Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 69

กลอนดอกสร้อยรําพึงในป่ าช้า

พระยาอุ ปกิ ตศิ ลปสาร(นิ1 ม กาญจนาชี วะ)

Ø เกิ ดวั นที+ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๒


Ø ศึ กษาภาษาไทยเบื > องต้ นที + วั ดบางประทุ นนอกธนบุ รี
และวั ดประยู รวงศาวาส
Ø บวชที+ วัดสุ ทัศน์ เทพวราราม ศึ กษาพระธรรมวิ นัย
จนสอบได้ เปรี ยญ ๖ ประโยคและศึ กษาวิ ชาครู จน
เชี+ ยวชาญทางภาษาไทย ภาษาบาลี และวรรณคดี
โบราณ
Øนามปากกาเช่ น อ.น.ก. อุ นิกา อนึ ก คํ าชู ชี พ ม.ห.น.
Ø ถึ งแก่ กรรมวั นที + ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔
ผลงานของพระยาอุ ปกิ ตศิ ลปสาร

Ø เป็ นคนแรกที+ บั ญญั ติ คําทั กทายเมื + อแรกพบกั นว่ า "สวั สดี " ซึ+ งแปลว่ า สะดวก
สบายดี
Øเป็ นคนแรกที+ แต่ งตํ ารา "สยามไวยากรณ์ " หรื อตํ าราไวยากรณ์ ไทย ได้ สํ าเร็ จ
บริ บูรณ์ คื อมี ทั>ง อั กขรวิ ธี วจี วิภาค วากยสั มพั นธ์ และฉั นทลั กษณ์
Ø เป็ นนั กประพั นธ์ ไ ทยคนแรกที + อุทิศโครงกระดู กให้ แก่ มหาวิ ทยาลั ย
แพทยศาสตร์ ศิริ ราช โดยกล่ าวว่ า "ฉั นเป็ นครู ตายแล้ วขอเป็ นครู ต่อไป"
ที1 มาของเรื1 อง

Ø มาจากบทกวี นิพนธ์ เรื1 อง Elegy


Written in a Country Churchyard ของ
ทอมั ส เกรย์ (Thormas Gray)
ØElegy หมายถึ งโคลงที1 ก ล่ าวไว้ อาลั ย
หรื อครํ1 า ครวญถึ งผู้ ที1 จากไป แต่ เรื1 องนี d
หมายถึ งการรํ าพึ งเกี1 ยวกั บ ความตายของ
มนุ ษย์ เ พื1 อแสดงสั จธรรมของชี วิต
Ø พระยาอุ ปกิ ตศิ ลปสาร ได้ ประพั น ธ์
จากต้ นฉบั บ แปลของเสฐี ยรโกเศศ เป็น
กลอนดอกสร้ อยจํ านวน ๓๓ บท
เพี ยง 21 บท)
จุ ดประสงค์ ในการแต่ ง

