Professional Documents
Culture Documents
Sornsawan Bunnakornchai
Sornsawan Bunnakornchai
Sornsawan Bunnakornchai
Miss.Sornsawan Bunnakornchai
บทคัดย่ อ
การศึก ษาค้น คว้าอิ ส ระครั้งนี้ มีว ตั ถุ ประสงค์เพื่ อ 1) ศึก ษาความคิ ดเห็ นของครู ที่ มีต่อ ภาวะผูน้ าของ
ผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1
โดยรวมและรายด้าน และ 2) เปรี ยบเทียบความคิ ดเห็ น ของครู ที่มี ต่อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห ารสถานศึก ษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเ ศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึก ษา เขต 1 จาแนกตามเพศ อายุ
ประสบการณ์การทางาน และระดับการศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครู ในโรงเรี ยนทวีธาภิเ ศก จานวน 80 คน
ได้มาโดยการใช้ตารางสุ่ ม ของ Krejcie & Morgan แล้ว สุ่ ม แบบแบ่ งชั้นภู มิ และจับสลาก เครื่ อ งมือ ที่ ใช้ เป็ น
แบบสอบถามแบบมาตราส่ วนประมาณค่ า (Rating Scale) 5 ระดับ และวิเคราะห์ ข ้อมูล วิธี ก ารทางสถิติ ได้แก่
ความถี่ ค่ าร้ อ ยละ และส่ วนเบี่ ยงเบนมาตรฐาน และหาค่ า t (t-test) โดยหาค่ าความแปรปรวนทางเดี ยว (One-Way
ANOVA)
ผลการวิจยั พบว่า
1.ความคิ ดเห็ นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห ารสถานศึก ษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธ าภิ เศก
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 โดยรวม อยู่ในระดับมาก ( X = 3.96) เมื่อพิจารณารายด้าน
เรี ยงลาดับ ค่าเฉลี่ยสู งสุ ด รองลงมา และต่าสุ ด ดังนี้ ค่าเฉลี่ยสู งสุ ด คือ ด้านสร้างเครื อข่ายเพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้
และความส าเร็ จ อยู่ในระดับ มาก ( X = 4.05) รองลงมาคื อ ด้านพัฒ นาคนอื่ นให้ เป็ นผูน้ า อยู่ในระดับมาก
( X = 4.01) และค่าเฉลี่ยต่าสุ ด คือ ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน อยูใ่ นระดับมาก ( X = 3.86)
2.ผลการเปรี ยบเทียบความคิ ดเห็ นของครู ที่มีต่อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห ารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21
โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 จาแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา
และประสบการณ์การทางาน พบว่า ครู ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์การทางาน ต่างกัน มีความ
คิดเห็ น ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห ารสถานศึก ษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิ เศก สังกัดส านักงานเขตพื้นที่
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ทั้งโดยรวม และรายด้าน ไม่แตกต่างกัน
จ
Abstract
The research aimed to study 1) teachers' opinions on leadership of administrators in the 21st century,
of Taweethapisek School under Secondary Educational Service Area Office 1 2) compare the teachers'
opinions on the leadership of administrators in the 21st century of Taweethapisek School under
Secondary Educational Service Area Office 1 by Gender, Age, Work Experience and Level of
Education on both overall and segmented by income The sample consisted of 80 people in the
Office of of Taweethapisek School under Secondary Educational Service Area Office 1 derived
from the random sampling scale of Krejcie & Morgan (Krejcie & Morgan, 1970) and then to
random sampling and picking. The using tools had a five-level rating scale that was used to
analyze the data. Statistical methods were frequency, percentage and standard deviation. The t-
test was used to determine one-way ANOVA. )
The research results as follows:
1.Teachers' Opinions Toward Leadership of School Administrators in the 21st century
of Taweethapisek School under Secondary Educational Service Area Office 1 was scored as high
as =3.69, and when to consider the highest,lower, and lowest mean scores respectively, the
highest mean was the networking to promote learning and Success (=4.05), followed by the
leadership development of others was at level (= 4.01) and the mean was the improvement of the
results of all students was at the level (= 3.86)
2.Comparison results of Teachers' Opinions Toward Leadership of School
Administrators in 21st century showed that Taweethapisek School under Secondary Educational
Service Area Office 1 , classified by sex, age, education showed that it was found that teachers
classified by gender, age, education had no difference on opinions on leadership of school
administrators in the 21st century of Taweethapisek School under Secondary Educational Service
Area Office 1 , both the overall and the individual aspects.
ฉ
กิตติกรรมประกาศ
ศรสวรรค์ บุญณกรณ์ชยั
มหาวิทยาลัยเกริ ก
2561
ช
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย ง
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ จ
กิตติกรรมประกาศ ฉ
สารบัญตาราง ฌ
สารบัญภาพ ฐ
บทที่ 1 บทนา 1
ความเป็ นมาและความสาคัญของปั ญหา 1
คาถามการวิจยั 2
วัตถุประสงค์ของการวิจยั 2
ขอบเขตของการวิจยั 3
กรอบแนวคิดในการวิจยั 3
สมมติฐานในการวิจยั 4
นิยามศัพท์เฉพาะ 4
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 5
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 6
แนวคิด และทฤษฎี เกี่ยวกับผูน้ าและภาวะผูน้ า 6
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 12
แนวคิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของคนในศตวรรษที่ 21 13
แนวคิดบทบาทผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 19
บริ บทโรงเรี ยนทวีธาภิเศก 25
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 26
บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจยั 37
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 37
เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยั 37
การเก็บรวบรวมข้อมูล 39
การวิเคราะห์ขอ้ มูล 40
ซ
สารบัญ (ต่ อ)
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 4.1 ข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม 43
ตารางที่ 4.2 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่
21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ตาม
ความคิดเห็นของครู โดยรวมและรายด้าน 44
ตารางที่ 4.3 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ตามความคิดเห็นของครู ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน โดยรวม
และรายข้อ 45
ตารางที่ 4.4 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ตามความคิดเห็นของครู ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิทธิผล
โดยรวมและรายข้อ 46
ตารางที่ 4.5 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ตามความคิดเห็นของครู ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้ ICT โดยรวม
และรายข้อ 47
ตารางที่ 4.6 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ตามความคิดเห็นของครู ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้
โดยรวมและรายข้อ 48
ตารางที่ 4.7 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ตามความคิดเห็นของครู ด้านสร้างเครื อข่ายเพือ่ ส่งเสริ มการเรี ยนรู ้
และความสาเร็จ โดยรวมและรายข้อ 49
ญ
สารบัญตาราง (ต่ อ)
หน้า
ตารางที่ 4.8 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ตามความคิดเห็นของครู พัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า โดยรวมและรายข้อ 50
ตารางที่ 4.9 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 โดยรวม จาแนกตามเพศ 51
ตารางที่ 4.10 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 รายด้าน จาแนกตามเพศ 52
ตารางที่ 4.11 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 โดยรวม จาแนกตามอายุ 53
ตารางที่ 4.12 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน จาแนกตามอายุ 53
ตารางที่ 4.13 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิทธิผล จาแนกตามอายุ 54
ตารางที่ 4.14 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 1 ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้ ICT จาแนกตามอายุ 54
ตารางที่ 4.15 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้ จาแนกตามอายุ 55
ฎ
สารบัญตาราง (ต่ อ)
หน้า
ตารางที่ 4.16 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษา
ในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 1 ด้านสร้างเครื อข่ายเพือ่ ส่งเสริ มการเรี ยนรู ้และความสาเร็จ
จาแนกตามอายุ 56
ตารางที่ 4.17 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษา
ในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 1พัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า จาแนกตามอายุ 56
ตารางที่ 4.18 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 1 โดยรวม จาแนกตามระดับการศึกษา 57
ตารางที่ 4.19 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน จาแนกตามระดับการศึกษา 58
ตารางที่ 4.20 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 โดยรวม จาแนกตามประสบการณ์ในตาแหน่งครู 59
ตารางที่ 4.21 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน จาแนกตามประสบการณ์ใน
ตาแหน่งครู 59
ตารางที่ 4.22 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิทธิผล จาแนกตามประสบการณ์
ในตาแหน่งครู 60
ฏ
สารบัญตาราง (ต่ อ)
หน้า
ตารางที่ 4.23 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้ ICT จาแนกตามประสบการณ์ใน
ตาแหน่งครู 60
ตารางที่ 4.24 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้ จาแนกตามประสบการณ์ใน
ตาแหน่งครู 60
ตารางที่ 4.25 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านสร้างเครื อข่ายเพือ่ ส่งเสริ มการเรี ยนรู ้และความสาเร็จ จาแนกตาม
ประสบการณ์ในตาแหน่งครู 62
ตารางที่ 4.26 เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านพัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า จาแนกตามประสบการณ์ในตาแหน่งครู 62
ฐ
สารบัญภาพ
หน้า
แผนภาพที่ 1.1 กรอบแนวคิดในการวิจยั 3
แผนภาพที่ 2.1 แสดงความสัมพันธ์ของการเรี ยนรู ้ 4 แบบ 14
1
บทที่ 1
บทนำ
ควำมเป็ นมำและควำมสำคัญของปัญหำ
กระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่หลักในการจัดการศึกษาที่จะต้องพัฒนากาลังคนให้มีขีดความ
สามารถและศักยภาพในการแข่ง ขัน บนเวที โ ลก มี แ ผนการผลิ ต และพัฒ นาก าลัง คน เพื่อ เพิ่ม
ศักยภาพการแข่งขันเตรี ยมความพร้อมประชากรวัยเรี ยนให้มีทกั ษะเพื่อการดารงชีวิตในศตวรรษที่
21 3 ด้าน คือ ทักษะการเรี ยนรู ้และนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี และทักษะ
ชีวิตและอาชีพ เพือ่ ความสาเร็ จทั้งด้านการทางานและการดาเนิ นชีวิต(กระทรวงศึกษาธิการ, 2558)
ดังนั้น ผูบ้ ริ ห ารจึ งควรมี แ นวคิ ดที่ถู กต้อ งเกี่ ยวกับความต้อ งการจาเป็ น และสอดคล้อ งกับ แนว
ทางการบริ หารของหน่วยงานต้นสังกัด รวมทั้งมีแนวทางในการกาหนดนโยบายการจัดการศึกษา
ของโรงเรี ยนอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิ ดประโยชน์สูงสุ ดต่อ ผูเ้ รี ยนและผูเ้ กี่ ยวข้อ งหรื อผูม้ ีส่วนได้
ส่วนเสียทั้งหมด (สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2558)
ในศตวรรษที่ 21 เป็ นโลกแห่ งการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลง คือ ความเป็ นจริ งของ
สังคมใหม่ที่มีปัญหาท้าทายสาหรับผูบ้ ริ หาร (วิโรจน์ สารรัตนะ,2556 : 70-75) กล่าวถึง โมเดลภาวะ
ผูน้ าทางการศึ ก ษา (Educational Leadership Model) ซึ่ งเป็ นโมเดลที่ ก ล่ า วถึ ง เรื่ อ งของ คุ ณ ภาพ
(qualities) ความรู ้ (knowledge) และทักษะ (skills) ของผูน้ าทางการศึกษา พอสรุ ปได้ว่า ผูบ้ ริ หาร
สถานศึกษาจาเป็ นต้องนาสถานศึกษาของตนเองเข้าสู่ ศตวรรษที่ 21 และรับผิดชอบต่อผลการจัด
การศึกษาในสถานศึ กษาของตนเองในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. ปรับปรุ งผลลัพ ธ์ของนักเรี ยนทุกคน
2. ริ เ ริ่ ม การจัด กิ จ กรรมการเรี ย นรู ้ ที่ มี ป ระสิ ท ธิ ผ ล 3. ส ารวจและสนับ สนุ น การใช้ ICT และ
E – Learning 4. พัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้ 5. สร้างเครื อ ข่ายเพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้
และความสาเร็ จ และ6. พัฒนาคนอื่ นให้เป็ นผูน้ า ผูบ้ ริ หารสถานศึกษาที่ไ ด้รับการพัฒนาทักษะ
ภาวะผูน้ าที่เหมาะสมส่ งผลให้ก ารปฏิบตั ิงานของโรงเรี ยนในด้านการบริ หารงานวิชาการ งาน
บริ หารบุคคล งานงบประมาณ และงานบริ หารทัว่ ไป ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพตามหลักการกระจาย
อานาจ และยังส่ งผลต่อความสามารถในการสร้างความร่ วมมือในการพัฒนาการจัดการเรี ยนการ
สอน การสร้างภาคีเครื อข่ายความร่ วมมือและการสนับสนุนงานวิชาการแก่ชุมชน (สพฐ.,2560)
