Professional Documents
Culture Documents
Cal1 ch1
Cal1 ch1
Cal1 ch1
Calculus I
สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
ห้ามคัดลอกเนือ้ หาก่อนได้รับอนุญาต
ข้อมูลทางบรรณานุกรมหนังสือ
มหาวิทยาลัยศิลปากร. ภาควิชาคณิตศาสตร์
ภาควิชาคณิตศาสตร คณะวิทยาศาสตร
มหาวิทยาลัยศิลปากร
คณะผูเรียบเรียง คณะบรรณาธิการ
ศาสตราจารย ดร.ฉวีวรรณ รัตนประเสริฐ รองศาสตราจารย ดร.นวรัตน อนันตชนื่
อาจารยธนิญฐอร หาวสุด
คํานํา
ภาควิชาคณิตศาสตรไดมอบหมายใหคณะบรรณาธิการรวบรวม เรียบเรียงและปรับปรุงตําราแคลคูลัส 1
จากเอกสารประกอบการสอนซึ่งเปนผลงานการเขียนที่ผานมารวมสิบปของคณาจารยในภาควิชา ฯ เพื่อใช
ประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา 511 101 แคลคูลัส 1 และ รายวิชา 511 104 แคลคูลัสสําหรับวิศวกร 1
โดยเนื้อหาในตําราเลมนี้ประกอบไปดวยเรื่อง ลิมิตและความตอเนื่อง อนุพันธ การประยุกตของอนุพันธ กฎ
ของโลปตาล และ ลําดับ อนุกรม และอนุกรมกําลังของจํานวนจริง และเพื่อเปนการทบทวนความรูพื้นฐานใน
การศึกษารายวิชาดังกลาวนี้ คณะบรรณาธิการไดใสเนื้อเรื่องที่เปนความรูพื้นฐานไวในภาคผนวก 1 เพื่อใหงาย
และสะดวกสําหรับนักศึกษาในการศึกษาทบทวนดวยตนเอง สําหรับในภาคผนวก 2 คณะบรรณาธิการไดใส
เฉลยแบบฝกหัดไวใหเพื่อใหนักศึกษาใชเปนเครื่องมือในการตรวจสอบการทําแบบฝกหัด
การจัดทําตําราฉบับนี้ลุลวงไปไดดวยดีดวยทุนสนับสนุนการเขียนตําราจากกองทุนวิจัยและสรางสรรค
คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยศิลปากร และการสนับสนุนในดานตาง ๆ จากภาควิชา ฯ ตลอดจนความ
รวมมือและรวมใจของคณาจารยในภาควิชา ฯ และนักศึกษาทั้งที่เปนผูเรียนและที่เปนผูสอนทบทวนที่ให
ขอเสนอแนะและชวยตรวจสอบความถูกตองของเอกสาร และทายสุดดวยความกรุณาของทานผูทรงคุณวุฒิทั้ง
สามทานที่ไดกรุณาทุมเทและเสียสละเวลาอันมีคาของทานในการอานผลงานตนฉบับพรอมทั้งใหขอเสนอแนะ
อั น มี ค า ยิ่ ง ซึ่ ง คณะบรรณาธิ ก ารได นํ า มาปรั บ ปรุ ง คุ ณ ภาพเอกสารต น ฉบั บ จนนํ า มาสู ตํ า ราฉบั บ นี้ คณะ
บรรณาธิการรูสึกซาบซึ้งและขอโอกาสนี้ขอบคุณทุก ๆ ทานที่มีสวนเกี่ยวของมา ณ ที่นี้ หากมีขอบกพรอง
ประการใด คณะบรรณาธิการขอนอมรับสิ่งเหลานั้นไวเอง
คณะบรรณาธิการ
กรกฎาคม 2561
สารบัญ
หนา
บทที่ 1 ลิมิตและความตอเนื่อง 1
1.1 ลิมิตของฟงกชัน 2
1.2 บทนิยามของลิมิต 12
1.3 สมบัติและทฤษฎีบทของลิมิต 22
1.4 เทคนิคการคํานวณลิมติ 30
1.5 ความตอเนื่องของฟงกชัน 44
บทที่ 2 อนุพันธ 57
2.1 ปญหาทางเรขาคณิต 57
2.2 อนุพันธของฟงกชัน 61
2.3 สมบัติของอนุพันธ 73
2.4 อนุพันธของฟงกชันผลประกอบ 82
2.5 อนุพันธของฟงกชันโดยปริยาย 86
2.6 อนุพันธของฟงกชันผกผัน 92
2.7 อนุพันธของฟงกชันลอการิทึม 95
2.8 อนุพันธของฟงกชันเลขชี้กําลัง 101
2.9 อนุพันธของฟงกชันตรีโกณมิติ 104
2.10 อนุพันธของฟงกชันตรีโกณมิติผกผัน 108
2.11 ฟงกชันไฮเพอรโบลิก 116
2.12 อนุพันธของฟงกชันไฮเพอรโบลิก 122
บทที่ 3 การประยุกตของอนุพันธ 125
3.1 คาสูงสุดและคาต่าํ สุดของฟงกชัน 125
3.2 ทฤษฎีบทของโรลลและทฤษฎีบทคามัชฌิม 135
3.3 การเพิ่มขึ้นและการลดลงของฟงกชัน 142
3.4 ความเวาของกราฟของฟงกชัน 155
3.5 การวาดกราฟ 168
3.6 การประยุกตเรื่องคาสูงสุดและคาต่ําสุด 178
3.7 ผลตางอนุพันธ 186
3.8 อัตราสัมพัทธ 194
บทที่ 4 กฎของโลปตาล 203
0 ∞
4.1 ฟงกชันทีม่ ีรูปแบบไมกาํ หนดแบบ และ 204
0 ∞
4.2 ฟงกชันทีม่ ีรูปแบบไมกาํ หนดแบบอืน่ ๆ 212
บทที่ 5 ลําดับ อนุกรม และอนุกรมกําลังของจํานวนจริง 219
5.1 ลําดับของจํานวนจริง 219
5.2 อนุกรมของจํานวนจริง 235
5.3 อนุกรมกําลังของจํานวนจริง 255
ภาคผนวก 1: ความรูพื้นฐาน 267
ภาคผนวก 2: เฉลยแบบฝกหัด 273
ดรรชนี 309
บรรณานุกรม 313
บทที่ 1
ลิมิตและความตอเนื่อง
Limits and Continuity
ในทางวิทยาศาสตรและคณิตศาสตร เรามักพบปญหาที่ตองคํานวณคาดวยการพิจารณาการ
เปลี่ยนแปลงคาของปริมาณหนึ่งซึ่งขึ้นกับอีกปริมาณหนึ่ง ที่เปลี่ยนแปลงคาเขาใกลคาคงตัวคาหนึ่งอยู
เสมอ ตัวอยางเชนในการหาสูตรการคํานวณความยาวเสนรอบวงของวงกลม เราเลือกที่จะคํานวณความ
ยาวเสนรอบรูปของรูปหลายเหลี่ยมดานเทาแนบในวงกลมนั้นซึ่งจะมีคาขึ้นกับความยาวดานของรูปหลาย
เหลี่ยม แลวพิจารณาวาความยาวเสนรอบรูปเปลี่ยนแปลงเขาใกลจํานวนจริงใด เมื่อรูปหลายเหลี่ยมเพิ่ม
จํานวนเหลี่ยมมากขึ้นหรือก็คือความยาวดานของรูปหลายเหลี่ยมมีคานอยลงเขาใกลศูนย หรือปญหา
เกี่ยวกับอัตราเร็วของวัตถุซึ่งเคลื่อนที่ตามสมการ S = S (t ) ซึ่งขึ้นกับเวลา ถาเราตองการทราบ
อัตราเร็วของวัตถุ ณ ชั่วขณะเวลา t0 เราจะคํานวณอัตราเร็วเฉลี่ยของวัตถุในชวงเวลา [t0 , t0 + h ] เมื่อ
h>0 ซึ่งคือคาของอัตราสวน
S ( t0 + h ) − S ( t0 )
h
แลวพิจารณาวาอัตราสวนนี้เปลี่ยนแปลงคาเขาใกลจํานวนจริงใด เมื่อชวงเวลา [t0 , t0 + h ] มีขนาด
เล็กลง ๆ หรือนั่นคือเมื่อ h เขาใกลศูนยเปนตน
