Heat Transfer

4/6/2018 สภาวิศวกร
สาขา : เครืองกล
วิชา : Heat Transfer
เนือหาวิชา : 402 : 1.การนํ าความร ้อนในหนึงมิตส
ิ ภาวะคงตัว
ข ้อที 1 :
จงหาความต ้านทานเชงิ ความร ้อน (Conductive Resistance) ของผนังแผ่นอิฐทีมีความหนา 15 เซนติเมตร กว ้าง 2 เมตร
ั ประสท
และสูง 3 เมตร กําหนดให ้ค่าสม ิ ธิการนํ าความร ้อน (Thermal Conductivity) ของอิฐมีคา่ เท่ากับ 0.72 W/m.K
1 : 28.0 K/W
2 : 55.56 K/W
3 : 0.0347 K/W
4 : 0.0180 K/W
คําตอบทีถูกต ้อง : 3
จงหาความต ้านทานเชงิ ความร ้อน (Conductive Resistance) ของฉนวนหุ ้มท่อไฟเบอร์กลาส ทีมีคา่ สม
ั ประสทิ ธิการนํ า
ความร ้อน (Thermal Conductivity) ค่าเท่ากับ 0.038 W/m.K โดยทีฉนวนหนา 2.5 เซนติเมตร ถูกนํ าไปหุ ้มท่อขนาดเสน้
ผ่านศูนย์กลาง 38 เซนติเมตร ยาว 1.5 เมตร
1 : 0.3452 K/W
2 : 0.1500 K/W
3 : 0.3939K/W
4 : 0.5072 K/W
จงหาความต ้านทานเชงิ ความร ้อน (Conductive Resistance) ของทรงกลมกลวงรัศมีภายใน 3 เมตร ทําจากเหล็กกล ้า หนา
ั ประสท
5 เซนติเมตร กําหนดให ้ค่าสม ิ ธิการนํ าความร ้อน (Thermal Conductivity) ของเหล็กกล ้ามีคา่ เท่ากับ 58.7 W/m.K
1:
2:
3:
4:
จงหาความต ้านทานเชงิ ความร ้อน (Conductive Resistance) ของผนังแผ่นไม ้ทีมีความหนา 7.5 เซนติเมตร กว ้าง 10 เมตร
ั ประสท
และสูง 3 เมตร กําหนดให ้ค่าสม ิ ธิการนํ าความร ้อน (Thermal Conductivity) ของแผ่นไม ้มีคา่ เท่ากับ 0.16 W/m.K
1 : 25.0 K/W
2 : 0.0004 K/W
3 : 64 K/W
4 : 0.0156 K/W
จงหาความต ้านทานเชงิ ความร ้อน (Conductive Resistance) ของฉนวนหุ ้มโพลีไวนีล ทีมีคา่ สม
ั ประสท
ิ ธิการนํ าความร ้อน
(Thermal Conductivity) เท่ากับ 0.01 W/m.K โดยทีฉนวนทีหนา 3 เซนติเมตร ถูกนํ าไปหุ ้มท่อขนาดรัศมี 12 เซนติเมตร
ยาว 15 เมตร
1 : 0.237 K/W
2 : 0.547 K/W
3 : 0.103 K/W
4 : 0.178 K/W
http://www.coe.or.th/coe-2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=52&aMajid=2 1/104
จงหาความต ้านทานเชงิ ความร ้อน (Conductive Resistance) ของทรงกลมกลวงเสนผ่ ้ านศูนย์กลางภายใน 3เมตร ทําจากอ
ั ประสท
ลูมเิ นียมหนา 3 เซนติเมตร กําหนดให ้ค่าสม ิ ธิการนํ าความร ้อน (Thermal Conductivity) ของอลูมเิ นียมมีคา่ เท่ากับ
240 W/m.K
1:
2:
3:
4:
1:
2:
3:
4:
1:
2:
3:
4:
1 : 1.67 W
2 : 6.03 W
3 : 1.81 W
4 : 18.1 W
ข ้อที 10 :
1 : 46 W
2 : 0.046 W
3 : 0.46 W
4 : 4.6 W
ข ้อที 11 :
จงหาอัตราความร ้อนทีถ่ายเทผ่านผนังแผ่นอิฐในสภาวะคงตัว สําหรับอิฐทีมีความหนา 15 เซนติเมตร กว ้าง 2 เมตรและสูง
3 เมตร กําหนดให ้ค่าสม ั ประสท
ิ ธิการนํ าความร ้อนของอิฐมีคา่ เท่ากับ 0.72 W/m.K และความแตกต่างอุณหภูมข
ิ องผนังทัง
สองด ้านมีคา่ เป็ น 10 K
1 : 0.3571 W
2 : 0.17998 W
3 : 288.2 W
4 : 555.5 W
ข ้อที 12 :
จงหาอัตราความร ้อนทีถ่ายเทผ่านฉนวนหุ ้มท่อไฟเบอร์กลาสในสภาวะคงตัว ฉนวนหุ ้มท่อไฟเบอร์กลาส(k มีคา่ เท่ากับ
้ านศูนย์กลาง 38 เซนติเมตร ยาว 1.5 เมตรและ
0.038 W/m.K) มีความหนา 2.5 เซนติเมตร ถูกนํ าไปหุ ้มท่อขนาดเสนผ่
ความแตกต่างอุณหภูมข ิ องผนังทังสองด ้านมีคา่ เป็ น 10 K
1 : 28.968 W
2 : 66.667 W
3 : 25.387 W
4 : 19.716 W
ข ้อที 13 :
จงหาอัตราความร ้อนทีถ่ายเทผ่านผนังแผ่นไม ้ทีมีความหนา 7.5 เซนติเมตร กว ้าง 10 เมตรและสูง 3 เมตรในสภาวะคงตัว
กําหนดให ้ค่าสม ั ประสท ิ ธิการนํ าความร ้อนของแผ่นไม ้มีคา่ เท่ากับ 0.16 W/m.Kและความแตกต่างอุณหภูมข
ิ องผนังทัง
สองด ้านมีคา่ เป็ น 5 K
1 : 0.2 W
2 : 515.2 W
3 : 0.0781 W
4 : 320.512 W
ข ้อที 14 :
1 : 23.6 เซนติเมตร
ข ้อที 15 :
1 : 177 W
2 : 44.3 W
3 : 118 W
4 : 56.2 W
ข ้อที 16 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 17 :
1 : 10.10 W
2 : 69.73 W
3 : 13.81 W
4 : 17.00 W
ข ้อที 18 :
ณ ทีอุณหภูมห ั ประสท
ิ ้อง วัตถุประเภทใดมีคา่ สม ิ ธิการนํ าความร ้อน (Thermal Conductivity) ดีทสุ
ี ด
1 : เหล็ก
2 : อลูมเิ นียม
3 : เงิน
4 : ทองแดง
ข ้อที 19 :
สําหรับการนํ าความร ้อนในกรณีผนังราบหลายชน ั เรามักพบว่าการกระจายของอุณหภูมผ ิ
ิ า่ นผิวรอยต่อของวัตถุสองชน
ทีมาประกอบกัน จะมีการตกของอุณหภูม ิ (Temperature Drop) ขึน การสูญเสย ี นีเป็ นผลมาจาก Thermal contact
resistance ข ้อใดกล่าวผิดเกียวกับ Thermal contact resistance
1 : Thermal contact resistance ทีผิวรอยต่อขึนอยูก

่ บ
ั ความดัน และอุณหภูมท ิ ผิ
ี วรอยต่อ
2 : การทําผิวให ้เรียบไม่มผ
ี ลต่อการลดค่า Thermal contact resistance เนืองจากผิวทีขรุขะส่งผลต่อการนํ าความร ้อนทีดีกว่า
3 : Thermal contact resistance ทีผิวรอยต่อสามารถลดได ้ด ้วยการใช ้สารเพิมการนํ าความร ้อนทาทีผิวรอยต่อ
4 : การถ่ายเทความร ้อนทีผิวรอยต่อจะเกิดเฉพาะการนํ าความร ้อนเป็ นส่วนใหญ่
ข ้อที 20 :
ผนังเตาในงานอุตสาหกรรมแห่งหนึงทําด ้วยอิฐทีมีคา่ สมั ประสท
ิ ธิการนํ าความร ้อน (k) = 1.7 W/m.K โดยทีอิฐหนา 0.15
เมตร อยูภ
่ ายใต ้สภาวะคงตัว อุณหภูมภิ ายนอกและภายในของผนังสามารถวัดได ้เป็ น 1400 K และ 1150 K จงคํานวณหา
อัตราการสูญเสยี ความร ้อนทีผ่านผนัง ซงมี
ึ พนที
ื หน ้าตัด 1.5 ตารางเมตร
1 : 2,833 W
2 : 3,755 W
3 : 4,250 W
4 : 5,125 W
ข ้อที 21 :
1 : 190.18 W
2 : 74.38 W
3 : 254.78 W
4 : 126.18 W
ข ้อที 22 :
ข ้อที 23 :
ทีสภาวะคงตัว มีความร ้อนไหลผ่านผนังบ ้านด ้านหนึงขนาด 100 วัตต์ตอ ่ ตารางเมตร และอากาศในห ้องมีอณ ุ หภูม ิ 25
องศาเซลเซย ี ส ทําการวัดอุณหภูมท
ิ ผนั
ี งห ้องฝั งในบ ้านพบว่ามีอณ ี ส จงหาค่าสม
ุ หภูม ิ 29 องศาเซลเซย ั ประสท
ิ ธิการพา
ความร ้อน (h) ของฝั งผนังห ้อง
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 24 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 25 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 26 :
1 : 32.5 องศาเซลเซียส
ข ้อที 27 :
ข ้อที 28 :
3 : 62 องศาเซลเซียส
ข ้อที 29 :
1 : 38.82 W/m
2 : 52.66 W/m
3 : 77.77 W/m
4 : 106.93 W/m
ข ้อที 30 :
1 : 70.77 W/m
2 : 72.66 W/m
3 : 87.77 W/m
4 : 106.93 W/m
ข ้อที 31 :
1 : 2.23 W
2 : 22.3 W
3 : 87.77 W
4 : 0.11 W
ข ้อที 32 :
1 : 0.34
2 : 0.54
3 : 3.44
4 : 5.40
ข ้อที 33 :
1 : 34.39 J
2 : 275.1 kJ
3 : 34.39 kJ
4 : 24.35 J
ข ้อที 34 :
1 : 34.39 W
2 : 275.1 kW
3 : 34.39 kW
4 : 24.35 W
ข ้อที 35 :
1 : 465.9 kJ
2 : 116.5 kJ
3 : 465.9 J
4 : 687.2 J
ข ้อที 36 :
1 : 687.2 W
2 : 465.9 kW
3 : 4116.5 kW
4 : 1374 W
ข ้อที 37 :
1 : 0.0009 K/W.m
2 : 5.73 K/W.m
3 : 175 K/W.m
4 : 0.000141 K/W.m
ข ้อที 38 :
1 : 2.7 W
2 : 26.6 W
3 : 265.8 W
4 : 2658 W
ข ้อที 39 :
1 : ลดลงร ้อยละ 98.3

2 : ลดลงร ้อยละ 50
ข ้อที 40 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 41 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 42 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 43 :
การถ่ายเทความร ้อนผ่านกําแพงทีกันระหว่างแหล่งความร ้อนทีมีอณ ุ หภูมแ
ิ ตกต่างกันสองแหล่งในข ้อใด ทีสามารถสมมุต ิ
ให ้เป็ นการถ่ายเทความร ้อนด ้วยการนํ าในมิตเิ ดียวได ้อย่างเหมาะสมมากทีสุด
1 : กําแพง ทีมีหนามากเมือเทียบกับความสูงและความกว ้าง

2 : กําแพง ทีสูงมากเมือเทียบกับความกว ้างและความหนา
3 : กําแพง ทีกว ้างมากเมือเทียบกับความกว ้างและความหนา
4 : กําแพงทีหนาน ้อยเมือเทียบกับความสูงและความกว ้าง
ข ้อที 44 :
การถ่ายเทความร ้อนจากของไหลภายในท่อไปสูบ ่ รรยากาศนอกท่อทีมีอณ
ุ หภูมต
ิ ํากว่าในข ้อใด ทีมีความเหมาะสมในการ
สมมุตใิ ห ้เป็ นการถ่ายเทความร ้อนด ้วยการนํ าในหนึงมิตม
ิ ากทีสุด
1 : ท่อเส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน 0.2 เมตร ยาว 10 เมตร บรรจุนําร ้อนไหลภายใน

2 : ท่อเส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน 0.2 เมตร ยาว 10 เมตร บรรจุนําเย็นไหลภายใน
3 : ท่อเส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน 0.2 เมตร ยาว 10 เมตร บรรจุไอนํ าอิมตัวไหลภายใน
4 : ท่อเส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน 0.2 เมตร ยาว 1 เมตร บรรจุไอนํ าอิมตัวไหลภายใน
ข ้อที 45 :
การถ่ายเทความร ้อนจากของไหลทีมีอณ ุ หภูมสิ งู ภายในภาชนะทรงกลมไปสูบ ่ รรยากาศภายนอกทีมีอณ
ุ หภูมต
ิ ํากว่าในข ้อ
ใด ทีมีความเหมาะสมในการสมมุตใิ ห ้เป็ นการถ่ายเทความร ้อนด ้วยการนํ าในหนึงมิตม
ิ ากทีสุด
1 : ทรงกลมทีหนาน ้อยๆ เมือเทียบกับ เส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน โดยมีลมธรรมชาติพัดความเร็วตําระบายความร ้อนอยูภ

่ ายนอก
2 : ทรงกลมทีหนาน ้อยๆ เมือเทียบกับ เส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน โดยมีพัดลมเป่ าประทะทรงกลมระบายความร ้อนอยูภ่ ายนอก
3 : ทรงกลมทีหนาน ้อยๆ เมือเทียบกับ เส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน โดยทรงกลมถูกจุม ่ มิดอยูใ่ นนํ ามัน
4 : ทรงกลมทีหนามากๆ เมือเทียบกับ เส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน
ข ้อที 46 :
ั ประสทธิการนํ าความร ้อนของวัสดุจากน ้อยไปหามาก ณ อุณหภูมห
คําตอบในข ้อใดเรียงลําดับตามค่าสม ิ ้อง ได ้อย่างถูก
ต ้อง
1 : ตะกัว เหล็ก อลูมเิ นียม เงิน

2 : เงิน อลูมเิ นียม เหล็ก ตะกัว
3 : เงิน เหล็ก อลูมเิ นียม ตะกัว
4 : ตะกัว อลูมเิ นียม เหล็ก เงิน
ข ้อที 47 :
1 : 108 W
2 : 4.32 W
3 : 108,000 W
4 : 4,320 W
ข ้อที 48 :
1 : 3.888 W
2 : 38.88 kW
3 : 3.888 kW
4 : 3,888 W
ข ้อที 49 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 50 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 51 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 52 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 53 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 54 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 55 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 56 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 57 :
1 : 8,143 kW
2 : 81.43 W
3 : 8.143 kW
4 : 8.143 W
ข ้อที 58 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 59 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 60 :
1 : 115.2 kW
2 : 7,152 kW
3 : 1.152 kW
4 : 7.125 kW
ข ้อที 61 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 62 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 63 :
1 : 31.5 kW
2 : 36.5 kW
3 : 38.5 kW
4 : 115.5 kW
ข ้อที 64 :
1 : 121 W/m
2 : 603 W/m
3 : 757 W/m
4 : 6022 W/m
ข ้อที 65 :
1 : 559.5 kW
2 : 144.1kW
3 : 14.4 kW
4 : 138.5 kW
ข ้อที 66 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 67 :
1 : 489 W
2 : 516 W
3 : 849 W
4 : 960 W
ข ้อที 68 :
1 : 40 W
2 : 46.2 W
3 : 80 W
4 : 92.3 W
ข ้อที 69 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 70 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 71 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 72 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 73 :
1 : 1.86 W/m.K
2 : 0.019 W/m.K
3 : 16.08 W/m.K
4 : 0.062 W/m.K
ข ้อที 74 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 75 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 76 :
1 : 25 mm.
2 : 22.5 mm.
3 : 17.5 mm.
4 : 12.5 mm.
ข ้อที 77 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 78 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 79 :
ข ้อใดเป็ นสมการการนํ าความร ้อนของฟูเรียร์ (Fourier equation) ทีถูกต ้องทีสุด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 80 :
การถ่ายเทความร ้อนแบบนํ าความร ้อน เป็ นการศก ึ ษาถึงการเปลียนแปลงอุณหภูมภ
ิ ายในตัวกลาง (medium) ดังนัน
ตัวกลางใดทีเกิดการนํ าความร ้อนได ้ค่อนข ้างยาก
1 : อิฐบล๊อก
2 : ผนังไม ้
3 : ผนังเหล็ก
4 : ช่องว่างอากาศ
ข ้อที 81 :
การกระจายตัวของอุณหภูมภิ ายในตัวกลาง (medium) สําหรับการนํ าความร ้อนสามารถ ศกึ ษาถึงชนความหนาของ
ั
้ กการเหมือนกับการศก
ตัวกลางเพือหาความต ้านทานทางความร ้อนรวม โดยใชหลั ึ ษาในเรืองใด
1 : ปั มสูบนํ า
2 : การสูญเสีย (Flow loss in pipe)
3 : ความต ้านทานทางไฟฟ้ า
4 : ฉนวนของวัสดุ
ข ้อที 82 :
ความร ้อนทีจ่ายให ้กับท่อเหล็กจนมีอณ
ุ หภูมส
ิ มําเสมอตลอดพืนทีผิวเรียกว่า Heat Flux หรือ ฟลักความร ้อน มีหน่วยตาม
ข ้อใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 83 :
วัตต์/เมตร.เคลวิน เป็ นหน่วยของค่าคุณสมบัตห ึ ษาการนํ าความร ้อน หน่วยดังกล่าวมีชอเรี
ิ นึงในการศก ื ยกว่าอย่างไร
1 : Thermal diffusivity
2 : Thermal conductivity
3 : Thermal expansive
4 : Thermal heat flux
ข ้อที 84 :
1 : อุณหภูมด
ิ ้านหลังสูงกว่าอุณหภูมด ิ ้านหน ้าของผนังไม ้
2 : อุณหภูมดิ ้านหน ้าสูงกว่าอุณหภูมด ิ ้านหลังของผนังไม ้
3 : อุณหภูมด ิ ้านหน ้าเท่ากับอุณหภูมด ิ ้านหลังของผนังไม ้
4 : อุณหภูมด ิ ้านหน ้าเท่ากับอุณหภูมข ิ องอากาศ
ข ้อที 85 :
่ ณ
ข ้อใดต่อไปนีไม่ใชค ุ สมบัตท
ิ าง Thermophysical Property
2 : Specific heat
3 : Kinematics viscosity
ข ้อที 86 :
ั ประสท
ตามหลักโดยทัวไปแล ้ววัสดุชนิดใดมีคา่ สม ิ ธิการนํ าความร ้อนสูงทีสุด
1 : ไม ้
2 : พลาสติก
3 : นิเกิล
4 : เงิน
ข ้อที 87 :
1 : One – dimensional conduction

2 : One – dimensional transport heat conduction
3 : Steady – state conditions, with volumetric energy – generation
4 : One-dimensional steady – state conditions, without volumetric energy – generation
ข ้อที 88 :
2 : Thermal expansion
3 : Thermal generation
ข ้อที 89 :
ึ ษาการกระจายตัวอุณหภูมภ
การศก ิ ายในวัสดุจําเป็ นต ้องทราบเงือนไขขอบเขต และเงือนไขเริมต ้น (Boundary and Initial
่ ณ
Condition ) ข ้อใดไม่ใชค ุ สมบัตขิ องเงือนไขดังกล่าว
1 : Constant surface temperature

