Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 34

รายงานผลสรุ ปการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้สาหรับ

ผู้บริหารภาครั ฐ
หลักสูตร

การคิดนอกกรอบ
เพื่อสร้ างสรรค์ อย่ างท้ าทาย

Error! Number cannot be represented in specified format.


ชื่อหลักสูตร: การคิดนอกกรอบเพื่อสร้ างสรรค์อย่างท้ าทาย
วัน เวลาและสถานที่: วันศุกร์ ที่ ๑๔ และวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.
ณ. โรงแรมเซ็นธารา ดวงตะวัน จังหวัด เชียงใหม่
วิทยากร: คุณอิสระ ยงปิ ยะกุล บริษัทที่ปรึกษาเอพีเอ็ม กรุ๊ป
กรอบเนือ้ หารายงาน:
 หลักการและเหตุผลของกิจกรรม
 ผลลัพธ์และประโยชน์จากการเรี ยนรู้
 วัตถุประสงค์ของกิจกรรม
 หัวข้ อการเรี ยนรู้
 สรุปเนื ้อหาและภาพรวมของกิจกรรม
 ประมวลภาพบรรยากาศในการเรี ยนรู้


หลักการและเหตุผลของกิจกรรม

ในยุ ค ที่ ต ลาดส าหรั บ ผู้ บริ โ ภคมี ก ารเจริ ญ เติ บ โตอย่ า งก้ าวกระโดด สภาวะการแข่ ง ขัน สู ง
อันเนื่องมาจากการรวมตัวกันของประเทศสมาชิกในประชาคมอาเซียน ยังรวมถึงกระแสการดาเนินงานที่
จ าเป็ นต้ อ งสร้ างความเป็ นมิ ต รกับ สิ่ ง แวดล้ อ ม ด้ ว ยปั จ จัย ตัว อย่า งข้ างต้ น นี ย้ ่อ มส่ง ผลให้ ก ารคิด หรื อ
การดาเนินงานในรูปแบบเดิมๆ ของประเทศไทยไม่สามารถกลายเป็ นผู้นาทางการแข่งขันในระยะยาวต่อไป
ได้ โดยเฉพาะโจทย์ทางยุทธศาสตร์ ในการพัฒนาเศรษฐกิ จแบบสร้างสรรค์และการเติ บโตอย่างเป็ นมิ ตรต่อ
สิ่ งแวดล้อมที่ผ้ บู ริ หารระดับสูงภาครัฐมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนทาให้ มีความจาเป็ นอย่างยิ่งยวดที่จะต้ อง
ปรับเปลี่ยนบทบาทด้ วยการควบรวมทังการเป็ ้ นผู้ริเริ่ มในแนวความคิด และเป็ นผู้ผลักดันสูก่ ารลงมือปฏิบตั ิ
อย่างสัมฤทธิ์ ผล เพื่อให้ การบริ หารงานในขอบเขตและพื ้นที่ที่รับผิดชอบมีความแตกต่างอย่างสร้ างสรรค์
รวมถึงสามารถสร้ างมูล ค่าเพิ่ ม ได้ การเป็ นผู้ริเริ่ ม จะต้ องเริ่ ม จากการปรับ ทักษะการคิดที่ ต้องมี มุม มอง
แบบ ‘นอกกรอบ’ อันหมายถึงเป็ นความคิดที่เป็ นระบบซึ่งท้ าทายแนวคิดแบบเดิมๆ ซึ่งจะนาไปสู่ความคิด
แบบสร้ างสรรค์ นวัต กรรมแบบใหม่ ๆ ที่ ส ามารถปฏิ บัติ ไ ด้ จริ ง รวมทั ง้ ตอบโจทย์ ภ ารกิ จ ต่ า งๆ ใน
การบริหารงานภาครัฐ และได้ ผลลัพธ์ที่ต้องการ

ผลลัพธ์ และประโยชน์ จากการเรี ยนรู้

หลักสูตรนี ้จะช่วยพัฒนาทักษะการสร้ างความคิดที่สร้ างสรรค์และนวัตกรรมอย่างเป็ นระบบ ตังแต่ ้


การฝึ กคิดภายใต้ การตังสมมติ้ ฐานใหม่ สนับสนุนให้ คดิ นอกกรอบไม่เหมือนเดิม มุ่งเน้ นการประยุกต์ใช้ เพื่อ
สร้ างมูลค่าเพิ่มในกระบวนการพัฒนาสินค้ าและบริ การ จนถึงการปรับใช้ ในกระบวนการทางานอื่นให้ เพิ่ม
ความสามารถในการแข่งขัน ตามแผนพัฒ นาจังหวัด และกลุ่ม จังหวัด โดยสามารถสรุ ป ประโยชน์ จ าก
การเรี ยนรู้ในหลักสูตรได้ ดงั นี ้
 สามารถนาความคิด เครื่ องมือที่จะมาช่วยเปิ ดมุม มองและต่อยอดจากกรอบความคิดแบบเดิม ๆ
เพื่ อ ให้ เกิ ด ความคิด และแนวทางการท างานใหม่ ๆ ที่ แตกต่างและเพิ่ ม คุณ ค่า ให้ กับ ความคิ ด
เหล่านัน้ ซึง่ จะช่วยให้ สามารถก้ าวข้ ามความท้ าทายต่างๆ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้
 ได้ แนวคิดและเครื่ องมือที่จะนาไปใช้ ในการกระตุ้นความคิดของผู้ใต้ บงั คับบัญ ชาและ ผู้ที่
เกี่ยวข้ องอื่นๆ ให้ เกิดความคิดและแนวการกระบวนการทางานใหม่ๆ ที่แม้ แตกต่างแต่ได้ ผลลัพธ์ที่
ต้ องการ


หัวข้ อการเรี ยนรู้
 การฝึ กทักษะความคิดนอกกรอบในเชิงสร้ างสรรค์และเป็ นระบบ
 การปรับมุมมองทัศนคติที่ไม่ยอมจานนต่ออุปสรรคแวดล้ อมและท้ าทายความคิดแบบเดิมๆ
 ฝึ กการสร้ างแผนปฏิบต
ั งิ านด้ วยการประยุกต์ใช้ หลักการคิดสร้ างสรรค์และการคิดสร้ างนวัตกรรม

วัตถุประสงค์ การเรี ยนรู้


 ช่วยพัฒนาทักษะการสร้ างความคิดสร้ างสรรค์และนวัตกรรมอย่างเป็ นระบบ
 ฝึ กการคิ ด ภายใต้ ส มมติ ฐ านแบบใหม่ แ ละคิ ด นอกกรอบไม่ เ หมื อ นเดิ ม จนถึ ง การปรั บ ใช้ ใ น
กระบวนการทางานอื่นให้ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุม่ จังหวัด
 เพื่อกระตุ้น ส่งเสริ ม และสร้ างนวัตกร ให้ เกิดขึ ้นในหน่วยงาน/ องค์กร


สรุปเนือ้ หาและภาพรวมของกิจกรรม

นิยามของ “นวัตกรรม”

นวัตกรรม หรื อ Innovation คือ คาที่เราใช้ เรี ยกสิ่งที่ถูกสร้ างขึน้ ภายใต้ การคิดแบบสร้ างสรรค์และ
แปลกใหม่ หมายรวมถึงสิ่งของใหม่ๆ ที่เกิดขึ ้นในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลาย อาทิ สิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์
เทคโนโลยี รู ปแบบสินค้ า ประเภทของบริ การ หรื ออื่นๆ โดยจากการศึกษาข้ อมูลจากผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
หรื อ “กูรู” และสถาบันที่เชี่ยวชาญในด้ านนวัตกรรมชันน
้ าในต่างประเทศและในเมืองไทยหลายๆ แหล่งนัน้
พบว่า มีการให้ คาจากัดความของคาว่า “นวัตกรรม” แตกต่างกันออกไป
ดังนี ้

Change that creates a new dimension of performance


การเปลีย่ นแปลง ที่ก่อให้ เกิดผลลัพธ์ในมิตใิ หม่
Peter Drucker

Value that is locked at the deep intersections of


industrial, societal, governmental & academic knowledge &
technology
คุณค่าทีถ่ กู จากัดไว้ ณ. จุดตัดลึกๆ แห่งความรู้ และเทคโนโลยีของอุตสาหกรรม,
สังคม, รัฐ, และ การศึกษา

สิง่ ใหม่ที่เกิดจากการใช้ (ประยุกต์) ความรู้ & ความคิดสร้ างสรรค์ ที่มี


ประโยชน์ ต่อ เศรษฐกิจ & สังคม


“การทาสิ่งต่างๆ ด้ วยวิธีใหม่ๆ และยังอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การผลิต กระบวนการ หรื อ
องค์กร ไม่ว่าการเปลี่ยนนัน้ จะเกิด ขึน้ จากการปฏิ วัติ การเปลี่ยนอย่างถอนรากถอนโคน หรื อการพัฒ นา
ต่ อยอด ทัง้ นี ้ มักมีการแยกแยะความแตกต่างอย่างชัดเจน ระหว่างการประดิษฐ์ คิดค้ น ความคิดริ เริ่ ม และ
นวัต กรรม อัน หมายถึ ง ความคิ ด ริ เริ่ ม ที่ น ามาประยุ ก ต์ ใ ช้ อ ย่ า งสั ม ฤทธิ์ ผ ล (Mckeown, 2008) และใน
หลายสาขา เชื่อกันว่าการที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเป็ นนวัตกรรมได้ นนั ้ จะต้ องมีความแปลกใหม่อย่างเห็นได้ ชดั และ
ไม่เป็ นแค่เพียงการเปลี่ยนแปลงครัง้ สาคัญ เป็ นต้ นว่า ในด้ านศิลปะ เศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และนโยบาย
ของรั ฐ ในเชิงเศรษฐศาสตร์ นัน้ การเปลี่ ยนแปลงนัน้ จะต้ อ งเพิ่ ม มูล ค่า ของลูก ค้ า หรื อ มูล ค่า ของผู้ผ ลิ ต
เป้าหมายของนวัต กรรมคือการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก เพื่อทาให้ สิ่งต่างๆ เกิดเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึน้
นวัตกรรมก่อให้ ได้ ผลิตผลเพิ่มขึ ้น และเป็ นที่มาสาคัญของความมัง่ คัง่ ทางเศรษฐกิจ

นวัตกรรมเป็ นหัวข้ อหลักในการศึกษาด้ านเศรษฐศาสตร์ ธุ รกิจ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ และวิศวกรรม และหากพูดกันแบบภาษา


ชาวบ้ านแล้ ว คาว่า 'นวัตกรรม' มักจะหมายถึงผลลัพธ์ ของกระบวนการ และในฐานะที่นวัตกรรมมักจะได้ รับการยกย่องว่าเป็ นกลไกสาคัญใน
การผลักดัน เศรษฐกิจ ปั จจัยที่นาไปสูน่ วัตกรรม มักได้ รับความสาคัญจากผู้ออกนโยบายว่าเป็ นเรื่องวิกฤติ
มีผ้ ใู ห้ ความหมายไว้ มากมาย ในยุคแรกๆ จะพูดถึงอะไรที่เป็ นสิ่งใหม่ๆ เท่านัน้ ต่อมา โรเจอร์ ได้ เริ่ มกล่าวถึง การแพร่กระจายของ
นวัตกรรมด้ วย Diffusion of Innovation อย่างไรก็ดี คาจากัดความที่ดเู หมือนจะครอบคลุมที่สดุ คือ Invention + Commercialization หรือ ต้ อง
มีการนาสิ่งประดิษฐ์ ที่คิดว่าใหม่ ไปใช้ ให้ เกิดประโยชน์ได้ จริง ทังทางธุ
้ รกิจ หรือ ทางสังคม ทังนี
้ ้รูปแบบของนวัตกรรม ก็สามารถแบ่งออกเป็ นได้
ตามรูปแบบ (Product, Service, Process) หรือ อาจแบ่งตามระดับความใหม่ก็ได้ ซึง่ จะแบ่งออกเป็ น 4 กลุม่ ด้ วยกัน ได้ แก่ Incremental,
Modular, Architectural และ Radical Innovation Teerapon.T (2008) กล่าวถึง Innovation หรือ นวัตกรรมว่า อาจหมายถึง สิ่งประดิษฐ์ หรือ
สิ่งใหม่ ที่ต้องสร้ างให้ เกิด Value Creation คือ นาไปใช้ ให้ เกิดประโยชน์ได้ นนั่ เอง”

