Professional Documents
Culture Documents
งานวิจัยสิงโตนอกคอก
งานวิจัยสิงโตนอกคอก
2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
283
ความเปนอื่นในรวมเรื่องสั้นสิงโตนอกคอก
The Otherness In Short Story “Singto-Nhok-Kok”
มิ่งมนัสชน จังหาร1
Mingmanuschon Changharn1
บทคัดยอ
บทความนี้มีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาภาพความเปนอื่นในรวมเรื่องสั้นสิงโตนอกคอกวามีลักษณะเปน
อยางไร รวมถึงวิธีในการสรางความเปนอื่นที่ปรากฏในเรื่องสั้น ผลการศึกษาพบวา ภาพความเปนอื่นในเรื่องสั้นมี
3 ลักษณะ คือ 1) ภาพของความเปนอื่นในความแตกตางทางเพศ 2) ภาพของความเปนอื่นในครอบครัว 3) ภาพ
ของความเปนอื่นในชุมชนและสังคม สวนของวิธีการสรางความเปนอื่นในเรื่องสั้นพบ 2 วิธี คือ 1) ความเปนอื่นที่
ถูกสรางมาจากศาสนาและความเชื่อ 2) ความเปนอื่นที่ถูกสรางมาจากคานิยม ระเบียบ และอํานาจจากสวนกลาง
คําสําคัญ : ความเปนอื่น, การสรางความเปนอื่น, สิงโตนอกคอก
ABSTRACT
The objective of this paper is to examine identities and the creation of otherness
appeared in a short story “Singto-Nhok-Kok”, the unconventional lion. The result of the study
reveals that three main identities of otherness within the story are as follow; 1) the otherness
which derived from gender differences 2) the otherness developed with a family and 3) the
otherness within the community and society. From the text, otherness was created through two
channels as follow; 1) the otherness created through religions and beliefs 2) the otherness created
through social norm and civil value the influence of central government.
Keywords : Otherness, The creation of otherness, Singto-Nhok-kok
1
หลักสูตรสาขาวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร คณะมนุษยศาสตรและสังคมศาสตร มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
284
บทนํา การยึดมั่นในแนวทางที่ตัวเองคิดหรือเชื่อโดยไมสนใจ
สิงโตนอกคอก เปนรวมเรื่องสั้นรางวัลซี คําแนะนํา ขอเสนอ การตรวจสอบ หรือยอมรับฟงความ
ไรตป พ.ศ.2560 ประกอบไปดวยเรื่องสั้นจํานวน 9 คิดเห็นของอีกฝาย เปนปญหาทีเ่ กิดขึน้ ในปจจุบนั และ
เรื่อง ในคําประกาศรับรางวัล (จิดานันท เหลืองเพียร รุนแรงมากขึ้นไปกวาเดิม เมื่อมีการแบงพรรคแบงฝาย
สมุท, 2560 : 8) ไดเขียนถึงเรื่องสั้นเลมนี้วา มีเนื้อหา กับอีกขั้วที่มีความคิดไมเหมือนกัน หรือการผลักใหอีก
หลากหลายที่ตั้งคําถามและวิพากษความเปนมนุษย คนไปเปนคนอื่น เพื่อที่จะใหตัวเองมีสถานะที่เดนชัด
อํานาจนิยม มายาคติของความรูแ ละความเชือ่ ในสังคม ขึ้นเปนสิ่งที่เกิดขึ้นและสามารถพบเห็นในเรื่องสั้นยุค
ทาทายความคิดของผูอ า น ทําใหยอ นกลับมาใครครวญ หลัง โดยแนวคิดพื้นฐานเรื่องความเปนอื่น ไชยรัตน
ถึงสังคมที่เราอยูในปจจุบัน ตั้งแตระดับครอบครัว เจริญสินโอฬาร (2545 : 26) ไดอธิบายวา แนวความ
ชุมชน ประเทศชาติและสังคมโลก นอกจากนัน้ การเลา คิดวาดวย ‘ความเปนอื่น’ มีพื้นฐานมาจากวิธีคิดการ
เรื่องในรวมเรื่องสั้นเลมนี้ไดใชกลวิธีการเลาเรื่องแบบ แบงแยกสิ่งตางๆ เปนคูตรงขาม โดยเฉพาะการแบง
อุปมานิทัศน (Allegory) โครงสรางของเรื่องซอนกัน แยกระหวางเอกลักษณกับความแตกตาง (Identity/
หลายชัน้ อยางสัมพันธกนั โดยเชือ่ มโยงตัวบทอืน่ ๆ เชน Difference) หรือการแบงแยกตัวเรากับ ‘คนอื่น’
ตํานานและเรื่องเลมที่ผูอานคุนเคย การสรางตัวละคร (Self/Other) การสร า งความเป น อื่ น จึ ง หมายถึ ง
และฉากที่ ไ ม อ ยู ใ นบริ บ ทสั ง คมไทย เป น การข า ม กระบวนการที่ มี เ ป า หมายเพื่ อ ลดทอนคุ ณ ค า ของ
พรมแดนของการเลาเรื่องไปสูความเปนสากล จากคํา ‘คนอืน่ ’ ใหแตกตางหรือตํา่ กวาตัวเรา ความเปนอืน่ เปน
ประกาศฯ นี้ทําใหเห็นวา รวมเรื่องสั้นสิงโตนอกคอกมี เทคนิคทางอํานาจที่ใชเพื่อสถาปนาหรือเปดพื้นที่ให
ความนาสนใจในเนือ้ หา อีกทัง้ มีกลวิธใี นการนําเสนอที่ อํานาจเขามาจัดการกับสิ่งที่ถูกนิยามวาเปน ‘คนอื่น’
นาสนใจ เรื่องสั้นทุกเรื่องถูกเขียนขึ้นมาในชวงระยะ ไมวาการใชอํานาจนั้นจะเปนในดานลบหรือดานบวก
เวลาไมเกิน 10 ปยอนหลังกอนไดรับรางวัลซีไรต ซึ่ง ก็ตาม
เปนชวงระยะเวลาที่สภาพสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง การนํ า แนวคิ ด ทางสั ง คมวิ ท ยาและ
ไปอยางรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางดาน มานุษยวิทยาอยางการสรางความเปนอื่นมาศึกษาตัว
เทคโนโลยีและการสื่อสารที่พัฒนาไปอยางไรขอบเขต บทในเรื่ อ งสั้ น ยั ง ไม ค อ ยมี ทํ า การศึ ก ษาเท า ที่ ค วร
รวมไปถึงพัฒนาการทางดานเรือ่ งสัน้ ของไทยทีม่ เี นือ้ หา ผูเขียนเห็นวาตัวบทอยางวรรณกรรมสามารถนํามา
