Professional Documents
Culture Documents
รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร
รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร
รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร
ของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา
การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
สภาผู้แทนราษฎร
กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการคมนาคม
สานักกรรมาธิการ 1
สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
รายงาน
ของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา
การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
สภาผู้แทนราษฎร
กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการคมนาคม
สานักกรรมาธิการ 1
สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
£4
(g?mn)
n aw oos^d.oc^/ amwuvi'uny/i?«u tW
Lia^ nEJ^TUwam^^an'sm^n'winmj^aaa^lviaua^m^yiajui^^'s^ma^mi^namal^
S M
n^iaLla'u ‘Ui^sTua/nwuyn^^Twa^ U tH
gwj. (s)Cs.
s «u <w
6ua<i(siujsn‘ai3Ji5rma?n3jfy(5ial'iJ
6?jaLL?(^^fniu<uuaaadi^^
(vn^na^i vmalVm)
iJ ^ si5Tu n w ns n i ^ ?n3J qj^a 11 m ^ n w
rmso^fieia^lyiau)a^m‘3^‘uivl,u^i^L<ua^u3iiyanafn(zi4l^
S M
ciTunni^jisnii s)
na'jj^i\4<sia!^niijji5niinii?uj'uiPi^
lyiipfvjvi o bbcate &.otoo ^ia bs)S!t5i
I'Uywdltfmanniaunei : thaicanall704@gmail.com
efiminn^'U
gj.trhlrm.
(ui^^niiJlaimal Linila'u)
wa^'uiamicimlnniiuiBrm s)
•uiawrauw u'aau/'wu'VN
■Lmfmaiivijji via^^ia/p'iiia
wnavnu
si uiasi'wa
afw b tn^anStn Irjiiaa
ts ^ tf 0> e' ^ o
aiw cn ui&Ynfiwus lanuni
ก
รายนามคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
สภาผู้แทนราษฎร
บทสรุปผู้บริหาร
(Executive Summary)
ตามที่ที่ประชุมสภาผู้ แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 19 (สมัยสามัญประจาปีครั้งที่ส อง)
เมื่ อ วั น พฤหั ส บดี ที่ 16 มกราคม 2563 ได้ มี ม ติ ตั้ ง คณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ พิ จ ารณาศึ ก ษา
การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ. 2562 ข้อ 49 มีกาหนดระยะเวลาพิจารณาศึกษาไว้ 120 วัน และได้มีการขยายเวลาอีกหลายครั้ง
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อีกทั้งเป็นการพิจารณา
ศึกษาโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Project) ที่คาดว่าจะนาพาประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง
ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐) จึงต้องพิจารณาศึกษา
อย่างรอบด้านในทุกมิติเพื่อให้ได้ ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จึงได้ตั้งคณะอนุ
กรรมาธิการขึ้น จานวน 3 คณะ ดังนี้ 1) คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย 2) คณะอนุ
กรรมาธิการพิจารณาศึกษาการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ และ 3) คณะอนุกรรมาธิการพิจารณา
ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง และการเมือง เพื่อพิจารณาศึกษาและจัดทาข้อสั งเกต
และข้อเสนอแนะต่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป มีรายละเอียดโดยสังเขป ดังนี้
ส่วนที่ ๑ ผลการพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย จากหลักฐานทางวิชาการที่ปรากฏ พบว่า
แนวคิ ด การขุ ด คลองไทย เพื่ อ เชื่ อ มทะเลอั น ดามั น กั บ ทะเลอ่ า วไทยของไทยมี ม านาน เป็ น มรดก
ทางยุ ท ธศาสตร์ ช าติที่ บ รรพบุ รุ ษ ทิ้ งไว้ ใ ห้ ลู ก หลานไทยนาไปใช้ ประโยชน์ ได้ ก ล่ า วไว้ ว่า “คลองไทย”
เป็ น ภู มิ ยุ ท ธศาสตร์ ที่ ดี เหมาะสมที่ จ ะเป็ น เส้ น ทางเศรษฐกิ จ ใหม่ ข องโลก โดยในการพิ จ ารณาศึ ก ษา
ของสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ พบว่า ๑) แนวคลองที่เหมาะสมที่สุด คือ แนวทางเส้น ๙A ผ่าน ๕ จังหวัด
คือ จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัด สงขลา ซึ่งสอดคล้ อง
ต่อยอดจากผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
วุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๔๘ ๒) การขุดคลองไทยอย่างเดียว ไม่สามารถจูงใจให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ได้ จาเป็น
จะต้ องพั ฒนาจั งหวั ดแนวคลองเป็ นเขตเศรษฐกิ จพิ เศษภาคใต้ เพื่ อให้ เป็ นศู นย์ กลางการค้ าการลงทุ นระดั บโลก
๓) รูปแบบลักษณะของคลอง มีการศึกษาและเสนอหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับจานวน ลักษณะพื้นที่
ที่จะพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ โดยสรุปรูปแบบคลอง มี ๒ ลักษณะ คือ รูปแบบที่ ๑ มีคลองหลั ก
คลองเดียวขนาดใหญ่ เรือเดินสมุทรสามารถเข้า – ออก ได้ในคลองเดียวกัน และรูปแบบที่ ๒ มีคลองหลัก
ขนาดใหญ่เป็นคลองคู่ขนาน 2 คลอง เรือเดินสมุทรสามารถเข้า – ออก ในคลองคนละเส้นทาง เพื่อรองรับ
เรื อที่ มี ขนาดใหญ่ ที่ สุ ดในโลกได้ เพราะมี ภู มิ ยุ ทธศาสตร์ ที่ เหมาะสมเพื่ อเป็ นศู นย์ กลางเศรษฐกิ จใหม่ ของโลก
ในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จัง หวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสงขลา
โดยกาหนดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งใหม่และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ส่วนที่ 2 ผลการพิจารณาศึกษาการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ วางกรอบการพัฒนา
เพื่อเป็ น แนวทางการพัฒ นาพื้น ที่ร ะเบี ยงเศรษฐกิ จภาคใต้ เ พื่ อรองรั บเรื อที่ มีข นาดใหญ่ ที่สุ ด ในโลกได้
ในเชิงยุทธศาสตร์เพื่อให้ บรรลุตามเป้าประสงค์ ได้กาหนดประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนา ๑๕ ยุทธศาสตร์
ฉ
ที่ส อดรั บ กับ แผนยุ ทธศาสตร์ ช าติ พ.ศ. 2561 – 2580 ในยุทธศาสตร์ช าติด้ านที่ ๒ ด้านการสร้ า ง
ความสามารถในการแข่ ง ขั น โดยประเด็ น ที่ ไ ด้ ศึ ก ษาเป็ น การศึ ก ษายุ ท ธศาสตร์ ช าติ ใ นมิ ติ ก ารสร้ า ง
ขี ดความสามารถในการแข่ งขั นระดั บโลก โดยได้ ก าหนดยุ ทธศาสตร์ ใหม่ ในการพั ฒนาภาคใต้ ให้ เป็ นเขตเศรษฐกิจ
พิเศษขวานทอง (The Golden Ax Special Economic Zone : GASEZ) ได้แก่ ๑) ยุทธศาสตร์ความมั่นคง
ของชาติ ศาสนา และพระมหากษั ต ริ ย์ ๒) ยุ ท ธศาสตร์ ก ารออกกฎหมายพิ เ ศษรองรั บ การพั ฒ นา
เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง (GASEZ) เพือ่ มุ่งสู่ความเป็นศูนย์กลางของโลกโดยเฉพาะ ๓) ยุทธศาสตร์การ
พั ฒ นาสู่ ก ารเป็ น ศู น ย์ ก ลางทางการแพทย์ แ ละดู แ ลสุ ข ภาพระดั บ โลก (Medical Hub of the World)
๔) ยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง (GASEZ) ให้เป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเงินและ
การธนาคารของโลก (World Financial Center) ๕) ยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมการต่อเรือ
และการเดินเรือขนาดใหญ่ พาณิชย์นาวีและโลจิสติกส์ระดับโลก (World Class Logistic) ๖) ยุทธศาสตร์
การให้ สิ ทธิพิเศษและสวัส ดิการที่ดีที่สุ ดส าหรับผู้ ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็ง
ของชุมชนและสั งคม มั่น คง มั่งคั่ง ยั่ งยื น ๗) ยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์กลางการศึกษา วิจัยและพัฒ นา
(Academic Hub of the World) ๘) ยุทธศาสตร์ด้านการกาลังทหารและพลเรือนเพื่อรักษาผลประโยชน์
แห่งชาติ ๙) ยุทธศาสตร์การขุดคลองไทย (Thai Canal) แนว9A เชื่อมทะเลอ่าวไทยและอันดามัน จานวน
2 คลอง (ลึก 40 เมตร กว้าง 1 กิโลเมตร ห่างกัน 10 กิโลเมตร) ๑๐) ยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นศูนย์กลาง
