาหนังสือของโบสถ์ มากมายที่นายของเจ้าต้องหาเลี้ยงนะ  คนในเมืองทุกคนต้องการ
ภายในสัปดาห์นี้” เนื้ อ หมาป่ า   และหนั ง ของมั น ก็ จ ะช่ ว ยให้ พ วกคนแก่ อุ่ น ในยาม
ค่ำคืน

12 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 13


เบธราฟาเงยหน้าขึ้นมองบิดาของตน  ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่าง และตรงไปยั ง โบสถ์ เ พื่ อ จะพบว่ า   ชาวเมื อ งที่ ไ ว้ ใ จให้ ดู แ ลรั ก ษา
ไร้เดียงสา หนังสือหายากได้เผาทุกอย่างเป็นจุณไปหมดแล้ว
“พ่อร้องไห้ทำไม” “พวกแกมันคนป่าโง่งม  ไม่เข้าใจความสำคัญของหนังสือ
มอเดร็ดยังไม่ละสายตาจากซากที่เผาไหม้ของกรุงโรมทั้งเมือง  พวกนี้สินะ”  หัวหน้าคณะนักบวชตะโกนใส่หน้ามอเดร็ดจนน้ำลาย
เขารู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของตน  เขาเอ่ยกับเบธราฟาโดยยัง กระเด็นเต็มหน้าเขา  ชุดสีแดงเลือดหมูของพระคาร์ดินัลสะบัดอยู่
ไม่ละสายตาจากปกทีไ่ หม้ของบทละครเรือ่ ง  เมฆ ซึง่ เป็นเครือ่ งยืนยัน ด้านหลัง  “ต้นฉบับของแท้จากสมัยเดียวกับพระเยซู  ไม่สามารถ
ว่าโสกราตีสไม่ได้เป็นเพียงตัวละครของเพลโต เรี ย กคื น ได้ อี ก   เราไว้ ใ จให้ พ วกแกดู แ ลมั น เพราะท่ า นนั ก บุ ญ
“พ่อคงแค่จ้องมองไฟนานเกินไปน่ะลูกรัก” มรณภาพที่ นี่   และท่ า นไม่ อ ยากให้ ย้ า ยหนั ง สื อ ของท่ า นไปไหน 
แล้วพวกแกก็เผามัน  พวกโง่  มีแต่คนโง่กับเผด็จการเท่านั้นที่เผา
แล้วฤดูหนาวก็ผ่านพ้นไปพร้อมข้อพิสูจน์ว่าไม่มีอะไรที่มนุษย์ หนังสือ  พวกแกทำลายขุมปัญญาของมนุษยชาติ”
ผู้หิวและหนาวจะทำไม่ได้  มอเดร็ดกับคนหนุ่มอีกสี่ห้าคนในเมือง มอเดร็ดนิง่ เงียบ  รูส้ กึ เหมือนก้อนหินถ่วงหนักอยูใ่ นหัวใจ  เขา
ล่าหมาป่าไปสามตัวหลังจากเนื้อม้าหมด  แล้วในที่สุดฤดูหนาวก็ ไม่สามารถโต้ตอบได้แม้แต่คำเดียว
เสร็จสิ้นการมาเยือนอันโหดร้าย  พระอาทิตย์ละลายหิมะ  กระรอก ในสายตาของคนจากโบสถ์ทมี่ คี วามรูม้ าก  เขาคงเหมือนคนโง่
ตัวแรกออกจากโพรงไม้มายังคาคบ  มอเดร็ดมองมันพลางสงสัย ที่ใช้ชีวิตเป็นพรานป่าล่าสัตว์  คิดด้วยกล้ามเนื้อต้นแขนไม่ใช่สมอง 
ว่ามันเป็นตัวสุดท้ายที่เหลือรอดหรือเปล่า แต่ความจริงชายหนุ่มอ่านหนังสือพวกนั้นมากกว่านักบวชเหล่านี้
ความหนาวเหน็บนั้นตราอยู่ในใจของผู้คน  ทุกคนเปลี่ยนไป  เสียอีก  นักบวชจากวาติกนั ออกเดินทางสัง่ สอนตามเมืองต่าง  ๆ  ทกุ ปี
ต่ า งถู ก สลั ก ด้ ว ยบาดแผลลึ ก กว่ า ฤดู ห นาวครั้ ง ใดที่ เ คยผ่ า นมา  หลังจากจบฤดูหนาว  พวกเขาแวะมาเทศนาชาวเมืองและมาศึกษา
พวกเขายังระลึกถึงคนที่ตายจากไป  ถึงเนื้อที่พวกเขาลิ้มรส  ความ ตำราที่นี่ปีละครั้ง  แต่มอเดร็ดโตในเมืองนี้  โตมากับห้องสมุดนั้น 
หิวโหย  หนาวเหน็บ  และสูญเสียยังคงไล่หลอกหลอนพวกเขา เขาวิ่งเล่นในโบสถ์  พลิกอ่านหนังสือบนชั้นมาตั้งแต่ยังเด็ก  ทุกคน
ในยามราตรี  มอเดร็ดเองก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน  เขากินน้อย ในเมื อ งก็ เ ช่ น กั น   คนในเมื อ งนี้ รู้ คุ ณ ค่ า ของสิ่ ง ที่ พ วกเขาเคย
เหมือนนก  เตรียมร่างกายให้เคยชินกับความอดอยากที่อาจมาถึง ปกปักรักษาดียิ่งกว่าพระคาร์ดินัลที่กำลังตะโกนใส่หน้าเขาอยู่ตอนนี้
อีกครั้งในปีหน้า  มากนั ก   พวกเขารู้ อ ย่ า งดี จ นคิ ด ว่ า การเผาหนั ง สื อ เลวร้ า ยกว่ า
ผ่านไปเดือนกว่า ๆ  หลังฤดูหนาวจบสิ้นลง  คณะนักบวชของ การกินเนื้อแม่ของตัวเอง
ศาสนจักรเดินทางออกจากวาติกันอีกครั้ง  พวกเขามาถึงประตูเมือง แต่พวกเขาก็รู้จักฤดูหนาวดีเช่นกัน  กล้าพูดได้เลยว่าพวกเขา

14 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 15


รู้จักแม่สาวน้อยผู้โหดเหี้ยมคนนั้นดีกว่าคณะนักบวชที่อยู่อย่าง นี้จะทำให้ลูกชายเกิดความสงสัยในตัวเขา  ทำลายความเชื่อมั่น
อุ่นสบายในวาติกันอย่างแน่นอน ที่ลูกมีต่อเขา  แต่เขาจะทำอย่างไรได้เล่า
ถ้าตาแก่พวกนี้อยู่ที่นี่  ก็คงจะเผาห้องสมุดตั้งแต่อาทิตย์แรก  มอเดร็ดเงยหน้ารับความขมขื่น  เขาเอ่ยว่า  “เราต้องแลก
ต่อให้นั่นคือหอสมุดอะเล็กซานเดรียก็ตามทีเถอะ  ตาแก่หมูตอนนี่ หนังสือกับชีวิตคน  หรือพระเจ้าของท่านจะให้เราตายกันหมดเพื่อ
มีหน้าอะไรมาด่าว่าเขา รักษาหนังสือพวกนั้นไว้”
มอเดร็ ด คิ ด เช่ น นั้ น แล้ ว จ้ อ งหน้ า พระคาร์ ดิ นั ล ด้ ว ยแววตา “พระเจ้าทรงมีเมตตา  ท่านจะรักษาทั้งหนังสือและชีวิตคน” 
ก้าวร้าว  แต่ชาวเมืองรูส้ กึ อับอาย  ต่อหน้าคนใหญ่คนโตจากต่างแดน  นักบวชตอบ
พวกเขารู้สึกอับอายที่ได้ทำตัวราวกับบาวาเรียนป่าเถื่อน  เมืองนี้ “มาอยู่ที่นี่ในฤดูหนาวสิ  อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพวกท่านได้
อาจห่างไกลและเหน็บหนาว  แต่ทกุ คนก็ได้รบั การสอนมาอย่างดีและ สัมผัสลมหนาวของที่นี่  พวกท่านจะยังพูดเรื่องพระเจ้ามีเมตตา
เป็นผูม้ กี ารศึกษา  เหตุทเี่ ป็นเช่นนีเ้ พราะชาวเมืองภูมใิ จกับห้องสมุด อยู่ไหม”  มอเดร็ดตะโกนกลับ  และนั่นคือการมาเยือนครั้งสุดท้าย
แห่งนั้น — ห้องสมุดที่มีความสำคัญจนผู้สร้างได้รับการยกย่องให้ ของศาสนจักรสูเ่ มืองเล็ก  ๆ  แห่งนี ้ พวกนักบวชประกาศว่า  ในปีหน้า
เป็นนักบุญ  ความภูมิใจของคนในเมืองจะกำหนดวิถีชีวิตของเมือง  พวกเขาจะตัดเมืองนี้ออกจากเส้นทางแสวงบุญ 
ยกตัวอย่างเช่น  หากสัญลักษณ์ของเมืองคือเหล้าองุ่น  เด็กทุกคน มอเดร็ดไม่คิดว่านั่นจะเป็นปัญหา  เขารู้ว่าตัวเองจะสามารถ
ในเมืองจะเติบโตขึ้นในไร่องุ่นและมีคอแข็งราวกับทองแดง  สำหรับ ปกครองเมืองต่อไปได้แม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากศาสนจักร 
ที่นี่  สัญลักษณ์ของเมืองคือความเหน็บหนาวและหนังสือหายาก  เพราะที่ผ่านมา  ทางวาติกันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากอยู่แล้ว  คำสอน
ทุกคนจึงสั่งสอนลูกของตนให้ทนทายาดต่อหิมะร้ายและเห็นค่าของ กินไม่ได้ไม่ช่วยอะไรกลางพายุหิมะ  และตอนที่พวกเขาต้องการ
หมึกบนกระดาษ  ในฐานะผู้มีการศึกษา  ความอับอายที่เผาหนังสือ ความช่วยเหลือจากพระเจ้ามากที่สุดอย่างเช่นเมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมา 
อาจเป็นความอับอายสูงสุด  พระองค์และลุงแก่พวกนั้นต่างก็สุขสบายอยู่ในวาติกันที่หรูหรา
เพื่อจะลดทอนความอับอายนั้น  พวกเขาชี้มือมาที่มอเดร็ด  ราวกับวัง
แล้วบอกว่า  “เป็นคำสั่งของเขา” แม้ เ จ้ า เมื อ งจะคิ ด เช่ น นั้ น   แต่ ก ารมาเยื อ นของศาสนจั ก ร
มอเดร็ดรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกหอกแหลมยาวทิ่มแทงทะลุ ได้สร้างรอยแผลเล็ก ๆ ขึ้นในเมือง  มันเป็นรอยแผลเล็ก ๆ ที่ไม่นาน
ร่า งกายจากทุ ก ทาง  สายตาของผู้ ม าเยื อ นและการชี้ มือ ราวชี้ ตั ว ก็ลุกลามกินลึกถึงกระดูก  เหวอะหวะไปทั้งแขน
คนร้ายโดยเพื่อนพ้องของเขาเองแปรสภาพเป็นดั่งอาวุธ  เจ้าเมือง หากมีสิ่งเดียวที่เขาจะกล่าวโทษได้   เขาจะกล่าวโทษความ
แทบจะล้มทัง้ ยืน  เขาเห็นเบธราฟาในฝูงชน  ชายหนุม่ รูว้ า่ เหตุการณ์ เหน็บหนาว  แต่มอเดร็ดรู้ดีว่าเขาไม่อาจโทษความเหน็บหนาวได้ 

