Professional Documents
Culture Documents
ความรู้เกี่ยวกับยาเคมีบำบัด
ความรู้เกี่ยวกับยาเคมีบำบัด
ความ
ระยะของการแบ่งตัว เปลี่ยนแปลง ระยะเวลา
ที่เกิดขึ้น
ระยะ G0 หรื อ ระยะพัก เซลล์ส่วน ใช้ระยะเวลาตั้งแต่สองถึง
ใหญ่อยูใ่ น
(G0 phase or ระยะนี้นาน สามชัว่ โมงจนถึงสองถึง
ที่สุด เป็ น
resting stage) ระยะ สามปี แล้วแต่ชนิดของเซลล์
ที่ไม่มีการ
แบ่งตัว และ
เมื่อได้รับ
สัญญาณให้
มีการแบ่ง
เซลล์กจ็ ะ
เปลี่ยนเข้าสู่
ระยะ G1
ระยะ G1 (G1 phase) เซลล์จะเริ่ ม 18-30 ชัว่ โมง
สร้างโปรตีน
และมีขนาด
โตขึ้น
ระยะ S (S phase) เป็ นระยะที่มี 18-20 ชัว่ โมง
สร้างสาร
พันธุกรรมที่
เหมือน
กันเพิม่ อีก 1
ชุด
สาร
พันธุกรรม
และเตรี ยม
ความพร้อม
ใน
การแบ่งเซลล์
ระยะ M (M phase) เกิดการแบ่ง 30-60 นาที
เซลล์ออก
เป็ น 2 เซลล์
1. Alkylating agents
ประโยชน์ – ใช้ในการรักษามะเร็ งเม็ดเลือดขาว มะเร็ งผิวหนัง มะเร็ งปอด มะเร็ งเต้านม และมะเร็ งรังไข่เป็ นต้น
ทำให้เกิดมะเร็ ง เม็ดเลือดขาวได้โดยความเสี่ ยงแปรผันตามปริ มาณยาที่ผปู้ ่ วยได้รับ ซึ่งพบได้ในปี ที่ 5-10 หลังจากได้รับยา ยาใน
กลุ่มนี้ ได้แก่
- Nitrogen mustards เช่น Mechlorethamine (nitrogen mustard), chlorambucil, cyclophosphamide, ifosfamide และ melphalan -
Nitrosoureas เช่น streptozocin, carmustine และ lomustine
- Alkyl sulfonates เช่น busulfan
Ethylenimines เช่น thiotepa และ altretamine The platinum drugs เช่น cisplatin, carboplatin และ oxalaplatin
2. Antimetabolites
ประโยชน์ – ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ งหลายชนิด เช่น เม็ดเลือดขาว มะเร็ งเต้านม มะเร็ งรังไข่ มะเร็ งของระบบทางเดินอาหาร
เป็ นต้น
3. Anti-tumor antibiotics
ประโยชน์ – ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ งหลากหลายชนิด เช่น มะเร็ งเต้านม มะเร็ งเนื้ อเยือ่ อ่อน เป็ นต้น
4. Topoisomerase inhibitors
ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ ต่อเอ็นไซม์ในการสังเคราะห์สารพันธุกรรมเพื่อการแบ่งเซลล์
ประโยชน์ – ใช้ในการรักษามะเร็ งเม็ดเลือดขาว มะเร็ งปอด มะเร็ งรังไข่ มะเร็ งของทางเดินอาหาร และมะเร็ งอื่นๆ
5. Mitotic inhibitors
ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่
6. Corticosteroids (กลุ่มเสตียร์รอยด์)
ประโยชน์ – ใช้ในการรักษามะเร็ งต่อมน้ำเหลือง มะเร็ งเม็ดเลือดขาว และ มะเร็ งผิวหนังบางชนิด ใช้เพื่อป้ องการคลื่นไส้
อาเจียนและอาการแพ้ยาจากยาเคมีบำบัดตัวอื่น
7. ยาต้านมะเร็ งกลุ่มอื่นๆ
ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ Imatinib (Gleevec), Gefitinib (Iressa), Erlotinib(Tarceva), Sunitinib (Sutent), Bortezomib(Velcade)
- Estrogens
d) Immunotherapy สามารถแบ่งได้เป็ น
ร่ างกาย ได้แก่
Alemtuzumab (Campath)
- ชนิดของมะเร็ ง
- ระยะของโรคมะเร็ ง
- อายุ
- ภาวะสุ ขภาพ
- โรคประจำตัว
- ประวัติการรักษาโรคมะเร็ งในอดีต
ปริ มาณยาเคมีบำบัด
