Professional Documents
Culture Documents
หลักการสอนดนตรี4
หลักการสอนดนตรี4
ปรัชญาและหลักการสอนดนตรี
บพิตร เคาหัน
*นักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาดุริยางคศิลป
คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยขอนแกน
1 ปรัชญาที่เกี่ยวของกับดนตรีศึกษา
ในการจัดการเรียนการสอนไมวาสาขาวิชาใดก็ตาม ลวนตองมีหลักปรัชญาสําหรับเปนเครื่องนํา
ทางไปสูเปาหมายของแตละสาขาวิชา ซึ่งจะสะทอนถึงความเชื่อ ทัศนคติ และเปาหมายของการจัดการเรียนการ
สอนที่มีทิศทางชัดเจนของผูที่รับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอน ดนตรีก็เปนอีกสาขาวิชาหนึ่งที่มีการสั่งสม
ความรูและภูมิปญญา ผานกระบวนการถายทอดหลากหลายรูปแบบซึ่งจะมีหลักปรัชญาหลายสาขาที่ตางมีแนวคิด
ที่หลากหลายแตกตางกันออกไป
ณรุทธิ์ สุทธจิตต (2555) ไดเสนอปรัชญาที่เกี่ยวกับการสอนดนตรีที่มาจาก 4 สาขาที่มีแนวคิด
แตกตางกัน ดังตอไปนี้
1) ธรรมชาตินิยม (Naturalism) นักปรัชญาที่สําคัญของกลุมนี้ไดแก รุสโซ (Jean-Jacques
Rousseau) และเลอูซิปปุส (Leucippus) กลุมธรรมชาตินิยมเปนกลุมที่เชื่อวา ความงามที่เรียบงายตามธรรมชาติที่
ปราศจากการปรุงแตงที่ซับซอนนั้นเปนสิ่งที่มีคุณคาในทางสุนทรียะ ดังนั้นผลงานการสรางสรรคงานดนตรีจึงควร
เปนไปแบบเรียบงายไมเนนความวิจิตรหรือความซับซอนสามารถเขาใจและเขาถึงบทเพลงไดงาย นอกจากนี้กลุม
ธรรมชาตินิยมยังเชื่อวาในการศึกษานั้น ควรเปนไปตามพัฒนาการของผูเรียน เนื้อหาควรเปนสิ่งที่ผูเรียนสนใจและ
มีความเพลิดเพลินเนนใหผูเรียนเรียนรูและคนพบสิ่งตางๆดวยตัวเอง ครูผูสอนทําหนาที่เตรียมความพรอมให
2) จิตนิยม (Idealism) นักปรัชญาที่สําคัญของกลุมนี้ไดแก โซคราติส (Socrstes) พลาโต
(Plato) เอมานุเอล คานท (Emanuel Kant) เปนตน กลุมจิตนิยมเชื่อวาความจริงไมสามารถสัมผัสและรับรูไดดวย
ประสาทสัมผัส ความจริงนั้นมาจากความคิดที่อยูภายในจิตใจของมนุษย สําหรับการศึกษากลุมจิตนิยมแบงระดับ
ความสําคัญของประเภทรายวิชาออกเปน 3 ระดับ โดยวิชาที่มีความสําคัญที่สุดคือวิชาที่ตองใชทักษะทางความคิด
ขั้นสูง และจินตนาการ ไดแก ศิลปะ ดนตรี วรรณคดี คณิตศาสตร เปนตน สวนวิชาที่สําคัญรองลงมาคือกลุมวิชาที่
เกิดการเรียนรูจากการทดสอบและพิสูจน เชน กลุมวิชาวิทยาศาสตร สวนกลุมวิชาที่สําคัญนอยที่สุดคือกลุมวิชาที่
ตองใชการลงมือปฏิบัติเปนหลัก ไดแก วิชากลุมคหกรรม วิชาชางกล งานประดิษฐ เปนตน และ
3) สัจนิยม (Realism) อริสโตเติล (Aristotle) ฟรานซิส เบคอน (Francis Bacon) และจอหน
ล็อค (John Locke) เปนตน กลุมนี้เชื่อวามนุษยสามารถสัมผัสความจริงได โดยการรับรูจากสิ่งรอบตัว นอกจากนี้
ยังเชื่อวาสรรพสิ่งใดๆลวนเกิดจากการรับรูในสิ่งที่มีมากอนแลวทั้งสิ้น สวนดานการศึกษานั้นกลุมสัจนิยมจะให
ความสําคัญกับครูผูสอนเปนหลัก ผูเรียนจะไดเรียนในสิ่งที่ครูไดจัดเตรียมไวให ไมเนนจัดการสอนตามความตองการ