16 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 17


เขาคงโทษได้เพียงแค่ตัวเขาเองเท่านั้น บีบไหล่มอเดร็ด  เอ่ยเสียงหนัก  “มันหมายความว่าแกเป็นคนเดียว
ที่ยังไม่เคยกินศพ”
ความรูส้ กึ เจ็บปวดของชาวเมืองทีพ่ วกเขาเผาหนังสือในห้องสมุด มอเดร็ดรู้สึกว่าลูกตาของเขาเต้นตุบ  นี่เป็นครั้งแรกที่มีคน
ทำให้พวกเขาตัง้ คำถามต่อเจ้าเมือง  ‘ทำไมมอเดร็ดถึงออกคำสัง่ นัน้ ’  เอาเรื่องนี้มาพูดกับเขาทั้งที่ยังสว่าง  อาจเพราะเขาเป็นคนขอให้ฝัง
พวกเขากระซิบถามกันราวกับลืมไปแล้วว่า  หากวันนั้นมอเดร็ด ทุกศพที่ตายไป  ทุกคนจึงคิดว่าเขาต่อต้านเรื่องนี้  และหลีกเลี่ยง
ยื น ยั น ที่ จ ะไม่ เ ผาหนั ง สื อ   วั น นี้ ก็ จ ะไม่ มี ใ ครยั ง มี ล มหายใจเลย ที่จะเอ่ยถึงมันต่อหน้าเขา
แม้แต่คนเดียว แต่ความจริงก็คือ  ดูเหมือนจะไม่มีใครถูกฝังโดยยังไม่ถูก
“จะทำยังไงให้เรื่องนี้จบลง”  แอชเชอร์  สหายสนิทผู้ร่วมล่า ชำแหละเลย
หมาป่ากับมอเดร็ดถามเขา  สิ่งที่เขาเห็นว่าอยู่ในความมืด  มันสว่างสำหรับทุกคน  ทุกคน
“ไม่ ต้ อ งทำอะไร  ทุ ก คนก็ รู้ อ ยู่ แ ก่ ใ จว่ า วั น นั้ น ถ้ า เราไม่ เ ผา แค่ปกปิดมันจากเขา
หนังสือเราก็คงตายไปแล้ว  ทุกคนรู้ว่าลมหายใจของพวกเขาใน “ทุกคนรู้สึกแย่กับเรื่องนี้  และความผิดบาปในใจจะทำให้
วันนี้แลกมาด้วยความรู้ส่วนหนึ่งของมนุษยชาติ  ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า  พวกเขาโกรธแกที่ ยั ง ไม่ เ คยทำ  ความโกรธและความเกลี ย ดชั ง
เท่านั้นก็พอ”  เจ้าเมืองตอบ  แววตาดำด้านนิ่งเฉยราวไม่รู้สึกอะไร  จะผลักแกให้กลายเป็นคนนอก”
ทั้งที่ในหัวใจคันจนกลายเป็นความเจ็บปวด  มอเดร็ดกลืนน้ำลาย
“แกไม่ ท ำอะไรไม่ ไ ด้ ห รอก  ชาวเมื อ งรู้ ดี   ใช่   แต่ พ วกเขา “ฉันสงสัยอย่างหนึ่งมานานแล้วมอเดร็ด”  ดวงตาสีฟ้าสดของ
ไม่ ต้ อ งการคำตอบนั้ น   พวกเขาไม่ ต้ อ งการคำตอบว่ า เราทุ ก คน แอชเชอร์สบดวงตาเขา  “ถ้าเบธราฟาตาย  แกจะกินเขาไหม”
เป็ น คนเลวเพื่ อ รั ก ษาชี วิ ต ”  แอชเชอร์ จั บ ไหล่ ม อเดร็ ด  “สั ง คม “ไม่”  มอเดร็ดเอ่ยในทันที
ต้ อ งการโทษใครสั ก คน  เพื่ อ นเอ๋ ย   แกกำลั ง จะกลายเป็ น เหยื่ อ แอชเชอร์ ยิ้ ม   “นั่ น อาจเป็ น คำพู ด แบบเดี ย วกั บ คำพู ด ของ
ของพวกเขา” พระคาร์ดินัลที่ไม่เผาหนังสือก็ได้นะ”
“ระวังนะมอเดร็ด”  แอชเชอร์เตือนอีกครั้ง  “แกเป็นคนเดียว สิ่งที่แอชเชอร์เตือนเป็นจริงในเวลาต่อมา  ทุกคนมารวมตัว
ในเมืองที่ไม่ได้เสียใครในครอบครัวไประหว่างฤดูหนาวของปีนี้” กันที่อาคารใหญ่กลางหมู่บ้านในอีกไม่กี่วันถัดมา  มันเป็นอาคาร
“ฉันเพิ่งเสียเมียไปปีก่อน  ฉันไม่เหลือใครให้เสียแล้ว  นั่นคือ เดียวกับที่พวกเขาเคยรวมตัวกันเพื่อเชือดเนื้อม้า  คราวนี้พวกเขา
เหตุผลที่ฉันไม่เสียใคร”  มอเดร็ดประท้วง มารวมกั น เพื่ อ ให้ ม อเดร็ ด แสดงความรั บ ผิ ด ชอบต่ อ สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น
แอชเชอร์เข้าใจเรื่องนี้ดี  แต่เขาไม่ได้หมายถึงสิ่งนั้น  เพื่อน กับห้องสมุดของโบสถ์

18 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 19


เพราะนั่นคือการตัดสินใจของมอเดร็ด  ทุกคนอ้าง ไม่ได้หรอก  ท่านเจ้าเมือง”  อีกคนเถียง
“แล้วถ้าวันนั้นฉันตัดสินใจอย่างอื่น  จะมีใครหน้าไหนยังยืน “เราหลอกตัวเองไม่ได้  แต่เราหลอกลูกหลานของเราได้  เรา
อยู่ที่นี่บ้าง”  เจ้าเมืองถาม  อุ้มเบธราฟาไว้แนบอก สั่งสอนพวกเขาให้เป็นอย่างที่เราต้องการได้  และเมื่อคนรุ่นต่อ  ๆ  ไป
ทุกคนเข้าใจเรือ่ งนัน้ ดี  แต่บางอย่างสะกิดอยูใ่ นใจของพวกเขา  ไม่เห็นค่าของหนังสือ  พวกเขาก็จะไม่ต้องเจ็บปวดกับการสูญเสีย
มันคือรอยแผล  มอเดร็ดเองก็ร ู้ เขาก็มรี อยแผลแบบนัน้ เช่นเดียวกัน  ห้องสมุด  และพวกเขาจะไม่ตำหนิพวกเราที่เผาหนังสือในห้องสมุด
พวกเขาไม่มีวันลืมหรอกว่าพวกเขาได้แลกปัญญาทรงคุณค่าเพื่อ นั้นทิ้งไป  เพราะเขาไม่เห็นคุณค่าของมัน”
ต่อลมหายใจอันโง่เซอะของตนเอง “นี่กะจะวางยาลูกหลานของตัวเองเลยหรือ”  ชายชราคนหนึ่ง
จะทำอย่างไรจึงจะกลบเรื่องนี้ให้หายลงไปในดินได้เหมือนกับ ถามผู้นำหนุ่ม
ศพที่ถูกชำแหละเล่า  ในเมื่อห้องสมุดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตผู้คน มอเดร็ดมองตาชายคนนัน้   “จะทำแบบนัน้   หรือพวกเราทุกคน
หลายเท่านัก จะปล่อยมันไว้แบบนี ้ ให้ตวั เองรูส้ กึ ผิดกับสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ในฤดูหนาวนี้
“เราจะลืมทุกอย่างเสีย”  มอเดร็ดตัดสินใจ  “เดิมชาวเมือง ตลอดกาล”
ของเราสอนลูกหลานสองสิ่ง  สิ่งแรกคือการเอาตัวรอดในฤดูหนาว  มอเดร็ ด มองหน้ า ทุ ก คน  ยามที่ เ ขาพู ด ถึ ง  ‘สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ใน
และสิ่งที่สองคือความสำคัญของหนังสือ  ต่อจากนี้จะเหลือเพียง ฤดูหนาวนี้’  เขาไม่ได้หมายถึงเพียงแค่หนังสือ   แต่เขาหมายถึง 
อย่างเดียว  ในเมื่อตอนนี้ไม่มีหนังสือเหลืออยู่ในเมืองนี้อีกต่อไป  ‘เนื้อ’  ด้วย  และทุกคนก็รู้เรื่องนั้นดี
เราก็จงลืมเรื่องหนังสือเสีย  จะไม่มีลูกหลานของเราคนใดสนใจ “กลบมันลงดินไปซะ  เหมือนกับศพที่ถูกหั่น”  มอเดร็ดพูด
หนังสือ  จงสอนเด็ก  ๆ  ของพวกเราให้เป็นเช่นนัน้   ชาวเมืองรุน่ ต่อไป และทำให้ทุกคนสะดุ้ง  สะดุ้งเพราะในที่สุดคนที่อยู่ห่างจากเรื่องนี้
จะไม่เสียใจกับความสูญเสีย  พวกเราก็ไม่เสียใจ” ที่สุดก็พูดคำนี้ขึ้นมากลางแสงตะวัน  “เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด
“โลกภายนอกไม่คิดอย่างเราแน่”  ชาวเมืองคนหนึ่งตอบ แบบนี ้ เราจะลืมทุกอย่าง”
“เราเคยติดต่อกับโลกภายนอกด้วยหรือ”  มอเดร็ดเงยหน้าขึน้ “ฉันรู้  ทุกคนคิดว่าฉันเป็นคนนอก  แต่ไม่ใช่  ฉันคือเพื่อน
สบตาทุกคน  “โลกภายนอกอยู่ที่ไหนในยามที่หิมะเข่นฆ่าพวกเรา ร่วมมาตุภูมิของทุกคนในที่นี้”  มอเดร็ดตัดสินใจไม่ลำเลิกบุญคุณ
ทีละคนอย่างโหดเหี้ยม  เราไม่เคยได้รับอะไรจากโลกภายนอกและ เรื่องที่เขาเป็นคนทำให้ทุกคนยังมีชีวิตรอดมาได้  “และฉันจะพิสูจน์
ไม่เคยให้อะไรกับพวกเขา  เราไม่ต้องสนใจพวกเขา  คนในเมือง ให้ได้เห็น  ขอให้ยอมรับฉัน  และขออย่าให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
ของเราไม่เสียดายหนังสือพวกนั้น  โลกภายนอกจะคิดยังไงก็ช่าง” อีก”
“คนรุ่นเรารู้ว่าหนังสือพวกนั้นมีค่าแค่ไหน  เราหลอกตัวเอง พูดจบเขาก็วางเบธราฟาลงบนโต๊ะ  ดึงมีดออกมาจากฝัก  เขา