ในบทนี้ เราจะศึกษาลักษณะการเปลี่ยนแปลงดังกลาวขางตน กับฟงกชัน(คาจริง)ใด ๆ โดยแสดง
การเขียนบทนิยามอยางถูกตองในเชิงคณิตศาสตร พรอมทั้งพิสูจนบางทฤษฎีบทเพื่อชวยการคํานวณคา
เหลานี้ไดงายขึ้น
1
1.1 ลิมิตของฟงกชัน
ให f เปนฟงกชันซึ่งขึ้นกับตัวแปรอิสระ x ถา x เขาใกลคาคงตัว a แลวคา f ( x) เขาใกลคา
คงตัว L เพียงตัวเดียว จะเรียก L วา ลิมิตของ f ( x) เมื่อ x เขาใกล a (limit of f ( x) as x
x x a x x
รูป 1.1.1
2
เราเรียกสัญลักษณ lim f ( x )
x →a −
หรือ lim f ( x )
x →a +
วาลิมิตดานเดียว หรือลิมิตทางเดียว (one-
sided limit) ของ f ( x) ที่ a และเรียกสัญลักษณ lim f ( x ) วาลิมิตสองดาน (two-sided
x →a
limit)
0
−3 π −2 π −π π 2π 3π x
รูป 1.1.2
3
ตัวอยาง 1.1.2 พิจารณาฟงกชัน f และ g ที่นิยามโดย f ( x ) = sin x และ g ( x ) = cos x สําหรับทุก
จํานวนจริง x ซึ่งกราฟของ f และ g แสดงดังรูป 1.1.3 และ รูป 1.1.4 ตามลําดับ
y
f ( x) = sin x
1
1
−3 π −2 π −π π 2π 3π
0 x
− 52π − 32π − π2 π
2
3π
2
5π
2
-1
รูป 1.1.3
จากกราฟจะเห็นไดวา lim sin x = 0 = lim+ sin x
x → 0− x →0
ดังนั้น lim sin x = 0
x →0
1
g ( x) = cos x
−2 π −π 0 π 2π
x
− 52π − 32π − π2 π 3π 5π
2
2 2
-1
รูป 1.1.4
จากกราฟจะเห็นไดวา lim cos x = 1 = lim+ cos x
x → 0− x →0
เพราะฉะนั้น lim cos x = 1
x →0
4
ตัวอยาง 1.1.3 ให f เปนฟงกชันซึ่งกราฟของ f แสดงดังรูป 1.1.5
y
3
2 y = f ( x)
1
x
1 2 3 4
รูป 1.1.5
จะเห็นวาขณะที่ x เขาใกล 2 จากทางซายคา f ( x) เขาใกล 1 นั่นคือ lim f ( x ) = 1
x → 2−
และขณะที่ x
3 3
y = f1 ( x ) y = f 2 ( x)
2 2
1 1
x
1 2 3 4 1 2 3 4
x
5
lim f1 ( x) = lim− f 2 ( x) = 1
x → 2− x→2
และ
lim f1 ( x) = lim+ f 2 ( x) = 3
x → 2+ x→2
ขอสังเกต 1. จากตัวอยาง 1.1.3 และตัวอยาง 1.1.4 อาจกลาวไดวาลิมิตซายและลิมิตขวาของฟงกชัน
ไมขึ้นตอกันและไมขึ้นกับคาของฟงกชันที่จุดนั้น
2. ฟงกชัน f2 ในตัวอยาง 1.1.4 แสดงใหเห็นวาลิมิตซายและลิมิตขวาของฟงกชันสามารถ
หาได แมวาคาของฟงกชันที่จุดนั้นจะไมนิยามก็ตาม
3
2 y = f ( x)
1 x
-1
-2 1 2 3 4 5 6
-3
รูป 1.1.8
จากรูป 1.1.8 เมื่อ x เขาใกล 6 จากทางซาย f ( x) มีคาเขาใกล 1 ดังนั้น lim f ( x ) = 1
x →6−
แตเมื่อ x
6
ตัวอยาง 1.1.6 ให f เปนฟงกชันซึ่งกราฟของฟงกชันแสดงดังรูป 1.1.9
y
y = f ( x)
x
รูป 1.1.9
y y
2 y = g ( x)
x
y = f ( x)
x
-3
7
จากรูป 1.1.10 จะเห็นวาขณะที่ x เขาใกล 2 จากทางซายและจากทางขวา f ( x) มีคาลดลง
เรื่อย ๆ โดยไมมีที่สิ้นสุด ซึ่งการหาลิมิตไมไดในกรณีนี้ เราจะเขียนแทนดวยสัญลักษณ
lim f ( x ) = −∞
x→ 2
8
ถาตัวแปรอิสระ x มีคาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไมมีที่สิ้นสุด จะเขียนแทนดวยสัญลักษณ x → +∞
รูป 1.1.12
ขณะที่ x → +∞ จะเห็นวากราฟของ f เขาใกลเสนตรง y=4 ดังนั้นคาของ f ( x) เขาใกล 4
นั่นคือ lim f ( x ) = 4
x→+∞
9
ขณะที่ x → −∞ จะเห็นวากราฟของ f เขาใกลเสนตรง y = −1 ดังนั้นคาของ f ( x) เขาใกล −1
นั่นคือ lim
x→−∞
f ( x ) = −1
y = f ( x)
x
-2
y = -2 y = f ( x)
รูป 1.1.13
ขณะที่ x → −∞ จะเห็นวา f ( x) มีคาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไมมีที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้น
lim f ( x ) = +∞
x→−∞
3
y = f ( x)
-3
รูป 1.1.14
10
แบบฝกหัด 1.1
y
1. 2.
y
• y = f ( x)
y = f ( x)
x x
2 a=0
a=2
y
y
3. 4.
a=4
x 4 x
1
a=0
5. y 6. y
x x
3 -2
a = −2
a=3
11
1.2 บทนิยามของลิมิต
ให a เปนคาคงตัว และ I เปนชวงเปด เราเรียก I วาชวงเปดรอบ a ถา a∈I
และ x มีคาเทากับ x0
จากการใหความหมายเชิงคณิตศาสตรของการเขาใกลคาคงตัวของทั้งตัวแปรอิสระและตัวแปร
ตามที่กลาวมาขางตน เราสามารถใหความหมายเชิงคณิตศาสตรของสัญลักษณใน (1.2.1) โดยจะอธิบาย
ใหเห็นดังนี้
12
โดยการใหความหมายของขอความ “ f ( x) เขาใกล L” เราควรจะกําหนดจํานวนจริง ε >0
ดัง นั้ น การมี ข องค า ของตั ว แประอิ ส ระ x ดั ง กล า ว จึ ง มี ความหมายเดี ย วกั น กับ การมี ข องช ว งเป ด
(a − δ , a + δ ) โดยที่ δ > 0 ซึ่งมีสมบัติวา ถา x = x0 สําหรับบาง x0 ∈ (a − δ , a + δ ) โดยที่ x0 ≠ a
y
L+ ε
y = f ( x)
L
L- ε δ δ
x1 x0a x2 x
a−δ a+δ
รูป 1.2.1
การอธิบายขางตนนําไปสูการเขียนบทนิยามของลิมิตดังนี้
13
เมื่อ x สอดคลองกับอสมการ 0 < | x−2| < δ และเพื่อจะหา δ เราจะเขียน (1.2.2) ใหมดังนี้
| 3x − 6 | < ε หรือก็คือ 3| x − 2| < ε
ซึ่งทําใหไดวา
x−2 < ε
3
เราจึงทราบวาจะตองเลือก δ ≤ ε3 ในการพิสูจน
วิธีทํา กําหนดให ε เปนจํานวนจริงบวก เลือก δ ≤ ε3 ดังนั้นเมื่อ x สอดคลองกับอสมการ
0 <| x − 2 |< ε แลวจะได
3
f ( x) − L = (3x − 5) − 1 = | 3x − 6 | = 3 | x − 2 | < 3 ε = ε
3
ขอสังเกต
1. ในการแสดงวา lim f ( x ) = L
x→a
เราตองหา δ > 0 เพื่อใหเงื่อนไขของบทนิยาม 1.2.1 เปนจริง