อย่ า งไรก็ ต าม จากค านิ ย ามโดยภาพรวมแล้ ว จะพบว่า นวัต กรรมต่ า งๆ ที่ เกิ ด ขึน้ บนโลกใบนี ้
ล้ วนแล้ วแต่มี จุดเริ่ มต้ นพื น้ ฐานมาจากความคิดและจินตนาการที่สร้ างสรรค์ หรื อมีแนวคิดที่ แปลกใหม่
แหวกแนวไปจากความคิดรูปแบบเดิมๆ ที่เคยเป็ นมาแล้ วทังสิ
้ ้น แต่ในความเป็ นจริ งแล้ ว ไม่ได้ หมายความ
ว่า ทุกแนวคิด ทุกความคิดสร้ างสรรค์ที่มีนนจะสามารถกลายเป็
ั้ นนวัตกรรมได้ (Innovation) แต่การที่จะ
เรี ยกว่า “นวัตกรรม” ได้ นนคื
ั ้ อ ต้ องมองสิ่งเดิม ในมุมใหม่ คือ การนาความคิดสร้ างสรรค์ (Creativity) นัน้
มาท าให้ เกิ ด ขึ น้ เป็ นรู ป เป็ นร่ า ง และลู ก ค้ าหรื อ ผู้ ใช้ ให้ การยอมรั บ (Uptake) รวมถึ ง เห็ น ว่ า เป็ น
ทางเลื อกที่ ดี ก ว่ าทางเลื อกอื่ น คือ นาไปใช้ ได้ จริ งที่ จ ะสร้ างคุณ ค่าเพิ่ม ขึน้ ในระบบเศรษฐกิจ ก่อเกิ ด
ประโยชน์เชิงพาณิชย์ (Commercialization) ดังแสดงในรูป ๑.๑


Innovation
Commercialization
Creativity
ความสามารถในการผลิต
 ลูกค้ า ผู้ใช้ ตอบรับ
มองสิง่ เดิม สร้ างผลลัพธ์ใหม่ๆ ออกมา
เห็นมุมใหม่  ดีกว่าทางเลือกอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

รูป ๑.๑ ความหมายของนวัตกรรม

ถอดบทเรี ยน จากประสบการณ์

นับจากอดีตจนถึงปั จจุบัน เราเรี ยนรู้ ว่านวัตกรรมคือ การเปลี่ยนแปลง...สิ่งที่ แปลกใหม่ ไม่เคยมี


มาก่อน...หลายๆ องค์กรมีการตื่นตัวด้ านการสร้ างนวัตกรรมให้ เกิดขึน้ ในองค์กรมาเป็ นระยะเวลานาน
พอสมควร ซึง่ บางองค์กรประสบความสาเร็จ ขณะที่หลายๆ องค์กรประสบกับความล้ มเหลวอย่างไม่เป็ นท่า
สูญ เสี ย ทัง้ ทรั พ ยากรและเวลาที่ ล งทุน ไปมากมาย หลายๆ องค์ กรอยากที่ จ ะมี อยากจะท าให้
นวั ต กรรม (Innovation) เกิ ด ขึ น้ ในองค์ ก รแต่ ก็ ท าไม่ ไ ด้ ค าถามคื อ เพราะอะไรจึ งท าไม่ ไ ด้ ?
สิ่งหนึ่งที่ เราเรี ยนรู้ ได้ จากประสบการณ์ ว่า มี ส่วนเกี่ ยวข้ องสาคัญ ในการผลักดันนวัตกรรมให้ เกิ ดขึน้ ใน
องค์กรคือ ผู้ นา เนื่องจากผู้นามีบทบาทในการขับเคลื่อนองค์กรและภารกิ จสาคัญ ในด้ านต่างๆ ให้ ไปสู่
ผลสาเร็ จ โดยเฉพาะในด้ านทัศนคติ มุมมอง การแสดงออก ดังนันการปฏิ
้ บตั ิของผู้นาจึงมีส่วนสาคัญใน
การสร้ างบรรยากาศและผลักดันให้ นวัตกรรมเกิดขึ ้นในองค์กร

ปั จจัยสาคัญ หก “แค่ ” จอดแน่

ดังต่อไปนีจ้ ะช่วยอธิบายว่าทาไมผู้นาจึงมีส่วนสาคัญ เกี่ ยวโยงและทาให้ การสร้ างองค์กรแห่งนวัตกรรม


เกิดขึ ้นไม่ได้ ดังแสดงในรูป ๑.๒


๑. “แค่ ” พูด
หรื อ คิด

๖. “แค่ ” บาง ๒. “แค่ ” คิด


อุตสาหกรรม และ ทา
ปั จจัย ๖
“แค่ ” จอด
แน่
๓. “แค่ ” บาง
๕. “แค่ ”
คน บาง
สินค้ า
แผนก

๔. “แค่ ” เนี๊ยะ

รูป ๑.๒ ปั จจัย หก “แค่” จอดแน่

ปั จจัยที่ ๑. “แค่ ” พูด หรื อ “แค่ ” คิด

เรามักจะเห็นการเปิ ดตัวใหม่ๆ ของบริ ษัทอยู่เสมอ โดยหลายๆ


องค์กรมักใช้ แคมเปญที่ดยู ิ่งใหญ่ เป็ นที่กล่าวขานฮือฮาสามารถ
ดึงดูดใจของตลาดด้ วยเม็ ดเงินลงทุนในการจัดการที่ม หาศาล
โดยมุ่ ง หวัง ที่ จ ะสร้ างความประทั บ ใจให้ กั บ ลู ก ค้ า ที่ พ บเห็ น
ยกตัวอย่างเช่น กรณีของธนาคารออมสิน ที่มีการเปิ ดตัวใหม่ของธนาคารด้ วยแคมเปญ “Moving Toward
Innovation” ในช่วง 4 - 5 ปี ผ่านมานัน้ ด้ วยการเปลี่ยนสีสญ
ั ลักษณ์ของธนาคารเป็ นสีชมพูสดใส มีการออก
สื่อโฆษณาต่างๆ มากมายซึ่งทาให้ ลกู ค้ าและผู้ถือหุ้นรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ม่งุ สู่นวัตกรรมของธนาคาร
แต่ถึงจะเป็ นอย่างนันในปั
้ จจุบนั เราก็ยังไม่เห็นอะไรที่สะท้ อนถึงการเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากเดิมในเชิง
นวัตกรรมมากนัก

ลักษณะเช่นเดียวกันนี ้เกิดขึ ้นกับการสื่อสารแห่งประเทศไทย


หรื อที่ร้ ู จกั กันนามของ CAT Telecom ที่มีการออกแคมเปญใหญ่ ๆ
ทางการตลาดแบบนี ้ออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่ อสื่อให้ เห็นว่าในองค์กร

มีการเปลี่ยนแปลงเชิงนวัตกรรมขึ ้น ทว่าก็เช่นเดียวกันที่ปัจจุบนั ยังไม่พบเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดใน
เชิงนวัตกรรม

นี่อาจจะเป็ นตัวอย่างของ “แค่” พูด, คิด ที่เป็ นแคมเปญใหญ่ๆ เหมือนไฟไหม้ ฟาง ดังนัน้ การสร้ าง
นวัต กรรมแบบทาให้ เกิด ความรู้ สึก ช่ วงแรกจะตื่นเต้ นแล้ วก็จางหายไป ทาแบบนี จ้ ึ งไม่ ควรทา
เพราะเป็ นการลงทุนโดยเปล่ าประโยชน์ ในฐานะของผู้นา สิ่งที่ ควรถามตัวเองคือ … “เราเป็ นอย่าง
‘องค์กรทีท่ าแบบนี ’้ หรื อเปล่า?”...ต่างหาก

ปั จจัยที่ ๒. “แค่ ” คิด และทา

หลายๆ ครัง้ เรามักปั กใจเชื่อว่า “นวัตกรรม ต้ องเป็ นอะไรที่มีประโยชน์ ”


คาถามคือ ‘จริ งหรื อ?’ ตัวอย่างที่นามาเสนอต่อไปนี ้อาจจะช่วยทาให้ มมุ มองของ
เราต่ อ “นวั ต กรรม” เปลี่ ย นแปลงไป เช่ น ในกรณี ตั ว อย่ า งของชิ น โดกุ
(Chindogu) ซึ่งแปลเป็ นภาษาไทยว่า เครื่ องมือแปลกๆ หรื อชื่อในภาษาอังกฤษ
คือ Un-useless ชินโดกุเกิดจากความคิดสร้ างสรรค์ คิดค้ นและประดิษฐ์ ขึ ้นมา
โดยเคนจิ คาวากามิ นักประดิษฐ์ และผู้คิดค้ นสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ชาวญี่ปนุ่ ซึ่งเป็ นที่ยอมรับจากผู้คนทัว่ โลก
ในเรื่ องการประดิษฐ์ สิ่งของแปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาอย่างมากมายโดยตัวอย่างของชินโดกุที่ทาขึ ้นมา อาทิ

ตะเกี ย บติ ด พั ด ลมช่ ว ยเป่ าให้ อาหารเย็ น เร็ ว ขึ น้ เสื อ้ ยื ด เกาหลั ง


ร่มรองเท้ า หมวกที่ทิชชูติดไว้ สามารถดึงมาใช้ ได้ หรื อราวตากผ้ าแบบ
สะพายหลัง และอื่ น ๆ ซึ่งสิ่ งประดิษ ฐ์ เหล่านี ล้ ้ วนแล้ วแต่มี ป ระโยชน์
ทังสิ
้ ้น แต่ในความเป็ นจริงแล้ ว สิ่งของเหล่านี ้ที่เขาสร้ างขึ น้ มาเป็ นเพียง
สิ่งประดิษฐ์ (Invention) อาจมีประโยชน์ก็จริง แต่ยงั ไม่ใช่นวัตกรรม

เพราะสิ่ ง ประดิ ษ ฐ์ เหล่ า นี ไ้ ม่ ไ ด้ ท ามาไว้ เพื่ อ จ าหน่ า ย


เนื่ องจากเป็ นกฏเหล็กของชิ น โดกุ คือห้ ามจ าหน่าย ถึงแม้
ไม่ ไ ด้ ท าออกมาเพื่ อ จ าหน่ า ยโดยตรง แต่ก็ มี ก ารรวบรวม
สิ่งประดิษฐ์ หรื อแนวคิดแปลกใหม่เหล่านี ้มาเพื่อตีพิมพ์เป็ น
หนังสือในการจาหน่าย ดังนัน้ ประโยชน์ของชินโดกุไม่ได้ อยู่ที่