และการเลาเรื่องที่หลากหลาย ศึกษาขามศาสตรเพื่อใหเห็นผลการศึกษาในรูปแบบที่
เมื่ อ สั ง คมเกิ ด การเปลี่ ย นแปลง ความ แตกตางและขยายขอบเขตออกไปจากกรอบคิดและ
สัมพันธของผูคนยอมเปลี่ยนรูปแบบและลักษณะไป ทฤษฎีทางวรรณกรรมรูปแบบเดียว อีกทั้งรวมเรื่องสั้น
ดวยเชนกัน การสื่อสารอยางไรพรมแดน รวมทั้งการ สิงโตนอกคอกที่เพิ่งไดรับรางวัลซีไรต พ.ศ.2560 ยังไม
เสพสื่ออยางรวดเร็วและหลากหลายชองทาง แมจะมี พบผูที่ศึกษาไวในประเด็นนี้ ผูเขียนจึงนํามาศึกษาเพื่อ
ประโยชนหลายอยาง ทวาอีกมุมนั้นก็ไดสรางชองวาง ใหเห็นภาพและวิธีสรางความเปนอื่นที่ปรากฏในรวม
ระหวางผูคนขึ้นมาโดยที่ไมรูตัว ความเหินหาง การไร เรื่องสั้นเลมนี้
ปฏิสัมพันธ การเพิกเฉยตอกัน จึงเปนปญหาที่เกิดขึ้น
ในสั ง คมยุ ค ป จ จุ บั น นอกจากนั้ น การเสพสื่ อ หรื อ วัตถุประสงคของการศึกษา
การรับขอมูลตางๆ เหลานี้ ยังทําใหเกิดความความคิด 1.เพือ่ ศึกษาภาพความเปนอืน่ ในรวมเรือ่ ง
ความเชือ่ ทีแ่ ตกตางจนกลายเปนความขัดแยงทีเ่ กิดขึน้ สั้นสิงโตนอกคอกวามีลักษณะเปนอยางไร
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
285
2.เพื่อศึกษากลวิธีในการสรางภาพความ ที่มีลักษณะของสัมพันธบท เชื่อมโยงหรือเอยอางถึง
เป น อื่ น ในรวมเรื่ อ งสั้ น สิ ง โตนอกคอกว า มี ลั ก ษณะ เรื่องราวยอยอื่นๆ เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่ปรากฏลักษณะ
เปนอยางไร เชนนีค้ อื เรือ่ ง “อดัมกับลิลธิ ” โดยเลาถึงตัวละคร “ผม”
ที่ไดอานบันทึกของพอที่มีเนื้อหาเลาถึงความสัมพันธ
ขอบเขตของการศึกษา ของวลาดีเมียรกบั ผูห ญิงหลายคน ขณะทีพ่ อ ของเขาซึง่
การศึกษาครัง้ นีไ้ ดกาํ หนดขอบเขตของการ เปนผูเขียนบันทึกนี้ก็กําลังมีความสัมพันธกับผูหญิง
ศึกษา คือ รวมเรื่องสั้นสิงโตนอกคอก ซึ่งเปนรวมเรื่อง หลายคน และเรือ่ งยังซอนไปอีกชัน้ คือ ผมในเรือ่ งสัน้ ที่
สั้นรางวัลซีไรตป พ.ศ.2560 ประกอบไปดวยเรื่องสั้น กําลังอานบันทึกก็กาํ ลังมีความสัมพันธกบั ผูห ญิงไมแตก
จํานวน 9 เรื่อง ตางกับพอหรือตัวละครที่อยูในสมุดบันทึก
แมวาโครงสรางจะดูซับซอน แตประเด็น
วิธีการศึกษา หลักในเรือ่ งทีถ่ กู นําเสนอคือ ความสัมพันธระหวางเพศ
การศึกษานี้ดําเนินการศึกษาดวยวิธีการ ชายและหญิง โดยมีการเอยถึงเรื่องราวอดัมกับอีฟที่
ศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพแบบพรรณนาวิเคราะห โดยใช รูจักกันดีอยูแลว เพียงแตเรื่องไมไดมุงที่จะเลาถึงอีฟที่
กรอบแนวคิดเรื่องความเปนอื่น เปนผูหญิงของอดัม หากแตเลาถึงลิลิธ ผูหญิงอีกคนที่
อดัมปฏิเสธ โดยลิลธิ ถือเปนผูห ญิงทีแ่ ปลกไปจากผูห ญิง
ผลการศึกษา ทั่ ว ไป การที่ ลิ ลิ ธ เป น ผู ห ญิ ง ที่ อ ยู เ หนื อ ไปจาก
จากการศึกษาภาพความเปนอืน่ และกลวิธี บรรทัดฐานทางสังคมหรือขนบที่ผูหญิงควรเปน ทําให
ในการสร า งภาพความเป น อื่ น ในรวมเรื่ อ งสั้ น สิ ง โต อดัมเลือกอีฟ คุณสมบัติของผูหญิงอยางลิลิธนั้นเปน
นอกคอก พบผลการศึกษาดังนี้ เหมือนกับผูห ญิงเชน “เวรา” ซึง่ เปนตัวละครทีส่ มั พันธ
ภาพของความเปนอืน่ ในรวมเรือ่ งสัน้ สิงโต กับผมซึง่ เปนผูเ ลาเรือ่ ง เธอเองไดพดู ถึงลิลธิ แทบทุกครัง้
นอกคอก ที่พบเจอกับผม การพูดถึงลิลิธ ไมไดเปนเพียงเรื่องเลา
1. ภาพของความเปนอืน่ ในความแตกตาง ธรรมดาทัว่ ไป ทวาเห็นถึงวิธคี ดิ และความเชือ่ ของเวรา
ทางเพศความเปนอืน่ ในเรือ่ งสัน้ เปนความสัมพันธทเี่ กิด ที่เธอแสดงออกมาผานพฤติกรรมตางๆ
ขึ้นของตัวละครมีสถานะที่แตกตางกัน นําไปสูอํานาจ “ผูชายนะโง พวกเขาไมรูเลยวาความจริง
ตางๆ ทีต่ วั ละครพึงมี คนทีถ่ กู ผลักใหมสี ถานะทีต่ าํ่ หรือ พวกเขาสบายใจที่จะอยูกับลิลิธ เธอไมเรื่องมาก เปนตัว
ดอยกวา ยอมไมมีอํานาจในการตอรองหรือโตเถียง ของตัวเอง และเปนผูน าํ ไมตอ งคอยตามใจและโอเหมือน
หรือถูกละเลย ไมไดรับความสนใจ ในประเด็นนี้ ความ ตัวออนในไขเปราะๆ แตความแข็งกราวของลิลิธก็ทําให
แตกตางทางเพศก็เปนปจจัยหนึ่งที่ทําใหเห็นภาพของ ผูชายกลัว กลัววาเธอจะควบคุมเขา กลัววาตัวเองจะสูญ
ความเปนอื่น เพราะความแตกตางของเพศชายและ เสียอํานาจไป ดังนั้นพวกเขาก็เลยยอมไปปวดหัวกับ
หญิง ทําใหเห็นถึงอํานาจที่ปฏิบัติการอยูบนพื้นฐาน ความเอาแตใจที่ไรสาระ โง และหัวออนแทน พวกเขา
ความแตกตางนี้ โดยเฉพาะเพศชายทีต่ ดิ อยูก บั ภาพของ เลือกอีฟเพราะรูส กึ วามันปลอดภัย เพราะเธอไรเขีย้ วเล็บ
ผูใชอํานาจที่เหนือกวาเพศหญิง พวกเขาหวงอํานาจตัวเอง มนุษยตวั ผูน ะ และอํานาจของ
การเล า เรื่ อ งในเรื่ อ งสั้ น สิ ง โตนอกคอก เขานั้น ความจริงมันก็นอยและคลอนแคลนเสียจนเพียง
หลายเรื่อง มีลักษณะในแบบการซอนเรื่องเลา หรือ แคผูหญิงที่เขมแข็งคนหนึ่งก็ทําใหเขากลัวไดงายๆ”
โครงสรางของเรือ่ งซอนกันหลายชัน้ และอีกหลายเรือ่ ง (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 117)
