แปลเนื้อหาพระเวสสันดร

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 124

บทที่ ๓ เรื่องที่ ๒

มหาเวสสันดรชาดก
กัณฑ์มัทรี
วรรณคดีวิจักษ์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
ครูพตี่ ี่ต๋ี – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ประวัติผู้แต่ง

เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ประวัติผู้แต่ง
- นามเดิม หน
- เป็นหลวงสรวิชติ นายด่านเมืองอุทัยธานี
- มีส่วนช่วยในการระงับเหตุจลาจลในบ้านเมือง ในสมัย ร. ๑
- ได้เลื่อนยศ เป็น พระยาพระคลัง
- ตาแหน่งสุดท้าย เจ้าพระยาพระคลัง คุมกิจการหัวเมือง
ชายทะเลทั้งหมด
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ประวัติผู้แต่ง
- ผลงาน เช่น สามก๊ก ราชาธิราช กากีคากลอน
มหาเวสสันดรกัณฑ์มัทรีและกัณฑ์กุมาร
- ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๘
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

รูปแบบคาประพันธ์
มหาเวสสันดรชาดกแต่งด้วยร่ายยาว มีแบบแผนการแต่ง
คือ ขึ้นต้นกัณฑ์ด้วยจุณณียบท เป็นคาถาบาลีสนั้ ๆ สรุป
ใจความของเนื้อเรื่องของกัณฑ์นั้นๆ ดาเนินความด้วยร่ายยาว
บางตอนที่สาคัญก็จะแทรกพระคาถาบาลีไว้ด้วย บางครั้งแทรก
ความเรียงร้อยแก้ว กลบท กลอนพื้นบ้าน
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

รูปแบบคาประพันธ์

ร่ายยาว
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

รูปแบบคาประพันธ์
- จานวนคาในแต่ละวรรคไม่จากัด จะมากเท่าไหร่ก็ได้แต่
ไม่ควรน้อยกว่า ๕ คา ที่นิยมคือ ๘ – ๑๕ คา
- การส่งสัมผัส คาสุดท้ายของวรรคหน้า ส่งไปที่คาใดก็
ได้ของวรรคต่อๆ ไป แต่ยกเว้นคาสุดท้าย
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

มหาเวสสันดรชาดก
เวสสันดรชาดกนี้เป็นเรื่องใหญ่ จัดรวมไว้ใน
มหานิบาตชาดกรวมเรื่องใหญ่ ๑๐ เรื่องที่เรียกกันว่า
ทศชาติ แต่อีก ๙ เรื่องไม่เรียกว่ามหาชาติคงเรียกแต่
เวสสันดรชาดกเรื่องเดียวว่ามหาชาติ
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ชาดก
ชาดก เป็นคาภาษาบาลี มาจากคาว่า ชาตะ แปลว่า
ผู้เกิดแล้ว ซึ่งหมายถึงเรื่องราวของพระพุทธเจ้าที่เกิด
เป็นพระโพธิสัตว์บาเพ็ญบารมีต่าง ๆ เมื่อจะตรัสรู้เป็น
พระพุทธเจ้า
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ชาดก
ชาดกมี ๒ ประเภท คือ
๑. นิบาตชาดก เป็นส่วนหนึ่งของพระไตรปิฎก เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า
เล่าโดยย่อ มี ๒๒ นิบาตโดยเรียกชื่อตามจานวนคาถาในนิบาต เช่น
- คัมภีร์นิทานคาถาเดียว เรียก เอกนิบาตชาดก
- คัมภีร์นิทานสองคาถา เรียก ทุกนิบาตชาดก
- คัมภีร์นิทานห้าคาถา เรียก ปัญจกนิบาตชาดก
- คัมภีร์นิทานที่เกิน ๘๐ คาถา เรียก มหานิบาตชาดก
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ชาดก
๒. ปัญญาสชาดก (ชาดก ๕๐ เรื่อง) เป็นชาดกนอกนิบาต
ซึ่งพระภิกษุชาวเชียงใหม่ชื่อ พระสิริมังคลาจารย์รวบรวม
แต่งเป็นภาษามคธเมื่อ ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว ปัญญาสชาดกมี
อิทธิพลต่อวรรณคดีไทยหลายเรื่องในด้านการเป็นที่มาของเรื่อง
เช่น เสือโคคาฉันท์ สังข์ทอง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ชาดก
โครงสร้างนิทานชาดก
๑. บทบูชาพระรัตนตรัย
๒. บทนาเรื่องกล่าวถึงพระสงฆ์สาวกเกิดความสงสัย และทูล
อาราธนาให้พระพุทธเจ้าทรงเล่า
พระองค์ก็ทรงแสดงชาดกตามควรแก่เหตุ ( ปรารภนิทาน )
๓. ตัวนิทาน เป็นเรื่องนิทานที่พระพุทธเจ้าทรงเล่าโดยแทรก
ธรรมะไว้ในเรื่อง ( อดีตนิทาน )
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ทศชาติ
ทศชาติ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ทรง
เสวยพระชาติ ๑๐ ชาติ และทรงบาเพ็ญทศบารมี ดังนี้
๑. พระเตมีย์ บาเพ็ญเนกขัมบารมี คือ การออกบวช
๒. พระมหาชนก บาเพ็ญวิรยิ ะบารมี คือ ความเพียร
๓. พระสุวรรณสาม บาเพ็ญเมตตาบารมี คือ เมตตา
๔. พระเนมิราช บาเพ็ญอธิษฐานบารมี คือ ความตั้งใจมั่น
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ทศชาติ
๕. พระมโหสถ บาเพ็ญปัญญาบารมี คือ ปัญญา
๖. พระภูริทัต บาเพ็ญศีลบารมี คือ ศีล
๗. พระจันทรกุมาร บาเพ็ญขันติบารมี คือ ความอดทน
๘. พระนารถ บาเพ็ญอุเบกขาบารมี คือ การวางตัวเป็นกลาง
๙. พระวิทูร บาเพ็ญสัจจบารมี คือ สัจจะ
๑๐.พระเวสสันดร บาเพ็ญทานบารมี คือ การให้
“เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว”
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๑. กัณฑ์ทศพร กล่าวถึงเทศนาอุบัติเหตุ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จ
กลับกรุงกบิลพัสด์ ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์แก่พระประยูรญาติ
แล้วเกิดฝนโบกขรพรรษตก ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่พระสงฆ์ว่าใน
อดีตชาติ ได้เคยเกิดฝนโบกขรพรรษตกมาแล้ว พระองค์จึงทรงเล่า
เรื่องว่า พระนางผุสดี พระธิดาพระเจ้ากรุงมัทราชผู้ได้พร ๑๐ ประการ
จากพระอินทร์
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

๑. ขอให้ได้อยู่ในปราสาทของพระเจ้านครสีพี
๒. ขอให้มีจักษุดา (ดาเหมือนตาลูกกวาง)
๓. ขอให้มีคิ้วดา
๔. ขอให้มีนามว่า ผุสดี
๕. ขอให้มีพระโอรสที่มีเกียรติยศและใฝ่ในทางทาน
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

๖. เมื่อทรงครรภ์ ขออย่าให้ครรภ์นูน
๗. ขอให้มีถันงาม (แม้จะอายุมาก)
๘. ขอให้มีเกศาดาสนิท
๙. ขอให้มีผิวงาม
๑๐. ขอให้ทรงอานาจปลดปล่อยนักโทษได้
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

ขณะที่ฝนโบกขรพรรษตก
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

พระอินทร์ประทานพรทางผุสดี
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๒. กัณฑ์หิมพานต์ พระนางผุสดีได้อภิเษกกับพระเจ้าสญชัย
แห่งแคว้นสีพี เมื่อพระครรภ์แก่ได้เสด็จประพาสพระนค แล้วประสูติ
พระโอรสที่ตรอกพ่อค้า จึงได้ช่อื ว่า เวสสันดร ในวันที่ประสูติ
นางช้างฉัททันต์ได้นาลูกช้างเผือกมาไว้ในโรงช้างต้น ประชาชนตั้งชื่อ
ให้ว่า ปัจจัยนาเคนทร์
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
พระเวสสันดรบริจาคทานอยู่เสมอ เมื่อพระชนมายุ ๑๖พรรษา
ได้อภิเษกกับพระนางมัทรี มีพระโอรสคือพระชาลี และพระธิดาคือ
พระกัณหา เมืองกลิงคราษฎร์ เกิดแห้งแล้ง พราหมณ์ ๘ คนจึงมาทูล
ขอช้างปัจจัยนาเคนทร์ พระเวสสันดรก็พระราชทานให้ ทาให้
ประชาชนโกรธแค้นและขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกจากเมือง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

พราหมณ์ทูลขอช้าง
ปัจจัยนาเคนทร์
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๓. กัณฑ์ทานกัณฑ์ พระเวสสันดรได้บริจาค สัตตสดกมหาทาน
คือบริจาค ช้าง ม้า รถ โคนม สนม ทาสหญิง ทาสชาย อย่างละ
๗๐๐ แล้วพระองค์พร้อมกับพระมัทรี พระชาลี พระกัณหา ก็เสด็จ
ออกจากเมือง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