ของผูเรียน การสอนดนตรีเนนใหผูเรียนไดเกิดการสัมผัสกับดนตรี เชน การฟงเสียงดนตรีและการปฏิบัติดนตรี การ
ทําความเขาใจ การเรียนจากประสบการณตรงทางดนตรี โดยใชการวัดและประเมินผลเปนตัวสะทอนความเขาใจ
ของผูเรียน
4) ปฏิบัตินิยม (Pragmatism) นักปรัชญาที่สําคัญของกลุมนี้ไดแก เฮราซิลตุส (Heraciltus)
จอน ดิวอี้ (John Dewey) เปนตน กลุมปฏิบัตินิยมจะใหความสําคัญกับกระบวนการเรียนรูมากกวาผลลัพธ และให
2
ความสําคัญกับพัฒนาการของผูเรียนที่เหมาะกับการจัดการเรียนรู ใหความสําคัญกับการเรียนรูจากประสบการณ
ตรงที่สอดคลองกับชีวิตจริงของผูเรียน การเรียนการสอนควรมีความหลากหลายไมยึดติดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
อยางเดียว รูปแบบการสอนบริบทตางๆควรเอื้อตอการเรียนรูของผูเรียน นอกจากนี้การวัดและประเมินผลเปนสิ่งที่
กลุมปฏิบัตินิยมใหความสําคัญอยางมากโดยเนนที่กระบวนการจัดการเรียนการสอนตั้งแตตนจนจบสวนผลลัพธที่
ไดนั้นกลุมปฏิบัตินิยมไดใหความสําคัญทั้งผลลัพธทางตรงและทางออม ซึ่งผลลัพธทางตรง เชน ความรู ทักษะ
ประสบการณทางดนตรี สวนผลลัพธทางออม เชน ความสนุกเพลิดเพลิน ทักษะทางสังคม สุขภาพกายและจิตใจที่
เขมแข็ง เปนตน
Kohut (1996) ไดสรุปเกี่ยวกับปรัชญาที่เปนพื้นฐานของการสอนดนตรีไววา กุญแจสําคัญในการ
เรียนการสอนดนตรีที่ประสบความสําเร็จคือการเนนปจจัยพื้นฐานดนตรี สอนพวกเขาทีละเล็กทีละนอยตามลําดับ
เหตุผลและสอนอยางทั่วถึง สิ่งแรกและเปนสิ่งที่สําคัญที่สุดคือการฝกฝนพื้นฐานเรื่องโสตประสาท นักเรียนจะตองมี
การเรียนการสอนตั้งแตเริ่มตนสําคัญของการฟงเสียง น้ําเสียงที่เปลงออกและการแสดงออกทางดนตรี หากครูที่
ไมไดฝกฝนเรื่องนี้ยอม ไมสามารถประสบความสําเร็จหรือบรรลุวัตถุประสงคทางการสอนดนตรีที่ถูกตอง
นักศึกษาครูดนตรีจะตองไดรับการสอนที่เหมาะสมในแนวคิดทางดนตรี ซึ่งครูดนตรีจะตองเปนนักดนตรีที่ดี
เพื่อที่จะทําใหการสอนดนตรีประสบผลสําเร็จได
ยิ่งไปกวานั้นคือการสอนดนตรีโดยการใหนักเรียนเลียนแบบการเลนดนตรีจากครูในขณะเดียวกัน
ก็คอยๆสงเสริมการเลนดนตรีโดยใชโสตประสาทใหมากที่สุด สําหรับโนตดนตรีนั้นไมควรนํามาใชสอนจนกวา
นักเรียนมีความรูความเขาใจที่เหมาะสมเกี่ยวกับเครื่องดนตรีของตัวเองการเรียนรูที่จะเลนดนตรีโดยใชโสตประสาต
นั้นไมใชเรื่องงาย ไมตางจากการเรียนรูอยางอื่น ซึ่งตองมีการฝกปฏิบัติอยางมาก ใชความอดทน และนักเรียนตอง
ตระหนักรูถึงความสําคัญขอนี้
เชนเดียวกับการเรียนรูที่จะอานโนตดนตรี ทั้งสองกรณีนี้เปนไปตามภาษิตที่วาความ สามารถนั้น
เกิดจาก แรงบันดาลใจ 1 เปอรเซ็นต และอาศัยหยาดเหงื่ออีก 99 เปอรเซ็นต ไมมีเคล็ดลับหรือทางลัดงายๆที่จะเปน
นักดนตรีที่เกงไดเลยนอกจากความอดทนและความพยายามแตอยางไรก็ตามครูดนตรีและนักเรียนบางสวนได
พยายามแสวงหาวิธีการที่งายและรวดเร็วในการพัฒนาความสามารถทางดนตรี แตนาเสียดายที่สุดทายแลวอะไรก็
ตามที่สําเร็จดวยเวลาอันสั้นและใชความเพียรพยายามที่นอย ยอมสงปญหาตามมาทีหลังเสมอ ครูทุกคนควรมุงมั่น