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
286
การเลือกที่จะยกยองลิลิธแทนที่จะเปนอีฟเห็นถึง ความเปนอื่นในความแตกตางทางเพศ ยิ่งเห็นไดวา
ลักษณะของเวรา ทีไ่ มอยูภ ายใตอาํ นาจของความเปน ความเหลือ่ มลํา้ ทางเพศระหวางผูช ายกับผูห ญิงนัน้ มีมา
ชาย ลิลิธไมถูกเลือกใหเปนมนุษยคูแรก ทวาเปนอีฟ ตั้งแตอดีต แมสังคมในยุคปจจุบันจะพัฒนาหรือสราง
ทีถ่ กู เลือก ลิลธิ กลายเปนคนอืน่ เพราะมีความคิดทีอ่ ยู ความเทาเทียมมากขึน้ แตเรือ่ งของความเทาเทียมทาง
นอกเหนือขนบและวิถที ผี่ หู ญิงควรเปนหรือพฤติกรรม ก็ยังปรากฏทั้งในสังคมและพื้นที่อยางวรรณกรรมเชน
ที่ควรปฏิบัติ ความเปนอื่นของลิลิธจึงเปนความเปน เรื่องสั้น สังคมไทยยังเปนสังคมที่อิงอยูกับโครงสราง
อื่นของเวราดวยเชนกัน เพราะทายที่สุดแลว ผูชาย สังคมแบบปตาธิปไตยที่ชายเปนใหญ คุณสมบัติของ
นั้นไมไดเลือกผูหญิงอยางเวรา เชนเดียวกับที่อดัมไม ผูหญิงยังถูกกําหนดโดยผูชาย เพื่อใหผูปฏิบัติตนตาม
เลือกลิลิธ กรอบที่วางไว
2. ภาพของความเปนอื่นในครอบครัว
ทีผ่ มทําแบบนีเ้ พราะเวราถูกคําสาปของลิ มาโนช ดินลานสกูล (2549 : 141) ได
ลิธ เหมือนดั่งทีล่ ูกสาวของลิลิธทุกคนโดน ผูช ายทุกคน อธิบายถึงการเกิดภาวะความเปนอื่นในสังคมไทยวา
เห็นวาเธอแข็งแรงเกินไป เขาจึงคิดวาเธออยูลําพังได สังคมไทยไดรับอิทธิพลและดําเนินรอยตามแนวทาง
หรือไมงั้นก็ขยาดเธอ ไมวายังไงผลก็เหมือนกัน คือเขา ของตะวันตกเพือ่ เขาสูว ถิ ชี วี ติ แบบสังคมสมัยใหม (Mo-
จะทิ้งเธอ dern Society) ภายใตวาทกรรมของเหตุผล (Rational
สวนผมเองก็ถกู คําสาปของอดัม คําสาปที่ Discourse) เชนเดียวกัน เปนความพยายามที่เริ่มตน
ทําใหผมเลือกเชือ้ สายของเอวาเสมอ เลือกคนทีอ่ อ นแอ ขึ้นมาตั้งแตชวงทายของรัตนโกสินทรตอนตน และมา
นํามาซึง่ ความปวดหัวลานแปด แตกจ็ าํ เปนตองปกปอง เริ่มเปนจริงเปนจังเมื่อมีการใชแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
จนปลอยมือไมได และทําใหเราไดภูมิใจในความเปน ฉบับแรกในป พ.ศ. 2504 หลังจากนั้นเปนตนมา ภาวะ
ชายของเราอยางยิ่งลํ้า (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, ที่เรียกวา “ความแปลกแยก” และ “ความเปนอื่น” ก็
2560 : 128) มีความชัดเจนมากขึ้นในสังคมไทย
เมื่อมนุษยรวมกันเปนกลุม มนุษยไดแบง
จะเห็นไดความคิดของ “ผม” ซึ่งเปนตัว แยกกลุมคนเปนฉัน (เรา) เธอ (เขา) และตอสูแขงขัน
ละครในเรือ่ งสัน้ ทําใหเห็นถึงอํานาจของความเปนชาย เพื่อแยงชิงทรัพยากร เกิดเปนปญหาความมั่นคงและ
เพราะถึงแมเวราจะเปนผูห ญิงเกง หรือผูห ญิงทีม่ คี วาม ความสงบสุขของสังคมมนุษย สังคมกลุมใหญจึงสราง
คิดฉลาดหลักแหลมเพียงใด เวราก็ไมใชคนที่ถูกเลือก เครื่ อ งมื อ ในรู ป แบบของกรอบ กฎหมาย จารี ต
ตรงกับขาม ผูห ญิงอีกคนทีม่ ลี กั ษณะยินยอมคลอยตาม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ปฏิบัติสืบทอดตอเนื่องกัน
หรือดูออนแอบอบบางอยางนาเดียตางหากที่เปนที่ มาจนกลายเปนวัฒนธรรมกลุม และเมือ่ ใครมีวฒ ั นธรรม
ตองการของผูช าย เพราะผูห ญิงทีม่ ลี กั ษณะเชนนี้ ทําให ที่ผิดไปที่กลุมไดตั้งไว คนนั้นหรือกลุมนั้นจะกลายเปน
ผูชายรูสึกเปนผูนํา ผูบังคับ และไมสูญเสียอํานาจใน คนอื่น กลุมอื่น หรือคนนอก
การควบคุมหรือปกครอง รูสึกภูมิใจในความเปนชาย ในเรื่องสั้น “ซินเดอเรลลาแหงเมืองหุน
ของตัวเอง ฉะนั้นแลว ในเรื่องสั้นอดัมกับลิลิธนี้จะเห็น ยนต” เลาถึงพิภพและครอบครัว ซึ่งอาศัยอยูในโลกที่
ถึ ง การกี ด กั น หรื อ เบี ย ดขั บ ให ก ลายเป น คนอื่ น ว า มี ปกครองโดยรัฐบาลหุนยนต ซึ่งในยุคนั้นนํ้ามันเปนสิ่งมี
สาเหตุมาจากลักษณะทางเพศหรือความเปนเพศที่ถูก คาและเปนที่ตองการของประชาชน “ธารา” นองชาย
สรางหรือหลอหลอมจนเกิดความเปนชายหญิง เมื่อดู ของเขาลักลอบขโมยนํ้ามันของรัฐบาลและถูกจับได
โครงสรางและภาพรวมในเรือ่ งสัน้ กับประเด็นภาพของ รัฐมนตรีประหารชีวติ ธารา และลากศพของเขามาทีบ่ า น
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
287
เพื่อจะหาผูสมรูรวมคิดมาลงโทษอีก พิภพซึ่งเปนพี่ชาย ความเปนอืน่ ฝายหุน ยนตเปนกลุม คนทีม่ อี าํ นาจ เปนก
ของธารา แมจะรูสึกเสียใจ แตก็ตองฝนทนกลํ้ากลืน ปด ลุมที่ผลิตและสรางกฎเกณฑออกมาโดยเอื้อประโยชน
ความโศกเศราบอกกับรัฐบาลและคณะวา ธาราไมไดเปน ใหกบั พรรคพวกของตัวเอง มนุษยทตี่ อบสนองนโยบาย
นองชายของเขา เพราะเขาทรยศตอรัฐบาล คนที่คิดไม ของหุ น ยนต ย อ มมี ชี วิ ต อยู ร อดปลอดภั ย ในสั ง คม
ดีตอรัฐบาลและระบบการปกครองแบบ “หุนยนตธิป แตหากมนุษยคนใดทีข่ ดั ขืนหรือไมยอมปฏิบตั ติ าม ยอม
ไตย” ยอมไมใชคนในครอบครัว พิภพตองซอมพูดหนา ไดรับการลงโทษ ดังเชนธารา ที่ไมยอมรับกติกาของ
กระจกซํ้าๆ อยูหลายรอบเพื่อบอกกับรัฐบาลวา “ธารา รัฐบาล ทําใหพี่ชายของเขามองวาธาราไมใชนอง หาก