การคำนวณปริ มาณยาเคมีบำบัดสำหรับผูป้ ่ วยแต่ละรายขึ้นอยูก่ บั ชนิดของยาเคมีบำบัด ซึ่งมีวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน เช่น
คำนวณจากน้ำหนักตัวผูป้ ่ วย คำนวณจากพื้นที่ผวิ ร่ างกายของผูป้ ่ วย ซึ่งอาจต้องมีการปรับปริ มาณยาตามปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้
- อายุ
- ภาวะโภชนาการ
- ความอ้วน
- มีปริ มาณเม็ดเลือดต่ำ
- มีความผิดปกติของการทำงานของตับหรื อไต
ตารางการให้ยาเคมีบำบัด (cycle)
การปรับปริ มาณยาและตารางการให้ยาเคมีบำบัด
1. ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
2. ยาทา – เป็ นครี มหรื อโลชัน่ สำหรับทาผิวหนัง
3. ฉี ดเข้าทางหลอดเลือดดำ
4. ฉี ดเข้ากล้ามเนื้ อ
5. ฉี ดเข้าชั้นไขมันใต้ผวิ หนัง
6. ฉี ดเข้าหลอดเลือดแดง
7. ฉี ดเข้าไขสันหลัง
10. ฉี ดเข้าช่องท้อง
11. ฉี ดเข้ากระเพาะปัสสาวะ
- ต้องการให้ยาเคมีบำบัดหลายชนิดในเวลาเดียวกัน
- ระยะเวลาในการรักษานาน เพื่อลดการเจาะเลือดเพื่อให้ยาเคมีบำบัดทุกครั้งที่มารับยา
- ต้องได้ยาบ่อยๆ
- ต้องได้รับยาต่อเนื่องหลายวันในแต่ละรอบ
- สามารถป้ องกันการออกนอกเส้นเลือดของยาเคมีบำบัดซึ่งทำให้เกิดการทำลายผิวหนังและกล้ามเนื้ อบริ เวณดังกล่าว
การให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่
- ฉี ดเข้าหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็ ง
- ฉี ดเข้าสู่ช่องท้อง
- ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรม
- สามารถทำให้เกิดมะเร็ งชนิดอื่นตามมาได้
- ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังที่สมั ผัสยาโดยตรง
พยาบาลผูใ้ ห้ยาเคมีบำบัดต้องสวมใส่ แว่นตา ถุงมือ และเสื้ อเพื่อป้ องกัน และผูท้ ี่ทำการผสมยาจะต้องทำในที่ที่จดั เตรี ยมไว้เป็ น
ความปลอดภัยสำหรับผูป้ ่ วยและญาติ
- หากอาเจียนควรทำความสะอาดอย่างน้อยสองรอบ
- เสื้ อผ้าและผ้าปูที่นอนของผูป้ ่ วยควรซักด้วยเครื่ องซักผ้า 2 ครั้งด้วยน้ำอุ่น ไม่ควรซักร่ วมกับเสื้ อผ้าของผูอ้ ื่น และหากยังไม่
3. ผมร่ วง
เคล็ดลับการรับประทานอาหารสำหรับผูป้ ่ วยมะเร็ ง
5. การรับรู้รสชาติอาการเปลี่ยนไป
6. อาการเจ็บปากหรื อเจ็บคอ
7. อาการท้องผูก
8. อาการท้องเสี ย
- ระยะเวลาในการรักษานาน
- การติดเชื้อของทางเดินอาหาร
- อาหารเสริ ม
- การได้รับการฉายแสงร่ วมกับได้รับยาเคมีบำบัดพร้อมกัน
- แพ้อาหารหรื อแพ้นมวัว
- การปรับเปลี่ยนกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- ความเครี ยดและกังวล
ท้องเสี ยอาจมีผลรุ นแรงถึงชีวิตได้ หากเกิด ภาวะขาดน้ำ ขาดสารอาหาร และความไม่สมดุลของเกลือแร่ ในร่ างกาย ดังนั้นหากผู้
ป่ วยมีอาการท้องเสี ยควรแจ้งแพทย์หรื อพยาบาลเพื่อทำการรักษา หากเป็ นไม่มากให้ซ้ื อน้ำเกลือแร่ หรื อผลเกลือแร่ ละลายน้ำชง
ให้ผปู้ ่ วยทานได้
9. อ่อนเพลีย
10. ผลต่อการทำงานของหัวใจ
ยาเคมีบำบัดบางชนิดมีผลเสี ยต่อกล้ามเนื้ อหัวใจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็ นกลุ่ม Anthracyclines เช่น doxorubicin และ daunorubicin ซึ่ง