การท่องเที่ย วระดับ โลกและ Smart City ๑๑) ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง มั่งคั่งทางเศรษฐกิจ สั งคม
การเมือง และความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ๑๒) ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ (S - Curve)
เทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลก ๑๓) ยุทธศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ อม
อย่างยั่งยืน ๑๔) ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ขวานทองภาคใต้ (GASEZ) ๑๕) ยุทธศาสตร์เขตการค้าเสรีและสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment
Center Complex) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง (GASEZ) จะมีกฎหมายการบริหารพื้นที่โดยเฉพาะ
รวมถึงการบริหารคลองไทย ซึ่งเป็นองค์ประกอบสาคัญของเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง (GASEZ) ซึ่งจะ
ทาให้ประเทศไทยพัฒนาเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการขนส่งของโลกแห่งใหม่จะทาให้ประเทศ
ไทยมีรายได้จากเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง (GASEZ) อย่างมหาศาล
ส่วนที่ 3 ผลการพิจารณาศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้ อม สังคม ความมั่นคงและการเมือง
โดยทาการพิจารณาศึกษาใน ๕ ด้าน ได้แก่ ๑) ด้านผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่อาจเกิดขึ้นทั้งทางบวก
และทางลบ จากการเปลี่ ย นแปลงทางด้ า นทรั พ ยากรธรรมชาติ ทรั พยากรทางทะเลและชายฝั่ ง
ทรัพยากรดิน แร่ธาตุและธรณีวิทยา ๒) ด้านผลกระทบด้านสังคม จากการย้ายถิ่นของชุมชนและการเวนคืน
ที่ดินการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต อาชีพและรูปแบบการประกอบอาชีพ การไหลบ่าทางวัฒนธรรมต่างชาติ
รวมทั้งผลกระทบต่อโบราณสถาน โบราณวัตถุในบางพื้นที่ ตลอดจนความวิตกกังวลของประชาชนผู้ได้รับ
ผลกระทบ ๓) ด้านผลกระทบด้านความมั่น คง โดยพิจารณาศึ กษาผลกระทบและแนวทางการรั ก ษา
ความมั่น คงภายใน การรั กษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ความมั่นคงทางภาคพื้นดิน ภาคอากาศ
ที่ เ ปลี่ ย นแปลง ๔) ผลกระทบด้ า นการเมื อ ง เป็ น การพิ จ ารณาศึ ก ษาด้ า นการเมื อ งภายในประเทศ
และด้านการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ
ตลอดจนความขั ด แย้ งระหว่ า งประเทศอื่ น ๆ ที่ อ าจมี ผ ลกระทบถึ ง ประเทศไทย และ ๕) กฎหมาย
ช
ที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เห็นควรเสนอให้
มี ก ารตรากฎหมายเพื่ อ ให้ มี ก ารจั ด ตั้ ง องค์ ก รควบคุ ม บริ ห ารจั ด การโครงการคลองไทยอย่ า งรั ด กุ ม
ทั้งในด้านการลงทุน การก่อสร้ าง แผนการบริห ารจัดการ บารุงรักษาภายหลั งการก่ อสร้ างแล้ ว เสร็ จ
ตลอดจนการชดเชยเยียวยาประชาชนในพื้นที่อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อไป อย่างไรก็ตามในการศึกษา
ครั้ ง นี้ เ ป็ น การศึ ก ษาผลกระทบในเบื้ อ งต้น เห็ น ว่ า มี ค วามจาเป็น อย่ า งยิ่ ง ที่ รัฐ บาลจะต้ อ งมี ก ารศึ กษา
อย่างจริงจังเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นกลางและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด
โดยสรุปแล้ว การศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พบว่า การขุดคลองไทยและการพัฒนา
พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้จะทาให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของภาคใต้และประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตาม
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนย่อมเกิดขึ้นได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เห็นว่ามีความจาเป็น