โรงเรี ย นทวีธ าภิ เ ศก เป็ นโรงเรี ย นมัธ ยมศึ ก ษา สัง กัด ส านั ก งานเขตพื้น ที่ ก ารศึ ก ษา
มัธยมศึกษา เขต 1 มี นโยบายในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผูเ้ รี ยนให้สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21
ดัง นั้ น จึ ง เป็ นสิ่ ง จ าเป็ นที่ ผู ้บ ริ ห ารสถานศึ ก ษาในยุ ค ใหม่ ใ นศตวรรษที่ 21 ต้อ งมี ค วามรู ้
2
คำถำมกำรวิจัย
1. ครู มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธา
ภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ในระดับใด
2. ครู ที่มีเพศ อายุ ประสบการณ์การทางาน และระดับการศึกษา ต่างกัน จะมีความคิดเห็น
ต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเ ศก สังกัดสานักงานเขต
พืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 แตกต่างกันหรื อไม่
วัตถุประสงค์ของกำรวิจัย
1. เพือ่ ศึกษาความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21
โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 โดยรวมและรายด้าน
2. เพื่อ เปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห ารสถานศึ ก ษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเ ศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 จาแนก
ตามเพศ อายุ ประสบการณ์การทางาน และระดับการศึกษา ทั้งโดยรวมและรายด้าน
ขอบเขตในกำรวิจัย
การวิจยั ครั้งนี้ ผูว้ จิ ยั ได้กาหนดขอบเขตการวิจยั ดังนี้
ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง
ประชากร ได้แก่ ครู ในโรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ปี การศึกษา 2561 จานวน 103 คน
3
กรอบแนวคิดในกำรวิจัย
การวิจยั เรื่ องการบริ หารสถานศึกษาภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธา
ภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ผูว้ จิ ยั ได้กาหนดกรอบแนวคิดการวิจยั
ตามตัวแปรที่ศึกษา ดังแผนภาพที่ 1.1 ดังนี้
ตัวแปรต้ น ตัวแปรตำม
สมมุติฐำนในกำรวิจัย
นิยำมศัพท์เฉพำะ
ด้ ำ นริ เริ่ มกำรจัด กิ จกรรมกำรเรี ย นรู้ ที่มี ป ระสิ ทธิ ผล หมายถึ ง การอบรม การจัด หา
หลั ก สู ต รกิ จ กรรมพัฒ นาครู ก ารพัฒ นาครู เ พื่ อ การจัด การเรี ย นรู ้ ใ นศตวรรษที่ 21 การจัด
สภาพแวดล้อมและบรรยากาศ การส่งเสริ มสนับสนุนการดาเนินงานและอานวยความสะดวกต่าง ๆ
ความร่ วมมือในการดาเนินการ และกาหนดเป้าหมายและระยะเวลาที่ใช้ในการอบรมพัฒนาครู
ด้ ำ นสร้ ำงเครื อข่ ำ ยเพื่ อ ส่ งเสริ ม กำรเรี ยนรู้ และควำมส ำเร็ จ หมายถึ ง วางแผนสร้ า ง
เครื อ ข่ายเพื่อ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยน ส่ ง เสริ มการเรี ยนรู ้ จัดทาแผนพัฒนาเครื อ ข่าย ใช้
เครื อ ข่ายส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ ปรับปรุ งพัฒนาเครื อข่าย ส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ให้แก่ โรงเรี ยนในกลุ่ ม
เป็ นต้น
บทที่ 2
เอกสาร และงานวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้ อง
แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับผู้นาและภาวะผู้นา
ความหมายของผู้นาและภาวะผู้นา
คาว่า ผูน้ า (Leader) และภาวะผูน้ า (Leadership) เป็ นคาที่มีความสัมพันธ์กนั เมื่อมีผนู ้ าก็ตอ้ ง
มีภาวะผูน้ าของคนนั้น ซึ่ งเป็ นคุ ณสมบัติของความเป็ นผูน้ าที่อยูใ่ นตนเองที่ทาให้ผอู ้ ื่นรู ้สึกสัม ผัสได้
การนาเป็ นทั้งศาสตร์และศิลป์ ผูน้ าจึงต้องเป็ นผูท้ ี่มีท้งั ศาสตร์และศิลป์ อยูใ่ นตนเอง ที่สร้างความโดด
เด่ น ในกลุ่ ม ท าให้เ ป็ นที่ ย อมรั บของกลุ่ ม ที่ จ ะให้ค วามไว้ว างใจและเชื่ อ ใจว่า สามารถนาพาไปสู่
ความสาเร็ จ ทาให้ไ ด้รับความร่ วมมื อ และที่นอกเหนื อ ไปจากนั้น คือ การได้รับความเคารพนับถื อ
ซึ่งนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายไว้ ดังนี้
Fiedler and Garcia (1987) กล่ าวว่า ผูน้ า หมายถึ ง บุคคลในกลุ่ มที่ไ ด้รับมอบหมายให้กากับ
และประสานงานให้กิจกรรมของกลุ่มมี ความสัมพันธ์กนั ซึ่ งผูน้ า อาจเป็ นผูท้ ี่อาจได้รับการเลือกตั้ง
หรื อแต่งตั้งหรื อเป็ นผูท้ ี่แสดงตัวเป็ นผูท้ ี่มีอิทธิพลในกลุ่มเพื่อที่จะกากับและประสานงานที่จะนาไปสู่
เป้าหมายด้วยพลังของกลุ่ม
สาหรับความหมายของผูน้ าที่ ดูบริ น (Dubrin 1995) ได้รวบรวมผลงานทั้งที่ เป็ นบทความ
7
ข้อเขียนในนิ ตยสาร หนังสื อ ตารา และงานวิจยั กว่า 30,000 ชิ้น ที่ผา่ นมา พบว่า มีความหมายที่
หลากหลาย ซึ่ งสรุ ปความสาคัญ ได้ว่า 1. อิทธิพลของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal) ที่
เป็ นผลมาจากการสื่ อสารโดยตรงสู่เป้าหมายและการบรรลุผลที่จะได้มา 2. อานาจชักจูง (Influence) ที่
สูงขึ้นและอยูเ่ หนือความคล้อยตามไปตามกลไก โดยมีทิศทางและระเบียบการกระทาที่ทาให้ผอู ้ ื่นต้อง
ทาหรื อตอบสนองในทิศทางร่ วมกัน ศิลปะของอานาจในการชักจูงบุคคลโดยการชักชวนให้เชื่อหรื อ
เป็ นตัวอย่างให้ดาเนินตามแนวทางของการกระทา และ 3. เป้าหมาย (Goal) เป็ นแรงขับเคลื่อนที่ยงิ่ ใหญ่
ที่เป็ นแรงจูงใจและการประสานงานขององค์การให้ทางานมุ่งไปสู่ เป้ าหมายได้สาเร็ จตามจุดประสงค์
ที่ต้งั ไว้
Carter (1976) กล่าวว่า ผูน้ า หมายถึง ผูท้ ี่มีลกั ษณะอย่างใดอย่างหนึ่งใน 5 ประการ ต่อไปนี้
เป็ นศูนย์รวมของพฤติกรรมกลุ่ม
เป็ นผูท้ ี่สามารถนากลุ่มไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตอ้ งการได้
เป็ นผูท้ ี่ได้รับการเลือกจากสมาชิกของกลุ่มโดยใช้สงั คมมิติ
เป็ นผูท้ ี่มีอิทธิพลเหนือบุคคลอื่นในกลุ่ม และสามารถทาให้กลุ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
เป็ นผูท้ ี่มีคุณลักษณะหรื อมีพฤติกรรมของความเป็ นผูน้ า
Sears, Freedman and Peplau (1985) กล่าวว่า ผูน้ า หมายถึง บุคคลที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อ
พฤติกรรมและความเชื่อของกลุ่ม และยังมีลกั ษณะดังต่อไปนี้
เป็ นผูท้ ี่ริเริ่ มกระทาสิ่งใหม่ๆ
เป็ นผูอ้ อกคาสัง่
เป็ นผูต้ ดั สินใจ
เป็ นผูข้ จัดปั ญหาการโต้แย้งภายในกลุ่ม
เป็ นผูใ้ ห้การสนับสนุน
เป็ นหัวหน้าในการทากิจกรรมกลุ่ม
คนที่เป็ นผูน้ ามีอะไรแตกต่างกับคนที่ไม่เป็ นผูน้ า โดยพบว่าคุณลักษณะสาคัญของคนเป็ นผูน้ า
มีอยู่ 6 ประการ ได้แก่
1. ความมีพลังและความทะเยอทะยาน (Energy and ambition)
2. ความปรารถนาที่จะนาผูอ้ ื่น (The desire to lead)
3. ความซื่อสัตย์มีจริ ยธรรมยึดมัน่ หลักการ (Honesty and integrity)
4. ความเชื่อมัน่ ตนเอง (Self-confidence)
8
5. ความเฉลียวฉลาด (Intelligence)
6. ความรอบรู ้ในงาน (Job-relevant knowledge)
ความหมายของภาวะผู้นา
สาหรับความหมายของคาว่า ภาวะผูน้ า นั้น มีนกั วิชาการหลายท่านกล่าวไว้ดงั นี้
Tead (1935) กล่ าวว่า ภาวะผูน้ า เป็ นพฤติกรรมการนาของผูน้ าที่ทาให้เกิดการปฏิบตั ิการที่
สร้างความเคลื่อนไหวให้เกิดขึ้นในองค์กรตามทิศทางที่กาหนดไว้ ภาวะผูน้ า จึงเป็ นศิลปะในการทา
ให้เกิดอิทธิพลในการจูงใจผูอ้ ื่นให้ร่วมปฏิบตั ิงานเพือ่ ให้สาเร็จตามความมุ่งหมาย
Fiedler (1971) กล่าวว่า ภาวะผูน้ า หมายถึ ง การปฏิบตั ิงานของผูน้ าเพื่อ ทาให้กลุ่มประสบ
ความสาเร็จในการบรรลุเป้าหมาย ความสาเร็จของกลุ่มเป็ นเครื่ องบ่งชี้ประสิทธิภาพของการเป็ นผูน้ า
Katz and Kahn (1978) กล่ าวว่า ภาวะผูน้ า หมายถึ ง อ านาจการนาที่เหนื อ กว่าผูอ้ ื่ นและอยู่
เหนือกว่าการคล้อยตามที่เป็ นไปตามกลไกด้วยทิศทางที่ถูกกาหนดไว้ประจาองค์การ
Hollander (1978) กล่ าวว่า ภาวะผูน้ า หมายถึ ง กระบวนการของการมี Richards & Engle
(1986) กล่าวว่า ภาวะผูน้ า เป็ นความสามารถผูน้ าที่จะสามารถสื่ อสารวิสยั ทัศน์ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ให้ความหมายที่แสดงออกถึงคุณค่าและสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อ มภายในองค์การเพื่อให้สามารถบรรลุ
เป้าหมายได้
Cherrington (1989) กล่าวว่า ภาวะผูน้ า เป็ นรู ปแบบหนึ่งของพฤติกรรมของบุคคลซึ่งมีอิทธิพล
เหนือผูอ้ ื่น และมีอิทธิพลระหว่างผูน้ าและกลุ่มผูท้ ี่เป็ นผูต้ ามนากลุ่มไปสู่เป้าหมาย
Jacobs & Jaques (1990) กล่าวว่า ภาวะผูน้ า หมายถึง กระบวนการที่ผนู ้ ากาหนดเป้ าหมายที่มี
ความหมายต่อ การชี้ ทิศทางอย่างชัดเจนที่ทาให้เกิ ดความพยามยามของกลุ่ มโดยรวมและพร้อ มที่จะ
พยายามผลักดันให้เกิดผลสาเร็จตามจุดมุ่งหมาย
Schein (1999) กล่าวว่า ภาวะผูน้ า หมายถึง ความสามารถของผูน้ าที่จะก้าวออกมานอกกรอบ
วัฒนธรรม เพือ่ ที่จะเริ่ มกระบวนการเปลี่ยนแปลงวิวฒั นาการขององค์การให้เกิดการปรับตัวได้มากขึ้น
Drath & Palus (1994) กล่ าวว่า ภาวะผูน้ า หมายถึ งกระบวนการที่ผนู ้ าทาให้ผคู ้ นในองค์การ
ตระหนัก ถึ ง สิ่ งที่ จะต้อ งกระทาร่ วมกัน เพื่อ ให้เกิ ด ความเข้าใจและความมุ่ ง มั่นที่ จะท างานให้กับ
องค์การ
9
Kellerman (1999) กล่ าวว่า ภาวะผูน้ าเป็ นความพยายามของผูน้ าที่จะต้องอยูใ่ นตาแหน่ งที่มี
อานาจสัง่ การหรื อไม่ก็ได้เพือ่ ที่จะกระตุน้ ให้ผตู ้ ามที่จะเข้ามาร่ วมมือกันเพือ่ ให้ไปสู่เป้ าหมาย เป้ าหมาย
นี้จะต้องมีนยั สาคัญไม่ใช่แค่การทาให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเท่านั้น
Lambert (2004) กล่าวว่า ความหมายของ ภาวะผูน้ ามีนยั อยู่ 3 ประการ คือ
1. ผูน้ าต้องทาอะไร
2. เพือ่ ให้เกิดกิจกรรมใด หรื อทากิจกรรมกับใคร
3. เพือ่ นากิจกรรมนั้นไปไปสู่เป้าหมายอะไร
จากความหมายของคาว่า ผูน้ า และ ภาวะผูน้ า ดังกล่าว อาจสรุ ปได้วา่ ผูน้ า หมายถึง บุคคลที่
ดารงตาแหน่ ง ส่ วนภาวะผูน้ าเป็ นเรื่ องของความสามารถ ทักษะและกระบวนการที่ผนู ้ าใช้ในการนา
กลุ่มให้ไปสู่จุดมุ่งหมาย
การใช้ ภาวะผู้นาของผู้บริหาร
ในการใช้ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หาร พิจารณาจากความแตกต่างระหว่างภาวะผูน้ ากับการบริ หาร
ภาวะผูน้ า กับการบริ หาร มีความแตกต่างกันในด้านกระบวนการอยูภ่ ายใต้บริ บทเดียวกัน คือ
การทางานให้สาเร็จตามเป้ าหมาย ดังคากล่าวของ โควี ที่กล่าวว่า การบริ หาร คือ ประสิ ทธิภาพที่จะไต่
บันไดของความสาเร็ จ ภาวะผูน้ าจะพิจารณาว่าบันไดนั้นได้วางพาดอยูก่ บั กาแพงที่ถูกต้อง ซึ่ งพิจารณา
ได้วา่ ผูน้ า คือ ตัวบุคคล(ตัวผูบ้ ริ หาร) ส่วนภาวะผูน้ า มุ่งเฉพาะพฤติกรรมของผูน้ า ภาวะผูน้ าเป็ นเสมือน
หนึ่ งเครื่ องมือในการบริ หารของผูน้ าเป็ นสิ่ งที่สร้างพัฒนาขึ้นได้ในทุกตัวคน นัน่ ก็คือการสร้างศรัทรา
บารมีให้เกิดขึ้นในตัวเอง โดยบทบาทหน้าที่แล้ว ผูบ้ ริ หารจะต้อ งเป็ นผูน้ าในขณะที่ผนู ้ าอาจจะไม่ใช่
ผูบ้ ริ ห าร เพราะฉะนั้น ผู ้บ ริ ห ารที่ จ ะประสบความส าเร็ จ สู ง สุ ด จะต้อ งเป็ นผูบ้ ริ ห ารที่ มี ภ าวะผูน้ า
ผูบ้ ริ หารที่ขาดภาวะผูน้ า จะบริ หารงานโดยอาศัยอานาจตามขอบเขตหน้าที่ที่ระบุตามกฎหมายและ
ขอบเขตเท่านั้น ผูบ้ ริ หารที่มีภาวะผูน้ า จะพยายามหลีกเลี่ยงการใช้อานาจที่มีอยู่ แต่จะสร้างศรัทราบารมี
โน้มน้าวจิตใจให้ลูกน้องปฏิบตั ิงานให้บรรลุเป็ นหมาย โดยความเต็มใจและสุดความสามารถสอดคล้อง
กับคากล่าวที่วา่ นักบริ หารที่มีความสุขที่สุด คือ ผูท้ ี่มีลูกน้องมือเยีย่ มช่วยทางานให้กบั เขา
คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษายุคใหม่
ผูท้ ี่จะเป็ นผูน้ าได้น้ นั จะต้องมีคุณลักษณะ บุคลิกภาพพิเศษกว่าคนทัว่ ๆไป ได้แก่ มีความเฉลียว
ฉลาด มีความกล้าหาญ มีความกระตือรื อร้น มีลกั ษณะท่าทางดี สง่าน่าเลื่อมใส มีความยุติธรรม ฯลฯ
10
15. ตัวแบบที่ดี (good Model) หากคุณกาลังส่ งเสริ มทักษะในศตวรรษที่ 21 ต้องรู ้ และฝึ กพวก
เขาให้มีความคิดสร้างสรรค์ การทางานร่ วมกัน ฝึ กการสื่อสารที่ดี และคิดวิเคราะห์เป็ นการใช้เทคโนโลยี
อย่างมีประสิ ทธิภาพ และการปลู กฝังสร้างสรรค์นวัตกรรม จัดสภาพแวดล้อ มที่ปลอดภัยสาหรับการ
เรี ยนรู ้และความเสี่ยง
ดุษฎี รัตน์ โกสุ มภ์ศิริ (2560) กล่ าวถึง “ผูน้ า” เป็ นบุคคลที่สาคัญในองค์การ มีบทบาทที่ตอ้ ง
ด าเนิ น ไป ภายใต้เ งื่ อ นไขปั จ จัย ของสภาวะโดยรอบ โดยเฉพาะอย่า งยิ่ง โลกในทุ ก วัน นี้ มี ก าร
เปลี่ ย นแปลงไปอย่า งรวดเร็ ว ความรู ้ ใ นเรื่ อ ง “ภาวะผู ้น า” นั้น จึ ง มี ค วามส าคัญ อย่า งยิ่ง ส าหรั บ
ทุกองค์การ ในกระแสโลกยุคโลกาภิวตั น์ที่ความเจริ ญทางเทคโนโลยี ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของ
สังคมจากอดีตสู่ ปัจจุบนั อย่างรวดเร็ วมาก เราจึงต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงให้ทนั กับเหตุการณ์ของ
โลกปั จจุบนั ตลอดเวลา ผูน้ า (Leader) และ “ภาวะผูน้ า (Leadership)” จึงเป็ นปั จจัยคู่สาคัญที่ควรมีการ
พัฒนาบนพื้นฐานของ ทางสายกลาง และ การรักษาสมดุ ล ขององค์ประกอบต่างๆ และการจัดลาดับ
ความสาคัญ (Priority) ซึ่ งเป็ นสิ่งที่สาคัญมาก สาหรับการดาเนินชีวติ ทั้งในระดับปั จเจกบุคคล และใน
ระดับผูน้ า ดังนั้น “ภาวะผูน้ าแบบดุลยภาพ” จึงเป็ นภาวะผูน้ าแนวใหม่ที่ได้ถูกสังเคราะห์ข้ นึ จาก ทฤษฎี
ภาวะผูน้ าพื้นฐาน 5 รู ปแบบ เพือ่ ให้มีคุณลักษณะอันสอดคล้องกับยุคโลกาภิวตั น์ และโลกในศตวรรษที่
21 ที่สาคัญในสองส่วนหลักๆ คือ ทักษะของการจัดลาดับความสาคัญ และการรักษาดุลยภาพ ของปั จจัย
ต่างๆ ในขณะนั้นๆ ได้เป็ นอย่างดี
สรุ ปว่า คุณลักษณะของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย การมีวิสัยทัศน์
ความสามารถทางวิชาการ การสื่ อสาร และเทคโนโลยี การเป็ นนักริ เริ่ มสร้างสรรค์และประกอบการ