ดังนั้น δ ที่หาไดจึงขึ้นกับคา ε ที่กําหนดมาดังตัวอยาง 1.2.2
2. จํานวนจริงบวก δ ในบทนิยาม 1.2.1 มีไดหลายคา เชนถาทราบวา δ1 เปนจํานวนจริงบวกที่ทําให
เงื่อนไขของบทนิยาม 1.2.1 เปนจริง แลวจํานวนจริงบวก δ2 ใด ๆ ที่นอยกวา δ1 ก็จะทําใหเงื่อนไขของ
บทนิยาม 1.2.1 เปนจริงดวย เพราะวา ถา 0 < | x − a | < δ2 แลว 0 < | x − a | < δ 2 < δ1 ดังนั้น
ในตัวอยาง 1.2.2 เราอาจเลือก δ เปน ε หรือ ε หรือ ε
4 5 6
ตอไปจะเปนการใหบทนิยามของลิมิตทางเดียว ซึ่งการใหบทนิยามหรือความหมายของสัญลักษณ
lim f ( x ) = L
x→a−
และ lim f ( x ) = L นั้นสามารถอธิบายไดเชนเดียวกับลิมิตสองทางที่ไดกลาวมาแลวกอน
x→a+
14
สําหรับทุก ๆ x ซึ่ง a−δ < x <a
กอนการใหตัวอยางการแสดงลิมิตดานเดียวเปนจริง จะขอเปรียบเทียบความหมายของบทนิยาม
1.2.1 กับบทนิยาม 1.2.3 ดังนี้
ในบทนิยาม 1.2.1 กลาววาเมื่อกําหนด ε >0 มาให เราตองหา δ >0 ที่ทําให f ( x)
สอดคลองกับอสมการ
| f ( x) − L | < ε (1.2.3)
ถา x สอดคลองกับอสมการ 0 <| x − a |< δ หรือกลาวอีกอยางหนึ่งก็คือ x เปนสมาชิกของ
เซต ( a − δ , a ) ∪ ( a, a + δ ) ดังรูป 1.2.2 (ก)
สําหรับบทนิยาม 1.2.3 (1) ตองการให (1.2.3) เปนจริงเฉพาะเมื่อ x เปนสมาชิกของเซต
(a − δ , a) ดังรูป 1.2.2 (ข) เทานั้น ในขณะที่บทนิยาม 1.2.3 (2) ตองการให (1.2.3) เปนจริงเฉพาะเมื่อ
x เปนสมาชิกของเซต ( a, a + δ ) ดังรูป 1.2.2 (ค) เทานั้น
y y y
L+ ε L+ ε L+ ε
L L L
L- ε L- ε L- ε
x x x
a- δ a a + δ a- δ a a a+ δ
15
ตัวอยาง 1.2.4 จงแสดงวา lim x = 0
x → 0+
0 < x < 0+δ หรือ 0< x <δ ≤ε2 จะได x <ε และเนื่องจาก x= x จึงได
f ( x) − L = x < ε
L+ ε L+ ε
L L
L- ε L- ε
x x
N
N −N
เราสามารถแปลความหมายไดตามลําดับดังนี้
1. x → +∞ หมายความวาเมื่อกําหนดจํานวนบวก N ไมวา N จะมีคามากเทาใดก็ตามจะ
ยังคงมี x ซึ่ง x>N
16
เมื่อนําความหมายเหลานี้รวมกับความหมายของ “ f ( x) เขาใกล L ” ดังที่เคยกลาวมา แลวจะได
บทนิยามตอไปนี้
จะตองมีจํานวนจริงบวก N ที่ทําให
| f ( x) − L |< ε
สําหรับทุก ๆ x ซึ่ง x>N (ดังรูป 1.2.3)
จะตองมีจํานวนจริงบวก N ที่ทําให
| f ( x) − L |< ε
สําหรับทุก ๆ x ซึ่ง x < −N (ดังรูป 1.2.4)
เนื่องจาก 1
ε เปนจํานวนบวก จึงได x เปนจํานวนลบ ดังนั้น
| x | = − x > ε1 ซึ่งสมมูลกับ | 1x | < ε
ทําใหไดวา
f ( x) − L = 1x − 0 = | 1x | < ε
17
lim f ( x ) = +∞
x →+∞
(1.2.7)
lim f ( x ) = +∞
x →−∞
(1.2.8)
lim f ( x ) = −∞
x→a
(1.2.9)
lim f ( x) = −∞
x →a+
(1.2.10)
lim f ( x) = −∞
x→a−
(1.2.11)
lim f ( x) = −∞
x →+∞
(1.2.12)
lim f ( x) = −∞
x →−∞
(1.2.13)
x
a -δ a +δ
รูป 1.2.5
ที่ทําให
f ( x) > M (1.2.14)
18
และจากรูป 1.2.5 จะเห็นวาไมวา M จะมีคามากเทาใด ก็จะสามารถหา δ ที่เล็กพอที่ทําให (1.2.14)
เปนจริง เมื่อ a −δ < x < a +δ จึงสรุปเปนบทนิยามไดดังนี้
−M
รูป 1.2.6
a +δ จึงสรุปเปนบทนิยามไดดังนี้
19
บทนิยาม 1.2.9 ให f เปนฟงกชันและมีบางชวงเปดรอบคาคงตัว a ที่ f ไดนิยามไวทุกจุดใน ชวงนี้
ซึ่งอาจยกเวนไดที่ a เรากลาววา ลิมิตของ f ( x) เมื่อ x เขาใกล a มีคาเทากับ −∞ และเขียน
แทนดวย lim f ( x) = −∞
x→a
ถาสําหรับแตละจํานวนจริงบวก M มีจํานวนจริงบวก δ ที่ทําให
f ( x) < − M
สําหรับทุก ๆ x ซึ่ง 0< | x−a| <δ
แบบฝกหัด 1.2
⎧x , x > 2
2.3 lim+ f ( x) = 2 เมื่อ f ( x) = ⎨
x→2
⎩3x , x ≤ 2
⎧ x2 + 1 , x > 1
2.4 lim− f ( x) = 3 เมื่อ f ( x) = ⎨
x →1
⎩x + 2 , x < 1
3. จงใชบทนิยาม 1.2.5 และบทนิยาม 1.2.6 ในการแสดงวาลิมิตเปนจริงในขอตอไปนี้
3.1 lim 1 = 0 4x −1
x+2
x →+∞ 3.2 lim
x →−∞ 2 x + 5
=2
x x
3.3 lim =1 3.4 lim =1
x→+∞ x +1 x→−∞ x + 1
20
−1 1
4.1 lim = −∞ 4.2 lim = +∞
( x − 3) | x − 1|
x→3 2 x→1
มีจํานวนจริงบวก δ ที่ทําให
f ( x) < − M
สําหรับทุก ๆ x ซึ่ง a < x < a +δ
1
จากบทนิยามขางตน จงแสดงวา lim+ = −∞
x →1 1− x
6. ให f เปนฟงกชันที่นิยามบนชวงเปด (b, a) เรากลาววา ลิมิตของ f ( x) เมื่อ x เขาใกล a
มีจํานวนจริงบวก δ ที่ทําให
f ( x) > M
สําหรับทุก ๆ x ซึ่ง a −δ < x < a
1
จากบทนิยามขางตน จงแสดงวา lim− = +∞
x →1 1− x
7. ให f เปนฟงกชันที่ไดนิยามไวบนชวงอนันต (a, +∞) เรากลาววา ลิมิตของ f ( x) เมื่อ x → +∞
21
1.3 สมบัติและทฤษฎีบทของลิมิต
ในหัวขอนี้เราจะศึกษาสมบัติบางประการของลิมิตของฟงกชัน เพื่อที่จะชวยใหการหาลิมิตทําได
งายขึ้น ทฤษฎีบทแรกที่จะกลาวถึงนี้กลาววา ถา lim f ( x)
x→a
หาได แลวจะมีหนึ่งเดียว ซึ่งจะเห็นวาสอด
คลองกับแนวคิดเรื่องลิมิตที่ไดกลาวไวตั้งแตตนในหัวขอ 1.1
บทพิสูจน จะขอละการพิสูจนทฤษฎีบทนี้ไวเปนแบบฝกหัด
นั่นคือ ลิมิตของฟงกชันคาคงตัวเทากับคาคงตัวนั้น
บทพิสูจน กําหนดให ε เปนจํานวนจริงบวก เราจะหา δ >0 ที่ทําให |k −k | <ε เมื่อใดก็ตามที่ x
สอดคลองกับอสมการ
0 <| x − a |< δ (1.3.1)
22
จากขอสมมติที่วา lim f ( x) = L
x→a