ไมใชนองชายของผม เขาไมไดเปนนองชายของผมแลว จะอยูรวมกันภายใตคําวาครอบครัว ธาราตองยอมรับ
ตัง้ แตเขาทรยศตอรัฐบาล” (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, รัฐบาลหุนยนต แตหากไมยอมนับเขาก็ตองกลายเปน
2560 : 134) คนอื่น โดยที่พี่ชายไมสามารถชวยเหลือสิ่งใดได ธารา
ความเปนจริงแลวพิภพรูสึกผิดที่ตองทํา จึงเปนเหมือน “ซินเดอเรลลา” ที่ไมมีคุณคาและความ
เชนนัน้ เขาเศราทีต่ อ งเสียนองชาย คนในครอบครัว แต หมายใดเลยในเมืองที่เต็มไปดวย “หุนยนต” หรืออาจ
หากเขาไมทําเชนนี้เขาก็จะกลายเปนเหยื่อของรัฐบาล กลาวไดวาซินเดอเรลลาเปนคนอื่น ในเมืองที่มีแต
กลายเปนผูสมรูรวมคิด หุนยนต
3.ภาพของความเป น อื่ น ในชุ ม ชนและ
“ผมตองซอมพูดไวใหชนิ ในตอนทีศ่ พของ สังคม
เขามาถึงบาน ถาผมไมแสดงอาการรังเกียจนองอยาง ความเปนอื่นในสังคมและชุมชนนั้น เปน
ออกนอกหนา รัฐจะตัดสินวาเราสมรูร ว มคิด (จิดานันท สิง่ ทีค่ อ นขางกวางและเปนภาพทีส่ มั พันธกบั โครงสราง
เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 134) ของระเบียบแบบแผนที่ถูกจัดวางเอาไวในสังคมใด
สังคมหนึง่ ผูท ไี่ มปฏิบตั ติ ามหรือมีความคิดและวิถชี วี ติ
จะเห็นไดวาคําพูดของพิภพ เปนการผลัก ทีแ่ ตกตางออกไปจากระบบทีว่ างไวยอ มถูกทําใหกลาย
ใหคนที่เปนนองชายในสายเลือดกลายไปเปนคนอื่น เปนคนอื่น ประเด็นนี้พบในเรื่องสั้น “จะขอรับผิด
กลายเปนคนที่ไมเคยรูจัก ทั้งนี้เพื่อเปนการรักษาชีวิต ทัง้ หมดแตเพียงผูเ ดียว” เรือ่ งสัน้ “ในโลกทีท่ กุ คนอยาก
ของตัวเองเอาไว การกลายเปนคนอืน่ ภายในครอบครัว เปนคนดี” เรื่องสั้น “กุหลาบยอมสี” และเรื่องสั้น
ยอมเกิดมาจากถอยคําหรือพฤติกรรมของคนภายใน “สิงโตนอกคอก”
ครอบครัวเอง เชนที่พิภพกระทําตอธารา ในเรื่องสั้นจะขอรับผิดทั้งหมดแตเพียงผู
ความเปนอื่นในเรื่องสั้น “ซินเดอเรลลาแหง เดียว กลาวถึง “มอเดร็ด” ผูนําในหมูบานแหงหนึ่งที่
เมืองหุน ยนต” นีเ้ กิดจากนโยบายหรือกฎเกณฑทถี่ กู กําหนด ตัดสินใจเผาหนังสือเพื่อใหเกิดความอบอุน เพื่อรักษา
ออกมาจากส ว นกลาง ซึ่ ง เป น แรงกระเพื่ อ มส ง ผลสู ชีวติ ใหรอดพนจากความเหน็บหนาวทีร่ นุ แรง แมวา การ
พฤติ ก รรมของพิ ภ พ จะเห็ น ได ว า สั ง คมพยายามสร า ง ตัดสินใจของมอเดร็ดจะเปนการชวยเหลือชีวิตของ
ระเบียบ กฎเกณฑ หรือวาทกรรม ใหเกิดภาวะคนอืน่ ขึน้ ใน ประชาชนที่อยูในหมูบาน แตการกระทําของมอเดร็ด
สังคม เปนภาวะที่สรางความไมเทาเทียมกันในชีวิตมนุษย นั้นกลับถูกกลุมคนมองวาเปนความผิด เพราะหนังสือ
เปนการสรางระบบของคนทีม่ อี าํ นาจมากกวาสามารถทีจ่ ะ เปนสิง่ มีคา คือความรู ความเฉลียวฉลาด เปนภาพของ
เอาเปรียบคนที่มีอํานาจนอยกวาดังที่เกิดขึ้นกับธารา การพัฒนา การเผาหนังสือของมอเดร็ด เปนสิ่งที่ไมถูก
การที่ “มนุ ษ ย ” ถู ก ปกครองด ว ย ตอง เขาไดทําลายสิ่งที่มีคาที่สุดอยางหนึ่งของมวล
“หุนยนต” เปนภาพที่ฉายชัดถึงความแตกตางและ มนุษยชาติ และมอเดร็ดยังถูกมองวา การที่เขาเลือก
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
288
เผาหนังสือนั้น เพราะเขาไมตองการใหประชาชนเทา สัญลักษณเพื่อนํามาเปนเกณฑตัดสินคุณคาหรือความ
ทันการปกครองของตัวเอง มอเดร็ดถูกตั้งคําถามจาก ถูกตองของมนุษยในเรื่องสั้นอยางเรื่องโลกที่ทุกคน
นักบวชทีก่ มุ ความศรัทธาของประชาชนในหมูบ า น เขา อยางเปนดีและเรือ่ งสัน้ กุหลาบยอมสี โดยเรือ่ งสัน้ เรือ่ ง
กลายเปนคนผิด และตองกลายเปนจําเลยผานเรือ่ งเลา แรกนั้นไดใช “ไพ” เปนสัญลักษณในการตัดสินมนุษย
ที่ถูกสงตอกันจากรุนสูรุน ทุกคนเกิดมาพรอมไพประจําตัวสีขาว แตเมื่อใดที่ไพ
ประจําตัวเปลีย่ นเปนสีดาํ “คนคนนัน้ ก็จะกลายเปนคน
มันงายเหลือเกินที่จะลืมเรื่องที่บอกวาตัว เลวของสังคม เมือ่ นัน้ บรรดาคนดีของสังคมทีค่ อบครอง
เองเปนคนบาป แลวจําเรือ่ งทีม่ ใี ครสักคนรับผิดแทนตัว ไพสีขาวจะมีสิทธิ์สังหารคนเลวไดโดยไมผิดกฎหมาย”
เอง สิ่งที่ทุกคนในเมืองเลือกจําไวและบอกตอกับลูก (จิ ด านั น ท เหลื อ งเพี ย รสมุ ท , 2560 : 39-40)
หลานคือ มอเดร็ดเปนคนเกลียดหนังสือ เขาจึงสั่ง ดังเหตุการณที่ตัวละครคนหนึ่งในเรื่องพบเจอ
ทําลายหองสมุดประจําเมือง และทุกคนก็ตองทําตาม
คําสั่งของเขา การเผาหนังสือหายากทั้งหมดเปนความ “ผูหญิงคนนี้มีไพดํา” เขาตะโกนกอง
ผิดของมอเดร็ดแตเพียงผูเดียว และในวันนี้ ที่คนใน “อยาสงเสียงดังในหองสมุด” บรรณารักษ
เมืองโงและงายตอการปกครองก็เปนผลประโยชนของ สาวกระซิบจากขางตัวผม แนนอน ทุกคนรูดีเรื่องกฎนี้
เจาเมือง เปนสิ่งที่เจาเมืองตั้งใจใหเกิด (จิดานันท แตไมมใี ครปฏิบตั มิ นั ในเวลานี้ หลายตอหลายคนลุกขึน้
เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 24) จากโตะอานหนังสือ มุงมาที่หญิงคนนั้น แมแตหญิงแก
ท า ทางใจดี ที่ ผ มเห็ น เมื่ อ วานก็ ถื อ ไม ก วาดเดิ น ตรง
การตัดสินใครสักคนใหตองเปนคนผิดใน มาดวย