20 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 21


ถอดกางเกงของเด็กชายออก  กลัน้ หายใจ  แล้วลงมีดหัน่ เนือ้ สะโพก ทุ ก สิ่ ง ที่ เ ขาผ่ า นมา  เขายั ง คงเป็ น เจ้ า เมื อ งผู้ พ าทุ ก คนในเมื อ ง
ลูกชายตัวเอง ฝ่าฤดูหนาวครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่ไม่เคยมีฤดูหนาวครั้งใดที่โหดร้าย
ศพนั้นเงียบงันเสมอเมื่อถูกมีด   แต่เบธราฟาร้องโหยหวน เท่ากับฤดูหนาวปีนั้น...
ดังสะท้อนไปทั่วกำแพงเมืองทั้งสี่ทิศ เมืองเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด  พลเมืองรุ่นต่อมาไม่ได้
การหั่นศพเป็นความลับเสมอ  แต่เบธราฟาถูกเชือดต่อหน้า ถูกเลี้ยงให้มีความรู้ที่ซับซ้อน  เด็ก ๆ วิ่งเล่นตามท้องทุ่งนอกกำแพง
ธารกำนัล เมืองอย่างอิสระในหน้าร้อน  และเมือ่ พ่อค้าคาราวานผ่านมา  พวกเขา
ทุกคนเจ็บปวดที่หั่นเนื้อครอบครัว  แต่ไม่มีใครหั่นเนื้อนั้น ก็วิ่งตาม
ทั้งที่ยังเป็น  ๆ  “มีของเล่นกับหนังสือนิทาน”  พ่อค้าเสนอกับเด็ก
ผู้ เ ป็ น พ่ อ มื อ สั่ น   แต่ ไ ด้ เ นื้ อ ชิ้ น ขนาดพอดี ค ำชิ้ น หนึ่ ง มาอยู่ “เอาของเล่น”
ในมือในที่สุด  มอเดร็ดเอาเนื้อชุ่มเลือดของลูกใส่ปาก  เคี้ยวกิน  “ของเล่น”
น้ำตาไหลลงมาอาบหน้า  เขากลืนมัน  เบธราฟามองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ขอตุ๊กตา”
“พ่อขอโทษ”  มอเดร็ดเอ่ย  น้ำตาไหลเป็นทางอยู่บนแก้ม  เด็ก  ๆ ส่งเสียงร้องกันเซ็งแซ่
หัวใจเหมือนถูกบีบจนแหลกสลาย “เฮ้  นี่ไม่มีใครชอบอ่านหนังสือเลยรึ”  พ่อค้าถาม
เขาต้องทำ  ไม่เช่นนั้นในที่สุดเขากับลูกคงถูกไล่ออกจากเมือง “พ่อบอกว่าอ่านหนังสือเสียเวลา  ทำไร่ดกี ว่า  หรือไม่กอ็ อกไป
ตั้ ง แต่ วั น นั้ น   ผู้ ค นในเมื อ งไม่ มี ปั ญ หากั บ มอเดร็ ด อี ก เลย  วิ่งให้ร่างกายแข็งแรง”  เด็กชายผิวคล้ำแดดตอบ
อย่างไรเสียเขาก็เป็นเจ้าเมืองที่ดี  หากคนอื่นเป็นผู้ดูแลเมือง  คง “คนที่แข็งแรงที่สุดในเมืองจะออกไปสู้กับหมาป่าในฤดูหนาว 
ไม่ มี ใ ครเหลื อ รอดในเมื อ งนี้ ห ลั ง ฤดู ห นาวที่ โ หดร้ า ยนั่ น  ทุ ก คน ช่วยให้ทุกคนมีเนื้อกิน  มีชีวิตรอด”
ยอมรับความคิดของมอเดร็ดที่จะกลบฝังเรื่องห้องสมุดให้หายไป “เท่มากเลยละ”  พวกเด็ก ๆ  แย่งกันเล่า
เสีย  แล้วตนเองจะได้ไม่ตอ้ งเจ็บปวดอีกต่อไป  เพือ่ ลบความรูส้ กึ นัน้   “อืม  ในที่ที่ลำบากแบบนี้  อะไรก็คงสำคัญกว่าการอ่านออก
ทุกคนพร้อมใจกันลืม... เขียนได้ทั้งนั้นละนะ”  พ่อค้าเข้าใจสภาพของเมือง  เขาลูบหัวเด็ก ๆ 
แต่ตั้งแต่วันนั้นเบธราฟาก็ไม่เคยเปิดใจให้มอเดร็ดอีกเลย แล้วบอกว่า  “พวกเธอก็อยากออกไปล่าหมาป่าสินะ”
“ใช่  เหมือนคุณลุงเจ้าเมือง”  เด็กชายตอบ
สิบห้าปีต่อมา  มอเดร็ดกลายเป็นชายวัยกลางคนที่ภูมิฐาน  “คุ ณ ลุ ง เจ้ า เมื อ งฆ่ า หมาป่ า แปดตั ว ด้ ว ยตั ว คนเดี ย วได้ น ะ” 
ผมสีขาวแซมดำบางหย่อมก่อนเวลา  แต่ไม่แปลก  เมื่อเทียบกับ เด็กหญิงคนหนึ่งเล่า

22 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 23


“พ่อบอกว่าคุณลุงเจ้าเมืองเกลียดหนังสือ   เลยให้เผาหมด ทีช่ วั่ ร้ายและผูท้ ำลายสมบัตติ กทอดของเมือง  ได้ตรารอยบาปลงบน
ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว” ชื่อของมอเดร็ด  คืนแล้วคืนเล่าผ่านนิทานก่อนนอน...
“เอ๋”  พ่อค้าคาราวานร้องอย่างแปลกใจ  แต่เด็ก  ๆ  ไม่ได้อธิบาย ชายสองคนวิง่ ออกมาจากประตูเมืองเมือ่ คาราวานผ่านมา  เขา
อะไรมากไปกว่านั้น  พวกเขารู้แค่เท่าที่ได้รับการบอกเล่าให้รู้ ทักทายพ่อค้าและถามว่า  “มีของมามั้ย”
ใช่  ความคิดของคนในเมืองเป็นเช่นนั้นไปหมดแล้ว  พวกเขา “มี”  พ่อค้าตอบ  จูงม้าของตนเดินห่างออกจากกลุ่มเด็ก ๆ มา 
เลื อ กจะลื ม ตามที่ ม อเดร็ ด ขอร้ อ ง  แต่ พ วกเขาไม่ ไ ด้ ลื ม มั น ไป ทิง้ เด็ก  ๆ  ในเมืองให้รมุ อยูก่ บั พ่อค้าคนอืน่   ๆ  ในคาราวาน  พากันคุย้ หา
จนหมดสิ้น  พวกเขายังจดจำได้ว่าสมบัติของเมืองถูกทำลาย  ทว่า ของเล่นในเกวียน
พวกเขาหลงลืมเหตุผลที่แท้จริงและสร้างเหตุผลใหม่ขึ้นมาแทน เมื่อออกมาห่างมากพอ  พ่อค้าก็ล้วงเข้าไปในย่ามข้างตัวม้า 
มันง่ายเหลือเกินทีจ่ ะลืมเรือ่ งทีบ่ อกว่าตัวเองเป็นคนบาป  แล้ว หยิบห่อกระดาษสีนำ้ ตาลอมเทาส่งให้  ชายสองคนนัน้ ยืน่ เหรียญทอง
จำเรือ่ งทีม่ ใี ครสักคนรับผิดแทนตนเอง  สิง่ ทีท่ กุ คนในเมืองเลือกจำไว้ เป็นค่าตอบแทน
และบอกต่อกับลูกหลานคือ  มอเดร็ดเป็นคนเกลียดหนังสือ  เขา “มั น เป็ น ของต้ อ งห้ า มเหรอ  ที่ นี่ น่ ะ   เด็ ก  ๆ เพิ่ ง บอกฉั น ว่ า
จึงสั่งทำลายห้องสมุดประจำเมือง  และทุกคนก็ต้องทำตามคำสั่ง เขาเผาทิ้งหมด”  พ่อค้าถาม
ของเขา  การเผาหนังสือหายากทั้งหมดเป็นความผิดของมอเดร็ด ชายสองคนนั้นพยักหน้า  “ไม่ขนาดนั้นหรอก  แต่ไม่มีใคร
แต่เพียงผูเ้ ดียว  และในวันนี ้ ทีค่ นในเมืองโง่และง่ายต่อการปกครอง  เห็นมันในเมืองมาสิบห้าปีแล้ว  ดังนัน้ เราจึงไม่แน่ใจในสถานะของมัน
ก็เป็นผลประโยชน์ของเจ้าเมือง  เป็นสิ่งที่เจ้าเมืองตั้งใจให้เกิด และต้องแอบซ่อน”
ทุกสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ทีน่ ต่ี ง้ั แต่ฤดูหนาวเมือ่ สิบห้าปีทผ่ี า่ นมา  มอเดร็ด “เจ้าเมืองที่นี่เป็นยังไง”  พ่อค้าชี้หัวนิ้วโป้งเข้าไปในเมือง
เป็นผูร้ บั ผิดแต่เพียงผูเ้ ดียวทัง้ หมด  ชายหนุม่ ไม่โต้เถียงต่อความผิด “ถ้าไม่มีเขาเมืองนี้ก็ล่มไปหลายปีแล้ว  แต่ว่า...”  ชายคนหนึ่ง
ที่ถูกผลักลงมา  ในฐานะเจ้าเมือง  เขาคิดว่าเขาต้องเงยหน้ารับสิ่งนี้  ยักไหล่  เขาไม่พูดอะไรต่อ
ตราบใดที่ทุกคนในเมืองยังรอดชีวิตมาได้   ไม่ว่าเขาจะถูกมองว่า พ่อค้าพยักหน้า
เป็นอะไร  เขาก็ตัดสินใจจะไม่ได้ยิน  ทุกฤดูหนาวที่หมาป่าถูกล่า ชายสองคนนั้นเดินกลับเข้าไปในเมือง  พวกเขาซุกห่อหนังสือ
เนื้อ  รอยแผลหิมะกัดบนใบหน้าของเขายิ่งเพิ่มจำนวน  ลุกลามไป ไว้ในเสื้อคลุม  และเดินอย่างระแวดระวัง
ทั่วใบหน้าครึ่งซ้าย  เหมือนตราบาปที่ถูกประทับลง  บางทีคนที่ ไม่มกี ารประกาศว่าหนังสือเป็นของต้องห้าม  มันแค่เป็นของที่
ประทับตราบาปให้มอเดร็ดอาจไม่ใช่ฤดูหนาว  แต่คอื บรรดาชาวเมือง ไม่มใี นเมืองมานานแล้ว  จนพวกเขาไม่แน่ใจทีจ่ ะอ่านมันแบบเปิดเผย
ต่างหาก  บรรดาพ่อแม่ทเี่ ล่าให้ลกู   ๆ  ฟงั ถึงเจ้าเมืองในฐานะผูป้ กครอง ในช่วงสี่ห้าปีหลังมานี้  คนในเมืองทั้งหนุ่มและแก่จำนวนหนึ่ง