ทําใหมี δ1 > 0 ที่ทําให
| f ( x) − L | < ε
|k|
เมื่อ x สอดคลองกับอสมการ
0 < | x − a | < δ1 (1.3.2)
ดังนั้นจึงเลือก 0 < δ ≤ δ1 เพื่อวาเมื่อ x สอดคลองกับ (1.3.1) แลว x จะสอดคลองกับ (1.3.2) ดวย ซึ่ง
ทําใหไดวา
kf ( x) − kL = k f ( x) − L < k ε = ε
|k|
a เปนคาคงตัว แลว
นั่นคือ “ลิมิตของผลบวกหรือผลตางของฟงกชันจะเปนผลบวกหรือผลตางของคาลิมิต”
นั่นคือ “ลิมิตของผลคูณของฟงกชันจะเปนผลคูณของคาลิมิต”
f ( x) lim f ( x) L
3. lim
x→a g ( x)
= x→a = 1
lim g ( x) L2
เมื่อ L2 ≠ 0
x→a
นั่นคือ “ลิมิตของผลหารของฟงกชันจะเทากับผลหารของคาลิมิตถาคาลิมิตของฟงกชันที่เปนตัวหารไมเปน
ศูนย”
4. lim n f ( x) =
x→a
n lim f ( x) =
x→a
n L1 เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวก (ในกรณีที่ n เปนจํานวน
23
บทพิสูจน เราจะพิสูจนเฉพาะขอ 1 เทานั้น สวนการพิสูจนขออื่น ๆ ผูสนใจศึกษาไดจากบรรณานุกรม
กําหนดให ε เปนจํานวนจริงบวก เราจะแสดงวามีจํานวนจริงบวก δ ที่ทําให
( f ( x) + g ( x) ) − ( L1 + L2 ) < ε
เมื่อ x สอดคลองกับอสมการ
0< | x−a| <δ (1.3.3)
แตทฤษฎีบทกําหนดวา lim f ( x) = L1
x→a
และ lim g ( x) = L2 เราจึงมี δ1 > 0
x→a
และ δ 2 > 0 ที่ทําให
| f ( x) − L1 | < ε (1.3.4)
2
เมื่อ x สอดคลองกับอสมการ
0 < | x − a | < δ1 (1.3.5)
และ
| g ( x) − L2 | < ε (1.3.6)
2
เมื่อ x สอดคลองกับอสมการ
0 < | x − a | < δ2 (1.3.7)
ตามลําดับ ดังนั้นเราจึงเลือก δ ของ (1.3.3) ใหนอยกวา δ1 และ δ2 เพื่อวาเมื่อ x สอดคลองกับ
(1.3.3) แลว x จะสอดคลองกับ (1.3.5) และ (1.3.7) ซึ่งจะทําให f ( x) และ g ( x) สอดคลองกับ (1.3.4)
และ (1.3.6) ตามลําดับ นั่นคือเลือก δ ดังนี้
δ ≤ min{δ1 , δ 2 }
ซึ่งทําใหได
( f ( x) + g ( x) ) − ( L1 + L2 ) = ( f ( x) − L1 ) + ( g ( x) − L2 )
≤ | f ( x) − L1 | + | g ( x) − L2 | < ε + ε = ε
2 2
ดังนั้น โดยบทนิยามของลิมิต จะไดวา
lim ( f ( x) + g ( x) ) = L1 + L2
x→a
= lim f ( x) − lim g ( x) = L1 − L2
x→a x→a
24
หมายเหตุ ถา A เปนเซตของจํานวนจริง เราใชสัญลักษณ min A แทนจํานวนจริงตัวนอยสุดของ
สมาชิกใน A นั่นคือ min A ∈ A และ min A ≤ x สําหรับทุก ๆ สมาชิก x ใน A
หาไดทั้งหมดแลว
lim[ f1 ( x) ± f 2 ( x) ± … ± f n ( x)] = lim f1 ( x) ± lim f 2 ( x) ± … ± lim f n ( x)
x→a x→a x→a x→a
และ
lim[ f1 ( x) ⋅ f 2 ( x) ⋅… ⋅ f n ( x)] = lim f1 ( x) ⋅ lim f 2 ( x) ⋅… ⋅ lim f n ( x)
x →a x →a x →a x →a
(1.3.8)
โดยเฉพาะอยางยิ่งถา f1 , f 2 ,… , f n เปนฟงกชันเดียวกันใหชื่อวา f แลว (1.3.8) จะกลายเปน
lim[ f ( x)]n = [lim f ( x)]n
x→a x→a
(1.3.9)
ซึ่งผลของ (1.3.9) และทฤษฎีบท 1.3.2 ทําใหไดวา
n
lim x n = ⎡ lim x ⎤ = a n
x→a ⎣ x→a ⎦
ผลของทฤษฎีบท 1.3.5 ยังคงเปนจริงสําหรับลิมิตซาย ลิมิตขวาและลิมิตเมื่อตัวแปรอิสระเขาใกล
คาอนันต จึงจะกลาวรวมเปนทฤษฎีบทโดยไมพิสูจนดังนี้
25
4. lim n f ( x) = n lim f ( x) = n L1 เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวกใด ๆ และ L1 ≥ 0 ในกรณีที่ n
เปนจํานวนเต็มคู
ตอไปนี้เปนตัวอยางของการหาลิมิตของฟงกชันโดยใชทฤษฎีบท 1.3.6
( )
2
= lim x
x →5
−4 lim x + lim 3 = 52 − 4(5) + 3 = 8
x →5 x →5
= cn a n + cn −1a n −1 + … + c1a + c0
x→ 2 x− 3
26
ทฤษฎี บ ทต อไปนี้ เ ปน การให ลัก ษณะเฉพาะของลิมิ ต สองทางในรู ปของลิ มิต ทางเดี ย ว ซึ่ง
สอดคลองกับแนวคิดของลิมิตที่กลาวไวในหัวขอ 1.1 เชนกัน
สอดคลองกับอสมการ
a < x < a + δ1 (1.3.13)
และ
a − δ2 < x < a (1.3.14)
ตามลําดับ เราจึงเลือก δ ≤ min{δ1 , δ 2 } ดังรูป 1.3.1 เพื่อวาเมื่อใดก็ตามที่ x สอดคลองกับ (1.3.12)
แลว x จะสอดคลองกับ (1.3.13) และ (1.3.14) ดวยและทําใหได (1.3.11) และขอใหสังเกตวารูป 1.3.1
แสดงใหเห็นในกรณี δ = δ1
δ δ
a - δ2 a a + δ1
รูป 1.3.1
27
(⇒) สมมติวา lim f ( x ) = L
x→a
และให ε เปนจํานวนจริงบวก ดังนั้นจะมี δ >0 ที่ทําให
| f ( x) − L | < ε เมื่อใดก็ตามที่ x สอดคลองกับอสมการ
0< | x−a| <δ (1.3.15)
ซึ่ง x สอดคลองกับ (1.3.15) ก็ตอเมื่อ x สอดคลองกับ
a −δ < x < a และ a < x < a +δ
ซึ่งทําใหไดวา lim f ( x) = L
x→a+
และ lim f ( x) = L
x→a−
แลว
1. lim f ( x) ≤ lim g ( x)
x→a x →a
บทพิสูจน จะขอละการพิสูจนทฤษฎีบทนี้ไวเปนแบบฝกหัด
28
ตัวอยาง 1.3.13 จงแสดงวา lim x 2 (sin 2 1x ) = 0
x →0
0 ≤ x 2 sin 2 1x ≤ x 2
แต lim x 2 = 0
x →0
ทําใหไดวา lim x 2 (sin 2 1x ) = 0
x →0
แบบฝกหัด 1.3
1. จงหาลิมิตในขอตอไปนี้
1 x−2
1.1 lim 1.2 lim
t→ 4 t +3 x→ 2 x2
1.3 lim
22 1.4 lim
t→−2
3t 2 + 4
x→ 2 3x
1.5 lim (27 x3 + 9 x + 1)
x →1/3
1.6 lim
x→1
( 3
2 − x − 3 1− x )
x2 − 9
1.7 lim−
t →1
( 2 − t − 1− t ) 1.8 lim+
x →3 x +1
3− x ( x + 2)3 + 1 + 1 + x
1.9 lim− 1.10 lim−
x →3 x2 + 4 x →0 x −1