อย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องมีการศึกษาเชิงลึกอย่างจริงจังและเป็นกลาง เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นกลางและ
เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด
ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
จากการประชุมรั บ ฟังความคิดเห็น การเดินทางไปศึกษาดูงานและการจัดสั มมนา ตลอดจน
การรวบรวมเอกสารข้อมูลต่าง ๆ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนา
พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้
1) ส านั ก งานสภาพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชาติ ควรด าเนิ น การของบประมาณ
เพื่ อ ศึ ก ษาความเป็ น ไปได้ ข องโครงการ (Feasibility Study) ให้ เ พี ย งพอที่ จ ะศึ ก ษาให้ ค รอบคลุ ม
ทุ ก มิ ติ ทุ ก ประเด็ น และพื้ น ที่ เพื่ อ ให้ ส ามารถด าเนิ น การศึ ก ษาความเป็ น ไปไ ด้ อ ย่ า งเต็ ม รู ป แบบ
(Full Feasibility Study) ต่อไป
๒) การศึ ก ษาความเป็ น ไปได้ ข องโครงการ (Feasibility Study) จะต้ อ งศึ ก ษาให้ ค รบถ้ ว น
ทุ ก ประเด็ น ไม่ ว่ า ประเด็ น ด้ า นความมั่ น คงระดั บ โลก ความมั่ น คงภายในประเทศ แหล่ ง เงิ น ลงทุ น
ที่ควรมาจากหลายแหล่ง ทั้งจากประเทศฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก และต้องทราบถึงความต้องการ
ของผู้ มาใช้บ ริ การผ่ านคลองไทยด้ว ย ตลอดจนต้องมีการศึกษาขั้นสมบูรณ์ (Full Feasibility Study)
อย่ า งละเอี ย ดถี่ ถ้ ว น เพื่ อ ให้ ล ดผลกระทบในด้ า นต่ า ง ๆ โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง ด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ ม
และด้านความมั่น คงของประเทศ การศึกษาข้อมูล ทั้งด้านธรณีวิท ยา ด้านวิศวกรรม ด้านสิ่งแวดล้ อม
ด้านความมั่น คงด้านเศรษฐกิจ ด้านกฎหมาย ด้านสังคมและวัฒ นธรรม เปรียบเทียบความเหมาะสม
ในทุกด้านทุกมิตจิ ะสามารถลดความเสี่ยงและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
๓) รั ฐ บาลควรประกาศให้ ก ารขุ ด คลองไทยและการพั ฒ นาพื้ นที่ เ ขตเศรษฐกิ จ พิ เศษภาคใต้
เป็ น “วาระแห่ งชาติ ” ซึ่งเป็ น หนึ่ งในยุ ทธศาสตร์ช าติที่จะต้องดาเนินการให้ แล้ ว เสร็จภายในกาหนด
ระยะเวลา
๔) ควรมี การจั ดตั้ งคณะกรรมการนโยบายและการขั บเคลื่ อนการขุ ดคลองไทยและการพั ฒนา
พื้ น ที่ เ ขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษภาคใต้ โดยมี น ายกรั ฐ มนตรี เป็ น ประธา น และรองนายกรั ฐ มนตรี
ที่ได้รั บ มอบหมาย เป็ น รองประธาน ตลอดจนรัฐ มนตรีทุกกระทรวง เป็นกรรมการ และมี ส านักงาน
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ซ
กิตติกรรมประกาศ
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ
ภาคใต้ ขอขอบคุณกรรมาธิการและที่ปรึกษาทุกท่านที่ได้มีส่วนร่วมในพิจารณาศึกษาประเด็นต่าง ๆ เชิงลึก
อย่างละเอียดเกี่ยวกับ การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ซึ่งได้ศึกษาข้อมูล
เอกสารวิชาการ แนวคิดทฤษฎี และการรับฟังความคิดเห็ นของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้ อง ตลอดจน
ได้ เ ดิ น ทางไปศึ ก ษาดู ง านในพื้ น ที่ จ ริ ง และสั ม มนาเพื่ อ รั บ ฟั ง ความคิ ด เห็ น ของ หั ว หน้ า ส่ ว นราชการ
และประชาชนในจังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา
ขอขอบคุณคณะอนุกรรมาธิการและที่ปรึกษาทุกท่าน ทั้ง ๓ คณะ ได้แก่ ๑) คณะอนุกรรมาธิการ
พิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย ๒) คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการพัฒนาพื้ นที่ระเบียงเศรษฐกิจ
ภาคใต้ และ ๓) คณะอนุ ก รรมาธิ ก ารพิ จ ารณาศึ ก ษาผลกระทบด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ ม สั ง คม ความมั่ น คง