24 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 25


รวมตัวกันอย่างลับ ๆ  พวกเขารวมตัวกันหลังจากมีชายชราคนหนึ่ง “ไม่รู้ส ิ หลายคนพูดกันว่ามอเดร็ดเกลียดหนังสือ  เราไม่ควร
ซือ้ หนังสือมาจากพ่อค้าคาราวาน  ชายคนนัน้ นำหนังสือมาให้ลกู ชายดู ขัดใจเขาด้วย  เพราะถ้าไม่มีเขา  ใครจะล่าหมาป่าในฤดูหนาว”
และลูกชายที่ไม่เคยเห็นหนังสือมาก่อนก็รู้สึกแปลกใจ  ชายหนุ่ม “พูดตามตรง  การปกครองของมอเดร็ดเก่าไปแล้วสำหรับยุคนี ้
ผู้เป็นลูกตื่นเต้นกับ “หนังสือ”  เขาหลงใหลวิธีการที่มันบอกเล่า เมืองควรจะถูกปกครองด้วยคนรุน่ ใหม่  ปัญญาชน  มันต้องมีวธิ อี นื่
เรื่องราวต่าง ๆ  และสามารถกระทบใจมนุษย์  พ่อลูกคู่นี้ซื้อหนังสือ ที่จะเอาชนะความหนาวเย็นได้”  เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น  เขาเพิ่ง
เพิ่มขึ้นทีละน้อยโดยฝากให้พวกพ่อค้าคาราวานหาของมาให้  พ่อค้า เคยอ่านหนังสือไปสิบกว่าเล่ม  และตื่นเต้นกับสิ่งที่ตนค้นพบ  เขา
พวกนี้เดินทางเร่ร่อนจากเมืองสู่เมืองและจะผ่านมาที่เมืองนี้ทุก ๆ  คิดว่าคนในเมืองไม่มีใครเคยอ่านหนังสือมาก่อนเลย  เพราะเขา
สี่ห้าเดือน ไม่เคยเห็นห้องสมุดของโบสถ์  ไม่เคยเข้าใจความหมายทีแ่ ท้จริงของ
สองพ่อลูกรวบรวมหนังสือจากพ่อค้าและแอบทำห้องสมุด คำว่า  “ห้องสมุด”  เสียด้วยซ้ำ  บวกกับเลือดของวัยหนุม่ อันไร้เดียงสา 
เล็ก ๆ ไว้ในบ้าน  เวลาผ่านไปไม่นานก็เริ่มมีคนมาขอดูหนังสือ  เมื่อ เขาจึงคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดในเมือง
มีคนมาที่ห้องสมุดนี้มากขึ้น ๆ  มันก็กลายเป็นสมาคมลับที่ผู้คน คนชราในที่ ป ระชุ ม นั้ น ส่ า ยหน้ า   “ปั ญ ญาชน  แกน่ ะ หรื อ
มาพบปะพูดคุยกัน ปัญญาชน  แกคงไม่รู้สินะว่าความหนาวคือศัตรูโบราณ  ภูมิปัญญา
ระหว่างการพบปะในห้องสมุด  มีการถกกันถึงการปกครอง ที่เก่าแก่ของบรรพบุรุษเท่านั้นที่จะเอาชนะมันได้  นั่นคือสาเหตุที่
ของมอเดร็ด  พวกเขาเห็นว่ามอเดร็ดเริ่มแก่ตัวลงแล้ว  เขาขึ้นเป็น เราควรทำตามประเพณีที่สืบทอดกันมา  และแกจะบอกว่ามอเดร็ด
เจ้ า เมื อ งตั้ ง แต่ อ ายุ ยี่ สิ บ สอง  นั่ น เป็ น เรื่ อ งปกติ ข องเมื อ งนี้   ที่ นี่ โง่งั้นรึ  แกไม่รู้สินะว่าเขาเคยอ่านงานเขียนของเพลโตทุกเล่ม  เขา
ต้องการเจ้าเมืองที่หนุ่มแน่นเพื่อต่อสู้กับสงครามซึ่งวนมาถึงอย่าง ฉลาด...กว่าแก”
แน่นอนในทุกปี  —  สงครามกับความหนาวเย็น เด็กหนุ่มกัดริมฝีปาก  “แต่ทุกคนบอกว่ามอเดร็ดเป็นคนเลว”
ด้ ว ยวั ย สี่ สิ บ ห้ า   พวกเขาถกเถี ย งกั น ว่ า มอเดร็ ด แก่ เ กิ น ไป “คนในเมืองบอกว่ามอเดร็ดเป็นคนเลว  นั่นเพราะพวกเขา
สำหรับตำแหน่งนีห้ รือยัง  ถึงเวลาหรือยังทีเ่ มืองจะเปลีย่ นผูป้ กครอง พยายามปกปิดความจริงบางอย่าง”  ชายชราเอ่ย
คนใหม่  พวกเขายังพูดกันถึงบาดแผลที่ติดตัวมอเดร็ดเรื่องการ “ความจริงอะไรล่ะ”  เด็กน้อยตั้งคำถามต่อผู้ชรา
ทำลายห้องสมุดของโบสถ์  บาดแผลทีไ่ ม่มใี ครพูดถึงในทีแ่ จ้งมานาน คราวนี้ผู้ตอบเงียบและอึกอัก  คนชราในที่นั้นมองหน้ากัน
แล้ว  แต่ทุกคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจ  เล่าทวนซ้ำในที่ลับ... ก่อนจะบอกว่า  “มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากพูดถึง”
“เป็นไปได้ไหมทีเ่ ราจะสร้างห้องสมุดขึน้ มาในเมืองอีกครัง้ หนึง่ ”  “และคงเป็ น เพราะไม่ พู ด ถึ ง   ทุ ก อย่ า งจึ ง กลายเป็ น แบบนี้  
พวกเขาหารือกัน พวกเราพยายามสร้ า งอย่ า งอื่ น มาปิ ด ทั บ มั น  พยายามลื ม  แล้ ว

26 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 27


สุดท้ายมันเป็นยังไง  มอเดร็ดกลายเป็นคนร้าย  กลายเป็นคนนอก ของเราโง่เขลา  และพวกเราก็จมอยู่กับความอับอายที่หลอกหลอน
ที่ปกครองพวกเราทุกคนในเมือง”  แอชเชอร์พูดขึ้นจากมุมห้อง  ในเงามืด  ถึงเวลาแล้วที่เราจะเผชิญหน้ากับมัน  เอาสิ่งที่กลบฝังมา
พลางยกถ้วยชาแก่  ๆ ขึ้นจิบ  “ไม่ต้องสงสัยว่าเขารู้สึกขมขื่น” สารภาพ  อย่างน้อยก็เพื่อให้พระเจ้าอภัยให้เรา”  แอชเชอร์บอก 
สหายสนิทของมอเดร็ดลุกขึ้น  มองทุกแววตาทั้งหนุ่มและแก่  ใช้สายตากดชายคนนั้นให้นั่งลง
เด็กน้อยและผู้ชรา  ที่มารวมตัวกันอยู่ในที่นั้น  เขาอยู่ในสมาคมนี้ “ถ้าในเมืองนี้ไม่มีคนพูดความจริง   ฉันก็จะเป็นคนพูดเอง 
มาตัง้ แต่แรก  ๆ  เพราะเขาเป็นคนมองการณ์ไกลพอทีจ่ ะเห็นหลายสิง่ ก่อนที่เด็กรุ่นต่อไปจะล้มอำนาจของมอเดร็ด  ป้ายประวัติศาสตร์
หลายอย่างทีค่ นอืน่ ไม่เห็น  เขารูว้ า่ เราไม่สามารถปล่อยให้คนในเมือง ที่ผิดลงบนชื่อของเขา  และพาเมืองของเราไปสู่หายนะด้วยความ
ไม่รู้หนังสือเช่นนี้ต่อไป  เพราะทำถ้าอย่างนั้น  อีกร้อยปีเมืองจะ โง่งมของความเยาว์วัย”
ล่มสลาย  วันนั้นมอเดร็ดเลือกเดินทางผิด  แต่ในวันนั้น  ก็ไม่มี เขาจ้องตาคนชราแต่ละคนในห้อง  “นีค่ อื เรือ่ งราวในปีทพี่ อ่ แม่
ทางเลือกอื่นสำหรับมอเดร็ด  ของพวกเธอทุ ก คนกิ น คนในครอบครั ว ตั ว เอง  ปี ที่ พ วกเราเผา
ทว่าวันนี้  แอชเชอร์คิดว่าสังคมน่าจะพร้อมแล้วที่จะยอมรับ ห้องสมุดของโบสถ์เพื่อต่อลมหายใจอันโง่เขลา  ปีที่มอเดร็ดเริ่มต้น
ความผิดของตน  นำเรื่องเก่า ๆ ที่ซ่อนไว้หลังตู้เสื้อผ้าออกมาสะสาง  ล่าหมาป่า  และปีที่เขาเริ่มแบกความเจ็บปวดทั้งหมดไว้”
สารภาพใต้แสงอาทิตย์  และเริ่มต้นใหม่  พาเมืองกลับไปสู่ทิศทาง แอชเชอร์เอ่ยช้า ๆ หนักแน่น 
ที่ถูกต้องอีกครั้ง “ฉันไม่ได้บอกว่ามอเดร็ดทำถูกต้อง  แต่ในขณะเดียวกันเขา
“เราต้องพูดเรื่องนี้ให้ลูกหลานของเราฟัง  ยอมรับต่อบาป ก็ไม่ได้ผิดอยู่คนเดียว”
ของเรา  ไม่ใช่หันหน้าหนีและแกล้งทำเป็นลืม  ผลักความผิดให้กับ แอชเชอร์เล่าทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา  โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า 
คนคนหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว”  แอชเชอร์กล่าวต่อหน้าทุกคน  แล้ว ในหมู่เด็กที่นั่งอยู่ตรงนั้น  มีใครบางคนนั่งรวมอยู่ด้วย...
หันไปมองเด็กหนุ่มคนนั้น  “เอาละเด็ก ๆ  วันนี้ฉันจะเล่าเรื่องหนึ่ง เด็กคนนั้นคลุมผ้าปิดหน้า  เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ 
ให้ ฟั ง   มั น เป็ น เรื่ อ งที่ พ วกเธอไม่ เ คยได้ ยิ น มาก่ อ น  ความลั บ การปกปิดหน้าตาเป็นเรือ่ งทีย่ อมรับได้สำหรับสมาคมแห่งนี ้ ตราบใด
ของเมืองนี้  ความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อน” ที่คนที่ปิดหน้ามากับเพื่อนสักคนที่เปิดหน้า  และเพื่อนคนนั้นยืนยัน
“อย่ า เล่ า เลยแอชเชอร์ ”   ชายวั ย กลางคนคนหนึ่ ง ลุ ก ขึ้ น  ได้วา่ ชายปิดหน้าคนนี ้ “ปลอดภัย”  ชายปิดหน้าก็จะได้รบั การต้อนรับ 
พูดโพล่งขึ้นมากลางคัน  เขาหวาดกลัวที่เรื่องนี้จะถูกขุดขึ้นมาพูด สมาคมรู้ดีว่าพวกเขาอาจจะกำลังทำอะไรผิดกฎหมาย  และเป็น
อีกครั้งหนึ่ง ธรรมดาที่หลายคนจะไม่อยากแสดงตัว  แม้ว่าพวกเขาจะแค่มายืม
“ถ้าเรายังปกปิดมันอยู่อย่างนี ้ ทุกอย่างก็จะเป็นเช่นนี ้ เด็ก ๆ  หนังสือนิยายประโลมโลกสักเล่มหนึ่งก็เท่านั้น