ตัวสินค้ าหรื อสิ่งประดิษฐ์ แต่เพื่อสร้ างแรงบันดาลใจในการสรรค์สร้ างสิ่งใหม่ๆ และเป็ นการกระตุกต่อม
ความคิดสร้ างสรรค์ จุดประกายความคิดของผู้อา่ นหนังสือเพื่อให้ เกิดแนวคิด ในการสร้ างสรรค์สิ่งประดิษฐ์
ใหม่ๆ ต่อไป

นี่ คื อ อี ก หนึ่ ง ตัวอย่า งที่ เรามัก เกิ ด ความสับ สนเมื่ อ พบเห็ น สิ่ ง เหล่ านี ้ และมัก คิด เสมอว่า มัน คื อ
นวัตกรรม เพียงเพราะมันเป็ น “แค่” คิด, ทา อะไรที่มีประโยชน์ แต่วตั ถุประสงค์ในการสร้ างสรรค์ออกมา
ไม่ใช่เพื่อจาหน่าย จุดนี ้สะท้ อนให้ เห็นภาพในองค์กรที่ผ้ นู ามักจะชอบออกคาสัง่ ให้ คนในองค์กรไปทาอะไร
มาก็ ได้ ขอให้ มี ป ระโยชน์ แบบใหม่ๆ และสร้ างสรรค์ ดัง นัน้ ด้ ว ยค าสั่ ง “แค่ ” คิ ด , ท า อะไรก็ ไ ด้ ท่ ี
ประโยชน์ นั น้ อาจส่ งผลให้ องค์ กรไม่ ได้ สร้ างนวัตกรรมอย่ างแท้ จริ ง อีกทัง้ ยังสิน้ เปลืองในแง่ของ
งบประมาณและทรัพยากรที่ใช้ อีกด้ วย

ปั จจัยที่ ๓. “แค่ ” บางคน หรือบางแผนก

จากความคิดที่ว่า “นวัตกรรม"เป็ นเรื่ องที่ยาก เพราะฉะนันจะมี


้ เพียงแค่คนบางกลุ่มบางคน หรื อแค่
บางแผนกเท่านันที
้ ่คิดและทาเรื่ องแบบนี ้ได้ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นในสถานที่ทางานแห่งหนึง่ กับคน
๓ กลุ่ม ที่ ม าจากต่างแผนกกัน คื อ วิศ วกรไฟฟ้ า เสมี ย นในส านัก งาน และแม่ บ้ าน ที่ มี ก ารคิด ท าอะไร
บางอย่างขึน้ ใน ที่ทางาน เพื่อช่วยพัฒนาและปรับปรุงองค์กร

 วิศวกรในแผนกซ่อมบารุ งไฟฟ้า ช่วยองค์กร


ด้ วยการคิด ค้ นแผงวงจรไฟฟ้ าที่ ช่วยลดในเรื่ อ งของ
การประหยัดไฟ

การ ทาลักษณะนี ้เป็ นนวัตกรรมหรื อไม่ ?

 เส มี ย น ส า นั ก งา น ช่ ว ย อ งค์ ก รด้ ว ย
การคิดค้ นการติดเชือกกับหลอดไฟเพื่ อใช้ สาหรับ
ดับ ไฟดวงที่ ไม่ ได้ ใช้ เป็ นดวงๆ ซึ่ง จะช่วยองค์ ก ร
ประหยัดไฟได้ มากในช่วงหยุดพักกลางวัน

การทาลักษณะนี ้เป็ นนวัตกรรมหรื อไม่ ?


 แม่บ้านประจาสานักงาน ช่วยองค์กรด้ ว ย

การคิดนาต้ นไม้ ประดับมาตกแต่งใส่ในห้ องน ้าแทน


การวางไว้ ด้านนอก

การทาลักษณะนี ้เป็ นนวัตกรรมหรื อไม่ ?

จริ งหรื อไม่ ที่เรามักรู้ สึกว่าแนวคิดตัวอย่างเหล่านี ้ ถ้ าอะไรก็แล้ วแต่ที่คิดค้ นโดยวิศวกรหรื อกลุ่มคน


ที่เก่งๆ เราจะรู้สึกว๊ าว !! และปั กใจเชื่อในทันทีว่า นี่คือนวัตกรรมใหม่ที่มาจากกลุ่มคนบางกลุ่ม บางแผนก
ที่ทาเรื่ องเหล่านี ้ได้ เช่น เฉพาะคนที่เก่งจะทาได้ หรื อเฉพาะแผนกวิจยั R&D หรื อวิศวกรรม เท่านันที
้ ่ทาได้
แผนกอื่ น ๆ ท าไม่ได้ ตรงกันข้ าม ถ้ าแนวคิด เหล่านี ม้ าจากกลุ่ม คนระดับ ล่าง เช่น เสมี ยน หรื อแม่บ้ าน
แนวคิดเหล่านี ้มักถูกมองข้ ามและรู้สกึ เฉยๆ โดยมองว่าเป็ นแค่แนวคิดทัว่ ไปธรรมดา ไม่นา่ จะใช่นวัตกรรม

ในความเป็ นจริ งแล้ ว ตัวอย่างของแนวคิดทัง้ ๓ อันนี ้ล้ วนแล้ วนับว่าเป็ นนวัตกรรมทังสิ


้ ้น แต่อาจจะ
ไม่ได้ ใช้ เทคโนโลยีอะไรมากมายนัก โดยเฉพาะตัวอย่างที่มาจากแม่บ้านซึ่งเป็ นตัวอย่างนวัตกรรมที่ดี จาก
การสัมภาษณ์คนที่ใช้ ห้องน ้าพบว่า พวกเขารู้สกึ ดีมากๆ ที่มีต้นไม้ ในห้ องน ้า อยากจะเข้ ามาใช้ ห้องน ้า และ
ยังรู้สกึ ว่ากลิ่นเหม็นอับชื ้นในห้ องน ้าน้ อยลง ซึ่งอันที่จริงแล้ ว สิ่งเหล่านันเป็
้ นเพียงความรู้สกึ เท่านัน้ ตัวอย่าง
นี ้สะท้ อนให้ เห็นภาพที่เกิดขึ ้นในองค์กรที่ว่า ความคิดในเรื่ องการมองว่าบางคน บางแผนกทานวัตกรรมได้
เท่านันนี
้ ้อาจเป็ นอุปสรรคต่อการสร้ างนวัตกรรมในองค์กร ดังนัน้ ผู้นาควรปรั บมุมมองใหม่ และยอมรั บ
ในการพิจารณานวัตกรรมที่มี ในองค์ กรว่ า ทุกคนสามารถสร้ างนวัตกรรมได้ ไม่ ใช่ จากั ดอยู่แค่
เพียงบางคนหรือบางแผนกเท่ านัน้

ปั จจัยที่ ๔. “แค่ ” เนี๊ยะ

จากความเชื่อและความคาดหวังของคนโดยส่วนใหญ่ ที่ว่า “นวัตกรรม” ต้ องเป็ นเรื่ องที่ สูงลา้ และ


มีคณ
ุ ค่ายิ่งใหญ่ เรื่ องธรรมดาไม่นา่ จะใช่ “นวัตกรรม” ซึ่งตรงกับกรณีตวั อย่างที่เกิดขึ ้นในองค์กรขนาดใหญ่
แห่งหนึง่ ที่มีพนักงานมากกว่า ห้ าหมื่นคน ซึง่ ทางผู้บริ หารสูงสุดได้ สง่ เสริมในเรื่ องของการสร้ างนวัตกรรมให้
เกิดขึ ้นในองค์กรโดยดาเนินการจัดงานประกวดแข่งขัน Innovation Award อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อส่งเสริ มและ
๑๐
เปิ ดโอกาสให้ คนในองค์กรส่งผลงานทางด้ านนวัตกรรมมาประกวดชิงเงินรางวัล ๔๐,๐๐๐ บาทที่เตรี ยมให้
โดยให้ เวลา ๓ เดือนในการเตรี ย มตัวและส่ง ผลงานเข้ าประกวด แต่หลังจากเดื อนแรกผ่านไปพบว่ามี
ผู้ส่ง ผลงานเข้ าประกวดเพี ย ง ๓ ราย ทางผู้บ ริ ห ารจึงได้ สั่ง การให้ แ ผนกบุค คลเร่ ง สื่ อสารและโปรโมท
การประกวดนี ้ให้ ทั่วถึงทุกแผนก ต่อมาเมื่อเดือนที่ ๒ ผ่านไปพบว่ามีคนส่งผลงานเข้ าประกวดเพิ่มขึ ้นอีก
๑ ราย รวมจานวนผู้ประกวดทังหมดเป็
้ น ๔ รายด้ วยกันในองค์กรที่มีพนักงานมากกว่าห้ าหมื่นคน ถือว่า
เป็ นสัดส่วนที่ น้อยมากๆ ซึ่งยังไม่เป็ นที่พ อใจของคณะผู้บริ หาร ดังนัน้ จึงมี คาสั่งให้ ทางแผนกบุคคลไป
ท าการส ารวจและสัม ภาษณ์ พ นัก งานมาว่า เพราะอะไรถึ ง ไม่ เข้ า ร่ ว มประกวดในครั ง้ นี ้ โดยผลจาก
การสัมภาษณ์พบว่า คาตอบโดยส่วนมากที่ได้ รับนันมี
้ ความใกล้ เคียงกันมาก นัน่ คือพูดซ ้าๆ กันว่า “คิ ดไม่
ออก ไม่รู้จะส่งอะไรดี” และ “ส่งไปก็ไม่ได้หรอก สูพ้ วกแผนก….ไม่ได้หรอก”

คาตอบที่ได้ จ ากพนักงานนี ส้ ะท้ อนให้ เห็นว่า “นวัตกรรม” ในมุม มองของพนักงานนัน้ เป็ นอะไรที่
เกินเอื ้อม โดยมักจะคิดว่า “แค่เนี๊ยะหรื อคือ นวัตกรรม” รวมถึงมองว่าเป็ นงานยากที่จะทาจนถึงขึ ้นยอมแพ้
ที่จะคิดและลงมือทา ซึ่งเหตุการณ์แบบนี ้เป็ นเรื่ องจริ งที่เกิดขึ ้นในองค์กรหลายๆ แห่ง (โดยส่วนใหญ่ก็วา่ ได้ )
เหล่านีจ้ ะเป็ นความจริ งหรื อไม่ คงไม่สาคัญเท่ากับเราจะทาอย่างไรที่จะกาจัดหรื อทาให้ ความคิดที่ เป็ น
อุปสรรคในเรื่ องการสร้ างนวัตกรรมลักษณะนี ้ลดน้ อยลงให้ มากที่สุด เนื่องจากคาพูดว่า “แค่” เนี๊ยะ จะฆ่า
ความคิด สร้ างสรรค์ เล็ ก ๆ น้ อ ยๆ ทุกอย่า งลง คนที่ มี แ นวคิด อะไรใหม่ๆ ก็ จ ะหมดแรงคิด และในที่ สุด
ความคิดสร้ างสรรค์แปลกใหม่ก็จะหมดไปด้ วยคาพูดที่วา่ “พวกเธอทาได้ แค่เนี๊ยะ”

ทางออกก็คือ ในฐานะผู้นา เราต้ องชักชวนและส่งเสริ มให้ คนในองค์กรปรับความคิดของคาพูดที่ว่า