เรื่องนี้เกิดจากชาวเมืองที่เขาปกครองอยู และมอเดร็ด ทุกคนปรี่เขามาตบตีและขวางปาผูหญิง
ไดกลายเปนคนผิด เปนนักโทษทางประวัติศาสตร คนนัน้ ดวยหนังสือปกแข็ง เธอลมลงกับพืน้ พยายามยก
“บางทีคนที่ประทับตราบาปใหมอเดร็ดอาจไมใชฤดู แขนขึ้นกันใบหนาและลําตัว ผูชายหลายคนยกเทาถีบ
หนาว แตคือบรรดาชาวเมืองตางหาก บรรดาพอแมที่ ลงไปที่ ห น า ท อ งของเธอ หญิ ง สาวร อ งด ว ยความ
เลาใหลูกๆ ฟงถึงเจาเมืองในฐานะผูปกครองที่ชั่วราย เจ็บปวด (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 58)
และผูทําลายสมบัติตกทอดของเมือง ไดตรารอยบาป
ลงบนชื่อของมอเดร็ด คืนแลวคืนเลาผานนิทานกอน ส ว นเรื่ อ งสั้ น กุ ห ลาบย อ มสี นั้ น ใช
นอน... (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560 : น.24-25) “กุหลาบ” เปนสัญลักษณบง บอกความเปนเขาเปนเรา
นําไปสูผลลัพธในทายที่สุดที่เขากลายเปนคนที่ชาว มนุษยเกิดมาพรอมกุหลาบสีขาว และเมื่อตายจากไป
เมืองเกลียดชัง กุหลาบจะเปลีย่ นเปนสีดาํ หากใครทีม่ กี หุ ลาบเปนสีอนื่
จะถูกมองวาเปนพวกนอกรีต “เสนผมเธอประดับดอก
เขาไมคิดวาเหตุการณจะดําเนินมาจนถึง กุหลาบสีนํ้าเงิน นั่นคือเครื่องหมายของพวกนอกรีต”
จุดนี้ จุดที่ประชาชนในเมืองโงเขลา ผูคนเกลียดเขา (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 154) อยางเชนที่
และเขากลายเปนตัวรายของทุกๆ คน (จิดานันท เหลือง เนวา ที่เปนตัวละครตัวหนึ่งในเรื่อง
เพียรสมุท, 2560 : 32)
เนวาไมรูหนังสือ พอและแมของเธอตาย
นอกจากความเป น อื่ น ที่ ถู ก ตั ด สิ น จาก ไปหลายปแลว เนื่องจากถูกทหารของทางการยิง พวก
ประชาชนในชุ ม ชนหรื อ สั ง คมแล ว ยั ง พบการใช ทหารไลลาพวกนอกรีต
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
289
ผมขอใหเธอเขารีต ยอมสีกหุ ลาบ แลวเขามาอยูใ นเมือง (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 220) นอกจากนัน้
กั บ ผม เธอปฏิ เ สธ (จิ ด านั น ท เหลื อ งเพี ย รสมุ ท , ที่คนตาขาวถูกกระทํา ไดตอกยํ้าถึงความรุนแรงของที่
2560 : 157) เกิดจากความเปนคนอื่น ไมเหมือนกับคนหมูมากใน
สังคม ประชาชนตาดํามีสิทธิทํารายหรือฆาคนตาขาว
จะเห็นไดวา ในเรื่องสั้นทั้งสองเรื่องที่ใช ไดโดยชอบธรรม เชนเดียวกับในเรือ่ งสัน้ ในโลกทีท่ กุ คน
สัญลักษณอยางไพและกุหลาบ ในการตัดสินความดีงาม อยากเปนคนดี ที่คนมีไพสีขาวสามารถกําจัดคนมีไพสี
ของมนุษยและความเปนตัวเขาตัวเรา ผูท ไี่ พเปลีย่ นเปน ดําได โดยไมมีความผิดทางกฎหมาย
สีดําหรือกุหลาบเปนสีนํ้าเงิน ยอมเปนผูถูกกระทําจาก
สังคมและคนหมูมาก ถูกทําราย ไมวาจะเปนรางกาย รัฐบาลตัดสินใจตอบโตโดยการลางบาง
หรือจิตใจ แมจะในเรือ่ งสัน้ ทัง้ สองเรือ่ งจะแสดงใหเห็น พวกตาขาวใหสนิ้ ซาก กองทหารถูกสงออกมากวาดลาง
มีความหวัง “ยังมีคนอีกหยิบมือหนึ่งที่เปนเหมือนเรา ไลยงิ คนตาขาวทุกคนใหสนิ้ ไป ประชาชนตาดําทัง้ หมด
พวกเราตางชวยกันและกันใหอยูร อด แตพวกเราคอยๆ มีสิทธิ์เขนฆาคนตาขาวได โดยไมตองมีเหตุผลใดๆ มา
ลดจํานวนลงเรื่อยๆ พวกเราที่ถูกฆามีมากกวาที่ตื่นขึ้น อางเหมือนอยางแตกอน (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท,
ใหม” (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 52) แตการ 2560 : 215)
เปนคนสวนนอยก็ทาํ ใหไมมสี ทิ ธิม์ เี สียงหรือตอบโตหรือ
ตอรองสิ่งใดได “พวกเขาเหลานั้นไปอยูกับคนปา เลิก จะเห็นวา ตัวละครจากเรื่องสั้นทั้งหมดที่
นับถือเทพเจา เลิกนับถือศาสนา หากคนพวกนี้ถูกพบ ถูกทําใหกลายเปนคนอื่นนั้น ลวนเปนฝายถูกกระทํา
ตัว ถูกจับได จะถูกนํามาประหารที่ลานกลางเมือง” จากชุมชน สังคม ครอบครัว หรือแมแตกรอบกฎเกณฑ
(จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 156) ตางๆ ที่ถูกสรางขึ้นมา ภาพของความเปนอื่นเหลานี้ได
เรื่ อ งสั้ น ทั้ ง สองเรื่ อ งที่ ก ล า วไปนั้ น ใช สื่อใหเห็นวา ผูที่มีสถานะตํ่ากวา ดอยกวา ทําใหมี
สัญลักษณคอื สิง่ ทีส่ ามารถเปลีย่ นแปลงได ไมวา จะเปน สถานะที่ไมสามารถตอรองหรือตอบโตในสิ่งที่กลุมคน
สีของไพหรือกุหลาบ ทวายังมีสงิ่ ทีต่ ดิ ตัวมาตัง้ แตกาํ เนิด สวนใหญไดตตี ราประทับ หรือใหคณ ุ คา ดังที่ ไมเคิล ฮัส
ทีไ่ มสามารถเปลีย่ นแปลงได และทําใหกลายเปนคนอืน่ เปก (Huspek, et al., 1997: 95-116) ที่มองวาความ
อยางตัวละครในเรื่องสั้นสิงโตนอกคอก ที่มีลักษณะ สัมพันธระหวางอํานาจกับ ‘คนอื่น’ อยูภายใตความ
ดวงตาสีขาว ทําใหถกู กระทําของกลุม คนสวนใหญทมี่ ดี สั ม พั น ธ เ ชิ ง อํ า นาจแบบวิ ภ าษวิ ธี นั่ น คื อ อํ า นาจไม
วงตาสีดํา “อะไร จะสูหรือ หือ คนตาขาวไมมีสิทธิสู สามารถดํารงอยูอยางโดดเดี่ยวได แตอํานาจตองสราง
พวกเธอตองยอมพวกเรา ไมวาเรื่องอะไรก็ตาม” (จิดา ‘คนอื่น’ ขึ้นมาเพื่อพิทักษรักษาความเปนตัวเราที่