28 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 29


คืนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเด็กชายอยู่ที่นั่นด้วย  นอกจากเพื่อนสนิท จะยอมตายโดยชื่อแกแปดเปื้อนไม่ได้”  แอชเชอร์พยายามปลอบ 
คนหนึ่งของเขาซึ่งเป็นคนยืนยันตัวให้เขา  และนั่นเป็นครั้งแรกที่ เขากลัวแววตาของมอเดร็ดตอนนี ้ มันเป็นแววตาทีด่ า้ นเหมือนหัวธนู 
เบธราฟาเข้าใจว่าทำไมพ่อจึงทำแบบนั้นกับเขา  เด็กหนุ่มใช้มือจิก แววตาของคนที่พร้อมจะตาย  แอชเชอร์เห็นมันตั้งแต่วันที่มอเดร็ด
รอยแผลเป็นที่สะโพก  น้ำตาไหลอาบแก้ม คิ ด จะออกไปล่ า หมาป่ า เป็ น ครั้ ง แรก  ตั้ ง แต่ วิ น าที นั้ น เป็ น ต้ น มา 
มอเดร็ดก็พร้อมจะถูกฆ่ามาตลอด  เขาไม่เสียดายชีวติ อีกต่อไปแล้ว
คนในเมืองเริ่มรู้ว่ามีการนำความจริงเมื่อสิบห้าปีก่อนกลับมา “มันต้องมีชื่อของใครสักคนเปื้อน  และถ้าต้องเลือกระหว่าง
พูดอีกครั้ง  เพราะลูกหลานของพวกเขาต่างก็ตั้งคำถามถึงสิ่งเหล่านี้  ฉันกับคนทัง้ เมือง  ฉันขอเลือกรับมันไว้เอง”  มอเดร็ดจับดาบของเขา
พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย  และต้องการให้ทุกอย่างกลับไปอยู่ใน ที่ซุกอยู่ในฝัก  พลางหันมามองเพื่อน  “บอกฉันสิแอช  เบธราฟา
ที่มืด  เขาไม่รู้จะทำอย่างไร  จึงหันไปหามอเดร็ด   คนที่พวกเขา อยู่ในสมาคมของแกไหม”
ทำร้ายมาโดยตลอด  พวกเขาไปพบมอเดร็ด  พยายามพูดให้มอเดร็ด แอชเชอร์สะดุ้ง  เขาน่าจะรู้อยู่แล้ว  ว่ามอเดร็ดจะรู้อยู่แล้ว
เชื่ อ ว่ า สมาคมเล็ ก  ๆ นี้ จ ะแย่ ง อำนาจเจ้ า เมื อ งไปเป็ น ของตั ว เอง  “ไม่”  แอชเชอร์พึมพำ  ริมฝีปากแห้งผาก 
ชาวเมืองต้องการให้มอเดร็ดจัดการสมาคมนีเ้ สีย  และทำให้เรือ่ งราว “น่าเสียดาย  ฉันอยากให้ลกู ชายของฉันฉลาดกว่านี”้   มอเดร็ด
เงียบสนิทอีกครั้ง ส่ายหน้า  เดินออกจากประตูหอ้ งไป  ก่อนหันกลับมาเอ่ยว่า  “ถ้าหาก
“พวกเขาคงเกลียดฉัน”  มอเดร็ดพูดกับแอชเชอร์ถึงสมาคม แกพร้อมจะตัดหัวฉันเมื่อไหร่  ก็บอกให้ฉันรู้ได้เลยนะ”
ห้องสมุดนี้ในเย็นวันที่เพื่อนเชิญเขาไปที่บ้าน  เจ้าเมืองยิ้มอย่าง ประตูปดิ ลง  แอชเชอร์มองตาม  ในหัวใจของเขานิง่ งันพอ  ๆ  กบั
รวดร้าวเมือ่ นึกถึงเรือ่ งนี ้ เขาเอ่ยต่อไป  “ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไม” ความเงียบภายในห้องหลังเสียงประตูดับลง
แอชเชอร์ไม่ตอบอะไร  เขาไม่สามารถพูดอะไรได้  เขาพยายาม
ทำแบบนี้เพื่อมอเดร็ด  แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะทำอะไร  มอเดร็ด เบธราฟาไม่แน่ใจว่าเขาควรเลิกไปสมาคมแห่งนั้นดีหรือไม่ 
ก็ยังถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่ ว งแรก ๆ เขาแค่ ไ ปเพราะอยากเห็ น หนั ง สื อ   และต่ อ มาเมื่ อ เขา
“แกจะทำยังไง  กวาดล้างไหม”  แอชเชอร์ลองใจมอเดร็ด ได้รู้จักเสน่ห์ของน้ำหมึกบนกระดาษ  เขาก็ไปที่นั่นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ 
มอเดร็ดส่ายหน้า  และมองหน้าแอชเชอร์  “พวกเขาควรฆ่าฉัน จนกระทัง่ เมือ่ เขาได้ขา่ วจากในเมืองว่าสมาคมคิดจะยึดอำนาจ 
เสีย  ฉันเป็นคนเผาห้องสมุดของเมือง  ถ้าฉันตาย  บาปของเมืองนี้ เขาก็ลังเลใจ
ก็จะจบลง  แล้วทุกคนก็จะใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องเจ็บปวดอีก” มั น เป็ น ข่ า วที่ แ ปลกมาก  เพราะไม่ เ คยมี ค นในสมาคมพู ด
“มันไม่ใช่ความผิดของแก  มันเป็นของทุกคนร่วมกัน   แก เรื่องการยึดอำนาจ  แต่คนนอกทุกคนเชื่อว่าสมาคมจะยึดอำนาจ 

30 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 31


จนแม้ แ ต่ ค นในสมาคมก็ เ ริ่ ม งงแล้ ว ว่ า ตกลงคนอื่ น  ๆ ในสมาคม ลูบคลำเล่นมาตัง้ แต่เมือ่ ครู่  บางทีเขาตายไปคงดีทสี่ ดุ   เรือ่ งทัง้ หมด
จะยึดอำนาจใช่ไหม  เบธราฟาก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้จุดประสงค์ของ จะได้จบลงเสียที  ทุกคนคงมีความสุข  เขายังนึกไม่ออกว่าจะฝาก
ห้องสมุดเล็ก ๆ แห่งนั้นคืออะไรกันแน่  เขาก็เลยไม่รู้ว่าเขาควรไป เมืองไว้กับใครได้  เขาไว้ใจแอชเชอร์ที่สุด  แต่เขาคิดว่าเพื่อนคง
ที่นั่นอีกไหม  ในเมื่อที่นั่นกำลังจะกลายเป็นปฏิปักษ์กับพ่อของเขา ไม่ยอมขึ้นสู่อำนาจ  แอชเชอร์ที่เขารู้จักไม่ใช่คนเช่นนั้น
ความจริงเบธราฟาไม่ได้ชอบพ่อมากนัก  เด็กหนุ่มห่างเหินกับ หรือความจริงแล้วเขาไม่รจู้ กั แอชเชอร์  เพือ่ นอาจจะทำทุกอย่าง
พ่อมาตลอดชีวิต  แม้เขาจะได้รู้ความจริงเรื่องพ่อแล้ว  แต่ความ ตลอดมาเพื่อหวังอำนาจของมอเดร็ด  นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเริ่ม
เหินห่างสิบห้าปีที่ผ่านมาก็ทำให้เข้าหน้ากันไม่ติด ระแวงคนสนิทของตัวเอง  ในตอนนี้เขาสับสนจนไม่อาจไว้ใจใคร
มีคนอยากให้เขาเคลื่อนไหว  เบธราฟาได้ยินข่าวนี้แล้ว  ผู้คน ได้อีก  เขาเหนื่อย  เหนื่อยมากเหลือเกิน...
เชือ่ กันว่าถ้าเบธราฟาเข้ากับสมาคม  การล้มอำนาจมอเดร็ดจะง่ายเข้า  เอาเถอะ  ถ้าเมืองจะตกเป็นของแอชเชอร์  ก็คงดีกว่าเป็น
แต่ยงั ไม่มใี ครรูว้ า่ เขาเคยไปทีน่ นั่   และเบธราฟาคิดว่าเขาคงต้องเลิก คนอื่น  มอเดร็ดไม่เสียใจหากคนที่ทรยศเขาจะเป็นสหายร่วมรบ
ไปเสียที  เขาไม่อยากให้พ่อเสียใจอีก ร่วมเป็นร่วมตาย
ลุงแอชเชอร์พูดถูก  พ่อเสียใจมามากพอแล้ว แต่สิ่งที่เขาเสียใจที่สุด  คือเขาได้สูญเสียเบธราฟา  ตั้งแต่
วั น ที่ ม อเดร็ ด กิ น เนื้ อ ลู ก ตั ว เอง  มั น เหมื อ นเขาสู ญ เสี ย ลู ก ชาย
มอเดร็ดเดินกลับบ้าน  ระหว่างทาง  เขาคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่ ไปตลอดกาล  และเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะสั่งสอนสิ่งใด ๆ ให้กับลูก 
ผ่านมา  เขาคิดถึงฤดูหนาวทีโ่ หดร้ายเมือ่ สิบห้าปีกอ่ น  วันทีท่ กุ อย่าง ไม่สามารถพาลูกไปในทางที่ถูกได้
เริ่มขึ้น  วันที่เขาต้องทำทุกสิ่งที่ทำลงไป  เพื่อให้ลมหายใจของผู้คน หากเบธราฟาอยู่ในสมาคมนั้น  มอเดร็ดจะดีใจมากกว่านี้ 
ยังคงเคลื่อนต่อ ถ้ า หากเบธราฟาอ่ า นหนั ง สื อ  เขาคงวางใจได้  มอเดร็ ด ขยั บ ยิ้ ม 
เขาไม่คิดว่าเหตุการณ์จะดำเนินมาจนถึงจุดนี้  จุดที่ประชาชน น่าขัน  เขาเองที่เป็นคนทำให้ทุกคนไม่อ่านหนังสือ  แล้วตอนนี้เขา
ในเมื อ งโง่ เ ขลา  ผู้ ค นเกลี ย ดเขา  และเขากลายเป็ น ตั ว ร้ า ยของ ก็นึกหวังให้ลูกชายตัวเองอ่านหนังสือ
ทุก ๆ คน เจ้าเมืองกลับมาถึงบ้าน  เขาวางดาบลงบนโต๊ะ  ถอนหายใจ
วันนี้แม้แต่แอชเชอร์ก็ยังอยู่ตรงข้ามกันกับเขา  แต่มอเดร็ด อย่างเหนื่อยหนัก  เขาคิดถึงลูก  มอเดร็ดเดินไปที่ประตูห้องของ
ไม่เสียใจ  แอชเชอร์ฉลาดเสมอและพูดถูกทุกอย่าง  ทางที่แอชเชอร์ เบธราฟา  แง้มออกอย่างแผ่วเบาที่สุด  เพื่อจะได้แอบมองดูลูกชาย
เลือกคงถูกแล้ว โดยไม่รบกวน  เขาไม่กล้าเปิดประตูไปพูดคุยกับเบธราฟา  เขากับ
ชายหนุ่มละมือออกจากดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวซึ่งเขาเผลอตัว ลูกชายห่างเหินกันมานานปีนัก...