“แค่” เนี๊ยะ เสียใหม่ซึ่งแทนที่จะคิดเช่นนี ้ โดยให้ เริ่ มจากทาให้ สิ่งที่มีอยู่ให้ ดีขึ ้นกว่าเดิมก่อนจะดี กว่า และ
ต้ องพูดว่า “ทุกคนช่วยกันได้ ” แม่บ้านช่วยได้ คนสวน เสมียน วิศวกร นักการตลาด และอื่นๆ ช่วยได้ หมด
นอกจากนี ้ นวั ต กรรมจะเกิ ด ขึ น้ ได้ เมื่ อ ผู้ น าให้ ค าจ ากั ด ความของ “นวั ต กรรม” ใหม่ โดยให้ มี
ความกว้ างพอเป็ นหลายระดับ ทัง้ Hi-Tech และ Low-Tech โดยมีเป้าหมายว่ าทุกคนทาได้ ...เล็กๆ
น้ อยๆ ก็ถือเป็ นนวัตกรรมได้ ที่อยู่ในระดับพัฒนา (Improvement) ก่อนก็ได้ แล้ วจึงค่อยๆ ขยับขึ ้นมา แต่ถ้า
เรานิยามคาว่า “นวัตกรรม” แคบเกินไปตังแต่
้ แรกก็จะทาให้ มีแค่บางคน หรื อบางแผนกเท่านันที
้ ่ยงั คงทาอยู่
ส่วนที่เหลือก็อาจจะยอมแพ้ ไป

๑๑
ปั จจัยที่ ๕. “แค่ ” สินค้ า

คนส่วนใหญ่มกั จะคิดว่า “นวัตกรรม” ส่วนใหญ่แล้ วจะต้ องเป็ น “แค่” สินค้ าเท่านัน้ ทาให้ เราทุกคน
อาจหลงติดกับในรูปแบบของสินค้ าใหม่ๆ โดยจะให้ คณ
ุ ค่าและความสาคัญมันมาก ถ้ า “นวัตกรรม” ชิ ้นนัน้
เป็ นสิ นค้ าที่ จับต้ องได้ และเมื่ อไรก็ ตามที่ ไม่ใช่สินค้ า เช่น นวัตกรรมในด้ านการเปลี่ ยนกระบวนการใน
การทางาน การปรับเปลี่ยนย้ ายของจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เราจะพบว่าคนมักให้ คุณค่ามันน้ อยลง
หรื ออาจมองว่า ไม่ใช่นวัตกรรม สิ่งนี ้คือเรื่ องธรรมดาที่พบเห็นและเกิดขึ ้นอยูบ่ อ่ ยๆ

ดังกรณีตวั อย่างที่ยกมาอธิบายนี ้จะเป็ นตัวอย่างของนวัตกรรมใน


ด้ านกระบวนการทัง้ สิ น้ ตัวอย่างแรกคือ การงี บ ก่ อนท างานช่วงบ่าย
ที่เกิดขึ ้นในสานักงานเขตแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่ให้ บริ การประชาชน โดย
ได้ นาความคิดในเรื่ องการงีบก่อนทางานช่วงบ่ าย (Power Nap) มาใช้
ในสานักงาน ซึ่งเป็ นเรื่ องที่แปลกประหลาดมากๆ กับสานักงานที่เปิ ด
ห้ องประชุมมีแอร์ เย็นๆ ให้ บุคลากรได้ งีบหลับในช่วงพักเที่ยง โดยมีหมอนประจาตัวให้ คนละใบ ต่างคนก็
ต่างฟุบหลับไป ห้ ามพูดและห้ ามใช้ โทรศัพท์มือถือ และเมื่อครบเวลา ๓๐ นาทีจะมีเจ้ าหน้ าที่คอยมาปลุกให้
ทุกคนตื่นไปทางานบริ การประชาชนต่อในภาคบ่าย ซึ่งจากการสัมภาษณ์พนักงานที่เข้ าร่วมพบว่า ทุกคน
ชื่ น ชอบและยอมรั บ ว่า การงี บ หลับ สัน้ ๆ ก่ อ นท างานในช่ว งบ่า ยนี ช้ ่ว ยสร้ างความสดชื่ น และพลัง ใน
การทางานในช่วงบ่ายได้ มากจริ งๆ ซึ่งจุดนี ้สอดคล้ องกับผลการวิจยั ในต่างประเทศที่ระบุว่า การงีบหลับ
ในช่วงพักเที่ยงจะช่วยทาให้ เกิดผลผลิตมาก
ขึ ้นในช่วงบ่าย

ตัวอย่างที่สองเป็ น กรณีของโรงเรี ยน
ฝึ กควาย ซึง่ เกิดขึ ้นจริงที่บ้านน ้าเที่ยง ตาบล
บ้ านน ้าเที่ยง อ.เมือง จังหวัดอุดรธานี ซึง่ เป็ น
การเตรี ยมฝึ กควายก่อนลงใช้ งานจริ ง

กรณีตวั อย่างทังสองนี
้ ้ เป็ นเพียงตัวอย่างของนวัตกรรมที่สะท้ อนให้ เห็นว่า “นวัตกรรม” ไม่ใช่มี “แค่”
เพียงในมุมของสินค้ าเท่านัน้ แต่ในความเป็ นจริ งแล้ ว เราสามารถมองนวัตกรรมในมุมอื่นๆ ได้ อีกมาก เช่น
กระบวนการหลัก การบริ การลูกค้ า ช่องทางการขาย ประสบการณ์ลกู ค้ า โมเดลในการประกอบธุรกิจ และ
๑๒
อื่นๆ ดังนัน้ ในฐานะผู้นา เราจาเป็ นอย่ างยิ่งที่จะเปิ ดมุมมองและขยายความคิดของเราต่ อนิยาม
ของ “นวัตกรรม” ให้ กว้ างมากยิ่งขึน้

ปั จจัยที่ ๖. “แค่ ” บางอย่ าง หรือบางอุตสาหกรรม

ในหลายๆ ครัง้ เรามักจะมีมโนภาพที่ว่า นวัตกรรมต้ องเป็ นอะไรที่มาจากความคิดสร้ างสรรค์ของ


นักวิจยั นักวิทยาศาสตร์ หรื อผู้เชี่ยวชาญในบางอุตสาหกรรมเท่านัน้ เช่น อุตสาหกรรมไฮเทค ที่ผลิตชิ ้นส่วน
เซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ หรื อ แม้ กระทั่ง เครื่ องบิน เป็ นต้ น ขณะเดียวกัน เรามักติดภาพ
ความคิดที่ว่าบางอุตสาหกรรม บางทีทาได้ บางทีทาไม่ได้ และมองข้ ามความสามารถของคนในที่ทางาน
องค์ ก รของตนเองไปกลับ มองว่ า การสร้ างนวัต กรรมเป็ นเรื่ อ งเพ้ อฝั น โดยเฉพาะในวงราชการและ
สานักงานต่างๆ ทังส่
้ วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึง่ ส่วนใหญ่จะมองว่าต้ องเป็ นหน่วยงานเอกชนเท่านันถึ
้ งจะ
สร้ าง “นวัตกรรม” ขึน้ ได้ นอกจากนี ้ เรามักจะมองว่าในอุตสาหกรรมทั่วๆ ไป ที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมไฮเทค
ย่อมสร้ างสรรค์นวัตกรรมไม่ได้ แน่นอน

ความคิดลักษณะนี ้ ล้ วนเป็ นอุปสรรคสาคัญที่ทาให้ ไม่เกิดนวัตกรรมขึ ้นในองค์กร ดังนัน้ ในฐานะ


ของผู้ นา เราจ าเป็ นต้ องปรั บ และขยายความคิ ด ของเราใหม่ ว่า ทุก ที่ทุ กแห่ งนั น้ สามารถสร้ า ง
นวั ต กรรมได้ และทุก คนมี ส่วนร่ ว มได้ ซึ่งทัศนคติแบบนี จ้ ะช่วยสร้ างบรรยากาศใหม่ให้ เกิ ดขึน้ ในที่
ทางานของเรา และทาให้ ทุกคนฉุกคิดว่า “…จริ งด้ วย!...ทุกคนทาได้ ทุกคนมีส่วนร่ วมได้ ” อย่างไรก็ตาม
กรณี ตวั อย่างต่อไปนีจ้ ะสะท้ อนภาพในมุมที่ต่างออกไปว่าไม่จริ งเสมอไปที่ต้องเป็ นหน่วยงานเอกชนและ
ในบางอุตสาหกรรมเท่านันที
้ ่สามารถสร้ าง “นวัตกรรม” ได้ เพราะในความเป็ นจริ งแล้ ว ในมุมของราชการ
เองก็สามารถทานวัตกรรมให้ เกิดขึ ้นได้ เช่นกัน

๑๓
ตัวอย่ างนวัตกรรมของราชการ

กรณี ตั ว อย่ า งนวั ต กรรมของราชการ ๑: การปรั บ ปรุ งสภาพคลองข้ า งท าเนี ย บรั ฐ บาล
ของรองเลขาฯ สานักนายกรั ฐมนตรี ซึ่งเดิมทีมีสภาพเป็ นคลองที่เน่าเสีย ให้ มีสภาพภาวะแวดล้ อมที่ดี
กลับคืนมา ดูดีและเป็ นภาพลักษณ์ และสัญ ลักษณ์ ของรัฐบาลและประเทศไทยต่อคนไทยและคณะฑูต
ชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมชม ซึง่ กระบวนการในการดาเนินการ แสดงโดยรูปภาพ ๑.๓ ต่อไปนี ้

สภาพคลองที่เน่ าเสีย สภาพคลองที่ภาวะ ภาพลักษณ์ ท่ ดี ีของรัฐบาล/


แวดล้ อมที่สมบูรณ์ ประเทศไทย

ศึกษาที่มา ชักชวนเพื่อน ชีช้ วนให้ เห็น ดาเนินการ ได้ งบ หน่ วยงานที่ตัง้


ของ หน่ วยทหาร ความสาคัญ นาเสนอ ประมาณมา อยู่ใกล้ คลอง
ทาเนียบ พัฒนาฯ มา และประวัติ โครงการ ปรับปรุ ง ๒ ตื่นตัวและปรับ
รัฐบาล ทานอาหาร ที่มาของ ปรับปรุ งต่ อ ล้ านกว่ า ปรุ งพืน้ ที่
และคลอง ข้ างคลอง สถานที่ ผบ.ทบ. โดยรอบ

รูป ๑.๓ กระบวนการอธิบายนวัตกรรมในการปรับปรุงสภาพคลองข้ างทาเนียบ

กรณี นีเ้ ป็ นการใช้ เครื อข่ายความร่ วมมื อจากหน่วยงานรัฐ บาลด้ วยกัน ในการสร้ างนวัตกรรมขึน้
เริ่ มจากการศึกษาที่มาของสถานที่และคลองอย่างลงลึกพบว่า สถานที่แห่งนี ้เดิมเป็ นสถานที่ที่รัชกาลที่ ๕
ใช้ สาหรับฝึ กว่ายนา้ ให้ กับนักเรี ยนนายร้ อย จ.ป.ร. จึงได้ เชิ ญ เพื่ อนซึ่งเป็ นหัวหน้ าจากหน่วยงานทหาร
พั ฒ นาฯ ที่ มี เครื่ อ งมื อ ครบครั น มาทานอาหารข้ างคลอง และเล่ า ให้ ฟั งถึ ง ประวัติ ค วามเป็ นมาที่ มี
ความเชื่ อ มโยงกับ รัช กาลที่ ๕ ซึ่ง เป็ นที่ เทิ ด ทูน และมี ค วามส าคัญ ต่อ ทหาร จากนัน้ เมื่ อ ทางเพื่ อ นเกิ ด
ความรู้สึกถึงความสาคัญและเข้ าใจจึงได้ นาเสนอโครงการปรับปรุงคลองข้ างทาเนียบต่อ ผบ.ทบ. โดยทันที
และได้ รั บ เงิ น สนั บ สนุ น โครงการมา ๒ ล้ านกว่ า พร้ อมเครื่ อ งครบครั น มาช่ ว ยปรั บ ปรุ ง โดยไม่ ต้ อง
ของบประมาณจากทาเนียบมาทาโครงการเลยแม้ แต่น้อย จากนั น้ หน่วยงานต่างๆ ที่อยู่โดยรอบคลองจึง