ให้ แนวคิ ดและคติ


ธรรมที+ มุ่ งแสดงความ
จริ งเกี+ ยวกั บชี วิตมนุ ษย์
แผนผั งกลอนดอกสร้ อย
ข้ อบั งคั บ
๑.กลอนดอกสร้ อยบทหนึ + งมี ๔ คํ ากลอน หรื อ ๘ วรรค วรรคหนึ+ งใช้ คํ า ๖-๘ คํ า
๒. วรรคแรกขึ >นต้ น๔ คํ า คํ าที + ๑ กั บคํ าที+ ๓ ต้ องซํ >าคํ าเดี ยวกั น คํ าที + ๒ ต้ องเป็ น
คํ าว่ า " เอ๋ ย" ส่ วนคํ าที+ ๔ เป็ นคํ าอื+ นที+ รั บกั น เช่ น นั กเอ๋ ยนั กเรี ยน เด็ กเอ๋ ยเด็ กน้ อย
๓.กลอนดอกสร้ อยจะต้ อง ลงท้ ายด้ วยคํ าว่ า"เอย"เสมอ แต่ ถ้าเป็ นกลอนดอกสร้ อย
ในบทละครไม่ ต้องลงท้ ายด้ วยคํ าว่ าเอย
๔.การส่ งสั มผั สเหมื อนกลอนสุ ภาพ
แต่งคําประพันธ์ ประเภทกลอนดอกสร้ อย จํานวน ๑ บท
โดยให้ ใช้ คําขึDนต้ น ดังนีD
ความเอ๋ยความ…….
เกณฑ์ การให้ คะแนนแต่ งกลอนดอกสร้ อย
๑.ฉันทลักษณ์ ๓ คะแนน
๒.สํานวนโวหาร ๓ คะแนน
๓.ความคิด สร้ างสรรค์/ ๒ คะแนน
การนําไปใช้
๔.ตรงต่อเวลา ๒ คะแนน
รวม ๑๐ คะแนน
วั งเอ๋ ยวั งเวง หง่ างเหง่ ง!ยํ+ าคํ+ าระฆั งขาน
ฝู งวั วควายผ้ ายลาทิ วากาล ค่ อยค่ อยผ่ านท้ องทุ่ งมุ่ งถิ + นตน
ชาวนาเหนื + อยอ่ อนต่ างจรกลั บ ตะวั นลั บอั บแสงทุ กแห่ งหน
ทิ > งทุ่ งให้ มื ดมั วทั + วมณฑล และทิ > งตนตู เปลี+ ยวอยู่ เดี ยว เอย.
คํ าศั พท์
๑.ผ้ าย = เคลื+ อ นจากที+
๒.ทิ วากาล = เวลากลางวั น
ถอดคํ าประพั นธ์
เสี ยงระฆั งดั งหง่ างเหง่ งทํ า ให้ เ กิ ดความวั งเวงใจยิ+ งนั ก ในขณะที+ ฝูงวั วควายก็ เ คลื+ อน
จากท้ องทุ่ งเพื+ อมุ่ งกลั บถิ + นที+ อยู่ ของมั น ฝ่ ายพวกชาวนาทั >งหลายรู้ สึ กเหนื+ อ ยอ่ อนจากการทํ างาน
ต่ างพากั นกลั บถิ + นพํ านั กของตนเมื+ อตะวั นลั บ ขอบฟ้ าก็ ไม่ มีแสงสว่ า ง ทํ าให้ ท้ องทุ่ งมื ดไปทั+ ว
บริ เวณและทิ >งให้ ข้ าพเจ้ า(กวี )เปล่ าเปลี+ ยวอยู่ เพี ยงผู้ เดี ยว
ยามเอ๋ ยยามนี > ปถพี มืดมั ว ทั+ วสถาน
อากาศเย็ นเยื อ กหนาวคราววิ กาล สงั ดปานป่าใหญ่ ไร้ สํ าเนี ยง
มี ก็แต่ เสี ยงจั งหรี ดกระกรี ดกริ+ ง! เรไรหริ+ ง! ร้ องขรมระงมเสี ยง
คอกควายวัว รั วเกราะเปาะเปาะ ! เพี ยง รู้ ว่ าเสี ยงเกราะแว่ วแผ่ ว แผ่ ว เอย.
คํ าศั พท์
ปถพี แผ่ นดิ น
คราววิ กาล เวลากลางคื น
ถอดคํ าประพั นธ์
ยามนี > แผ่ นดิ นมื ดไปทั+ ว อากาศหนาวเย็ นยะเยื อก เพราะเป็ นเวลากลางคื น และป่า
ใหญ่ แห่ งนี >เงี ยบสงั ด มี แต่ เสี ยงจิ >งหรี ดและเรไร ร้ องกั นเซ็ งแซ่ ไปหมด เจ้ าของคอกวั วควายต่ างก็