พระเวสสันดร นางมัทรีและลูกทั้งสองเดินทางไปเขาวงกต
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๔. กัณฑ์วนปเวศน์ เมื่อเสด็จมาถึงเมืองของกษัตริย์เจตราษฎร์
พระเวสสันดรได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเสด็จออกผนวช ณ เขาวงกต
กษัตริย์เจตราษฎร์จงึ สั่งให้พรานเจตบุตรไปคอยดูแลต้นทางขึ้นเขา
วงกตไม่ให้ใครทาอันตรายพระเวสสันดรได้
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๕. กัณฑ์ชูชก พราหมณ์เฒ่าชื่อ ชูชก มีอาชีพขอทานจนเก็บเงิน
ได้ร่ารวย ก็นาเงินไปฝากเพื่อนพราหมณ์สองสามีภรรยา เมื่อกลับมา
ขอรับคืนพราหมณ์สามีภรรยาไม่มีเงินคืนให้ จึงยกนางอมิตดา
บุตรสาวให้เป็นภรรยา นางอมิตดาดูแลปรนนิบัติชูชกอย่างดี
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
จนกระทั่งบรรดาพราหมณ์ในหมู่บ้านอิจฉาแล้วไปทุบตี
ภรรยาตนเองที่ไม่สามารถทาได้เหมือนนางอมิตดา ภรรยาพราหมณ์โกรธ
แค้นก็ไปด่าว่านางอมิตดา นางจึงขอร้องให้ชูชกจ้างทาสมาทางานแทนนาง
โดยให้ไปขอสองกุมารจากพระเวสสันดร ชูชกออกเดินทางไปเขาวงกต
ถูกสุนัขของพรานเจตบุตรไล่งับจนต้องหนีขึ้น ไปอยู่บนต้นไม้ พรานเจตบุตร
จะฆ่าชูชก แต่ชูชกหลอกว่าเป็นราชทูตจากกรุงสีพี
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

ชูชกหนีสุนัขของนายพราน
ขึน้ ไปบนต้นไม้
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๖. กัณฑ์จุลพน พรานเจตบุตรจึงปล่อยให้ชูชกขึ้นเขาได้โดยชี้บอกทาง
ให้ด้วย
๗. กัณฑ์มหาพน ชูชกเดินไปตามทางที่บอก ไปพบกับ พระอัจจุต
ฤาษี ซึ่งเข้าใจผิดว่าชูชกจะมาสนทนาธรรมกับ พระเวสสันดรในฐานะ
เพื่อนเก่า จึงบอกทางให้ขึ้นไป
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

ชูชกไปถามทางกับพระฤาษี
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๘. กัณฑ์กุมาร พระมัทรีฝันร้าย จึงไปขอให้พระเวสสัดรทานายฝัน แต่
พระเวสสันดรตอบว่าเป็นความฝันที่เกิดจากธาตุโขภชูชกรอให้พระมัทรีเข้า
ป่าไปหาผลไม้ก่อน จึงเข้าไปทูลขอสองกุมารสองกุมารไม่อยากจากไป จึงได้
แอบหลบในสระบัว แต่สุดท้าย พระเวสสันดรได้โน้มน้าวและชี้แจงให้สอง
กุมารเห็นความสาคัญที่พระบิดาจะต้องบรรลุพระโพธิญาณ จึงยอมให้ชูชก
นาตัวไปอย่างทรมาน
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

พระเวสสันดรเรียกกัณหาและ
ชาลีให้ขึ้นมาจากสระบัว
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๙. กัณฑ์มัทรี พระนางมัทรีเมื่อเสด็จออกป่า พระนางทรงกังวลถึงสอง
กุมาร ในเวลาเย็นก็รีบเสด็จกลับ ระหว่างทางพบเทพยดาจาแลงกายเป็น
ราชสีห์ เสือโคร่ง เสือเหลือง นอนขวางทาง จนย่าค่าจึงหลีกทางให้นางเดิน
พระนางรีบกลับมาถึงอาศรม เมื่อไม่เห็นกัณหา ชาลี พระนางก็ทูลถามพระ
เวสสันดร แต่ไม่ได้รับคาตอบ พระนางจึงออกติดตามหาสองกุมาร ในป่า
ตั้งแต่ค่าจนถึงรุ่งเช้าก็ไม่พบ พระนางเสียพระทัยจนสลบไ เมื่อฟื้นขึ้น
พระเวสสันดรจึงบอกความจริง พระนางก็อนุโมทนาด้วย
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

เทพยดาแปลงเป็นสัตว์มาขวางทางไม่ให้นางมัทรีกลับอาศรม
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๑๐. กัณฑ์สักกบรรพ พระอินทร์ทรงเห็นว่าถ้ามีใครมาขอ
พระนางมัทรี พระเวสสันดรก็คงให้ พระอินทร์จึงแปลงกายเป็น
พราหมณ์มาทูลขอพระนางมัทรี พระเวสสันดรก็ให้พระอินทร์จึง
มอบพระนางคืนให้แล้วประทานพร ๘ ข้อ ตามที่ทรงขอ
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

พระอินทร์แปลงกายลงมาขอนางมัทรีจากพระเวสสันดร
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๑๑. กัณฑ์มหาราช ชูชกพากัณหา ชาลี เดินทางกลับบ้านตน ระหว่าง
ทางในยามดึก ก็ผูกสองกุมารไว้ที่โคนต้นไม้ ส่วนตนเองผูกเปลนอนบน
ต้นไม้ เทวดาก็แปลงกายมาดูแลขับกล่อมสองกุมาร เมื่อชูชกพาสองกุมาร
เดินมาถึงทางสองแพร่ง เทวดาก็บันดาลใจให้เดินไปทางเมืองสีพี ชูชกพาสอง
กุมารเดินผ่านมาหน้าพระที่นั่ง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์

เทพยดาลงมาดูแล
สองกุมารตอนกลางดึก
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
พระเจ้าสญชัยทอดพระเนตรเห็นสองกุมาร ก็ให้นาชูชกและสองกุมาร
เข้าเฝ้าฯ แล้วไถ่ค่าตัวสองกุมารตามที่พระเวสสันดรกาหนดไว้ทั้งให้จัดหา
อาหารมาเลี้ยงดูชูชกอย่างดี ชูชกบริโภคอาหารมากจนถึงแก่ความตาย
ชาลี กัณหาได้ขอให้พระอัยกาไปรับพระบิดา พระมารดากลับเมือง
ครั้น ใกล้เวลาเสด็จพราหมณ์จากเมืองกลิงคราษฎร์ได้นาช้างปัจจัย
นาเคนทร์มาคืน ชาลีก็ทรงช้างปัจจัยนาเคนทร์นากระบวนทัพ
ไปยังเขาวงกต
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๑๒. กัณฑ์ฉกษัตริย์ พระเจ้าสญชัยเสด็จไปพบพระเวสสันดรก่อน
ต่อจากนั้นเป็นพระนางผุสดีแล้วตามด้วยชาลี กัณหา เมื่อกษัตริย์ทั้ง
๖ พระองค์ได้พบกันต่างก็ดพ
ี ระทัยและเสียพระทัย กันแสงจนสลบไป เสนา
อามาตย์ทั้ง หลายก็โศกเศร้าจนสลบไปด้วย พระอินทร์จึงบันดาลให้ฝน
โบกขรพรรษตกลงมา ทั้งหมดต่างฟื้น
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