๑๔
เกิดการตื่นตัวในการปรับปรุ งสถานที่และคลองข้ างทาเนียบตามๆ กัน ส่งผลทาให้ เกิดสภาพแวดล้ อมที่
น่าชมและเป็ นภาพลักษณ์ที่ดีของทาเนียบ

กรณี ตั ว อย่ างนวั ต กรรมของราชการ ๒: การจั ด ท าโครงการ Food Emergency โดย


กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เป็ นความร่วมของมือของหน่วยงานในภาครัฐบาลจากหลายๆ กระทรวง
ซึ่งน าโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มหาดไทย สาธารณสุข ICT ทหารบก และอื่ น ๆ มาร่ วมกัน ท า
แผนโครงการลาเลียงและขนส่งอาหารไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน ้าท่วม โดยนาเอาระบบฐานข้ อมูล ICT
เข้ ามาช่วยในการระบุเป้าหมายพื ้นที่ประสบภัย จานวนประชากร และเชื่อมโยงกับแหล่งอาหารและน ้าดื่ม
ที่ใกล้ เคียงกับพื ้นที่เพื่อความรวดเร็วในการลาเลียงขนส่งและช่วยเหลือได้ ทนั ท่วงที

กรณี ตัวอย่ างนวัตกรรมของราชการ ๓: การนาเส้ นไหมมาประดิษฐ์ เสือ้ เกราะกันกระสุ น


ของกรมหม่ อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งใช้ เทคโนโลยีนาโนจากการวิจยั มาใช้ ในการผลิต
เสือ้ เกราะ เนื่องจากมีการค้ นพบว่าเส้ นไหมมีเส้ นใยโปรตีนที่มีคุณลักษณะพิเศษที่เบาและเหนียว ซึ่งได้
แนวคิดมาจากนักรบสมัยโบราณที่เอาเส้ นใยไหมทาเสื ้อเกราะ และนาแนวคิดมาต่อยอดตามแบบที่ทาได้
มีการทาวิจยั ในสหรัฐเรื่ องการทาเสื ้อเกราะกันกระสุนจากเส้ นใยไหม

กรณี ตั ว อย่ า งนวั ต กรรมของราชการ ๔: การติด สติ๊ก เกอร์ พิ เศษเพื่ อ ป้ องกั น ปื นปลอม
ของสานักสืบสวนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งดูแลรับผิดชอบในเรื่ องปื นปลอม
ในช่วง ๔ – ๕ ปี ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่าการป้องกันด้ ว ยวิธีอื่นๆ นันท
้ าได้ ลาบาก ไม่ว่าจะเป็ นแนวโน้ มที่
จะทาผิดกฎกระทรวงถ้ าเสนอให้ มีการปรับปรุงแก้ กฎหมาย หรื อความล่าช้ าจากการดาเนินการแก้ กฎหมาย
จึงได้ มีการนาเสนอให้ ใช้ สติ๊กเกอร์ ชนิดพิเศษในการติดลงที่ ตวั ปื น สติ๊กเกอร์ จะเสียหายและไม่สามารถ
ปิ ดกลับเข้ าไปใหม่ได้ เมื่ อถูกแกะออก ดังนันจึ
้ งเป็ นการพิสจู น์และยืนยันที่ตรงกันจากผู้ซื ้อและผู้ขายอาวุธ
ปื น ผลที่เกิดขึ ้นพบว่า ได้ ผลดีเกินคาดและปั ญหาเรื่ องปื นปลอมลดลงเป็ นอย่างมาก

ชีช้ ่ องให้ เห็นในการสร้ างนวัตกรรมแนวทางใหม่ ๆ

หลายๆ องค์กรเริ่ ม ให้ ความส าคัญ และมี การส่งเสริ ม ในการสร้ างนวัตกรรมให้ เกิ ดขึน้ ในองค์กร
ซึ่ง บทบาทส าคัญ ในฐานะของผู้น าในการส่ ง เสริ ม การสร้ างนวัต กรรมในองค์ ก ร นอกจากการสร้ าง

๑๕
บรรยากาศที่ส่งเสริ มให้ ทุกคนได้ กล้ าคิดและลงมือทาในเรื่ องความคิดสร้ างสรรค์แล้ ว ยังจาเป็ นอย่ างยิ่งที่
ผู้ น าจะต้ อ งมองให้ อ อกว่ า ระดั บ ของนวั ต กรรมนั ้น มี ห ลายระดั บ หลายประเภท และทุ ก คน
สามารถทาได้ ดังแสดงในรูป ๑.๔ ซึง่ ได้ แบ่งระดับนวัตกรรมออกเป็ น ๓ ระดับคือ

 ระดับพัฒน์/ พัฒนาต่อยอด (Improvement) – เน้ นการใช้ เทคโนโลยีต่า/พื ้นฐาน


 ระดับวิวฒ
ั น์ (Evolution) – เน้ นการนาเทคโนโลยีระดับกลางๆ เข้ ามาใช้
 ระดับปฏิวตั ิ (Revolution) – เน้ นการปรับตัวและการนาเทคโนโลยีขนสู
ั ้ งมาใช้

รูป ๑.๔ ระดับของนวัตกรรม

๑๖
ระดับของนวัตกรรม คาอธิบาย ตัวอย่ างประกอบ

เป็ น ก า ร ป รั บ เป ลี่ ย น การให้ บริ การธุรกรรมทางการเงินผ่าน Internet Banking เป็ น


‘Hi-Tech’
โครงสร้ างในการใช้ สิน ค้ า การปรับเปลี่ยนโครงสร้ างการดาเนินงานของธนาคารต้ องใช้
บริ ก าร หรื อ กระบวนการ การประสานงานระหว่า งหลายหน่ ว ยงานทัง้ ภายในและ
โดยเปลี่ ย นโครงสร้ างทั ง้ ภ า ย น อ ก อ งค์ ก ร ก ฎ ห ม าย เท ค โน โล ยี เพื่ อ ป ฏิ วั ติ
ระด ับ ปฏิว ัติ
ระบบใหม่ ทั ง้ หมด และ การให้ บ ริ ก ารลูก ค้ า ในรู ป แบบนี ้ นอกจากจะต้ องเปลี่ ย น
(ปฏิรูป)
Revolution สาม ารถ ทด แทนสิ น ค้ า พฤติกรรมแล้ วยังรวมถึงการปรับโครงสร้ างการทางานและ
บริ ก ารหรื อ กระบวนการ การดาเนินการทังระบบด้
้ วย
เดิมที่มีอยู่ สาหรับตัวอย่างจากทางหน่วยงานราชการ ได้ แก่ กระทรวง
ต่างประเทศที่ป ฏิรูป การให้ บ ริ การทาหนังสือเดิ นทางที่ เป็ น
One Stop Service และเป็ นแบบอิเลคทรอนิกส์ หรื อตัวอย่าง
ของกรมสรรพากรที่ให้ ยื่นภาษี ทางอินเตอร์ เน็ต เป็ นต้ น

เป็ นการปรั บ เปลี่ ย นเชิ ง การปรับเปลี่ยนการให้ บริ การทาธุรกรรมผ่านตู้อตั โนมัติ เช่น


พฤติ ก รรมของผู้ ใช้ สิ น ค้ า ตู้กดเงินอัตโนมัติ ATM และ CDM ซึ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
บริ การ หรื อกระบวนการ การท าธุ ร กรรมทางการเงิ น โดยไม่ จ าเป็ นต้ อ งไปติ ด ต่ อ ที่
ระด ับ วิว ัฒน์ ธนาคาร หรื อแม้ กระทัง่ สามารถทาธุรกรรมนอกเวลาทาการ
Evolution
ธนาคารได้ เช่นกัน

เป็ นการปรั บ เปลี่ ย น ต่ อ การให้ บริ การของธนาคารที่พฒ ั นาปรับเปลี่ยนวิธีการเข้ าคิว


ยอดหรื อ พัฒ นาสิ่ ง ที่ มี อ ยู่ ในการรับบริ การ จากเดิมที่เข้ าคิวแยกตามแถว ลูกค้ าแต่ละ
เดิ ม แล้ วให้ ดี ขึ น้ ไปอี ก ขั น้ คนก็รอคิวตามคนด้ านหน้ าไป เวลาเลือกแถวทุกคนจะเลือก
เช่ น สิ น ค้ า บ ริ การห รื อ เข้ าคิวต่อแถวที่สนทีั ้ ่สดุ แต่อาจจะโชคร้ ายและได้ รับบริ การช้ า
ระด ับ พ ัฒนา วิธีการเดิมๆ ที่เคยทาอยู่ให้ ถ้ าลูกค้ าคนก่อนหน้ าใช้ บริ การนาน ธนาคารจึงพัฒนาการต่อ
(ต่อยอด) ดี ขึ ้ น ไ ป อี ก ขั ้ น เ ช่ น คิ ว เป็ นแบบแถวเดี ย วแล้ ว ค่ อ ยเดิ น เข้ าไปรั บ บริ ก ารตาม
Improvement
การปรั บ เปลี่ ย น คุณ ภาพ เคาน์ เตอร์ เมื่ อ ลูกค้ าด้ านหน้ าเสร็ จธุ ระ ซึ่งพบว่าการท าใน
ให้ ดี ขึ น้ ปรั บ ให้ ค่ า ใช้ จ่ า ย ลักษณะนี ้ ทาให้ การรับบริ การของลูกค้ าเร็ วขึ ้นกว่าเดิม
หรื อต้ นทุน ลดลง หรื อปรั บ
เรื่ อ ง ร ะ ย ะ เ ว ล า ห รื อ
กระบวนการให้ กระชับขึ ้น

‘Low-Tech’

๑๗
Innovation Matrix

นอกจากนัน้ ประเด็นสาคัญคือ ผู้นาจะต้ องมีความกระจ่าง มีความกว้ างในมุมมองต่อ “นวัตกรรม”


และเข้ าใจว่าสิ่ งนี ไ้ ม่ใช่เรื่ องยาก เพราะ “นวัตกรรม” มี หลายระดับ และหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็ นใคร
ทุกคนก็ ส ามารถสร้ างนวัตกรรมได้ ดังนัน้ หนึ่งในเครื่ องมื อที่ จ ะช่วยขยายมุม มองและความคิดในเรื่ อง
นวัตกรรมให้ ได้ กว้ างมากขึ ้น ซึ่งจะช่วยให้ ผ้ นู าสามารถส่งเสริ มและชี ้ช่องให้ พนักงานทุกคนสามารถสร้ าง
นวัตกรรมได้ คือ Innovation Matrix ดังแสดงในรูป ๑.๕ โดยมีประโยชน์หลักๆ มีดงั ต่อไปนี ้

 พนักงานทุกคน ทุกระดับเห็นโอกาส
 ชีช้ ่ องให้ ทุกคนมีส่วนร่ วมทาได้
 ประเมินสถานะของนวัตกรรม (Innovation) ปั จจุบนั ของเรา
 วางกลยุทธ์ พอร์ ตฯ นวัตกรรม (Innovation)
− พัฒนาสมรรถนะการสร้ างนวัตกรรม
− โฟกัสทรัพยากรในการสร้ างนวัตกรรมที่เฉพาะเจาะจง (What & Where)