รั ว เกราะเสี ยงเปาะๆ ทํ า ให้ รู้ ว่ าเป็ นเสี ยงเกราะดั งแว่ วมาแต่ ไกล
คํ าศัพ ท์
๑.นกแสก ชื + อนกชนิ ดหนึ+ งมั ก
อาศั ยตามต้ นไม้หรื อ
ชายคา
๒.แถกขวั ญ ทํ าให้ ตกใจ ทํ าให้
เสี ยขวั ญ
๓.ซ่ อง ที+ อยู่
ถอดคํ า ประพั นธ์
นกแสกร้ องแจ๊ กๆ เพื+ อทํ าให้ เสี ยขวั ญ มั นเกาะอยู่
บนหอระฆั งที+ มี เถาวั ลย์ พั นรุ งรั งมาถึ งหลั งคาและ
บดบั งแสงจั นทร์ อยู่ เหมื อนมั นจะฟ้ องดวงจั นทร์ ว่ า
ให้ หั นมาดู ผู้ คนที+ จมสู่ ที + อ ยู่ ที + มันรั ก ษาไว้ ซึ+ งถื อเป็ น
ที+ เฉพาะส่ วนตั วมานาน ทํ า ให้ มั นไม่ มี ความสุ ข
ต้ นเอ๋ ยต้ นไทร สู งใหญ่ รากย้ อยห้ อยระย้ า
และต้ นโพธิ o พ่ ุ มแจ้ แผ่ ฉายา มี เนิ นหญ้ าใต้ ต้ นเกลื + อนกล่ นไป
ล้ วนร่ างคนในเขตประเทศนี > ดุ ษณี นอนราย ณ ภายใต้
แห่ งหลุ มลึ กลานสลดระทดใจ เรายิ+ งใกล้ หลุ มนั >นทุ กวั น เอย.
คํ าศั พท์
แจ้ ลั กษณะของต้ นไม้ เตี >ยๆที+ มีกิ+ งทอด
แผ่ อ อกไปโดยรอบ
ฉายา เงา ร่ มไม้
ดุ ษณี อาการนิ+ งซึ+ งแสดงถึ งการยอมรั บ
ถอดคํ าประพั นธ์
ต้ นไทรใหญ่ ที+ มีรากห้ อยย้ อยและต้ น
โพธิo พุ่มเตี >ยๆที+ มีกิ+งทอดแผ่ ออกไปโดยรอบ มี
เนิ นหญ้ าอยู่ ใต้ ต้ นซึ + งเป็ นที + ฝังศพของชาวนา
ชาวไร่ ในละแวกนี > ซึ+ งนอนอยู่ ในหลุ มลึ ก ดู แล้ ว
น่ าสลดใจและตั วเราเองก็ เข้ าใกล้ หลุ มนั >นไป
ทุ กวั น
หมดเอ๋ ยหมดห่ วง หมดดวงวิ ญญาณลาญสลาย
ถึ งลมเช้ าชวยชื + นรื+ นสบาย เตื อนนกแอ่ นลมผายแผดสํ าเนี ยง
อยู่ ตามโรงมุ งฟางข้ างข้ างนั >น ทั >งไก่ ขั นแข่ งดุ เหว่ าระเร้ าเสี ยง
โอ้ เหมื อนปลุ กร่ างกายนอนรายเรี ยง พ้ นสํ าเนี ยงที+ จะปลุ กให้ ลุ ก เอย.
คํ าศั พท์
ลาญ แตกหั ก ทํ า ลาย
ผาย เคลื+ อ นจากที+
ถอดคํ าประพั นธ์
หมดห่ วงเนื+ องจากดวงวิ ญญาณได้ สลายไปแล้ ว ถึ งแม้ ลมยามเช้ าจะพั ดให้ สดชื+ น เตื อนให้ นก
แอ่ นลมแผดร้ องไปตามโรงนา ทั >งเสี ยงไก่ ขันและเสี ยงดุ เ หว่ าร้ องดั งเหมื อนจะปลุ กร่ า งกายที+ นอน
เรี ยงให้ ตื+ นขึ >น แต่ พวกนั >นกลั บไม่ ได้ ยิ น
ทอดเอ๋ ยทอดทิ >ง ยามหนาวผิ งไฟล้ อมอยู่ พร้ อมหน้ า
ทิ > งเพื + อนยากแม่ เหย้ าหาข้ าวปลา ทุ กเวลาเช้ าเย็ นเป็ นนิ รั นดร์
ทิ > งทั >งหนู น้อยน้ อยร่ อยร่ อยรั บ เห็ นพ่ อกลั บปลื >มเปรมเกษมสั นต์
เข้ ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ สารพั นทอดทิ >งทุ กสิ + ง เอย.
คํ าศั พท์