เกิดประมาณ 1 ใน 10 ของผูป้ ่ วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด ส่ งผลให้ประสิ ทธิภาพในการสูบฉี ดเลือดไปเลี้ยงส่ วนต่างๆ ของร่ างกายลด
ลง จนอาจก่อให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ซึ่งผูป้ ่ วยจะมีอาการบวมตามแขนขา หายใจลำบากเมื่อออกกำลังกายหรื อนอนราบ วิง
เวียนศีรษะ มีอาการใจสัน่ ไอแห้งๆ และมีความเสี่ ยงสูงในผูป้ ่ วยที่เคยได้รับการฉายรังสี ที่บริ เวณทรวงอก โรคความดันโลหิ ตสูง
ที่ควบคุมไม่ได้ ผูป้ ่ วยที่เป็ นโรคหัวใจอยูเ่ ดิม และสู บบุหรี่ โดยปกติหากแพทย์จำเป็ นต้องสัง่ ยาเคมีบำบัดที่มีผลต่อการทำงานของ
หัวใจ แพทย์จะทำการประเมินการทำงานหัวใจก่อนและระหว่างให้การรักษา โดยการตรวจคลื่นไฟฟ้ าหัวใจ การตรวจดูการบีบ
ตัวของกล้ามเนื้ อหัวใจ หากพบว่าการทำงานของหัวใจเริ่ มมีความ ผิดปกติไปก็จำเป็ นที่ตอ้ งหยุดให้ยาเคมีบำบัด ดั้งนั้นหากผูป้ ่ วย
มีอาการใจสัน่ หายใจตื้น แขนขาบวม ควรแจ้งแพทย์ผรู้ ักษาทราบโดยทันที
11. ผลต่อระบบประสาท
12. ผลต่อความคิดและความจำ
13. ผลต่อระบบทางเดินหายใจ
ยาเคมีบำบัดบางชนิด เช่น Bleomycin มีผลทำลายเนื้อเยือ่ ปอด ซึ่งมีความเสี่ ยงสูงในผูป้ ่ วยที่สูบบุหรี่ เคยได้รับการฉายรังสี บริ เวณ
ทรวงอก, การให้ยาเคมีบำบัดพร้อมกับการฉายรังสี หรื อผูป้ ่ วยสูงอายุ โดยผูป้ ่ วยจะมีอาการหายใจตื้น ไอแห้งๆ อาจมีไข้ หาก
สามารถหยุดยาเคมีบำบัดได้ต้ งั แต่ช่วงแรกของการถูกทำลายปอด สามารถกลับมาเป็ นปกติได้ แต่หากเนื้อเยือ่ ปอดส่ วนที่ถูก
ทำลายกลายเป็ นแผลเป็ นแล้วก็จะไม่สามารถกลับเป็ นปกติได้ ดังนั้นผูป้ ่ วย ที่มีอาการดังกล่าวข้างต้นควรแจ้งให้แพทย์ที่ทำการ
รักษาทราบโดยเร็ ว แพทย์จะทำการประเมินประสิ ทธิภาพของปอด โดยการเจาะ เลือดเพื่อดูระดับออกซิเจนในหลอดเลือดแดง
หรื อการทดสอบอื่นๆ
ผลต่อระบบสื บพันธุ์เพศชาย
- ยาเคมีบำบัดบางชนิดทำให้ความต้องการทางเพศลดลงและอวัยวะเพศไม่แข็งตัว เนื่องจากไปยับยังการผลิตฮอร์โมนเพศชาย
ซึ่งรวมถึงยารักษาอาการคลื่นไส้อาเจียนบางกลุ่มก็ออกฤทธิ์ เช่นเดียวกันโดยอาการทั้งหมดจะหายเมื่อสิ้ นสุ ดการรักษา
- ยาเคมีบำบัดอาจมีผลต่อการสร้างตัวอสุ จิซ่ ึงมีท้ งั แบบชัว่ คราวและถาวร ดังนั้นหากผูป้ ่ วยต้องการมีบุตรในภายหลังอาจพิจารณา
นำตัวอสุ จิออกมาแช่แข็งภายนอกร่ างกายก่อนได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
ผลต่อระบบสื บพันธุ์เพศหญิง
15. ผลต่อตับ
ปัญหาในระยะยาวจากการได้รับยาเคมีบำบัด
1. ความผิดปกติของอวัยวะภายใน
2. พัฒนาการช้าในเด็กที่ได้รับยาเคมีบำบัด
3. ผลต่อระบบประสาท
4. ปัสสาวะมีเลือดปน
5. เกิดมะเร็ งของอวัยวะอื่น
- ผลการตรวจทางพยาธิวิทยา
- รายการการผ่าตัด
- รายงานสรุ ปหากเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
- รายการยาและขนาดยาที่ได้รับ
- รายละเอียดของการฉายรังสี
- ผูป้ ่ วยต้องได้รับยาเคมีบำบัดบ่อยแค่ไหน
- ผูป้ ่ วยต้องได้รับยาเคมีบำบัดต่อเนื่องนานเท่าไร
- มีวิธีอย่างไรบ้างในการป้ องกันผลข้างเคียงจากการได้รับยาเคมีบำบัด
- มีกิจกรรมอะไรบ้างที่ผปู้ ่ วยควรและไม่ควรทำ
- ผลข้างเคียงในระยะยาวมีอะไรบ้าง