2. กําหนดให lim f ( x) = −4
x→a
และ lim g ( x) = 7
x→a
จงหาลิมิตตอไปนี้
2.1 lim f ( x) g ( x)
x→a
2.2 lim[ f ( x) + f ( x) g ( x)]
x→a
29
1.4 เทคนิคการคํานวณลิมิต
การคํานวณลิมิตของฟงกชัน สวนใหญใชทฤษฎีบทของลิมิตดังเชนตัวอยางในหัวขอ 1.3 แตยังคงมี
เทคนิคอื่น ๆ ซึ่งใชกับแตละลักษณะของฟงกชันที่ไมสอดคลองกับทฤษฎีบทของลิมิตอีกเชนกัน ในหัวขอนี้
จะรวบรวมเทคนิคที่สําคัญและใชกันแพรหลายพอสังเขป
x→ 2 x − 2
h( x ) = x − 4 และ
2
f ( x) = x + 2
x− 2
เทคนิคการคํานวณลิมิต 1
การคํานวณลิมิตของฟงกชันในรูป lim
x→a
f ( x)
g ( x)
เมื่อ lim g ( x) = 0
x →a
(โดยเฉพาะ f (a)
g (a )
อยูในรูป 0 )
0
ตองอาศัยวิธีทางพีชคณิตในการกําจัดพจนที่ทําให g ( x) เปนศูนย
30
x + 1 −1
ตัวอยาง 1.4.2 จงหา lim
x→0 x
= x = 1 สําหรับทุก ๆ x≠0
x( x + 1 +1) x + 1 +1
x ( 4 + x + 2)
2. lim+ x = lim+
x →0
4+ x − 2 x →0
( 4 + x − 2)( 4 + x + 2)
x ( 4 + x + 2)
= lim+ = lim+ ( 4 + x + 2)
x →0 4+ x −4 x →0
= 4+2=4
x2 − 1 ( x − 1)( x + 1)
3. lim+ = lim+ = lim+ ( x − 1) x + 1 = 0
x →−1 x + 1 x→−1 x +1 x →−1
31
เทคนิคการคํานวณลิมิต 2
ถา f ( x ) ≤ g ( x ) ≤ h( x ) สําหรับทุก ๆ x ในชวงเปด (a − δ , a + δ ) ที่ไมรวม a ชวงหนึ่ง
และ lim f ( x) = lim h( x)
x→a x→a
แลว lim f ( x) = lim g ( x) = lim h( x)
x→a x→a x→a
Q(1, tan t)
• P(cos t, sin t) • P(cos t, sin t)
••
t • t •
0 B(1, 0) 0 B(1, 0) t •
0 B(1, 0)
รูป 1.4.1
ดังนั้นแขนของมุม t จะตัดวงกลมหนึ่งหนวยที่จุด P(cos t ,sin t ) และพบเสนตั้งฉากกับแกน x ซึ่งผาน
จุด B(1, 0) ที่ Q(1, tan t ) เราจึงไดความสัมพันธ
0 < พื้นที่ของ ΔOBP < พื้นที่ของจักรภาค OBP < พื้นที่ของ ΔOBQ
π
1 < t < cos t หรือ 1 > t > cos t เมื่อ 0 < t < 2
1 sin t
sin t
และดวยการกระทําในลักษณะสมมาตรกับแกน x จะได
π
1 > sin t
t > cos t เมื่อ − <t <0
2
π π
เพราะฉะนั้น cos t < sin t
t <1 เมื่อ − <t < และ t≠0 แต lim cos t = 1
t →0
จึงไดวา
2 2
lim sin
t→0
t
t =1
32
ตัวอยาง 1.4.5 ตัวอยางตอไปนี้จะแสดงการหาลิมิตโดยอาศัยผลของตัวอยาง 1.4.4
1. lim 1− cos
t→0 t
t = lim 1−cos t
t→ 0 t ( ) (11++cos
cos t )
t = lim
t→0
sin 2 t
t (1+cos t )
sin(3θ ) sin(3θ )
3. lim
θ →0 θ
= 3 lim
3θ →0 3θ
= 3
1
4. lim
x→0
x = lim 1 =
sin x x→0 sin x sin x
= 1
x lim
x →0 x
sin(ax) sin(ax) ax
5. lim
x→0 sin(bx)
= lim
x→0
bx
ax bx sin(bx) โดยที่ a ≠ 0 และ b ≠ 0
= (
a lim sin(ax)
b ax →0 ax ) ( lim sin(bxbx) ) =
bx → 0
a (1)(1) = a
b b
sin y ⎞ ⎛⎜ ⎞
6. lim
y→0
tan y
y = lim
⎛ sin y ⎞ 1
⎜ y ⎟ cos y
y →0 ⎝ ⎠
( ) = ⎛⎜ lim ⎟
⎝ y →0 y ⎠ ⎜⎝ limcos
1 ⎟ = 1
y⎟
y →0 ⎠
( )
2
y2 y2 y
7. lim
y→0 1 − cos y
2 = lim
y→0 sin 2 y
= lim
y → 0 sin y
= 1
33
เทคนิคการคํานวณคาลิมิต 3
ถาฟงกชัน f นิยามตางกันเมื่อ x → a − และเมื่อ x → a + เราจะหา lim− f ( x)
x→a
และ lim f ( x)
x→a+
แลวพิจารณาวาคาทั้งสองเทากันหรือไม
เพราะฉะนั้น lim f ( x)
x →1
หาไมได
|x − 2|
2. เชนเดียวกันเมื่อจะหา lim
x→ 2 x −2
เราพิจารณา
|x − 2| ( x− 2)
lim− = lim− − = lim− (−1) = −1
x→2 x −2 x→2 x− 2 x→2
|x − 2| ( x − 2)
และ lim+
x→2 x −2
= lim+
x→2 x−2
= lim+ 1 = 1
x→2
|x − 2|
เพราะฉะนั้น lim
x→ 2 x −2
หาไมได
−1 + x − 1
ตัวอยาง 1.4.7 จงหา lim
x→0 x
วิธีทํา แมวา
⎧−1 + x , x ≥1
−1 + x = ⎨
⎩ 1− x , x <1
แตโจทยตองการหาลิมิตเมื่อ x→0 และโดยความหมายของลิมิต ทําใหเราสามารถพิจารณา x ในชวง
เปด (− 1 , 1 )
2 2
ซึ่งเปนชวงเปดรอบ 0 เทานั้น ซึ่งในชวงเปดดังกลาว −1 + x < 0 เสมอ ดังนั้นโดย
นิยามของคาสมบูรณ เราจะได
−1 + x − 1 − (−1 + x) − 1 1− x −1
lim x = lim x = lim x
x→0 x→0 x→0
= lim ( − xx ) = lim(−1) = − 1
x→0 x→ 0
34
เทคนิคการคํานวณคาลิมิต 4
f ( x)
เทคนิคนี้จะเปนการหา lim+
x→a
โดยที่ lim f ( x) ≠ 0
x→a+
แต lim g ( x) = 0
x→a+
และเราไม
g ( x)
f ( x) h( x )
สามารถใชกระบวนการทางพีชคณิตที่จะเขียน lim+
x→a
= lim+ โดยที่ lim k ( x) ≠ 0
x →a+
ได
g ( x) x→a k ( x)
การคํานวนลิมิตดังกลาวสามารถทําไดโดยอาศัยความจริงเกี่ยวกับลิมิตดังตอไปนี้
1 f ( x)
(1) ถา lim+
x→a
= +∞ และ lim+ f ( x) > 0
x→a
แลว lim+
x→a
= +∞
g ( x) g ( x)
1 f ( x)
(2) ถา lim+
x→a
= +∞ และ lim+ f ( x) < 0
x→a
แลว lim+
x→a
= −∞
g ( x) g ( x)
1 f ( x)
(3) ถา lim+
x→a
= −∞ และ lim+ f ( x) > 0
x→a
แลว lim+
x→a
= −∞
g ( x) g ( x)
1 f ( x)
(4) ถา lim+
x→a
= −∞ และ lim+ f ( x) < 0
x →a
แลว lim+
x→a
= +∞
g ( x) g ( x)
สําหรับลิมิตทางซาย และลิมิตสองทางสามารถพิจารณาไดในทํานองเดียวกัน
2−x 2− x
ตัวอยาง 1.4.8 จงหา lim
x → 4+ ( x − 4)( x + 2)
และ lim
x → 4− ( x − 4)( x + 2)