เกษมสั นต์ ชื+ นชมยิ น ดี

ถอดคํ าประพั นธ์


ยามหนาวเคยนั+ งผิ งไฟอยู่
พร้ อมหน้ ากั นแต่ กลั บมาทิ > งกั น
ทั >งเพื+ อนยาก แม่ เรื อ นที+ เคย
หุ งข้ าวปลาอาหารให้ ทานทุ กวั น
ต้ องทิ >งลู กที+ เคยกอดพ่ อด้ วยความ
ดี ใจเมื+ อพ่ อกลั บ บ้ าน ทิ >งหมดทุ ก
สิ+ งทุ กอย่ า ง
กองเอ๋ ยกองข้ าว กองสู งราวโรงนายิ+ งน่ าใคร่
เกิ ดเพราะการเก็ บเกี+ ยวด้ วยเคี ยวใคร ใครเล่ าไถคราดพื > นฟื>นแผ่ นดิ น
เช้ าก็ ขั บโคกระบื อถื อคั นไถ สํ าราญใจตามเขตประเทศถิ + น
ยึ ดหางยามยั กไปตามใจจิ นต์ หางยามผิ นตามใจเพราะใคร เอย.
คํ าศั พท์
หางยาม หางไถตอนที+ มือถื อ

ถอดคํ าประพั นธ์


เห็ นกองข้ าวสู งราวกั บ โรงนา ช่ าง
น่ ายิ นดี ยิ+งนั ก กองข้ าวนี >เกิ ดเพราะ
การเก็ บเกี+ ยวด้ วยเคี ยวของชาวนา
และเป็ น ผู้ ไถคราดพลิ กฟื>นฝื นแผ่ นดิ น
นี > ขึ>นมา ตอนเช้ าก็ ถือคั นไถพร้ อมกั บ
ไล่ ต้อนวั ว ควายอย่ างสบายใจอยู่ ใน
ท้ องนา โดยจั บ หางคั นไถไถนาไป
ตามใจของตน
ตั วเอ๋ ยตั วทะยาน อย่ าบั นดาลดลใจให้ ใฝ่ ฝั น
ดู ถูกกิ จชาวนาสารพั น และความครอบครองกั นอั นชื+ นบาน
เขาเป็ นสุ ขเรี ยบเรี ยบเงี ยบสงั ด มี ปวั ตติo เป็ นไปไม่ วิ ตถาร
ขออย่ าได้ เย้ ยเยาะพู ดเราะราน ดู หมิ + นการเป็ นอยู่ เพื + อนตู เอย.
คํ าศั พท์
ตั วทะยาน อยากมี ฐานะหรื อ
ภาวะสู ง ดี กว่ าที+ เป็ นอยู่
ปวั ตน์ ความเป็ นไป
วิ ตถาร นอกแบบ นอกทาง เกิ น
วิ สัยปกติ
ถอดคํ าประพั นธ์
ผู้ ที+ มีความทะเยอทะยาน ขออย่ า ได้
ดู ถูกการกระทํ าต่ างๆของชาวนาและความ
เป็ นอยู่ อั นเรี ยบง่ ายของพวกเขา เขาอยู่ อ ย่ าง
มี ความสุ ขแบบเรี ยบง่ าย โดยมี ความเป็ นไป
ไม่ เกิ นวิ สัยปรกติ ข องมนุ ษย์ ขอจงอย่ าไป
พู ดจาเยาะเย้ ยหรื อ ดู หมิ + นความเป็นอยู่ ของ
เขาเลย
คํ าศั พท์
อิ นทรี ย์, ขั นธ์ ร่ า งกาย
ถอดคํ าประพั นธ์
คนที+ มีชาติ ตระกู ลสู ง ทํ าให้ จิ ตใจ
ลํ าพองคิ ดว่ าตนมี ศักดิo ศรี เหนื อคนอื+ น คนที+ มี
อํ า นาจนํ าความสง่ างามมาให้ แก่ ชีวิต คนที+ มี
หน้ าตางดงามทํ าให้ คนอื+ นรั กใคร่ คนมี ฐานะ
รํ+ า รวยย่ อมหาความสุ ขได้ ทุ กอย่ าง แต่ ทุกคน
ต่ างก็ รอความแตกดั บของร่ างกายด้ วยกั น
ทั >งนั >น ชื+ อ เสี ยงเกี ยรติ ยศทั >งหมดนั >น ล้ วนจบลง
ด้ วยความตายกั นทั >งสิ >น
ตั วเอ๋ ยตั วหยิ+ ง เจ้ าอย่ าชิ งติ ซ ากว่ ายากไร้
เห็ นจมดิ นน่ าสลดระทดใจ ที + ร ะลึ กสิ+ งไรก็ ไม่ มี
ไม่ เหมื อนอย่ างบางศพญาติ ตบแต่ ง เครื+ องแสดงเกี ยรติ ยศเลิ ศประเสริ ฐศรี
สร้ างสานการบุ ญหนุ นพลี เป็ นอนุ สาวรี ย์สง่ า เอย.
คํ าศั พท์
พลี (พะ-ลี ) = การบู ชาบวงสรวง
ถอดคํ าประพั นธ์
ผู้ เย่ อหยิ+ งทั >งหลายขออย่ าตํ าหนิ ซ ากศพผู้ ยากไร้ เหล่ านี >เลย แม้ เห็ นจมดิ นน่ าสลดใจ ไม่ มี ของ