นักสร้างพลังและแรงบันดาลใจเชิงบวก ตัวแบบที่ดี และการสร้างชุมชนแห่งการเรี ยนรู ้
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21
การจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 (21st Century Student Outcomes) มุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยน มีความรู ้
ทัก ษะ ความเชี่ ย วชาญ (The Partnership for 21st Century Skills, 2009) 4 กลุ่ ม ใหญ่ ๆ (ส านัก งาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน,2560) คื อ 1. ความรู ้ใ นวิชาหลักและเนื้ อ หาประเด็นที่สาคัญ
สาหรับศตวรรษที่ 21 (Core Subjects and 21st Century Themes) ได้แก่ ภาษาอังกฤษ การอ่าน ศิลปะใน
การใช้ภาษาภาษาต่างประเทศ คณิ ตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์
หน้าที่พลเมือง และการปกครอง ซึ่ งควรครอบคลุมเนื้ อหาในสาขาใหม่ๆ ที่มีความสาคัญต่อการทางาน
และชุมชนแต่สถาบันการศึกษาไม่ได้ให้ความสาคัญ ได้แก่ จิตสานึก ต่อโลก ความรู ้พ้นื ฐานด้านการเงิน
13
แนวคิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของคนในศตวรรษที่ 21
คุณลักษณะของคนในศตวรรษที่ 21 มีมาก่อนจะถึงยุคศตวรรษ ที่ 21 ดังจะเห็นได้จากองค์การ
การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ งสหประชาชาติหรื อ ยูเนสโก (Unesco) ได้ศึกษาแนวทางการ
จัดการศึกษาสาหรับศตวรรษที่ 21 โดยจัดให้มีการประชุม นานาชาติเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและ
ประสบการณ์ของกลุ่ มคนต่างๆ ทัว่ โลก หลังจากนั้น คณะกรรมาธิการนานาชาติว่าด้วยการศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 แห่ งยูเนสโก จานวน 15 คน ได้สรุ ปแนว ทางการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 เป็ น
รายงานและตั้งชื่อรายงานว่า “Learning : The Treasure Within” แปลว่า “การเรี ยนรู ้ : ขุมทรัพย์ในตน”
ในรายงานดังกล่าวมีสาระสาคัญตอนหนึ่ งที่กล่าวถึง “สี่ เสาหลักทางการศึกษา” ซึ่ งเป็ นหลักในการจัด
การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วยการเรี ยนรู ้ 4 แบบ ได้แก่ การเรี ยนรู ้เพื่อรู ้ (Learning to know)
14
การเรี ยนรู ้เพื่อปฏิบตั ิได้ (Learning to do) การเรี ยนรู ้ที่จะอยูร่ ่ วมกัน (Learning to live together) และ
การเรี ยนรู ้เพื่อชี วิต (Learning to be) (คณะกรรมาธิ การนานาชาติว่าด้วยการศึกษาในศตวรรษที่ 21,
2540) ซึ่ง วิชยั วงศ์ใหญ่ (2557 : 1-2) ได้ขยายความการเรี ยนรู ้แต่ละแบบมีรายละเอียดดังนี้ 1. การเรี ยนรู ้
เพื่อรู ้ หมายถึง การเรี ยนรู ้ที่มุ่งพัฒนากระบวนการคิด การแสวงหาความรู ้และ วิธีการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน
เพือ่ ให้สามารถเรี ยนรู ้และพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวติ กระบวนการเรี ยนรู ้เน้น การฝึ กสติ สมาธิ ความจา
ความคิด ผสมผสานกับสภาพจริ งและประสบการณ์ในการปฏิบตั ิ 2. การเรี ยนรู ้เพื่อปฏิบตั ิได้ หมายถึง
การเรี ย นรู ้ที่ มุ่ งพัฒนาความสามารถและความชานาญ รวมทั้งสมรรถนะทางด้านวิชาชี พ สามารถ
ปฏิบตั ิงานเป็ นหมู่ คณะสามารถประยุกต์องค์ความรู ้ไ ปสู่ การปฏิบตั ิงานและอาชีพได้อ ย่างเหมาะสม
กระบวนการเรี ย นรู ้ จ ะเป็ นการบู ร ณาการระหว่ า งความรู ้ ภาคทฤษฎี แ ละการฝึ กปฏิ บ ัติ ที่ เ ป็ น
ประสบการณ์ต่างๆ ทางสังคม 3. การเรี ยนรู ้ที่จะอยูร่ ่ วมกัน หมายถึง การเรี ยนรู ้ที่มุ่งให้ผเู ้ รี ยนสามารถ
ดารงชีวิตอยูร่ ่ วมกับ ผูอ้ ื่นในสังคมพหุ วฒั นธรรมได้อย่างมีความสุ ข มีความตระหนักในการพึ่งพาอาศัย
ซึ่ งกันและกัน การแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี มีความเคารพสิ ทธิและศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุ ษย์
และเข้าใจความ หลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ ของแต่ละบุคคลในสังคม 4. การ
เรี ย นรู ้ เ พื่อ ชี วิต หมายถึ ง การเรี ย นรู ้ ที่ มุ่ ง พัฒ นาผู ้เ รี ย นทั้ง ด้า นจิ ต ใจ ร่ า งกาย และ สติ ปั ญ ญาให้
ความสาคัญกับจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ภาษา และวัฒนธรรม เพือ่ พัฒนาความ เป็ นมนุ ษย์ที่
สมบูรณ์ มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่ งแวดล้อม ศีลธรรม สามารถปรับตัวและปรับปรุ ง บุคลิกภาพ
ของตน เข้าใจตนเองและผูอ้ ื่น จากการเรี ยนรู ้ 4 แบบ ซึ่ง 4 เสาหลักของการศึกษาที่กล่าวมาอาจพิจารณา
ได้วา่ การเรี ยนรู ้ เพื่อรู ้เป็ นการเรี ยนรู ้ที่เน้นการพัฒนาสติปัญญา การเรี ยนรู ้เพื่อปฏิบตั ิได้เป็ นการเรี ยนรู ้ที่
เน้นการพัฒนา ทักษะ การเรี ยนรู ้ที่จะอยูร่ ่ วมกันเป็ นการเรี ยนรู ้ที่เน้นมนุษยสัมพันธ์ ส่ วนการเรี ยนรู ้เพื่อ
ชีวติ เป็ น การเรี ยนรู ้ที่เป็ นพัฒนาความเป็ นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ผูเ้ ขียนมีความเห็นว่าการเรี ยนรู ้ 3 แบบแรก
ร่ วมกัน ก่อ ให้เกิ ดการเรี ยนรู ้แบบที่ 4 และการเรี ยนรู ้ท้ งั 4 แบบ ต่างมีความสัมพันธ์กัน ดังแผนภาพ
ที่ 2.1
15
การเรี ยนรู ้
การเรี ยนรู ้เพื่อปฏิบตั ิได้ เพื่อชีวิต การเรี ยนรู ้ที่จะอยูร่ ่ วมกัน
minds for the future) การ์ดเนอร์ได้เขียนเรื่ องดังกล่าวไว้ในหนังสือ “21 st century skills rethinking how
student learn” โดยมี เจมส์ เบลลันกา และ รอน แบรนด์ (James Bellanca and Ron Brandt, 2010) เป็ น
บรรณาธิการจิตห้าลักษณะสาหรับอนาคตมีรายละเอียดพอสรุ ปได้ดงั นี้
1. จิต เชี่ ย วชาญ (Disciplined mind) หมายถึ ง มี ค วามรู ้ และทัก ษะในวิชาในระดับที่ เ รี ย กว่า
เชี่ยวชาญสามารถพัฒนาตนเองในการเรี ยนรู ้อยูต่ ลอดเวลา
2. จิตรู ้สงั เคราะห์ (Synthesizing mind) หมายถึง ความความรู ้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนามา กลัน่ กรอง
คิดเลือกเอาเฉพาะศึกษาที่สาคัญ และจัดระบบนาเสนอใหม่อย่างมีความหมาย
3. จิตสร้างสรรค์ (Creative mind) หมายถึง การทาเกิดสิ่งใหม่ๆ โดยอาศัยการจินตนาการ แหวก
แนวออกไปจากขอบเขตหรื อวิธีการเดิมๆ
4. จิตรู ้เคารพ (Respectful mind) หมายถึ ง การให้เกี ยรติและยอมรับในความเป็ นตัวตน ของ
ผูอ้ ื่น
5. จิตรู ้จริ ยธรรม (Ethical mind) หมายถึ ง การยึดแนวทางของจริ ยธรรมเป็ นแนวทางปฏิบตั ิ
นอกจากนี้การ์ดเนอร์ยงั ได้สรุ ปว่า จิตเชี่ยวชาญ จิตรู ้สงั เคราะห์ และจิตสร้างสรรค์ เป็ นจิตที่เกี่ยวข้อง กับ
การรู ้คิด ส่วนจิตรู ้เคารพและจิตรู ้จริ ยธรรมเป็ นจิตที่เกี่ยวข้องกับความเป็ นมนุษย์
ส านั ก งานเลขาธิ ก ารสภาการศึ ก ษากระทรวงศึ ก ษาธิ ก าร (2552) ได้ก าหนดเป้ า หมาย
คุณลักษณะของคนไทยที่จะต้องพัฒนาในช่ วงของการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552 –
2561) ไว้ดงั นี้
1. คนไทยและการศึกษาไทยมีคุณภาพและได้มาตรฐานระดับสากล
2. คนไทยมีความสามารถทางภาษาอังกฤษเพิม่ ขึ้นร้อยละ 3 ต่อปี
3. คนไทยมีทกั ษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพิม่ ขึ้นร้อยละ 3 ต่อปี
4. ผูส้ าเร็ จอาชี วศึกษาและอุ ดมศึกษามี คุณภาพระดับสากลและเป็ นไปตามกรอบมาตรฐาน
คุณวุฒิ
5. คนไทยใฝ่ รู้ สามารถเรี ยนรู ้ได้ดว้ ยตนเอง รักการอ่านและแสวงหาความรู ้อย่างต่อเนื่อง
6. คนไทยใฝ่ ดี มี คุณธรรมพื้นฐาน มี จิต สานึ กและค่านิ ย มที่พึง ประสงค์ เห็ นแก่ ประโยชน์
ส่ วนรวม มี จิตสาธารณะ มีวฒั นธรรมประชาธิ ปไตยผูเ้ รี ยนทุกระดับการศึกษาไม่ ต่ากว่า ร้อ ยละ 75 มี
คุณธรรม จริ ยธรรม และความเป็ นพลเมือง
7. คนไทยคิดเป็ น ทาเป็ น แก้ปัญหาได้ มีทกั ษะในการคิดและปฏิบตั ิ มี ความสามารถในการ
แก้ปัญหา มีความคิดริ เริ่ มสร้างสรรค์ มีความสามารถในการสื่อสาร
18
แนวคิดบทบาทผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21
สังคมมี การเปลี่ ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและในยุค ปั จ จุบ ันสังคมมี อ ัตราการเปลี่ ย นแปลงที่
รวดเร็ วมาก นักคิดในแวดวงต่าง ๆ ของโลกและไทยต่างให้ความสนใจกับสภาพสังคมเป็ นอย่างยิง่ นัก
คิด ทั้งหลายเรี ยกสังคมของมนุษยชาติในอนาคตในชื่อที่แตกต่างกัน อัลวิน ทอฟฟเลอร์ (Alvin Toffler,
2538) เรี ยกว่า ยุคคลื่นลูกที่สาม (The third wave) โดยมองว่าการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกจะเป็ น
การเปลี่ยนแปลงที่มีลกั ษณะ “ทั้งโลก” (Global) ไม่วา่ จะเป็ นด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ฯลฯ โดยมี
เทคโนโลยีที่ทนั สมัยเป็ นตัวขับเคลื่ อ น ในขณะที่ อี ริค ชมิ ดท์ และ เจเรด โคเฮน (Eric Schmidt and
Jared Cohen, 2014) เรี ยกโลกยุคนี้วา่ ยุคดิจิทลั เปลี่ยนโลก (The New Digital Age) นอกจากนี้แล้ว ยังถูก
เรี ยกในชื่ อ อื่ นๆอี กว่า เป็ น “ยุคโลกไร้พรมแดน” (Borderless world) ยุคโลกาภิวตั น์ (Globalization)
หรื อ เรี ยกว่าเป็ นยุค “หลังสัง คมฐานความรู ้ ” (Post knowledge – based society) (จินตนา สุ จจานันท์,
2556 : 2
โลกในศตวรรษที่ 21 เป็ นโลกแห่ งการเปลี่ ยนแปลง การเปลี่ ยนแปลง คือ ความเป็ นจริ งของ
สังคมใหม่ที่มีปัญหาท้าทายสาหรับผูบ้ ริ หาร (วิโรจน์ สารรัตนะ.2556 : 70-75) กล่าวถึง โมเดลภาวะผูน้ า
ทางการศึกษา (Educational Leadership Model) ซึ่ งเป็ นโมเดลที่กล่ าวถึ งเรื่ อ งของ คุ ณภาพ (qualities)
ความรู ้ (knowledge) และทัก ษะ (skills) ของผูน้ าทางการศึก ษา พอสรุ ป ได้ว่า ผูบ้ ริ หารสถานศึกษา
จาเป็ นต้อ งนาสถานศึกษาของตนเองเข้าสู่ ศตวรรษที่ 21 และรับ ผิดชอบต่อ ผลการจัดการศึ กษาใน
สถานศึกษาของตนเองในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน
2. ริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิทธิผล
3. สารวจและสนับสนุนการใช้ ICT และ E – Learning
4. พัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้
5. สร้างเครื อข่ายเพือ่ ส่งเสริ มการเรี ยนรู ้และความสาเร็จ
6. พัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า
20
วิโ รจน์ สารรั ต นะ (2556) ได้เ ขี ย นเรื่ อ งกระบวนทัศ น์ ใ หม่ ข องการศึ ก ษากรณี ท ัศ นะต่ อ
การศึกษาศตวรรษที่ 21 ซึ่ งกล่าวถึงภาวะผูน้ า ทักษะ และทัศนคติของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษ
ที่ 21 ว่าผูน้ าสถานศึกษาเป็ นบุคคลที่ถูกคาดหวังให้ปฏิบตั ิตามคาสั่งของหน่ วยงานระดับ จังหวัดหรื อ
ระดับแผนกงานเกี่ยวกับงานบุคลากร การจัดซื้ อจัดจ้าง การงบประมาณ การจัดทางเดิน และสนามเด็ก
เล่นที่ปลอดภัย ความสัมพันธ์กบั สาธารณะและอื่ นๆ ที่จะทาให้การบริ หารสถานศึกษา เป็ นไปอย่าง
ราบรื่ น รวมทั้ง บทบาทส าคัญ ในการพัฒ นาการสอนและการเรี ย นรู ้ แต่ ใ นระยะต่ อ ไป ผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษา (Principals) จะต้องทางานเพือ่ ให้มีความมัน่ ใจได้ว่า ตนเองได้ทาหน้าที่เป็ นเช่น ผูน้ า (As
leader) เพื่อการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยน (Student learning) เพราะการเรี ยนรู ้จะเกิดขึ้นไมได้ หากขาดการใช้
ภาวะผูน้ า (Leadership) โดยภาวะผูน้ าสถานศึกษา (School leadership) หมายถึ ง แต่ล ะบุค คลต้อ งมี
ความเข้าใจในเนื้ อหาวิชาการ การประเมินผล และเทคนิ คการสอน มีการท างานเพื่อ เสริ มสร้างทักษะ
ร่ วมกับครู การรวบรวม วิเคราะห์ และการใช้ขอ้ มู ลเพื่อ ประกอบการตัดสิ นใจ ผูน้ าถู ก คาดหวังให้
ทางานร่ วมกับครู นักเรี ยน ผูป้ กครอง สมาชิกในชุมชน และหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้มีความ มัน่ ใจได้ว่า
ความต้องการในการเรี ยนรู ้ของนักเรี ยนทุกคนได้รับการตอบสนอง และนั่นหมายความว่า สมาชิกใน
โรงเรี ยนจะต้องมีภาวะผูน้ าร่ วม (Shared leadership) เพือ่ ให้แนวคิดเกี่ยวกับภาวะผูน้ ามาจากสมาชิกทุก
คนร่ วมกัน แต่ก็มิได้หมายความว่า ผูบ้ ริ หารสถานศึกษาจะปลีกตัวจากความรับผิดชอบนี้ ออกไป แต่
กลับจะต้อ งสนับสนุ นให้มีความรับผิดชอบร่ วม (Shared responsibility) ในการระบุปัญหา การสร้าง
ทางเลือก และการนาไปปฏิบตั ิ สาหรับผูน้ าในศตวรรษที่ 21 บางทักษะมีความสาคัญยิง่ เช่น ทักษะการ
สร้างทีมงาน (Team building) ทักษะการจัดการความขัดแย้ง (Conflict management) เพื่อให้เกิ ดความ
มัน่ ใจได้ถึง สภาพแวดล้อมการเรี ยนรู ้ที่เป็ นสากล (Universal learning environments) ที่เกิดขึ้นในทุกๆ
ห้องเรี ยน ซึ่ งผูน้ าสถานศึกษาโดยตาแหน่ ง (Designed leader) เพียงลาพังไม่สามารถทาให้บรรลุผลใน
ภารกิจงานที่มากมายนี้ได้ ส่วนครอเฟิ ร์ด (Crawford) (อ้างถึงในวิโรจน์ สารรัตนะ, 2556) ได้มีความเห็น
ที่ ส อดคล้อ งกัน ของผู ้ที่ เ กี่ ย วข้อ งกับ นโยบายทางการศึ ก ษาว่า คุ ณ ภาพภาวะผูน้ าของผู ้บ ริ ห าร
สถานศึกษาเป็ นปั จจัย สาคัญต่อความสาเร็ จหรื อความล้มเหลวของสถานศึกษา แต่ดงั ที่ Linda Darling-
Hammond นักการศึกษาแห่ ง Stanford University ได้กล่าวว่า “ผูบ้ ริ หารที่มีความสามารถไม่ได้มีมาแต่
เกิ ดแต่สามารถพัฒนาขึ้นได้” (High-performing principals are not just born, but can be made) ซึ่ งต้อ ง
อาศัย การฝึ กอบรมหรื อการพัฒ นาในทักษะที่ส าคัญๆ เช่ น 1) คาดหวัง สู ง (High expectations) ผูน้ า
สถานศึกษาที่มีวสิ ัยทัศน์จะมุ่งความสาเร็ จของ นักเรี ยนทุกคนและจะใช้ความพยายามเพื่อให้บรรลุผล
ในความเชื่อมัน่ นักเรี ยนจะถูกท้าทายด้วย หลักสู ตรที่มีลกั ษณะเข้มงวด (Rigorous curriculum) ได้รับ
21
บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21
บทบาทเป็ นแบบแผนพฤติกรรมที่แสดงออกตามตาแหน่งหน้าที่ ซึ่ งเป็ นไปตามความคาดหวัง
ของสังคม บทบาทของบุคคลจึงมีความแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม สาหรับบทบาทของผูบ้ ริ หาร
สถานศึกษา เป็ นหน้าที่ในการบริ หารสถานศึกษาให้บรรลุเป้ าหมายตามตาแหน่งที่ดารงอยู่ มีนกั วิชาการ
ให้ทศั นะด้านบทบาทยุคใหม่ที่ผบู ้ ริ หารสถานศึกษาควรนาไปใช้ประโยชน์ มีรายละเอียด ดังนี้
The Wallace Foundation (2012) เป็ นมูลนิ ธิให้ทุนสนับสนุ นโครงการส่ งเสริ มความเป็ นผูน้ าการศึกษา
ใน 24 รัฐของประเทศสหรัฐอเมริ กา เสนอแนวทางสาหรับผูบ้ ริ หารสถานศึกษาที่มีประสิ ทธิผล ควร
นาไปใช้ มี 5 ประการ ดังนี้
1. การสร้ า งวิ สั ย ทัศ น์ เ พื่ อ ความส าเร็ จ ทางวิ ช าการส าหรั บ นั ก เรี ย น ( Shaping a vision of
academic success for all students) การนาวิสัยทัศน์สู่การปฏิบตั ิเพื่อ ให้เกิดความเข้าใจ และมีส่วนร่ วม
ของบุคลากรในการมุ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนของผูเ้ รี ยนให้บรรลุผลตามเป้าหมาย
2. สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นเพื่อการศึกษา (Creating a climate hospitable to education) ผูบ้ ริ หาร
ต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับผูเ้ รี ยน และบุคคลภายนอก เพราะโรงเรี ยนเป็ นศูนย์กลางทางการ
เรี ยนและกิจกรรม บรรยากาศมีความสาคัญที่เอื้อต่อการเรี ยนการสอน และการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน
3. การปลูกฝังภาวะผูน้ าให้กบั บุคคลอื่น (Cultivating leadership in others) ทั้งครู ในโรงเรี ยนถือ
ว่า ทรัพยากรสาคัญในการบริ หาร การสร้างให้ครู เป็ นผูน้ าทางวิชาการจะส่งผลให้โรงเรี ยนมีการพัฒนา
ไปสู่คุณภาพและมีมาตรฐานทางการศึกษา
4. การปรั บ ปรุ ง การเรี ย นการสอน (Improving instruction) ผูบ้ ริ ห ารที่ มี ป ระสิ ท ธิ ผ ลจะมุ่ ง
ทางานด้วยความเอาใจใส่ ในการปรับปรุ งผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน โดยมุ่งถึงคุณภาพการสอน และให้
บรรลุผลสาเร็จตามความคาดหวังของผูเ้ รี ยน และผูป้ กครอง
5. การบริ หารจัดการกับคน ข้อ มู ล และกระบวนการ (Managing people, data and processes)
ผูบ้ ริ หารที่มีประสิทธิผลต้องให้ความสาคัญกับบุคลากรทั้งครู บุคลากร และผูเ้ รี ยน รวมทั้งการนาข้อมูล
มาใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาสารสนเทศเพือ่ การบริ หารและกระบวนการบริ หาร
DerickMeado (2016) ผูเ้ ชี่ยวชาญด้านการสอน ได้เขียนบทความเรื่ อง The Role of the Principal
in Schools ได้สรุ ปบทบาทหน้าที่ในโรงเรี ยนของผูบ้ ริ หารสถานศึกษายุคใหม่ที่สาคัญ 9 บทบาท ดังนี้
1. บทบาทในฐานะผูน้ า (Role as school leader) ประกอบด้วย การเป็ นผูน้ าที่มีประสิ ทธิภาพ
(Being an effective leader) โครงการจัดหาทุนอุปถัมภ์โรงเรี ยนการพัฒนาการประเมินผลครู ผสู ้ อน และ
นโยบายการพัฒนาโรงเรี ยน เป็ นต้น
23
บริบทโรงเรียนทวีธาภิเศก
โรงเรี ยนทวีธาภิเศกเป็ นโรงเรี ย นชายล้วนประจ าจังหวัดธนบุ รี( โรงเรี ยนหญิ งล้วนประจ า
จังหวัดธนบุรีคือ โรงเรี ยนศึกษานารี ) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ได้พระราชทาน เนื่อง
ในวโรกาสที่ทรงครองราชสมบัตินานเป็ นสองเท่าของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาล
ที่ 2 ซึ่งเป็ นสมเด็จพระอัยกา
อาคารโรงเรี ยนหลังแรก
โดยเมื่อปี พ.ศ. 2438 (ร.ศ. 114) ปี มะแม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัวได้ทรงพระ
กรุ ณาโปรดเกล้าให้กระทรวงธรรมการ (ปั จจุบนั คือ กระทรวงศึกษาธิการ) ขยายตัวทางด้านการศึกษา
จัดให้มีโรงเรี ยนมากขึ้น โดยเห็นว่าสถานที่ กระทรวงธรรมการบริ เวณศาลาต้นจันทร์ วัดอรุ ณราชวรา
ราม เปิ ดสอนชั้น 1 ถึงชั้น 4 มีนกั เรี ยน 162 คน ครู 6 คน มีพระครู ธรรมรักขิต (สัมฤทธิ์ ลอยเพ็ชร) เป็ น
ครู ใหญ่ และได้ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้าให้ กรมหมื่นปราบปรปั กษ์เป็ นแม่กองปฏิสงั ขรณ์พระอุโบสถ
วัดอรุ ณราชวราราม เมื่ อ ปฏิสังขรณ์ แ ล้ว เสร็ จ ประจวบกับ เวลาที่ พระบาทสมเด็ จพระจุ ลจอมเกล้า
เจ้า อยู่หัว ได้ทรงดารงสิ ริ ร าชสมบัติ มาเป็ นสองเท่ าของพระบาทสมเด็ จพระพุท ธเลิ ศ หล้า นภาลัย
26
งานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
งานวิจัยในประเทศ
ร่ วมกัน ตลอดทั้ง โรงเรี ย น วัด และชุ มชน ต้อ งมี ส่วนร่ วมในการส่ งเสริ มและสนับสนุ นในการจัด
การศึกษา การให้คาปรึ กษาในการ จัดการเรี ยนรู ้
พิชญา ดานิ ล (2559) ได้ศึกษาเรื่ อง “ภาวะผูน้ าในศตวรรษที่ 21 ของผูบ้ ริ หารคณะศิลปศึกษา
และห้อ งเรี ยนเครื อ ข่ ายสถาบัน บัณ ฑิต พัฒ นศิล ป์ ” โดยมี ว ตั ถุ ประสงค์เ พื่อ 1) ศึก ษาภาวะผูน้ าใน
ศตวรรษที่ 21 ของผูบ้ ริ หารคณะศิลปศึกษาและห้องเรี ยนเครื อข่าย 2) เปรี ยบเทียบภาวะผูน้ าในศตวรรษ
ที่ 21 ของผูบ้ ริ หารคณะศิลปศึกษาและห้องเรี ยนเครื อข่าย และ 3) เสนอแนวทางการพัฒนาภาวะผูน้ าใน
ศตวรรษที่ 21ของผูบ้ ริ หารคณะศิลปศึกษาและห้องเรี ยนเครื อข่าย พบว่า 1) ภาวะผูน้ าในศตวรรษที่ 21
ของผูบ้ ริ หารภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็ นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผูบ้ ริ หาร
ให้ความสาคัญต่อการวางแผน กาหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ นโยบาย เป้าหมาย วัตถุประสงค์และกลยุทธ์
การบริ หารงานวิชาการในสถานศึกษา รองลงมาคือ เปิ ดโอกาสให้ผูใ้ ต้บงั คับบัญชาเข้าพบได้เสมอ
เพื่อให้คาปรึ กษา และผูบ้ ริ หารมีความซื่ อสัตย์ จงรักภักดีต่อ หน่ วยงาน และหน้าที่ที่รับผิดชอบ 2) ผล
การเปรี ยบเทียบภาวะผูน้ าในศตวรรษที่ 21 ของผูบ้ ริ หาร พบว่า ภาพรวมผูบ้ ริ หารและผูส้ อนมี ความ
คิดเห็นแตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) แนวทางการพัฒนาภาวะผูน้ าในศตวรรษที่
21 ของผูบ้ ริ หารคณะศิลปศึกษาและห้องเรี ยนเครื อข่ายพบว่า มีแนวทางทั้งหมด 15 แนวทาง
พัทธนันท์ รชตะไพโรจน์ (2559) ได้ศึกษา การพัฒนาทักษะการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 ของครู
โรงเรี ยนเอกชน อาเภอเมือง จังหวัดลาพูน ผลการวิจยั พบว่า การพัฒนาทักษะการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่
21 ของโรงเรี ยนเอกชน อาเภอเมือง จังหวัดลาพูน โดยรวมและรายด้าน ผูต้ อบแบบสอบถามมีความ
คิดเห็นว่า มีการแสดงความคิดเห็นระดับมาก โดยเรี ยงลาดับตามค่าเฉลี่ย ดังนี้ ด้านทักษะการเรี ยนรู ้ใน
ศตวรรษที่ 21 ด้าน การออกแบบการจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 ด้านกระบวนการการจัดการเรี ยนรู ้
ในศตวรรษที่ 21 และสภาพปั ญหาและแนวทางการพัฒนาทักษะการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 ที่ผตู ้ อบ
แบบสอบถามมีความคิดเห็น พบว่า ครู ยงั ขาดความตระหนักและกระตือรื อร้นในการพัฒนาทักษะการ
เรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 เนื่ องมาจากขาดความรู ้ความเข้าใจในหลักการแนวคิดรวมไปถึง การออกแบบ
หลักสูตร วิธีการสอน และวิธีการวัดผลตามแนวคิดทักษะในศตวรรษที่ 21 อีกทั้งยังขาดแรงจูงใจให้ครู
เปลี่ ยนรู ปแบบการสอน จากการสัมภาษณ์ ผูบ้ ริ หาร เพื่อ หาแนวทางการพัฒนาทักษะการเรี ยนรู ้ใ น
ศตวรรษที่ 21 ของครู ในโรงเรี ยน เอกชน อาเภอเมือง จังหวัดลาพูน พบว่า (1) ควรมีการปรับทัศนคติ
กระบวนทัศน์ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนของครู ไม่ให้ยดึ ติดกับรู ปแบบเดิม (2) สร้างให้ครู มี
ความรู ้ ความเข้าใจในทักษะการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 โดยการจัดให้มีการอบรมในเรื่ อง ทักษะการ
เรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 (3) ผูม้ ีส่วนได้เสี ยร่ วมวิเคราะห์หลักสู ตรสถานศึกษา เพื่อ วิเคราะห์จุดเด่น จุด
29
องค์ประกอบย่อยมีค่าระหว่าง 0.70 – 0.92 และค่าน้ า หนักตัวบ่งชี้มีค่าระหว่าง 0.46 – 0.90 ซึ่ งสู งกว่า
เกณฑ์ 0.30
กฤติยา ใจหลัก (2560) ได้ศึกษาภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของข้าราชการ
ครู ในสถานศึ กษาขั้นพื้นฐาน สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาพังงา และเปรี ยบเทียบภาวะผูน้ าของ
ผูบ้ ริ หารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของข้าราชการครู ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาพังงา พบว่า 1. ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานตามความคิดเห็นของข้าราชการครู ใน
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัด สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาพังงา โดยภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก 2. เปรี ยบเทียบ
ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาตามความคิ ดเห็ นของข้าราชการครู ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัด
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาพังงา เมื่อจาแนกตาม วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการทางาน โดยภาพรวม
ไม่แตกต่างกัน แต่เมื่อจาแนกตามขนาดโรงเรี ยน มีความแตกต่างกันอย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
บุญญา ทรัพย์โสม (2560) ได้ศึกษาภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาหญิงในทรรศนะของ
ครู ผูส้ อนสังกัดส านักงานเขตพื้น ที่การศึกษาประถมศึกษานครศรี ธรรมราช เขต 4 เพื่อ ศึกษาระดับ
พฤติกรรมภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารหญิงตามความคิดเห็นของครู ในโรงเรี ยนจังหวัดนครศรี ธรรมราช เขต
4 ตามแนวทฤษฎี 3 มิติของ William J. Reddin และเปรี ยบเทียบพฤติกรรมภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารหญิง
ตามความคิดเห็ นของครู ในโรงเรี ยนจังหวัดนครศรี ธรรมราช เขต 4จาแนกตามตัวแปรเพศ อายุ วุฒิ
การศึกษา และวิทยฐานะ เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะเกี่ยวกับพฤติกรรมภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารหญิงตาม
ความคิดเห็นของครู ในโรงเรี ยนสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรี ธรรมราช เขต 4
พบว่า ครู ในโรงเรี ยนสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรี ธรรมราช เขต 4 มีความ
คิดเห็นต่อพฤติกรรมภาวะผูน้ าแบบที่มีประสิทธิผลต่าของผูบ้ ริ หารหญิงอยูใ่ นระดับบ่อยครั้งคือแบบนัก
ประนี ประนอมและแบบนัก บุญ ส่ วนแบบเผด็ จการและแบบหนี งานอยู่ใ นระดับเป็ นบางครั้ง และ
พฤติกรรมภาวะผูน้ าแบบที่มีประสิ ทธิผลสู งอยู่ในระดับบ่อยครั้ง คือแบบนักพัฒนา แบบนักบริ หาร
แบบเผด็ จ การแบบมี ศิ ล ป์ และแบบผูท้ าตามระเบี ย บ ในด้า นครู ที่ มี เ พศต่ า งกัน มี ค วามคิ ด เห็ น ต่ อ
พฤติกรรมภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห ารหญิ งแบบเผด็จ การและแบบผูท้ าตามระเบียบแตกต่ างกัน ครู ที่ มี
ประสบการณ์ในตาแหน่ งต่างกันมีความคิดเห็นต่อพฤติกรรมภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารหญิงแบบหนี งาน
แตกต่างกัน สาหรับครู ที่มีวุฒิการศึกษาต่างกันมีความคิดเห็นต่อพฤติกรรมภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารหญิง
แบบเผด็จการแบบมีศิลป์ แตกต่างกัน และครู ที่วิทยฐานะต่าง กันมีความคิดเห็นต่อพฤติกรรมภาวะผูน้ า
ของผู ้บ ริ ห ารหญิ ง แบบเผด็ จ การแบบมี ศิ ล ป์ และแบบผู ้ท าตามระเบี ย บไม่ แ ตกต่ า งกัน ส าหรั บ
31
งานวิจัยต่ างประเทศ
งานวิจยั ที่เกี่ยวกับทักษะของผูบ้ ริ หาร มีงานวิจยั ต่างประเทศที่พอสรุ ปได้จากการศึกษาค้นคว้า
ซึ่งเป็ นงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องดังนี้
Waston (2000) ได้ศึกษาวิจยั เรื่ องภาวะผูน้ าในศตวรรษที่ 21 ตามการรับรู ้ของผูน้ าในภาคเอกชน
ประเทศแคนนาดา โดยใช้แบบสอบถามและการโทรศัพท์สัมภาษณ์ ผลการศึก ษาพบว่า ผูน้ า ใน
ภาคเอกชน รับรู ้ถึงความสาคัญอย่างมากเกี่ยวกับกระแสโลกาภิวตั น์ การมีวิสัยทัศน์ การทางานเป็ นทีม
ความสามารถในการเรี ยนรู ้ ทักษะการสอน การเจรจาต่อรอง ทักษะระหว่างบุคคลจริ ยธรรม ทักษะของ
การเป็ นผูป้ ระกอบการ การแก้ปัญหา ความคิดริ เริ่ ม ความอดทน การใช้เทคโนโลยีและการตื่นตัวกับ
กระแสโลกาภิวตั น์ เป็ นความสามารถที่สาคัญของผูน้ า การปรับวิธีการลดขนาดกาลังคนในการทางาน
และยอมรับในความหลากหลายของสังคมที่มีความสาคัญด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ผูน้ าให้ความสาคัญ
ในการที่ จ ะผลักดัน ให้วิสัยทัศ น์ มีก ารน าไปปฏิ บตั ิ ข ยายแนวคิ ด สู่ บ ริ บทโลกอย่างมี ป ระสิ ทธิ ภ าพ
โดยพิจารณาเห็นความสาคัญของโปรแกรมการพัฒนาภาวะผูน้ า ควรเน้นการพัฒนาศักยภาพผูน้ าที่มุ่ง
สอนอนาคตอย่างมี วิสัยทัศน์ในโลกาภิวตั น์และความสามารถในด้าน อื่ น ๆ เช่น การติดต่อ สื่ อ สาร
การทางานเป็ นทีม เพือ่ การก้าวเข้าสู่ภาวะผูน้ าในศตวรรษที่ 21
Mccollum (2000) ได้ศึกษาวิจยั เรื่ อ งการพัฒนาภาวะผูน้ าโดยวิธีพฒั นาตนเองกับการแสดง
พฤติกรรมภาวะผูน้ าอย่างเป็ นธรรมชาติ ซึ่ งเป็ นการพัฒนาภาวะผูน้ าที่เน้นการพัฒนาภายในตนเองใน
ส่วนจิตสานึกและพัฒนาความตระหนักพื้นฐานของผูน้ า เครื่ องมือที่ใช้วดั พฤติกรรมภาวะผูน้ าของกลุ่ม
ตัวอย่างเป็ นแบบวัดภาวะผูน้ า 5 ประการ คือ พฤติกรรม ท้าทายกระบวนการ ดลบันดาลภาพฝัน ขยัน