และการเมืองที่ได้ศึกษาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เชิงลึกตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ซึ่ ง ท าให้ ส ามารถน าผลการศึ ก ษาของคณะอนุ ก รรมาธิ ก ารทั้ ง ๓ คณะ มาเป็ น ข้ อ มู ล ในการพิ จ ารณา
และจัดทารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จนสาเร็จลุล่วง
ขอขอบคุณผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ
การพิ จ ารณาของคณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ ฯ และผู้ ที่ ม าให้ ข้ อ มู ล เพื่ อ ประกอบการพิ จ ารณาของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ขอขอบคุณคณะทางานในการจัดทารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ทุกท่านที่ได้ระดมสมอง ศึกษา
ทบทวน วิเคราะห์ ตลอดจนสรุปและรวมรวมรายงานจนสาเร็จสมบูรณ์
ทั้ ง นี้ รายงานฉบั บ นี้ จ ะเสร็ จ สมบู ร ณ์ ไ ม่ ไ ด้ เ ลยถ้ า ไม่ ไ ด้ รั บ การอ านวยความสะดวก
จากฝ่ายเลขานุการ (กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการคมนาคม) ในการประชุมพิจารณา ศึกษาดูงาน สัมมนา
และจัดทารูปเล่มรายงานจนเสร็จสมบูรณ์เพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร
ดั ง นั้ น จึ ง ขอขอบคุ ณ ทุ ก ๆ ท่ า นเป็ น อย่ า งยิ่ ง ที่ มี ส่ ว นร่ ว มในการพิ จ ารณาศึ ก ษา วิ เ คราะห์
และจัดทารายงานฉบับนี้ จนเสร็จสมบูรณ์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ รับความร่วมมือจากทุกท่านเป็น
อย่างดีในโอกาสต่อไป
ฏ
สารบัญ
หน้า
รายนามคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย ก
และการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร
บทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary) จ
กิตติกรรมประกาศ ญ
คานา ฎ
สารบัญ ฏ
สารบัญภาพ ณ
สารบัญตาราง ด
รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย ต
และการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร
๑. คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติเลือกตั้ง ต
๒. คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติตั้งที่ปรึกษาประจาคณะกรรมาธิการวิสามัญ ถ
๓. คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มีมติแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ท
๔. ผู้ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญได้เชิญมาชี้แจงแสดงความคิดเห็นต่อที่ประชุม ท
๕. การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ น
๖. ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ป
บทที่ ๑ บทนา ๑
๑.๑ ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา ๑
๑.๒ วัตถุประสงค์ของการศึกษา ๔
๑.๓ ขอบเขตการศึกษา ๔
๑.๔ ขั้นตอนการศึกษา ๔
๑.๕ วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลและการสอบถามความคิดเห็น ๕
๑.๖ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ๖
๑.๗ นิยามศัพท์เฉพาะ ๖
๑.๘ กรอบแนวคิดในการศึกษา 11
บทที่ ๒ การทบทวนข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้อง 12
๒.๑ ทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง 12
๒.1.1 ทฤษฎีเชิงระบบ (Systems Theory) 12
๒.1.๒ ทฤษฎีภูมิรัฐศาสตร์ ๑6
๒.1.2.๑ ทฤษฎีใจโลก หรือดินแดนหัวใจ (Heartland Theory) ๑8
๒.1.2.๒ ทฤษฎีขอบโลก (Rimland Theory) 20
๒.1.2.๓ ทฤษฎีอานาจทางทะเล หรือทฤษฎีสมุททานุภาพ 21
๒.1.3 ทฤษฎีเกม (Game Theory) ๒6
๒.๒ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 28
ฐ
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
บทที่ ๓ ผลการพิจารณาศึกษา 36
๓.1 ผลการพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย ๓7
๓.๑.๑ สรุปผลการพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการดาเนินการขุด ๓7
คลองไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
๓.๑.๒ สรุปผลการพิจารณาศึกษาความคุ้มค่าในการขุดคลองไทย 40