2 : Constant surface heat flux
3 : Radiation surface condition
4 : Convection surface condition
ข ้อที 90 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 91 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 92 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 93 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 94 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 95 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 96 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 97 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 98 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 99 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 100 :
1 : -9.36 kW
2 : -8.36 kW
3 : -9.46 kW
4 : -8.46 kW
ข ้อที 101 :
จากภาพ
จงหาความต ้านทานความร ้อนรวม เมือ La = 2 m, ka = 0.2 W/m.k, A = 4 m2, Lb = 1 m, kb = 0.3 W/m.k
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 102 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 103 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 104 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 105 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 106 :
สมการการนํ าความร ้อนของทรงกลมในหนึงมิตค
ิ อ
ื ข ้อใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 107 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 108 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 109 :
สําหรับการนําความร้อนแบบสภาวะคงตัวในหนึงมิติ ผ่านผนังแผ่นราบ ข้อใดต่อไปนีทีมีค่าสัมประสิ ทธิการนําความร้อน (k) ทีดีทีสุ ด
1 : ผนังทีทําจากอลูมิเนี ยมทีอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซี ยส

3 : ผนังทีทําจากอลูมิเนี ยมทีอุณหภูมิ -100 องศาเซลเซี ยส
ข ้อที 110 :
ประตูบา้ นทําจากไม้หนา 3 เซนติเมตร กว้าง 1.2 เมตรและสู ง 2 เมตร ถ้าไม้มีค่าสัมประสิ ทธิการนําความร้อน (Thermal conductivity) เท่ากับ 0.15 W/m.K จง
คํานวณหาค่าความต้านทานเชิงความร้อน (Conduction resistance)
1 : 0.05 K/W
2 : 0.0833 K/W
3 : 2.7777 K/W
4 : 8.333 K/W
ข ้อที 111 :
ประตูบา้ นทําจากไม้หนา 3 เซนติเมตร กว้าง 1.2 เมตรและสู ง 2 เมตร ถ้าไม้มีค่าสัมประสิ ทธิการนําความร้อน (Thermal conductivity) เท่ากับ 0.15 W/m.K ถ้าความ
แตกต่างของอุณหภูมิระหว่างผนังทังสองด้านมีค่าเป็ น 15 องศาเซลเซียส จงคํานวณหาค่าความร้อนทีถ่ายเทผ่านประตูทีทําจากไม้นี
1 : 180 W.
2 : 120 W.
3 : 75 W.
4 : 1 W.
ข ้อที 112 :
ข้อใดน่าจะกล่าวผิดสําหรับการใช้ประโยชน์ของฉนวน
1 : ฉนวนมีส่วนช่วยในการควบคุมอุณหภูมิภายในอุปกรณ์หรื อห้องทีต้องการรักษาระดับอุณหภูมิ
2 : ฉนวนมีส่วนช่วยในการประหยัดพลังงาน
3 : ฉนวนสามารถใช้งานได้ในห้วงอุณหภูมิร้อนเท่านัน
4 : ฉนวนบางประเภทสามารถใช้ในการลดเสี ยงและการสันสะเทือนได้ดว้ ย
ข ้อที 113 :
ข้อใดไม่ใช่การนําความร้อน
1 : การจับด้ามช้อนทีจุ่มอยูน
่ าร้
ํ อน เราจะรู ้สึกร้อนทีมือ
2 : แผ่นโลหะพืนเตารี ดถ่ายโอนความร้อนจากเตารี ดสู่ เนื อผ้า
3 : นําทีอุณหภูมิสูงไหลผ่านท่อ ซึ งนําทําหน้าทีเป็ นตัวกลางทีให้ความร้อนและนําเคลือนทีไปพร้อมกัน
4 : แผ่นหลังคาสังกะสี กลางแดดร้อนทังด้านนอกและด้านใน
ข ้อที 114 :
ข้อใดกล่าวผิดเกียวกับ ค่าความต้านทานความร้อนทีผิวรอยต่อ (thermal contact resistance)
1 : ส่ วนมากจะเกิดทีผิวรอยต่อของวัสดุทีแนบติดกัน
2 : การถ่ายเทความร้อนผ่านผิวรอยต่อ ส่ วนมากเป็ นการนําความร้อน
3 : ค่าความต้านทานความร้อนทีผิวรอยต่อ มีค่าเพิมขึนถ้าผิวรอยต่อทีสัมผัสกันมีความขรุ ขระมาก
4 : ค่าความต้านทานความร้อนทีผิวรอยต่อ มีค่าลดลงเมือเพิมความดันทีผิวรอยต่อ (interface pressure)
ข ้อที 115 :
ข้อใดจัดได้วา่ เป็ นการถ่ายเทความร้อนแบบการนําความร้อน
1 : ความร้อนทีถ่ายเทจากช่องระบายความร้อนของเครื องคอมพิวเตอร์
2 : ความร้อนทีถ่ายเทสู่ อากาศจากแก้วกาแฟร้อนทีวางไว้
3 : ความร้อนทีถ่ายเทจากหม้อนําโดยพัดลมหม้อนํา
4 : ความร้อนจากแสงแดดทีถ่ายเทผ่านกระจกรถยนต์
ข ้อที 116 :
ฉนวนประเภทใดทีมีค่าความหนาแน่นตําและมีค่าความเป็ นฉนวนสู ง
1 : ไม้สน
2 : อิฐทนไฟ
3 : โฟม ประเภท Polyurethane
4 : ผ้าฝ้าย
ข ้อที 117 :
ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของฉนวนทีดี
1 : ใช้ได้เฉพาะอุณหภูมิเฉพาะช่วง ไม่กว้างเกินไป
2 : สัมประสิ ทธิ การนําความร้อน(k) มีค่าตํา
3 : นําหนักเบา และมีความหนาแน่นน้อย
4 : มีความคงตัวสู ง เปลียนรู ปได้ยาก
เนือหาวิชา : 403 : 2.การนํ าความร ้อนในหนึงมิตส

ิ ภาวะไม่คงตัว
ข ้อที 118 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 119 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 120 :
1 : น ้อยกว่า 8 เซนติเมตร
2 : น ้อยกว่า 5.8 เซนติเมตร
ข ้อที 121 :
ด ้วยเงือนไขของวัสดุทกํ ึ ษาการนํ าความร ้อนแบบสภาวะไม่คงตัวสําหรับวัตถุทรงกลม
ี าหนด เมือเทียบเคียงกันแล ้วการศก
้
ในข ้อใด ทีน่าจะใชการวิเคราะห์แบบลัมพ์มากทีสุด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 122 :
ด ้วยเงือนไขของวัสดุทกํ ึ ษาการนํ าความร ้อนแบบสภาวะไม่คงตัวสําหรับวัตถุในข ้อใด
้
ทีน่าจะใชการวิเคราะห์แบบลัมพ์มากทีสุด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 123 :
1 : ประมาณ 404 นาที
3 : ประมาณ 30.75 นาที
ข ้อที 124 :
้
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 125 :
้
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 126 :

4 : ประมาณ 1,191 นาที
ข ้อที 127 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวกับ การวิเคราะห์ด ้วยวิธก
ี ารลัมพ์ (Lumped system analysis)
1 : อุณหภูมท ิ พิ
ี จารณาแปรผันตามเวลาและตําแหน่ง
2 : อุณหภูมท ิ พิ
ี จารณาแปรผันตามเวลาเท่านัน
3 : ใช ้ได ้สําหรับการวิเคราะห์การนํ าความร ้อนแบบคงตัวและไม่คงตัว
4 : ใช ้ได ้สําหรับเงือนไขขอบเขตแบบการพาความร ้อนเท่านัน
ข ้อที 128 :
ค่าตัวเลขใดทีใชเป็ ้ นตัวกําหนดว่าการคํานวณการนํ าความร ้อนในสภาวะไม่คงตัวในหนึงมิต ิ สามารถใชวิ้ ธก
ี ารวิเคราะห์
ด ้วยวิธก
ี ารลัมพ์ (Lumped system analysis) ได ้
1 : Bi (Biot number) มีคา่ น ้อยกว่า 0.1

2 : Bi (Biot number) มีคา่ มากกว่า 0.1
3 : Nu (Nusselt number) มีคา่ น ้อยกว่า 0.1
4 : Nu (Nusselt number) มีคา่ มากกว่า 0.1
ข ้อที 129 :
1 : 0.3
2 : 0.01
3 : 0.03
4 : 0.003
ข ้อที 130 :
ข ้อที 131 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 132 :
1 : ได ้ โดยที Bi (Biot number) มีคา่ 0.0139

2 : ไม่ได ้ โดยที Bi (Biot number) มีคา่ 0.0139
3 : ได ้ โดยที Bi (Biot number) มีคา่ 0.0417
4 : ไม่ได ้ โดยที Bi (Biot number) มีคา่ 0.0417
ข ้อที 133 :
1 : ได ้ โดยทีค่า Bi (Biot number) มีคา่ 0.0139

2 : ไม่ได ้ โดยทีค่า Bi (Biot number) มีคา่ 0.0208
ข ้อที 134 :
1 : ไม่ได ้ โดยทีค่า Bi (Biot number) ค่า0.0208

ข ้อที 135 :
หากลูกบอลทรงกลมถูกทําให ้เย็นตัวลงจากอุณหภูมเิ ท่าเทียมกัน โดยการจุม ั ประสท
่ ในนํ าเย็นทีให ้สม ิ ธิการพาความร ้อน
ระหว่างผิวเท่าๆ กัน ลูกบอลทรงกลมทําจากวัสดุชนิดใดเย็นตัวเร็วทีสุด
1 : เหล็ก
2 : ตะกัว
3 : อลูมเิ นียมบริสท
ุ ธิ
4 : ไม่สามารถบอกได ้
ข ้อที 136 :
หากลูกบอลทรงกลมถูกทําให ้เย็นตัวลงจากอุณหภูมเิ ท่าเทียมกัน โดยการจุม ั ประสท
่ ในนํ าเย็นทีให ้สม ิ ธิการพาความร ้อน
้ สุด
ระหว่างผิวเท่าๆ กัน ลูกบอลทรงกลมทําจากวัสดุชนิดใดเย็นตัวชาที
1 : เหล็ก
2 : ตะกัว
3 : อลูมเิ นียมบริสท
ุ ธิ
4 : ไม่สามารถบอกได ้
ข ้อที 137 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 138 :
ณ อุณหภูมห
ิ ้อง เมือพิจารณาวัสดุทให
ี ้มา วัสดุใดสามารถนํ าความร ้อนได ้ดีทสุ
ี ด
1 : Carbon Steel
2 : Iron
3 : Aluminium
4 : Lead
ข ้อที 139 :
สําหรับการนํ าความร ้อนในวัตถุ ค่า Bi (Biot Number)แสดงถึง
1 : สัดส่วนของการกระจายความหนืดและความร ้อนในเนือวัตถุทกํ ี าลังไหล

2 : สัดส่วนของโมเมนตัมในการเคลือนทีของการไหล ต่อความหนืดในการไหลนัน
3 : สัดส่วนของการนํ าความร ้อนผ่านวัตถุและสัดส่วนของความร ้อนทีวัตถุสะสมไว ้
4 : สัดส่วนของการพาความร ้อนมาสูว่ ตั ถุและการนํ าความร ้อนในวัตถุ
ข ้อที 140 :
การใชวิ้ ธก
ี ารวิเคราะห์อณ ุ หภูมข
ิ องวัตถุแบบลัมพ์นัน จะให ้การคํานวณทีใกล ้เคียงทีสุด เมือค่า Bi (Biot number) ที
เกียวข ้องมีคา่ เป็ นอย่างไร
1 : ค่า Bi (Biot number) มีคา่ มากกว่า 0.1

2 : ค่า Bi (Biot number) มีคา่ มากกว่า 1
3 : ค่า Bi (Biot number) มีคา่ น ้อยกว่า 0.1
4 : ค่า Bi (Biot number) มีคา่ น ้อยกว่า 1
ข ้อที 141 :
เมือของไหลทีมีอณ ุ หภูมสิ งู ไหลผ่านวัตถุลม ั พ์ (Lumped system analysis) ทําให ้อุณหภูมข
ิ องวัตถุลม
ั พ์มค
ี า่ สูงขึน กรณีใด
ในข ้อต่อไปนีทําให ้อุณหภูมข ิ องวัตถุลม
ั พ์ มีคา่ เข ้าใกล ้อุณหภูมข ้
ิ องของไหลชาลง
1 : สัมประสิทธิการพาความร ้อนให ้แก่วต ั ถุลม

ั พ์มคี า่ สูง
2 : วัตถุลม
ั พ์มคี วามหนาแน่นตํา
3 : วัตถุลมั พ์มคี วามจุความร ้อนจําเพาะตํา
4 : สัดส่วนระหว่างปริมาตร / พืนทีผิวของวัตถุมค ี า่ สูง
ข ้อที 142 :
เมือของไหลทีมีอณุ หภูมสิ งู ชนิด ไหลผ่านวัตถุลมั พ์ (Lumped system analysis) ทําให ้อุณหภูมข
ิ องวัตถุลม
ั พ์มค
ี า่ สูงขึน
กรณีใดในข ้อต่อไปนีทําให ้อุณหภูมข ิ องวัตถุลม
ั พ์ มีคา่ เข ้าใกล ้อุณหภูมข
ิ องของไหลเร็วขึน
1 : วัตถุลม
ั พ์มค
ี วามหนาแน่นตํา
2 : สัดส่วนระหว่างปริมาตร / พืนทีผิวของวัตถุมค ี า่ สูง
3 : ความจุความร ้อนจําเพาะของวัตถุลม ั พ์มค ี า่ สูง
4 : สัมประสิทธิการพาความร ้อนให ้แก่วต ั ถุลมั พ์มค ี า่ ตํา
ข ้อที 143 :
สําหรับการคํานวณปั ญหาการนํ าความร ้อนในสภาวะไม่คงตัวในหนึงมิต ิ ตัวแปรใดทีไม่มผ
ี ลโดยตรงต่อการกระจายของ
อุณหภูมภิ ายในวัตถุ
1 : ความหนาแน่นของวัตถุ
2 : สัมประสิทธิการนํ าความร ้อน (k)
3 : สัมประสิทธิการพาความร ้อน (h)
4 : อุณหภูมเิ ริมต ้น
ข ้อที 144 :
1 : ตัวแปร m เป็ นตัวแปรไร ้หน่วย

2 : ตัวแปร m ทีเพิมขึนส่งผลให ้วัตถุมก
ี ารตอบสนองกับการเปลียนของอุณหภูมเิ ร็วขึน
3 : ตัวแปร m แปรผันโดยตรงกับค่าสัมประสิทธิการนํ าความร ้อน (k)
4 : ตัวแปร m แปรผกผันกับค่าพืนทีผิว (A)
ข ้อที 145 :
ข ้อใดกล่าวผิด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 146 :
1 : 125
2 : 12.5
3 : 1.25
4 : 0.125
ข ้อที 147 :
1 : 0.88
2 : -0.88
3 : 1.14
4 : -1.14
ข ้อที 148 :
ข ้อใดถูกต ้องทีสุด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 149 :
จากเงือนไขทีกําหนด สภาวะใดทีไม่เหมาะสมต่อการคํานวณการนํ าความร ้อนในสภาวะไม่คงตัวด ้วยวิธก
ี ารลัมพ์ (Lump
analysis)
1 : วัตถุทมี
ี คา่ สัมประสิทธิการนํ าความร ้อน (k) ทีสูง
2 : วัตถุทมี
ี ขนาดเล็ก
3 : วัตถุอยูใ่ นสภาวะทีมีคา่ สัมประสิทธิการพาความร ้อน (h) ทีสูง
4 : วัตถุทพืี นทีผิวสัมผัสทีกว ้างและปริมาตรน ้อย
ข ้อที 150 :
1 : การวิเคราะห์ด ้วยวิธก
ี ารลัมพ์ (Lump analysis)
2 : การวิเคราะห์ด ้วยวิธกี ารลัมพ์ (Lump analysis) ด ้วยเงือนไขขอบเขตผสม
3 : การวิเคราะห์ด ้วยวิธก ี ารคํานวณการนํ าความร ้อนแบบสภาวะไม่คงตัวในวัตถุกงอนั
ึ นต์ (Semi-infinite medium)
4 : การวิเคราะห์ด ้วยวิธก ี ารเปิ ดตาราง Transient-temperature charts
ข ้อที 151 :
1 : 0.021
2 : 0.042
3 : 0.21
4 : 0.42
ข ้อที 152 :
1 : 0.0125 m.
2 : 0.0625 m.
3 : 0.0042 m.
4 : 0.0021 m.
ข ้อที 153 :
1 : การวิเคราะห์ด ้วยวิธก
ี ารลัมพ์ (Lump analysis)
2 : การวิเคราะห์ด ้วยวิธกี ารลัมพ์ (Lump analysis) ด ้วยเงือนไขขอบเขตผสม
3 : การวิเคราะห์ด ้วยวิธก ี ารคํานวณการนํ าความร ้อนแบบสภาวะไม่คงตัวในวัตถุกงอนั
ึ นต์ (Semi-infinite medium)
4 : การวิเคราะห์ด ้วยวิธก ี ารเปิ ดตาราง Transient-temperature charts
ข ้อที 154 :
1 : 0.011
2 : 0.089
3 : 0.267
4 : 0.535
ข ้อที 155 :
1 : 0.011
2 : 0.053
3 : 0.089
4 : 0.267
ข ้อที 156 :
1 : วัตถุทรงกลมทีทําจากอลูมเิ นียมบริสท ุ ธิ
2 : วัตถุทรงกลมทีทําจากเหล็กบริสท ุ ธิ
3 : วัตถุทรงกลมทีทําจากทองแดงบริสท ุ ธิ
4 : วัตถุทรงกลมทีทําจากเงินบริสท ุ ธิ
ข ้อที 157 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 158 :
1 : 4.65 นาที
2 : 5.36 นาที
3 : 6.53 นาที
4 : 7.63 นาที
ข ้อที 159 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 160 :
1 : 1.75 m.
2 : 2 m.
3 : 2.25 m.
4 : 2.5 m.
เนือหาวิชา : 404 : 3.การพาความร ้อนแบบบังคับ
ข ้อที 161 :
การพาความร ้อนแบบบังคับสําหรับการไหลภายในท่อ ปั จจัยทีไม่มผ
ี ลต่อค่าตัวเลขนัทเซล (Nusselt number) ได ้แก่
1 : ค่าตัวเลขเรย์โนล (Reynolds number)

2 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Prandtl number)
3 : ค่าแฟกเตอร์ความเสียดทาน (Friction factor)
4 : ค่าตัวเลขกราชอฟ (Grashof number)
ข ้อที 162 :
สําหรับการไหลผ่านชนช
ั ดิ ผิว (Boundary layer flow) ทีค่าตัวเลขพล ้าน (Prandtl number) มีคา่ น ้อยน ้อยกว่า 1 ข ้อใด
กล่าวถูกต ้อง
1 : ความหนาของชันชิดผิวของอุณหภูมห ิ นากว่าความหนาของชันชิดผิวของความเร็ว
2 : ความหนาของชันชิดผิวของอุณหภูมต ิ ํากว่าความหนาของชันชิดผิวของความเร็ว
3 : ความหนาของชันชิดผิวของอุณหภูมเิ ท่ากับความหนาของชันชิดผิวของความเร็ว
4 : ค่าตัวเลขพล ้านไม่มผ
ี ลต่อความหนาของชันชิดผิว
ข ้อที 163 :
้
ค่าตัวเลขนัทเซล(Nusselt number) เป็ นค่าตัวเลขไร ้หน่วยทีใชในการบอกถึ
งปริมาณการถ่ายเทความร ้อนแบบการพา
อยากทราบว่าค่าตัวเลขนัทเซลนีเป็ นการเปรียบเทียบกันระหว่างการถ่ายเทความร ้อนแบบใดต่อแบบใด
1 : การนํ าความร ้อน / การพาความร ้อน