เรื่องย่อ ๑๓ กัณฑ์
๑๓. กัณฑ์นครกัณฑ์ พระเวสสันดรทรงลาผนวชแล้วเสด็จ
กลับพระนคร ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุข
ตราบสิ้นพระชนม์แล้วก็ไปเกิดบนสวรรค์
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( สา มทฺที ) ปางนั้นส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีสุนทรเทพกัญญา จาเดิมแต่พระนาง
เธอลีลาล่วงลับพระอาวาส พระทัยนางให้หวั่นหวาดพะวงหลัง ตั้งแต่พระทัยเป็น
ทุกข์ถึงพระเจ้าลูกมิลืมเลย เดินพลางทางเสวยพระโศกพลาง พระนัยเนตรทั้งสอง
ข้างไม่ขาดสายพระอัสสุชล พลางพิศดูผลาผลในกลางไพรที่นางเคยได้อาศัยทรง
สอยอยู่เป็นนิตย์ผิดสังเกต เหตุไฉนไม้ที่ผลเป็นพุ่มพวง ก็กลายกลับเป็นดอกดวง
เดียรดาษอนาถเนตร แถวโน้นก็แก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง ถัดนั่นก็สายหยุด
ประยงค์และยมโดย พระพายพัดก็ร่วงโรยรายดอกลงมูนมอง แม่ยังได้เก็บดอกมา
ร้อยกรองไปฝากลูก เมื่อวันวานก็เพี้ยนผิดพิสดารเป็นพวงผล
ผิดวอกลแต่ก่อนมา
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( สพฺพา มุยฺหนฺ เม ทิสา ) ทั้งแปดทิศก็มดื มิดมัวมนทุกแห่งหน ทั้งขอบฟ้าก็ดาษ
แดงเป็นสายเลือด ไม่เว้นวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบข้าง ( ทกฺขิณกฺขิ )
พระนัยนเนตรก็พร่าง ๆ อยู่พรายพร้อย ในจิตใจของแม่ยังน้อยอยู่นดิ เดียว
ทั้งอินทรีย์ก็เสียว ๆ สั่นระรัวริก แสรกคานบันดาลพลิกพลัดลงจากพระอังสา
ทั้งขอน้อยในหัตถาที่เคยถือ ก็เลื่อนหลุดลงจากมือไม่เคนเป็นเห็นอนาถ
เอ๊ะประหลาดหลากแล้วไม่เคยเลย โอ้อกเอ๋ยมหัศจรรย์จริง ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ่ง ๆ กรอม
พระทัย เป็นทุกข์ถึงพระลูกรักทั้งสองคน เดินพลางนางก็รีบเก็บผลาผลแต่ตามได้
ใส่กระเช้าสาวพระบาทบทจรดุ่มเดินมาโดยด่วน
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
พอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช สะดุ้งพระทัยไหวหวาดวะหวีด
วิ่งวนแวะเข้าข้างทาง พระทรวงนางสั่นระรัวริกเต้นดั่งตีปลา
ทรงพระกันแสงโศกาไห้พิไรร่าว่ากรรมเอ๋ยกรรม กรรมของมัทรี
โอเวลาปานฉะนี้พระลูกน้อยจะคอยหาอนึ่งมรคาก็ช่องแคบหว่างคีรี
เป็นตรอกน้อยรอยวิถที ี่เฉพาะจร ทั้งสามสัตว์ก็มาเนื่องนอนสกัดหน้า
ครั้นจะลีลาหลีกลัดตัดเอาไปทางใดก็เหลือเดิน ทั้งสองข้างเป็นโขด
เขินขอบคันข้นกั้นไว้
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( นีเจ โวลมฺพเก สุริเย ) ทั้งเวลาก็เย็นลงเย็นลงไร ๆ จะค่าแล้ว
ยังไม่เห็นหน้าพระลูกแก้วของแม่เลย อกเอ๋ยจะทาไฉนดี จึ่งจะได้
วิถที างทีจ่ ะครรไล พระนางจึ่งปลงหาบคอนลงวอนไหว้แล้วอภิวาทน์
ข้าแต่พญาพาฬมฤคราชอันเรืองเดช ท่านก็เป็นพญาสัตว์ในหิมเวศ
วนาสณฑ์ จงจงผินพักตร์ปริมณฑลทั้งสามรา มารับวันทนาน้อมไป
ด้วยทศนัขเบญจางค์ ( เม เมาะ มยา ) แห่งน้องนางนามชื่อ
พระมัทรี
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( ราชปุตฺตี ) น้องก็กลายเป็นกัลยาณี หน่อกษัตริยม์ ัททราชสุริยวงศ์
อนึ่งน้องเป็นเอกองค์อัครบริจาริกากรแห่งพระเวสสันดรราชฤๅษี
อันจาจากพระบุรีมาอยู่ไพร น้องนี้ก็ตั้งใจสุจริตติดตามมาด้วยกตเวที
อนึ่งพระสุริยศรีก็ย่าสนทยาสายัณห์แล้ว เป็นเวลาพระลูกแก้วจะอยากนม
กาหนดเสวย พระเจ้าพี่ของน้องเอ๋ยพระสามรา ขอเชิญกลับไปยังรัตน
คูหาห้องแก้ว แล้วจะได้เชยชมซึ่งลูกรักและเมียขวัญ อนึ่งน้องนี้จะแบ่งปัน
ผลไม้ให้สักกึ่ง ครึ่งหนึ่งน้องจะขอไปฝากพระหลานน้อย ๆ ทั้งสอง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( มคฺค เม เทถ ยาจิตา ) พระเจ้าพี่ทั้งสามของน้องเอ่ย
จงมีจิตคิดกรุณาสังเวชบ้าง ขอเชิญล่วงครรไลให้หนทาง
พนาวันอันสัญจร แก่น้องที่วิงวอนอยู่นี้เถิด
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( ตโย เทวปุตตฺ า ) ส่วนเทพเจ้าทั้งสามองค์ได้ทรงฟังพระเสาวนีย์
พระมัทรีเธอไหว้วอนขอหนทาง พระพักตร์นางนองด้วยน้าพระเนตร
เทพพระเจ้าก็สังเวชในวิญญาณ ก็พากันอุฏฐาการคลาไคลให้มรคา
แก่นางพระยามัทรี พอแจ่มแจ้งแสงศศิธร นางก็ยกหาบคอนขึ้นใส่
บ่า เปลื้องเอาพระภูษามาคาดพระถันให้มั่นคง วิ่งพลางนางทรง
กันแสงพลาง ยะเหยาะเหย่าทุกฝีย่างไม่หย่อนหยุด พักหนึ่งก็ถึง
ที่สุดบริเวณพระอาวาสที่พระลูกเจ้าเคยประพาสแล่นเล่น
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
ประหลาดแล้วแลไม่เห็นก็ใจหาย ดั่งว่าชีวติ นางจะวางวายลงทันที
จึ่งตรัสเรียนว่าแก้วกัณหาพ่อชาลีของแม่เอ่ย แม่มาถึงแล้ว เหตุไฉนพระ
ลูกแก้วจึ่งมิมาเล่าหลากแก่ใจ แต่ก่อนแต่ไรซิพร้อมเพรียง เจ้าเคยวิ่งระรี่
เรียงเคียงแข่งกันมาคอยรับพระมารดา ทรงพระสรวลสารวลร่าระรื่นเริงรีบ
เอาขอคานแล้วก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลีเจ้าเลือกเอาผลไม้
แม่กัณหาฉะอ้อนวอนไห้ว่าจะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลาง
ฉอเลาะแม่น้ตี ่างๆ ตามประสาทารกเจริญใจ
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( วจฺฉา พาลาว มาตร ) มีอุปไมยเสมือนหนึ่งลูกทรายทรามคะนอง
ปองที่ว่าจะชมแม่เมื่อสายัณห์ โอพระจอมขวัญของแม่เอ่ย เจ้ามิเคยได้
ยากย่างเท้าลงเหยียบดิน รินก็มิได้ไต่ไรก็มิได้ตอม เจ้าเคยฟังแต่เสียงพี่
เลี้ยงเขาขับกล่อมบาเรอด้วยดุริยางค์ ยามบรรทมธุลีลมก็มิได้พัดมาแผ้ว
พาน แม่สู้พยาบาลบารุงเจ้าแต่เยาว์มา เจ้ามิได้ห่างพระมารดาสักหายใจ
โอความเข็ญใจครั้งนี้นี่เหลือขาด สิ้นสมบัติพลัดญาติยังแต่ตัวต้องไปหามา
เลี้ยงลูกเลี้ยงผัวทุกเวลา แม่มาสละเจ้าไว้เป็นกาพร้าทั้งสององค์
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( หสาว ) เสมือนหนึ่งลูกหงส์เหมราชปักษิน ปราศจากมุจลินท์ไปตกคลุก
ในโคลนหนอง สิ้นสีทองอันผ่องแผ้ว แม่กลับมาถึงแล้วได้เชยชมชื่นสบาย
ที่เหนื่อยยากก็เสื่อมหายคลายทุกข์ทุเลาลง ลืมสมบัติทั้งวงศาในวังเวียง
โอ แต่ก่อนเอยแม่เคยได้ยินแต่เสียงเจ้าเจรจาแจ้ว ๆ อยู่ตรงนี้
( อิท ปทวลญฺช ) นั่นก็รอยเท้าพ่อชาลี นี่ก็บทศรีแม่กัณหาพระมารดายัง
แลเห็น โน่นก็กรวดทรายเจ้ายังรายเล่นเป็นกอง ๆ สิ่งของทั้งหลายเป็น
เครื่องเล่นยังเห็นอยู่
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( น ทิสฺสเร ) แต่ลูกรักทั้งคู่ไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย ( อย โส อสฺสโม )
โอ พระอาศรมเจ้าเอ๋ยน่าอัศจรรย์ใจ แต่ก่อนนี่ดูสดใสด้วยสีทอง เสียงเนื้อนก
นี่ร่าร้องสาราญรังเรียกคู่คูขยับขัน ทั้งจักจั่นพรรณลองไน เรไรร้องอยู่หริ่ง ๆ
ระเรื่อยโรย โหยสาเนียงดั่งเสียงสังคีตขับกระโคมไพร โอ เหตุไฉนเหงาเงียบ
เมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรีเสมือนหนึ่งว่าจะโศกเศร้า เออชะรอยว่าพระ
เจ้าลูกจะวอโยกพลัดพรากไปจากอกพระมารดาเสียจริงแล้วกระมังในครั้งนี้
นางก็กลับเข้าไปทูลพระราชสามีด้วยสงสัยว่า พระพุทธเจ้าข้า
ประหลาดใจกระหม่อนฉัน อันสองกุมารไปอยู่ไหนไม่แจ้งเหตุ
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
หรือพากันไปเที่ยวลับพระเนตรนอกตาแหน่ง สิงห์สัตว์ที่ร้ายแรงคะนองฤทธิ์
มาพานพบขบกัดตัดชีวิตพระลูกข้าพาไปกินเป็นอาหาร ถึงกระนั้นก็จะพบพาน
ซึ่งกเลวระร่าง มิเลือดก็เนื้อจะเหลืออยู่บ้างสักสิ่งอัน แต่พอแม่ได้รู้สาคัญว่าเป็น
หรือตาย สุดที่แม่จะมุ่งหมายสุดประมาณแล้ว จึ่งตรัสว่าโอ้เจ้าแว่นแก้วสุด
สว่างอกของแม่เอ่ย แม่เคยได้รับขวัญเจ้าทุกเวลา เป็นไรเล่าเจ้าจึ่งไม่มา
เหมือนทุกวัน ( มตา ) หรือว่าพระลูกเจ้าอาสัญสูญสิ้นพระชนมาน
อยู่ในป่าพระหิมพานต์นี้แล้วแล
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
เมื่อสมเด็จพระมัทรีเธอกราบทูลพระราชสามีสักเท่าใด ๆ ท้าวเธอมิได้ตรัส
ปราศรัยจานรรจา นางยิ่งกลุ้มกลัดขัดพระอุราผะผ่าวร้อน ข้อนพระทรวงทรง
พระกันแสงว่าเจ้าแม่เอ่ย แม่มิเคยได้เคืองแค้นเหมือนหนึ่งครั้งนี้ เมื่อจากบุรี
ทุเรศมา ก็พร้อมหน้าทั้งลูกผัวเป็นเพื่อนทุกข์ สาคัญว่าจะเป็นสุขประสายาก
เมื่อยามจน ครั้นลูกหายทั้งสองคนก็สิ้นคิด บังคมทูลพระสามีก็มิได้ตรัสแต่สัก
นิดสักหน่อยหนึ่ง ท้าวเธอก็ขึงขังตึงพระองค์ ดูเหมือนพระขัดเคืองเต็มเดือด
ด้วยอันใด นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทัย
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
ดั่งเอาเหล็กแดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนี่เหลือทน อุปมาเหมือนคนไข้หนักแล้วมิ
หนายังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้าให้เวทนา เห็นชีวานี้คงจะไม่รอดไปสักกี่วัน
พระคุณเอ่ย วาสนามัทรีไม่สมคะเนแล้ว พระทูลกระหม่อมแก้วจึ่งชิงชังไม่
พูดจา ทั้งลูกรักดังแก้วตาก็หายไป อกเอ๋ยจะอยู่ไปไยให้ทนเวทนาอุปมาเสมือน
หนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ย่อมจะอาสัญลงเพราะลูกเป็นเที่ยงแท้ ถ้าแม้นพระองค์ไม่
ทรงเลี้ยงมัทรีไว้ จะนิ่งมัธยัสถ์ตัดเยื่อใยไม่โปรดบ้าง ก็จะเห็นแต่กเลวระร่าง
ซากศพของมัทรี อัมโทรมตายกายกลิ้งอยู่กลางดง เสียเป็นมัน่ คงนี้แล้วแล
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( อถ มหาสตฺโต ) สมเด็จพระราชสมภาร เมื่อได้สดับสารพระมัทรีเธอแสน
วิโยคโศกศัลย์สุดกาลัง ถึงแม้นจะมิตรัสกับนางมั้งจะมิเป็นการ จาจะเอา
โวหารการหึงเข้ามาหักโศกให้เสื่อมลง จึ่งเอื้อนโองการตรัสประภาษว่า
( นนุ มทฺทิ ) ดูกรนางนาฏ พระน้องรัก ( ภทฺเท ) เจ้าผู้มีพักตร์อันผุด
ผ่องเสมือนหนึ่งเอาน้าทองมาทาบทับประเทืองผิว ราวกะว่าจะลอยลิ่วเลื่อนลง
จากฟ้า ใครได้เห็นเป็นขวัญตาเต็มจะหลงละลายทุกข์ปลุกเปลื้องอารมณ์ชายให้
เชยชื่น จะนั่งนอนเดินยืนก็ต้องอย่าง ( วราโรหา ) พร้อมด้วยเบญจางค
จริตรูปจาเริญ โฉมประโลมโลกล่อแหลมวิไลลักษณ์
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( ราชปุตตฺ ี ) ประกอบด้วยเชื้อศักดิ์สมมุติวงศ์พงศ์กษัตรา เออก็เมื่อเช้าเจ้าจะเข้า
ป่าน่าสงสารปานประหนึ่งว่าจะไปมิได้ ทาร้องไห้ฝากลูกมิรู้แล้ว ครั้นคลาดแคล้ว
เคลื่อนคล้อยเข้าสู่ดง ปานประหนึ่งว่าจะหลงลืมลูกสละผัวต่อมืดมัวจึง่ กลับมา
ทาเป็นบีบน้าตาตีอกว่าลูกหาย ใครจะไม่รู้แยบคายความคิดหญิง ถ้าแม้นเจ้าอาลัย
อยู่ด้วยลูกจริง ๆ เหมือนวาจา ก็จะรีบกลับเข้ามาแต่วี่วันไม่ทันรอน เออนี่เจ้าเที่ยว
พเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนกชมไม้ในไพรวันสารพันที่จะมี ทั้งฤๅษีสิทธ์วิทยาธร
คนธรรพ์ เทพารักษ์ผู้มีพักตร์อันเจริญ
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
เห็นแล้วก็น่าเพลิดเพลินไม่เมินได้ หรือเจ้าปะผลไมประหลาด รสสดสุก
ทรามเสวยไม่เคยกิน เจ้าฉวยชิมชอบลิ้นก็หลงฉันอยู่จึ่งช้า อุปมาเสมือน
หนึ่งภุมรินบินวะว่อน เที่ยวซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ พบดอกไม้อัน
วิเศษต้องประสงค์ หลงเคล้าคลึงรสจนลืมรัง เข้าเถื่อนเจ้าลืมพร้าได้หน้า
แล้วลืมหลังไม่แลเหลียว เที่ยวทอดประทับมากลางทาง อันว่าพระนางสิ
เป็นหน่อกษัตริย์จะไปไหนก็มีแต่กลดกั้น พานจะเกรงแสงสุริยันไม่คลา
เคลื่อน
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
เจ้ารักเดินด้วยแสงเดือนชมดาวพลาง ได้น้าค้างกลางคืนชื่นอารมณ์
สมคะเน พอมาถึงก็ทาเสขึ้นเสียงเลี่ยงเลี้ยวพาโลว่าลูกหาย เออนี่เจ้ามิ
หมายว่าใคร ๆ ไม่รู้ทันกระนั้นกระมัง หรือเจ้าเห็นว่าพี่นี้เป็นชีอดจิตคิด
อนิจจังทิ้งพยศอดอารมณ์เสีย เจ้าเป็นเพียงแต่เมียควรหรือมาหมิ่นได้
ถ้าแม้นพี่อยู่ในกรุงไกรเหมือนแต่ก่อนเก่า หากว่าเจ้าทาเช่นนี้ กายของ
มัทรีก็จะขาดสะบั้นลงทันตา ด้วยพระกรเบื้องขวาของอาตมานี้แล้วแล
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( สา มทฺที ) ส่วนสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี เมื่อได้สดับคาพระ
ราชสามีบริภาษณานาง ที่ความโศกก็เสื่อมสร่างสงบจิตเพราะเจ็บใจ
จึ่งก้มพระเศียรลงกราบไหว้แล้ววันทนาพลาง นางจึ่งทูลสนอง
พระราชบัญญัติว่า พระพุทธเจ้าข้า ควรมิควรสุดแท้แต่จะทรงพระกรุณา
โปรดที่โทษานุโทษเป็นล้นเกล้า ด้วยข้าพระพุทธเจ้ากลับมาเวลาค่า ทั้งนี้
เพราะเป็นกระลีข้นึ ในไพรวัน พฤกษาทุกสิ่งสารพันก็แปรปรวนทุกประการ
ทั้งพื้นป่าพระหิมพานต์ก็ผัดผันหวั่นไหวอยู่วิงเวียนเปลี่ยนเป็นพยับมืด
ไม่เห็นหน ข้าพระบาทนี่ร้อนรนไม่หยุดหย่อนแต่สักอย่าง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
แต่เดินมายังเกิดประหลาดลางขึ้นในกลางพนาลี พบพญาราชสีห์สองเสือ
ทั้งสามสัตว์สกัดหน้าไม่มาได้ ต่อสิ้นแสงอโณทัยจึ่งได้คลาเคลื่อน
ใช่จะเป็นเหมือนพระองค์ดารินั้นก็หามิได้ พระพุทธเจ้าข้า ตั้งแต่เกล้า
กระหม่อมฉันตกมาเป็นข้าน้อย พระองค์เห็นพิรุธร่องรอยร้าวรานที่
ตรงไหน ทอดพระเนตรสังเกตไว้แต่ปางก่อน จึงเคืองค่อนด้วยคาหยาบ
ยอกใจเจ็บจิตเหลือกาลัง พระคุณเอ่ยจะคิดดูมั่งเป็นไรเล่าว่า มัทรีนี้เป็น
ข้าเก่าแต่ก่อนมาดั่งเงาตามพระบาทาก็เหมือนกัน
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
นอกจากนั้นที่แน่นอนคือ นางไหนอันสนิทชิดใช้แต่ก่อนกาล ยังจะติดตาม
พระราชสมภารมาบ้างละหรือ ได้แต่มัทรีแสนดื้อผู้เดียวดอก ไม่รู้จักปลิ้น
ปลอกพลิกไพล่เอาตัวหนี มัทรีสัตยาสวามิภักดิ์รักผัวเพียงบิดาก็ว่าได้
ถึงจะยากเย็นเข็ญใจก็ตามกรรม ( วนมูลผล หาริยา ) อุตสาหะตระ
ตรากตระตราเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้ ถึงที่ไหนจะรกเรี้ยวก็ซอกซอนอุตส่าห์
เที่ยวไม่ถอยหลัง จนเนื้อหนังข่วนขาดเป็นริ้วรอย โลหิตไหลย้อยทุกหย่อม
หนามอารามจะใคร่ ได้ผลาผลไม้มาปฏิบัติลูกบารุงผัว
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
ถึงกระไรจะคุ้มตัวก็ทั้งยากน่าหลากใจ อกของใครจะอาภัพยับพิกลเหมือน
อกของมัทรีไม่มีเนตร น่าที่จะสงสารสังเวชโปรดปรานีว่ามัทรีน้เี ป็นเพื่อน
ยากอยู่จริง ๆ ช่างค้อนติงปริภาษณาได้ลงคอไม่คิดเลย พระคุณเอ่ยถึง
พระองค์จะสงสัย ก็น้าใจของมัทรีนี้กตเวทีเป็นไม้เท้าก้าวเข้าสู่ทางที่ทดแทน
( ราม สีตาวนุพฺพตา ) อุปมาแม้นเหมือนสีดาอันภักดีต่อสามีรามบัณฑิต
ปานประหนึ่งว่าศิษย์กับอาจารย์ พระคุณเอ่ยเกล้ากระหม่อมฉานทาผิดแต่
เพียงนี้ เพราะว่าล่วงราตรีจึ่งมีโทษ ขอพระองค์จงทรงพระกรุณา
โปรดซึ่งโทษานุโทษกระหม่อมฉันมัทรี แต่ครั้งเดียวนี้เถิด
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
เมื่อสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี กรายทูลพระราชสามีสักเท่าใด ๆ
ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางยิ่งหมองศรีโศกกาสรดสะอึกสะอื้น
ถวายบังคมคืนออกมาเที่ยวแสวงหาพระลูกรักทุกหนแห่ง กระจ่างแจ้งด้วย
แสงพระจันทร์ส่องสว่างพื้นอัมพรประเทศวิถี นางเสด็จจรลีไปหยุดยืนใน
ภาคพื้นปริมณฑลใต้ต้นหว้า จึ่งตรัสว่า ( อิเม เต ชมฺพุกา รุกขฺ า )
ควรจะสงสารเอ่ยด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน
ใบชอุ่มประชุมช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดั้นส่อง
ต้องน้าค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
เหมือนหนึ่งน้าพลอยพร้อยๆพราย ๆ ต้องกับแสงกรวดทรายที่ใต้ต้นอร่ามวามวาวดู
เป็นวงวนแวว ดั่งบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกล้งมาโปรยโรยรอบปริมณฑลก็
เหมือนกัน งามดั่งไม้ปริชาตในเมืองสวรรค์มาปลูกไว้ ลูกรัก เจ้าแม่เอ่ย เจ้าเคย
มาอาศัยนั่งนอนประทับร้อนสาราญร่มรื่น ๆ สารวลเล่นเย็นสบายพระพายราเพยพัด
มาฉิวเฉื่อยเรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่ง ๆ แต่ลูกรักของแม่ทั้งชายหญิงไปอยู่ไหนไม่เห็น
เลย ( มหานิโค.รธชาต ) อนิจจาเอ่ยเห็นแต่ไทรทองถัดกันไป กิ่งก้านใบราก
ห้อยยื่นระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกันแกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตา
เร้นแทบหลังบริเวณพระอาวาส
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
(อิมาตา โปกฺขรณี รมฺมา ) เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี
โบกขรณีตาแหน่งนอกพระอาวาส นางเสด็จลีลาสไปเที่ยวเวียนรอบ
จึ่งตรัสว่าน้าเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไร จึ่งขอดขุ่นลงหมอง พระพายเจ้า
เอ่ยเคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่นเป็นไรจึ่งเสื่อม
หอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่าฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่าดาแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่อง
ว่ายอยู่ลอยเลื่อยชมแสงเดือนอยู่พราย ๆ เป็นไรจึ่งไม่ว่ายเวียนวน
นกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นแม่แลไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่
อ้างว้างวังเวงใจ นางก็เสด็จครรไลล่วงตาบลเที่ยวค้นหาพระลูกตามลาเนา
เนินป่า ทุกสุ่มทุมพุ่มพฤกษาสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะ
เยือกเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ
พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยู่แว่ว ๆ ให้หวาดว่า
สาเนียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสด็จลีลาเข้าไปดู
เห็นหมู่สัตว์จตุบาทกลาดกลุ้มเข้าสุมนอน นางก็ยิ่งสะท้อนถอนพระทัย
เทวษครวญเสด็จด่วน ๆ
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
ดะดุ่มเดินเมิงมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ แต่ย่างเหยียบกรอบก็เหลียวหลัง
พระโสตฟังใหวาดแว่วว่าสาเนียงเสียงพระแก้วเจ้าบ่นอยู่งึม ๆ พุ่มไม้ครึ้ม
เป็นเงา ๆ ชะโงกเงื้อม พระเนตรเธอแลเหลือบให้ลายเลื่อมเป็นรูปคน
ตะคุ่ม ๆ อยู่คล้าย ๆ แล้วหายไป สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กกู๋ ้อง
พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้าพระเนตรเธอโศกา จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋
เวลาปานฉะนี้เอ่ยมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งเสียแล้วกระไรไม่รู้เลย
พระพายราเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดล่ะห้อย
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่าง
บ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุก
รวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า
สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสาเนียง
สุดสุรเสียงที่แม่จะร่าเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื่องย่องยกย่างลงเหยียบดิน
ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่
สักนิดไม่มีเลย จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทัง้ คู่ของแม่เอย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้าง
วางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( ภิกฺขเว ) ดูกรสงฆ์ผู้ทรงพรหมจารี เมื่อสมเด็จพระมัทรีกาสรดแสนกัมปนาท
เพียงพระสันดานจะขาดจะดับสูญ ( ปริเทวิตวฺ า ) นางเสวยพระอาดูรพูนเทวษใน
พระอุรา น้าพระอัสสุชลนาเธอไหลนองครองพระเนตร ทรงพระกันแสงแสนเทวษ
พิไรร่า ตั้งแต่ประถมยามค่าไม่หย่อนหยุดแต่สักโมงยาม นางเสด็จไต่เต้าติดตาม
ทุกตาบลละเมาะไม้ไพรสณฑ์ศขิ ริน ทุกห้วยธารละหานหินเหวหุบก้องคูหาวาส
ทรงพระพิไรร้องก้องประกาศเกริ่นสาเนียง พระสุรเสียงเธอเยือกเย็นระย่อทุกอก
สัตว์ พระพายราเพยทุกกิ่งก้านบุษบงก็เบิกบานผกากร
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
รัศมีพระจันทร์ก็มัวหมองเหมือนหนึ่งจะเศร้าโศกแสนวิปโยคเมื่อยามปัจจุสมัย
ทั้งรัศมีพระสุริโยทัยส่องอยู่รางๆขึ้นเรืองฟ้า เสียงชะนีเหนี่ยวไม้ไห้หาละห้อยโหย
พระกาลังนางก็อิดโรยพิไรร่าร้อง พระสุรเสียงเธอกู่ก้องกังวานดง เทพเจ้าทุก
พระองค์กอดพระหัตถ์เงี่ยพระโสตสดับสาร พระเยาวมาลย์เธอเที่ยวหาพระลูก
พระนางเธอเสวยทุกข์แสนเข็ญ ตั้งแต่ยามเย็นจนรุ่งเช้าก็สุดสิ้นที่จะเที่ยวค้น
ทุกตาแหน่งแห่งละสามหนเธอเที่ยวหา ( ปณฺณรสโยชนมคฺค ) ถ้าจะคลี่คลาย
ขยายมรคาก็ได้สิบห้าโยชน์โดยนิยม นางจึ่งเซซังเข้าไปสู่พระอาศรมบังคมบาท
พระภัสดา ประหนึ่งว่าชีวาจะวางวายทาลายล่วง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
สองพระกรเธอข้อนทรวงทรงพระกันแสงครวญคร่าแล้วราพันว่า โอ้เจ้าดวงสุริยัน
จันทรทั้งคู่ของแม่เอ่ย แม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระมารดาไปสู่พาราใดไม่รู้ที่ หรือ
ว่าข้ามนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด ถ้ารู้แจ้งประจักษ์ใจแม่ก็จะตามเจ้าไป
จนสุดแรง นี่ก็เหลือที่แม่จะเที่ยวแสวงสืบเสาะหา เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่า พ่อชา
ลีแม่กัณหายังทูลสั่งแม่ยังกลับหลังมาโลมลูบจูบกระหม่อมจอมเกล้าทั้งสองรา
กลิ่นยังจับนาสาอยู่รวยรื่น โอ้พระลูกข้านี้จะไม่คืนเสียแล้วกระมังในครั้งนี้
กัณหาชาลีลูกรักแม่
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
นับวันแต่ว่าจะแลลับล่วงไปเสียแล้วหนอ ใครจะกอดพระศอเสวยนมผทม
ด้วยแม่เล่า ยามเมื่อแม่จะเข้าที่บรรจถรณ์ เจ้าเคียงเรียงหมอนนอนแนบ
ข้างทุกราตรี แต่แม่นี้จะกล่อมใครให้นิทรา โอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียง
เลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น สาคัญว่าจะได้อยู่เป็นเพื่อนยากจะฝากผีพึ่งลูกทั้ง
สองคน มิรู้ว่าจะกลับวิบัติพลัดพรากไม่เป็นผลให้อาเพศผิดประมาณ
เจ้าเอาแต่ห่วงสงสารนี่หรือมาสวมคล้องให้แม่นี้ติดต้องข้องอยู่ด้วยอาลัย
เจ้าทิ้งชื่อและโฉมไว้ให้เปล่าอกในวิญญาณ์
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่ายังได้เห็นหน้าเจ้าอยู่หลัด ๆ ควรและหรือมา
สลัดแม่นี้ไว้ เหมือนจะเตือนให้แม่นี้บรรลัยเสียจริงแล้ว ควรจะ
สงสารเอ่ยด้วยนางแก้วกัลยาณี น้อมพระเกศีลงทูลถามหวังจะ
ติดตามพระลูกรักทั้งสองรา กราบถวายบังคมลาลุกเลื่อนเขยื้อนยก
พระบาทเยื้องย่าง พระกายนางให้เสียวสั่นหวั่นไหวไปทั้งองค์
ดุจชายธงอันต้องกาลังลมอยู่ลิ่ว ๆ สิ้นพระแรงโรยเธอโหยหิวระหวย
ทรวง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
พระศอเธอหงุบง่วงดวงพระพักตร์เธอผิดเผือดให้แปรผัน จะทูลสั่งก็
ยังมิทันที่ว่าจะทูลเลย แต่พอตรัสว่าพระคุณเจ้าเอ๋ยคาเดียวเท่านั้น
ก็หายเสียงเอียงพระกายบ่ายศิโรเพฐน์ พระเนตรหลับหับพระโอษฐ์
ลงทันที ( เวสญฺญ หุตวฺ า ) นางถึงวิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉาน
ปานประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้องสายอัสนีฟาดขาดระเนนเอนแล้วก็
ล้มลงตรงหน้าพระที่นั่งเจ้า นั้นแล
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( อถ มหาสตฺโต ) ปางนั้นสมเด็จพระเวสสันดรอดุลดวงกษัตริย์
ตรัสทอดพระเนตรเห็นพระอัคเรศถึงวิสัญญีภาพสลบลงวันนั้น พระทัยท้าว
เธอสาคัญว่าพระนางเธอวางวายสะดุ้งพระทัยหายว่าโอ้อนิจจามัทรีเจ้าพี่เอ๋ย
บุญพี่นี้น้อยแล้วนะเจ้าเพื่อนยาก เจ้ามาตายจากพี่ไปในวงวัด
เจ้าจะเอาป่าชัฏนี่หรือมาเป็นป่าช้า จะเอาพระบรรณศาลานี่หรือเป็น
บริเวณพระเมรุทอง จะเอาแต่เสียงสาลิกาอันร่าร้องนั้นหรือมาเป็นกลอง
ประโคมใน จะเอาแต่เสียงจักจั่นและเรไรอันร่าร้องนั่นหรือ
มาต่างแตรสังข์และพิณพาทย์
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
จะเอาแต่เมฆหมอกในอากาศนั่นหรือมากั่นเป็นเพดาน จะเอาแต่ยูง
ยางในป่าพระหิมพานต์มาต่างฉัตรเงินและฉัตรทอง จะเอาแต่แสง
พระจันทร์อันผุดผ่องมาต่างประทีปแก้วโอภาส อนิจจามัทรีเอ่ย
มาตายอเนจอนาถไร้ญาติที่กลางดง ครั้นท้าวเธอค่อยคลายลงที่
โศกศัลย์ จึ่งผันพระพักตร์มาพิจารณาก็รู้ว่ายังไม่อาสัญ จึ่งเข้าไป
ยังพระคันธกุฎีจับเอาคนทีอันเต็มไปด้วยน้ามาทันใด
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
ตั้งแต่พระองค์ทรงพระผนวชไพรมาได้ถึงเจ็ดเดือนปลาย จะได้ต้อง
พระกายนางมัทรีก็หามิได้ เมื่อความทุกข์พ้นวิสัยที่จะกาหนดว่า
อาตมะนี้เป็นดาบสฤๅษี ยกเศียรพระมัทรีขึ้นใส่ตักวักเอาพระวารีมา
โสรจสรงลงที่อุระพระมัทรี หวังว่าจะให้ชุ่มชื่นฟื้นสมปฤๅดีคนื มา
แห่งนางพระยา นั้นแล
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( ภิกฺขเว ) ดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิสิกขา เมื่อสมเด็จพระมัทรีเธอได้
สมปฤาดีคนื มา นางพระยาเจ้าละอายแก่เทพยาดานัก ด้วยตัวตัวมา
นอนอยู่บนตักพระราชสามีมิบังควร ( อุฏฐาย ) จึงอุฏฐาการโดยด่วนเลื่อน
พระองค์ลงจากพระราชสามี พระมัทรีจึ่งทูลถามว่าพระพุทธเจ้าข้า
พระลูกรักทั้งสองเราไปอยู่ไหนนะฝ่าพระบาท ท้าวเธอจึ่งตรัสประภาษว่า
ดูกรเจ้ามัทรี อันสองกุมารนี้พี่ให้เป็นทานแก่พราหมณ์แต่วันวานนี้แล้ว
พระน้องแก้วเจ้าอย่าโศกศัลย์ จงตั้งจิตของเจ้านั้นให้โสมนัสศรัทธา
ในทางอันก่อกฤดาภินิหารทานบารมี
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี

( ลจฺฉาม ปุตตฺ ชีวนฺตา ) ถ้าเราทั้งสองนี้ยังมีชวี ิตสืบไป อันสอง


กุมารนี้ไซร้ ก็คงจะได้พบกันเป็นมั่นแม่น ถึงแสนสัตพิธรัตน์เครื่อง
อลงการซึ่งพระราชทานไปนั้นเราก็จะได้ด้วยพระทัยหวัง
( ทชฺชา สปฺปุริโส ทาน ) มัทรีเอ่ย อันอริยสัตบุรุษเห็นปานดั่งตัว
พี่ฉะนั้น ถึงจะมีข้าวของสักเท่าใด ๆ
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( ทิสวฺ า ยาจกมาคเต ) ถ้าเห็นยาจกเข้ามาใกล้ไหว้วอนขอไม่ย่อ
ถ้อในทางทาน จนแต่ชั้นลูกรักยอดสงสารพี่ยังยกให้เป็นทานได้
อันสองกุมารนี้ไซร้เป็นแต่ทานพาหิรกะภายนอกไม่อิ่มหนา พี่จะใคร่
ให้อัชฌัติกทานอีกนะเจ้ามัทรี ถ้าแม้นมีบุคคลผู้ใดปรารถนาเนื้อ
หนังมังสังโลหิตดวงหทัยนัยนเนตรทั้งซ้ายขวา พี่ก็จะแหวะผ่าให้
เป็นทานไม่ย่อท้อเพียงนี้ มัทรีเอ่ย จงศรัทธาด้วยอนุโมทนาทาน
ในกาลบัดนี้เถิด
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี

สมเด็จพระมัทรีทูลสนองพระโองการว่า พระพุทธเจ้าข้า
แต่วันวานนี้เหตุไฉนจึ่งทราบเกล้า ท้าวเธอจึ่งตรัสว่าพระน้องเอ่ย
พี่จะเล่าให้เจ้าฟังก็สุดใจ ด้วยเจ้ามาแต่ป่ายังเหนื่อยนัก พี่เห็นว่า
ความร้อนความรักจะรุกอก ด้วยสองดรุณทารกเป็นเพื่อนไร้
เจ้ามัทรีเอ่ย จงผ่องใสอย่าสอดแคล้น อันสองพระลูกแก้วไปไกล
เนตร
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
พระนางจึ่งตรัสว่า พระพุทธเจ้าข้าอันสองกุมารนี้ เกล้ากระหม่อมฉาน
ได้อุตสาหะถนอม ย่อมพยาบาลบารุงมา ขออนุโมทนาด้วยปิยบุตรทาน
บารมี ขอให้น้าพระหฤทัยพระองค์จงผ่องแผ้วอย่ามีมัจฉริยธรรมอกุศล
อย่ามาปะปนในน้าพระทัยของพระองค์เลย ท้าวเธอจึ่งตรัสว่าพระน้อง
เอ่ย ถ้าพี่มไิ ด้ให้ด้วยเสื่อมใสศรัทธาแท้แล้ว ที่ไหนเลยแผ่นดินดานจะ
กัมปนาทหวาดหวั่นไหวจลาจล ท้าวเธอเล่านุสนธิม์ หัศจรรย์ อันมีอยู่ใน
กัณฑ์กุมารบรรพ กลับมาเล่าให้พระมัทรีฟังแต่ในกาลหนหลังนี้แล้วแล
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
( สา มฺที ) ส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีสุนทรบวรราชธิดามหาสมมุติ
วงศ์วิสุทธิสืบสันดานมา ( วราโรหา ) ทรงพระพักตร์ผวิ ผ่อง
ดุจเนื้อทองไม่เทียมสี ( ยสสฺสินี ) มีพระเกียรติยศอันโอฬารล้า
เลิศวิไลลักษณ์ยอดกษัตริย์ อันทรงพระศรัทธาโสมนัสนบนิ้วประนม
น้อมพระเศียรเคารพทาน ท้าวเธอก็ก็ชื่นบานบริสุทธิ์ด้วยปิยบุตรมิ่ง
มกุฎทานอันพิเศษ
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

กัณฑ์มัทรี
ฝ่ายฝูงอมรเทเวศทุกวิมานมาศมนเทียรทุกหมู่ไม้ ก็ยิ้มแย้ม
พระโอษฐ์ ตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน ร้องสาธุการสรรเสริญทาน
บารมี ทั้งสมเด็จอมรินทร์เจ้าฟ้าสุราลัยอันเป็นใหญ่ในดาวดึงส์
สวรรค์ ก็มาโปรยปรายทิพยบุปผากรอง ทั้งพวงแก้วและพวงทองก็
โรยร่วงจากกลีบเมฆกระทาสักการบูชาแก่สมเด็จนางพระยามัทรี
ท้าวเธอทรงกระทาอนุโมทนาทา ( เวสสฺสนฺตรสฺส ) แห่งพระ
เวสสันดรราชฤๅษีผู้เป็นพระภัสดา ( อิติ เมาะ อิมินา ปกาเรน )
ด้วยประการดังนี้แล้วแล
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๑ คุณค่าด้านเนื้อหา
๑. รูปแบบ
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีแต่งด้วยคาประพันธ์ประเภทร่ายยาว
นาด้วยคาภาษาบาลีท่อนหนึ่ง แล้วแต่งด้วยร่ายยาวมีคาบาลีแทรก
เป็นการใช้รูปแบบคาประพันธ์ได้เหมาะสมกับสาระสาคัญ ซึ่งจะทาให้
ผู้อ่านมีความซาบซึ้งในความรักของผู้เป็นแม่ได้อย่างดียิ่ง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๒. องค์ประกอบของเรื่อง

๒.๑ สาระสาคัญ เป็นการแสดงความรักของแม่ที่มีต่อลูก


ว่าเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ การพลัดพรากจากลูกย่อมนาความ
ทุกข์โศกมาสู่แม่อย่างยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบได้
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๒.๒ โครงเรื่อง มีการวางโครงเรื่องได้ดีโดยผูกเรื่องให้เทพบุตร
๓ องค์ นิรมิตกายเป็นสัตว์ร้ายมาขวางนางมัทรีไว้ จนกลับอาศรมได้
ทันเวลาที่พระเวสสันดรจะให้ทานสองกุมารให้กับพราหมณ์ชูชก เมื่อนาง
กลับมาแล้วไม่พบสองกุมารก็โศกเศร้าเสียพระทัยจนสลบไป ต่อมาภายหลัง
ได้ทรงทราบว่าพระเวสสันดรทรงให้ทานสองกุมารให้แก่พราหมณ์ชูชก
นางมัทรีก็คลายความเศร้าโศกพระทัย และเต็มพระทัยอนุโมทนาในบุตร
ทานของพระเวสสันดร
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๒.๓ ตัวละคร มีลักษณะตัวละครสาคัญดังนี้