ไมสามารถใชวิธีการทางพีชคณิตอื่นใดเชนในตัวอยางตาง ๆ ขางตนเพื่อทําใหลิมิตตัวหารไมเปนศูนยได
2−x
เมื่อเปนเชนนี้เราจะพิจารณาลิมิตซายและลิมิตขวาเมื่อ x→4 ของ ( x − 4)( x + 2)
ดังตอไปนี้
2−x 2−x 1 1
พิจารณา lim+
( x − 4)( x + 2)
จะเห็นวา lim+
( x + 2)
=− และ lim+ = +∞ จึงไดวา
x→4 x→4 3 x→4 x−4
2−x
lim+ = −∞
x→4 ( x − 4)( x + 2)
2−x 2−x 1 1
ตอไปพิจารณา xlim ( x − 4)( x + 2)
จะเห็นวา lim−
( x + 2)
=− และ lim− = −∞ จึงไดวา
→4 −
x→4 3 x→4 x−4
2− x
lim−
x→4 ( x − 4)( x + 2)
= +∞
35
x −1
ตัวอยาง 1.4.9 จงหา lim
x →0 x2
1 x −1
วิธีทํา เนื่องจาก lim( x − 1) = −1 และ lim = +∞ จึงไดวา lim = −∞
x →0 x →0 x2 x →0 x2
ที่ทําใหคํานวณ 1
x ไดงายดังนี้
และจะเห็นวาคาของ 1
x เขาใกล 0 เมื่อ x → +∞ นั่นคือ
lim 1x = 0
x→+∞
เชนเดียวกันเมื่อพิจารณาคาของฟงกชันซึ่งนิยามโดย 1
x เมื่อ x → −∞ จะเห็นวาคาของ 1
x เขาใกล 0
เมื่อ x → −∞ นั่นคือ
lim 1x = 0
x→−∞
( )
n
lim 1n = lim 1x
x→+∞ x x →+∞
=0 (1.4.1)
และ
( )
n
lim 1n =
x→−∞ x
lim 1
x →−∞ x
=0 (1.4.2)
1
ซึ่งผลของ (1.4.1) และ (1.4.2) อาจพิจารณาไดจากกราฟของฟงกชัน f ที่นิยามโดย f ( x) = ดังรูป
xn
1.4.2 และรูป 1.4.3
36
y y
เทคนิคการคํานวณคาลิมิต 5
ให P ( x) = an x n + an −1 x n −1 + ... + a1 x + a0 และ
Q( x) = bm x m + bm −1 x m −1 + ... + b1 x + b0
k P( x)
เปนพหุนามโดยที่ an ≠ 0 และ bm ≠ 0 แลวในการหา lim
x →+∞ j
โดยที่ j
Q( x)
และ k เปนจํานวนเต็มบวก สามารถทําไดโดยเขียน P( x) และ Q( x) ใหมในรูป
ตอไปนี้ ตามลําดับ
⎛ a x n −1 ax a ⎞ n⎛ an −1 a a ⎞
P ( x) = x n ⎜ an + n −1 n + ... + 1n + 0n ⎟ = x ⎜ an + + ... + n1−1 + 0n ⎟
⎝ x x x ⎠ ⎝ x x x ⎠
⎛ b x m −1 bx b ⎞ ⎛ b b b ⎞
Q ( x) = x m ⎜ bm + m −1 m + ... + 1m + m0 ⎟ = x m ⎜ bm + m −1 + ... + m1−1 + m0 ⎟
⎝ x x x ⎠ ⎝ x x x ⎠
1 k P( x)
จากนั้นใชความจริงเกี่ยวกับลิมิตที่วา lim
x →+∞ x
=0 ในการหา lim
x →+∞ j
ตอไป
Q( x)
k P( x)
สําหรับ lim
x →−∞ j
สามารถทําไดในทํานองเดียวกัน โดยใชความจริงเกี่ยวกับ
Q( x)
1
ลิมิตที่วา lim
x →−∞
=0 แทน
x
37
3x + 5
ตัวอยาง 1.4.10 จงหา lim
x→+∞ 6x − 8
วิธีทํา โดยทฤษฎีบท 1.3.5 จะไดวา
3x + 5
= lim
x 3+ 5
x ( ) = lim 3 + 5x = x →+∞
(
lim 3 + 5
x )
( ) ( )
lim
−
lim 6 − 8
6 x 8 8 x →+∞
x 6− 8
x→+∞ x→+∞
x 6− x →+∞ x
x
lim 3 + lim 5 3 + 5 lim 1 3 + (5)(0) 1
= x →+∞ x →+∞ x
= x →+∞ x
= =
lim 6 − lim 8 6 − 8 lim 1 6 − (8)(0) 2
x →+∞ x →+∞ x x →+∞ x
4 x2 − x
ตัวอยาง 1.4.11 จงหา lim
x→−∞ 2 x3 − 5
วิธีทํา โดยทฤษฎีบท 1.3.5 จะไดวา
2⎛ 1⎞ ⎛ 1⎞ ⎛ 1 ⎞
x ⎜ 4 − ⎟ ⎜ 4 − ⎟ 4−
4 x2 − x ⎝ x ⎠ = lim ⎝ x ⎛
⎠ = lim 1 ⎞ ⎜ x ⎟
lim 3 = lim ⎜ x →−∞ ⎟ ⎜ xlim ⎟
x →−∞ 2 x − 5 ⎛ ⎞ x →−∞ ⎛ ⎞
x⎜2 − 3 ⎟ ⎝ ⎠⎜
x →−∞ 5 5 x →−∞ 5 ⎟
x3 ⎜ 2 − 3 ⎟ 2− 3
⎝ x ⎠ ⎝ x ⎠ ⎝ x ⎠
⎛ ⎛ 1⎞ ⎞
⎜ lim ⎜ 4 − ⎟ ⎟
⎛ 1⎞ →−∞
⎝ x⎠ ⎟ ⎛4⎞
= (0) ⎜ ⎟ = 0
x
= ⎜ lim ⎟ ⎜
⎝ ⎠ lim ⎛ 2 − 5 ⎞ ⎟
x →−∞ x ⎜
⎝2⎠
⎜ x →−∞ ⎜ 3 ⎟⎟
⎝ ⎝ x ⎠⎠
4 x2 + 5 x + 2
ตัวอยาง 1.4.12 จงหา lim
x →+∞
3
6 x2 − 8 x + 4
5 2 ⎛ 5 2⎞
4+ + 2 lim ⎜ 4 + + 2 ⎟
= 3 lim x x = x →+∞
⎝ x x ⎠ 34 32
= =
3
x →+∞ 8 4
6− + 2 ⎛ 8 4 ⎞ 6 3
lim ⎜ 6 − + 2 ⎟
x x x →+∞
⎝ x x ⎠
3 − 2 x4
ตัวอยาง 1.4.13 จงหา lim
x →+∞ x + 1
วิธีทํา เนื่องจาก
38
⎛ 3 ⎞ ⎛ 3 ⎞
x4 ⎜ 4 − 2 ⎟ ⎜ − 2⎟
3 − 2x
= lim ⎝ ⎠ = lim x 3 ⎝ x ⎠
4
4 x
lim
x →+∞ x + 1 x →+∞ ⎛ 1⎞ x →+∞ ⎛ 1⎞
x ⎜1 + ⎟ ⎜1 + ⎟
⎝ x⎠ ⎝ x⎠
⎛ 3 ⎞
⎜ 4 − 2⎟ 3 − 2 x4
lim ⎝ ⎠ = −2
x
และจาก lim x3 = +∞ และ x →+∞ ⎛
จึงไดวา lim
x →+∞ x + 1
= −∞
x →+∞ 1⎞
⎜1 + ⎟
⎝ x⎠
7 x 6 + 5 x + 10
ตัวอยาง 1.4.14 จงหา lim
x →+∞ x2 + 8x + 9
วิธีทํา เนื่องจาก
⎛ 5 10 ⎞ 5 10
x6 ⎜ 7 + 5 + 6 ⎟
7 x + 5 x + 10
6
⎝ x x ⎠ ⎛ x6 ⎞ 7 + x5 + x6
= =⎜ 2 ⎟
x2 + 8x + 9 2⎛ 8 9 ⎞ ⎜ x ⎟ 8 9
x ⎜1 + + 2 ⎟ ⎝ ⎠ 1+ + 2
⎝ x x ⎠ x x
⎛ ⎞ 7 + 5 + 10 5 10
(x ) ⎛ x3 ⎞ 7 + 5 + 6
2
3
⎜ ⎟ 5 6
=⎜ ⎟
x x =⎜ ⎟ x x เมื่อ x≠0
x2 8 9 ⎜ x2 ⎟ 8 9
⎜ ⎟ 1+ + 2 ⎝ ⎠ 1+ + 2
⎝ ⎠ x x x x
และเมื่อ x → +∞ คาของ x3 จะมากกวา 0 เสมอ ซึ่งทําใหไดวา x3 = x3 เราจึงไดวา
5 10 5 10
7+ 5 + 6 7+ 5 + 6
7 x + 5 x + 10
6
⎛ x 3
⎞ x x = lim x x x
lim = lim ⎜ 2 ⎟
x →+∞ x + 8x + 9
2 x →+∞
⎝ x ⎠ 1+ +8 9 x →+∞ 8
1+ + 2
9
x x2 x x
5 10
+ 7+
พิจารณา lim x5 x 6 จะไดวา
x →+∞ 8 9
1+ + 2
x x
5 10 5 10 ⎛ 5 10 ⎞
7+ + 6 lim 7 + 5 + 6 lim ⎜ 7 + 5 + 6 ⎟
x 5
x = x →+∞ x x = x →+∞
⎝ x x ⎠
lim = 7
x →+∞ 8 9
1+ + 2 ⎛ 8 9 ⎞ ⎛ 8 9 ⎞
lim ⎜1 + + 2 ⎟ lim ⎜1 + + 2 ⎟
x x x →+∞
⎝ x x ⎠ x →+∞
⎝ x x ⎠
และจาก lim x = +∞
x →+∞
เราจึงไดวา
5 10
7+ 5 + 6
7 x 6 + 5 x + 10
lim = lim x x x = +∞
x →+∞ x + 8x + 9
2 x →+∞ 8
1+ + 2
9
x x
39
x2 + 2
ตัวอยาง 1.4.15 จงหา lim