ประดั บอะไรสั กอย่ า งก็ ตามที ไม่ เหมื อ นอย่ า งบางศพที+ ญาติ ตบแต่ งด้ วยเครื+ องแสดงเกี ยรติ ยศ
อย่ างดี โดยมี การสร้ างอนุ สาวรี ย์สวยสง่ าเพื+ อเป็ นการบวงสรวงบู ชา
ร่ างเอ๋ ยร่ างกาย ยามตายจมพื >นดาษดื + นหลาม
อย่ าดู ถูกถิ + นนี >ว่าที + ทราม อาจขึ >นชื+ อลื อนามในก่ อนไกล
อาจจะเป็ นเจดี ย์ มีพระศพ แห่ งจอมภพจั กรพรรดิ กษั ตริ ย์ ใหญ่
ประเสริ ฐ ด้ วยสั ตตรั ตน์ จรั สชั ย ณ สมั ยก่ อนกาลบุ ราณ เอย.
คํ าศั พท์
สั ตตรั ตน์ แก้ ว ๗ ประการของจั กรพรรดิ มี ช้างแก้ ว นางแก้ ว ขุ นพลแก้ ว ขุ นคลั งแก้ ว
ม้ าแก้ ว แก้ วมณี จั กรแก้ ว
ถอดคํ าประพั นธ์
ร่ า งกายของคนทั >งหลายเมื+ อตายจะจมพื >นดิ นอยู่ เต็ ม ไปหมด ขอจงอย่ า ดู ถูกถิ+ นนี >ว่าไม่
ดี เพราะอาจเป็ นถิ+ นที + มีชื+อเสี ยงในอดี ตก็ เป็ นได้ อาจเป็ นพระเจดี ย์บรรจุ พระศพของ
พระมหากษั ตริ ย์ ผู้ยิ+งใหญ่ อั นประกอบด้ วยแก้ ว ๗ ประการของจั กรพรรดิ ในสมั ยโบราณนาน
มาแล้ ว
ความเอ๋ ยความรู้ เป็ นเครื + องชู ชี>ทางสว่ างไสว
หมดโอกาสที + จะชี >ต่อนี > ไป ละห่ วงใยอยากรู้ ลงสู่ ดิน
อั นความยากหากให้ ไร้ ศึ กษา ย่ นปั ญญาความรู้ อยู่ แค่ ถิ+น
หมดทุ กข์ ขลุ กแต่ กิจคิ ดหากิ น กระแสวิ ญญาณงั นเพี ยงนั > น เอย.
ถอดคํ าประพั นธ์
ความรู้ เป็ นเครื+ องชี >นํา ทางไปสู่ ความก้ าวหน้ าแต่ ตอนนี > หมดโอกาสที+ จะชี >นําทางต่ อ ไป
แล้ ว จํ าต้ องละความอยากรู้ ทั >งหมดลงไปสู ่ ความตาย ความยากจนทํ าให้ ไม่ ได้ รั บ
การศึ กษา ได้ รั บ วิ ชาความรู้ อยู่ เฉพาะในท้ องถิ+ นของตน ตอนนี > หมดทุ กข์ ที+ จะขลุ กอยู่ แต่ ในการ
ทํ ามาหากิ นเสี ยที เพราะวิ ญญาณของเราคงจะหยุ ดอยู่ เพี ยงเท่ า นี >
ดวงเอ๋ ยดวงมณี
มั กจะลี > ลับอยู่ ในภู ผา
หรื อใต้ ท้ องห้ องสมุ ทรสุ ดสายตา
ก็ เสื + อมซาสิ >นชมนิ ยมชน
บุ ปผชาติ ชูสีแ ละมี กลิ+ น
อยู่ ในถิ + นที + ไกลเช่ นไพรสณฑ์
ไม่ มีใครได้ เชยเลยสั กคน
ย่ อมบานหล่ นเปล่ าดายมากมาย เอย.
คํ าศั พท์
เปล่ าดาย ไร้ ประโยชน์
ไพรสณฑ์ ป่า
ถอดคํ าประพั นธ์
ดวงแก้ วหรื อสิ+ งที + มีค่ ามั กจะอยู่ ในที+ ลี >ลับ
เช่ นในภู เขาหรื ออยู่ ใต้ ท้ องสมุ ทรซึ+ งอยู่ สุด
สายตาของมนุ ษย์ ทํ าให้ กลายเป็ นสิ + งไร้ ค่ า
ไม่ มีผู้ ใดได้ ชื+ นชม เปรี ยบเสมื อนดอกไม้ ที + สี
สวยและกลิ+ นหอมที+ อยู่ ห่างไกลในป่ า ก็ ไม่ มี
ใครได้ เชยชมเลยสั กคน ย่ อมบานหล่ นไป
เปล่ าๆ อย่ างมากมายน่ าเสี ยดายเป็ นอย่ าง
ยิ+ ง
ซากเอ๋ ยซากศพ
อาจเป็ นซากนั กรบผู้ กล้ าหาญ
เช่ นชาวบ้ านบางระจั นขั นรํ าบาญ
กั บ หมู่ ม่านมาประทุ ษอยุ ธยา
ไม่ เช่ นนั >นท่ านกวี เช่ นศรี ป ราชญ์
นอนอนาถเล่ ห์ใบ้ ไร้ ภาษา
หรื อ ผู้ กู้ บ้ านเมื อ งเรื องปั ญญา
อาจจะมานอนจมถมดิ น เอย.
คํ าศั พท์
รํ า บาญ รบ
ม่ าน ชนชาติ พม่ า
ประทุ ษ ทํ าร้ าย