ที่จะใหเปดใจรับความคิดใหม ใหความสําคัญกับปจจัยพื้นฐานที่จําเปนตอการสอนดนตรี
2 ปรัชญาการสอนดนตรีไทย
ปรัชญาในการถายทอดทักษะและความรูเกี่ยวกับดนตรีไทยในอดีตนั้น ลูกศิษยที่สนใจศึกษาเลา
เรียนดนตรีจะไปฝากตัวเปนศิษยกับสํานักดนตรีบานตางๆ โดยจะมีครูคอยอบรมสั่งสอนถายทอดวิชาความรู ซึ่งลูก
ศิษยเมื่อฝากตัวเปนศิษยแลวเปรียบเสมือนคนในครอบครัว ลูกศิษยจะตองปรนนิบัติดูแลครูเหมือนดั่งพอแม เพื่อ
แสดงความกตัญูรูคุณ และครูก็จะถายทอดวิชาความรูใหเพื่อสามารถนําไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวได ดังที่พงษ
ศิลป อรุณรัตน (2543) ไดกลาวเกี่ยวกับรูปแบบการถายทอดความรูทางดนตรีไทยในอดีตไววา การศึกษาดนตรีไทย
ในอดีตนั้นจะมีสํานักดนตรีหลายแหง ผูที่จะเรียนดนตรีนั้นจะเลือกตามชื่อเสียงของครูและเครื่องมือที่ตนถนัด ซึ่ง
เมื่อฝากตัวเขาไปเรียนแลวจะไมมีคาใชจายในการเลาเรียนอยางใดเลย แตลูกศิษยจะตองดูแลปรนนิบัติครู ไมวาจะ
3
ของออรฟ” นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีอีกหลายชนิดที่ออรฟไดนํามาใชในการสอนซึ่งเปนที่รูจักอยางกวางขวาง
ที่เรียกวา “เครื่องดนตรีของออรฟ” (Orff Instruments) โดยใชวิธีการสอนที่เนนใหผูเรียนไดสํารวจและเกิด
ประสบการณ โดยเนนใหผูเรียนทําการสํารวจดังตอไปนี้ (ณรุทธิ์ สุทธจิตต, 2555)
(1) สํารวจพื้นที่รอบตัว โดยใหผูเรียนเคลื่อนไหวรางกายเพื่อแสดงออกทางดนตรี เชน ขึ้น-
ลง หนัก-เบา เปนตน โดยครูไมไดกําหนดกฎเกณฑใดๆให แตใหนักเรียนไดเกิดการคนพบและแกปญหาดวย
ตัวเอง
(2) สํารวจเสียง ผูเรียนเริ่มสังเกตุตั้งแตเสียงที่อยูรอบๆตัวจนกระทั่งเสียงดนตรี และศึกษา
คุณสมบัติของเสียงตางๆไมวาจะเปนเสียงพูดจาเสียงรองเพลงและเสียงเครื่องดนตรี
(3) สํารวจรูปแบบเพลง ผูเรียนทําการคนควารูปแบบเพลงผานกิจกรรมการสํารวจพื้นที่
และเสียงตางๆ ดวยวิธีการเคลื่อนไหวรางกาย การขับรองและเลนเครื่องดนตรี เชนรูปแบบโครงสรางเพลงที่เปน
สวนของ บทนํา ทอนเพลงหรือทอนขับรอง และทอนจบ
วิธีการสอนดนตรีของคารลออฟ ไดถูกนํามาเผยแพรสูประเทศไทย โดยหมอมดุษฎี
บริพัตร ไดสงนักเรียนไทยไปศึกษาการสอนดนตรีของออรฟที่ตางประเทศในป พ.ศ. 2510 -2511 โดยนักเรียนที่
ไดไปศึกษาไดแก อาจารยศรีสุวรรณ เจริญทองตระกูล อาจารยกมลวัณ บุญยัษฐิติ อาจารยโสฬส คุปตรัตน และ
รองศาสตราจารย ดร.ธวัชชัย นาควงษ เปนตน (สุกรี เจริญสุข, 2547)
สรุปไดวาระบบการสอนดนตรีของคารล ออรฟ ใหความสําคัญกับการเรียนดนตรีนั้นควร
เริ่มตนดวยจังหวะ เพราะจังหวะเปนสวนสําคัญของการเคลื่อนไหวและการรองหรือการพูดดวย ดังนั้นจุดเริ่มตน
ของการเรียนดนตรีจึงควรเริ่มเรียนรูที่จังหวะกอน นอกจากนี้การเรียนดนตรีควรเริ่มจากสิ่งที่งายและเปน
ธรรมชาติและประสบการณของตัวเด็กมาเปนเครื่องมือในการเรียนการสอน โดยเริ่มจากการเรียนรูจังหวะและ
เสียงจากกิจกรรมที่มี ความเหมาะสมในการเรียนรูแลวจึงคอยพัฒนาไปสูการเรียนรูที่ยากขึ้น
ออรฟใชเครื่องดนตรีประกอบจังหวะที่เลนไดงายๆเชนเครื่องตีและเครื่องประกอบจังหวะ