นันท เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 201) ดวงตาเปนอวัยวะ บริสุทธิ์เอาไว ดังนั้นจุดหมายของอํานาจคือการทําให
หนึ่ ง ของมนุ ษ ย ซึ่ ง เป น ลั ก ษณะทางกายภาพที่ ไ ม ‘คนอื่น’ ถูกมองเห็น เปาหมายของการสรางความเปน
สามารถเปลีย่ นแปลงได คนทีม่ ดี วงตาสีขาวตองยอมรับ อื่นจึงมิไดเปนการกีดกันอยางตรงไปตรงมา หากเปน
ชะตากรรมอยางหลีกเลี่ยงไมได “ฉันตองยอมรับสิ่งนี้ เทคนิคทางอํานาจที่กระทําตอคนอื่นอยางมีชั้นเชิงซับ
ใชมยั้ ฉันบอกวา ‘ใช ถาฉันมีตาสีขาว ฉันตองยอมพวก ซอนและลึกลํ้ายิ่ง (Plumwood, 1997: 47-55)
ตาดําอยางหลีกเลีย่ งไมได แตฉนั ไมอยากมีตาสีขาวเลย ทายที่สุด บทสรุปและชะตากรรมของตัว
เพราะฉันไมอยากโดนแบบนั้น’ แลวครูก็ตอบกลับมา ละครที่ถูกทําใหกลายเปนคนอื่นจึงมักมีจุดจบที่ไม
วา ไมมีคนตาขาวคนไหนที่อยากมีตาสีขาวเหมือนกัน สวยงามหรือมีความสุข ทัง้ นี้ การกลายเปนอืน่ นัน้ ไมได
แหละ เพราะไมมีใครหรอกที่จะอยากโดนแบบนั้น... เกิดขึ้นโดยไรเหตุผลและที่มาที่ไป เพราะความเปนอื่น
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
290
ที่เกิดขึ้นนั้นยอมมีปจจัยหรือการประกอบสรางเสมอ ตะโกนใสหนามอเดร็ดจนนํ้าลายกระเด็นเต็มหนาเขา
ซึ่งผูเขียนไดศึกษาและสรุปไวในหัวขอตอไป ชุดสีแดงเลือดหมูของพระคารดินัลสะบัดอยูดานหลัง
“ตนฉบับของแทจากสมัยเดียวกับพระเยซู ไมสามารถ
กลวิธีการสรางภาพของความเปนอื่นใน เรียกคืนไดอีก เราไวใจใหพวกแกดูแลมันเพราะทาน
รวมเรื่องสั้นสิงโตนอกคอก นักบุญมรณภาพที่นี่ และทานไมอยากใหยายหนังสือ
ภาพความเปน อื่น ของตัว ละคร ลว นมี ของทานไปไหน แลวพวกแกก็เผามัน พวกโง มีแตคน
กระบวนการสรางหรือถูกประกอบขึ้นดวยสาเหตุและ โงกับเผด็จการเทานั้นที่เผาหนังสือ พวกแกทําลายขุม
ปจจัยอื่นๆ เสมอ เมื่อมองเห็นความเปนอื่นในตัวละคร ปญญาของมนุษยชาติ” (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท,
ของเรื่องสั้นแลวยอมเห็นถึงกระบวนการตางๆ ที่ผลัก 2560 : 14)
ให ตั ว ละครกลายเป น คนอื่ น ในรวมเรื่ อ งสั้ น สิ ง โต
นอกคอกทีผ่ เู ขียนไดศกึ ษาเชนเดียวกัน พบกระบวนการ จากประโยคขางตน เมื่อนํามาวิเคราะห
สรางความเปนอืน่ ใหกบั ตัวละคร 2 วิธคี อื ความเปนอืน่ แลวพบวา “นักบวช” ซึ่งมีสถานะเปนที่เคารพศรัทธา
ที่ถูกสรางมาจากศาสนาและความเชื่อ ความเปนอื่นที่ ของชาวเมืองไดกลาวถึงความสําคัญของ ”หนังสือ” ที่
ถูกสรางมาจากคานิยม ระเบียบ และอํานาจของสวน มีตอ “มนุษยชาติ” พระคารดินัลที่มีสถานะทางสังคม
กลาง ดังตอไปนี้ เปนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไดกลาวหามอเดร็ดโดยยกเอา
1. ความเปนอื่นที่ถูกสรางมาจากศาสนา “พระเยซู” ซึ่งเปน “นักบุญ” ขึ้นมากลาวอาง ทําให
และความเชื่อ เห็นการกดทับดวยอํานาจของศาสนา และทําใหมอเดร็
ศาสนาถือเปนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของ ดรูสึกผิด ชาวเมืองผูนับถือนักบวชและเชื่อฟงคําสอน
มนุษยในสังคม นอกจากนั้นศาสนายังมีคําสอนใหยึด ของศาสนาไดรับเอาอํานาจของศรัทธาในศาสนาผลัก
มั่นปฏิบัติโดย โดยมีความเชื่อวา เมื่อปฏิบัติแลวจะสง ใหมอเดร็ดกลายเปนคนอื่นในสังคม การกลาวอางถึง
ผลดี แ ละชี วิ ต จะพบความสุ ข ความเจริ ญ เรื่ อ งของ บุคคลทางประวัติศาสตรหรือความเชื่อทางศาสนายัง
ศาสนาและความเชื่อเปนเรื่องสวนบุคคล แตก็มีหลาย ปรากฏในเรื่องอดัมดับลิลิธ ซึ่งเขียนโดยมีเรื่องเลาขอ
ครั้ ง ที่ พ บว า ศาสนาและความเชื่อไดเปนตัว กํากับ งอดัมกับอีฟเปนคูขนาน การอางถึงอดัมกับอีฟ อางถึง
พฤติกรรมของมนุษย รวมไปถึงครอบงําชีท้ างและสราง นรกสวรรค อางถึงพระเจาและการกําเนิดมนุษยคูแรก
กรอบบรรทัดฐานขึ้นมาตัดสินความดีความชั่วหรือ ทําใหเห็นภาพของเวรา ทีซ่ อ นทับกับภาพของลิลธิ (ซึง่
ความถูกผิดของกลุม คนในชุมชนและสังคม ในประเด็น เปนผูห ญิงทีอ่ ดัมไมไดเลือกและผูห ญิงคนแรกทีพ่ ระเจา
นี้พบในเรื่องสั้น จะขอรับผิดทั้งหมดแตเพียงผูเดียว ปฏิเสธ) สิง่ เหลานีข้ ลับเนนใหภาพความเปนอืน่ ของเวร
เรื่องสั้นอดัมกับลิลิธ และเรื่องสั้นกุหลาบยอมสี าชัดเจนขึ้น
ในเรื่องสั้นจะขอรับผิดทั้งหมดแตเพียงผู
เดียว ซึ่งมอเดร็ดถูกผูคนในสังคมพากันเกลียดชังใน “ผูหญิงทุกคนเปนแบบนี้ เหมือนลิลิธ”
พฤติกรรมการเผาหนังสือ การที่มอเดร็ดตองตกอยูใน เวราพูด “อะไรนะ”
ชะกรรมเชนนี้ สวนหนึ่งนั้นมาจากประโยคของคณะ “รูจักลิลิธไหม ผูหญิงคนแรกของโลกที่
นักบวชที่เปนที่เคารพของชาวเมือง พระเจาปฏิเสธ” เวราหมุนแกวในมือ
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
“พวกแกมันคนปาโงงม ไมเขาใจความ “เธอเกิดขึ้นมาพรอมอดัม แตเธอปฏิเสธ
สําคัญของหนังสือพวกนี้สินะ” หัวหนาคณะนักบวช ที่จะอยูขางลางระหวางมีเซ็กซ เธอจึงถูกขับไลไปยัง
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
291
นรก แลวพระเจาก็ใหอีฟที่เชื่อฟงกับอดัมแทน อดัม ชวงแรกของกระบวนการสรางรัฐ ผูนําทางการเมือง