2 : การนํ าความร ้อน / การแผ่รังสีความร ้อน
3 : การพาความร ้อน / การนํ าความร ้อน
4 : การพาความร ้อน / การแผ่รังสีความร ้อน
ข ้อที 164 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องสําหรับของไหลทีมีคา่ ตัวเลขพล ้าน (Prandtl number) โดยทัวไปมีคา่ น ้อยน ้อยกว่า 1
1 : เป็ นของไหลประเภทนํ ามัน (oils)

2 : ความหนาของชันชิดผิวของอุณหภูมต ิ ํากว่าความหนาของชันชิดผิวของความเร็ว
3 : เป็ นของไหลประเภทแก๊ส (gas)
4 : เป็ นของไหลประเภท Liquid metal
ข ้อที 165 :
ี
จงคํานวณหาค่า Hydraulic diameter ของท่อรูปทรงสเหลี
ยมพืนผ ้าทีมีความกว ้างเป็ น 2a และสูง a
1:a
2 : 1.25a
3 : 1.33a
4 : 1.5a
ข ้อที 166 :
ข ้อใดกล่าวผิดเกียวกับการพาความร ้อนแบบบังคับ
1 : การพาความร ้อนแบบบังคับขึนอยูก
่ บั ประเภทของการไหล
2 : การพาความร ้อนแบบบังคับขึนอยูก่ บั คุณสมบัตข
ิ องของไหล
3 : การพาความร ้อนแบบบังคับเกียวข ้องกับการเคลือนทีของของไหล
4 : การพาความร ้อนแบบบังคับส่วนมากเกิดได ้ดีในของแข็งมากกว่านํ า
ข ้อที 167 :
ข ้อใดกล่าวผิดเกียวกับการพาความร ้อนแบบบังคับ
1 : ค่าตัวเลขนัทเซล (Nusselt number) มีคา่ สูงในการไหลแบบราบเรียบ เมือเทียบกับการไหลแบบปั นป่ วน สําหรับการไหลทีมีรป

ู ทรงและสภาวะ
เหมือนกัน
2 : การพาความร ้อนแบบบังคับเกิดขึนได ้ดีในของไหลประเภท แก๊ส มากกว่า ของแข็ง
3 : การพาความร ้อนมีอยู่ 2 ประเภทคือ แบบบังคับและแบบอิสระ
4 : ค่าตัวเลขนัทเซล (Nusselt number) สําหรับการพาความร ้อนแบบบังคับขึนอยูก่ บ
ั รูปทรงทีของไหลไหลผ่าน
ข ้อที 168 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 169 :
้
การถ่ายเทความร ้อนแบบการพาความร ้อนแบบบังคับ (Force convection) ใชกฎอะไรในการอธิ
บาย
1 : Fourier’s Law
2 : Poisson’s Law
3 : Stefan-Boltzmann’s Law
4 : Newton’s Law
ข ้อที 170 :
ั ประสท
ข ้อใดกล่าวผิดเกียวกับค่าสม ิ ธิของการถ่ายเทความร ้อน(Heat transfer coefficient; h)
1:
2 : ไม่เป็ นคุณสมบัตข ิ องของไหล
3 : มีทงการพาความร
ั ้อนแบบบังคับและแบบอิสระ
4 : มีคา่ สูงสําหรับของไหลทีมีสถานะแก๊สเมือเทียบกับสถานะของเหลว
ข ้อที 171 :
สําหรับการไหลภายในท่อ เรานิยมใช ้ ค่า Logarithmic mean temperature difference เป็ นค่าอุณหภูมอ
ิ ้างอิงสําหรับการ
ํ
คํานวณหาค่าอัตราการถ่ายเทความร ้อน ข ้อใดกล่าวถูกต ้องสาหรับค่า Logarithmic mean temperature difference นี
1 : การกระจายของอุณหภูมต ่ ความยาวท่อเป็ นเส ้นตรง

ิ อ
2 : มีคา่ เท่ากับค่าเฉลียทางคณิตศาสตร์ (Averaged mean temperature difference)
3 : นิยมใช ้กับเงือนไขทีอุณหภูมข ิ องผนังมีคา่ คงที (Constant wall temperature)
4 : ใช ้ได ้เฉพาะกรณีการถ่ายเทความร ้อนออกจากท่อเท่านัน (Cooling case)
ข ้อที 172 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องสําหรับการพาความร ้อนแบบบังคับสําหรับการไหลภายในท่อ
1 : สําหรับเงือนไขอุณหภูมท
ิ ผิ
ี วคงที (Constant surface temperature) การกระจายของอุณหภูมภ ิ ายในท่อเป็ นเส ้นตรง
2 : สําหรับเงือนไขอุณหภูมทิ ผิ
ี วคงที (Constant surface temperature) ค่าฟลักความร ้อนทีผิวคงทีเนืองจากอุณหภูมท ิ ผิ
ี วคงที
3 : สําหรับเงือนไขฟลักความร ้อนทีผิวคงที (Constant surface heat flux) ค่าอุณหภูมท
ิ ผนั
ี งท่อมีคา่ เพิมขึนอย่างเรือย ๆ ตามความยาวของท่อถ ้า
สัมประสิทธิการถ่ายเทความร ้อนมีคา่ คงที
4 : สําหรับเงือนไขฟลักความร ้อนทีผิวคงที (Constant surface heat flux) การกระจายของอุณหภูมภ ิ ายในท่อเป็ นเส ้นโค ้งแบบ logarithmic
ข ้อที 173 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 174 :
1 : 210 kJ/kg
2 : 230 kJ/kg
3 : 250 kJ/kg
4 : 300kJ/kg
ข ้อที 175 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องสําหรับท่อรูปทรงสเหลี
ี ยมพืนผ ้าทีมีความกว ้างเป็ น a และสูง b
1 : ถ ้า a/b มีคา่ เพิมขึน ค่าตัวเลขนัทเซลมีคา่ ลดลง

2 : ถ ้า a/b มีคา่ เพิมขึน ค่าแฟคเตอร์ของการเสียดทาน(Friction factor) มีคา่ เพิมขึน
3 : ถ ้า a/b มีคา่ เพิมขึน ค่าตัวเลขเรย์โนลมีคา่ ลดลง
4 : ค่า Hydraulic diameter = 4ab / 2ab
ข ้อที 176 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องสําหรับท่อรูปทรงสเหลี
ี ยมพืนผ ้าทีมีความกว ้างเป็ น a และสูง b
1 : ค่า Hydraulic diameter = ab / (8a+8b)

2 : ค่า Hydraulic diameter = 2ab / (a+b)
3 : ค่า Hydraulic diameter = (8a+ 8b) / ab
4 : ค่า Hydraulic diameter = 4ab / 2ab
ข ้อที 177 :
1 : 29 W.
2 : 35.7 W
3 : 58.1 W
4 : 71.4 W
ข ้อที 178 :
ข ้อใดกล่าวผิด
1 : การพาความร ้อนแบบบังคับในท่อ ปั จจัยหลักทีเราต ้องการทราบคือค่า สัมประสิทธิการถ่ายเทความร ้อนและค่าความดันตกคร่อม

2 : สําหรับการไหลแบบราบเรียบแบบ fully developed ค่าตัวเลขนัสเซล (Nu) ของเงือนไขอุณหภูมค ิ งทีมีคา่ สูงกว่ากรณีเงือนไข Constant heat
flux
3 : วิธก
ี ารหนึงในการเพิมประสิทธิภาพการถ่ายเทความร ้อนด ้วยการพาความร ้อนแบบบังคับ สําหรับการไหลภายในท่อคือการทําให ้ท่อมีผวิ ขุรขะ
หรือมีครีบ
4 : สําหรับการไหลแบบราบเรียบแบบ fully developed ภายในท่อ ค่าตัวเลขนัสเซล (Local Nu) มีคา่ คงที
ข ้อที 179 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 180 :
1 : 18 kW
2 : 21 kW
3 : 25 kW
4 : 27 kW
ข ้อที 181 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 182 :
ึ
ของเหลวซงไหลในท่
อกลมทรงกระบอก จะเป็ นการไหลแบบปั นป่ วน (Turbulent flow) เมือลักษณะการไหลเป็ นไปตาม
ข ้อใดต่อไปนี
1 : ค่าตัวเลขเรย์โนล (Reynolds Number) > 2100

2 : ค่าตัวเลขเรย์โนล (Reynolds Number) < 11000
3 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Prandtl Number) > 0.7
4 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Prandtl Number) < 0.7
ข ้อที 183 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 184 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 185 :
ึ
ของเหลวซงไหลในท่ อกลมทรงกระบอก จะมีคา่ ตัวเลขเรย์โนล (Reynolds number) ลดลงเสมอเมือลักษณะการไหลเป็ น
ไปตามข ้อใดต่อไปนี
1 : ของเหลวนัน มีความหนืดเพิมขึน และไหลด ้วยความเร็วลดลง ในขนาดหน ้าตัดท่อทีเท่าเดิม

2 : ของเหลวนัน ไหลด ้วยความเร็วสูงขึน ในขนาดหน ้าตัดท่อทีเพิมขึน โดยทีมีอณุ หภูมสิ งู ขึน
3 : ของเหลวนัน ไหลด ้วยความเร็วสูงขึน ในขนาดหน ้าตัดท่อทีลดลง โดยทีมีความหนืดลดลง
4 : ของเหลวนัน ไหลด ้วยความเร็วคงที ในขนาดหน ้าตัดท่อทีเพิมขึน โดยทีมีอณุ หภูมลิ ดลง
ข ้อที 186 :
ึ
ของเหลวซงไหลบนผนั งเรียบ (Flow over a flat surface) จะมี Thermal Boundary Layer หนากว่า Momentum Boundary
Layer ในกรณีใดต่อไปนี
1 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Prandtl number), Pr > 1

2 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Prandtl number), Pr < 1
3 : ลักษณะการไหลเป็ นแบบราบเรียบ (Laminar flow)
4 : ลักษณะการไหลเป็ นแบบปั นป่ วน (Turbulent flow)
ข ้อที 187 :
1 : 317.6
2 : 1,836.84
3 : 46.15
4 : 12.10
ข ้อที 188 :
1 : 396.9
2 : 315.3
3 : 1,255.3
4 : 1,290.9
ข ้อที 189 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 190 :
1 : 83 W/m
2 : 2.5 W/m
3 : 519 W/m
4 : 95 W/m
ข ้อที 191 :
การถ่ายเทความร ้อนระหว่างผนังกับของไหลจะมีคา่ ตัวเลขนัทเซล (Nusselt number ) เท่ากับ 3.66 เมือลักษณะการไหล
ตรงตามข ้อใดต่อไปนี
1 : ของไหลนันไหลในท่อกลมซึงมีอณุ หภูมขิ องผนังท่อคงทีและการไหลนันเป็ นแบบ Laminar และ Fully Developed

2 : ของไหลนันไหลในท่อกลม ซึงมีคา่ Heat Flux ของผนังคงที และการไหลนันเป็ นแบบ Laminar แต่ไม่ Fully Developed
3 : ของไหลนันไหลขนานกับผนังผิวเรียบซึงมีอณ ุ หภูมค
ิ งที และการไหลเป็ นแบบ Laminar
4 : ของไหลนันไหลในท่อกลมซึงมีอณ ุ หภูมขิ องผนังท่อคงทีและการไหลนันเป็ นแบบ Turbulent
ข ้อที 192 :
1 : เมือการไหลเป็ น Turbulent และของไหลนันได ้รับความร ้อนจากผนัง

2 : เมือการไหลเป็ น Laminar และของไหลนันสูญเสียความร ้อนให ้ผนัง
3 : เมือการไหลเป็ น Turbulent และของไหลนันสูญเสียความร ้อนให ้ผนัง
4 : เมือการไหลเป็ น Laminar และของไหลนันไหลแบบ Fully developed
ข ้อที 193 :
ในทางทฤษฎีสําหรับการไหลภายนอก เมือของไหลไหลขนานกับผนังเรียบ ชนช ั ด
ิ ผิว (Boundary layer) จะเปลียนจาก
การไหลแบบราบเรียบ (Laminar flow) เป็ นแบบปั นป่ วน (Turbulent flow) เมือ
1 : ค่าตัวเลขเรย์โนล (Reynolds number) = 500,000

ข ้อที 194 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 195 :
ของไหลในข ้อใดทีมีคา่ ตัวเลขพล ้าน (Prandtl number) เรียงจากน ้อยไปหามาก
1 : อากาศ, นํ า, ปรอท, นํ ามันเครือง

2 : ปรอท, อากาศ, นํ า, นํ ามันเครือง
3 : ปรอท, อากาศ, นํ ามันเครือง, นํ า
4 : นํ า, นํ ามันเครือง, อากาศ, ปรอท
ข ้อที 196 :
ึ ดจากการเอาท่อกลอม 2 ขนาด มาสวมร่วมศูนย์กน
ท่อวงแหวนดังรูป ซงเกิ ่ ในกรณีของ
ั เชน
Double pipe heat exchanger จะมีคา่ Hydraulic diameter เท่าใด
1:D-d
2:D+d
3 : (D + d)/ 2
4:
ข ้อที 197 :
1 : ค่าตัวเลขของเรย์โนล (Reynolds Number) = 21,258

ข ้อที 198 :
1 : 1.67
2 : 5.00
3 : 0.555
4 : 0.599
ข ้อที 199 :
1 : 4.35
2 : 0.00438
3 : 0.23
4 : 228.3
ข ้อที 200 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 201 :
1 : 3,183 W
2 : 3,545 W
3 : 2,350 W
4 : 2,760 W
ข ้อที 202 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 203 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวกับ Thermal boundary layer thickness สําหรับการไหลผ่านบนแผ่นราบ
1 : มีคา่ คงทีสําหรับการไหลแบบราบเรียบ
2 : มีคา่ เพิมขึนสําหรับการไหลบนแผ่นราบ
3 : มีคา่ เท่ากับ Hydrodynamic boundary layer thickness
4 : เป็ นบริเวณทีค่าความเร็วมีคา่ ประมาณ 0.999 ของความเร็วทีมาตกกระทบ
ข ้อที 204 :
1:
2:
3:
4:
5:
ข ้อที 205 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 206 :
1 : 0.99
2 : 0.10
3 : 9.99
4 : 0.50
ข ้อที 207 :
1 : Stefan-Boltzmann constant
2 : Local Nusselt number
3 : Local conduction coefficient
4 : Local heat transfer coefficient
ข ้อที 208 :
1 : อุณหภูมม
ิ ค ี า่ เพิมขึนอย่างต่อเนือง และเป็ นเส ้นตรง
2 : อุณหภูมมิ ค ี า่ แปรผันตามค่าระยะทาง x
3 : อุณหภูมม ิ ค ี า่ คงทีตามแกน x
4 : อุณหภูมม ิ ค ี า่ ไม่คงทีตามแกน x
ข ้อที 209 :
ค่าสมั ประสทิ ธิการพาความร ้อน (h) สามารถหาค่าได ้จาก Universal functions ในรูปตัวแปรไร ้หน่วย ตัวแปรไร ้หน่วยดัง
กล่าวคือข ้อใด
1 : Pr (Prandtl number)
2 : Re (Reynolds number)
3 : Nu (Nusselt number)
4 : Ra (Rayleigh number)
ข ้อที 210 :
การพาความร ้อนแบบบังคับ มีตวั แปรไร ้หน่วยทีแสดงถึงคุณสมบัตข
ิ องการถ่ายเทโมเมนตัมและพลังงานไปกับของไหล
โดยการถ่ายเทเกิดขึนภายใน Hydrodynamic และ Thermal boundary layer ตามลําดับ ตัวแปรไร ้หน่วยดังกล่าวคือข ้อใด
1 : Pr (Prandtl number)
2 : Re (Reynolds number)
3 : Nu (Nusselt number)
4 : Ra (Rayleigh number)
ข ้อที 211 :
1 : 2,350 W/m
2 : 2,400 W/m
3 : 2,338 W/m
4 : 2,348 W/m
ข ้อที 212 :
พิจารณารูปในข ้อใดทีแสดง Temperature profile สําหรับการไหลแบบ Fully developed สําหรับการไหลภายในท่อ
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 213 :
Thermal entrance region คือ ปรากฎการณ์ทอุี ณหภูมข ิ องไหลตามแนวแกนกลางของท่อไม่เกิดการเปลียนแปลงเพราะ
อยูน
่ อก Thermal boundary layer แต่อณ
ุ หภูมท ิ อยู
ี ต ่ ด
ิ กับผนังท่อกลับสูงขึนอย่างรวดเร็ว จากคํากล่าวข ้างต ้นนีตรงกับรูป
ในข ้อใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 214 :
การพาความร ้อนแบบบังคับ(Forced convection) เกิดขึนเนืองจากแรงขับเคลือนของไหลให ้มีความเร็วและมีความ
สามารถในการถ่ายเทความร ้อนได ้มากกว่าการพาความร ้อนแบบธรรมชาติ แรงขับเคลือนดังกล่าว คือข ้อใด
1 : Buoyancy forces
2 : Viscous forces
3 : Pump forces
4 : Wind energy
ข ้อที 215 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 216 :
ตัวกลางในการสง่ ถ่ายความร ้อนข ้อใดทีพิจารณาได ้ยากในการเกิดการพาความร ้อนแบบบังคับ
1 : นํ า
2 : อากาศ
3 : นํ ามัน
4 : ทราย
ข ้อที 217 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 218 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 219 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 220 :
1 : 35,478
2 : 35,784
3 : 35,847
4 : 35,748
ข ้อที 221 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 222 :
1 : การไหลแบบราบเรียบ
2 : การไหลแบบช่วงเปลียนแปลง
3 : การไหลแบบปั นป่ วน
4 : การไหลแบบวิกฤต
ข ้อที 223 :
1 : 12.34
2 : 13.24
3 : 14.23
4 : 13.42
ข ้อที 224 :
1 : 29.62
2 : 30.62
3 : 31.62
4 : 32.62
ข ้อที 225 :
1 : 0.12 m.
2 : 1.2 m.
3 : 10.2 m.
4 : 11.2 m.
ข ้อที 226 :
1 : 8,810
2 : 8,705
3 : 8,690
4 : 8,658
ข ้อที 227 :
1 : ตรงมีคา่ เท่ากับ 0.768

4 : ไม่ตรงมีคา่ เท่ากับ 0.678
ข ้อที 228 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 229 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 230 :
ข ้อใดถูกต ้องมากทีสุดเกียวกับการพาความร ้อนแบบบังคับ
1 : สําหรับการไหลแบบราบเรียบ (Laminar flow) ภายในท่อค่า Nusselt number มีคา่ คงที

2 : เงือนไข Constant wall heat flux สําหรับการไหลแบบราบเรียบ (Laminar flow) ภายในท่อ คือ dT/dR = 0 ถ ้า R เป็ นรัศมีทอ
่
3 : ค่า Nusselt number สําหรับการไหลแบบราบเรียบ (Laminar flow)ภายในท่อสําหรับเงือนไข Constant wall temperature มีคา่ น ้อยกว่ากรณี
Constant wall heat flux
4 : ค่าอุณหภูมเิ ฉลีย Bulk mean temperature หาได ้จากค่าเฉลียของอุณหภูมผ
ิ นังกับอุณหภูมอ
ิ ากาศ
ข ้อที 231 :
1 : ใช ้สําหรับกรณีทมี
ี การแปรผันของคุณสมบัตข
ิ องของไหล
2 : ใช ้กับการไหลแบบปั นป่ วนเท่านัน
3 : ใช ้สําหรับการไหลภายนอกเท่านัน
4 : ใช ้ได ้เฉพาะกรณีผนังเรียบ (Smooth pipe) เท่านัน
ข ้อที 232 :
1 : ทรงกระบอก
2 : สีเหลียม
3 : ทรงกลม
4 : สามเหลียม
ข ้อที 233 :
1 : 1,595.28
2 : 1,495.28
3 : 1,395.28
4 : 1,295.28
ข ้อที 234 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 235 :
การพาความร ้อนแบบบังคับผ่านวัตถุทรงกลม ตัวแปรไร ้หน่วย (Nu) ได ้มาจากสมการความสม ั พันธ์ของ Whitaker
correlation จากสมการความสมั พันธ์ดงั กล่าว ข ้อใดไม่เป็ นฟั งก์ชน
ั ของตัวแปรไร ้หน่วย Nu
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 236 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 237 :
1 : Logarithmic mean temperature difference