x →−∞ 3x − 6
วิธีทํา เนื่องจาก
⎛ 2 ⎞ 2 2
x 2 ⎜1 + 2 ⎟ 2 ⎞ 1+ 2 1+ 2
x +2
2
⎝ x ⎠ ⎛ x ⎛ x ⎞
= =⎜
⎜
⎟
⎟
x =
⎜ ⎟
x เมื่อ x≠0
3x − 6 ⎛ 6⎞
⎝ x ⎠ 3−
6 ⎝ x ⎠ 3− 6
x⎜3− ⎟
⎝ x⎠ x x
และเมื่อ x → −∞ คาของ x จะนอยกวา 0 เสมอ ซึ่งทําใหไดวา x = −x เราจึงไดวา
2 2
1+ 21+
x +2 2
⎛ −x ⎞ 2
x = lim − x
lim = lim ⎜ ⎟
x →−∞ 3 x − 6 x →−∞
⎝ x ⎠ 3− 6 x →−∞
3−
6
x x
ดังนั้น
⎛ 2 ⎞
lim ⎜ 1 + 2 ⎟
x +2
2 x →−∞
⎝ x ⎠ 1
lim
x →−∞ 3 x − 6
=− =−
⎛ 6⎞ 3
lim ⎜ 3 − ⎟
x →−∞
⎝ x⎠
x2 + 2
ตัวอยาง 1.4.16 จงหา lim
x →+∞ 3x − 6
วิธีทํา โดยผลในตัวอยาง 1.4.15 เราทราบวา
2
1+
x +2 ⎛ x ⎞
2
x2
=⎜ ⎟ เมื่อ x≠0
3x − 6 ⎝ x ⎠ 3 − 6
x
แตในตัวอยางนี้ เราพิจารณาลิมิตเมื่อ x → +∞ ซึ่งคาของ x>0 เสมอ เราจึงได x =x ดังนั้น
2 2
1+
1+ 2
x +2 2
⎛ x⎞ x = lim ⎛ x ⎞
2
x
lim = lim ⎜ ⎟ ⎜ ⎟
x →+∞ 3 x − 6 x →+∞
⎝ ⎠ 3−
x 6 ⎝ ⎠ 3−
x →+∞ x 6
x x
2
1+
= lim x2 = 1
x →+∞ 6 3
3−
x
40
ให lim แทน lim
x→+∞
หรือ lim
x→−∞
และ ∞ แทน +∞ หรือ −∞ อยางใดอยางหนึ่ง ในกรณีที่
lim f ( x) = ∞ และ lim g ( x) = ∞ เราจะไดวา lim( f ( x) + g ( x)) = ∞ แตสําหรับ
lim( f ( x) − g ( x)) เราไมสามารถสรุปไดวาหาไดหรือหาไมได ซึ่งจะไดศึกษาตอไปในบทที่ 4 อยางไรก็
ตาม เราจะใหตัวอยางในการหาลิมิตลักษณะนี้พอสังเขป
lim ( 4 x 2 + x − x 2 − x ) = +∞
x →−∞
41
ตัวอยาง 1.4.19 lim ( x 2 + x − x 2 − x )
x →−∞
⎛ 1 1⎞
lim ( x 2 + x − x 2 − x ) = lim | x | ⎜⎜ 1 + − 1 − ⎟⎟
x →−∞ x →−∞ x x⎠
⎝
⎛ 1 1⎞
แตจาก lim x = +∞
x →−∞
และ lim ⎜⎜ 1 + − 1 − ⎟⎟ = 1 − 1 = 0
x →−∞
เราจึงไมสามารถสรุปไดเชนกันวา
⎝ x x⎠
lim ( x 2 + x − x 2 − x )
x →−∞
วาหาได หรือหาไมได (ซึ่งลิมิตประเภทนี้จะไดศึกษาตอไปในบทที่ 4)
สําหรับการหา lim ( x 2 + x − x 2 − x )
x →−∞
เราสามารถทําไดดังนี้
lim
x →−∞
( x2 + x − x2 − x ) = lim
x →−∞
( x2 + x − x2 − x ) x2 + x + x2 − x
x2 + x + x2 − x
x2 + x − x2 + x 2x
= lim = lim
x→−∞
x2 + x + x2 − x x →−∞
x 1+
1
+ x 1−
1
x x
2x 2x
= lim = lim
x →−∞ ⎛ 1 1⎞ x →−∞ ⎛ 1 1⎞
x ⎜ 1+ + 1− ⎟ −x ⎜ 1+ + 1− ⎟
⎝ x x⎠ ⎝ x x⎠
−2
= lim
x →−∞
= −1
1 1
1+ + 1−
x x
ทั้งนี้เพราะวาวิธีการหาลิมิตทีไดแสดงไวในตัวอยางทั้งสองนั้นงายกวามาก
42
แบบฝกหัด 1.4
1. จงหาลิมิตในขอตอไปนี้
1.1 lim (−2h)
h →+∞
1.2 lim x3 − 3x − 1
x→5
t3 + 8 x4 − 1
1.3 lim
t→−2 t+2
1.4 lim+
x →1 x −1
x2 − 4 x + 4 t 3 + t 2 − 5t + 3
1.5 lim
x→+∞ x2 + x − 6
1.6 lim
t→1 t 3 − 3t + 2
1.7 1 x−2
lim
x→+∞ x +12 1.8 lim
x→−∞ x2 + 2 x + 1
3s7 − 4s5 2− y
1.9 lim 3 1.10 lim
s→+∞ 2 s7 + 1 y→+∞
7 + 6 y2
6 − t3 1.16 lim 1
1.15 lim
t→+∞ 6t 3 + 3 x →3− | x − 3|
x+3− 3 ( y −1)( y − 2)
1.17 lim x
1.18 lim−
y →2 y +1
x→0
⎧t 2 , t≥0
2. กําหนดให g เปนฟงกชันคาจริงที่นิยามโดย g (t ) = ⎨
⎩t − 2 , t < 0
จงหา lim g (t )
t → 0−
, lim g (t )
t → 0+
และ lim g (t )
t →0
3. จงหาลิมิต ในขอตอไปนี้
3.1 lim
sin(2 x)
x
3.2 lim sin x2
x→0 2x
2
x→0
43
1.5 ความตอเนื่องของฟงกชัน
แมเราจะเนนวาการหาลิมิตของฟงกชันที่จุดใดจุดหนึ่ง ไมใชการคํานวณคาหรือแทนคาของฟงกชัน ณ
(c3 , f (c3 ))
และ
3. lim f ( x) = f (c)
x →c x
a c1 c2 c3 b
รูป 1.5.1
เทากัน และเมื่อเราลากเสนไปตามกราฟจะพบวาเสนที่ลากไปจะหยุดหรือตองยกปากกาขึ้นเมื่อผานจุด
ฟงกชันตอเนื่องที่ c
44
บทนิยาม 1.5.1 กําหนดให f เปนฟงกชันและ c เปนคาคงตัว จะกลาววา f เปนฟงกชันตอเนื่อง
(continuous function) ที่ c ถาขอความ (1), (2) และ (3) ตอไปนี้เปนจริงพรอมกัน
1. f (c) หาได นั่นคือฟงกชัน f นิยามที่ c
และ 3. L = f (c )
45
ในกรณีที่ฟงกชัน f นิยามบนชวงปด [ a , b] จะเห็นวา lim f ( x)
x →a−
และ lim f ( x)
x →b +
ไมนิยาม
ดังนั้นโดยบทนิยามของความตอเนื่อง เราไมสามารถระบุความตอเนื่อง หรือความไมตอเนื่องของฟงกชัน
f ที่จุด a และ b ซึ่งเปนจุดปลายของชวงปด [ a , b] ได เพื่อจะใหครอบคลุมกรณีดังกลาว เรา
จําเปนตองใหบทนิยามของความตอเนื่องทางขวา และความตอเนื่องทางซาย ดังตอไปนี้
2. f เปนฟงกชันตอเนื่องทางขวาที่ a และ
3. f เปนฟงกชันตอเนื่องทางซายที่ b
y y y
f (a)
x x x
a b a b a b
46
ตัวอยาง 1.5.5 จงแสดงวาฟงกชัน f ที่นิยามโดย f ( x) = 9 − x 2 ตอเนื่องบนชวงปด [−3,3]
วิธีทํา จะเห็นวาโดเมนของฟงกชัน f คือชวงปด [−3,3] และที่แตละจุด c ในชวงเปด (−3,3) เราจะได
y
y = tan x
1
x
− 3π −π π 3π 5π
2 2 2 2 2
−1
รูป 1.5.5
47
ทฤษฎีบท 1.5.8 ให f และ g เปนฟงกชันตอเนื่องที่ c เมื่อ c เปนคาคงตัว แลว
1. f ±g และ fg เปนฟงกชันตอเนื่องที่ c
f
2. g เปนฟงกชันตอเนื่องที่ c ถา g (c ) ≠ 0
f
ซึ่งทําใหได g เปนฟงกชันตอเนื่องที่ c
x2 − 9
ตัวอยาง 1.5.9 ให h เปนฟงกชันที่นิยามโดย h( x ) =
x2 − 5 x + 6
จงพิจารณาวา h เปนฟงกชันตอเนื่อง