พระเวสสันดร
๑) มีคุณธรรมสูงเหนือมนุษย์ ยากที่มนุษย์ทั่วไปจะทาได้
ได้แก่การบริจาคบุตรทาน คือพระชาลีและพระกัณหา
ซึ่งเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ให้เป็นทานแก่ชูชก
นับเป็นการบาเพ็ญทานอันยิ่งใหญ่ประการหนึ่ง
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์

๒) มีความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ เช่น ทาการให้


นางมัทรีต้องเจ็บพระทัย เพื่อจะได้คลายความเศร้าโศกที่
พระกุมารทั้งสองหายไป เป็นการใช้จิตวิทยาเพื่อให้นางมัทรี
คลายความเศร้าโศก มิเช่นนั้นนางอาจจะเศร้าโศกจนเกิด
อันตรายได้
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์

นางมัทรี มีลักษณะสาคัญดังนี้
๑) มีความจงรักภักดีต่อพระสวามี
๒) เป็นยอดกุลสตรี ปฏิบัติหน้าที่ภรรยาและมารดาได้อย่างสมบูรณ์
๓) มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลาบาก
๔) มีจิตอันเป็นกุศล จึงอนุโมบุตรทานของพระเวสสันดร
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๒.๔ ฉากและบรรยากาศ
ฉากเป็นป่าบริเวณอาศรมของพระเวสสันดร ผู้แต่งบรรยายบรรยากาศได้
สมจริง และเหมาะสมสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ดังปรากฏบทอาขยานที่นักเรียน
ท่องจา
๒.๕ กลวิธีในการแต่ง
แต่งด้วยคาประพันธ์ประเภทร่ายยาวที่มีคาถาบาลีนา เป็นตอนที่ว่า
ด้วยนางมัทรีเข้าป่าไปหาผลไม้ กลับมาไม่พบพระกุมารผู้เป็นลูก จึงออกตามหา
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
ผู้แต่งเน้นให้ผู้อ่านเกิดความซาบซึ้งในการพรรณนาความรักของแม่ที่มี
ต่อลูก รสวรรณคดีที่เด่นชัดที่สุด คือ สัลลาปังคพิสัย รองลงมาคือ พิโรธ
วาทัง ซึ่งปรากฏในตอนที่พระเวสสันดรทรงเห็นนางมัทรีเศร้าโศก จึงคิดหา
วิธีตัดความเศร้าโศกนั้น ด้วยการกล่าวบริภาษนางมัทรีว่า คิดนอกใจไปคบ
กับชายอื่น
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
นางมัทรีทรงเจ็บพระทัยเลยตัดพ้อพระเวสสันดรก่อนจะออกตามหา
พระโอรสพระธิดา ด้วยพระวรกายที่อิดโรยจนสลบไป ตอนนี้เป็นช่วงที่
สะเทือนอารมณ์และบีบคั้นหัวใจมาก ส่งผลให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกสงสาร
และเห็นใจนางมัทรีที่ต้องสูญเสีย แต่เมื่อทราบความจริงนางก็เข้าใจคลาย
ความเศร้าโศกและอนุโมทนาทานบารมีกับพระเวสสันดร ผู้อ่านก็เกิดความ
ปีติใจ นับว่าผู้แต่งได้ใช้กลวิธีในการนาเสนอได้อย่างสะเทือนอารมณ์
และน่าสนใจ
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์

๑. การสรรคา กวีได้เลือกสรรคาที่สื่อความคิดได้ดีดังนี้
๑.๑ การใช้ถ้อยคาให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ กวีเลือกใช้คาได้
เหมาะสมกับอารมณ์ที่ต้องการจะถ่ายทอด ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๑) การใช้ถ้อยคาราพึงราพัน เป็นการราพึงราพันบรรยากาศผ่านตัวละครที่ได้
อารมณ์ความสะเทือนใจ และตรงใจผู้เป็นแม่ในชีวิตจริงในทุกยุคทุกสมัย เป็นการ
เพิ่มความรักความผู้พันให้ผู้อ่านและผู้ฟังที่เป็นแม่และลูกได้เป็นอย่างดียิ่ง ดังนี้
“...เมื่อเช้าแม่จะเข้าสู่ป่า พ่อชาลีแม่กัณหายังทูลสั่ง แม่ยังกลับหลังมาโลม
ลูบจูบกระหม่อมจองเกล้าทั้งสองรา กลิ่นยังจับนาสาอยู่รวยรื่น....ใครจะดอกพระศอ
เสวยนมผทมด้วยแม่เล่า ยามเมื่อแม่จะเข้าที่บรรจถรณ์ เจ้าเคยเรียงหมอนนอน
แนบข้างทุกราตรี แต่นี้แม่จะกล่อมใครให้นิทรา...”
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๒) การใช้ถ้อยคาสานวนเชิงตัดพ้อ ให้ให้เกิดอารมณ์สงสารเวทยาและบีบคั้น
จิตใจผู้อ่านผูฟ
้ ังเป็นอย่างยิ่ง ดังนี้
“....อกของใครจะอาภัพยับพิกลเหมือนอกของมัทรีไม่มีเนตร น่าที่จะสงสารสังเวช
โปรดปราณีว่ามัทรีนี้เป็นเพื่อนยากอยู่จริงๆ ช่างค้อนติงปริภาษณาได้ลงคอไม่คิด
เลย พระคุณเอ่ยถึงพระองค์จะสงสัยก็น้าใจของมัทรีนี้กตเวที เป็นไม้เท้าก้าวเข้าสู่ที่
ทางทดแทน ......อุปมาเหมือน สีดาอันภักดีต่อสามีรามบัณฑิต ปานประหนึ่งว่า
ศิษย์กับอาจารย์ พระคุณเอ่ยเกล้ากระหม่อมฉานทาผิดแต่เพียงนี้”
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๓) การใช้แสดงอารมณ์หึงหวงให้เจ็บแค้นเพื่อดับความโศกเศร้า ให้เกิด
อารมณ์สงสารเวทนาและบีบคั้นจิตใจผู้อ่านผูฟ
้ ังเป็นอย่างยิ่ง ดังนี้

“....จาจะเอาโวหารการหึงเข้ามาหักโศกให้เสื่อมลง จึ่งเอื้อนโองการตรัส
ประภาษว่า (ดูกรนางนาฏ พระน้องรัก เจ้าผู้มีพักตร์อันผุดผ่องเสมือนหนึ่งเอาน้าทอง
มาทาบทับประเทืองผิว ราวกะว่าจะลอยลิ่วเลื่อนลงจากฟ้า ใครได้เห็นเป็นขวัญตา
เต็มจะหลงละลายทุกข์ปลุกเปลื้องอารมณ์ชายให้เชยชื่น จะนั่งนอนเดินยืนก็ต้อง
อย่าง)”
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๔) การใช้คาซ้าและกลุ่มคาที่มีพื้นเสียงเดียวกัน ดังนี้
“....อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้
สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือก
ตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุก
แห่งห้องหิมเวศ ทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล
สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสาเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่าเรียกพิไรร้อง
สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื่องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้น
เห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย ”
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์

๒. การใช้โวหาร กวีได้เลือกใช้สานวนภาษาก่อให้เกิดจินตภาพ ดังนี้


๒.๑ การใช้อุปมาโวหารที่แสดงความเศร้าโศกของนางมัทรี
จนสลบไป เป็นจุดเด่นของกัณฑ์มัทรีที่ทาให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์
สะเทือนใจด้วยความสงสาร การใช้ถ้อยคาแสดงความสามารถของ
กวีในการประพันธ์ได้อย่างชัดเจน
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
“...ควรจะสงสารเอ่ยด้วยนางแก้วกัลยาณี น้อมพระเกศีลงทูลถามหวังจะติดตามพระ
ลูกรักทั้งสองรา กราบถวายบังคมลาลุกเลื่อนเขยื้อนยกพระบาทเยื้องย่าง พระกาย
นางให้เสียวสั่นหวัน่ ไหวไปทัง้ องค์ ดุจชายธงอันต้องกาลังลมอยู่ลิ่วๆ สิ้นพระแรงโรย
เธอโหยหิวระหวยทรวง พระศอเธอหงุบง่วงดวงพระพักตร์เธอผิดเผือดให้แปรผัน
จะทูลสั่งก็ยังมิทันที่ว่าจะทูลเลย แต่พอตรัสว่าพระคุณเจ้าเอ๋ยคาเดียวเท่านั้นก็หาย
เสียงเอียงพระกายบ่ายศิโรเพฐน์ พระเนตรหลับหับพระโอษฐ์ลงทันที (วิสญฺญี หุตฺ
วา) นางก็ถงึ วิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉาน ปานประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้อง
สายอัสนีฟาดขาดระเนนเอนแล้วก็ล้มลงตรงหน้าพระที่นั่งเจ้า นั้นแล
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๒.๒ การใช้คาอ้างอิงสานวนสุภาษิต เป็นการใช้ถ้อยคาให้เกิดแง่คิดกับผู้อ่านและ
ผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ดังนี้
....อกเอ๋ยจะอยู่ไปไยให้ทนเวทนา อุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ย่อมจะอาสัญลง
เพราะลูกเป็นแท้เที่ยง ....
.... อุปมาเสมือนหนึ่งภุมรินบินวะว่อน เที่ยวซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ
พบดอกไม้อันวิเศษต้องประสงค์ หลงเคล้าคลึงรสจนลืมรัง เข้าเถื่อนเจ้าลืมพร้าได้
หน้าเจ้าลืมหลัง..”
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๓ คุณค่าด้านสังคม