2 : Bulk mean temperature difference
3 : Film temperature difference
4 : Semi logarithmic temperature difference
ข ้อที 238 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 239 :
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 240 :
1 : 0.0237 m.
2 : 0.0173 m.
3 : 0.0273 m.
4 : 0.0183 m.
เนือหาวิชา : 405 : 4.การพาความร ้อนแบบอิสระ
ข ้อที 241 :
ิ ท์ (Nu) ขึนอยูก
ในการพาแบบอิสระค่าตัวเลขนัสเซล ่ บ
ั ค่าใด
1 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Pr) และค่าตัวเลขเรย์โนลด์ (Re)
2 : ค่าตัวเลขแกรชอฟ (Gr) และค่าตัวเลขเรย์โนลด์ (Re)
3 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Pr) และค่าตัวเลขแกรชอฟ (Gr)
4 : ค่าตัวเลขเรย์เลย์ (Ra) และค่าตัวเลขเรย์โนลด์ (Re)
ข ้อที 242 :
แผ่นสี เหลียมจัตุรัสบางขนาด 0.4 m x 0.4 m มีอุณหภูมิคงที 40 ºC แขวนในแนวดิงในบรรยากาศนิงอุณหภูมิ 15oC จงหาอัตราการถ่ายเทความร้อนจากแผ่น เมือค่า
สัมประสิ ทธิการพาความร้อนเฉลีย (h) = 2.25 W/m2.K
1:9W
2 : 18 W
3 : 26 W
4 : 29 W
ข ้อที 243 :
้ านศูนย์กลาง 4 cm อุณหภูม ิ 150 องศาเซลเซย
ทรงกลมมีเสนผ่ ี ส แขวนในบรรยากาศนิงที 27 องศาเซลเซย
ี ส จงหาค่า
ั ประสท
สม ิ ธิการพาความร ้อน ถ ้าทรงกลมมีการพาความร ้อนทีผิว 7.419 W
1 : 10W/sq.m.K
2 : 12 W/sq.m.K
3 : 15 W/sq.m.K
4 : 19 W/sq.m.K
ข ้อที 244 :
ขนมเค ้กรูปทรงกระบอกสูง 8 cm เสนผ่ ้ าศูนย์กลาง 20 cm มีอณ ุ หภูมผ
ิ วิ ทุกด ้านเท่ากับ 100 องศาเซลเซย ี ส วางไว ้ในห ้อง
อุณหภูม ิ 27 องศาเซลเซย ี ส จงหาอัตราการสูญเสย ี การพาความร ้อน โดยมีคา่ สม ั ประสทิ ธิการพาเท่ากับ 15 W/sq.m.K
สมมุตวิ า่ ไม่มก ี ความร ้อนทีผิวด ้านล่างของขนมเค ้ก
ี ารสูญเสย
1 : 71.35 W
2 : 89.45 W
3 : 98.75 W
4 : 101.55 W
ข ้อที 245 :
ี
แท่งโลหะสเหลี ยมขนาด 10 cm x 12 cm x 20 cm อันหนึงมีอณ
ุ หภูมผ
ิ วิ สมําเสมอ 120 องศาเซลเซย ี ส แขวนอยูใ่ นสภาพ
ี ส จงหาการพาความร ้อนออกจากแท่ง ถ ้าค่าสม
แวดล ้อมที 20 องศาเซลเซย ั ประสท
ิ ธิการพาความร ้อนมีคา่ 10 W/sq.m.K
1 : 88 W
2 : 104 W
3 : 112 W
4 : 128 W
ข ้อที 246 :
ี
chip สเหลี ี ส โดยวางในของไหล
ยมมีผวิ ระบายความร ้อนขนาด 4 x 4 mm ขณะทํางานมีคา่ อุณหภูม ิ 85 องศาเซลเซย
หล่อเย็นทีมีอณ ี ั ิ
ุ หภูม1ิ 5 องศาเซลเซยส ถ ้าค่าสมประสทธิการพาความร ้อนของไหล 3000 W/sq.m.K จงหาอัตราการพา
ความร ้อนทีระบายออกจาก chip
1 : 2.46 W
2 : 3.36 W
3 : 4.56. W
4 : 5.64 W
ข ้อที 247 :
่ งแผ่นขนานแนวตัง ข ้อความใดถูกต ้อง
เมือพิจารณาในการเคลือนทีแบบคงตัวของการพาอิสระ(free convection)ในชอ
1 : แรงตึงผิวเท่ากับแรงเฉือย
2 : แรงตึงผิวเท่ากับแรงลอยตัว
3 : แรงจากนํ าหนักเท่ากับแรงลอยตัว
4 : แรงจากนํ าหนักเท่ากับแรงเฉือย
ข ้อที 248 :
อากาศบรรยากาศบรรจุในชอ ่ งสเหลี
ี ึ
ยมวางในแนวตัง ซงประกอบด ้วยแผ่นขนานจัตรุ ัส 2 แผ่น ขนาด 0.5 m x 0.5 m มี
ระยะห่างระหว่างแผ่น L = 0.1 m โดยทีแผ่นขนานมีอณ ุ หภูมข
ิ องแผ่นร ้อนและแผ่นเย็นเป็ น T1 = 380 K และ T2 = 320 K
ตามลําดับ จงหาอัตราการพาความร ้อนอิสระ ระหว่างแผ่นขนาน เมือ Nu = 7.12
กําหนดให ้คุณสมบัตอ
ิ ากาศที Tf = 350 K มีคา่ k=0.03 W/m.K
1 : 32 W
2 : 46 W
3 : 55 W
4 : 60 W
ข ้อที 249 :
ี ากดวงอาทิตย์ด ้วยฟลักซ ์
แผ่นจัตรุ ัสขนาด 0.5 x 0.5 m หุ ้มฉนวนด ้านหนึงไว ้ และด ้านทีไม่หุ ้มถือว่าเป็ นผิวดําได ้รับรังสจ
ความร ้อนคงที 750 W/sq.m ผิวร ้อนได ้ถ่ายเทความร ้อนโดยการพาอิสระแก่บรรยากาศรอบๆ ซงมี ึ อณ
ุ หภูม ิ 300 K จงหา
อุณหภูมท ิ ผิ ั ประสท
ี ว เมือค่าสม ิ ธิการพาความร ้อน (h) = 6 W/sq.m.K
1 : 325 K
2 : 375 K
3 : 425 K
4 : 475 K
ข ้อที 250 :
การเคลือนทีของการพาอิสระ(free convection) มีอท
ิ ธิพลหลักมาจากแรงอะไร
1 : แรงเฉือย
2 : แรงตึงผิว
3 : แรงลอยตัว
4 : ถูกทุกข ้อ
ข ้อที 251 :
ในพิจารณาการพาความร ้อนอิสระบนแผ่นร ้อนวางในแนวดิง พบว่าของไหลบริเวณใกล ้แผ่นร ้อนจะมีอณ
ุ หภูมส
ิ งู เป็ นผลให ้
ึ
มีความหนาแน่นตําซงความแตกต่ างของความหนาแน่นนีจะก่อให ้เกิดแรงอะไร
1 : แรงตึงผิว
2 : แรงลอยตัว
3 : แรงเฉือย
ข ้อที 252 :
ทรงกลมอันหนึงมีอณ ี ส วางอยูใ่ นบรรยากาศนิงที 31 องศาเซลเซย
ุ หภูม ิ 142 องศาเซลเซย ี ส และมีคา่ สม
ั ประสท
ิ ธิการพา
้ านศูนย์กลางของทรงกลม ถ ้ามีการพาความร ้อนออกจากผิว 45 W
17.5 W/sq.m.K จงหาเสนผ่
1 : 63.27 mm
2 : 74.31 mm
3 : 85.88 mm
4 : 92.45 mm
ข ้อที 253 :
พิจารณาการพาความร ้อนอิสระของการไหลแบบลามินาร์บนแผ่นร ้อนอุณหภูมค ิ งทีวางในแนวดิง (Vertical hot plate) จง
์ วามร ้อน (local heat flux) สูงสุดจะอยูบ
หาว่าฟลักซค ่ ริเวณด ้านไหนของแผ่น
1 : ด ้านบน
2 : ด ้านกลาง
3 : ด ้านล่าง
4 : เท่ากันทังแผ่น
ข ้อที 254 :
จงหาค่าการถ่ายเทความร ้อนสูส ่ งแวดล
ิ ้ านศูนย์กลาง 8 cm มี
้อมโดยการพาอิสระ ของวัตถุทรงกระบอกสูง 10 cm เสนผ่
อุณหภูมผ
ิ วิ เท่ากับ 100 องศาเซลเซยี ส และสมั ประสท
ิ ธิการพาเท่ากับ 37 W/sq.m.K โดยสงแวดล
ิ ้อมอยูท
่ ี 20 องศา
ี ส
เซลเซย
1 : 92.25 W
2 : 98.05 W
3 : 104.15 W
4 : 108.25 W
ข ้อที 255 :
พิจารณาการพาความร ้อนอิสระของการไหลแบบลามินาร์บนแผ่นเย็นอุณหภูมค ิ งทีวางในบรรยากาศแนวดิง (Vertical cold
์ วามร ้อน (local heat flux) สูงสุดจะอยูบ
plate) จงหาว่าฟลักซค ่ ริเวณด ้านไหนของแผ่น
1 : ด ้านบน
2 : ด ้านกลาง
3 : ด ้านล่าง
4 : เท่ากันทังแผ่น
ข ้อที 256 :
ี
อากาศร ้อนไหลผ่านท่อสเหลี ยมทีมีขนาดหน ้าตัดกว ้าง 0.8 m และสูง 0.35 m เพือทําให ้ผิวท่อภายนอกมีอณ
ุ หภูมค
ิ งที 45
ี ั ี
องศาเซลเซยส ถ ้าท่อนีไม่หุ ้มฉนวนและสมผัสอากาศที 15 องศาเซลเซยส และวางในเพดานใต ้บ ้าน จงหาค่าสมประสท ั ิ ธิ
การพาความร ้อนเฉพาะทีด ้านข ้างท่อ (แผ่นเรียบวางในแนวดิง)
1 : 3.62 W/sq.m.K
2 : 4.23 W/sq.m.K
3 : 5.47 W/sq.m.K
4 : 6.28 W/sq.m.K
ข ้อที 257 :
ผนังเตาผิงกว ้าง 80 cm สูง 50 cm มีอณ
ุ หภูมผ
ิ นัง 50 องศาเซลเซย ี ส อากาศบรรยากาศรอบผนังมีอณ ุ หภูม ิ 24 องศา
เซลเซยี ส จงหาอัตราการถ่ายเทความร ้อนของผนัง ถ ้าค่าสม ั ประสทิ ธิการพาความร ้อนมีคา่ 4.358 W/sq.m.K
1 : 25.42 W
2 : 32.54 W
3 : 45.32 W
4 : 52.34 W
ข ้อที 258 :
ี
แผ่นสเหลี
ยมขนาด 0.4 m x 0.4 m มีอณ
ุ หภูมค
ิ งที 400 K วางในแนวดิงในบรรยากาศนิงอุณหภูม ิ 300 K จงหาค่า Gr
1 : 2.25E+8
2 : 4.17E+8
3 : 6.36E+8
4 : 8.24E+8
ข ้อที 259 :
แผ่นเรียบบางสูง 4 เมตร และกว ้าง 1 เมตร ผิวด ้านหนึงหุ ้มฉนวนไว ้ ผิวทีไม่ได ้หุ ้มฉนวนมีอณ
ุ หภูมค
ิ งที 400 K วางใน
ั ิ
บรรยากาศอุณหภูม ิ 300 K จงหาอัตราการถ่ายเทความร ้อนจากแผ่น เมือค่าสมประสทธิการพา(h) = 5.5 W/sq.m.K
1 : 1600 W
2 : 1800 W
3 : 2000 W
4 : 2200 W
ข ้อที 260 :
ี
แผ่นสเหลียมจัตรุ ัสขนาด 0.4 m x 0.4 m มีอณ
ุ หภูมค
ิ งที 400 K วางในแนวดิงในบรรยากาศนิงอุณหภูม ิ 300 K จงหาค่า
ั ประสท
สม ิ ธิการพาความร ้อน เมือ Nu = 40
โดยอากาศที Tf = 350 K มีคา่ k = 0.03 W/m.K
1 : 2 W/sq.m.K
2 : 3 W/sq.m.K
3 : 6 W/sq.m.K
4 : 8 W/sq.m.K
ข ้อที 261 :
้ านศูนย์กลาง 7 cm ยาว 3 m โดยทีอุณหภูมท
ท่อนํ าร ้อนมีเสนผ่ ิ อ
่ และอุณหภูมบ
ิ รรยากาศเท่ากับ 343 K และ 293 K ตาม
ลําดับ จงหาอัตราการถ่ายเทความร ้อนโดยการพาแบบธรรมชาติ เมือ Nu = 17.40, k= 0.02699 W/m.K
1 : 159.3 W
2 : 174.9 W
3 : 196.3 W
4 : 221.2 W
ข ้อที 262 :
โลหะแท่งสเหลีี ยมขนาด 20 mm x 25 mm x 10 mm อุณหภูมผ ิ
ิ วิ 125 องศาC อยูใ่ นสภาวะสงแวดล ้อมบรรยากาศทีมีคา่
สมั ประสทิ ธิการพาความร ้อน 3000 W/(sq.m K) จงหาค่าอุณหภูมข ิ
ิ องสงแวดล ้อม ถ ้ามีการถ่ายเทความร ้อนจากแท่งโลหะ
่ งแวดล
นีสูส ิ ้อม 0.57 kW
1 : 25 องศาC
ข ้อที 263 :
วัตถุทรงกลมอุณหภูม ิ 135 องศาC อยูใ่ นอุณหภูมส ิ
ิ งแวดล ั ประสท
้อมที 30 องศาC มีคา่ สม ิ ธิการพาความร ้อน 15 W/(sq.m
้
K) จงคํานวณหาเสนผ่าศูนย์กลางของวัตถุนี ถ ้าการพาความร ้อนมีคา่ 45 W
1 : 67.1 mm
2 : 95.4 mm
3 : 108.2 mm
4 : 114.6 mm
ข ้อที 264 :
วัตถุทรงกระบอกดังรูป มีการพาความร ้อนสูส ่ งแวดล
ิ ้อม 34.3 W และสมั ประสทิ ธิการพาความร ้อน 15 W/(sq.m K) ถ ้า
อุณหภูมผิ วิ ของวัตถุเท่ากับ 85 องศาC จงคํานวณหาค่าอุณหภูมส ิ
ิ งแวดล ้อม
ข ้อที 265 :
วัตถุแบนรูปสามเหลียมดังภาพมีฐานกว ้าง 25 mm สูง 30 mm มีอณ ุ หภูมผ ิ
ิ วิ 150 องศาC แขวนไว ้ในสงแวดล ้อมทีมี
ั ิ
อุณหภูม ิ 32 องศาC จงหาอัตราการถ่ายเทความร ้อนของวัตถุ ถ ้าค่าสมประสทธิการพาความร ้อนมีคา่ 1500 W/(sq.m K)
1 : 114.50 W
2 : 132.75 W
3 : 151.25 W
4 : 168.45 W
ข ้อที 266 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้อง เมือเปรียบเทียบพฤติกรรมการพาความร ้อนระหว่างแบบอิสระและแบบบังคับสําหรับการไหลโดย
ทัวไป
1 : สัมประสิทธิการพาความร ้อนแบบอิสระมีคา่ น ้อยกว่าสัมประสิทธิการพาแบบบังคับ
2 : ของไหลทีไหลในระบบการพาแบบอิสระจะไหลช ้ากว่าในระบบการพาแบบบังคับ
3 : การถ่ายเทความร ้อนในระบบการพาแบบอิสระมีคา่ น ้อยกว่าในการพาแบบบังคับ
ข ้อที 267 :
ี
แผ่นสเหลียมจัตรุ ัสขนาด 0.4 m x 0.4 m มีอณ
ุ หภูมค
ิ งที 400 K วางในแนวดิงในบรรยากาศนิง อุณหภูม ิ 300 K จงหาค่า
Rayleigh number (Ra) ถ ้า Pr = 0.697
1 : 2.2E+8
2 : 2.9E+8
3 : 3.4E+8
4 : 3.9E+8
ข ้อที 268 :
จงเรียงลําดับจากค่ามากไปหาน ้อย สําหรับแรงลอยตัวทีเกิดขึนเมือวัตถุอยูใ่ นของไหลทีเป็ น อากาศ, นํ าและปรอท
1 : อากาศ, นํ า, ปรอท
2 : ปรอท, อากาศ, นํ า
3 : นํ า, ปรอท, อากาศ
4 : ปรอท, นํ า, อากาศ
ข ้อที 269 :
เงือนไขใดทีถือได ้ว่าเป็ นการพาความร ้อนตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว
1 : เมือ Gr/(Re.Re) << 1.0
2 : เมือ Gr/(Re.Re) >> 1.0
3 : เมือ Gr/(Re.Re) = 1.0
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก
ข ้อที 270 :
ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวกับค่า Nu (Nusselt Number)
1 : Nu เป็ นอัตราส่วนของการพาความร ้อนต่อการนํ าความร ้อน
2 : ถ ้า Nu = 1 จัดเป็ น Pure Conduction
3 : Nu เป็ น สัมประสิทธิการพาความร ้อนไร ้มิต ิ
ข ้อที 271 :
แผ่นเรียบแนวดิงสูง L = 0.4 m และกว ้าง 0.5 m ผิวด ้านหนึงหุ ้มฉนวนไว ้ ผิวทีไม่ได ้หุ ้มฉนวนมีอณ
ุ หภูมค
บรรยากาศอุณหภูม ิ 300 K จงหาค่าเฉลียตัวเลขนัสเซล ิ (Nu)
1 : 72.16
2 : 75.24
3 : 77.25
4 : 80.36
ข ้อที 272 :
แผ่นเรียบแนวดิงสูง 5 เมตร กว ้าง 1.5 เมตร ผิวด ้านหนึงหุ ้มฉนวนไว ้ ผิวทีไม่ได ้หุ ้มฉนวนมีออุณหภูมค
บรรยากาศอุณหภูม ิ 300 K จงหาค่าสม ั ประสท
ิ ธิการพาความร ้อนเฉลีย(h) เมือกําหนดให ้
1 : 2.7 W/sq.m K
2 : 2.8 W/sq.m K
3 : 2.9 W/sq.m K
4 : 3.0 W/sq.m K
ข ้อที 273 :
แผ่นเรียบแนวดิงสูง 5 เมตร กว ้าง 1.5 เมตร ผิวด ้านหนึงหุ ้มฉนวนไว ้ ผิวทีไม่ได ้หุ ้มฉนวนมีออุณหภูมค
บรรยากาศอุณหภูม ิ 300 K จงหาอัตราการถ่ายเทความร ้อนจากแผ่น เมือค่าสม ั ประสท ิ ธิการพาความร ้อนเฉลียเท่ากับ 5.51
W/m^2.K
1 : 4111 W
2 : 4122 W
3 : 4133 W
4 : 4144 W
ข ้อที 274 :
อากาศไหลผ่านท่อความร ้อนสเหลี ี ยมผืนผ ้ายาว มีขนาดหน ้าตัดกว ้าง 0.75 m และสูง 0.3 m เพือทําให ้ผิวท่อภายนอกมี
ี ส ถ ้าท่อนีไม่หุ ้มฉนวนและสม
อุณหภูม ิ 45 องศาเซลเซย ั ผัสอากาศที 15 องศาเซลเซย ี สในเพดานใต ้บ ้าน จงหาค่า
สมั ประสท
ิ ธิการพาความร ้อนทีด ้านข ้างท่อ (แผ่นเรียบวางในแนวดิง) เมือกําหนดให ้
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 275 :
อากาศไหลผ่านท่อความร ้อนสเหลี ี ยมผืนผ ้ายาว มีขนาดหน ้าตัดกว ้าง 0.75 m และสูง 0.3 m เพือทําให ้ผิวท่อภายนอกมี
ี ส ถ ้าท่อนีไม่หุ ้มฉนวนและสม
อุณหภูม ิ 45 องศาเซลเซย ั ผัสอากาศที 15 องศาเซลเซย ี ส ในเพดานใต ้บ ้าน จงหาค่า
สมั ประสท
ิ ธิการพาความร ้อนทีผิวด ้านบนท่อ สําหรับผิวด ้านบนท่อความยาวเฉพาะ L = (As/P)
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 276 :
ถ ้านํ าไข่ต ้มร ้อน (boiling egg) ไปวางใว ้ในยานอวกาศทีอยูน
่ อกโลกหรือนํ าไปวางใว ้บนพืนโลก อยากทราบว่า ณ ทีใดไข่
ต ้มร ้อนนีจะเย็นตัวได ้เร็วกว่า
1 : บนพืนโลก
2 : ในยานอวกาศนอกโลก
3 : เย็นตัวได ้เท่ากันทังสองที
4 : ไม่สามารถสรุปได ้
ข ้อที 277 :
ี ากดวงอาทิตย์ด ้วยฟลักซ ์
แผ่นจตุรัสขนาด 0.5 m x 0.5 m หุ ้มฉนวนด ้านหนึงไว ้และด ้านทีไม่หุ ้มถือว่าเป็ นผิวดําได ้รับรังสจ
600 W/m^2 แผ่นเรียบนีทํามุม 60 องศากับแนวดิง ดังนันหน ้าร ้อนจึงหงายขึน ผิวร ้อนได ้ถ่ายเทความร ้อนโดยการพาอิสระ
ึ อณ
แก่บรรยากาศรอบ ๆ ซงมี ุ หภูม ิ 300 K จงหาค่าตัวเลขนัสเซลท์เฉลีย โดยกําหนดให ้
1 : 93.2
2 : 95.4
3 : 97.1
4 : 99.3
ข ้อที 278 :
แผ่นจัตรุ ัสขนาด 0.5 m x 0.5 m หุ ้มฉนวนด ้านหนึงไว ้ และด ้านทีไม่หุ ้มถือว่าเป็ นผิวดําได ้รับรังสจี ากดวงอาทิตย์ด ้วยฟลัก
ซเ์ ท่ากับ 600 W/m^2 แผ่นเรียบนีทํามุม 60 องศากับแนวดิง ดังนันหน ้าร ้อนจึงหงายขึน ผิวร ้อนได ้ถ่ายเทความร ้อนโดย
การพาอิสระแก่บรรยากาศรอบ ๆ ซงมี ึ อณ
ุ หภูม ิ 300 K จงหาค่าอุณหภูมท ิ ผิ
ี ว เมือค่าสม ั ประสท ิ ธิการพาความร ้อนเฉลีย
เท่ากับ 3.16 W/m^2.K
1 : 487.9 K
2 : 489.9 K
3 : 491.9 K
4 : 493.9 K
ข ้อที 279 :
อากาศทีความดันบรรยากาศบรรจุในชอ ่ งสเหลี
ี ึ
ยมวางในแนวดิง ซงประกอบด ้วยแผ่นขนานจัตรุ ัส 2 แผ่น ขนาด 0.4 m x
0.4 m โดยมีระยะห่างของแผ่น L = 0.05 m อุณหภูมข
ิ องแผ่นร ้อนและแผ่นเย็นเป็ น T1 = 380 K และ T2 = 320 K ตาม
ลําดับ จงหาอัตราการถ่ายเทความร ้อนโดยการพาอิสระระหว่างชอ ่ งว่าง เมือ Nu = 7.12
1 : 41 W
2 : 44 W
3 : 47 W
4 : 49 W
ข ้อที 280 :
ข ้อใดกล่าวถึงนิยามของ Gr (Grashof number) ได ้ถูกต ้อง
1 : คืออัตราส่วนของแรงเสียดทานต่อแรงลอยตัว
2 : คืออัตราส่วนของแรงเสียดทานต่อแรงเฉือย
3 : คืออัตราส่วนของแรงลอยตัวต่อแรงเสียดทาน
4 : คืออัตราส่วนของแรงเฉือยต่อแรงเสียดทาน
เนือหาวิชา : 406 : 5.การแผ่รังสีความร ้อน
ข ้อที 281 :
ผิวอันหนึงมีอณ ิ วิ 5,500 °C มีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) เป็ น 0.9 จงหาอัตราการแผ่รังสค
ุ หภูมผ ี วามร ้อนต่อหน่วย
พืนผิว
1 : 56.68 MW/m2
2 : 54.82 MW/m2
3 : 52.73 MW/m2
4 : 50.50 MW/m2
ข ้อที 282 :
วัตถุดําขนาด 0.43 m2 มีอต ี วามร ้อนทีปล่อยออกจากพืนผิว 780.57 W จงหาค่าอุณหภูมข
ั ราการแผ่รังสค ิ องพืนผิว
1 : 130 °C
2 : 138 °C
3 : 142 °C
4 : 150 °C
ข ้อที 283 :
้ านศูนย์กลาง 2.5 cm มีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) 0.9 โดยมีรังส ี
แท่งโลหะร ้อน (heater) ยาว 0.5 m และมีเสนผ่
ความร ้อนออกจากพืนผิว 350 W จงหาอุณหภูมผ ิ วิ ของแท่งโลหะนี
1 : 369.5 °C
2 : 351.6 °C
3 : 335.7 °C
4 : 315.8 °C
ข ้อที 284 :
วัตถุทรงกระบอกแท่งหนึงมีขนาดเสนผ่ ้ านศูนย์กลาง 0.4 m อุณหภูมผ
ิ วิ 300 °C มีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) เป็ น
ี วามร ้อนทีปล่อยออกจากพืนผิว 1,935.58 W จงหาความยาวของวัตถุแท่งนี
0.24 มีคา่ การแผ่รังสค
1 : 0.055 m
2 : 0.065 m
3 : 0.075 m
4 : 0.085 m
ข ้อที 285 :
วัตถุทรงกลมขนาดเสนผ่้ านศูนย์กลาง 0.3 m มีอณ ิ วิ 200 °C มีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) เป็ น 0.81 จงหา
ุ หภูมผ
ี วามร ้อนทีปล่อยออกจากวัตถุทรงกลมนี
อัตราการแผ่รังสค
1 : 629 W
2 : 637 W
3 : 642 W
4 : 650 W
ข ้อที 286 :
อุณหภูมขิ องเปลวไฟภายในเตาหลอมอันหนึงเป็ น 1,900 K สมมติให ้เปลวไฟในเตาหลอมนันเป็ นวัตถุดํา จงหาความยาว
ี งู สุด
คลืนทีให ้การแผ่รังสส
1 : 1.53 µm
2 : 1.63 µm
3 : 2.53 µm
4 : 2.63 µm
ข ้อที 287 :
ื ว 0.332 m2 มีอณ
วัตถุทรงกลมมีพนผิ ุ หภูมผ ิ วิ 154 °C มีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) เป็ น 0.75 วางไว ้ในบริเวณ
ปริมาตรปิ ด (enclosure) ทีมีอณ
ุ หภูม ิ 58 °C จงหาอัตราการแผ่ความร ้อนสุทธิทปล่ ี อยออกจากพืนผิววัตถุ
1 : 280 W
2 : 290 W
3 : 300 W
4 : 310 W
ข ้อที 288 :
อุณหภูมขิ องเปลวไฟภายในเตาหลอมแห่งหนึงเป็ น 1,500 K สมมติให ้เปลวไฟในเตาหลอมนันเป็ นวัตถุดํา จงหากําลัง