ขนาดเล็กไมจําเปนตองเตรียมพื้นฐานเบื้องตนในการเลนมากอยางเครื่องดนตรีทั่วๆไป ออรฟไมไดหวังวาเด็ก
จะตองเปนนักดนตรีที่เชี่ยวชาญ แตการเรียนดนตรีตามแนวคิดของออรฟก็เปนพื้นฐานที่ดีมาก ในการพัฒนาไปสู
การเลนเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ และควรเปดโอกาสใหเด็กไดแสดงความคิดสรางสรรค กระตุนใหเกิดพัฒนาการ
ทางความคิดอยางอิสระดวยตัวเขาเอง ซึ่งเปนสิ่งที่แสดงถึงการเรียนรูและประสบการณที่เขาไดรับจากกิจกรรม
การเรียน การสอน
4) ทฤษฎีการสอนของซูซูกิ
ซึนนิชิ ซูซูกิ (Shninichi Suzuki) เกิดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1898 – 26 มกราคม ค.ศ.
1998 เปนชาวญี่ปุนผูคิดคนทฤษฎีการเรียนรูทางดนตรี โดยเชื่อวาเด็กมีความพรอม ในการเรียนดนตรีตั้งแตกําเนิด
พอแมควรสงเสริมการเรียนดนตรีและมีความรักในการเลนดนตรีตั้งแตในขณะที่เขายังวัยเยาว กอนที่เคาจะเติบโต
เปนผูใหญและพนจากการดูแลอยางใกลชิดจากพอและแม ซึ่งความผูกพันในครอบครัวจะชวยสงเสริมใหเด็กเกิด
พัฒนาการดานตางๆไดดียิ่งขึ้น
Suzuki (1998) เชื่อวาสิ่งแวดลอมเปนปจจัยหลักที่มีผลตอพัฒนาการของเด็ก โดยเด็กที่อยูใน
สภาพแวดลอมทางดนตรีที่ไพเราะเด็กจะซึมซับและมีพัฒนาการทางดนตรีที่ดีไปดวย แตถาเด็กที่ไดฟงเพลงที่รอง
เพี้ยนตั้งแตเด็ก เมื่อเติบโตมายอมรองเพลงเพี้ยนเชนกัน สวนครูดนตรีที่จะนําวิธีการของซูซูกิไปใชในการสอนมีขอที่
7
เอกสารและแหลงขอมูลอางอิง
ชูศักดิ์ ทองสิมา. (2551). แนวคิดและการเตรียมความพรอมสําหรับการเรียนไวโอลินในระบบซูซูกิครั้งแรก.
กรุงเทพฯ: จงเจริญการพิมพ.
ณรุทธิ์ สุทธจิตต. (2555). ดนตรีศึกษาหลักการและสาระสําคัญ. พิมพครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ
มหาวิทยาลัย.
ธวัชชัย นาควงษ. (2543). การสอนดนตรีสําหรับเด็ก. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.
พงษศิลป อรุณรัตน. (2543). ประวัติการบันทึกโนตเพลงในดนตรีไทย.วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, 19-20(1),
182.
สุกรี เจริญสุข. (2540). ทองถิ่นศึกษา: การสอนขนบธรรมเนียมประเพณีและศิลปะ. กรุงเทพฯ: สํานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาแหงชาติ สํานักนายกรัฐมนตรี.
__________. (2547). การศึกษาดนตรีในประเทศไทย. เพลงดนตรี, 10(8), 22-23.
__________. (2549). ผูอํานวยการวิทยาลัยดุริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล. กรุงเทพฯ: วิทยาลัย
ดุริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล.
สุจิตต วงษเทศ. (2553). ดนตรีไทยมาจากไหน. [ม.ป.ท.: ม.ป.พ.]
Kohut, D.L. (1996). Instrumental Music Pedagogy. Illinois: School of Music University of Illinois.
Mark, M.L., Madura, P. (2010). Music Education in Your Hands an Introduction for Future
Teacher. New York: Routledge.
Suzuki, S. (1998). Shinichi Suzuki: His Speeches and Essays. Florida: Warner Bros.