รูป ๑.๕ เครื่ องมือ Innovation Matrix ช่วยขยายมุมมองแนวคิดเชิงนวัตกรรม

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ การพิจารณานวัตกรรมในแต่ละเรื่ องถูกต้ องเหมาะสม จาเป็ นอย่างยิ่งที่ผ้ นู า


จะต้ องเข้ าใจความหมายของนวัตกรรมให้ ถูกต้ องว่า “นวัตกรรม” คือ การมองสิ่งเดิม ในมุ ม ใหม่ คือ

๑๘
การน าความคิ ด สร้ างสรรค์ (Creativity) นั น้ มาท าให้ เกิ ด ขึ น้ เป็ นรู ป ธรรม และลู ก ค้ าหรื อ ผู้ ใช้ ให้
การยอมรั บ (Uptake) และเห็นว่ าเป็ นทางเลื อกที่ ดีก ว่ า ทางเลื อกอื่ น คือ นาไปใช้ ได้ จริ งที่ จ ะสร้ าง
คุณค่าเพิ่มขึ ้นในระบบเศรษฐกิจ ก่อเกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์ (Commercialization)

ตัวอย่างของนวัตกรรมและการแบ่งประเภทตาม Innovation Matrix มีดงั ต่อไปนี ้

นวัตกรรม ระดับ ประเภท เหตุผล

ไม่มี ไม่มี เป็ นเพียงความคิดสร้ างสรรค์ ยังไม่ ถึงขัน้ นวัตกรรม เนื่องจาก


ไม่มีอะไรเพิ่มหรื อเปลี่ยนรู ปแบบของสินค้ า เพียงแต่มีนาฬิกาเล็กๆ
แสดงผลในรูปต่างๆ ตามตัวเลข
นาฬิกาแขวน

วิวฒ
ั น์ ประสบการณ์ เป็ นการเปลี่ยนรู ปแบบจากถังขยะแบบทึบมองไม่เห็นขยะด้ านใน
ลูกค้ า มาเป็ นแบบโปร่งใส ซึ่งได้ นามาใช้ ที่สนามบินในปั จจุบนั โดยเปลีย่ น
ประสบการณ์ ในการทิ ง้ ขยะให้ กับ ผู้ใช้ งาน คนทั่ว ไป และคนท า
ความสะอาด โดยสามารถมองเห็ น ขยะภายในถั ง ได้ ชั ด เจน
ถังขยะโปร่งใส
มีค วามโล่งใจถึ งความปลอดภัย เวลาเดิน ผ่านและในการทิง้ ขยะ
สะดวกมากขึ ้นในการเก็บและทาความสะอาด

วิวฒ
ั น์ เทคโนโลยี เป็ นครี ม สาหรับ ทาแก้ ป วดเมื่ อยเส้ น ข้ อเข่า อัก เสบ ซึ่งเปลี่ย นรู ป
หน้ าตาและประโยชน์ของสินค้ าอย่างลาไยอย่างสิ ้นเชิง โดยนามา
ทาสารสกัดจากเมล็ดลาไยที่ไม่เคยทามาก่อน เพราะทาได้ ยากมาก
และต้ องใช้ เทคโนโลยีขนสู
ั ้ ง รวมทังได้
้ รับการยอมรับอย่างกว้ างขวาง
ลองกานอยด์ ว่าเป็ นนวัตกรรมด้ านเทคโนโลยี ในระดับขันวิ ้ วฒั น์

วิวฒ
ั น์ สินค้ า เป็ นโฟมล้ างมือที่ช่วยดับกลิ่นอาหารทะเลติดมือได้ เป็ นอย่างดี ซึ่ง
เปลี่ยนรู ปแบบหน้ าตาของสบู่ที่เป็ นทังแบบก้
้ อนและแบบน ้ายามา
เป็ นโฟม นอกจากนัน้ ยังช่วยฆ่าเชื ้อโรค และถนอมมือผู้ใช้ หลังล้ าง
เสร็ จโดยไม่ทาให้ มือแห้ ง
โฟมล้ างมือ คิเรอิ
คิเรอิ

๑๙
นวัตกรรม ระดับ ประเภท เหตุผล

วิวฒ
ั น์ สินค้ า เป็ นการพลิ ก โฉมน า้ ยาล้ า งจาน / ห้ อ งน า้ ที่ เดิ ม มี รู ป ร่ า งหน้ า ตา
ไม่น่าสนใจและต้ องเก็บมิดชิดในตู้มาเป็ นแบบที่น่าสนใจได้ อีกทัง้
ยังมีกลิ่นหอมและอยู่ในบรรจุภัณ ฑ์ที่สวยงาม ไร้ สารพิษ และเป็ น
ที่ยอมรับอย่างกว้ างขวางในสหรัฐมากกว่าบริ ษัทคู่แข่งสินค้ าอุปโภค
น ้ายาล้ างจาน /
บริ โภคขนาดใหญ่อย่างยูนิลเิ วอร์ ได้
ห้ องน ้า Method

วิวฒ
ั น์ ประสบการณ์ เป็ นการเน้ นผลิ ต สิ น ค้ ามาเพื่ อ จั บ กลุ่ ม ตลาดเฉพาะมากกว่ า
ลูกค้ า การแข่งขันกับค่ายมื อถื อยักษ์ ใหญ่ อย่างไอโฟนและซัมซุงโดยใช้
สโลแกนว่า “ไม่เน้ นลูกเล่น เน้ นพ่อแม่เล่น” มุ่งเน้ นที่ความสะดวกใน
ก ารใช้ งาน ข อ งผู้ สู ง อ ายุ โ ด ย ให้ มี ฟั งก์ ชั่ น ที่ เห ม าะส ม กั บ
โทรศัพท์มือถืออาม่า กลุม่ เป้าหมาย เช่น ปุ่ มใหญ่ ลาโพงชัดเจน แสดงผลตัวใหญ่ การใช้
งานง่ายมากไม่ซบั ซ้ อน มีแว่นขยาย และราคาไม่แพง
วิวฒ
ั น์ สินค้ า เปลีย่ นพฤติกรรมการตียงุ โดยไม่ต้องใช้ มือตบยุง ลดการใช้ ยาเคมี /
สารพิษในการกาจัดยุงของผู้ใช้ และสะดวกในการใช้ งานมากขึ ้น

ไม้ ตียงุ

วิวฒ
ั น์ ช่องทางการ เป็ นการมองสิ่งเดิมเห็นมุมใหม่ของการเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้มี
ขาย และ จิตศรัทธาในการเพิ่มโชคลาภและความเป็ นสิริมงคลให้ กับตนเอง
ประสบการณ์ ด้ วยการเดินทางไปตีกลองโพน ๙ จุดรอบเมืองพัทลุงซึ่งมีสตู รการตี
๕ ๓ ๓ ๓ ๑ เป็ นการสร้ างการจดจาที่ดี ให้ กับนักท่องเที่ยว โดยมี
ลูกค้ า
ตีกลองโพนที่พทั ลุง กุสโลบายในการดึงคนมาท่องเที่ยวเมืองพัทลุง แวะทานอาหาร และ
นัง่ รถชมวิวทิวทัศน์ ส่งเสริ มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ

๒๐
นวัตกรรม ระดับ ประเภท เหตุผล

วิวฒ
ั น์ กระบวนการ เป็ นแคมเปญที่ ช่วยประหยัดน า้ มันในการหาที่จอดรถของบริ ษั ท
หลัก S-Oil ของเกาหลีใต้ โดยใช้ บอลลูน “Here” ติดตังในลานจอดรถที
้ ่
เปิ ดโล่งนอกอาคาร ซึ่งในเวลาที่มีที่จอดว่าง บอลลูนจะลอยขึ ้นและ
ชี ้ตาแหน่งว่างของที่จอดรถให้ ผ้ ขู บั เห็น และเมื่อมีรถถอยเข้ ามาจอด
บอลลูนที่จอดรถ
ก็จะดึงเอาบอลลูนให้ ลดต่าลงแสดงว่าตาแหน่งจอดรถนี ้ไม่ว่างแล้ ว
เป็ นการใช้ เทคโนโลยีขนต
ั ้ ่าแต่ได้ ผลขันสู
้ งและดี มาก ซึ่งเหมาะสม
กับเมืองที่มีการใช้ น ้ามันรถค่อนข้ างสูงมาก ซึง่ ผลจากการวิจยั พบว่า
แคมเปญนี ้ช่วยประหยัดการบริ โภคน ้ามันของผู้ขบั รถในเกาหลีใต้ ได้
อย่างน้ อย ๑ ลิตรต่อ การขับหาที่จอดรถ ๑๕ กิโลเมตร

วิวฒ
ั น์ บริ การ เป็ นบริ ษัทคนไทยที่ให้ บริ การตอกเสาเข็มแบบเคลื่อนที่สาหรับพื ้นที่
กระบวนการ แบบแคบๆ อยู่ที่ไสยโศก จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ดดั แปลงตัวถังรถโดย
ขาย และ เอารถบรรทุ ก และรถถั ง เก่ า มาประกอบเครื่ อ งการตอกเสาเข็ ม
เทคโนโลยีใน เปลี่ ย นพฤติ ก รรมการตอกเสาเข็ ม รู ป แบบเดิ ม ของการก่ อ สร้ าง
รถตอกเสาเข็ม
การบริ การ แบบเดิมมาเป็ นเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ในการให้ บริ การ โดยยังไม่ถึง
เคลือ่ นที่ โต ว่องไว
ขันปฏิ
้ วตั ิ เนื่องจากยังคงเป็ นรู ปแบบการตอกเสาเข็มอยู่ แตกต่าง
จากการก่ อ สร้ างลั ก ษ ณ ะของ Pre-Fab ซึ่ ง อยู่ ใ นขั น้ ปฏิ วั ติ
การก่อสร้ าง ที่ใช้ รูปแบบการก่ อสร้ างด้ วยโครงสร้ างสาเร็ จรู ป มา
ประกอบเป็ นตัวบ้ าน ซึง่ จุดนี ้กระทบทังกระบวนการในการก่
้ อสร้ าง