ถามไถ่ ให้กาลังใจเป็ นนิ จ พูดทาเป็ นแบบอย่าง กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยฝ่ ายบริ หาร และพนักงานใน
บริ ษ ัท แห่ ง หนึ่ ง ที่เ ข้า ร่ ว มโครงการพัฒ นาตนเอง ที่ เ รี ยกว่า maharishi transcendental meditation ผล
การศึกษา พบว่า พฤติกรรมภาวะผูน้ าจะแสดงออกอย่างเป็ นธรรมชาติไ ด้โดยง่ายในแต่ละบุคคลและ
เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ ว โครงการพัฒนาตนเองและเป็ นที่ยอมรับในทกระดับของพนักงานอันเนื่ องจาก
โครงการดังกล่าว ใช้วิธีการ มีผลให้สามารถพัฒนาภาวะผูน้ าองค์การได้ดีและพัฒนาง่ายกว่าการพัฒนา
เพือ่ เปลี่ยนแปลงประสบการณ์ที่เคยรับรู ้
32
Kaplan & Owings (2002) ได้ทาการวิจยั พบว่า ผูบ้ ริ หารมีบทบาทสาคัญยิง่ ต่อครู และคุณภาพ
การสอนของครู ความสัมพันธ์ระหว่างครู กับผูบ้ ริ หารมี ส่วนเกี่ ยวเนื่ อ งอย่างมากต่อความสาเร็ จของ
นัก เรี ย น การเยี่ย มชั้น เรี ย นอย่า งสม่ า เสมอ อย่า งน้อ ยครั้ ง คะ 10 นาที เพื่อ สังเกตการสอนและให้
คาแนะนาแก่ ครู จะทาให้ครู มี แรงเสริ มทางบวกในสิ่ งที่ตนได้รับการนิ เทศ นอกจากนี้ ผูบ้ ริ หารต้อ ง
ดาเนินการทุกทางที่จะเป็ นไปได้ การบารุ งรักษาครู ที่ดี มีคุณภาพสูง เพือ่ ให้มีคุณภาพในการสอนเพิม่ ขึ้น
เรื่ อย ๆ และเหนือสิ่งอื่นใดผูบ้ ริ หารที่มีความเข้าใจในการเรี ยนการสอน จะมีบทบาทสาคัญในการพัฒนา
ประสิทธิภาพการสอนของครู
Crawford. (2004) ได้ศึกษาวิจยั เรื่ องภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารโรงเรี ยนมัธยมศึกษาการฝึ กปฏิบตั ิ
และความเชื่อในองค์กรแห่งการเรี ยนรู ้ เพือ่ สารวจการฝึ กปฏิบตั ิและความเชื่อด้านภาวะผูน้ าที่ผบู ้ ริ หาร
โรงเรี ย นมัธ ยมศึ ก ษาใช้ เพื่ อ สร้ า งโรงเรี ย นให้ เ ป็ นสั ง คมแห่ ง การเรี ย นรู ้ (prosfessional learning
organization) ตามกรอบพฤติกรรมการบริ หารและความเชื่อของคูซส์และโพเนอร์ (Kouzes & Posner.
1993) การศึกษาสร้างกอบแนวคิดวัฒนธรรมสังคมแห่ งการเรี ยนรู ้พ้ืนฐานด้านภาวะผูน้ า 5 ประการ
ได้แก่การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมการใช้แบบจาลองการทางานการเพิม่ อานาจ กระบวนการท้าทาย การกระ
ต้นการตัดสิ นใจ การวิจยั พบว่า ผูบ้ ริ หารมีความเชื่อในหลักการฝึ กปฏิบตั ิ 5 ข้อ ซึ่ งฝึ กภาวะผูน้ าทาให้
เกิ ดการพัฒนาและความยัง่ ยืน ขององค์ก รแห่ งการเรี ย นรู ้น้ ัน การใช้ขอ้ มู ล แข็ง (hard data) นาไปสู่
กระบวนการเปลี่ยนแปลง ความต้องการทีมภาวะผูน้ าของโรงเรี ยนสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปครู และ
วิสัยทัศน์ร่วมเป็ นจุดรวมของการเปลี่ ยนแปลงการเผชิญหน้ากับปั ญหาและอุปสรรค ได้แก่ การขาด
แคลนเวลา ขนาดของ การควบคุม และความสามารถด้านสติปัญญาไม่เป็ นไปตามกรอบแนวคิดของ
องค์กรแห่งการเรี ยนรู ้
Chien (2004) ได้ศึก ษาวิจ ัยเรื่ อ ง ปั จ จัย ที่ส่ ง ผลให้โ รงเรี ย นประถมศึก ษาในชุ ม ชนประสบ
ความสาเร็จ โดยมีวตั ถุประสงค์เพือ่ การศึกษาโรงเรี ยนในชุมชนเมืองส่วนใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริ กา
มักพบว่า นักเรี ยนส่ วนใหญ่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนอยูใ่ นระดับกลาง แต่อย่างไรก็ตามมีบางโรงเรี ยน
ที่ประสบความสาเร็ จ ในการทาให้ผลสัมฤทธิ์ ในการเรี ยนของเด็กอยูใ่ นระดับดี งานวิจยั ส่ วนใหญ่ที่
ศึกษาในด้านนี้ พบว่า มีหลายปั จจัยที่มีส่วนทาให้โรงเรี ยนประสบความสาเร็ จ แต่ยงั ไม่มีการศึกษาลึก
ซึ่ งลงไปในด้านต่อไปนี้ การจัดทาโครงการต่าง ๆ ในโรงเรี ยน ผลการวิจยั พบว่า ผูม้ ีส่วนได้เสี ยของ
โรงเรี ยน มีความคาดหวังสู งที่จะให้นักเรี ยนมี ผลสัมฤทธิ์ ในการเรี ยนอยูใ่ นระดับดี รวมถึ งเป็ นความ
รับผิดชอบของทุกคนในชุมชน ที่จะต้องส่ งเสริ มด้วยการเรี ยนการสอนของโรงเรี ยน ให้มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ผูท้ ี่มีส่วนได้เสี ย ยังสนับสนุ นให้โรงเรี ยนจัดทาโครงการสอนภาษา สาหรับนักเรี ยน เพราะ
34
ต้อ งการให้นักเรี ย นมี ค วามสามรถ ในด้า นภาษามากกว่าหนึ่ งภาษา นอกจากนี้ ผูม้ ี ส่ว นได้เ สี ย ของ
โรงเรี ยนยังเข้ามามีส่วนร่ วม ในด้านต่าง ๆ เพือ่ ให้โรงเรี ยนทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเลือก
จ้างครู เป็ นต้น งานวิจยั นี้ ยงั ได้คน้ พบอี กว่า ถึ งแม้โรงเรี ยนจะมีขนาดใหญ่ ประกอบขึ้นด้วยครู และ
นักเรี ยนจานวนมาก แต่ทุกคนในโรงเรี ยนต่างก็มีความสามัคคีและทางานร่ วมกันได้
Sharman (2005) ได้ศึ ก ษาวิจ ัย เรื่ อ ง ภาวะผูน้ าและองค์ก รแห่ ง การเรี ย นรู ้ เ ป็ นการส ารวจ
ธรรมชาติและคุณลักษณะขององค์กรแห่ งการเรี ยนรู ้ที่ส่งผลในการสร้างสรรค์ประสิ ทธิผลขององค์กร
โดยการให้นิยามความหมายขององค์กรแห่ งการเรี ยนรู ้ การศึกษาวรรณกรรมร่ วมสมัยและการสารวจ
การเปลี่ยนแปลงด้านภาวะผูน้ าขององค์กรแห่ งการเรี ยนรู ้ ผลการศึกษา พบว่า มีความแตกต่างอย่างมี
นัยสาคัญจากภาวะผูน้ าแบบดั้งเดิมในประเด็นความเป็ นครู และผูฝ้ ึ กสอนและความเป็ นศูนย์กลางของ
ผูน้ า สิ่ งที่เป็ นจุดเด่นเฉพาะ คือ ตามต้องการแบบแผนความคิดใหม่สาหรับภาวะผูน้ าภายใต้องค์กรแห่ ง
การเรี ยนรู ้ การสารวจคาจากัดความของผูน้ าแบบดั้งเดิม พบว่าปั จจัยที่ช่วยเกื้อหนุนให้เกิดองค์กรแห่ ง
การเรี ยนรู ้ สามารถค้นหาได้เหมือนกับขั้นตอนซึ่งใช้เพือ่ สร้างองค์กรแห่งการเรี ยนรู ้
Coleman (2008) ได้ศึกษาวิจยั เรื่ อ งบทบาทผูบ้ ริ หารโรงเรี ยนเกี่ ยวกับการจัดการความรู ้และ
กระบวนการปรับปรุ งโรงเรี ยน ความสามรถในการสร้างองค์กรมีความสาคัญต่อผูบ้ ริ หารโรงเรี ยนที่อยู่
ในความท้าทายของการปรับปรุ งโรงเรี ยน เป้ าหมายของการปรับปรุ ง คือ การปรับปรุ งการเรี ยนการ
สอนและเพิ่มผลสัมฤทธิ์ของนักเรี ยน การใช้ประโยชน์จากข้อมูลและความรู ้ที่ใช้ร่วมกันผ่านการจัดการ
ความรู ้และกลายเป็ นเครื่ อ งมือ ในการจัดการประสิ ทธิภาพการทางาน ผลการศึกษา พบว่า ผูบ้ ริ หาร
โรงเรี ยนที่ได้รับการพัฒนาวิชาชีพที่เหมาะสมและทัว่ ถึง ในการจัดการความรู ้และกลยุทธ์จะตระหนัก
ถึ ง การเปลี่ ย นแปลงที่ ลึ ก ซึ้ งมี ค วามสามารถที่ ดี ที่ สุ ด ในการปรั บ ปรุ ง ข้อ มู ล โรงเรี ย น การปฏิ รู ป
กระบวนการ และผูบ้ ริ หารโรงเรี ยนที่ใช้กลยุทธ์การจัดการความรู ้ในการตัดสิ นใจ ทาให้ผลสัมฤทธิ์ของ
นักเรี ยนเพิม่ ขึ้น
Ejimofor (2008) การวิจ ัยครั้ง นี้ ท าการศึก ษาความสัม พัน ธ์ร ะหว่า งทัศนคติ ของครู ใ นเรื่ อ ง
เกี่ยวกับทักษะด้านภาวะผูน้ าแบบเปลี่ยนแปลงของอาจารย์ใหญ่ และความพึงพอใจในการทางานของครู
รวมทั้งทาการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปั จจัยด้านคุณลักษณะพื้นฐานของอาจารย์ใหญ่ และทัศนคติ
ของพวกเขาในเรื่ อ งเกี่ ย วกับระดับ ความสามารถของพวกเขาในการแสดงลักษณะภาวะผูน้ าแบบ
เปลี่ยนแปลงด้วย กลุ่มตัวอย่างของผูเ้ ข้าร่ วมการวิจยั ในครั้งนี้ ครู จากโรงเรี ยนมัธยมศึกษา 518 คน และ
อาจารย์ใหญ่ 48 คน จากเขตพื้นที่ขนาดใหญ่ 2 แห่ง ของ local government areas ในภาคตะวันออกเฉียง
ใต้ในประเทศไนจีเรี ย วิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์ ขอ้ มู ล คือ การวิเคราะห์หาค่าความถดถอยเชิงเส้น
35
บทที่ 3
วิธีดำเนินกำรวิจยั
ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ ำง
ประชำกร
ประชากรที่ ใช้ในการวิจยั ได้แก่ ครู ใ นโรงเรี ย นทวีธ าภิ เ ศก สัง กัด ส านัก งานเขตพื้น ที่
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ปี การศึกษา 2561 จานวน 103 คน
กลุ่มตัวอย่ ำง
กลุ่ มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจยั ได้แก่ ครู ในโรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ปี การศึกษา 2561 จานวน 80 คน ได้มาโดยการใช้ตารางสุ่มของเครจซี่
และมอร์แกน (Krejcie & Morgan,1970) แล้วสุ่มแบบชั้นภูมิ และจับสลาก
การเรี ยนรู ้ 5) ด้านสร้างเครื อข่ายเพือ่ ส่งเสริ มการเรี ยนรู ้และความสาเร็จ และ 6) ด้านพัฒนาคนอื่นให้
เป็ นผูน้ า ลักษณะแบบสอบถาม เป็ นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ
กำรเก็บรวบรวมข้ อมูล
การวิจยั ครั้งนี้ ผูว้ จิ ยั ได้ดาเนินการเก็บรวบรวมโดยมีข้นั ตอน ดังต่อไปนี้
1. ขอหนั ง สื อ จากมหาวิท ยาลัย เกริ ก เพื่อ แจ้ง ขอความร่ ว มมื อ ในการเก็ บ ข้อ มู ล ไปยัง
ผูบ้ ริ หารโรงเรี ยน เพือ่ แจ้งขอเก็บข้อมูล
2. ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยแจกแบบสอบถามให้ครู ตอบ
3. รั บแบบสอบถามกลับคื นและตรวจสอบความสมบู รณ์ ของแบบสอบถาม ซึ่ งได้รั บ
กลับคืน จานวน 80 ฉบับ คิดเป็ นร้อยละ 100
4. นาแบบสอบถามมาตรวจให้คะแนน ตามวัตถุประสงค์ของการวิจยั
ตอนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา และ
ประสบการณ์การทางาน ของผูต้ อบแบบสอบถาม ลักษณะแบบสอบถามเป็ นแบบตรวจสอบรายการ
(Checklist)
ตอนที่ 2 ข้อ มู ล เกี่ ย วกับคิ ดเห็ น ของครู ที่ มีต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึ กษาใน
ศตวรรษที่ 21 ใน 6 ด้าน ดังนี้
1) ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน
2) ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิทธิผล
3) ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้ ICT
4) ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้
5) ด้านสร้างเครื อข่ายเพือ่ ส่งเสริ มการเรี ยนรู ้และความสาเร็จ
6) ด้านพัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า
ลักษณะของแบบสอบถามเป็ นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยเรี ยงจากระดับมาก
ที่สุดไปหาน้อยที่สุด
เกณฑ์การให้คะแนนมีดงั นี้
5 หมายถึง เห็นด้วยมากที่สุด
4 หมายถึง เห็นด้วยมาก
3 หมายถึง เห็นด้วยปานกลาง
2 หมายถึง เห็นด้วยน้อย
1 หมายถึง เห็นด้วยน้อยที่สุด
40
กำรวิเครำะห์ ข้อมูล
ผูว้ จิ ยั ได้ดาเนินการวิเคราะห์ขอ้ มูลดังนี้
1. วิเคราะห์ขอ้ มูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา
และประสบการณ์ในตาแหน่งครู ของผูต้ อบแบบสอบถามโดยใช้ความถี่และค่าร้อยละ
2. วิเคราะห์ระดับ ความคิ ดเห็ น ของครู ที่มี ต่อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึก ษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ใน 6 ด้าน
คื อ 1) ด้า นปรั บ ปรุ ง ผลลัพ ธ์ ข องนั ก เรี ย นทุ ก คน 2) ด้า นริ เ ริ่ ม การจัด กิ จ กรรมการเรี ย นรู ้ ที่ มี
ประสิทธิผล 3) ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้ ICT 4) ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้
5) ด้านสร้างเครื อข่ายเพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้และความสาเร็ จ และ 6) ด้านพัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า
โดยการหา ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยรวมและรายด้าน
3. นาผลที่ได้จากการวิเคราะห์ทางสถิติ แปลผล ดังนี้
ค่าเฉลี่ย 4.50- 5.00 แปลความหมายว่า มีความเห็นด้วย อยูใ่ นระดับมากที่สุด
ค่าเฉลี่ย 3.50 - 4.49 แปลความหมายว่า มีความเห็นด้วย อยูใ่ นระดับมาก
ค่าเฉลี่ย 2.50 - 3.49 แปลความหมายว่า มีความเห็นด้วย อยูใ่ นระดับปานกลาง
ค่าเฉลี่ย 1.50 - 2.49 แปลความหมายว่า มีความเห็นด้วย อยูใ่ นระดับน้อย
ค่าเฉลี่ย 1.00 - 1.49 แปลความหมายว่า มีความเห็นด้วย อยูใ่ นระดับน้อยที่สุด
4. วิเคราะห์เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษา
ในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 จาแนก
ตามเพศ และระดับการศึกษา วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยหาค่า t (t-test) จาแนกตามอายุ และประสบการณ์
ในตาแหน่งครู โดยหาค่าความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA)
5. ตรวจสอบสมมติฐานของการวิจยั โดยวิเคราะห์ค่าความแปรปรวนของความคิดเห็น
ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห ารสถานศึ ก ษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิ เ ศก สัง กัด
สานัก งานเขตพื้น ที่ก ารศึก ษามัธ ยมศึก ษา เขต 1 ตามความแตกต่ างกัน ในด้า น เพศ อายุ ระดับ
การศึกษา และประสบการณ์ในตาแหน่งครู วิเคราะห์แตกต่างกันที่ p < 0.05
1.2 ค่าร้อยละ
1.3 ค่าเฉลี่ย
1.4 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
2. สถิติหาคุณภาพของเครื่ องมือ ได้แก่
หาค่าความเชื่อมัน่ (Reliability) ใช้สูตรสัมประสิ ทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s
Alpha Coefficient)
3. ทดสอบสมมติฐานการวิจยั โดยใช้ค่าที (t-test) และ F - test
42
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
ขั้นตอนการเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
ผูว้ ิจยั ได้นาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลแบ่งออกเป็ น 3 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
43
ตอนที่ 2 ผลการวิ เ คราะห์ ร ะดับ ความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผู ้น าของผู ้บ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1
ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์เปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หาร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 จาแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ในตาแหน่งครู
ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