พอใจกับแมเอวานอยที่นาเอ็นดู ยินยอมทําทุกอยางที่ หรือการปกครองที่อยูสวนกลาง หรือศูนยกลางของ
เขาขอ และมีดวงตาใสซื่อ ตั้งแตนั้นผูหญิงในโลกก็แบง อํานาจไดสรางภาพความเปนคนอืน่ ใหกบั กลุม ชนตางๆ
เปนสองสาย ลูกของอีฟและลูกของลิลิธ อดัมทุกคน ในชาติ ดวยการมองวา คนที่อยูหางไกลจากศูนยกลาง
ชอบอีฟที่ไรเดียงสาแตแสนซนพอจะกัดแอปเปลเปน เปนคนบานนอก อยูหางออกไปเรียกวาคนปา ทั้งที่ถูก
คนแรก” (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 117) ปกครองโดยรัฐเดียวกัน นัยทีเ่ กิดขึน้ จากการสรางภาพ
ดังกลาวไดกลายเปนวาทกรรม (Discourse) หรือ
การอ า งถึ ง พระเจ า ยั ง พบในเรื่ อ งสั้ น การนิ ย ามความหมายเชิ ง อํ า นาจ พบเรื่ อ งราวใน
กุหลาบยอมสี เพราะสิง่ ใดทีถ่ อื กําเนิดจากพระเจา หรือ ลักษณะนี้ในเรื่องสั้นหลายเรื่อง
เชือ่ มโยงกับพระเจายอมมีความศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละเปนสิง่ ที่ ในเรื่องสั้นสิงโตนอกคอก เลาถึงเรื่องของ
ตองยึดถือปฏิบัติ กุหลาบในเรื่องสั้นเรื่องนี้เชนกัน เปน คนตาขาวกระทําตอคนตาดํา โดยไมมคี วามผิดอยางไร
กุหลาบที่ทุกคนไดรับมาจากพระเจา ตองดูแลรักษา เพราะกฎเกณฑหรือระเบียบของรัฐอนุญาตใหคนตาดํา
อยางดี กระทําตอคนตาขาวไดโดยไมผิดกฎหมาย และคน
ตาขาวยังมีสถานะดอยกวาและไดรับสิทธิตางๆ นอย
กุหลาบขาวประจําตัวของพวกเรา ติดตัว กวาคนตาดํา “มนุษยทมี่ ดี วงตาตรงกลางเปนสีขาวแทน
เรามาตั้งแตถือกําเนิด กุหลาบนี้ไมเคยโรยรา ไมเคย สีดาํ เกิดขึน้ ครัง้ แรกบนโลกเมือ่ สามรอยปกอ นเนือ่ งจาก
เหี่ยวแหง มันจะเปนสีขาวไปจนถึงลมหายใจสุดทาย การกลายพันธุ ตั้งแตนั้นเปนตนมา มนุษยเผาตาขาวมี
ของเราแลวก็จะเปลีย่ นเปนสีดาํ ไปพรอมๆ กับการจาก สถานะดอยกวาเผาตาดําที่มีอยูกอนมาตลอด พวกเขา
ไปของเราชางเปนสิ่งที่แสนประหลาดมหัศจรรยเสียนี่ อยูร ว มกันในสังคม แตวา คนตาขาวมักจะถูกกีดกันหรือ
กระไรทานวัลบอกวากุหลาบมีอาํ นาจเชนนัน้ เพราะมัน ไมก็รังแก นอกจากนี้ยังไดรับสิทธิตางๆ ในสังคมนอย
เปนกุหลาบที่มาจากเทพเจา (จิดานันท เหลืองเพียร กวาคนตาดําดวย” (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560
สมุท, 2560 : 153) : 200) กฎระเบียบและกติกาหนึ่งในสังคมที่เห็นได
ชัดเจนที่สุดวาคนตาขาวดอยกวาคนตาดําคือเรื่องของ
จะเห็นไดวา ศาสนาและความเชื่อ เปน สิทธิเสรีภาพและการออกเสียงเลือกตั้ง
เรื่องของความแตกตาง ไมวาจะเปนความเชื่อเชิง
ปจเจก หรือความเชื่อของกลุมบุคคล รวมไปถึงแตละ สิ ท ธิ ใ นการเลื อ กตั้ ง ของคนตาดํ า มี ส อง
พืน้ ทีย่ อ มมีความเชือ่ ทีแ่ ตกตางกันออกไป ความเชือ่ ไม เสียง และคนตาขาวมีหนึง่ เสียง (จิดานันท เหลืองเพียร
ไดหมายถึงความถูกตองเสมอ แตความเชื่อเหลานี้ก็ได สมุท, 2560 : 200)
กีดกันผูคนที่คิดตางออกไปสูวงนอก หรือการไรซึ่ง
อํานาจในการสั่งการ และเมื่อความเชื่อนั้นเปนความ ในสวนของอํานาจทีม่ าจากสวนกลางทีม่ า
เชื่ อ ของผู ท่ี มี อํ า นาจชี้ นํ า ทางความคิ ด หรื อ ศาสนา กํากับพฤติกรรมของประชาชนในสังคมใหปฏิบัติตาม
ยอมทําใหความเชือ่ นัน้ มีความนาเชือ่ ถือ ผูท มี่ คี วามเชือ่ การครอบงําประชาชนดวยการตั้งกฎที่เปนของตัวเอง
ทีผ่ ดิ แผกแตกตางไปจากนีย้ อ มถูกกระทํา เชนตัวละคร เพื่อประโยชนในการปกครอง เมื่อใดที่ประชาชนคิด
ในเรื่องสั้นที่ไดกลาวถึงไปนั้น หรือเห็นตางจากกรอบกฎที่ตั้งมา เมื่อนั้นรัฐก็จะมีบท
2.ความเปนอื่นที่ถูกสรางมาจากคานิยม ลงโทษ ในเรือ่ งสัน้ ในโลกทีท่ กุ คนอยากเปนคนดี กฎของ
ระเบียบ และอํานาจจากสวนกลาง ไพที่เปลี่ยนสีนั้นก็มาจากรัฐบาล “จําตองยอมรับการ
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
292
ตั ด สิ น จากไพ ซึ่ ง เป น การตั ด สิ น ตามกฎข อ บั ง คั บ ที่ จะเห็นไดวาผูคนที่ถูกกีดกันจากสวนกลางหรือการไม
รัฐบาลตราขึ้นเพื่อใหเกิดมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบนัน้ ตองสูญเสียสิทธิทพี่ งึ มีพงึ ได
ประชาชนเองก็ควรศึกษากฎทีร่ ฐั บาลตราขึน้ เพือ่ จะได ในสังคม หรือจากการพัฒนาตางๆ ของรัฐ รวมถึงไม
เขาใจมาตรฐานที่ใชกันโดยทั่วไป และละทิ้งมาตรฐาน สามารถใชชีวิตไดอยางมีความสุขในสังคม
เดิมของตนเองไป” (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, 2560
: 45) นอกจากนั้ น ยั ง เห็ น การใช อํ า นาจของรั ฐ มา บทสรุปและขอเสนอแนะ
ครอบงําดวยการนําเสนอขอมูลฝายเดียวผานการผลิต จากการศึกษาเรื่องสั้นทั้งหมด พบภาพ
หนังสือ “ผมอานหนังสือของรัฐบาลทุกเลมแลว สวน ความเปนอื่นในเรื่องสั้นมี 3 ลักษณะ คือ 1) ภาพของ
หนังสือเกีย่ วกับไพและกฎทีถ่ กู พิมพโดยคนอืน่ นอกจาก ความเปนอื่นในความแตกตางทางเพศ ซึ่งจะเห็นไดวา
รัฐบาลนัน้ ผมไมเคยเห็น” (จิดานันท เหลืองเพียรสมุท, ความเหลือ่ มลํา้ ทางเพศระหวางผูช ายกับผูห ญิงนัน้ มีมา