32 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 33


เขาเห็นลูกนั่งอยู่บนเตียง  ก้มตัวดูอะไรบางอย่างที่อยู่บนตัก  คงไม่มวี นั เชือ่ สิง่ ทีเ่ ขาพูด  แม้มนั จะเป็นความจริงก็ตาม  เขาแค่ชอบ
มอเดร็ดเห็นไม่ชัดนักเพราะเบธราฟานั่งหันหลัง  แต่พอเห็นขอบมุม อ่านหนังสือ  ไม่ได้คิดการใหญ่อะไรเลย
ของสิง่ นัน้ โผล่มาเล็กน้อย  สิง่ ทีเ่ ห็นทำให้มอเดร็ดไม่แน่ใจในสายตา มอเดร็ดถือหนังสือไว้ด้วยมือขวา  เขามองดูมัน  ในหัวคิด
ของตัวเอง  เขาผลักประตูแล้วก้าวเข้าไปข้างใน  จู่โจมลูกชายด้วย ไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี  อะไรถึงจะทำให้ลกู เข้าใจในตัวเขา  เข้าใจว่า
ความเร็วของคนที่เคยพิฆาตหมาป่า   เขาดึงสิ่งนั้นขึ้นมาจากตัก เขาไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลย  ต่อให้ลูกชายจะกำลังวางแผนบั่นคอ
ของลู ก   ยื น ตระหง่ า นอยู่ ต่ อ หน้ า ลู ก ที่ นั่ ง อยู่ บ นเตี ย ง  เบธราฟา เขาก็ตาม
เงยหน้ามองเขาด้วยความตระหนก เจ้ า เมื อ งที่ ตั ด สิ น ใจผิ ด พลาดจนทุ ก อย่ า งกลายเป็ น แบบนี้
ลูกชายมองพ่อ  เขารู้ตัวว่าถูกพ่อจับได้  สิ่งนั้นอยู่ในมือพ่อ  สมควรตายแล้ว  มอเดร็ดคิดในใจ  หากลูกชายฉลาดพอจะคิด
และพ่อก็กำลังก้มลงมามองหน้าเขาด้วยสายตาราวกับไม่อยากจะเชือ่ เรื่องนั้นออกก็นับว่าน่ายินดีด้วยซ้ำ
เบธราฟามองพ่อ  ตัง้ แต่เด็ก  เขาเคยคิดว่าพ่อไร้หวั ใจมาตลอด  เขาก้ ม ลงกอดลู ก ชายด้ ว ยแขนซ้ า ย  สิ่ ง ที่ อ ยู่ ใ นหั ว พรั่ ง พรู
จนไม่นานมานี้เอง  เขาเพิ่งได้รู้ว่าพ่อทำทุกสิ่งเพราะอะไร  เขาเห็น ออกมาโดยปราศจากการกลั่นกรอง
บาดแผลที่โลกใบนี้ฟาดใส่หน้าพ่อครั้งแล้วครั้งเล่า  และแล้วเขา “ถ้าลูกอ่านหนังสือแล้วเป็นความผิด  คนที่เคยอ่านหนังสือ
ก็ทำให้พ่อมีแผลเพิ่มอีก... ทุกเล่มในห้องสมุดแห่งนัน้ อย่างพ่อ  ตายพันหนก็คงไม่พอชำระบาป” 
ด้วยการเป็นพรรคพวกของศัตรูพ่อ มอเดร็ดถอยออกมาจับไหล่เบธราฟาไว้  จ้องตาลูกชาย
น้ำตาเอ่อออกมาเต็มตาเบธราฟา  มันเป็นน้ำตาแห่งความรู้สึก “ถ้าจะอ่านก็อ่านเถอะ  พ่อดีใจที่ลูกอ่าน”
ผิด เขาพูดต่อไป
“พ่อฮะ  ผมขอโทษ...ผม...”  เขาตะกุกตะกัก  ไม่อาจสบสายตา “และถ้าจะฆ่าพ่อ  ก็ฆ่าเถอะ  แล้วทำให้เรื่องทั้งหมดจบลงใน
มอเดร็ด  นามของพ่อ  ทำให้เรื่องทั้งหมดจบลงเสียที”
“อย่าเข้าใจผิดนะครับ   ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้น!  ผมแค่ชอบ “ฆ่าพ่อแล้วเชือดเนื้อพ่อไปกิน  เหมือนที่พ่อเคยทำกับลูก” 
อ่านหนังสือเท่านั้น  ผมไม่ได้คิดว่าเมืองนี้ควรเป็นของใครนอกจาก มอเดร็ดจับตรงสะโพกของลูก  ตรงที่เขารู้ดีว่าเขาได้ประทับรอย
พ่อ!”  เบธราฟาสารภาพสิง่ ทีอ่ ยูใ่ นใจของตัวเองออกไปจนหมด  เขา แผลเป็นไว้  ตาทีแ่ ห้งผากของเขาจ้องลึกลงไปในดวงตาทีเ่ ต็มไปด้วย
พยายามคิดถ้อยคำทีจ่ ะเอ่ยกับพ่ออีก  แต่กห็ าถ้อยคำเหล่านัน้ ไม่พบ  น้ำตาของเบธราฟา
ในที่สุดก็ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด  น้ำตาที่อยู่ในตาไหลลงมา “ถ้ามันจะทำให้ทุกคนในเมืองมีความสุขได้  ก็ให้พ่อตายไปใน
ทีแ่ ก้มและหยดลงบนตัก  เขารูว้ า่ เขากำลังทำให้พอ่ ปวดร้าว  และพ่อ ฐานะคนชัว่ ช้า  ทำให้ทกุ อย่างจบลงเสียที  พ่อทนมานานเกินพอแล้ว”

34 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 35


“ทำไม”  เบธราฟาถาม  น้ำตาอาบหน้า   แต่มอเดร็ดไม่ได้ ของเขา  มันบอกเขาว่า...ความลำบากยากเข็ญกำลังจะย้อนคืนมา
ร้องไห้เลย  แววตาของเขาว่างเปล่าไปเสียแล้ว  “ทำไมพ่อต้องเป็นคน อีกครั้ง...เช่นเดียวกับทุกปี
รับผิดทุกเรื่องอยู่เพียงผู้เดียว  ทำไมต้องเป็นคนบาปอยู่คนเดียว  “ถึ ง เธอจะโหดร้ า ยแค่ ไ หน  แต่ ลู ก จะกล่ า วโทษฤดู ห นาวที่
ทำไมไม่โต้เถียงอะไรเลย” บริสทุ ธิไ์ ร้เดียงสาได้จริง  ๆ  หรือ”  มอเดร็ดยิม้   มองหน้าลูกชายตัวเอง 
คำถามของลูกชายทำให้มอเดร็ดขยับยิ้ม ขยับเสื้อคลุมบนไหล่ของตน  เขาหมุนหนังสือของเบธราฟาไปมา
“ทำไมพ่อถึงปล่อยให้ทุกคนทำกับพ่ออย่างนี้”  เบธราฟาเขย่า พลางพูดว่า  “ได้เวลาต่อสู้อีกแล้ว  เราคงได้แต่ภาวนาว่าปีนี้เธอ
ไหล่มอเดร็ด  ทันใดนัน้ เสียงในหัวของเขาพลันถาม  ‘แล้วพ่อควรทำ จะเมตตาเรา  และเราจะไม่ต้องเผาหนังสือพวกนี้อีกครั้ง”
ยังไงล่ะ  พ่อทำอย่างอื่นได้ด้วยหรือไง’ เบธราฟามองหน้าพ่อ  เขารู้แล้วว่าคำตอบของพ่อคืออะไร 
เบธราฟาจ้องตามอเดร็ด  วินาทีนน้ั   เขาต้องการคำตอบจากปาก ไม่วา่ ใครจะพูดถึงพ่อยังไงก็ตาม  ขอแค่พวกเราผ่านฤดูหนาวไปได้...
พ่อมากกว่าสิ่งใดในชีวิต จะบาปหนักหนาแค่ไหน  พ่อก็จะรับเอาไว้ทั้งหมดเอง
เพราะพ่อรักทุกคนมากพอ  เพราะนั่นคือการเป็นเจ้าเมืองที่ดี 
เพราะพ่อไม่มีทางเลือกอื่น  เพราะพ่ออยากชดใช้บาปที่ทำลงไป 
เบธราฟารอให้พ่อพูดอะไรสักอย่างทำนองนี้  เขาจิกนิ้วลงไปในเนื้อ
ของมอเดร็ด  พลางภาวนา  อะไรก็ได้  ขอร้องละพ่อ  ตอบเสียที
เขารู้ดีว่าคำตอบทั้งหมดที่เขาคิดไม่ใช่คำตอบของพ่อ  เขารู้ว่า
เขาไม่อาจคาดเดาจิตใจของพ่อได้  เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาของพ่อ 
น้ำตายังคงไหลไม่หยุด  มอเดร็ดยิม้   เขาชีไ้ ปนอกหน้าต่าง  ด้านหลัง
ของเบธราฟา
“คนผิดในเรือ่ งนี ้ ถ้าไม่ใช่นนั่   ก็คงเป็นตัวพ่อเอง  ถ้าจะให้พอ่
โทษสิ่งนั้นละก็  พ่อขอรับผิดทั้งหมดไว้เองดีกว่า”
วินาทีแรก  เบธราฟาคิดว่าพ่อกำลังพูดถึงผู้คนในเมืองนี ้ แต่
เมือ่ เขาหันไปมองทีห่ น้าต่าง  เขาก็ได้รวู้ า่ พ่อหมายถึงอะไร  หิมะแรก
ของปีนี้ได้ปรายโปรยลงมาแล้ว  มันช่างสวยงาม  เงียบงัน  และ พิมพ์ครั้งแรก:  จะขอรับผิดทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว  รวมเรื่องสั้นยอดเยี่ยมรางวัล
บริสุทธิ์ราวกับเด็กทารกน้อย  แต่ภาพของมันกลับเยือกขั้วหัวใจ นายอินทร์อะวอร์ด  ประจำปี  ๒๕๕๘