จากตารางที่ 4.1 พบว่า ครู ที่ตอบแบบสอบถาม จานวนมากที่สุด เป็ นดังนี้ เป็ นเพศหญิง
คิดเป็ นร้อยละ 59.29 มีอายุ 36-45 ปี คิดเป็ นร้อยละ 53.75 มีการศึกษาระดับปริ ญญาตรี คิดเป็ นร้อย
ละ 63.75 และมีประสบการณ์ในตาแหน่งครู 11-15 ปี คิดเป็ นร้อยละ 38.75
ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ ระดับความคิดเห็ นของครู ที่ มี ต่ อภาวะผู้ น าของผู้ บริ หารสถานศึ กษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรียนทวีธาภิเศก สั งกัดสานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1
คือ สามารถใช้เครื อข่ายกลุ่มโรงเรี ยนส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ ( X = 4.19) รองลงมาคือ ประชุมคณะครู
และผูเ้ กี่ยวข้องเพื่อวางแผนสร้างเครื อข่ายส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ ( X = 4.15) ส่ วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่าสุ ด คือ
จัดทาแผนพัฒนาเครื อข่ายเพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ ( X = 3.85)
เพศ n X S.D. t P
ชาย 39 3.90 0.30 -1.80 0.33
หญิง 41 4.02 0.26
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.9 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผู ้น าของผู ้บ ริ หาร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 โดยรวม จาแนกตามเพศ พบว่า ครู ที่มีเพศต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หาร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 โดยรวมไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
52
ภาวะผู้นาของผู้บริหารสถานศึกษา
เพศ n X S.D. t P
ในศตวรรษที่ 21
ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยน ชาย 39 3.82 0.31 -1.04 0.36
ทุกคน หญิง 41 3.90 0.37
ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ชาย 39 3.86 0.35 -0.78 0.87
ที่มีประสิ ทธิผล หญิง 41 3.92 0.32
ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้ ชาย 39 3.96 0.39 -0.71 0.78
ICT หญิง 41 4.02 0.40
ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชน ชาย 39 3.92 0.34 -1.53 0.56
การเรี ยนรู ้ หญิง 41 4.03 0.36
ด้านสร้างเครื อข่ายเพื่อส่ งเสริ มการ ชาย 39 3.96 0.47 -1.66 0.85
เรี ยนรู ้และความสาเร็ จ หญิง 41 4.13 0.46
พัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า ชาย 39 3.91 0.55 -1.56 0.90
หญิง 41 4.10 0.56
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.10 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่มี ต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 รายด้าน จาแนกตามเพศ พบว่า ครู ที่มีเพศต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หาร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 รายด้านทุกด้านไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
53
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.15 0.07 0.88 0.42
ภายในกลุ่ม 77 6.38 0.08
รวม 79 6.52
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.11 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 โดยรวม จาแนกตามอายุ พบว่า ครู ที่มีอายุต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หาร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 โดยรวมไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.04 0.02 0.16 0.85
ภายในกลุ่ม 77 9.02 0.12
รวม 79 9.06
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.12 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน จาแนกตามอายุ พบว่า ครู ที่มีอายุต่างกัน มีความ
คิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงาน
54
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.05 0.03 0.22 0.80
ภายในกลุ่ม 77 8.82 0.11
รวม 79 8.87
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.13 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิ ทธิ ผล จาแนกตามอายุ พบว่า ครู ที่มีอายุต่างกัน
มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัด
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิ ทธิ ผล
ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.47 0.23 1.51 0.23
ภายในกลุ่ม 77 11.93 0.15
รวม 79 12.39
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
55
จากตารางที่ 4.14 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้ ICT จาแนกตามอายุ พบว่า ครู ที่มีอายุต่างกัน มีความคิดเห็น
ต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขต
พื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ด้านสารวจและสนับสนุ นการใช้ ICT ไม่แตกต่างกัน อย่างมี
นัยสาคัญที่ระดับ 0.05
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.47 0.23 1.95 0.15
ภายในกลุ่ม 77 9.26 0.12
รวม 79 9.73
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.15 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้ จาแนกตามอายุ พบว่า ครู ที่มีอายุต่างกัน มีความ
คิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้ ไม่แตกต่างกัน
อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
56
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.59 0.29 1.34 0.27
ภายในกลุ่ม 77 16.85 0.22
รวม 79 17.44
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.16 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านสร้างเครื อข่ายเพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้และความสาเร็ จ จาแนกตามอายุ พบว่า ครู ที่มีอายุ
ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ด้านสร้างเครื อข่ายเพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้และ
ความสาเร็ จ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.89 0.45 1.44 0.24
ภายในกลุ่ม 77 23.79 0.31
รวม 79 24.68
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
ระดับการศึกษา n X S.D. t P
ปริ ญญาตรี 51 3.95 0.30 -0.29 0.54
ปริ ญญาโท 29 3.97 0.28
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.18 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 โดยรวม จาแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ครู ที่มีระดับการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อ
ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 โดยรวมไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
58
ภาวะผู้นาของผู้บริหารสถานศึกษา ระดับ
n X S.D. t P
ในศตวรรษที่ 21 การศึกษา
ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยน ปริ ญญาตรี 51 3.86 0.33 0.07 0.96
ทุกคน ปริ ญญาโท 29 3.86 0.35
ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ปริ ญญาตรี 51 3.85 0.36 -1.46 0.13
ที่มีประสิ ทธิผล ปริ ญญาโท 29 3.96 0.28
ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้ ปริ ญญาตรี 51 3.94 0.41 -1.40 0.55
ICT ปริ ญญาโท 29 4.07 0.37
ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชน ปริ ญญาตรี 51 3.99 0.35 0.40 0.63
การเรี ยนรู ้ ปริ ญญาโท 29 3.96 0.37
ด้านสร้างเครื อข่ายเพื่อส่ งเสริ มการ ปริ ญญาตรี 51 4.06 0.45 0.41 0.47
เรี ยนรู ้และความสาเร็ จ ปริ ญญาโท 29 4.02 0.51
พัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า ปริ ญญาตรี 51 4.02 0.55 0.32 0.96
ปริ ญญาโท 29 3.98 0.58
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.19 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 รายด้าน จาแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ครู ที่มีระดับการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อ
ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 รายด้านทุกด้านไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
59
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.18 0.09 1.08 0.34
ภายในกลุ่ม 77 6.34 0.08
รวม 79 6.52
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.20 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 โดยรวม จาแนกตามประสบการณ์ในตาแหน่งครู พบว่า ครู ที่มีประสบการณ์ต่างกัน มีความ
คิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 โดยรวม ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.08 0.04 0.34 0.71
ภายในกลุ่ม 77 8.98 0.12
รวม 79 9.06
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.21 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน จาแนกตามประสบการณ์ในตาแหน่งครู พบว่า ครู ที่
มี ป ระสบการณ์ ต่า งกัน มี ค วามคิ ดเห็ น ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห ารสถานศึ กษาในศตวรรษที่ 21
60
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.05 0.03 0.23 0.80
ภายในกลุ่ม 77 8.82 0.11
รวม 79 8.87
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.22 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิ ทธิ ผล จาแนกตามประสบการณ์ในตาแหน่งครู
พบว่า ครู ที่มีประสบการณ์ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษ
ที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ด้านริ เริ่ มการจัด
กิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิ ทธิผล ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.43 0.21 1.37 0.26
ภายในกลุ่ม 77 11.97 0.16
รวม 79 12.39
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
61
จากตารางที่ 4.23 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้ ICT จาแนกตามประสบการณ์ในตาแหน่งครู พบว่า ครู ที่มี
ประสบการณ์ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยน
ทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ด้านสารวจและสนับสนุนการใช้
ICT ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.24 0.12 0.98 0.38
ภายในกลุ่ม 77 9.49 0.12
รวม 79 9.73
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.24 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้ จาแนกตามประสบการณ์ในตาแหน่งครู พบว่า
ครู ที่มีประสบการณ์ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21
โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้
เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
62
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.29 0.15 0.65 0.52
ภายในกลุ่ม 77 17.15 0.22
รวม 79 17.44
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
จากตารางที่ 4.25 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้านสร้ างเครื อข่ายเพื่อส่ งเสริ มการเรี ย นรู ้ และความสาเร็ จ จาแนกตามประสบการณ์ ใน
ตาแหน่งครู พบว่า ครู ที่มีประสบการณ์ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษา
ในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ย นทวี ธ าภิ เ ศก สั ง กัด ส านัก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษามัธ ยมศึ ก ษา เขต 1
ด้านสร้างเครื อข่ายเพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้และความสาเร็ จ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ
0.05
แหล่งความแปรปรวน df SS MS F P
ระหว่างกลุ่ม 2 0.40 0.20 0.64 0.53
ภายในกลุ่ม 77 24.28 0.32
รวม 79 24.68
* ที่ระดับนัยสาคัญ 0.05
63
จากตารางที่ 4.26 การเปรี ย บเที ย บความคิ ด เห็ น ของครู ที่ มี ต่ อ ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ ห าร
สถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 1 ด้า นพัฒ นาคนอื่ น ให้ เ ป็ นผู ้น า จ าแนกตามประสบการณ์ ใ นต าแหน่ ง ครู พบว่ า ครู ที่ มี
ประสบการณ์ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยน
ทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ด้านพัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า ไม่
แตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญที่ระดับ 0.05
64
บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้ อเสนอแนะ
สรุปผลการวิจัย
1. ครู ที่ตอบแบบสอบถาม จานวนมากที่สุด เป็ นดังนี้ เป็ นเพศหญิง คิดเป็ นร้อยละ 59.29
มี อ ายุ 36-45 ปี คิ ดเป็ นร้อยละ 53.75 มี การศึ กษาระดับ ปริ ญญาตรี คิดเป็ นร้อ ยละ 63.75 และมี
ประสบการณ์ในตาแหน่งครู 11-15 ปี คิดเป็ นร้อยละ 38.75
2. ภาวะผู ้น าของผู ้บ ริ ห ารสถานศึ ก ษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ย นทวี ธ าภิ เ ศก สั ง กัด
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ตามความคิดเห็นของครู โดยรวมอยูใ่ นระดับมาก
( X = 3.96) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ทุกด้านอยูใ่ นระดับมาก
2.1 ด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน พบว่า ครู มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของ
ผูบ้ ริ หารสถานศึ กษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานัก งานเขตพื้นที่ก ารศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 1 โดยรวมอยูใ่ นระดับมาก ( X = 3.86) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ทุกข้ออยูใ่ นระดับ