๒๑
นวัตกรรม ระดับ ประเภท เหตุผล

ปฏิวตั ิ โมเดล เป็ นสถานี รายการวิท ยุ แ ห่ งหนึ่ ง ในกรุ ง บัว โนสไอเรส ในประเทศ
ประกอบการ อาร์ เจนตินา ที่ให้ ผ้ ปู ่ วยทางจิตมาจัดรายการวิทยุ ซึ่งเป็ นแนวคิดที่
ไม่เคยมีใครเคยทามาก่อน แต่ผลลัพธ์ ที่ออกมาดีเกินคาดและได้ รับ
การตอบรับจากผู้ฟังกว่า ๑๒ ล้ านคน ซึ่งเป็ นการคิดในมุมกลับว่า
สถานีวิทยุจดั โดย การเปิ ดโอกาสให้ ผ้ ปู ่ วยทางจิตมาจัดรายการวิทยุจะสามารถช่วย
ผู้ป่วยทางจิต บ าบั ด อาการป่ วย ท าให้ รู้ สึ ก ว่ า ตนเองมี คุ ณ ค่ า และสามารถ
ด ารงชี วิ ต ในสัง คมเหมื อ นคนปกติ ผลจากการวิ จัย ระบุ ว่ า ๓๐
เปอร์ เซ็นต์ของผู้ป่วยที่จัดรายการ สามารถกลับคืนสู่สงั คมและใช้
ชี วิ ต ป ก ติ ใน สั ง ค ม ได้ ซึ่ ง รา ย ก า รวิ ท ยุ นี ้ไ ด้ เป ลี่ ย น โฉ ม
การประกอบการ และทาลายกาแพงกัน้ ระหว่างคนปกติและผู้ป่วย
ทางจิตลงอย่างสิ ้นเชิง
วิวฒ
ั น์ โมเดล เป็ นการคิดโมเดลในการประกอบการที่คิดในมุมกลับ จากปกติที่
ประกอบการ องค์ กรมักจะมี การเก็ บ เรื่ องราวความสาเร็ จหรื อผลการทดลองที่
ได้ รับการยอมรับมาตีพิมพ์ แต่ Negative Results นันเลื ้ อกที่จะเก็บ
องค์กรที่สนับสนุน ผลงานที่ล้มเหลวหรื อความผิดพลาดที่เกิดขึ ้นมาตีพิมพ์ เพื่อไม่ให้
การแลกเปลีย่ นความ เกิดความผิดพลาดเหล่านันซ ้ ้าอีก เป็ นการพัฒนาการให้ บริ การและ
ล้ มเหลวหรื อความ ส่งผลให้ ปรับเปลีย่ นพฤติกรรมในการตีพิมพ์เอกสาร
ผิดพลาดในการวิจยั /
ทดลอง

๒๒
นวัตกรรม ระดับ ประเภท เหตุผล

วิวฒ
ั น์ โมเดล เป็ นร้ านค้ าสหกรณ์ ที่ตงขึ ั ้ ้นในชุมชนเก็บขยะย่านอ่อนนุช กรุ งเทพฯ
ประกอบการ ที่ ตัง้ ร้ านขึ น้ โดยใช้ บริ ก ารรั บ ซื อ้ ขยะ Recycle ที่ เก็ บ คัด แยกมา
แลกเปลี่ยนเป็ นของสินค้ าอุปโภคบริ โภคที่จาเป็ นในครัวเรื อนของ
สมาชิกในร้ านค้ า แทนการนาเงินมาซื ้อสินค้ าเหมือนร้ านสะดวกซื ้อ
ทัว่ ไป ซึ่งเป็ นแนวคิดการประกอบการรู ปแบบใหม่ จากคนที่ไม่ได้
ร้ านสหกรณ์ มีการศึกษาที่สูง แต่ก็สามารถปรับเปลี่ย นระบบสหกรณ์ ม าใช้ ให้
“ศูนย์” บาท เหมาะสมกั บ ชุ ม ชน และได้ รั บ การยอมรั บ อย่ า งดี จุ ด นี เ้ ป็ น
การเปลี่ ย นพฤติ ก รรมการพึ่ ง ตนเองของคนในชุ ม ชนที่ ย ากจน
พฤติ ก รรมการซื อ้ ขายตรง ไม่ ต้ องขายผ่ า น และพฤติ ก รรม
การคัดแยกขยะตังแต่ ้ ต้นทางและบริ หารกาจัดเพื่อลดปริ มาณขยะ
ในพื ้นที่มาใช้ ให้ เกิดประโยชน์
วิวฒ
ั น์ ประสบการณ์ Q-Drum เป็ นถังน ้าลักษณะทรงกระบอกมีรูตรงกลางให้ คล้ องเชือก
ลูกค้ า เพื่อลากสาหรับบรรจุน ้า ซึ่งใช้ ได้ ดีในสถานที่แห้ งแล้ งและห่างไกล
กระบวนการ จากแหล่ง น า้ Q-Drum ช่ ว ยท าให้ ป ระหยัด เวลาและพลัง งานใน
การขนน า้ ได้ น า้ ม าใช้ ใน เวลาที่ สั น้ ลง และเป็ นการสร้ าง
หลัก และสินค้ า
Q-Drum ประสบการณ์ ที่ สนุก และการมี ส่วนร่ วมของเด็ ก ๆ ในแอฟริ ก า ซึ่ง
แนวคิดเหล่านี ้เป็ นหนึ่งในหลายๆ แนวคิดที่ออกแบบงานสร้ างสรรค์
สาหรั บ ช่ ว ยเหลื อ คนยากจนอย่ า งต่ อ เนื่ อ ง โดยองค์ ก รการกุศ ล
ที่ใช้ เว็ปไซด์ Design for 80%

๒๓
นวัตกรรม ระดับ ประเภท เหตุผล

วิวฒ
ั น์ ช่องทางการ เป็ นเว็ ป ไซด์ ที่ ช่ ว ยบริ ก ารจัด หาระดมทุน เงิ น จากคนทั่ว โลกผ่ า น
ขาย คอมพิวเตอร์ ลกั ษณะ Cloud sourcing โดยเป็ นการนัดพบระหว่าง
คนที่คิดสร้ างสรรค์จะทาโครงการขึ ้นมา กับคนที่ต้องการสนับสนุน
การทาโครงการให้ ได้ มาพบกัน ซึง่ พบว่าในปี ๒๕๕๖ สามารถระดม
เว็ปไซด์ระดมทุน
คนได้ ๒ ล้ านคนใน ๑๗๗ ประเทศทั่วโลก และได้ เงิ น ๓๐๐ ล้ าน
Kick Starter.com
เหรี ยญในการทาโครงการ จุดนี ้เป็ นการพลิกโฉมรู ปแบบการลงทุน
ในจากยุค ที่ ต้ องมี น ายทุ น คนเดี ย วสนับ สนุ น มาเป็ นการระดม
จากคนจานวนมากผ่านทางอินเตอร์ เน็ท
ปฏิวตั ิ แบรนด์ เป็ นเครื่ องดื่มน ้าอัดลมที่มีมลู ค่าทางการตลาดสูงที่สดุ ตลอดกาลใน
ประวัติศาสตร์ และเป็ นแบรนด์ ที่เก่าแก่ที่สุดเช่นกัน เครื่ องดื่มโค้ ก
เป็ นสินค้ าแบรนด์ เดียวที่คงความเป็ นวัยรุ่ นอยู่เสมอ ไม่เคยแก่หรื อ
ตกยุคไปเหมือนสินค้ าอื่นๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็ นรุ่ นไหนจากอดีต
จนถึงปั จจุบนั โดยคงความเป็ นโค้ กที่มีรสชาติ สีสนั และรูปแบบของ
เครื่ องดื่มโค้ ก บรรจุภณ ั ฑ์ที่เหมือนเดิมทุกประการไม่เคยเปลีย่ นแปลงมาเป็ นร้ อยปี
และนี่ คือเคล็ดลับสาคัญ ในการท าธุรกิ จ ของเครื่ อ งดื่ มโค้ ก โดยที่
ไม่อนุญาตให้ หน่วยงานด้ านการตลาดของบริ ษัทมาแตะต้ องในเรื่ อง
แบรนด์ แ ละบรรจุภัณ ฑ์ แต่ เน้ น การท าการตลาดในเรื่ อ งการท า
ความเข้ า ใจและสร้ างความเข้ า ใจของผู้บ ริ โภคกับ เครื่ อ งดื่ ม เป็ น
สาคัญมากกว่า

๒๔
นวัตกรรม ระดับ ประเภท เหตุผล

วิวฒ
ั น์ แบรนด์ เป็ นแบรนด์สนิ ค้ าชันน ้ าจากประเทศเกาหลีใต้ ที่นบั ว่าค่อนข้ างจะมา
แรงที่ สุด ในยุค นี เ้ ลยก็ ว่าได้ โดยมี ค วามมหัศจรรย์ ในการรู ป แบบ
การสร้ างตราสินค้ าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ออกมาสูต่ ลาดโดยไม่เน้ นให้
ผลิตภัณฑ์สนิ ค้ า
ลูกค้ าจาชื่อรุ่ นของสินค้ าตัวนันๆ ้ ขณะที่ Sony ยังไม่สามารถทาได้
แซมซุง เพราะ Sony นันจะตั้ งชื
้ ่อประเภทสินค้ าไว้ ทุกอย่าง โดยผลิตภัณฑ์
ต่ า งๆ ของแซมซุ ง ที่ อ อกม านั น้ จะใช้ ชื่ อ SAMSUNG น าใน
ทุกประเภท จนทาให้ ผ้ ูบริ โภคไม่ได้ ใส่ใจว่าชื่ อของเครื่ องใช้ ไฟฟ้ า
ภายใต้ แบรนด์เดียวนันชื ้ ่อว่าอะไร ไม่วา่ จะเป็ นโทรทัศน์ เครื่ องซักผ้ า
เครื่ องปรับอากาศ ยกเว้ น สินค้ าอย่างเดียวของแซมซุงในขณะนี ้ที่มี
การตังชื้ ่อแยกรุ่ นและสื่อให้ คนจดจา คือ โทรศัพท์มือถือ ที่มีรุ่นเป็ น
Galaxy ซึ่ ง การท าแบรนด์ สิ น ค้ าในลัก ษณะนี พ้ บว่ า ขัด แย้ ง กั บ
ทฤษฎีการสร้ างแบรนด์ ในอดีตอย่างสิ ้นเชิ ง เนื่องจากผู้บริ โภคจะ
สับสน แต่แซมซุงยังคงโมเดลในการทาแบรนด์ในลักษณะนีอ้ ย่าง
ต่อเนื่ องไม่เปลี่ยนแปลงคื อ แบรนด์ เดียวสาหรั บทุกอย่าง และใช้
การเฉลีย่ การโฆษณาจากสินค้ าจากผลิตภัณฑ์ภายใต้ แบรนด์เดียว
วิวฒ
ั น์ ประสบการณ์ เป็ นแคมเปญจากกระทรวงวัฒ นธรรม ที่ อ อกมาในปี ๒๕๕๖ ที่
ลูกค้ า ส่ ง เสริ ม ให้ คนออกมาสวมใส่ เสื อ้ ผ้ าที่ ดั ด แปลงตั ด เย็ บ มาจาก
ผ้ าขาวม้ า ซึ่งเป็ นผ้ าเอกลักษณ์ ที่อยู่ค่กู ับคนไทยมาอย่างยาวนาน
ในช่ ว งเวลาเฉลิ ม ฉลองเทศกาลสงกรานต์ ซึ่ ง เป็ นการเปลี่ ย น
สงกรานต์ เมษา ประสบการณ์ ข องผู้ส วมใส่เสื อ้ ผ้ า และผู้พ บเห็ น อย่ า งไรก็ ต าม
ผ้ าขาวม้ าครองโลก ในการรณรงค์ การสวมเสื ้อผ้ าที่ทาจากผ้ าขาวม้ านัน้ ผู้ว่าราชการ
จั ง หวั ด พระนครศรี อ ยุ ธ ยาได้ ท าให้ เห็ น เป็ นตั ว อย่ างและท า
อย่างต่อเนื่องมาเป็ นระยะเวลาหนึง่ แล้ ว ไม่วา่ จะเป็ นการสวมเสื ้อผ้ า
ที่ตดั เย็บจากผ้ าขาวม้ าไปร่ วมงานสาคัญๆ ที่จดั ขึ ้นโดยภาคเอกชน
ภายในจังหวัดเอง แทนการสวมสูท