การแผ่รังส ี (Emissive power, Eb) ของเปลวไฟ
1 : 287.04 kW/m2
2 : 312.63 kW/m2
3 : 331.97 kW/m2
4 : 347.28 kW/m2
ข ้อที 289 :
ท่อลมร ้อนไม่หุ ้มฉนวนมีพนที ื ผิวเท่ากับ 0.43 m2 ท่อวางผ่านห ้องซงอากาศและผนั
ึ งห ้องมีอณ
ุ หภูมเิ ท่ากัน คือ 25 °C ถ ้า
อุณหภูมผ ิ วิ ท่อเป็ น 110 °C มีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) เป็ น 0.86 และสม
ั ประสท
ิ ธิการพาความร ้อนทีผิวท่อเท่ากับ
34 W/m2.K จงหาอัตราความร ้อนสูญเสย ี ทังหมดของท่อ
1 : 1,528.52 W
2 : 1,601.78 W
3 : 1,672.23 W
4 : 1,712.55 W
ข ้อที 290 :
ผิวหนึงมีอณ
ุ หภูม ิ T1 = 400 K และ มีพนที
ื ึ อณ
A1 เป็ น 4 เท่าของผิว A2 ซงมี ุ หภูม ิ T2 = 800 K โดยผิวทังสองกําลังแลก
เปลียนรังสคี วามร ้อนซงกั
ึ นและกัน โดยมีคา่ วิวแฟคเตอร์ F12 = 0.15 จงหาค่าวิวแฟคเตอร์ F21
1 : 0.4
2 : 0.5
3 : 0.6
4 : 0.7
ข ้อที 291 :
โลหะแผ่นหนึงมีพนทีื ผิว 0.6 m2 อุณหภูม ิ 220 °C ทําการแผ่รังสค
ี วามร ้อนให ้กับวัสดุอก
ี ชนิดหนึงทีมีอณ ุ หภูม ิ 65 °C และ
มีพนที
ื ผิวเป็ น 1.5 เท่าของโลหะแผ่น ให ้หาอัตราการแลกเปลียนรังสค ี วามร ้อนสุทธิ สมมุตวิ า่ ทังคูเ่ ป็ นวัตถุดํา
1 : 1,501.93 W
2 : 1,532.28 W
3 : 1,565.64 W
4 : 1,576.03 W
ข ้อที 292 :
แท่งวัสดุขนาด 10 x 12 x 20 cm อันหนึงมีอณ ุ หภูมผิ วิ สมําเสมอ 120 °C จงหาค่าการถ่ายเทความร ้อนโดยการแผ่รังส ี ถ ้า
ค่าสภาพการแผ่รังส ี (emissivity) ของผิวเป็ น 0.76
1 : 110.58 W
2 : 112.43 W
3 : 113.80 W
4 : 115.13 W
ข ้อที 293 :
ขนมเค๊กนํ าออกจากเตาอบเพือทําให ้เย็นตัวลง โดยทีขนมเค๊กถือว่าเป็ นทรงกระบอกสูง 8 cm และมีเสนผ่้ านศูนย์กลาง 20
cm ถ ้าอุณหภูมผ ี ความร ้อนโดยการแผ่รังสข
ิ วิ ของขนมเค๊กทุกด ้านเท่ากับ 90 °C จงหาอัตราการสูญเสย ี องขนมเค๊ก โดยที
ค่าสภาพการแผ่รังส ี (emissivity) ของเค๊กทุกผิวเป็ น 0.4
1 : 44.54 W
2 : 53.12 W
3 : 68.32 W
4 : 71.85 W
ข ้อที 294 :
้ านศูนย์กลาง 50 mm มีอณ
วัตถุทรงกลมขนาดเสนผ่ ุ หภูมผ ี ค
ิ วิ 145 °C อัตราการถ่ายเทความร ้อนโดยการแผ่รังสม ี า่ 6.8 W
จงหาค่าสภาพการแผ่รังส ี (emissivity) ของวัตถุนี
1 : 0.3
2 : 0.4
3 : 0.5
4 : 0.6
ข ้อที 295 :
วัตถุทรงกระบอกขนาดเสนผ่ ้ านศูนย์กลาง 20 mm ยาว 80 mm ค่าสภาพการแผ่รังส ี (emissivity) เป็ น 0.6 ถ ้าวัตถุนมี
ี
ี วามร ้อนเท่ากับ 6.81 W จงหาอุณหภูมผ
การแผ่รังสค ิ วิ ของวัตถุ
1 : 93 °C
2 : 110 °C
3 : 146 °C
4 : 161 °C
ข ้อที 296 :
์ วามร ้อนสุทธิ (net heat flux) ของผิวทึบอันหนึงทีมีอณ
จงหาค่าฟลักซค ุ หภูม ิ 500 K และค่าสภาพการแผ่รังส ี (emissivity)
ี กกระทบ (irradiation, G) = 5,000 W/m2 และ มีคา่ อัตราการดูดกลืนรังสท
เป็ น 0.8 ถ ้าผิวนีมีคา่ อัตรารังสต ี ผิ
ี ว, Gabs =
3,800 W/m2
1 : 824 W/m2
2 : 965 W/m2
3 : 1,025 W/m2
4 : 1,164 W/m2
ข ้อที 297 :
ี กกระทบ (irradiation) = 370 W/m2 วัตถุนมี
วัตถุหนึงมีรังสต ี คา่ การดูดกลืนของผิว (absorptivity) = 0.3 และ ค่าการผ่าน
ี วามร ้อนทีสะท ้อนออกจากผิววัตถุ
ทะลุของผิว (transmissivity) = 0.12 จงหาค่ารังสค
1 : 124.6 W/m2
2 : 165.6 W/m2
3 : 194.8 W/m2
4 : 214.6 W/m2
ข ้อที 298 :
วัตถุอน ี กกระทบ (irradiation) เท่ากับ 500 W/m2 ซงวั
ั หนึงได ้รับอัตรารังสต ึ ตถุนมี
ี อต ั ราการดูดกลืนรังสเี ท่ากับ 150 W/m2
และค่าอัตราการผ่านทะลุของรังสม ี า่ 25 W/m2 จงหาค่าสภาพการสะท ้อนรังส ี (reflectivity) ของผิว
ี ค
1 : 0.32
2 : 0.48
3 : 0.65
4 : 0.83
ข ้อที 299 :
ี กกระทบ (irradiation) บนวัตถุอน
จงหาค่ารังสต ั หนึง ถ ้าค่าการผ่านทะลุของผิว (transmissivity) มีคา่ 0.03 และค่าการ
สะท ้อนของผิว (reflectivity) มีคา่ 0.5 ในขณะทีวัดค่ารังสที ถู ึ ากับ 94 W/m2
ี กดูดกลืนได ้โดยตรงซงเท่
1 : 200 W/m2
2 : 225 W/m2
3 : 250 W/m2
4 : 285 W/m2
ข ้อที 300 :
ี วามร ้อนทังหมดทีตกกระทบบนพืนผิววัตถุเท่ากับ 2,200 W/m2 ซงมี
ถ ้าค่าอัตรารังสค ึ คา่ อัตราการสะท ้อนรังสค
ี วามร ้อน
2
450 W/m และ มีคา่ อัตราการดูดกลืนรังสค 2
ี วามร ้อน 900 W/m จงคํานวณค่าการผ่านทะลุของผิว (transmissivity)
1 : 0.175
2 : 0.243
3 : 0.327
4 : 0.386
ข ้อที 301 :
วัตถุดํามีอณ
ุ หภูมท
ิ ผิ
ี ว 390 K จงคํานวณค่า Total emissive power
1 : 977 W/m2
2 : 1,042 W/m2
3 : 1,311 W/m2
4 : 1,573 W/m2
ข ้อที 302 :
วัตถุดํามีอณ
ุ หภูมผ
ิ วิ 450 K จงหาค่าความยาวคลืนทีให ้ค่า Emissive power มีคา่ สูงสุด
1 : 6.44 ไมครอน
ข ้อที 303 :
วัตถุดํามีคา่ Emissive power เท่ากับ 2,540 W/m2 จงคํานวณอุณหภูมผ
ิ วิ วัตถุนี
1 : 150 °C
2 : 163 °C
3 : 187 °C
4 : 191 °C
ข ้อที 304 :
จงหาค่าการปล่อยออกของรังส ี (emissive power) ของวัตถุ ที 1,145 K และมีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) เป็ น 0.85
1 : 53.26 kW/m2
2 : 67.94 kW/m2
3 : 75.27 kW/m2
4 : 82.84 kW/m2
ข ้อที 305 :
ื ผิว 2.5 cm2 อุณหภูม ิ 1,000 K มีการแผ่รังสค
แผ่นเรียบมีพนที ี วามร ้อนออกที 3.5 W จงหาค่าสภาพการแผ่รังส ี
(emissivity) ของผิวทีอุณหภูมดิ งั กล่าว
1 : 0.18
2 : 0.25
3 : 0.84
4 : 0.83
ข ้อที 306 :
จงหาค่าอัตราการแลกเปลียนรังสค ี วามร ้อนสุทธิของวัตถุผวิ เรียบ 1 ซงมี
ึ พนที
ื 0.75 m2 อุณหภูมผ ิ วิ 700 K กับวัตถุผวิ เรียบ
ึ พนที
2 ซงมี ื 2
2 m อุณหภูมผ
ิ วิ 250 K โดยทีค่า view factor, F12 = 0.13 สมมติวา่ เป็ นวัตถุดําทังสองผิว
1 : 1.31 kW
2 : 2.28 kW
3 : 3.06 kW
4 : 3.55 kW
ข ้อที 307 :
้ านศูนย์กลาง 18 cm อุณหภูมผ
วัตถุทรงกลมมีเสนผ่ ี ากผิวมีคา่ 80.5
ิ วิ 150 °C อัตราการถ่ายเทความร ้อนโดยการแผ่รังสจ
ี
W จงหาค่าสภาพการแผ่รังส (emissivity) ของวัตถุนี
1 : 0.37
2 : 0.44
3 : 0.54
4 : 0.61
ข ้อที 308 :
วัตถุทรงกลมมีอณุ หภูมผ ี ผิ
ิ วิ 125 °C อัตราการถ่ายเทความร ้อนโดยการแผ่รังสท ี วมีคา่ 65 W ค่าสภาพการแผ่รังส ี
(emissivity) ของผิวมีคา่ 0.66 จงหาขนาดเสนผ่ ้ านศูนย์กลางของวัตถุนี
1 : 3.65 cm
2 : 5.75 cm
3 : 7.42 cm
4 : 8.23 cm
ข ้อที 309 :
เตาเผารูปทรงกระบอกตังอันหนึง ฝาด ้านบนรูปจานกลมมีพนที
ื A1 เท่ากับ 0.1 m2, T1 = 300 K ในขณะทีฝาล่างมีพนที
ื
A2 = 0.1 m2, T2 = 600 K และผนังเตาภายในด ้านข ้างมีพนที
ื A3 = 0.2 m2, T3 = 800 K ถ ้าถือว่าผิวภายในเตานีเป็ น
ปริมาตรปิ ด (enclosure) และกําหนดให ้วิวแฟคเตอร์ F12 = 0.2 จงหาค่าวิวแฟคเตอร์ F31
1 : 0.2
2 : 0.3
3 : 0.4
4 : 0.5
ข ้อที 310 :
เตาเผารูปทรงกระบอกตังอันหนึง ฝาบนรูปจานกลมมีพนที
ื A1 เท่ากับ 0.1 m2, T1 = 300 K ในขณะทีฝาล่างมีพนที
ื A2 =
0.1 m2, T2 = 600 K และผนังข ้างภายในเตามีพนที
ื A3 = 0.2 m2, T3 = 800 K ถ ้าถือว่าภายในเตานีเป็ นปริมาตรปิ ด
(enclosure) และผิวดํา จงหาค่าอัตราการแผ่รังสค ี วามร ้อนสุทธิสผ
ู่ วิ A1 กําหนดให ้วิวแฟคเตอร์ F12 = 0.2
1 : 1.67 kW
2 : 1.74 kW
3 : 1.83 kW
4 : 1.96 kW
ข ้อที 311 :
วัตถุดํามีอณ ี วามร ้อนทีความยาวคลืนทีให ้ค่าสูงสุด (maximum monochromatic
ุ หภูม ิ 500 K จงหากําลังแผ่ออกของรังสค
emissive power)
[ค่าคงทีของ Wien displacement law เท่ากับ 2,898 µm.K]
1 : 347.05 W/m2.µm
2 : 366.19 W/m2.µm
3 : 380.52 W/m2.µm
4 : 400.56 W/m2.µm
ข ้อที 312 :
วัตถุดํามีอณ ี วามร ้อนของวัตถุ (monochromatic emissive power, Eb) ที
ุ หภูม ิ 1,640 K จงหาค่ากําลังแผ่ออกของรังสค
ความยาวคลืน 2.30 µm
1 : 0.1187 MW/m2.µm
2 : 0.1311 MW/m2.µm
3 : 0.1562 MW/m2.µm
4 : 0.1996 MW/m2.µm
ข ้อที 313 :
แผ่นโลหะมีอณ ุ หภูมผ ิ วิ 205 °C และค่า emissivity เท่ากับ 0.8 วางไว ้ในบริเวณปิ ด (enclosure) ขนาดใหญ่มอ
ี ณ
ุ หภูม ิ 24
°C ถ ้าอัตราการแผ่รังสค ี วามร ้อนสุทธิจากผิวเป็ น 378 W จงหาพืนทีผิวของแผ่น
1 : 0.188 m2
2 : 0.388 m2
3 : 0.588 m2
4 : 0.788 m2
ข ้อที 314 :
ื ผิว 2.5 cm2 มีอต
แผ่นเรียบมีพนที ี วามร ้อนที 5.5 W และมีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) เท่ากับ 0.25 จง
ั ราการแผ่รังสค
หาอุณหภูมผ ิ วิ ของแผ่น
1 : 1,016.61 K
2 : 1,116.16 K
3 : 1,126.61 K
4 : 1,216.16 K
ข ้อที 315 :
กล่องปิ ดถือเป็ นวัตถุดําดังรูป มีอณุ หภูมพ ิ นผิ
ื ว 1 (ผิวล่างของกล่อง) เท่ากับ 550 K, พืนผิว 2 (ผิวบน) เท่ากับ 400 K และ
พืนผิว 3 (ผิวข ้างทัง 4 ด ้าน) มีอณ
ุ หภูม ิ 500 K จงหาการแผ่รังสคี วามร ้อนสุทธิระหว่างผิวที 1 ไปยังผิวที 2
1 : 28.88 kW
2 : 41.21 kW
3 : 52.73 kW
4 : 63.77 kW
ข ้อที 316 :
กล่องปริมาตรปิ ดถือเป็ นวัตถุดําดังรูป มีอณ
ุ หภูมท
ิ พื
ี นผิว 1 (ผิวข ้างด ้านขวาของกล่อง) เท่ากับ 500 K, พืนผิวที 2 (ผิว
้ มีอณ
กลางทัง 4 ด ้าน) เท่ากับ 400 K และพืนผิวที 3 (ผิวข ้างด ้านซาย) ี วามร ้อนสุทธิ
ุ หภูม ิ 350 K จงหาการแผ่รังสค
ระหว่างผิวที 1 ไปยังผิวที 3
1 : 38.35 kW
2 : 47.63 kW
3 : 53.11 kW
4 : 61.29 kW
ข ้อที 317 :
ี วามร ้อนสุทธิจากผิวที 1 ไปยังผิวที 2 ของแผ่นเรียบทีจัดวางดังรูป โดยมีคา่ view factor, F1-2 ≈
จงหาอัตราการแผ่รังสค
0.1
1 : 7.15 kW
2 : 10.67 kW
3 : 14.32 kW
4 : 17.09 kW
ข ้อที 318 :
ี
วัตถุทรงสเหลี
ยมมีขนาด 10 cm x 15 cm x 18 cm อันหนึงมีอณ ุ หภูมผ ิ
ิ วิ สมําเสมอ 180 ºC อยูใ่ นสภาวะสงแวดล ้อมที 25
ี วามร ้อนของวัตถุนี ถ ้าค่าสภาพการแผ่รังส ี (emissivity) มีคา่ 0.48
ºC จงหาค่าการแผ่รังสค
1 : 112.5 W
2 : 126.1 W
3 : 137.5 W
4 : 143.3 W
ข ้อที 319 :
้ านศูนย์กลาง 18 cm อุณหภูมผ
วัตถุทรงกลมมีเสนผ่ ี วาม
ิ วิ 310 K โดยมีคา่ emissivity เท่ากับ 0.37 จงหาอัตราการแผ่รังสค
ร ้อนของวัตถุ
1 : 15.6 W
2 : 17.9 W
3 : 19.7 W
4 : 21.6 W
ข ้อที 320 :
วัตถุทรงกลมพืนทีผิวเท่ากับ 0.07 m2 มีอต ี วามร ้อน 75 W และค่า emissivity เท่ากับ 0.65 สมมติไม่คด
ั ราการแผ่รังสค ิ ผล
การพาความร ้อน จงประมาณค่าอุณหภูมท ิ ผิ
ี วของวัตถุ
1 : 140 ºC
2 : 230 ºC
3 : 320 ºC
4 : 410 ºC
ข ้อที 321 :
วัตถุทรงกระบอกเสนผ่ ้ านศูนย์กลาง 50 mm ยาว 200 mm อยูใ่ นสภาวะสงแวดล ิ ้อมที 22 ºC มีคา่ สภาพการแผ่รังส ี
(emissivity) ทุกผิวเท่ากับ 0.8 จงหาอุณหภูมผ ี วามร ้อนของวัตถุมค
ิ วิ ของวัตถุ ถ ้าอัตราการแผ่รังสค ี า่ เท่ากับ 55 W สมมติ
ไม่คดิ การพาความร ้อน
1 : 130.7 ºC
2 : 157.4 ºC
3 : 186.2 ºC
4 : 198.1 ºC
ข ้อที 322 :
้ านศูนย์กลาง 35 mm ยาว 80 mm มีอณ
วัตถุทรงกระบอกเสนผ่ ุ หภูมผ ิ
ิ วิ 135 ºC วางอยูใ่ นสภาวะสงแวดล ้อมที 20 ºC และมี
ี วามร ้อนออกเท่ากับ 10 W จงหาค่าสภาพการแผ่รังส(ี emissivity)ของวัตถุ
อัตราการแผ่รังสค
1 : 0.2
2 : 0.4
3 : 0.6
4 : 0.8
ข ้อที 323 :
วัตถุทรงกระบอกมีความยาว (L) เท่ากับรัศมี (r) อุณหภูมผ
ิ วิ เท่ากับ 128 ºC ค่า emissivity เท่ากับ 0.6 และมีอต
ั รา
ี วามร ้อนออกเท่ากับ 25 W จงหาเสนผ่
การแผ่รังสค ้ านศูนย์กลางของวัตถุนี
1 : 4.3 cm
2 : 7.1 cm
3 : 9.5 cm
4 : 12.6 cm
ข ้อที 324 :
ี
วัตถุทรงสเหลี ยมมีมต ิ
ิ ิ 12 cm x 18 cm x L cm ชนหนึงมีอณุ หภูมผ ี วามร ้อนจากผิวทังหมดเป็ น
ิ วิ 150 ºC มีคา่ การแผ่รังสค
140 W ถ ้าค่า emissivity ของผิวเท่ากับ 0.55 จงหาค่า L ของวัตถุนี
1 : 6.5 cm
2 : 9.7 cm
3 : 14.6 cm
4 : 16.1 cm
ข ้อที 325 :
ี
วัตถุทรงสเหลี ยมมีมต ี วามร ้อนจากผิวทังหมดเป็ น 55 W และค่า emissivity
ิ ิ 6 cm x 8 cm x 10 cm ถ ้าค่าอัตราการแผ่รังสค
ของผิวมีคา่ เท่ากับ 0.66 จงหาค่าอุณหภูมผ ิ วิ ของวัตถุ
1 : 105.3 ºC
2 : 122.5 ºC
3 : 159.9 ºC
4 : 171.6 ºC
ข ้อที 326 :
ี
วัตถุทรงสเหลียมมีมต
ิ ิ 5 cm x 10 cm x 8 cm อันหนึงมีอณ
ุ หภูมผ ี วามร ้อนจากผิว
ิ วิ 120 °C และค่าอัตราการแผ่รังสค
ทังหมดเป็ น 35 W จงหาค่า emissivity ของวัตถุ
1 : 0.45
2 : 0.62
3 : 0.76
4 : 0.88
ข ้อที 327 :
ึ ตามรูป ถ ้าค่า irradiation, G = 4,500 W/m2, ค่า surface absorption = 3,200 W/m2
จงหาค่า net heat flux ของวัตถุทบ
้
[แนะนํ า: ใชสมดุ
ลย์ความร ้อนทีผิว]
1 : 976 W/m2
2 : 1,178 W/m2
3 : 1,252 W/m2
4 : 1,371 W/m2
ข ้อที 328 :
จงหาอุณหภูมผ ี า่ 1,300 W/m2, ค่า irradiation, G = 5,000 W/m2 และค่า
ิ วิ ของวัตถุดงั รูป ถ ้า net heat flux ของวัตถุมค
surface absorption = 3,600 W/m2
้
[แนะนํ า: ใชสมดุลย์ความร ้อนทีผิว]
1 : 201.5 ºC
2 : 237.4 ºC
3 : 245.4 ºC
4 : 266.3 ºC
ข ้อที 329 :
ึ net heat flux = 2,300 W/m2 และมีคา่ irradiation G = 4,800 W/m2, ค่า surface
จงหาค่า absorptivity ของผิวอันหนึงซงมี
absorption = 2,800 W/m2
1 : 0.45
2 : 0.58
3 : 0.63
4 : 0.68
ข ้อที 330 :
ึ คา่ heat flux = 1,500 W/m2 และค่า irradiation = 6,200 W/m2, ค่า surface
จงหาค่า reflectivity ของผิววัตถุหนึงซงมี
absorption = 3,400 W/m2 และค่า surface transmission = 1,900 W/m2
1 : 0.145
2 : 0.193
3 : 0.225
4 : 0.264
ข ้อที 331 :
ึ คา่ absorptivity = 0.42 และ reflectivity = 0.37 โดยสามารถวัดค่า transmitted
จงหาค่า irradiation ทีตกบนผิวหนึงซงมี
ึ ากับ 38 W/m2
flux ได ้โดยตรงบนผิวซงเท่
1 : 152 W/m2
2 : 164 W/m2
3 : 177 W/m2
4 : 181 W/m2
ข ้อที 332 :
วัตถุดําอุณหภูมท
ิ ผิ
ี ว 180 °C จงหาค่า total emissive power ของวัตถุ
1 : 1,786 W/m2
2 : 2,049 W/m2
3 : 2,387 W/m2
4 : 2,506 W/m2
ข ้อที 333 :
ี วามร ้อนสุทธิทผิ
จงหาอัตรารังสค ี วามร ้อนกับผิว 1 ดังรูป ถ ้าวิวแฟคเตอร์ F2-(1,3) = 0.2 และ
ี ว 2 ได ้รับ เมือแลกเปลียนรังสค
F2-3 = 0.16
1 : 2,259 W
2 : 2,397 W
3 : 2,468 W
4 : 2,545 W
ข ้อที 334 :
จงหาค่าฟลักความร ้อนสุทธิ (net heat flux) ของวัตถุอณ
ุ หภูมผ
ิ วิ 500K, emissivity = 0.8 ตามรูป ถ ้าค่า irradiation, G =
5,000 W/m2, ค่า surface absorption = 3,800 W/m2
้
[แนะนํ า: ใชสมดุ
ลย์ความร ้อนทีผิว]
1 : 765 W/m2
2 : 865 W/m2
3 : 965 W/m2
4 : 1,065 W/m2
ข ้อที 335 :
ื ผิว 0.05 m2 อุณหภูม ิ 180 °C มีการแผ่รังสค
วัตถุดํามีพนที ี วามร ้อนกับวัตถุดําอีกอันหนึงทีมีพนที
ื ผิวเท่ากันและมีอณ
ุ หภูม ิ
50 °C ให ้หาอัตราการแผ่รังสคี วามร ้อนสุทธิ
1 : 88.5 W
2 : 105.3 W
3 : 126.8 W
4 : 141.1 W
ข ้อที 336 :
วัตถุ A พืนทีผิว 0.55 m2 มีการแผ่รังสคี วามร ้อนให ้กับวัตถุ B ทีมีพนที
ื ผิวเท่ากันมีอณ ุ หภูม ิ 65 °C จงหาอุณหภูมข
ิ องวัตถุ
A ถ ้าอัตราการแผ่รังสคี วามร ้อนสุทธิของวัตถุ A มีคา่ 1,100 W สมมุตวิ า่ เป็ นวัตถุดําทังคู่
1 : 133.4 °C
2 : 149.5 °C
3 : 174.3 °C
4 : 195.8 °C
ข ้อที 337 :
้ านศูนย์กลาง 9.6 cm อุณหภูมผ
วัตถุทรงกลมเสนผ่ ิ
ิ วิ 205 °C อยูใ่ นสงแวดล ้อมที 30 °C มีอต ี วามร ้อน 48 W
ั ราการแผ่รังสค
จงหาค่า emissivity ของวัตถุ
1 : 0.36
2 : 0.49
3 : 0.56
4 : 0.66
ข ้อที 338 :
วัตถุทรงกลมรัศมี 120 mm อุณหภูมผ ี วามร ้อนของ
ิ วิ 200 °C วางอยูใ่ นสภาวะแวดล ้อมที 25 °C จงหาอัตราการแผ่รังสค
วัตถุนี โดยทีค่า emissivity ของผิวมีคา่ 0.8
1 : 410.8 W
2 : 432.4 W
3 : 458.2 W
4 : 465.5 W
ข ้อที 339 :
ี วามร ้อนซงถื
สเปกตรัมของการแผ่รังสค ึ อเป็ นคลืนแม่เหล็กไฟฟ้ า ชว่ งทีมองเห็นได ้มีคา่ เท่ากับข ้อใด
1:
2:
3:
4:
ข ้อที 340 :
อุณหภูมข ี องเปลวไฟ ถ ้า emissivity =
ิ องเปลวไฟภายในเตาหลอมแห่งหนึงเป็ น 2,400 K จงหากําลังการแผ่ออกรังสข
0.95
1 : 1.235 MW/m2
2 : 1.523 MW/m2
3 : 1.787 MW/m2
4 : 1.925 MW/m2
ข ้อที 341 :
ี น
จงเรียงลําดับความยาวคลืน (wave length) จากค่ามากไปหาน ้อย ระหว่าง คลืนวิทยุ, รังสอ ี กมมา
ิ ฟราเรด และรังสแ
1 : คลืนวิทยุ, รังสีอน
ิ ฟราเรด ,รังสีแกมมา
2 : รังสีแกมมา, คลืนวิทยุ, รังสีอนิ ฟราเรด
3 : รังสีอน
ิ ฟราเรด, รังสีแกมมา, คลืนวิทยุ
4 : รังสีอนิ ฟราเรด, คลืนวิทยุ, รังสีแกมมา
ข ้อที 342 :
อุณหภูมขิ องเปลวไฟภายในเตาหลอมแห่งหนึงเป็ น 2,300 K สมมุตใิ ห ้เปลวไฟเป็ นวัตถุดํา จงหาค่าความยาวคลืน (wave
ี ลืนเดียวมีคา่ สูงสุด (maximum monochromatic emissive power)
length) ทีทําให ้ค่ากําลังการแผ่รังสค
1 : 0.96 µm
2 : 1.26 µm
3 : 1.53 µm
4 : 1.84 µm
ข ้อที 343 :
ดวงอาทิตย์มอ ุ หภูม ิ 5,800 K ถือว่าเป็ นวัตถุดํา จงหากําลังการแผ่รังส ี (emissive power)
ี ณ
1 : 6.416 x 106 W/m2