เพื่อเป็นศูนย์กลางของพานิชย์นาวีโลก
๓.๑.๓ สรุปผลการพิจารณาศึกษาการดาเนินการขุดคลองไทย 45
เพื่อเป็นศูนย์กลางค้าโลก แหล่งอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวระดับโลก
๓.๑.๔ สรุปผลการพิจารณาศึกษารูปแบบคลองไทย 46
๓.๑.๔.๑ ผลการศึกษาของชมรมอาสาสมัครเพื่อให้ความช่วยเหลือ 46
ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่ประชาชน ในสมาคม
วิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๓๒)
๓.๑.๔.๒ ผลการศึกษาของคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาความ 47
เป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ วุฒิสภา (ศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๔๘)
๓.๑.๔.๓ ผลการศึกษาของสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษา 49
และพัฒนาร่วมกับบริษัทGrand Dragon International Holdings
Co., Ltd. (ศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๕๘)
๓.๑.๔.๔ ผลการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการ 50
ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศในคณะกรรมาธิการ
ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป
ประเทศ สภาผู้แทนราษฎร (ศึกษาใน ปี พ.ศ. ๒๕๖๒)
๓.๑.๔.๕ ผลการศึกษาการขุดคลองไทยของบริษัท 54
BATA ENGINEERING KANCHANABURI COMPANY LIMITED
(ศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๓)
๓.๑.๔.๖ ผลการศึกษากลุ่มบริษัทในเครือ เบสท์ กรุ๊ป 57
ในนามบริษัท สุวรรณภูมซิ ิตี้ จากัด (ศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๓)
๓.๑.๔.๗ ผลการศึกษาของบริษัท คิงส์แลนด์ (ประเทศไทย) จากัด 60
(ศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๓)
๓.๑.๔.๘ ผลการศึกษาของสภาวิศวกร (ศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๓) 66
๓.๑.๔.๙ ผลการศึกษาของกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย 68
(ศึกษาในปีพ.ศ. ๒๕๖๓)
ฑ
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
๓.๑.๕ ผลการสัมมนารับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ 70
ต่อการดาเนินการขุดคลองไทยทั้งในส่วนของประชาชน
ภาครัฐและเอกชน
๓.๑.๖ ข้อเสนอแนะและข้อสังเกต 70
3.2 ผลการพิจารณาศึกษาการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ 73
๓.๒.๑ ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา 74
๓.๒.๒ วัตถุประสงค์ของการศึกษา 75
๓.๒.๓ ทฤษฎี แนวคิด และเอกสารที่เกี่ยวข้อง 7๖
๓.๒.๓.๑ ยุทธศาสตร์ชาติ 7๖
๓.๒.๓.๒ แผนแม่บทตามยุทธศาสตร์ชาติ 77
ประเด็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ
๓.๒.๓.๓ ความเป็นมาทางภูมิยุทธศาสตร์ในการแข่งขัน 78
ของคลองไทยในระดับโลก
๓.๒.๓.๔ ลักษณะทางกายภาพของคลองไทย 78
๓.๒.๔ การศึกษา และทบทวนเอกสารทางวิชาการ และงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 80
๓.๒.๔.๑ เขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน 80
๓.๒.๔.๒ การบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษอีสกันดาร์ 81
สหพันธรัฐมาเลเซีย
๓.๒.๕ ขอบเขตของการศึกษา 82
๓.๒.๖ วิธีการศึกษา 82
๓.๒.๗ ประเด็นสาระสาคัญจากการศึกษา 82
๓.๒.๘ ผลการพิจารณาศึกษา 99
๓.๒.๙ บทสรุป ข้อเสนอแนะและข้อสังเกต 101
๓.๒.๙.๑ บทสรุปรายงานการศึกษา 101
๓.๒.๙.๒ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ 103
ภาคใต้
๓.๒.๙.๓ ข้อสังเกตเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้104
๓.๓ ผลการพิจารณาศึกษาผลกระทบการขุดคลองไทยและพัฒนาระเบียง 105
เศรษฐกิจทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง และการเมือง
๓.๓.๑ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม 105
๓.๓.๒ ผลกระทบด้านสังคม 106
๓.๓.๓ ผลกระทบด้านความมั่นคง 107