มาก เรี ยงลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ มีการวิเคราะห์จุดแข็งอ่อน
โอกาส และอุปสรรคเพื่อเตรี ยมความพร้อมในการดาเนิ นการพัฒนาผูเ้ รี ยนในศตวรรษที่ 21 ( X =
4.06) รองลงมาคือ มีการจัดทาแผนพัฒนาครู เพื่อการจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 ( X = 4.00) ส่วน
ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่าสุด คือ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการด้านการปรับปรุ งผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน และ
มอบหมายงานอย่างชัดเจน ( X = 3.64)
2.2 ด้านริ เริ่ มการจัดกิ จกรรมการเรี ยนรู ้ที่มี ประสิ ทธิ ผล พบว่า ครู มีความคิดเห็ นต่อ
ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 โดยรวมอยูใ่ นระดับมาก ( X = 3.89) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ทุกข้อ
อยู่ใ นระดับ มาก เรี ย งล าดับ ค่ า เฉลี่ ย จากมากไปหาน้อ ย ดัง นี้ ข้อ ที่ มี ค่าเฉลี่ ยสู งสุ ด คื อ ก าหนด
เป้าหมายและระยะเวลาที่ใช้ในการอบรมพัฒนาครู อย่างเหมาะสม ( X = 4.11) รองลงมาคือ ครู และ
บุคลากรทุกฝ่ ายให้ความร่ วมมือในการดาเนิ นการ ( X = 4.10) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่าสุ ด คือ มีการจัด
กิจกรรมพัฒนาครู เพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21อย่างเหมาะสม ( X = 3.58)
2.3 ด้านสารวจและสนับสนุ นการใช้ ICT พบว่า ครู มีความคิดเห็ นต่อ ภาวะผูน้ าของ
ผูบ้ ริ หารสถานศึ กษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานัก งานเขตพื้นที่ก ารศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 1 โดยรวมอยูใ่ นระดับมาก ( X = 3.99) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ทุกข้ออยูใ่ นระดับ
มาก เรี ย งล าดับ ค่ า เฉลี่ ย จากมากไปหาน้อ ย ดัง นี้ ข้อ ที่ มี ค่าเฉลี่ ยสู งสุ ด คื อ จัด สรรงบประมาณ
ดาเนินการพัฒนาด้าน ICT ( X = 4.15) รองลงมาคือ วางแผนพัฒนาปรับปรุ งการใช้ ICT ในโรงเรี ยน
ให้มีประสิ ทธิภาพ ( X = 4.08) ส่ วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่าสุ ด คือ มี การนาข้อ มูลการติดตามประเมิ นการ
พัฒนาระบบ ICT มาใช้ปรับปรุ งการดาเนินงานเพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 ( X = 3.78)
66
อภิปรายผลการวิจัย
1. ความคิดเห็ นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยน
ทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 พบว่า โดยรวมและรายด้าน อยู่ใ น
ระดับมาก โดยด้านปรับปรุ งผลลัพธ์ของนักเรี ยนทุกคน มีการวิเคราะห์จุดแข็งอ่อน โอกาส และ
อุ ป สรรคเพื่อ เตรี ย มความพร้ อ มในการด าเนิ น การพัฒ นาผูเ้ รี ย นในศตวรรษที่ 21 มี ก ารจัด ท า
แผนพัฒ นาครู เพื่อ การจัดการเรี ย นรู ้ ใ นศตวรรษที่ 21 ด้า นริ เ ริ่ ม การจัด กิ จกรรมการเรี ยนรู ้ ที่ มี
ประสิทธิผล มีการกาหนดเป้าหมายและระยะเวลาที่ใช้ในการอบรมพัฒนาครู อย่างเหมาะสม ครู และ
บุคลากรทุกฝ่ ายให้ความร่ วมมื อ ในการดาเนิ นการ ด้านสารวจและสนับสนุ นการใช้ ICT มี การ
จัดสรรงบประมาณดาเนินการพัฒนาด้าน ICT มีการวางแผนพัฒนาปรับปรุ งการใช้ ICT ในโรงเรี ยน
ให้มีประสิ ทธิภาพ ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้ มีการศึกษาวิเคราะห์สภาพปั ญหา
ชุ ม ชนเพื่ อ การวางแผนพัฒ นา จัด อบรมพัฒ นาครู เ พื่ อ ด้า นการจัด การเรี ย นการสอนให้ มี
ประสิ ทธิ ภาพมากยิ่งขึ้น ด้านสร้างเครื อ ข่า ยเพื่อ ส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้และความส าเร็ จ สามารถใช้
เครื อข่ายกลุ่มโรงเรี ยนส่งเสริ มการเรี ยนรู ้ ประชุมคณะครู และผูเ้ กี่ยวข้องเพือ่ วางแผนสร้างเครื อข่าย
ส่งเสริ มการเรี ยนรู ้ และด้านพัฒนาคนอื่นให้เป็ นผูน้ า ครู สามารถจัดตั้งทีมงานเลือกผูน้ าและเป็ นผู ้
ตามได้อย่างเหมาะสม พัฒนาครู ให้สามารถเป็ นผูน้ าได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับงานวิจยั ของ
ชัยยันต์ ฉิ มกล่อม (2555) ได้ศึกษาเรื่ อง ทักษะการบริ หารงานของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาตามทัศนะ
ของครู ผูส้ อนในอ าเภอบางละมุ ง สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
พบว่า ทักษะการบริ หารงานของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาความทัศนะของครู ผสู ้ อนที่ปฏิบตั ิการสอนใน
ระดับ ประถมศึ ก ษาและมั ธ ยมศึ ก ษา ในเขตอ าเภอบางละมุ ง ส านั ก งานเขตพื้น ที่ ก ารศึ ก ษา
ประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 โดยรวมและรายด้านอยูใ่ นระดับมาก สอดคล้องกับงานวิจยั ของสาเร็ จ
วงศ์ศกั ดา (2557) ได้ศึกษาวิจยั เรื่ อง รู ปแบบการพัฒนาผูบ้ ริ หารสถานศึกษาเพือ่ ส่งผลต่อความสาเร็ จ
ในการบริ หารการศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พบว่า ผูบ้ ริ หารเห็นว่า ตนมี
การปฏิ บ ัติ ง านด้า นการบริ ห ารในสถานศึ ก ษา อยู่ใ นระดับ มาก ผลการวิเ คราะห์ ข ้อ มู ล จาก
68
ให้เป็ นผูร้ ู ้ นาความรู ้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบตั ิงาน ให้เกิดประสิ ทธิ ภาพ และประสิ ทธิผล
และ (6) นิเทศ ติดตามและประเมินผล
2. จากการเปรี ยบเทียบความคิดเห็นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 จาแนกตามเพศ
อายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ ในตาแหน่ งครู พบว่า ครู ที่มี เพศ อายุ ระดับการศึกษา และ
ประสบการณ์ในตาแหน่ งครู ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษ
ที่ 21 โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 โดยรวมและราย
ด้านทุกด้าน ไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้ อาจเนื่ องมาจากผูบ้ ริ หารมีภาวะผูน้ าในศตวรรษที่ 21 ที่เน้นการ
จัด การเรี ย นการสอนที่ คานึ งถึ ง ผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ ท าให้ค รู ทุก คนมี ค วามเข้าใจถึ ง บทบาทของ
ผูบ้ ริ หารเป็ นไปในทิศทางเดียวกัน สอดคล้องกับงานวิจยั ของตุล เชื้อจารู ญ (2556) ได้ศึกษาสภาพ
ปั ญหาและความต้องการพัฒนาด้านการจัดการเรี ยนการสอนที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญของสถานศึกษา
ในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ ผลการเปรี ยบเทียบความต้องการ
การจัดการเรี ยนการสอนที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ จาแนกตามตาแหน่ ง ประสบการณ์ วุฒิการศึกษา
พบว่า หัวหน้าแผนกและครู ผูส้ อนมี ความคิดเห็ นไม่ แตกต่างกัน และสอดคล้อ งกับงานวิจยั ของ
สุวจั น์ ศรี สวัสดิ์ (2556) ได้ศึกษาสภาพปั ญหาและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรี ยนการสอนที่เน้น
ผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญของครู ในสังกัดองค์การบริ หารส่ วนจังหวัดกาฬสิ นธุ์ ผลการวิจยั พบว่า ครู ที่มีเพศ
วุฒิการศึกษา และการสอนในกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ ต่างกันเห็นว่าปั ญหาการจัดการเรี ยนการสอนที่
เน้น ผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญไม่ แตกต่างกัน นอกจากนี้ ยังพบว่า สุ วจั น์ ศรี สวัสดิ์ (2556) ได้เสนอแนว
ทางการพัฒนาการจัดการเรี ยนการสอนที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญของครู ในสังกัดองค์การบริ หารส่วน
จังหวัดกาฬสิ นธุ์ ในด้านการวางแผนการสอน ด้านการเตรี ยมการสอน ด้านการจัดการเรี ยนรู ้ และ
ด้านการวัดผลและประเมินผล ว่า 1) ครู เห็นว่าปั ญหาการจัดการเรี ยนการสอนที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ น
สาคัญของโรงเรี ยนในสังกัดองค์การบริ หารส่ วนจังหวัดกาฬสิ นธุ์ โดยรวมและรายด้านอยูใ่ นระดับ
ปานกลาง 2) ครู ที่มีเพศ วุฒิการศึกษา และการสอนในกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ ต่างกันเห็นว่าปั ญหาการ
จัดการเรี ยนการสอนที่เน้น ผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญไม่ แตกต่างกัน 3) ข้อเสนอแนะการจัดการเรี ยนการ
สอนที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ ด้านการวางแผนการสอน เห็นว่าสถานศึกษาควรมีการกาหนดนโยบาย
และการประชุมวางแผนงานที่ ชัดเจนในการบริ หารจัดการสถานศึกษา ศึกษาสภาพปั จจุบนั ศึกษา
ปั ญหาและแต่งตั้งคณะกรรมการ ทางานเพื่อรับผิดชอบในการบริ หารการศึกษาให้มีคุณภาพ และ
ส่งเสริ มในด้านการประเมินผลการ เรี ยนรู ้เพือ่ หาแนวทางที่เหมาะสมมาปรับปรุ งแก้ไขการเรี ยนของ
นักเรี ยนให้เกิดการเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง ด้านการเตรี ยมการสอน ควรมี การจัดประชุมผูบ้ ริ หารและ
บุคลากรเพื่อ ร่ ว มกันคิ ดวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ย นของนักเรี ยนทุ กชั้นและเปรี ยบเทีย บ
70
ข้ อเสนอแนะในการวิจัย
จากผลการวิจยั เรื่ อง ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21โรงเรี ยนทวีธา
ภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ในครั้งนี้ ผูว้ จิ ยั มีขอ้ เสนอแนะ ดังนี้
ข้ อเสนอแนะในการวิจัยครั้งนี้
1. ด้า นปรั บ ปรุ ง ผลลัพ ธ์ ข องนั ก เรี ย นทุ ก คน ผู ้บ ริ ห ารสถานศึ ก ษาควรมี ก ารแต่ ง ตั้ง
คณะกรรมการด้านการปรับปรุ งผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน และมอบหมายงานให้ชดั เจน
2. ด้านริ เริ่ มการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ที่มีประสิทธิผล ผูบ้ ริ หารสถานศึกษาควรจัดกิจกรรม
พัฒนาครู เพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 ให้มีความเหมาะสม และต่อเนื่อง
3. ด้านสารวจและสนับสนุ นการใช้ ICT ผูบ้ ริ หารสถานศึกษาควรนาข้อ มูลการติดตาม
ประเมินการพัฒนาระบบ ICT มาใช้ปรับปรุ งการดาเนิ นงานเพื่อการจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21
ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล
4. ด้านพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้ ผูบ้ ริ หารสถานศึกษาควรติดตามประเมินผล
วิเคราะห์ เพือ่ ปรับปรุ งแก้ไขการดาเนินการพัฒนาครู อย่างต่อเนื่อง
71
ข้ อเสนอแนะในการวิจัยในครั้งต่ อไป
1. ควรท าการวิจ ัย ในเรื่ อ งนี้ ในสถานศึ กษาหรื อ เขตการศึ ก ษาอื่ น ๆ เพื่อ ให้ไ ด้ข ้อ มู ล ที่
เหมาะสมและถูกต้องมากยิง่ ขึ้น
2. ควรทาการวิจยั เรื่ องนี้ โดยการเปรี ยบเทียบกันระหว่างสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขต
พื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 กับสถานศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขตอื่น ๆ เพือ่ เปรี ยบเทียบความคล้ายคลึงและความแตกต่างของภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษา
ในศตวรรษที่ 21
3. ควรทาการวิจยั เกี่ยวกับองค์ประกอบของภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษ
ที่ 21
72
บรรณานุกรม
กฤติยา ใจหลัก. (2560). “ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของข้าราชการครู ในสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาพังงา”.วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
(2)1, 99-110
กระทรวงศึกษาธิการ. (2558). เอกสารแนวทางการจัดการเรี ยนรู้ ในศตวรรษที่ 21. กรุ งเทพมหานคร:
โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์
จิน ตนา สุ จจานันท์. (2556). การศึ กษาและการพั ฒ นาชุ ม ชนในศตวรรษที่ 21. กรุ ง เทพมหานคร:
โอเดียนสโตร์.
ดุษฎีรัตน์ โกสุมภ์ศิริ.(2560). “ภาวะผูน้ าแบบดุลยภาพ – ภาวะผูน้ าสาหรับศตวรรษที่ 21”.วารสารสมคม
นักวิจัย (22), 3, 110-119.
บุญญา ทรัพย์โสม. (2560). “ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาหญิงในทรรศนะของครู ผสู ้ อนสังกัด
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรี ธรรมราช เขต 4”.วารสารบัณฑิตศึกษา
มหาราชภัฏสกลนคร (14),66. 132-142.
พัทธนันท์ รชตะไพโรจน์. (2559). “การพัฒนาทักษะการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 ของครู โรงเรี ยนเอกชน
อาเภอเมือง จังหวัดลาพูน”. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น.
พิชญา ดานิล .(2559). “ภาวะผูน้ าในศตวรรษที่ 21 ของผูบ้ ริ หารคณะศิลปศึกษาและห้องเรี ยนเครื อข่าย
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ”. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น.
พิชนันท์ ขันอาสา. (2556). “สภาพปั ญหาและแนวทางพัฒนาการจัดการเรี ยนการสอนที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ น
สาคัญของโรงเรี ย นสังกัดส านักงานเขตพื้นที่ก ารศึกษาประถมศึก ษานครราชสี มา เขต 3”.
วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2557). ทักษะ 5C เพื่อการพัฒนาหน่ วยการเรียนรู้ และการจัด
การเรียนการสอนแบบบูรณาการ. กรุ งเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
มัลลิ กา วิเชียรดี. (2556). “สภาพปั ญหาและแนวทางพัฒนาการจัดการเรี ยนรู ้ที่เน้นผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ
ของโรงเรี ยนในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชัยภูมิ เขต 1”. วิทยานิพนธ์
การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
73
ธี ระ รุ ญ เจริ ญ .(2559). วิถี ส ร้ า งการเรี ย นรู้ เ พื่ อ ศิ ษย์ ใ นศตวรรษที่ 21. กรุ งเทพมหานคร: มู ลนิ ธิส ด
ศรี สฤษดิ์วงศ์.