36 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 37


ในโลกที่ทุกคนอยากเป็นคนดี

ชีวติ ผมถูกไพ่ใบนัน้ จับตามองอยู่  บางทีผมก็รสู้ กึ เหมือน


มีดวงตาอยู่บนไพ่ใบนั้น  มันกำลังมองผมจากบนโต๊ะ  บนทีว ี หรือ
ข้าง  ๆ  หมอน  หลายต่อหลายครัง้ ผมพยายามคลุมมันด้วยผ้า  เอามัน
ไปสอดไว้ในหนังสือ  ทำหลายสิง่ หลายอย่างเพือ่ จะได้ไม่ตอ้ งเห็นมัน 
และมันจะได้ไม่ต้องเห็นผม  แต่ผมรู้ว่ามันก็ยังเห็นผมอยู่ดี  และ
แม้ผมจะซ่อนมันอย่างลึกลับสักแค่ไหนในยามกลางคืน  ทุก ๆ เช้า
ผมก็ต้องไปค้นมันออกมาด้วยหัวใจที่สั่นกลัว  พลิกมันดูเพื่อจะ
ตรวจสอบว่ามันกลายเป็นสีดำหรือยัง...
วันที่มันกลายเป็นสีดำนั่นแหละ  ที่จะเป็นวันตายของผม
มนุษย์ทกุ คนบนโลกนีเ้ กิดมาพร้อมไพ่คนละหนึง่ ใบ  ด้านหลัง
ไพ่จะเป็นลายตารางสีขาวสลับดำ  ประทับตรารัฐบาลโลก  ส่วน
ด้านหน้าของไพ่นั้น...ในตอนแรกจะเป็นสีขาวหมดจดไร้ลวดลาย
ใด ๆ  แต่เมื่อใดก็ตามที่คนคนนั้นทำสิ่งที่สังคมตัดสินว่าผิด  ไพ่
จะกลายเป็นสีดำ  และคนคนนั้นก็จะกลายเป็นคนเลวของสังคม 
เมื่อนั้นบรรดาคนดีของสังคมที่ครอบครองไพ่สีขาวจะมีสิทธิ์สังหาร

จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 39
คนเลวได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ผมเริม่ มีความรูส้ กึ นีต้ ง้ั แต่วนั ทีผ่ มฆ่าหัวหน้างานของผม  หัวหน้า
ไม่มใี ครรูว้ า่ ไพ่รไู้ ด้อย่างไรว่าเราทำไม่ดไี ปแล้ว  แต่มนั จะเปลีย่ น เป็นคนดีสัตย์ซื่อถือคุณธรรมมาตลอด  วันที่ไพ่ของเขาเปลี่ยนเป็น
สีในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังบาปถูกกระทำเสมอ  บางคนไพ่เปลี่ยนสีเพราะ สีดำ  หัวหน้ายืนยันหนักหนาว่าเขาไม่เคยทำอะไรผิด   อยู่   ๆ ไพ่
ได้ฆ่าคนตาย  บางคนไพ่เปลี่ยนสีเพราะได้ขโมยของ  ไพ่รู้เสมอว่า มันก็กลายเป็นสีดำไปเอง  เขาย้ำเตือนพวกเราถึงความดีที่เขาเคย
เราทำอะไรลงไป  มันจับตามองเราอยู่  และมันไม่เคยละเว้น  แม้ว่า กระทำมา  แต่พวกเราก็รุมฆ่าเขาอย่างไร้ปรานี 
บางครัง้ เราจะขโมยของเพือ่ ความอยูร่ อด  หรือฆ่าคนเพือ่ ป้องกันตัว  เขาร้ อ งขอชี วิ ต และยื น ยั น ว่ า ไม่ ไ ด้ ท ำผิ ด   ‘อย่ า ทำฉั น   ฉั น
ความดีเลวของไพ่ไม่เคยมีสีเทา  มีเพียงสีขาวกับดำก็เท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเลย  พวกแกไม่เคยสงสัยกันบ้างหรือไงว่าไพ่มนั อาจจะ
คนหลายคนยืนยันก่อนถูกรุมสังหารว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย  ผิดพลาดได้’  เขาพยายามแก้ตวั อย่างนัน้   ทว่าคำแก้ตวั ของเขาไม่ได้
เพียงแต่ไพ่ของพวกเขาเปลีย่ นสีไปเสียเฉย  ๆ  แต่คนเลวอาจจะโกหก ทำให้ใครสะดุด  พวกเรายังคงกระทืบเขาต่อไป  เขาคงโกหก  ก็แหง
อะไรก็ได้  พวกผมคนดียอ่ มไม่หลงเชือ่   ผมเคยมีสว่ นในการรุมซ้อม อยู่แล้ว  คนเลวล้วนแต่ทำอะไรก็ได้เพื่อให้รอดพ้นจากความตาย 
ชายหญิงจนตายไปถึงหกคน  เพียงเพราะพวกเขาหงายไพ่แล้วมัน ผมถีบท้องน้อยของเขา  หัวหน้ากระอักไอออกมาถี ่ ๆ  แต่ผมไม่สนใจ 
กลายเป็นสีดำ  มันก็เท่านั้น ไม่นึกเลยแม้แต่น้อยว่านี่คือหัวหน้าผู้สอนงานและเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำ
เรามี สิ ท ธิ์ ข อร้ อ งให้ ใ คร ๆ แสดงหน้ า ไพ่ ใ ห้ ดู ไ ด้ ต ลอดเวลา  ผมมานานปี  เขาเป็นคนเลวแล้วนี่  เขาไม่มีค่าอะไรให้ต้องสนใจ
หากนึกสนุกก็ลองบอกพนักงานที่ขายตั๋วรถไฟใต้ดินสิว่า  “เปิดไพ่ อีกแล้ว
ของคุณให้ผมดูหน่อยซิ”  หากมันเป็นไพ่ดำ  คุณจะร้องเรียกคนดี ก่อนเขาตาย  ผมจ้องเข้าไปในแววตาของเขา  ในพริบตานั้น 
รอบตัวให้เข้าไปฆ่าเขาหรือเดินจากไปเฉย ๆ ก็ได้  แต่พวกเราเหล่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไร  อยู่  ๆ ผมก็เชื่อว่าเขาพูดจริง  ผมล่าถอยออกมา 
คนดีไม่เคยปล่อยให้คนชัว่ ลอยนวล  เมือ่ ไพ่กลายเป็นสีดำ  หลายคน ปล่อยให้คนอื่น ๆ รุมสังหารเขาด้วยมือและเท้าอย่างไม่อาจปริปาก
พยายามปฏิเสธการแสดงไพ่  ซ่อนมันไว้ในบ้าน  นำไปฝังดิน  หรือ ห้ามอะไรได้  หลังจากนั้นผมก็เริ่มสงสัยว่า  เป็นไปได้หรือเปล่า
ทำอะไรเทือกนั้น  แต่นั่นจะทำให้คุณถูกตัดสินทันทีว่าเป็นคนเลว  ที่ไพ่มันอาจเปลี่ยนสีโดยไม่มีสาเหตุอะไรเลย
ดังนั้นเราจึงต้องพกไพ่ติดตัวอยู่ตลอดเวลา  และรู้สึกปลอดภัย สิ่งที่ทำให้ประเด็นนี้ยิ่งน่าสงสัยก็คือ  หัวหน้างานของผมเป็น
นักหนาที่มันยังเป็นสีขาว อภิมหาคนดีน่ะสิ 
ผมไม่รหู้ รอกนะว่าคนอืน่ เป็นยังไง  แต่สำหรับผมแล้ว  แม้ผม สิ่งที่ไพ่ตัดสินว่าผิดนั้นมีการจดทะเบียนไว้และพิมพ์เป็นเล่ม
จะเป็นคนดีทเี่ คยฆ่าคนเลวมาแล้วถึงหกคน  แต่ผมก็กลัวอย่างทีส่ ดุ แจกจ่ายโดยรัฐบาล  หัวหน้างานของผมเป็นคนเคร่งครัดที่สุด  เขา
ว่าไพ่ของตัวเองจะเปลี่ยนเป็นสีดำ  ท่องกฎพวกนัน้ ได้ทกุ ข้อ  เป็นแฟนคลับตัวยงของรายการรัฐบาลโลก