ถอดคํ าประพั นธ์


ซากศพทั >งหลายเหล่ านี >
อาจจะเป็ นซากศพของนั กรั บผู้
กล้ าหาญ เช่ น ชาวบ้ านบางระจั นที+
อาสาสู้ รบกั บกองทั พพม่ า ที+ มาทํ าลาย
กรุ งศรี อ ยุ ธยา หรื อ ศพท่ านกวี
ศรี ปราชญ์ ที + นอนนิ+ งไม่ พู ดไม่ จา หรื อ
ศพผู้ กู้ บ้ านเมื องอื+ นๆ ซึ + งอาจจะมา
สิ >นชี วิต ณ ที+ นี>
คํ าศั พท์
ฟู มฟาย สุ รุ่ยสุ ร่าย ใช้ จ่ ายเกิ นฐานะ

ถอดคํ าประพั นธ์


พวกมั กใหญ่ ใฝ่ สู งจะทํ าแต่ สิ+งที+ ตนใฝ่ ฝั นมุ่ ง
หมายไว้ และปิ ดปั งความจริ งบางอย่ างโดย
ไม่ เปิ ดเผยให้ ใครทราบ แม้ จะเป็ นสิ+ งที+ ไม่ มี
ใครอั บอาย มุ่ งแต่ แสดงให้ เห็ นรู ป ลั กษณ์
ภายนอกมี ว่าดี พู ดจาโอ้ อวดเพื+ อแสดง
ความมี เกี ยรติ สูงส่ งของตนให้ คนอื+ น
เห็ น เพื+ อเป็ นการปกปิ ดความเป็ นจริ งของ
ตนเองไว้
ห่ างเอ๋ ยห่ างไกล ห่ างจากพวกมั กใหญ่ ฝั กใฝ่ หา
แต่ สิ+งซึ+ งเหลวไหลใส่ อาตมา ความมั กน้ อยชาวนาไม่ น้อมไป
เพื + อนรั กษาความสราญฐานวิ เวก ร่ มชื >อเฉกหุ บเขาลํ าเนาไศล
สั นโดษดั บฟุ้ งซ่ านทะยานใจ ตามวิ สัยชาวนาเย็ นกว่ า เอย.
คํ าศั พท์
ชื >อ เย็ น ร่ ม ชื >น
สั นโดษ ความยิ นดี หรื อพอใจเท่ า ที + ตนมอยู่ หรื อ เป็ นอยู่ , มั กน้ อย
วิ เ วก ความเงี ยบสงั ด
ถอดคํ าประพั นธ์
ขอจงอยู่ ห่า งไหลจากพวกมั กใหญ่ ใฝ่ สู ง ซึ + งทํ าแต่ สิ+งเหลวไหลใส่ ตัวเอง โดยไม่ ดูความมั กน้ อย
ของชาวนาเป็ นตั วอย่ าง ฉะนั >นเพื + อรั กษาความสบายใจและควาสงบร่ มเย็ นเฉกเช่ นอยู่ ในหุ บเขา
ลํ าเนาไพร ควรถื อสั นโดษดั บความฟุ้ งซ่ านใจ ตามแบบของชาวนาไว้ จะดี กว่ า
ศพเอ๋ ยศพไพร่ ไม่ มีใครขึ >นชื+ อระบื อขาน
ไม่ เกรงใครนิ นทาว่ าประจาน ไม่ มีการจารึ กบั นทึ กคุ ณ
ถึ งบางที มี บ้างเป็ นอย่ างเลิ ศ ก็ ไม่ ฉู ดฉาดเชิ ดประเสริ ฐสุ นทร์
พอเตื อนใจได้ บ้ างในทางบุ ญ เป็ นเครื + องหนุ นนํ าเหตุ สังเวช เอย.
ถอดคํ าประพั นธ์
ศพของคนธรรมดาสามั ญ ไม่ มีใครเขายกย่ องหรื อ กล่ า วถึ งฉะนั >นจึ งไม่ ต้องไปเกรงกลั ว
ว่ า ใครเขาจะนิ นทา เพราะไม่ มีการเขี ยนจารึ กบั นทึ กคุ ณความดี ไว้ ถึ งจะมี บ้างก็ ไม่ เชิ ดชู กัน
อย่ างเต็ ม ที+ ทํ าพอเป็ นเครื+ องเตื อนใจถึ งคุ ณงามความดี หรื อเป็ นเครื+ องหนุ นนํ าเพื + อให้ เกิ ดความ
สั งเวชใจเท่ านั >น
ศพเอ๋ ยศพสู ง เป็ นเครื + องจู งจิ ตให้ เลื+ อมใสศานต์
จารึ กคํ าสํ านวนชวนสั กการ ผิ ดกั บฐานชาวนาคนสามั ญ
ซึ+ งอย่ างดี ก็ มีกวี เถื+ อน จากรึ กชื+ อปี เดื อนวั นดั บขั นธ์
อุ ทิศสิ + งซึ+ งสร้ างตามทางธรรม์ ของผู้ นั > นผู้ นี >แก่ ผี เอย.
คํ าศั พท์
กวี เถื+ อ น กวี ชาวบ้ าน คนที+ มีความรู้ ระดั บชาวบ้ าน
ถอดคํ าประพั นธ์
ศพของคนมี ชื+อเสี ยงเกี ยรติ ยศ มี การจารึ กคํ าสั กการะ ผิ ดกั บ ศพของชาวนาธรรมดา
ซึ + งอย่ า งดี ที+ สุดก็ มีแค่ กวี ชาวบ้ านซึ + งจะจารึ กเอาไว้ เพี ยงแค่ วันเดื อนปี ที+ ล่ว งลั บ เพื+ ออุ ทิศส่ วนกุ ศล
ให้ แก่ ผ้ ู ตาย
ดวงเอ๋ ยดวงจิ ต ลื มสนิ ทกิ จการงานทั > งหลาย
ย่ อมละชี พเคยสุ ขสนุ กสบาย เคยเสี ยดายเคยวิ ตกเคยปกครอง
ละทิ > งถิ+ นที+ สํ าราญเบิ กบานจิ ต ซึ+ งเคยคิ ดใฝ่ เฝ้ าเป็ นเจ้ าของ
หมดวิ ตกหมดเสี ยดายหมดหมายปอง ไม่ ผินหลั งเหลี ยวมองด้ วยซํ า> เอย.
ถอดคํ าประพั นธ์
ขอให้ ดวงจิ ตของเรา จงลื มกิ จการงานทั >งหลายที+ เคยสุ ขสนุ กสบาย เคยเสี ยดาย เคย
วิ ตกและเคยปกครอง ต้ องละถิ+ นที+ เคยให้ ความสุ ขสํ าราญบานใจ และฝั นใฝ่ อยากเป็ นเจ้ าของ
ขอจงหมดความวิ ตก หมดความเสี ยดายหมดสิ+ งที+ ปรารถนา โดนไม่ หันหลั งกลั บ ไปมองมั นอี ก
เลย
สั ทพจน์ เลี ยนเสี ยงระฆั ง

วั งเอ๋ ยวั งเวง หง่ างเหง่ ง!ยํ+ า คํ+ า ระฆั งขาน


ฝู งวั ว ควายผ้ ายลาทิ วากาล ค่ อยค่ อยผ่ า นท้ องทุ่ งมุ่ งถิ+ นตน
ชาวนาเหนื+ อยอ่ อนต่ างจรกลั บ ตะวั นลั บอั บแสงทุ กแห่ งหน
ทิ >งทุ่ งให้ มื ดมั วทั+ วมณฑล และทิ >งตนตู เปลี+ ยวอยู่ เ ดี ยว เอย.
เลี ยนเสี ยงจิ >งหรี ดเรไรและ
สั ทพจน์ การเคาะเกราะของชาวนา

ยามเอ๋ ยยามนี > ปถพี มืดมั ว ทั+ วสถาน


อากาศเย็ นเยื อ กหนาวคราววิ กาล สงั ดปานป่าใหญ่ ไร้ สํ าเนี ยง
มี ก็แต่ เสี ยงจั งหรี ดกระกรี ดกริ+ ง! เรไรหริ+ ง! ร้ องขรมระงมเสี ยง
คอกควายวัว รั วเกราะเปาะเปาะ ! เพี ยง รู้ ว่ าเสี ยงเกราะแว่ วแผ่ ว แผ่ ว เอย.

คํ าซํ dา
เลี ยนเสี ยงนกแสกซึ+ งเป็ น
สั ทพจน์
สั ญลั กษณ์ แห่ งความตาย

นกเอ๋ ยนกแสก จั บจ้ อ งร้ องแจ๊ กเพี ยงแถกขวั ญ


อยู่ บนยอดหอระฆั งบั งแสงจั นทร์ มี เถาวั ลย์ รุ งรั งถึ งหลั งคา
เหมื อนมั นฟ้ องดวงจั นทร์ ให้ ผั นดู คนมาสู่ ซ่องพั กมั นรั กษา
ถื อ เป็ นที+ รโหฐานนมนานมา ให้ เสื+ อมผาสุ กสั นต์ ของมั น เอย.