2 : 6.416 x 107 W/m2
3 : 6.416 x 108 W/m2
4 : 6.416 x 109 W/m2
ข ้อที 344 :
วัตถุร ้อนมีอณ ี งหมด
ุ หภูม ิ 2,800 K ถ ้าสมมุตใิ ห ้เป็ นวัตถุดํา จงหากําลังการแผ่รังสท ั
1 : 3.485 x 106 W/m2

2 : 3.485 x 107W/m2
3 : 3.485 x 108 W/m2
4 : 3.485 x 109 W/m2
ข ้อที 345 :
ท่อสง่ ไอนํ าไม่มฉ ึ
ี นวนหุ ้ม เดินแนวท่อผ่านห ้องซงอากาศและผนั งห ้องมีอณ ้ าน
ุ หภูมเิ ดียวกัน คือ 25 °C ท่อมีเสนผ่
ศูนย์กลาง 70 mm อุณหภูมผ ิ วิ ท่อ 180 °C ค่า emissivity ทีผิวเท่ากับ 0.8 และ สมั ประสท ิ ธิการพาความร ้อนทีผิวท่อกับ
อากาศเท่ากับ 20 W/m2.K จงหาอัตราการสูญเสย ี ความร ้อนทังหมดจากผิวท่อต่อหน่วยความยาว
1 : 953 W/m
2 : 973 W/m
3 : 1023 W/m
4 : 1053 W/m
ข ้อที 346 :
แผ่นบางขนาด 0.1 m x 0.1 m วางไว ้ภายในพืนทีปิ ด (enclosure) ขนาดใหญ่ซงมี ึ อณ
ุ หภูม ิ 300 K ผิวล่างแผ่นหุ ้มฉนวน
และทีผิวบนควบคุมอุณหภูมค ิ งทีเท่ากับ 500 K โดยอาศย ั ฮต
ี เตอร์ไฟฟ้ า ถ ้าสภาพการแผ่รังส ี (emissivity) ของแผ่น
เท่ากับ 0.8 จงคํานวณอัตราการแผ่รังสค ี วามร ้อนสุทธิของแผ่น
1 : 13.98 W
2 : 24.67 W
3 : 27.52 W
4 : 30.01 W
ข ้อที 347 :
แผ่นบางขนาด 50 cm x 50 cm ผิวล่างของแผ่นหุ ้มฉนวนไว ้และมีความร ้อนสูญเสย ี ออกจากผิวบนทีอัตรา 400 W สูอ
่ ากาศ
ึ อณ
โดยรอบซงมี ุ หภูม ิ 290 K ถ ้าให ้ผิวแผ่นมีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) 0.9 และสม
ั ประสท
ิ ธิการพาความร ้อนทีผิว
แผ่นเท่ากับ 15 W/m2.K จงหาอุณหภูมข
ิ องแผ่น
1 : 342 K
2 : 362 K
3 : 382 K
4 : 402 K
ข ้อที 348 :
พืนผิวขนาด 0.5 m2 มีคา่ สภาพการแผ่รังส ี (emissivity) 0.8 และอุณหภูม ิ 200 °C วางไว ้ภายในบริเวณพืนผิวปิ ดขนาดใหญ่
ึ อณ
(enclosure) ซงมี ุ หภูม ิ 30 °C จงหาอัตราการแผ่รังสค ี วามร ้อนทีออกจากผิว
1 : 1,046 W
2 : 1,135 W
3 : 1,195 W
4 : 1,214 W
ข ้อที 349 :
ผนังเตาหนา 0.05 m มีคา่ การนํ าความร ้อน (k) 1.2 W/m.K ทีผิวด ้านนอกของผนังเตาอุณหภูม ิ 500K มีสภาพการแผ่รังส ี
(emissivity) = 0.8 มีการถ่ายเทความร ้อนในรูปของการแผ่รังสค ี วามร ้อนสูบ
่ รรยากาศและในรูปการพาความร ้อน กําหนด
ให ้บรรยากาศมีอณ ั ประสท
ุ หภูม ิ 300 K และสม ิ ธิการพาความร ้อน 25 W/m2.K จงหาอุณหภูมผ ิ วิ ด ้านในของผนังเตา
1 : 742 K
2 : 811 K
3 : 852 K
4 : 804 K
ข ้อที 350 :
ี องผิวหนึงมีการกระจายรังสด
ค่า spectral distribution ของการแผ่รังสข ี งั รูป จงหาค่ากําลังปล่อยออกทังหมดของผิวนี
(total emissive power, E)
1 : 1,500 W/m2
2 : 2,000 W/m2
3 : 2,500 W/m2
4 : 3,000 W/m2
ข ้อที 351 :
ทรงกลมอลูมเิ นียมมีเสนผ่้ านศูนย์กลาง D = 2 m ดังรูป โดยการทําเป็ นสูญญากาศภายในและใชเป็ ้ นห ้องทดสอบ
การแผ่รังส ี ถ ้าผิวภายในเคลือบด ้วยผงถ่านดําที 327 °C จงหาค่า irradiation (G) บนผิวทดสอบเล็กๆ (A1) ทีวางในห ้อง
ทดสอบนี
1 : 7,348.3 W/m2
2 : 7,438.3 W/m2
3 : 7,514.9 W/m2
4 : 7,648.3 W/m2
ข ้อที 352 :
ถ ้าพลังงานรังสคี วามร ้อนตกกระทบบนวัตถุ คือ G = 2,200 W/m2 มีปริมาณรังสท
ี สะท
ี ้อนกลับ 450 W/m2 และมีการดูด
กลืนรังส ี 900 W/m2 จงหาค่าการผ่านทะลุ (transmissivity) ของวัตถุ
1 : 0.38
2 : 0.44
3 : 0.48
4 : 0.52
ข ้อที 353 :
ผิวอันหนึงมีคา่ spectral irradiation ดังรูป จงหาค่า total irradiation (G) ของผิวนี
1 : 10,000 W/m2
2 : 15,000 W/m2
3 : 20,000 W/m2
4 : 25,000 W/m2
ข ้อที 354 :
ข ้อใดคือคุณสมบัตข
ิ องวัตถุดํา (blackbody)
1 : ดูดรังสีตกกระทบทังหมดไว ้ ไม่มก ี ารสะท ้อนกลับ