40 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 41


ที่จะคอยบอกสิ่งที่ผิดข้อใหม่  ๆ  เขารู้ดีว่าการกระทำไหนผิดหรือ ที่ เ ป็ น คนถามหั ว หน้ า ว่ า ไพ่ ข องหั ว หน้ า เป็ น สี อ ะไร  เขาเป็ น ผู้ น ำ
ไม่ผิด  และไม่มีทางที่จะทำผิดอย่างแน่นอน  ผมเชื่อว่าเขาไม่เคย ในเหตุการณ์ฆ่าครั้งนั้น  ในเวลานี้เขาได้เลื่อนเป็นหัวหน้างานแล้ว
สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองเกินกว่าจำนวนที่รัฐบาลกำหนดต่อวัน หัวหน้างานคนใหม่เลิกคิ้วมองผมอย่างงุนงง  พลางตอบว่า 
ด้วยซ้ำ  แม้นั่นจะไม่ได้ทำให้ไพ่ของเราเปลี่ยนสีก็ตาม  (รัฐบาลมีกฎ “ถามอะไรพิลึก ๆ น่า  เขาผิดแน่นอนอยู่แล้ว  ไพ่ไม่มีทางผิดพลาด”
อีกชุดว่าด้วยศีลธรรมและข้อควรปฏิบัติที่หากละเมิดก็ไม่ร้ายแรง คำตอบของเขาทำให้ผมไม่ได้ถามอะไรอีก  แต่ผมคิดจริง ๆ 
ถึงขั้นไพ่เปลี่ยนสี  มันเป็นกฎว่าด้วยมารยาทสังคมต่าง ๆ  จะว่าไป นะว่าไพ่อาจจะทำงานผิดพลาดได้  มันเป็นแค่เครื่องจักรอย่างหนึ่ง
ผมไม่ได้ถือกฎพวกนี้เคร่งครัดนัก  แต่ล่าสุดเพิ่งมีออกประกาศมา เท่านั้นนี่นา  แต่ในเมื่อผมเรียกร้องอะไรให้หัวหน้าไม่ได้  ผมก็เลย
ว่าหากใครละเมิดกฎชุดรองนี้ครบสี่หมื่นครั้งไพ่จะเปลี่ยนสี  ผม ได้แต่ปลงไป  ยังไงซะเขาก็ตายไปแล้ว  ปัญหาทีน่ า่ สนใจตอนนีก้ ค็ อื  
จึงต้องระวังตัวมากขึ้น) ถ้าไพ่  ของผม  ทำงานผิดพลาดบ้างล่ะ  ถ้าวันหนึ่งมันเกิดเปลี่ยนสี
ผมเชื่อว่าหัวหน้างานของผมไม่เคยละเมิดแม้แต่กฎชุดรอง  โดยทีผ่ มยังไม่ทำอะไรผิดล่ะ  ถ้าเป็นอย่างนัน้ แล้วผมจะทำอย่างไรได้
ไพ่ของเขาต้องเปลี่ยนสีเองโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดแน่   ๆ  และ ผมคิดสะระตะไปมาแล้วสรุปได้ว่า  ถ้าไพ่ของผมมันรวนหรือ
พวกเราก็ฆ่าเขาตายไปแล้ว เสียขึ้นมาละก็  ผมคงทำอะไรไม่ได้แน่  ๆ  คงได้แต่ตายไปแบบนั้น 
ในกรณีแบบนีเ้ ขาน่าจะร้องเรียน...ผมคิด  แต่กระแสความคิด ตอนนี้ผมก็เลยต้องมานั่งใจหายอยู่ทุกวันว่าไพ่ของผมมันเปลี่ยนสี
ของผมก็สะดุด  ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีการร้องเรียนอะไร หรือยัง
ทำนองนี้   อัน ที่จริงคนที่มีไพ่ด ำจะไปร้องเรีย นกับใครได้   ผู้ค น แล้วมีคนอีกเท่าไหร่ที่ตายไปเพราะไพ่ทำงานพลาด  เราไม่มี
ไม่เชื่อในคำพูดของพวกเขาหรอก  คนเลวเหล่านั้นล้วนแต่โกหก ทางรู้ได้เลยว่าพวกเขาผิดจริงหรือเปล่า  ผมเริ่มฉุกคิดขึ้นมา  ก่อน
ตลบตะแลงเพื่อหวังจะเอาชีวิตรอด  อันที่จริงผมเองก็คงถูกหาว่า พวกเราจะฆ่าใครสักคน  พวกเราไม่เคยสอบสวนให้รู้ความก่อนเลย 
แปลกที่นึกเชื่อคำพูดของหัวหน้างาน  แต่แววตาคนใกล้ตายของเขา มนุษย์นา่ จะตัดสินใจได้ดกี ว่าเครือ่ งจักรอย่างไพ่  แต่ทำไมเราจึงเชือ่
บอกให้ผมรู้ว่าเขาพูดจริง...และอาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของผม ไพ่เสมอ...
ยังจดจำได้ด้วยว่าเขาเป็นคนดีเพียงใด ผมเชื่ อ ว่ า ผมไม่ ใ ช่ ค นแรกหรอกที่ เ คยสงสั ย เรื่ อ งพวกนี้  
ถ้าหากหัวหน้าตายอย่างไม่เป็นธรรมล่ะ   ไพ่อาจจะทำงาน วันอาทิตย์นั้นผมจึงเดินทางไปยังห้องสมุดประชาชน  และสอบถาม
ผิดพลาด  ผมจะทำอะไรได้บ้างเพื่อกู้ศักดิ์ศรีของเขาคืนมา...แม้ว่า บรรณารักษ์สวมแว่นกรอบดำว่าหนังสือเกี่ยวกับไพ่หรือกฎของ
ผมจะเป็นคนฆ่าเขาก็ตาม รัฐบาลอยู่ที่ชั้นไหน
ผมลองถามเรือ่ งนีก้ บั เพือ่ นร่วมงานคนหนึง่   เพือ่ นคนนีแ้ หละ บรรณารักษ์สาวถอนหายใจพลางทำสายตาเหยียดผม  “คุณ

42 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 43


ไม่เคยมาห้องสมุดเลยใช่ไหม  คนอย่างคุณเนีย่ นะ  ช่างไม่เหมาะสม พนักงานสาวคนเมื่อครู่เหมือนกัน   แต่เมื่อกี้กลับไม่ได้เฉลียวใจ
กับสังคมคนดีเอาเสียเลย  ขอฉันดูไพ่ของคุณหน่อยสิคะ” ว่ามันเป็นไพ่
ผมชู ไ พ่ ข องผมให้ เ ธอดู   โชคดี ที่ มั น ยั ง เป็ น สี ข าวอยู่   ผม ผมหอบหนังสือไปวางบนโต๊ะและเริ่มต้นอ่านไปเรื่อย ๆ  จน
นึกสงสัยขึ้นมาชั่วแวบว่า  ถ้าผมมีไพ่ดำ  เธอจะใช้มือน้อย ๆ นั่น ในที่สุดก็พบเหตุผลที่เราควรเชื่อไพ่มากกว่าตัวเราเอง  ซึ่งหนังสือ
ฆ่าผมด้วยวิธีไหนหรือ  อธิบายว่า
บรรณารักษ์สาวมองไพ่ของผมก่อนจะบอกอย่างเบื่อหน่ายว่า  สาเหตุที่เราควรเชื่อถือการตัดสินจากไพ่มากกว่าเชื่อถือ
“หนังสือของทางรัฐบาลถูกจัดแสดงอยู่ในชั้นตรงกลางห้องสมุด การสอบสวนโดยมนุษย์  เพราะมนุษย์ไม่มีความเที่ยงตรง
เลยค่ะ  คุณน่าจะรู้นะ  มันเป็นหนังสือที่สำคัญที่สุด” เสมอเหมือนกับไพ่  มนุษย์แต่ละคนอาจมีเกณฑ์ในการตัดสิน
นั่ น สิ   ผมน่ า จะรู้ น ะ  ผมพึ ม พำคำขอโทษและขอบคุ ณ ไป เรื่องดีชั่วผิดถูกแตกต่างกัน  ในเหตุการณ์หนึ่ง  บุคคลหนึ่ง
พร้อม ๆ กันก่อนเดินจากมา  ผมสอดไพ่กลับลงในกระเป๋าเงิน  เรา อาจตัดสินว่าถูก   ในขณะที่อีกบุคคลหนึ่งอาจตัดสินว่าผิด 
ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะเก็บไพ่ให้ดี  เพราะถ้าคุณทำไพ่หาย  อาจมี ดังนั้นหากเชื่อการตัดสินโดยมนุษย์  จะทำให้ไม่สามารถใช้
คนตี ค วามว่ า คุ ณ แกล้ ง ทำหายเพื่ อ ซ่ อ นไพ่ ด ำก็ ไ ด้   การสู ญ เสี ย มาตรฐานเดียวกันทั่วโลกได้   จึงจำต้องยอมรับการตัดสิน
กระดาษขนาดเล็กกว่าฝ่ามือหนึ่งใบอาจจะทำให้คุณตายไม่รู้ตัว จากไพ่ ซึ่ ง เป็ น การตั ด สิ น ตามกฎข้ อ บั ง คั บ ที่ รั ฐ บาลตราขึ้ น 
ผมเดินไปยังชั้นหนังสือที่เธอบอก  บรรณารักษ์หญิงสูงอายุ เพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก  ประชาชนเองก็ควร
คนหนึ่งกำลังปัดฝุ่นชั้นหนังสืออยู่  เมื่อเธอเห็นผมหยิบ ‘กฎระเบียบ ศึกษากฎที่รัฐบาลตราขึ้น  เพื่อจะได้เข้าใจมาตรฐานที่ใช้กัน
เพื่อความสงบเรียบร้อยในสังคม  จัดพิมพ์โดยรัฐบาลโลก’  และ  โดยทั่วไป  และละทิ้งมาตรฐานเดิมของตนเองไป  เพราะ
‘ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับไพ่’  ขึ้นมาจากชั้น  เธอก็ยิ้มให้ผมด้วยความ มาตรฐานที่แตกต่างกันนั้นจะทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
เอ็นดู  เธอคงเห็นผมเป็นพลเมืองตัวอย่างทีส่ นใจศึกษาเรือ่ งสำคัญ  ๆ  ในสังคมได้๑
ที่รัฐบาลบอกเรา
ผมยิ้มตอบเธอไปจาง ๆ  มองซองพลาสติกที่เธอกลัดไว้บน ผมอ่านข้อความนั้นแล้วครุ่นคิดอย่างหนัก  รู้สึกคล้ายบางสิ่ง
อกเสื้อ  แทนที่มันจะเป็นบัตรพนักงาน  มันกลับเป็นซองใส่ไพ่ขาว  บางอย่างไม่ถูกต้อง  แต่กลับบอกไม่ได้ว่าอะไรกันแน่ที่ไม่ถูกต้อง 
คงเป็นมาตรการของห้องสมุดเพื่อจะแสดงว่าพนักงานที่นี่ทุกคน ๑
 คณะกรรมการไพ่แห่งรัฐบาลโลก,  (๒๕๒๘),  ไพ่มีประสิทธิภาพมากกว่ า มนุ ษ ย์
เป็นคนดี  และหากใครเป็นคนไม่ดีเมื่อไหร่จะได้ทราบโดยทันที   อย่างไร,  เรื่องควรรู้เกี่ยวกับไพ่สำหรับประชาชน,  (พิมพ์ครั้งที่  ๑๘๙),  เมืองหลวงโลก: 
ผมคลั บ คล้ า ยคลั บ คลาว่ า เห็ น กระดาษสี ข าวแบบนี้ บ นหน้ า อก โรงพิมพ์รัฐบาล,  ๑๘ - ๑๙.

44 สิงโตนอกคอก จิดานันท์  เหลืองเพียรสมุท 45

You might also like