เปรี ยบเสี ยงร้ องของนกแสกยามเกาะ


อุ ป มา อยู่ บนหอคอยเหมื อนเสี ยงร้ องฟ้ อง
ดวงจั นทร์ ว่า มี คนมาบุ กรุ กที+ อ ยู่
ของมั น
ทอดเอ๋ ยทอดทิ >ง ยามหนาวผิ งไฟล้ อมอยู่ พร้ อ มหน้ า
ทิ >งเพื + อนยากแม่ เหย้ าหาข้ าวปลา ทุ กเวลาเช้ าเย็ นเป็ นนิ รันดร์
ทิ >งทั > งหนู น้อยน้ อยร่ อยร่ อยรั บ เห็ นพ่ อกลั บ ปลื >ม เปรมเกษมสั นต์
เข้ ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ สารพั นทอดทิ >งทุ กสิ+ ง เอย.

คํ าซํ dา
กองเอ๋ ยกองข้ าว กองสู งราวโรงนายิ+ งน่ า ใคร่
เกิ ดเพราะการเก็ บเกี1 ยวด้ วยเคี ยวใคร ใครเล่ าไถคราดพื dนฟื d นแผ่ นดิน
เช้ าก็ ขับโคกระบื อถื อ คั นไถ สํ าราญใจตามเขตประเทศถิ+ น
ยึ ดหางยามยั กไปตามใจจิ นต์ หางยามผิ นตามใจเพราะใคร เอย.

คํ าถามเพื + อให้ เกิ ดความระลึ กถึ ง


คํ าถามเชิ งวาทศิ ล ป์
บุ ญคุ ณของชาวนา ไม่ ได้ ต้ องการ
คํ าตอบ
เปรี ยบความรู้ เป็ นเครื+ องมื อชี >นํา
อุ ป ลั กษณ์
ทางไปสู่ อนาคต

ความเอ๋ ยความรู้ เป็ นเครื+ องชู ชี>ทางสว่ า งไสว


หมดโอกาสที+ จะชี > ต่อนี >ไป ละห่ วงใยอยากรู้ ลงสู่ ดิน
อั นความยากหากให้ ไร้ ศึกษา ย่ นปั ญญาความรู้ อยู่ แค่ ถ+ ิ น
หมดทุ กข์ ขลุ กแต่ กิจคิ ดหากิ น กระแสวิ ญญาณงั นเพี ยงนั > น เอย.
ห่ วงเอ๋ ยห่ วงอะไร ไม่ ยิ+งใหญ่ เท่ าห่ วงดวงชี วิต
แม้ คนลื มสิ+ งใดได้ สนิ ท ก็ ยังคิ ดขึ >นได้ เมื+ อใกล้ ตาย
ใครจะยอมละทิ >งซึ+ งสิ+ งสุ ข เคยเป็ นทุ กข์ ห่ว งใยเสี ยได้ ง่ า ย
ใครจะยอมละแดนแสนสบาย โดยไม่ ชายตาใฝ่ อาลั ย เอย.

คํ าถามเชิ งวาทศิ ล ป์ คํ าถามเพื + อให้ ระลึ กตามถึ งความห่ ว งของ


มนุ ษย์ ท+ ี ย่ อมห่ วงความสุ ขความสบายของ
ชี วิต ไม่ ได้ ต้ องการคํ าตอบ
คุณค่ าทางเนืDอหา
กลอนดอกสร้ อยรําพึงในป่ าช้ า
๑.แสดงแนวคิ ดหลั กเกี1 ยวกั บสั จธรรมของชี วิตตามกฎไตรลั กษณ์
ซึ1 งแสดงถึ งความเป็ นอนิ จจั งของชี วิตมนุ ษย์ ไม่ ว่าใครก็ หนี ความตายไม่ พ้ น จึ ง
ควรดํ าเนิ นชี วิตแบบรู้ จั กปล่ อยวาง ไม่ ยึดติ ดกั บสิ1 งใด เช่ น

บทที+ ๔
“แห่ งหลุ มลึ กลานสลดระทดใจ เรายิ+ งใกล้ หลุ มนั> นทุ กวั น เอย.”
บทที+ ๙
“วิ ถีแห่ งเกี ยรติ ยศทั >งหมดนั > น แต่ ล้วนผั นมาประจบหลุม ศพ เอย.”
๒.ผู้ แต่ งรู้ จั กเลื อกใช้ คํ าให้ เกิ ดความรู้สึกและอารมณ์ สะเทือนใจ
เกี1 ยวกั บชี วิต ความตาย ความเหงา ความวั งเวงใจ สั งเวชใจ ทํ าให้ ผู้ อ่าน
มี อารมณ์ ร่ วมไปกั บกวี เช่ น
วั งเอ๋ ยวั งเวง หง่ างเหง่ ง!ยํ+ า คํ+ า ระฆั งขาน
ฝู งวั ว ควายผ้ ายลาทิ วากาล ค่ อยค่ อยผ่ า นท้ องทุ่ งมุ่ งถิ+ นตน
ชาวนาเหนื+ อยอ่ อนต่ างจรกลั บ ตะวั นลั บอั บแสงทุ กแห่ งหน
ทิ >งทุ่ งให้ มื ดมั วทั+ วมณฑล และทิ >งตนตู เปลี+ ยวอยู่ เ ดี ยว เอย.