2 : แผ่รังสีได ้มากกว่าวัตถุอนๆ
ื ทุกชนิดทีอุณหภูมแิ ละความยาวคลืนเดียวกัน
3 : แผ่รังสีออกโดยไม่ขนกั ึ บทิศทาง
ข ้อที 355 :
้ านศูนย์กลาง d และวางในพืนผิวปิ ดรูปครึงทรงกลม A3 ดังรูป ถ ้า d = 0.1D จงหาค่าวิวแฟคเตอร์ F1-3
พืนผิว A1 มีเสนผ่
1 : 0.1
2 : 0.4
3 : 0.7
4 : 1.0
ข ้อที 356 :
พืนผิวของทรงกลมร่วมศูนย์กลาง (concentric sphere) แสดงดังรูป โดยกําหนดให ้ R1 = (2/3)R2 จงหาค่าวิวแฟคเตอร์ F2-
1
1 : 0.333
2 : 0.444
3 : 0.545
4 : 1.000
ข ้อที 357 :
ผิวอันหนึงมีอณ
ุ หภูม ิ 500 K และค่า spectral emissive power ดังรูป จงหาค่า emissivity ของผิวนี
1 : 0.46
2 : 0.56
3 : 0.66
4 : 0.76
ข ้อที 358 :
พิจารณาการแผ่รังสข ึ นวัตถุดํา ให ้ A1 เป็ นพืนผิวเล็กมีคา่ เท่ากับ 0.05 m2
ี องพืนผิวปิ ด A1, A2 และ A3 ดังรูป ซงเป็
อุณหภูม ิ 1,200 K จงหาค่าอัตราการแผ่รังสส ี ท ึ อณ
ุ ธิของผิว A1 กับ A3 ซงมี ุ หภูม ิ 800 K ถ ้ากําหนดให ้ F13 = 0.877
1 : 4.14 kW
2 : 4.42 kW
3 : 4.68 kW
4 : 4.85 kW
ข ้อที 359 :
เตาเผาทรงกระบอกตังมีผวิ ภายในกําหนดดังรูปคือ A1 และ A2 คือผิวล่างและผิวบน สว่ น A3 คือผิวข ้าง ถ ้าให ้ H = D/2
และค่าวิวแฟคเตอร์ F12 = 0.38 จงหาค่าวิวแฟคเตอร์ F31
1 : 0.31
2 : 0.38
3 : 0.62
4 : 1.00
ข ้อที 360 :
วัตถุทรงกลมมีอณุ หภูมผ ี ผิ
ิ วิ 125 °C อัตราการถ่ายเทความร ้อนโดยการแผ่รังสท ี วมีคา่ 65 W ค่าสภาพการแผ่รังส ี
้
(emissivity) ของผิวมีคา่ 0.66 จงหาขนาดเสนผ่านศูนย์กลางของวัตถุนี
1 : 9.58 cm
2 : 12.25 cm
3 : 14.84 cm
4 : 15.07 cm
เนือหาวิชา : 407 : 6.Application หรือ Practical Used
ข ้อที 361 :
้ นของไหลทํางานทังคูใ่ นเครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบท่อซอนกั
นํ าถูกใชเป็ ้ น (double pipe heat exchanger) โดยนํ า
ร ้อนไหลเข ้าที 90 °C และ 10,000 kg/hr ในขณะนํ าเย็นไหลเข ้าที 10 °C และ 20,000 kg/hr ถ ้าค่า effectiveness ของ
เครืองนีเป็ น 60% จงหาอัตราความร ้อนทีนํ าเย็นได ้รับ ถ ้าสมมติวา่ ค่าความร ้อนจําเพาะ (Cp) ของนํ าคงทีและเท่ากับ 4.18
kJ/kg.K
1 : 518.4 kW
2 : 534.5 kW
3 : 557.3 kW
4 : 572.4 kW
ข ้อที 362 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนอันหนึงใชนํ้ ามันเครืองร ้อนเพือการอุน ่ นํ า นํ ามันเครืองไหลเข ้าที 140 °C และออกที 62 °C
สว่ นนํ าไหลเข ้าที 30 °C และออกที 70 °C โดยของไหลทังคูม ่ อ
ี ต
ั ราการไหลเท่ากัน อยากทราบว่าเครืองแลกเปลียนความ
ร ้อนแบบไหนสามารถทํางานได ้ภายใต ้เงือนไขนี
1 : แบบไหลสวนทางกัน (counterflow)
2 : แบบไหลตามกัน (parallel flow)
3 : ได ้ทังแบบไหลสวนทางกันและแบบไหลตามกัน
4 : ไม่สามารถเป็ นไปได ้ทังแบบไหลสวนทางกันและแบบไหลตามกัน
ข ้อที 363 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบท่อซอนกั ้ ้ อหล่อเย็นนํ ามันเครืองจากอุณหภูม ิ 160 °C ให ้เหลือ 60 °C โดยใชนํ้ า
น ใชเพื
เย็นทีอุณหภูม ิ 25 °C เป็ นตัวหล่อเย็นอัตราการไหลของของไหลทังคูเ่ ป็ น 2 kg/s เท่ากัน จงหาอุณหภูมท ิ ทางออกของนํ
ี า
เย็น
กําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของนํ ามันและนํ าเท่ากับ 2,263 J/kg.K และ 4,180 J/kg.K ตามลําดับ
1 : 74.19 °C
2 : 79.14 °C
3 : 84.19 °C
4 : 89.14 °C
ข ้อที 364 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบท่อซอนชนิ ้ ดไหลสวนทางกันใชเพื ้ อให ้ความร ้อนแก่นําที 0.8 kg/s จากอุณหภูมเิ ข ้า Tc,i
= 30 °C เป็ น Tc,o = 80 °C โดยใชนํ้ ามันร ้อนไหลเข ้าที Th,i = 120 °C และไหลออกที Th,o = 85 °C โดยเครืองนีมีคา่
สม ิ ธิการถ่ายเทความร ้อนรวม (U) = 125 W/m2.K จงหาพืนทีการถ่ายเทความร ้อนของเครือง
ั ประสท
กําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของนํ าเท่ากับ 4,180 J/kg.K
1 : 21.6 m2
2 : 24.3 m2
3 : 28.4 m2
4 : 31.6 m2
ข ้อที 365 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลสวนทางกันของของไหล 2 ชนิด ซงของไหลร ึ ้อนมีอณ
ุ หภูมเิ ข ้าและออกเป็ น 65 และ
่
40 °C สวนของไหลเย็นมีอณุ หภูมเิ ข ้าและออกเป็ น 15 และ 30 °C จงหาค่า effectiveness ของเครืองนี ถ ้าของไหลเย็นมี
ค่าความจุน ้อยทีสุด
1 : 0.25
2 : 0.3
3 : 0.35
4 : 0.4
ข ้อที 366 :
ในเครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตามกัน (parallel-flow, pf) และแบบไหลสวนทางกัน (counterflow, cf) ถ ้าให ้
อุณหภูมท ิ างเข ้าและทางออกของเครืองแลกเปลียนทังคูม
่ ค
ี า่ เหมือนกัน ค่าการถ่ายเทความร ้อน (Q) เหมือนกัน และค่า
ั ิ
สมประสทธิการถ่ายเทความร ้อนรวม (U) เหมือนกัน ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกียวกับพืนทีถ่ายเทความร ้อน (A) ของเครืองทัง
สองแบบ
1 : A,cf > A,pf

2 : A,cf < A,pf
3 : A,cf = A,pf
4 : ไม่มค
ี ําตอบใดถูก
ข ้อที 367 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนอันหนึงใชนํ้ ามันเครืองร ้อนเพือการอุน ึ ามันเครืองไหลเข ้าที 110 ºC และออกที
่ นํ าซงนํ
60 ºC นํ าไหลเข ้าที 40 ºC และออกที 70 ºC จงหาอัตราการไหลของนํ ามันเครืองถ ้านํ ามีอต
ั ราการไหลเท่ากับ 4 kg/s
กําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของนํ ามันและนํ าเท่ากับ 2,263 J/kg.K และ 4,180 J/kg.K ตามลําดับ
1 : 4.03 kg/s
2 : 4.23 kg/s
3 : 4.43 kg/s
4 : 4.63 kg/s
ข ้อที 368 :
้ นของไหลทํางานทังคูใ่ นเครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน (cross-flow heat exchanger) โดยนํ าร ้อน
นํ าถูกใชเป็
ไหลเข ้าที 90 °C และ 10,000 kg/hr ในขณะนํ าเย็นไหลเข ้าที 10 °C และ 20,000 kg/hr ถ ้าค่า effectiveness ของเครืองนี
เป็ น 60% จงหาอุณหภูมท ิ างออกของนํ าเย็น ถ ้าสมมติวา่ ค่าความร ้อนจําเพาะ (Cp) ของนํ าคงทีและเท่ากับ 4.18 kJ/kg.K
1 : 33.8 °C
2 : 34.1 °C
3 : 36.5 °C
4 : 37.4 °C
ข ้อที 369 :
ในการแลกเปลียนความร ้อนของหน่วยปรับคืนความร ้อน (gas-to-gas heat recovery unit) อากาศมีอณ ุ หภูมไิ หลเข ้าและ
ออกที 30 °C และ 260 °C ตามลําดับ โดยแก๊สไอเสยี ร ้อนมีอณ
ุ หภูมไิ หลเข ้าและออกที 400 °C และ 150 °C ตามลําดับ
ค่าความแตกต่างของอุณหภูมเิ ฉลียเชงิ ล็อค(LMTD)ทีเหมาะสมผ่านเครืองแลกเปลียนความร ้อนนี มีคา่ ประมาณเท่าไร
1 : 150 °C
2 : 140 °C
3 : 130 °C
4 : 120 °C
ข ้อที 370 :
้
นํ าเย็นไหลเข ้าเครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบท่อซอนไหลสวนทางกั นที 10 °C และ 8 kg/s โดยทีมีนําร ้อนไหลเข ้า
เครืองนีที 70 °C และ 2 kg/s ถ ้าสมมติวา่ ค่าความร ้อนจําเพาะ (Cp) ของนํ าคงทีและเท่ากับ 4.18 kJ/kg.K จงหาอัตราการ
ถ่ายเทความร ้อนสูงสุดทีจะทําได ้
1 : 491.6 kW
2 : 501.6 kW
3 : 511.6 kW
4 : 522.6 kW
ข ้อที 371 :
ถ ้าให ้ของไหล 3 ชนิด คือ อากาศ ปรอทและนํ ามันเครือง ซงมี ึ คา่ พลานท์นัมเบอร์ (Pr) = 0.7, 0.025 และ 1,500 ตามลําดับ
แต่ละอย่างให ้ไหลผ่านแผ่นผิวเรียบร ้อน (hot flat plate) อยากทราบว่าของไหลชนิดไหนจะให ้ค่าความหนาของชนช ั ด
ิ ผิว
ของความเร็ว (velocity boundary layer thickness) โตกว่าความหนาของชนช ั ดิ ผิวของความร ้อน (thermal boundary layer
thickness)
1 : อากาศ
2 : ปรอท
3 : นํ ามันเครือง
4 : เท่ากันทังสามของไหล
ข ้อที 372 :
ในการไหลผ่านแผ่นเรียบ ความสมั พันธ์ระหว่างความหนาของชนช ั ดิ ผิวของความเร็ว (velocity boundary layer thickness)
และ ความหนาของชนชั ดิ ผิวของความร ้อน (thermal boundary layer thickness) ขึนอยูก
่ บ
ั ค่าของตัวแปรใด
1 : เรย์โนลด์นัมเบอร์ (Re)
2 : นัสเซิลท์นัมเบอร์ (Nu)
3 : สัมประสิทธิความเสียดทาน (Cf)
4 : พลานท์นัมเบอร์ (Pr)
ข ้อที 373 :
้
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบท่อซอนไหลสวนทางกั น (counter flow) มีอณ
ุ หภูมข
ิ องไหลร ้อนทีทางเข ้าและออก
เท่ากับ 65 และ 40 °C ตามลําดับ และอุณหภูมข
ิ องไหลเย็นทีทางเข ้า 15 และทางออก 30 °C จงหาค่า Effectiveness ของ
เครืองแลกเปลียนความร ้อนนี ถ ้าของไหลเย็นมีคา่ อัตราความจุความร ้อน (heat capacity) น ้อยทีสุด
1 : 0.3
2 : 0.4
3 : 0.5
4 : 0.6
ข ้อที 374 :
้
เครืองแลกเปลียนความร ้อนท่อซอนแบบไหลสวนทางกั น (counter flow) มีนําร ้อนไหลเข ้าที 2.5 kg/s และอุณหภูม ิ 100
°C สว่ นนํ าเย็นไหลเข ้าที 5.0 kg/s และอุณหภูม ิ 20 °C มีคา่ ประสท
ิ ธิผล (effectiveness) = 0.8 อัตราการถ่ายเทความร ้อน
ทังหมดเท่ากับ 670 kW จงหาอุณหภูมท ิ างออกของนํ าร ้อนและนํ าเย็น โดยทีค่าความร ้อนจําเพาะ (Cp) ของนํ าเย็น =
4,178 J/kg.K และ นํ าร ้อน = 4,188 J/kg.K
1 : Tc,o = 42 °C, Th,o = 36 °C