ที่คาคงตัวใดบาง
วิธีทํา เนื่องจากทั้งเศษและสวนของฟงกชัน h เปนพหุนาม ดังนั้นโดยทฤษฎีบท 1.5.7 ทําใหทราบวาพหุ
นามทั้งสองเปนฟงกชันตอเนื่อง และโดยทฤษฎีบท 1.5.8 ขอ 2 ทําใหทราบวา h เปนฟงกชันตอเนื่องที่ x
P( x)
ทฤษฎีบท 1.5.10 ฟงกชันตรรยะ Q ( x)
เปนฟงกชันตอเนื่องที่ทุก ๆ จํานวนจริง x ยกเวนที่ x ซึ่ง
Q( x) = 0
ในกรณีของฟงกชันที่นิยามเปนชวง นั่นคือฟงกชันที่มีการนิยามในรูปแบบ
⎧ g1 ( x) , x < a
f ( x) = ⎨ (1.5.1)
⎩ g 2 ( x) , x ≥ a
ตัวอยางเชนฟงกชันคาสัมบูรณ
⎧ g ( x) , g ( x) ≥ 0
f ( x) = | g ( x) | = ⎨
⎩− g ( x) , g ( x) < 0
48
เปนตน เราไมแนใจวาฟงกชันเหลานี้จะหาลิมิตไดที่ทุก ๆ สมาชิกในโดเมนของฟงกชันหรือไม โดยเฉพาะ
อยางยิ่ง ที่จุดแบงชวงของการนิยามคาฟงกชัน เราจึงจําเปนตองมีทฤษฎีบทที่จะชวยตัดสินไดวา ฟงกชัน
ลักษณะเชนนี้จะตอเนื่องที่จุดซึ่งสงสัยหรือไม อยางไร
บทพิสูจน จะละการพิสูจนทฤษฎีบทนี้ไวเปนแบบฝกหัด
และ
lim g ( x) = lim+ ( x 2 − 1) = 3
x → 2+ x→2
7
6
5
4
3
2
1
x
-2 -1 1 2 3 4
รูป 1.5.6
49
⎧ −4 − x , x ≤ − 4
2. เนื่องจาก f ( x) = ⎨
⎩ x + 4 , x > −4
โดยผลของทฤษฎีบท 1.5.7 พหุนามที่กําหนดโดย f1 ( x) = −4 − x และ f 2 ( x) = x + 4 ตางเปน
ฟงกชันตอเนื่องบนชวง ( −∞, −4 ) และ ( −4, +∞ ) ตามลําดับ ดังนั้นถาจะสรุปถึงความตอเนื่องของ f
ทําใหได xlim
→−4
f ( x) = 0 = f (−4) ดังนั้น f ตอเนื่องที่ x = −4 เราจึงไดวา f เปนฟงกชันตอเนื่องบน
ตัวอยาง 1.5.13 จงพิจารณาวาฟงกชันซึ่งนิยามดังตอไปนี้ตอเนื่องที่ใดบาง
⎧ x2 − 2 x − 3 , x ≠ 3
⎪ x −3 x2 − 1
1. f ( x) = ⎨ 2. f ( x) =
x2 + 1
⎪⎩3 , x=3
x2 − 2 x − 3
วิธีทํา 1. สําหรับ x≠3 เราจะไดวาฟงกชันตรรกยะ f ( x) =
x −3
นิยามคาไดทุกจุด จึงสรุปโดย
\{3}
x2 − 1
2. เนื่องจาก f ( x) =
x2 + 1
เปนฟงกชันตรรกยะ ดังนั้น f จะเปนฟงกชันตอเนื่องที่ทุก ๆ จํานวนจริง
50
วิธีทํา เนื่องจากฟงกชัน f นิยามเฉพาะเมื่อ x≤3 เราจะพิจารณาความตอเนื่องของ f บนชวง (−∞,3]
เราจะจบหัวขอนี้ดวยการกลาวถึงทฤษฎีบทที่สําคัญของความตอเนื่องของฟงกชันและไดมีการ
นําไปประยุกตใชอยางกวางขวาง
ใดอยางหนึ่ง
ถา lim g ( x) = L และ f เปนฟงกชันตอเนื่องที่ L แลว lim f ( g ( x)) = f (lim g ( x))
51
ตัวอยาง 1.5.16 จงแสดงวา ถา lim g ( x) หาได แลว
2. lim g ( x) = lim g ( x)
x →π ( (
lim sin π x+ x
2
)) = sin ( lim ( π x+ x )) = sin π2 = 1
x →π
2
⎛ π x2 + 1 ⎞ ⎞ ⎛ π x2 + 1 ⎞ ⎞ ⎛ π + 1/ x2 ⎞ ⎞
lim ⎜ cos ⎛⎜ 2 ⎟ ⎟ = cos ⎜ lim ⎛⎜ 2 ⎟ ⎟ = cos ⎜ lim ⎜⎛ 2 ⎟ ⎟ = cos π = −1
x →+∞ ⎝ ⎝ x +3 ⎠⎠ ⎝ x→+∞ ⎝ x + 3 ⎠ ⎠ ⎝ x →+∞ ⎝ 1 + 3/ x ⎠ ⎠
และ
lim 5 − x 2 =
x →3
lim(5 − x 2 ) = −4 = 4
x →3
52
ตัวอยาง 1.5.18 จงหาลิมิตในแตละขอตอไปนี้
3
⎛ x2 − 9 ⎞
1. lim ⎜ ⎟ 2. lim x 2 − x + 13
x →3
⎝ x −3 ⎠ x→4
x2 − 9
วิธีทํา 1. ให f และ g เปนฟงกชันซึ่งนิยามโดย f ( x) = x3 และ g ( x) =
x −3
ตามลําดับ เนื่องจาก
x2 − 9 ( x − 3)( x + 3)
lim g ( x) = lim = lim = lim( x + 3) = 6
x →3 x→3 x − 3 x→3 x −3 x →3
( )
3
⎛ x2 − 9 ⎞
lim ⎜ ⎟ = lim f ( g ( x)) = f lim g ( x) = f (6) = 63 = 216
x →3
⎝ x −3 ⎠ x → 3 x →3
lim( x 2 − x + 13) = 25
x→4
และ f เปนฟงกชันตอเนื่องบน [0, +∞) จะไดวา
[นั่นคือ f (a) < c < f (b) หรือ f (b) < c < f (a) ] แลวจะมี x0 ∈ [a, b] ซึ่ง f ( x0 ) = c
y
f (b) y = f ( x)
c
f (a)
x
a b
รูป 1.5.8
53
รูป 1.5.8 แสดงความหมายทางเรขาคณิตของทฤษฎีบทคากลางวาถา f เปนฟงกชันตอเนื่องบน
[ a, b] และถาเราทราบคาของ f (a) และ f (b) แลวเราจะทราบวาคาที่อยูระหวางสองคานี้เปนคาของ
ฟงกชัน f ที่จุด ๆ หนึ่งในโดเมนของ f นั่นคือทุกคาที่อยูระหวาง f (a) และ f (b) อยูในเรนจของ f
ตัวอยาง 1.5.21 จงแสดงวามี x<0 ที่ทําให 2x = x2
ซึ่งทําใหได
h(−1) = − 1 < 0 < 1 = h(0)
2
ดังนั้นโดยทฤษฎีบทคากลาง จะมี x ∈ [−1, 0] (หรือ x<0) ที่ทําให
h( x ) = 0 หรือ 2x = x2
54
แบบฝกหัด 1.5
1. จงหาจุดในเซตของจํานวนจริงของแตละฟงกชันที่ทําใหฟงกชันไมตอเนื่องจากฟงกชันคาจริงที่
กําหนดในแตละขอตอไปนี้
1.1 f ( x) = x2
x − 3x + 2
2
1.2 f ( x) = x
x2 − 1
⎧x − 2 , x < 4 ⎧ x2 −1 , x ≤ 0
1.3 f ( x) = ⎨ 1.4 f ( x) = ⎨
⎩2 x − 6 , x > 4 ⎩x +1 , x > 0
2.3 f ( x) =
|sin x| 2.4 f ( x) = x(1 + x1 )
x
⎧ax + b , x ≤1
3. กําหนดให f เปนฟงกชันซึ่งนิยามโดย f ( x) = ⎨ 2 เมื่อ a, b, c, d และ
⎩cx + dx + e , x > 1
e เปนคาคงตัว จงหาความสัมพันธของ a, b, c, d และ e เพื่อทําใหฟงกชัน f ตอเนื่องที่ 1
⎧ ax , 0 < x <1
⎪
4. กําหนดให f เปนฟงกชันซึ่งนิยามโดย f ( x) = ⎨bx + 1 , 1 ≤ x ≤ 2
⎪cx 2 , x>2
⎩
จงหาคาคงตัว a, b และ c ที่ทําให f เปนฟงกชันตอเนื่องบน ( 0, ∞ )
6. ให f เปนฟงกชันตอเนื่องบน [0, 1] โดยที่ f (0) = a และ f (1) = b เมื่อ 0≤a และ b ≤1
55
56