วิโรจน์ สารรัตนะ. (2556). กระบวนทัศน์ ใหม่ ทางการศึกษา กรณีทัศนะต่ อการศึ กษาศตวรรษที่ 21.
กรุ งเทพมหานคร: ทิพยวิสุทธิ.
สุ วจั น์ ศรี สวัสดิ์.( 2556). “สภาพปั ญหาและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรี ยนการสอนที่เน้นผูเ้ รี ยน
เป็ นสาคัญ ของครู ใ นสังกัด องค์ก ารบริ ห ารส่ ว นจัง หวัด กาฬสิ น ธุ์”.วิ ท ยานิ พ นธ์ ก ารศึ ก ษา
มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สานัก งานคณะกรรมการการศึ ก ษาขั้น พื้น ฐาน.(2560). แผนปฏิ บ ัติ การส านัก งานคณะกรรมการ
การศึ ก ษาขั้น พื้น ฐาน ปี งบประมาณ 2560. กรุ ง เทพมหานคร : ส านัก นโยบายและแผน
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน.
Carter. (1976). Dictionary of Education. 3rd edition. New York: McGraw-Hill Book.
Cherrington. (1989). Organization Behavior : The Management of Individual and
Organization Performance. Boston : Allyn and Bacon Inc.
Coleman. (2008). “Problem-Based Learning : A New Approach for teaching Gifted Students”, Gifted
Today Magazine. 18 (May-June 1995),18-19.
Cronbach, L. J. et. Al. (1973). Toward Reform of Program Evaluation. California : Jossey-Bass
Publishers.
Ejimofor, F. O. (2008). Principals’ Transformational Leadership Skills and Their Teachers’Job
Satisfaction in Nigeria. Doctoral Dissertation. Cleveland State University.
Gerald Aungus (2012). 21 st Century Administrators: New Roles, New Responsibilities) แหล่ ง
สื บ ค้น http://www.geraldaungst.com/blog/2012/03/21st-century-administrators-new-roles-
newresponsibilities/Hollander E.P. 1 9 7 8 . Leadership in dynamics: A practical guide to
effective relationships. New York : Free Press
George Couros (2010) The 21st Century Principal. : http://connectedprincipals.com/archives/1663.
Grossman, F. K. (2011). “Risk and resilience in young adolescent” Journal of Youth and Adolescent,
21, 259-550.
74
Howard Gardner. (2010). “The leader as moral agent: Praise, blame, and the artificial person”. The
Journal of Values Based Leadership, 4 (1), 93–104..
James Bellanca and Ron Brandt. (2010). Essential Skills for Potential School Administrators: A
Case Study of One Saskatchewan Urban School Division. University of
Jacobs & Jaques. 1990). Leadership is a process of giving purpose. (meaningful
direction) to collective effort, and causing willing effort to be expended to
achieve purpose.
Kaplan, Leslie S. & Owings. (2002). “Principal Quality: A Virginia Study Connecting Interstate School
Leaders Licensure Consortium Standards with Student Achievement” . NASSP Bulletin.
89(643): 28-44. Retrieved January 4, 2006, from http://vnweb.hwwilsonweb.com/
Katz, R. L. & Kahn. (1978). Skill of an Effectiveness Administrators. Harvard Business. Review.
January – February.
Kellerman, L.R. (1999). An Issue as an Organizer : A case Study. In R.E. Yager (ed.).
Lambert, V. A., Lambert, C. E. & Ito, M. (2004). Workplace stressors,ways of coping and demographic
characteristics as predictors of physical and mental health of Japanese hospital nurses.
International Journal of Nursing Studies, 41(4), 85 - 97.
Maxine (2015).The 4 Types of School Principals.(ออนไลน์) : http://mawiasgedom.com/the-4-typesof-
school-principals/
Richard Gregory (2010). “Customer Relationship Management : Finding Value
Drivers”. Industrial Marketing Management. 37 (2) pp. 120-130.
Schein, Edgar H. (1999). The Corporate Culture Survival Guide: Sense and Nonsenseabout Culture
Change. California: Jossey-Bass.
Sharman, M.M. (2005). An integrative theory of leadership. Mahwah, NJ: Lawrence Erbaum.
75
ภาคผนวก
76
ภาคผนวก ก
เครื่ องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย
77
แบบสอบถามเพือ่ การวิจยั
เรื่ อง ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21:
ศึกษากรณี โรงเรี ยนทวีธาภิเศก
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1
คาชี้แจง
1. แบบสอบถามนี้ เป็ นส่ วนหนึ่ งของรายวิชาการค้นคว้าอิสระตามหลักสู ตรศึกษาศาสตร
มหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริ หารการศึกษา มหาวิทยาลัยเกริ ก
2. มีวตั ถุประสงค์เพือ่ ศึกษาภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยใช้การ
ศึกษากรณี โรงเรี ยนทวีธาภิเศก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1
3. ข้อมู ลที่ได้จากการศึกษา จะนามาวิเคราะห์และสรุ ปเป็ นภาพรวมเพื่อ ประโยชน์ทาง
การศึกษาเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการทางานของท่านแต่อย่างใด
4. แบบสอบถามแบ่งออกเป็ น 2 ตอน คือ
ตอนที่ 1 ข้อมูลสถานภาพของผูต้ อบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 สอบถามความคิดเห็ นของครู ที่มีต่อภาวะผูน้ าของผูบ้ ริ หารสถานศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21
ตอนที่ 1 ข้ อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม
คาชี้แจง โปรดทาเครื่ องหมาย ลงใน ( ) ทีต่ รงกับความเป็ นจริ งของท่าน
1. เพศ ( ) ชาย ( ) หญิง
2. อายุ ( ) ไม่เกิน 35 ปี ( ) 36 - 45 ปี ( ) 46 ปี ขึ้นไป
3. ระดับการศึกษา ( ) ปริ ญญาตรี ( ) ปริ ญญาโท ( ) ปริ ญญาเอก
4. ประสบการณ์ในตาแหน่งครู ( ) ไม่เกิน 10 ปี ( ) 11 -15 ปี ( ) 16 ปี ขึ้นไป
ระดับความคิดเห็น
มาก มาก ปาน น้ อย น้ อย
รายการ
ที่สุด กลาง ที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
ท่านมีความคิดเห็นต่อการมีภาวะผูน้ าในศตวรรษที่ 21 ของผูบ้ ริ หารในโรงเรี ยนของท่าน แต่ละด้านต่อไปนี้
ในระดับใด
ด้ านปรับปรุงผลลัพธ์ ของนักเรียนทุกคน
1. มีการจัดทาแผนงาน/โครงการเพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21
2. มีการประชุมครู เพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21
79
ระดับความคิดเห็น
มาก มาก ปาน น้ อย น้ อย
รายการ
ที่สุด กลาง ที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
3. มีการแต่งตั้งคณะกรรมการด้านการปรับปรุ งผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรี ยน และมอบหมายงานอย่างชัดเจน
4. มีการจัดทาแผนพัฒนาครู เพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21
5. มีการสารวจสภาพปั ญหาการจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 เพือ่ นา
ข้อมูลมาพิจารณาจัดอบรมครู
6. มีการวิเคราะห์จุดแข็งอ่อน โอกาส และอุปสรรคเพือ่ เตรี ยมความ
พร้อมในการดาเนินการพัฒนาผูเ้ รี ยนในศตวรรษที่ 21
7. มีการจัดสรรงบประมาณจัดทาโครงการพัฒนาครู เพือ่ การจัดการ
เรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 อย่างเพียงพอ
ด้ านริเริ่มการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่มปี ระสิ ทธิผล
8. จัดหาหลักสูตรการพัฒนาครู เพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21
9. มีการจัดกิจกรรมพัฒนาครู เพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21
อย่างเหมาะสม
10. มีการเชิญวิทยากรจากภายนอกหรื อหน่วยงานทางการศึกษา มาให้
ความรู ้
11. มีการจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการอบรมพัฒนาครู อย่าง
เหมาะสม
12. มีครู เข้ารับการอบรมพัฒนาตามเป้าหมายที่วางไว้
13. ผูบ้ ริ หารโรงเรี ยนส่งเสริ มสนับสนุนการดาเนินงานและอานวย
ความสะดวกต่าง ๆ
14. ครู และบุคลากรทุกฝ่ ายให้ความร่ วมมือในการดาเนินการ
15. กาหนดเป้าหมายและระยะเวลาที่ใช้ในการอบรมพัฒนาครู อย่าง
เหมาะสม
ด้ านสารวจและสนับสนุนการใช้ ICT
16. มีการสารวจสภาพปั ญหาและระบบ ICT ของโรงเรี ยน
80
ระดับความคิดเห็น
มาก มาก ปาน น้ อย น้ อย
รายการ
ที่สุด กลาง ที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
17. วางแผนพัฒนาปรับปรุ งการใช้ ICT ในโรงเรี ยนให้มีประสิทธิภาพ
18. แต่งตั้งคณะทางานด้านปรับปรุ งและพัฒนาระบบ ICT ของ
โรงเรี ยนและมอบหมายผูร้ ับผิดชอบ
19. จัดสรรงบประมาณดาเนินการพัฒนาด้าน ICT
20. ประชุมชี้แจงครู ดา้ น การใช้ ICT เพือ่ พัฒนาทักษะการจัดการ
เรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21
21. ส่ งเสริ มสนับสนุนให้ครู พฒั นาหรื อเข้ารับการอบรมการใช้ ICT
22. มีการติดตามประเมินผลการพัฒนาระบบ ICT
23. มีการนาข้อมูลการติดตามประเมินการพัฒนาระบบ ICT มาใช้
ปรับปรุ งการดาเนินงานเพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21
ด้ านพัฒนาโรงเรียนให้ เป็ นชุมชนการเรียนรู้
24. มีการสารวจสภาพปั ญหาชุมชน
25. มีการศึกษาวิเคราะห์สภาพปั ญหาชุมชนเพือ่ การวางแผนพัฒนา
26. จัดทาแผนพัฒนาโรงเรี ยนให้เป็ นชุมชนการเรี ยนรู ้
27. การประสานความร่ วมมือจากวิทยากรและหน่วยงานทางการศึกษา
เพือ่ หาแนวทางการพัฒนาครู อย่างเหมาะสม
28. จัดอบรมพัฒนาครู เพือ่ ด้านการจัดการเรี ยนการสอนให้มี
ประสิทธิภาพมากยิง่ ขึ้น
29. ประสานความร่ วมมือของครู และนักเรี ยนในด้านการพัฒนาชุมชน
30. มีการติดตามประเมินผล วิเคราะห์เพือ่ ปรับปรุ งแก้ไขการ
ดาเนินการพัฒนาครู ในครั้งต่อไป
ด้ านสร้ างเครื อข่ ายเพื่อส่ งเสริมการเรียนรู้ และความสาเร็จ
31. ประชุมคณะครู และผูเ้ กี่ยวข้องเพือ่ วางแผนสร้างเครื อข่ายส่งเสริ ม
การเรี ยนรู ้
32. จัดทาแผนพัฒนาเครื อข่ายเพือ่ ส่งเสริ มการเรี ยนรู ้
81
ระดับความคิดเห็น
มาก มาก ปาน น้ อย น้ อย
รายการ
ที่สุด กลาง ที่สุด
(5) (4) (3) (2) (1)
33. สามารถใช้เครื อข่ายกลุ่มโรงเรี ยนส่งเสริ มการเรี ยนรู ้
34. ปรับปรุ งพัฒนาเครื อข่ายส่งเสริ มการเรี ยนรู ้ให้มีประสิทธิภาพ
35. ผูบ้ ริ หารสามารถทาให้โรงเรี ยนเป็ นเครื อข่ายส่งเสริ มการเรี ยนรู ้
ให้แก่โรงเรี ยนในกลุ่ม
36. นักเรี ยนใช้เครื อข่ายการเรี ยนรู ้เพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน
พัฒนาคนอื่นให้ เป็ นผู้นา
37. มีการพัฒนาครู ให้มีภาวะผูน้ าทางวิชาการ
38. ส่ งเสริ มให้ครู ในโรงเรี ยนคิดและตัดสินใจทางานในหน้าที่ได้อย่าง
คล่องตัว
39. ครู สามารถจัดตั้งทีมงานเลือกผูน้ าและเป็ นผูต้ ามได้อย่างเหมาะสม
40. พัฒนาครู ให้สามารถเป็ นผูน้ าได้อย่างเหมาะสม
82
ภาคผนวก ข
- รายชื่อผูเ้ ชี่ยวชาญ
- หนังสื อขอความร่ วมมือเก็บข้อมูล
83
รายชื่ อผู้เชี่ยวชาญ
ผูเ้ ชี่ยวชาญตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถาม
มหาวิทยาลัยเกริก
หน่ วยงาน คณะศิลปศาสตร์
ที่ 1314/41 1 สิงหาคม 2561
เรื่ อง ขอความร่ วมมือในการค้นคว้าอิสระของนักศึกษา
เรียน ผูอ้ านวยการโรงเรี ยนทวีธาภิเษก
เกสิณี ชิวปรี ชา
แ (ดร. เกสิณี ชิวปรี ชา)
ผูอ้ านวยการหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
85
ภาคผนวก ค
ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC : Index of Item Objective Congruence)
86
ความคิดเห็น
ของผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC
รายการประเมิน
1 2 3 เฉลี่ย
ด้ านปรับปรุงผลลัพธ์ ของนักเรียนทุกคน +1 +1 +1 +3 1
1. มีการจัดทาแผนงาน/โครงการเพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 +1 +1 +1 +3 1
2. มีการประชุมครู เพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 +1 0 +1 +2 0.67
3.มีการแต่งตั้งคณะกรรมการด้านการปรับปรุ งผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน +1 +1 +1 +3 1
และมอบหมายงานอย่างชัดเจน
4. มีการจัดทาแผนพัฒนาครู เพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 +1 +1 +1 +3 1
5. มีการสารวจสภาพปั ญหาการจัดการเรี ยนรู ้ในศตวรรษที่ 21 เพือ่ นา +1 +1 +1 +3 1
ข้อมูลมาพิจารณาจัดอบรมครู
6. มีการวิเคราะห์จุดแข็งอ่อน โอกาส และอุปสรรคเพือ่ เตรี ยมความพร้อม +1 +1 +1 +3 1
ในการดาเนินการพัฒนาผูเ้ รี ยนในศตวรรษที่ 21
7.มีการจัดสรรงบประมาณจัดทาโครงการพัฒนาครู เพือ่ การจัดการเรี ยนรู ้ใน +1 0 +1 +2 0.67
ศตวรรษที่ 21 อย่างเพียงพอ
87
ความคิดเห็น
ของผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC
รายการประเมิน
1 2 3 เฉลี่ย
ความคิดเห็น
ของผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC
รายการประเมิน
1 2 3 เฉลี่ย
ภาคผนวก ง
ผลการวิเคราะห์ ค่าความเชื่ อมัน่ (Reliability) ของแบบสอบถาม
91
Item-Total Statistics
Scale Mean if Scale Variance if Corrected Item-Total Cronbach's Alpha if
Item Deleted Item Deleted Correlation Item Deleted
เครื อข่าย1 174.37 234.309 .757 .949
เครื อข่าย2 174.23 242.944 .427 .952
เครื อข่าย3 174.10 239.472 .679 .950
เครื อข่าย4 173.87 245.568 .445 .951
เครื อข่าย5 174.33 247.609 .305 .952
เครื อข่าย6 173.73 244.823 .503 .951
ผูน้ า1 173.67 245.333 .559 .951
ผูน้ า2 173.63 249.206 .331 .952
ผูน้ า3 173.87 241.706 .646 .950
ผูน้ า4 174.03 242.723 .555 .951
Reliability
Scale: ALL VARIABLES
Reliability Statistics
Cronbach's Alpha N of Items
.952 40
93
ประวัติผ้ ศู ึกษา