2 : Tc,o = 52 °C, Th,o = 36 °C
3 : Tc,o = 42 °C, Th,o = 23 °C
4 : Tc,o = 52 °C, Th,o = 23 °C
ข ้อที 375 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน (cross-flow) นํ าร ้อนไหลเข ้าทีอุณหภูม ิ 90 °C อัตราการไหล 10,000 kg/h ใน
ขณะทีนํ าเย็นไหลเข ้าทีอุณหภูม ิ 10 °C อัตราการไหล 20,000 kg/h ถ ้าค่า effectiveness ของเครืองเป็ น 60% จงหา
อุณหภูมทิ างออกนํ าร ้อน โดยทีค่าความร ้อนจําเพาะของ นํ าเย็น, Cp,c = 4,179 J/kg.K และ นํ าร ้อน, Cp,h = 4,195 J/kg.K
1 : 30 °C
2 : 42 °C
3 : 49 °C
4 : 51 °C
ข ้อที 376 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนไหลตัดกัน (cross-flow) มีพนที ื ผิว 10 m2 โดยใชแก๊้ สไอเสยี ซงไหลเข
ึ ้าที 2 kg/s และ 325 °C
แลกเปลียนความร ้อนกับนํ าเย็นที 0.5 kg/s อุณหภูมท ิ างเข ้าและออกเท่ากับ 25 และ 150 °C ตามลําดับ จงหาค่า
ั ประสท
สม ิ ธิการถ่ายเทความร ้อนรวม (U) ถ ้าค่าตัวประกอบแก ้ไข (LMTD) F = 0.94 โดยทีค่า Cp ของนํ าและอากาศ
เท่ากับ 4,203 J/kg.K และ 1,040 J/kg.K ตามลําดับ
1 : 145.89 W/m2.K
2 : 150.36 W/m2.K
3 : 155.45 W/m2.K
4 : 160.28 W/m2.K
ข ้อที 377 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนถูกออกแบบเพือหล่อเย็นสารละลายเอททิลแอลกอฮอล์ (ethyl alcohol solution) ซงเอททิ ึ ล
แอลกอฮอล์ ไหลเข ้าที 8.7 kg/s มีอณุ หภูมเิ ข ้าและออกเป็ น 75 และ 45 °C ตามลําดับ โดยใชนํ้ าเป็ นสารหล่อเย็นไหลเข ้า
ที 9.6 kg/s และ 20 °C จงหาอุณหภูมท ิ างออกของนํ า
กําหนดให ้ Cp,h = 3,840 J/kg.°C, Cp,c = 4,180 J/kg.°C
1 : 43 °C
2 : 45 °C
3 : 47 °C
4 : 49 °C
ข ้อที 378 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนโดยของไหลร ้อน ไหลเข ้าที 10.0 kg/s มีอณ ุ หภูมเิ ข ้าและออก เป็ น 70 และ 40 °C ตามลําดับ
โดยใชนํ้ าเป็ นสารหล่อเย็นไหลเข ้าที 10.5 kg/s และ 20 °C จงหาอัตราการถ่ายเทความร ้อนทีให ้แก่นําเย็น
กําหนดให ้ Cp,h = 3,840 J/kg.°C, Cp,c = 4,180 J/kg.°C
1 : 1,002 kW
2 : 1,052 kW
3 : 1,152 kW
4 : 1,252 kW
ข ้อที 379 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบท่อซอนชนิ ้ ดไหลสวนทางกัน ใชเพื ้ อถ่ายเทความร ้อนจากนํ าร ้อนให ้แก่นําเย็น โดยนํ า
ร ้อนมีอณ
ุ หภูมเิ ข ้าและออกเท่ากับ 260 °C และ 140 °C ตามลําดับ และนํ าเย็นมีอณ
ุ หภูมเิ ข ้าและออกเท่ากับ 70 °C และ
125 °C จงหาความแตกต่างของอุณหภูมเิ ชงิ ล็อค (Logarithmic mean temperature difference, LMTD)
1 : 84 °C
2 : 89 °C
3 : 94 °C
4 : 99 °C
ข ้อที 380 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบท่อซอนชนิ้ ดไหลตามกัน ใชเพื้ อถ่ายเทความร ้อนจากนํ าร ้อนให ้แก่นําเย็น โดยนํ าร ้อนมี
อุณหภูมเิ ข ้าและออกเท่ากับ 260 °C และ 140 °C ตามลําดับ และนํ าเย็นมีอณ
ุ หภูมเิ ข ้าและออกเท่ากับ 70 °C และ 125 °C
จงหาความแตกต่างของอุณหภูมเิ ชงิ ล็อค (Logarithmic mean temperature difference, LMTD)
1 : 64.5 °C
2 : 68.9 °C
3 : 72.3 °C
4 : 76.7 °C
ข ้อที 381 :
ก๊าซไอเสย ี ร ้อนไหลเข ้าท่อมีครีบของเครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน (cross-flow) ที 300 °C และออกที 100
°C เพือใชให ้ ้ความร ้อนแก่นําอัดตัวที 1 kg/s จาก 35 °C เป็ น 125 °C จงหาอัตราการถ่ายเทความร ้อนสูงสุด (maximum
heat transfer rate)
กําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของก๊าซไอเสย ี และนํ าเท่ากับ 1,000 J/kg.°C และ 4,197 J/kg.°C ตามลําดับ
1 : 0.33 MW
2 : 0.48 MW
3 : 0.50 MW
4 : 0.63 MW
ข ้อที 382 :
ก๊าซไอเสยี ร ้อนไหลเข ้าท่อมีครีบของเครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน (cross-flow) ที 300 °C และออกที 100
°C เพือใชให้ ้ความร ้อนแก่นําอัดตัวที 1 kg/s จาก 35 °C เป็ น 125 °C ค่า U ถือตามพืนทีผิวด ้านก๊าซเป็ น 100 W/m2.°C
และ NTU = 2.1 จงหาพืนทีผิวถ่ายเทความร ้อนด ้านก๊าซ(Ah)
กําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของก๊าซไอเสย ี และนํ าเท่ากับ 1000 J/kg.°C และ 4197 J/kg.°C ตามลําดับ
1 : 33.8 m2
2 : 35.9 m2
3 : 39.7 m2
4 : 41.4 m2
ข ้อที 383 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน โดยมีคา่ U และพืนทีตามด ้านก๊าซเป็ น 100 W/m2.°C และ 40 m2 ตามลําดับ
ึ
โดยมีนําเย็นไหลเข ้าที 1 kg/s และ 35 °C แลกเปลียนกับก๊าซร ้อนซงไหลเข ้าที 1.5 kg/s และ 250 °C จงหาค่า NTU
กําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของก๊าซร ้อนและนํ าเท่ากับ 1,000 J/kg.°C และ 4,197 J/kg.°C ตามลําดับ (NTU =
UA/Cmin)
1 : 1.52
2 : 2.67
3 : 3.42
4 : 4.35
ข ้อที 384 :
ก๊าซไอเสย ี ร ้อนไหลเข ้าท่อของเครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน (cross-flow) ที 1.5 kg/s และ 250 °C เพือใช ้
ให ้ความร ้อนแก่นําอัดตัวทีอัตราการไหล 1 kg/s และ 35 °C จงหาอัตราการถ่ายเทความร ้อนของเครืองนี โดยทีค่า
effectiveness = 0.82 และกําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของก๊าซร ้อนและนํ าเท่ากับ 1,000 J/kg.°C และ 4,197 J/kg.°C
ตามลําดับ
1 : 0.185 MW
2 : 0.225 MW
3 : 0.265 MW
4 : 0.295 MW
ข ้อที 385 :
้ าให ้อากาศร ้อนในเครืองแลกเปลียนความร ้อน shell-and-tube และอากาศไหลใน shell
นํ ามันร ้อน (hot oil) ที 100 °C ใชทํ
ที 2.0 kg/s ค่าความร ้อนจําเพาะของอากาศเป็ น 1,009 J/kg.°C ถูกทําให ้ร ้อนจาก 20 เป็ น 80 °C ค่าความร ้อนจําเพาะของ
นํ ามันเป็ น 2,100 J/kg.°C และอัตราการไหลของนํ ามันเป็ น 3 kg/s จงหา Effectiveness
1 : 0.67
2 : 0.70
3 : 0.72
4 : 0.75
ข ้อที 386 :
้ าให ้อากาศร ้อนในเครืองแลกเปลียนความร ้อน shell-and-tube โดยนํ ามันไหลในท่อ 6 กลับ ไหล
นํ ามันร ้อน (hot oil) ใชทํ
เข ้าที 100 °C และออกที 80 °C อากาศไหลเข ้าใน shell เทียวเดียวที 2.0 kg/s และ 20 °C ถูกทําให ้ร ้อนเป็ น 80 °C จงหา
อัตราการไหลของนํ ามัน
กําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของอากาศและนํ ามันเท่ากับ 1,009 J/kg.°C และ 2,018 J/kg.°C ตามลําดับ
1 : 2.25 kg/s
2 : 2.5 kg/s
3 : 2.75 kg/s
4 : 3.0 kg/s
ข ้อที 387 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน (cross-flow) ถูกออกแบบเพือทําการหล่อเย็นนํ าร ้อน [Cp = 4,180 J/kg.°C]
ึ
ซงไหลเข ้
้าที 0.25 kg/s และ 90 °C โดยใชอากาศเป็ นตัวหล่อเย็น [Cp = 1,005 J/kg.°C] อากาศไหลเข ้าที 15 °C และ 2.0
ั ประสท
kg/s โดยทีค่าสม ิ ธิการถ่ายเทความร ้อนรวม (overall heat transfer coefficient) = 250 W/m2.°C จงหาพืนทีถ่ายเท
ความร ้อน โดยให ้ค่า NTU = 2.0
1 : 6.54 m2
2 : 8.36 m2
3 : 10.37 m2
4 : 12.25 m2
ข ้อที 388 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน (cross-flow) ถูกออกแบบให ้หล่อเย็นนํ าร ้อน [Cp = 4,180 J/kg.°C] ซงไหล ึ
้
เข ้าที 0.25 kg/s และ 90 °C โดยใชอากาศเป็ ึ
นตัวหล่อเย็น [Cp = 1,005 J/kg.°C] ซงไหลเข ้าที 15 °C และ 2.0 kg/s จง
คํานวณหาอุณหภูมน ิ ํ าทีทางออก ถ ้าค่า effectiveness = 0.72
1 : 36 °C
2 : 38 °C
3 : 40 °C
4 : 42 °C
ข ้อที 389 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน (cross-flow) ถูกออกแบบให ้หล่อเย็นนํ าร ้อน [Cp = 4,180 J/kg.°C] ซงไหลึ
้
เข ้าที 0.25 kg/s และ 90 °C โดยใชอากาศเป็ ึ
นตัวหล่อเย็น [Cp = 1,005 J/kg.°C] ซงไหลเข ้าที 15 °C และ 2.0 kg/s จง
คํานวณหาอุณหภูมอ ิ ากาศทีทางออก ถ ้าค่า effectiveness = 0.72
1 : 34.6 °C
2 : 37.5 °C
3 : 40.2 °C
4 : 43.1 °C
ข ้อที 390 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลสวนทางกัน (counter-flow) ถูกออกแบบให ้หล่อเย็นนํ ามัน [Cp = 2,000 J/kg.K] ซงึ
ไหลเข ้าที 2 kg/s และ 100 °C โดยใชนํ้ าเป็ นตัวหล่อเย็น [Cp = 4,170 J/kg.K] ซงไหลเข
ึ ้าที 20 °C และ 0.48 kg/s จง
คํานวณหาอุณหภูมน ิ ํ าทีทางออก ถ ้าค่า effectiveness = 0.82
1 : 81.3 °C
2 : 83.5 °C
3 : 85.6 °C
4 : 87.5 °C
ข ้อที 391 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลสวนทางกัน (counter-flow) ถูกออกแบบให ้หล่อเย็นนํ ามัน [Cp = 2,000 J/kg.K] ซงึ
ไหลเข ้าที 2 kg/s และ 100 °C โดยใชนํ้ าเป็ นตัวหล่อเย็น [Cp = 4,170 J/kg.K] ซงไหลเข
ึ ้าที 20 °C และ 0.48 kg/s
สม ิ ธิการถ่ายเทความร ้อนรวม (overall heat transfer coefficient) U = 400 W/m2.°C จงคํานวณหาพืนทีผิวทีมีการ
ั ประสท
ถ่ายเทความร ้อน โดยทีค่า NTU = 2.5
1 : 10.23 m2
2 : 12.51 m2
3 : 14.36 m2
4 : 16.56 m2
ข ้อที 392 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อน shell-and-tube ได ้ออกแบบเพือให ้ความร ้อนแก่นําซงไหลเข ึ ้าท่อที 1 kg/s และ 19 °C โดย
การผ่านนํ ามันเครืองร ้อนทีอุณหภูม ิ 90 °C ใน shell ของเครือง ถ ้าค่า effectiveness = 0.7 จงหาอุณหภูมน ิ ํ ามันทีออกจาก
เครือง
กําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของนํ ามันและนํ าเท่ากับ 2,100 J/kg.C และ 4,180 J/kg.°C ตามลําดับ
1 : 34.5 °C
2 : 36.8 °C
3 : 38.6 °C
4 : 40.3 °C
ข ้อที 393 :
ึ
เครืองแลกเปลียนความร ้อน shell-and-tube ได ้ออกแบบเพือให ้ความร ้อนแก่นําซงไหลเข ้าท่อที 1 kg/s และ 19 °C โดย
การผ่านนํ ามันเครืองร ้อนทีอุณหภูม ิ 90 °C ใน shell โดยพืนทีผิวการถ่ายเทความร ้อน(A) = 25.2 m2 และสม ั ประสท
ิ ธิการ
ถ่ายเทความร ้อนรวม (overall heat transfer coefficient) U = 250 W/m2.°C จงหาค่า NTU
กําหนดให ้ค่าความร ้อนจําเพาะของนํ ามันและนํ าเท่ากับ 2,100 J/kg.°C และ 4,180 J/kg.°C ตามลําดับ
1 : 1.8
2:2
3 : 2.2
4 : 2.4
ข ้อที 394 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตัดกัน ถูกออกแบบให ้หล่อเย็นนํ ามันเครืองร ้อน [Cp,h = 2,300 J/kg.°C] ซงไหลเข ึ ้า
ที 3.5 kg/s และ 85 °C และใชนํ้ าเป็ นตัวหล่อเย็น [Cp,c = 4,180 J/kg.°C] ไหลเข ้าที 4.9 kg/s และ 20 °C สม
ั ประสทิ ธิการ
ถ่ายเทความร ้อนรวมเท่ากับ 300 W/m2.°C จงหาพืนทีการถ่ายเทความร ้อนของเครือง ซงมี
ึ คา่ NTU = 2.3
1 : 58.1 m2
2 : 61.7 m2
3 : 63.9 m2
4 : 65.4 m2
ข ้อที 395 :
ถ่ายเทความร ้อนรวมเท่ากับ 300 W/m2.°C จงหาอุณหภูมน
ิ ํ ามันเครืองทีทางออก ถ ้าค่า Effectiveness = 0.68
1 : 36.9 °C
2 : 38.3 °C
3 : 40.8 °C
4 : 42.6 °C
ข ้อที 396 :
ถ่ายเทความร ้อนรวมเท่ากับ 300 W/m2.°C จงหาอุณหภูมน
ิ ํ าทีทางออก ถ ้าค่า Effectiveness = 0.68
1 : 35.1 °C
2 : 37.4 °C
3 : 39.6 °C
4 : 41.3 °C
ข ้อที 397 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลตามกัน ถูกออกแบบให ้หล่อเย็นของไหลร ้อน [Cp,h = 3,840 J/kg.°C] ซงไหลเข ึ ้าที
8.7 kg/s และ 75 °C ออกที 45 °C โดยใชนํ้ าเป็ นตัวหล่อเย็น [Cp,c = 4,180 J/kg.°C] ซงไหลเข
ึ ้าที 9.6 kg/s และ 15 °C
ิ ธิการถ่ายเทความร ้อนรวมเท่ากับ 500 W/m2.°C จงหาพืนทีถ่ายเทความร ้อน
ั ประสท
ออกที 40 °C สม
1 : 75.17 m2
2 : 80.28 m2
3 : 85.56 m2
4 : 90.68 m2
ข ้อที 398 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลสวนทางกัน ถูกออกแบบให ้หล่อเย็นของไหลร ้อน [Cp,h = 3,840 J/kg.°C] ซงไหล ึ
เข ้าที 8.7 kg/s และ 75 °C ออกที 45 °C โดยใชนํ้ าเป็ นตัวหล่อเย็น [Cp,c = 4,180 J/kg.°C] ซงไหลเข
ึ ้าที 9.6 kg/s และ 15
ิ ธิการถ่ายเทความร ้อนรวมเท่ากับ 500 W/m2.°C จงหาพืนทีถ่ายเทความร ้อน
ั ประสท
°C ออกที 40 °C ค่าสม
1 : 60.02 m2
2 : 61.85 m2
3 : 62.26 m2
4 : 63.14 m2
ข ้อที 399 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อนแบบไหลสวนทางกัน ใชเพื ้ อหล่อเย็นนํ ามันร ้อนซงไหลเข
ึ ้าที 120 °C ออกที 85 °C โดยใชนํ้ า
ึ
เป็ นตัวหล่อเย็น [Cp,c = 4,180 J/kg.°C] ซงไหลเข ้าที 0.8 kg/s และ 30 °C ไหลออกที 80 °C ถ ้าสมั ประสท
ิ ธิการถ่ายเท
ความร ้อนรวม 125 W/m2.°C จงคํานวณพืนทีผิวถ่ายเทความร ้อน
1 : 28.4 m2
2 : 30.5 m2
3 : 32.1 m2
4 : 34.3 m2
ข ้อที 400 :
เครืองแลกเปลียนความร ้อน shell-and-tube ใชเพื ้ อให ้ความร ้อนแก่นําซงไหลเข
ึ ้าที 0.7 kg/s และ 20 °C ไหลออกที 65 °C
โดยใน shell มีนํามันเครืองร ้อนไหลเข ้าที 120 °C และออกที 60 °C นํ านันจะไหลในท่อผนังบางจํานวน 10 ท่อทีมีเสน้
ผ่านศูนย์กลาง 25 mm ถ ้าค่า U = 400 W/m2.°C จงหาความยาวของท่อ โดยค่าความร ้อนจําเพาะของนํ ามันและนํ า
เท่ากับ 2,100 และ 4,197 J/kg.°C ตามลําดับ ค่าตัวประกอบแก ้ไข(LMTD), F=0.9
1 : 9.26 m
2 : 9.93 m
3 : 10.35 m
4 : 10.94 m

Heat Transfer

Uploaded by

Document Information

Copyright

Available Formats

Share this document

Share or Embed Document

Sharing Options

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Copyright:

Available Formats

Heat Transfer

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

4/6/2018 สภาวิศวกร

1 : Thermal contact resistance ทีผิวรอยต่อขึนอยูก

1 : ลดลงร ้อยละ 98.3

1 : กําแพง ทีมีหนามากเมือเทียบกับความสูงและความกว ้าง

1 : ท่อเส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน 0.2 เมตร ยาว 10 เมตร บรรจุนําร ้อนไหลภายใน

1 : ทรงกลมทีหนาน ้อยๆ เมือเทียบกับ เส ้นผ่านศูนย์กลางภายใน โดยมีลมธรรมชาติพัดความเร็วตําระบายความร ้อนอยูภ

1 : ตะกัว เหล็ก อลูมเิ นียม เงิน

1 : One – dimensional conduction

1 : Constant surface temperature

จงหาความต ้านทานความร ้อนรวม เมือ La = 2 m, ka = 0.2 W/m.k, A = 4 m2, Lb = 1 m, kb = 0.3 W/m.k

1 : ผนังทีทําจากอลูมิเนี ยมทีอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซี ยส

เนือหาวิชา : 403 : 2.การนํ าความร ้อนในหนึงมิตส

1 : ประมาณ 404 นาที

2 : ประมาณ 307 นาที

3 : ประมาณ 30.75 นาที

4 : ประมาณ 6.75 นาที

1 : ประมาณ 1.99 นาที

1 : Bi (Biot number) มีคา่ น ้อยกว่า 0.1

1 : ได ้ โดยที Bi (Biot number) มีคา่ 0.0139

1 : ได ้ โดยทีค่า Bi (Biot number) มีคา่ 0.0139

1 : ไม่ได ้ โดยทีค่า Bi (Biot number) ค่า0.0208

1 : สัดส่วนของการกระจายความหนืดและความร ้อนในเนือวัตถุทกํ ี าลังไหล

1 : ค่า Bi (Biot number) มีคา่ มากกว่า 0.1

1 : สัมประสิทธิการพาความร ้อนให ้แก่วต ั ถุลม

1 : ตัวแปร m เป็ นตัวแปรไร ้หน่วย

เนือหาวิชา : 404 : 3.การพาความร ้อนแบบบังคับ

1 : ค่าตัวเลขเรย์โนล (Reynolds number)

1 : การนํ าความร ้อน / การพาความร ้อน

1 : เป็ นของไหลประเภทนํ ามัน (oils)

1 : ค่าตัวเลขนัทเซล (Nusselt number) มีคา่ สูงในการไหลแบบราบเรียบ เมือเทียบกับการไหลแบบปั นป่ วน สําหรับการไหลทีมีรป

1 : การกระจายของอุณหภูมต ่ ความยาวท่อเป็ นเส ้นตรง

1 : ถ ้า a/b มีคา่ เพิมขึน ค่าตัวเลขนัทเซลมีคา่ ลดลง

1 : ค่า Hydraulic diameter = ab / (8a+8b)

1 : ค่าตัวเลขเรย์โนล (Reynolds Number) > 2100

1 : ของเหลวนัน มีความหนืดเพิมขึน และไหลด ้วยความเร็วลดลง ในขนาดหน ้าตัดท่อทีเท่าเดิม

1 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Prandtl number), Pr > 1

1 : ของไหลนันไหลในท่อกลมซึงมีอณุ หภูมขิ องผนังท่อคงทีและการไหลนันเป็ นแบบ Laminar และ Fully Developed

1 : เมือการไหลเป็ น Turbulent และของไหลนันได ้รับความร ้อนจากผนัง

1 : ค่าตัวเลขเรย์โนล (Reynolds number) = 500,000

1 : อากาศ, นํ า, ปรอท, นํ ามันเครือง

1 : ค่าตัวเลขของเรย์โนล (Reynolds Number) = 21,258

1 : ตรงมีคา่ เท่ากับ 0.768

1 : สําหรับการไหลแบบราบเรียบ (Laminar flow) ภายในท่อค่า Nusselt number มีคา่ คงที

4 : ใช ้ได ้เฉพาะกรณีผนังเรียบ (Smooth pipe) เท่านัน

1 : Logarithmic mean temperature difference

เนือหาวิชา : 405 : 4.การพาความร ้อนแบบอิสระ

1 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Pr) และค่าตัวเลขเรย์โนลด์ (Re)

2 : ค่าตัวเลขแกรชอฟ (Gr) และค่าตัวเลขเรย์โนลด์ (Re)

3 : ค่าตัวเลขพล ้าน (Pr) และค่าตัวเลขแกรชอฟ (Gr)

4 : ค่าตัวเลขเรย์เลย์ (Ra) และค่าตัวเลขเรย์โนลด์ (Re)

1 : สัมประสิทธิการพาความร ้อนแบบอิสระมีคา่ น ้อยกว่าสัมประสิทธิการพาแบบบังคับ

3 : การถ่ายเทความร ้อนในระบบการพาแบบอิสระมีคา่ น ้อยกว่าในการพาแบบบังคับ

1 : เมือ Gr/(Re.Re) << 1.0

2 : เมือ Gr/(Re.Re) >> 1.0

3 : เมือ Gr/(Re.Re) = 1.0

1 : Nu เป็ นอัตราส่วนของการพาความร ้อนต่อการนํ าความร ้อน

2 : ถ ้า Nu = 1 จัดเป็ น Pure Conduction

3 : Nu เป็ น สัมประสิทธิการพาความร ้อนไร ้มิต ิ

เนือหาวิชา : 406 : 5.การแผ่รังสีความร ้อน

1 : 6.416 x 106 W/m2

1 : 3.485 x 106 W/m2

1 : ดูดรังสีตกกระทบทังหมดไว ้ ไม่มก ี ารสะท ้อนกลับ

เนือหาวิชา : 407 : 6.Application หรือ Practical Used

1 : A,cf > A,pf