๒๕
นวัตกรรม ระดับ ประเภท เหตุผล

“ถนนเปลือย” วิวฒ
ั น์ การแก้ ปัญหา เป็ นการน าระบบ “ถนนเปลื อ ย” คื อ ไม่ มี ไ ฟจราจรมาใช้ ใน
แก้ ปัญหาการจราจร เชิงสังคม การแก้ ปัญหาการจราจรในเมืองดัตท์เทน กรุ งอัมเตอร์ ดมั ประเทศ
ติดขัด เนเธอร์ แลนด์ จากเดิมที่ผ้ ขู บั ขี่ต้องต่อสู้กับการติดขัดบนถนนเป็ น
เวลานานๆ มาเป็ นการนาความคิดนอกกรอบที่สวนทางและตรงกัน
ข้ ามกับที่มีอยู่ ซึ่งเป็ นการสร้ างการใช้ พื ้นที่ร่วมกันบนท้ องถนนของ
ผู้คนในสังคม โดยแทบจะมองไม่เห็นความแตกต่างของทางเท้ าและ
ถนนเลย จุดนี ท้ าได้ ผลดี เกิ นคาดเนื่ อ งมาจาก การมี วินัย ในเรื่ อ ง
ความปลอดภัยบนท้ องถนน โดยคนขับ คนเดินถนน คนขี่จักรยาน
เลิกที่จะมองหาสัญญาณไฟจราจร เมื่อพวกเขามาทางแยก แต่เขา
จะเริ่ มตระหนักและระมัดระวังมากขึ ้น เริ่ มเปิ ดทางให้ กนั และกันเอง
โดยอั ต โนมั ติ ด้ วยความเอื อ้ เฟื ้ อ และเคารพในการอยู่ ร่ ว มกั น
จากการศึกษาผลวิจยั ระบุว่า ในช่วง ๒ – ๓ ปี ที่ผ่านมาของการนา
ระบบถนนเปลือยเข้ ามาใช้ นนั ้ ได้ รับการตอบรับที่ดีจากคนในพื ้นที่
และไม่พบรายงานอุบัติเหตุที่ร้ายแรงเลย ซึ่งแนวความคิดนี ้ได้ เริ่ ม
น าไปขยายผลต่อ ในเมื อ งใหญ่ ๆ ทั่วยุโรปแล้ ว ๗ เมื อ ง ได้ แ ก่ ใ น
เบลเยียม เยอรมัน เดนมาร์ ก อังกฤษ และเนเธอร์ แลนด์

๒๖
ตัวอย่ างนวัตกรรมในงานราชการ ซึ่งได้ ถูกแลกเปลี่ยนจากประสบการณ์ ของของผู้เข้ าร่ วม
กิจกรรมการเรี ยนรู้
นวัตกรรม ระดับ ประเภท เหตุผล

การปรับปรุงสภาพ วิวฒ
ั น์ การสร้ าง เป็ นการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานภาคราชการด้ วยกัน
คลองข้ างทาเนียบ เครื อข่าย ในการปรับปรุ งสภาพคลองที่เน่าเสียข้ างทาเนียบรัฐบาลให้ กลับคืน
รัฐบาล พันธมิตร มา และช่วยสนับสนุนภาพลักษณ์ ที่ดีของสถานที่โดยรอบทาเนียบ
รั ฐ บาล จุ ด นี เ้ ป็ นการเปลี่ ย นพฤติ ก รรมและเป้ าประสงค์ ข อง
หน่วยงานทหารพัฒนาที่เข้ ามาช่วยเหลือทัง้ กาลังและงบประมาณ
โดยมองลงลึกถึงคุณค่าของสิง่ ที่ทา มากกว่าแค่การทาความสะอาด
และปรับปรุ งคลองที่เน่าเสียธรรมดา แต่มองว่าปรับปรุ งเนื่องจาก
ต้ องการทานุบารุ งสถานที่ที่มีความสาคัญในอดีตต่อทหารในสมัย
รัชกาลที่ ๕ และช่วยปรับ ปรุ งภาพลักษณ์ ของพื น้ ที่ ราชการที่เป็ น
เอกลักษณ์ของรัฐบาลด้ วยเช่นกัน
ธุรกิจการขายแบรนด์ วิวฒ
ั น์ โมเดล เป็ นลักษณะของการทาธุรกิจรู ปแบบใหม่ของต่างชาติที่เข้ ามาใน
สินค้ า ประกอบการ ประเทศไทยไม่นาน ซึง่ ใช้ การสร้ างแบรนด์สนิ ค้ าจานวน ๘๐ แบรนด์
เป็ นตัวตังในการด
้ าเนินธุรกิจ จากนันจะติ
้ ดต่อเจ้ าของธุรกิจขนาด
เล็ ก ต่ า งๆ (SME)ในการขอเข้ าไปส ารวจเพื่ อ ดู ตั ว สิ น ค้ าและ
มาตรฐานในการผลิต โดยการขายแบรนด์เพื่อเป็ นการหาทุน จุดนี ้
เป็ นรู ป แบบการท าธุ รกิ จ แบบมุม กลับ และแตกต่า งไปจากธุ รกิ จ
ธรรมดาที่พบเห็นกัน ซึ่งแหวกแนวและเปลี่ยนโฉมการทาธุรกิ จไป
จากรูปแบบเดิม
การประมูลป้าย วิวฒ
ั น์ กระบวนการ เป็ นการเปลี่ ย นกระบวนในการขอเลขทะเบี ย นรถยนต์ ส าหรั บ
ทะเบียนรถยนต์เลข จดทะเบียนรถใหม่ โดยสานักงานกองทะเบียนกรมขนส่ง ได้ ออก
สวย แนวคิ ดในการเปิ ดให้ ผ้ ูสนใจร่ วมประมูลเลขสวยของทะเบี ย นรถ
แทนที่ ก ารยื่ น ขอในแบบเดิ ม ที่ มัก พบว่ า มี ก ารวิ่ งเต้ น ใต้ โต๊ ะ และ
๑กก ๑๑๑๑ เส้ นสายเพื่อให้ ได้ เลขสวยมา ซึ่งล่าสุดจากการประมูลป้ายทะเบียน
กรุงเทพมหานคร ล่าสุด ๑กก ๑๑๑๑ กรุงเทพมหานคร นันพบว่ ้ า สามารถทาเงินอย่าง
มหาศาลจากการประมูลครัง้ นี ้ไป ๒๕ ล้ านบาท

๒๗
แนวคิดที่ผ้ ูเข้ าร่ วมกิจกรรมได้ รับจากกิจกรรมการเรี ยนรู้

 เรามักตังค
้ าถามว่า “การไปเอาสิ่งประดิษฐ์ หรื อนวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดขึน้ ในโลกนีท้ ี่มีผ้ ูอื่นคิดค้ น
แล้ วนันและน
้ ามาใช้ ในพื ้นที่เรา แบบนี ้ถือเป็ นการเลียนแบบทางนวัตกรรมหรื อไม่ ” แทนที่เราควร
จะตังถามให้
้ กบั ตัวเองก่อนว่า “จาเป็ นหรื อไม่ที่เราจะต้ องคนแรกในโลกนี ้ที่คิดค้ นในเรื่ องนันๆ
้ ขึ ้น”
หรื อ เราควรลบคาว่ า “แค่ ” ออกไปจากพจนานุกรมส่ วนตัวของเราเองก็พอ

 การไปศึกษาดูงานและรับเอานวัตกรรมของที่อื่นมาปรับใช้ ในรูปแบบของเราเองนันสามารถท
้ าได้
แต่สิ่งที่ควรตระหนักคือ ต้ องนามาปรั บให้ เข้ ากั บพืน้ ที่ของเราเอง และเรี ยนรู้ ท่ ีจะต่ อยอด
ความรู้ ผนวกเข้ าไปด้ วยเพื่อผสมผสานให้ เกิดเป็ นนวัตกรรมในพืน้ ที่ของเราอย่างแท้ จริง

 การใช้ Innovation matrix เป็ นเครื่ องมือและแบบฝึ กหัดในการช่วยชี ้ช่องให้ กับทีมงานทุกคน และ
ทุกระดับได้ มีส่วนร่วม รวมถึงมองเห็นโอกาสในการสร้ างนวัตกรรม ประเด็นสาคัญคือ นวัตกรรมที่
ดีและมี Impact สูงนันเป็
้ นนวัตกรรมที่สามารถอยูไ่ ด้ มากกว่าหนึง่ ระดับและหนึง่ ประเภท

 คนที่เป็ นนวัตกรต้ องคิดให้ ยาวๆ และอาศัยเวลาการสร้ างและส่งเสริ มอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ เ กิดเป็ น


นวัตกรรมที่แท้ จริ งและมีความยัง่ ยืน เพราะไม่เช่นนัน้ สิ่งเหล่านันจะเป็
้ นเพียงการพัฒนาในระดับ
ธรรมดาเท่านันเอง

 นวัตกรรมในบางเรื่ อง โดยเฉพาะการแก้ ไขปั ญ หาเชิงสังคมนัน้ ไม่ใช่เรื่ องง่ายที่ จะทาให้ ส าเร็ จ


ตรงกัน ข้ ามต้ องอาศัยความกล้ าและมุ่ง มั่น เด็ด เดี่ ยวในการด าเนิ น การ อี ก ทัง้ ใช้ ระยะเวลาใน
การดาเนินการอย่างอดทนจึงจะผลักดันให้ เกิดขึ ้นได้

แนวคิดที่ผ้ ูเข้ าร่ วมกิจกรรมได้ บูรณาการความรู้ ท่ จี ะนาเอาไปใช้ ในการต่ อยอด

 น าไปปรั บ ใช้ ในการพั ฒ นาสมรรถนะของบุ ค ลากรในหน่ ว ยงานกระทรวงการคลั ง ใน


ด้ านภาษาอังกฤษให้ เก่งมากขึ ้น โดยเริ่ มปรับจาก “กิจกรรมที่ส่งเสริ มในการใช้ ภาษาอังกฤษ” ซึ่ง
ล้ วนเป็ นกิ จ กรรมที่ ไม่เคยทามาก่อนทัง้ สิ น้ อาทิ การประชุม ร่ วมกันเป็ นภาษาอัง กฤษ การจัด

๒๘
workshop เป็ นภาษาอังกฤษ และการสนับสนุนให้ มีการนาเสนอผลการวิจยั ประเภทต่างๆ เป็ น
ภาษาอังกฤษ

 นาไปใช้ ในการสื่ อสารกับ ที ม งานในองค์ กร โดยเริ่ ม จากการส่ง เสริ ม ให้ ทุก คนได้ คิด นอกกรอบ
ด้ วยการมองสิ่งเดิมแต่เห็นมุมใหม่ และสร้ างบรรยากาศให้ คนในองค์กรได้ คิดต่อยอดกัน รวมทัง้
เปิ ดโอกาสให้ ทกุ คนได้ ร่วมกันแชร์ ความคิดเห็น

 นาไปใช้ ในการพิจารณาแนวคิดข้ อเสนอของทีม งานในสังกัดที่นาเสนอมาว่าเป็ นนวัตกรรมหรื อไม่


และใช้ ในการกระตุ้นความคิด โดยขยายมุมมองในการพิจารณาระดับของนวัตกรรมที่กว้ างมากขึ ้น

 นาไปใช้ คิดว่าจะทาอะไรได้ บ้างต่อข้ อจากัดที่มีสาหรับวงราชการ เพื่อที่จะช่วยกระตุ้นและส่งเสริม


ให้ ทีมงานระดับปฏิบตั งิ านในสังกัด ได้ มีโอกาสในการพัฒนาการเรื่ องนวัตกรรมให้ มากขึ ้น

๒๙
ประมวลภาพบรรยากาศในการเรี ยนรู้

๓๐
๓๑
๓๒
๓๓

You might also like