แสดงให้ เ ห็ นถึ งความรู้ สึ กว้ าเหว่ ของกวี ที+ถูกทอดทิ >งให้ อยู่ เพี ยงผู้ เดี ยว
ท่ ามกลางความมื ด
คุณค่ าทางสังคม
กลอนดอกสร้ อยรําพึงในป่ าช้ า

๑.การดั ดแปลงเนื d อหาให้ เ ข้ ากั บ สั งคมไทยเพื1 อให้ สามารถสื1 อความ
ให้ เข้ าใจได้ อย่ า งชั ดเจน เช่ น
• เปลี+ ยน จอห์ น แฮมเด็ น (นั กการเมื องท้ องถิ+ น) เป็ น ชาวบ้ า นบางระจั น
• เปลี+ ยน จอห์ น มิ ลตั น (กวี เอกของอั งกฤษ) เป็ นศรี ปราชญ์
• เปลี+ ยน โอลิ เวอร์ ครอมเวลล์ (นั กการทหารและนั กการเมื อง) เป็ น
ผู้ กู้ บ้านกู้ เมื อ ง
• เปลี+ ยน ต้ นเอล์ ม เป็ น ต้ นโพธิo
• เปลี+ ยน ต้ นไอวี+ เป็ น เถาวั ลย์
• เปลี+ ยน แมลงบี ตเทิ ล เป็ น จั งหรี ดเรไร
๒.แสดงถึ งค่ านิ ยมของคนในสั งคมไทยในอดี ตที1 ชอบความสงบ
เรี ยบง่ ายจึ งไม่ มี ความทะเยอทะยานอยากได้ ใคร่ มี ชี วิตมี สุขเพราะพึ งพอใจ
สิ1 งที1 ตนมี โดยยกชี วิตชาวนามาเป็นแบบอย่ างที1 มี ชีวิตเรี ยบง่ ายเพื1 อให้ คน
ไม่ ดูถูกชาวนา เช่ น
ตั วเอ๋ ยตั วทะยาน อย่ าบั นดาลดลใจให้ ใฝ่ ฝั น
ดู ถูกกิ จชาวนาสารพั น และความครอบครองกั นอั นชื+ นบาน
เขาเป็ นสุ ขเรี ยบเรี ยบเงี ยบสงั ด มี ปวั ตติo เป็ นไปไม่ วิตถาร
ขออย่ าได้ เย้ ยเยาะพู ดเราะราน ดู หมิ+ นการเป็ นอยู่ เพื+ อนตู เอย.
๓.แสดงถึ งความแตกต่ างทางฐานะในสั งคม โดยคนยากจนเช่ นชาวนา
เมื+ อตายไป ไม่ มีใครสนใจ แต่ ถ้าเป็ นคนมี เกี ยรติ ยศชื+ อเสี ยงเมื+ อ ตายจะมี การจั ดงานที+
ใหญ่ โต มี ผ้ ู คนมากราบไหว้ บู ช า ดั งเช่ น

“ศพเอ๋ ยศพไพร่ ไม่ มีใครขึ >นชื+ อ ระบื อขาน


ไม่ เกรงใครนิ นทาว่ า ประจาน ไม่ มีการจารึ กบั นทึ กคุ ณ”

“ศพเอ๋ ยศพสู ง เป็ นเครื+ องจู งจิ ตให้ เลื+ อมใสศานต์


จารึ กคํ าสํ านวนชวนสั กการ ผิ ดกั บฐานชาวนาคนสามั ญ”
ส่ งสมุดและหนังสื อ เรี ยน
ภายใน ๑๖.๐๐ น. วันศุกร์ ทีL ๑๙ กุม ภาพันธ์ ๒๕๕๙ (วันสุ ดท้าย)
โดยหนังสื อต้องทําเรืL องโคลงสุ ภาษิตตัRงแต่
การเรี ยนรู้ ทีL ๑ ๓ ๔ ๖ ๑๑ ๑๒ ๑๓๑๕ ๒๐ ๒๑ ๒๓ ๒๔ ให้ครบ
(๑๑๗-๑๓๗ เฉพาะกิจกรรมที Lกาํ หนด)
งานแต่ งกลอนดอกสร้ อย
ให้นกั เรี ย นพิมพ์กลอนดอกสร้อยที Lครู ตรวจและปรับแก้ให้แล้วลง
ในกระดาษ A4 แล้วหาภาพประกอบตกแต่งให้สวยงาม
(ทําคนละ ๑ แผ่น เย็บมาส่ งพร้อมต้นฉบับ)
(ทําในคอมพิวเตอร์ )
*ส่ งวันศุกร์ทีL ๑๙ กุม ภาพันธ์ ๒๕๕๙ ก่อน ๑๖.๐๐ น*
(คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)

คนทีMครู ให้ ปรับแก้ สามารถแก้ มาส่ งใหม่ได้ ภายใน


*๑๙ กุม ภาพันธ์ ๒๕๕๙*
**มิฉะนัRนจะให้คะแนนตามเดิม**
ขอบคุณสําหรับความตัRงใจณ

You might also like