2560 : 49) และขอสรุปที่เห็นชัดที่สุดวา วิธีการสราง ตั้งแตอดีต แมสังคมในยุคปจจุบันจะพัฒนาหรือสราง
ความเปนอื่นนั้นเกิดขึ้นมาจากสวนกลาง นั่นคือ ความเทาเทียมมากขึน้ แตเรือ่ งของความเทาเทียมทาง
ก็ ยั ง ปรากฏทั้ ง ในสั ง คมและพื้ น ที่ อ ย า งวรรณกรรม
ระบบการศึกษาจากรัฐบาลเปนตัวหลอ สังคมไทยยังเปนสังคมที่อิงอยูกับโครงสรางสังคมแบบ
หลอมคนใหไมสงสัย พวกเราถูกสอนใหเชื่อตามที่ถูก ปตาธิปไตยที่ชายเปนใหญ คุณสมบัติของผูหญิงยังถูก
บอกเลา เด็กๆ ในโรงเรียนไมเคยไดตั้งคําถาม นักเรียน กําหนดโดยผูช าย 2) ภาพของความเปนอืน่ ในครอบครัว
ทีช่ อบซักถามมักถูกลงโทษ เชือ้ แหงความสงสัยเลยตาย ซึ่งเกิดจากนโยบายหรือกฎเกณฑที่ถูกกําหนดออกมา
จากเราไปตั้งแตเด็ก นอกจากนั้น คนที่เริ่มสงสัยเองได จากสวนกลาง ซึ่งเปนแรงกระเพื่อมสงผลสูพฤติกรรม
ก็จะโดนไพดาํ ทําใหพวกเขาตายจากไป มนุษยตอ งการ ของคนในครอบครัว สังคมไดสรางระเบียบ กฎเกณฑ
ตัวอยางในการเริ่มทําสิ่งตางๆ เมื่อคนที่สงสัยลวนแต หรือวาทกรรม ใหเกิดภาวะคนอืน่ ขึน้ ในครอบครัว เปน
ตายไป เราจึงไมอาจสงสัยเองได (จิดานันท เหลืองเพียร ภาวะทีส่ รางความไมเทาเทียมกันในชีวติ มนุษย เปนการ
สมุท, 2560 : 56) สรางระบบของคนที่มีอํานาจมากกวาสามารถที่จะเอา
เปรียบคนทีม่ อี าํ นาจนอยกวา 3) ภาพของความเปนอืน่
รั ฐ บาลคื อ ผู กํ า หนดกฎหมายเพื่ อ เอื้ อ ในชุมชนและสังคม พบวาตัวละครจากเรือ่ งสัน้ ทัง้ หมด
ใหการบริหารงานของตัวเอง กระทําการสิง่ ใดไดตามสิง่ ที่ถูกทําใหกลายเปนคนอื่นนั้น ลวนเปนฝายถูกกระทํา
ที่ไดจัดวางเอาไว แมแตพี่กับนองในเรื่องสั้นซินเดลเรล ภายในชุมชน สังคม หรือแมแตกรอบกฎเกณฑตา งๆ ที่
ล า กั บ เมื อ งหุ น ยนต ยั ง กลายเป น คนอื่ น ภายใน ถูกสรางขึ้นมา ภาพของความเปนอื่นเหลานี้ไดสื่อให
ครอบครัวเพราะอํานาจของรัฐ เห็นวา ผูที่มีสถานะตํ่ากวา ดอยกวา ทําใหมีสถานะที่
ไมสามารถตอรองหรือตอบโตในสิ่งที่กลุมคนสวนใหญ
“ชายผูนี้ไมใชนองชายของผมแลว ตั้งแต ไดตีตราประทับ หรือใหคุณคาเอาไว
วินาทีทเี่ ขาทรยศตอคณะรัฐบาลของชาติเรา” ผมกลาว ในสวนของวิธีการสรางความเปนอื่นใน
ออกไปอยางหนักแนน อยางที่ซักซอมมาตั้งแตตะวัน เรื่องสั้นพบ 2 วิธี คือ 1) ความเปนอื่นที่ถูกสรางมาจาก
สาง นํ้าตาหยดหนึ่งไหลออกทางขอบตา ความรูสึก ศาสนาและความเชื่อ พบวา ศาสนาและความเชื่อเปน
ขยะแขยงเกลียดชังสาดซัดเขามาสูหาดใจ (จิดานันท ปจจัยหนึง่ ไดกดี กันผูค นทีค่ ดิ ตางออกไป ทําใหไรอาํ นาจ
เหลืองเพียรสมุท, 2560 : 133) ความเชือ่ ของผูท มี่ อี าํ นาจชีน้ าํ ทางความคิดหรือศาสนา
วารสารชอพะยอม ปที่ 30 ฉบับที่ 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2562
CHOPHAYOM JOURNAL Vol.30 No.1 (January-May) 2019
293
ยอมทําใหความเชือ่ นัน้ มีความนาเชือ่ ถือ ผูท มี่ คี วามเชือ่ บรรณานุกรม
ทีผ่ ดิ แผกแตกตางไปจากนีย้ อ มถูกกระทําและถูกทําให จิดานันท เหลืองเพียรสมุท. (2560). สิงโตนอกคอก.
ดอยคาในทีส่ ดุ 2) ความเปนอืน่ ทีถ่ กู สรางมาจากคานิยม พิมพครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : แพรวสํานัก
ระเบียบ และอํานาจจากสวนกลาง พบวาการกําหนด พิมพ อมรินทรพริ้นติ้งแอนดพับลิชชิ่ง.
ระเบียบหรือนโยบายตางๆ ทีม่ าจากสวนกลางนัน้ ไดสง ไชยรัตน เจริญสินโอฬาร. (2545). สัญวิทยา โครงสราง
ผลตอตัวละครในเรื่องสั้น เมื่อตัวละครถูกกีดกันจาก นิยม หลังโครงสรางนิยม กับการศึกษา
สวนกลางหรือการยอมไมปฏิบัติตามกฎระเบียบนั้น รัฐศาสตร. กรุงเทพฯ : วิภาษา.
ยอมสูญเสียสิทธิที่พึงมีพึงไดในสังคม หรือจากการ มาโนช ดินลานสกูล. (2549, เมษายน-กันยายน).
พัฒนาตางๆ ของรัฐ รวมถึงไมสามารถใชชีวิตไดอยาง วัฒนธรรมอํานาจ : กระบวนการผลักให
มีความสุข ซึ่งการกีดกันหรือการทําใหใครก็ตามแต เปนชายขอบกรณีชาวเลในนวนิยาย เรือ่ ง
กลายเปนคนอืน่ เปนการดํารงสถานะทางสังคมของตัว เสี ย งเพรี ย กจากท อ งนํ้ า . วารสาร
ม นุ ษ ย ศ า ส ต ร แ ล ะ สั ง ค ม ศ า ส ต ร
เองที่ เ หนื อ กว า ไว อ ย า งเหนี ย วแน น ไม ว า จะเป น
มหาวิทยาลัยทักษิณ, 1(1), 140-152.
การปกครองหรือความสัมพันธเชิงอํานาจ
Huspek, Michael and Radford, Gary P. (1997).
การศึกษารวมเรื่องสั้นสิงโตนอกคอกครั้ง
Tr a n g r e s s i n g D i s c o u r s e :
นี้ พบเห็นกลวิธกี ารเลาเรือ่ งทีน่ า สนใจหลายเรือ่ ง ไมวา Communication and the Voice of
จะเปนโครงสรางและการเลาเรื่องที่มีลักษณะซอนกัน Other. New York : State University
หลายชั้น หรือสัมพันธบทในเรื่องทางประวัติศาสตร of New York Press.
รวมไปถึงความสัมพันธและความเปนมนุษยในโลก Plumwood Val. (1997). Feminism and the
ปจจุบัน ซึ่งเปนประเด็นที่นาสนใจในทางวรรณกรรม Mastery of Nature. London :
และนาทําการศึกษาตอไปในอนาคตเปนอยางยิ่ง. Routledge.