๑. สะท้อนค่านิยมเกี่ยวกับสังคมไทย ในสมัยโบราณถือว่าภรรยาเป็น
ทรัพย์สมบัติของสามี สามีมสี ิทธิ์เหนือภรรยาทุกประการ ถ้าสามีเป็น
กษัตริย์ อานาจนั้นก็มากขึ้น ดังคาที่พระเวสสันดรตรัสแก่นางมัทรีว่า
“...เจ้าเป็นแต่เพียงเมียควรหรือมาหมิ่นได้ ถ้าแม้นพี่อยู่ในกรุงไกร
เหมือนแต่ก่อนเก่า หากว่าเจ้าทาเช่นนี้ กายของมัทรีก็จะขาดสะบั้นลงทันตา
ด้วยพระกรเบื้องขวาของอาตมานี้แล้วแล..”
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์

นอกจากนี้ผู้หญิงจะต้องปรนนิบัติสามี ซื่อสัตย์ต่อสามี ส่วนลูก


นั้นถือเป็นสมบัติของพ่อแม่ ต้องเครารพเชื่อฟัง และพ่อแม่
สามารถยกลูกให้ผู้อื่นได้
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๒. สะท้อนให้เห็นธรรมชาติของมนุษย์ ความรักนามาซึ่ง
ความทุกข์ ความโศกเศร้าเสียใจ เช่น เมื่อลูกพลัดพรากจาก
ไปพ่อแม่ย่อมมีความทุกข์เพราความรัก ความเป็นห่วง กังวล
โศกเศร้า เมื่อคิดว่าลูกของตนล้มหายตายจากไป แต่ความ
โศกเศร้าเสียใจจะบรรเทาลงได้เมื่อมีความโกรธ เจ็บใจ
หรือเมื่อเกิดความเข้าใจในสิ่งที่ผู้อื่นทา
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์

ตัวอย่างเช่น ตอนที่พระเวสสันดรกล่าวบริภาษนางมัทรี
เพื่อให้นางมัทรีจึงโกรธจนลืมความโศกเศร้า
“...สมเด็จพระราชสมภาร เมื่อได้สดับสารพระมัทรีเธอแสน
วิโยคโศกศัลย์สุดกาลัง ถึงแม้นจะมิตรัสแก่นางมั่งจะมิเป็นการ
จาจะเอาโวหารการหึงเข้ามาหักโศกให้เสื่อมลงจึ่งเอื้อนโองการตรัส
ประภาษว่า....”
ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

คุณค่าของบทประพันธ์
๓. สะท้อนความเชื่อของสังคมไทย จากข้อความตอนที่พระนางมัทรีออกสู่
ป่าเพื่อหาเก็บผลไม้ ผลไม้ก็เพี้ยนผิดปกติ ซึ่งถือว่าเป็นลางร้าย จากความ
ในบทประพันธ์ว่า
“...เหตุไฉนไม้ที่มีผลเป็นพุ่มพวง ก็กลายกลับเป็นดอกดวงเดียรดาษ
อนาถเนตร แถวโน้นนั่นแก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง ถัดไปก็สายหยุด
ประยงค์แลยมโดย ยามพระพายพัดเคยร่วงโรยรายดอกลงมูนมอง แม่ยังได้
เก็บมาร้อยกรองไปฝากลูกเมื่อวันวาน ก็เพี้ยนผิดพิสดารเป็นพวงผล...”
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

แบบฝึกหัดทบทวน
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๑. มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มีลักษณะดีที่สุด คือข้อใด

๑. ใช้พรรณนาโวหารได้อารมณ์ความรู้สึกเป็นอย่างดี
๒. ใช้คาเลียนเสียงธรรมชาติให้เห็นภาพ
๓. ใช้คากล่าวเกินจริงให้เห็นภาพ
๔. บรรยายโวหารให้เห็นภาพ
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๒. รสวรรณคดีที่ดีเด่นที่สุดในมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรีคอื อะไร

๑. เสาวรจนี
๒. นารีปราโมทย์
๓. พิโรธวาทัง
๔. สัลลาปังคพิสัย
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๓. เพราะเหตุใดพระเวสสันดร จึงไม่บอกพระนางมัทรีให้ทราบตั้งแต่
แรกว่าได้ทานบุตรทั้งสองให้แก่ชูชกไปแล้ว
๑. กลัวพระนางทาใจไม่ได้
๒. ไม่มีความจาเป็นต้องบอก
๓. กลัวพระนางตามเอาคืน
๔. กลัวพระนางหนีไป
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๔. ข้อใดไม่มกี ารใช้ภาพพจน์แบบบุคคลวัต
๑. โอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยจะมิดึกดื่น
๒. ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ
๓. ทั้งพื้นป่าพระหิมพานต์ก็ผิดผันหวั่นไหวอยู่วิงเวียน
๔. เสียงเนื้อนกรี่ร่าร้องสาราญรังเรียกคู่คูขยับขัน
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๕. ข้อใดมีการเล่นคาซ้า
๑. พร้อมด้วยเบญจางคจริตรูป จาเริญโฉมประโลมโลก
ล่อแหลมวิไลลักษณ์
๒. นี่เจ้าเที่ยงพเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนกชมไม้ในไพรวัน
สารพันที่จะมี
๓. ใบชอุ่มประชุมช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง
๔. ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๖. ข้อใดไม่ใช่คุณค่าทางด้านวรรณศิลป์ที่ปรากฏในเรื่องมหา
เวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี
๑. การเล่นเสียง การเล่นคา
๒. การใช้ภาพพจน์ เช่น อุปมา บุคคลวัต เป็นต้น
๓. การใช้ธรรมชาติเปรียบกับความทุกข์โศกของพระนางมัทรี
๔. การใช้ธรรมชาติเปรียบกับความเสียสละของพระเวสสันดร
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๗. ข้อใดไม่ใช่แนวคิดสาคัญของเรื่องมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี

๑. ความรักของแม่ที่มตี ่อลูกนั้นยิ่งใหญ่นัก
๒. ผู้มีปัญญาย่อมแก้ไขปัญหาชีวิตได้ดี
๓. การบริจาคบุตรทานบารมีเป็นสิ่งที่ยากจะกระทาได้
๔. ความซื่อสัตย์ของสามีภรรยาทาให้ชีวิตครอบครัวมี
ความสุข
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๘. โวหารที่ดีเด่นที่สุดในมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี

๑. บรรยายโวหาร
๒. พรรณนาโวหาร
๓. อุปมาโวหาร
๔. สาธกโวหาร
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๙. “นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทัย ดั่งเอาเหล็กแดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนี่
เหลือทน อุปมาเหมือนคนไข้หนักแล้วมิหนา ยังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้า
ให้เวทนา” ข้อใดเป็นสาเหตุของคาประพันธ์นี้

๑. ครั้นลูกหายทั้งสองคนก็ส้นิ คิด
๒. ทาเป็นบีบน้าตาว่าลูกหาย
๓. ท้าวเธอก็ขังขึงตึงพระองค์
๔. เจ้าเป็นแต่เพียงเมียควรหรือมาหมิ่นได้
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๑๐. การเสียสละของพระนางมัทรีสะท้อนให้เห็นอะไรในพระนาง

๑. เห็นความอ่อนโยนของพระนาง
๒. เห็นน้าพระทัยที่รู้จักปล่อยวาง
๓. เห็นน้าพระทัยที่ไม่ดงึ ดื้อถือรั้น
๔. เห็นน้าพระทัยของพระนางที่เข้าใจดีกว่าการรักลูกของตนไม่
ยิ่งใหญ่เท่ากับบาเพ็ญบุตรทานบารมีของ พระเวสสันดร
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๑๑. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของมหาชาติ

๑. เผยแผ่พระศาสนากว้างไกล
๒. บาเพ็ญทานบารมีอันยิ่งใหญ่
๓. บาเพ็ญบารมีครบทั้งสิบประการ
๔. เป็นพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๑๒. เหตุใดพระอินทร์จึงสั่งเทพบริวารให้จาแลงกายเป็นสัตว์ร้ายมา
ขวางทางพระนางมัทรี

๑. เพราะเกรงว่าพระนางมัทรีจะพบสองกุมาร
๒. เพราเกรงว่าพระนางมัทรีจะขัดขวางพระเวสสันดร
๓. เพราะเกรงว่าพระเวสสันดรจะทรงทาทานบารมีไม่สาเร็จ
๔. เพราะเกรงว่าพระนางมัทรีจะไม่ได้รับอานิสงส์จากทานบารมี
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๑๓. ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรีสะท้อนให้เห็น
ถึงอะไรมากที่สุด
๑. ความรักโอรสธิดาและพระสวามีของพระนางมัทรี
๒. ความอดทนของพระนางมัทรี
๓. ความเสียสละของพระนางมัทรี
๔. ความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูก
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๑๔. “พอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช สะดุ้งพระทัยไหวหวาดวะ


หวีดวิ่งวนแวะเข้าข้างทาง พระทรวงนางสันระรัวริกเต้นดั่งตีปลา”
คาประพันธ์นี้แสดงถึงอารมณ์ใดของตัวละครชัดเจนที่สุด
๑. โศกเศร้า
๒. ตรอมใจ
๓. หวาดกลัว
๔. เป็นทุกข์
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

๑๕. ข้อใดเด่นในด้านการเล่นสัมผัสการซ้าคาและซ้าเสียงได้อย่างไพเราะให้
อารมณ์สะเทือนใจ
๑. เสียงชะนีเหนี่ยวไม้ไห้หาละห้อยโหย พระกาลังนางก็อิดโรยพิไรร่าร้อง
๒. ดะดุ่มเดินเมิลมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ แต่ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง
๓. สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดินก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้น
เห็นสุดคิด
๔. น้าเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไรจึงขอดข้นลงขุ่นหมองพระพายเอ่ยเคยมาพัดต้อง
กลีบอุบล
ภาษาไทยกับครูพีต่ ี่ตี๋ – อ. พีระเสก บริสุทธิ์บัวทิพย์

ภาษาไทยกับครูพตี่ ี่ตี๋

You might also like