3.3.4 ผลกระทบด้านการเมือง 108
๓.๓.๕ กฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาขุดคลองไทย 109
และพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
ฒ
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
๓.๔ ผลการสัมมนารับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ 109
ต่อการดาเนินการขุดคลองไทย และพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
ทั้งในส่วนของประชาชน ภาครัฐ และเอกชน
บทที่ ๔ ผลการวิเคราะห์และอภิปรายผลการศึกษา 113
๔.๑ ผลการวิเคราะห์ และอภิปรายผลการศึกษาการขุดคลองไทย 11๕
๔.๑.๑ คลองไทยตามแนวของคณะอนุกรรมาธิการการขุดคลองไทย 11๕
๔.๑.2 คลองไทยตามแนวของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษา 11๗
การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ และอภิปรายผลการศึกษาการพัฒนาพื้นที่ 1๑๙
ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
๔.๓ ผลการวิเคราะห์ และอภิปรายผลการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม 1๙๒
สังคม ความมั่นคงและการเมือง
บทที่ ๕ สรุปผลการศึกษา และข้อเสนอแนะ 203
5.1 สรุปผลการศึกษา 203
๕.๑.๑ สรุปผลการศึกษาการขุดคลองไทย 203
๕.๑.๒ สรุปผลการศึกษาการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ 204
๕.๑.๓ สรุปผลการศึกษาผลกระทบการขุดคลองไทย 206
และพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม
ความมั่นคง และการเมือง
5.2 ข้อเสนอแนะ 209
๗. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ 212
บรรณานุกรม 215
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก ประกาศและคาสั่งต่าง ๆ
ภาคผนวก ข ภาพการประชุมพิจารณา สรุปผลการเดินทางไปจัดสัมมนารับฟังความ
คิดเห็น และการเดินทางไปศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ภาคผนวก ค ทบทวนข้อมูล และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ภาคผนวก ง รายงานของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย
ภาคผนวก จ รายงานของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการพัฒนาพื้นที่ระเบียง
เศรษฐกิจภาคใต้
ภาคผนวก ฉ รายงานของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลกระทบ
สิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง และการเมือง
ณ
สารบัญภาพ
หน้า
ภาพที่ ๑ รูปแบบการวิเคราะห์ตามแนวคิดเชิงระบบของการบริหารโดยทั่วไปสมัยใหม่ ๑6
(Systems Format)
ภาพที่ ๒ Location of the Pivot Zone or Heart - Land in Mackinder’s Theory (1904) ๑9
ภาพที่ ๓ ทฤษฎีเกม (Game Theory) ๒6
ภาพที่ ๔ จาลองออกแบบรูปแบบ ๒ คลองที่มีความกว้าง และระดับความลึกต่างระดับกัน 47
ภาพที่ ๕ เส้นทางการขุดคลองไทย เส้นทางแนว ๙A 48
ภาพที่ ๖ เส้นทางการขุดคลองไทย แนว ๙A 50
ภาพที่ ๗ ภาพจาลองแนวการขุดคลองไทย และพื้นที่พัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ 53
ภาพที่ ๘ แผนผังของคลองไทยตามแนวคิดของอนุกรรมาธิการยุทธศาสตร์ชาติ 53
และการปฏิรูปประเทศ
ภาพที่ ๙ แนวคิด และลักษณะคลองไทย 56
ภาพที่ 10 แนวคิด และลักษณะคลองไทย 56
ภาพที่ 11 ผังรูปแบบคลอง และการพัฒนาพื้นที่ในเขตการขุดคลองไทยของบริษัท 60
สุวรรณภูมิซิตี้ จากัด
ภาพที่ 12 แผนในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ และคลองไทย 65
ภายใต้แนวคิดของโครงการ “THE WORLD’S CAPITAL”
ภาพที่ 13 การจัดโซนนิ่งในการพัฒนาพื้นที่ในเขตการขุดคลองไทย 65
ภาพที่ 14 ภาพแนวคลองจากการสารวจของสภาวิศวกร พร้อมภาพแสดงจุดที่สารวจ 67
ภาพที่ ๑๕ แสดงข้อมูลพื้นฐานการขุดคลองตามแนว ๙A และพื้นที่ความกว้างคลองและจุดสูงสุด 68
จากโปรแกรมและฐานข้อมูลแสดงผลของกรมแผนที่ทหาร
ภาพที่ ๑๖ แสดงข้อมูลพื้นฐานการขุดคลองตามแนว ๙A และพื้นที่ความกว้างคลองและจุดสูงสุด 69
จากโปรแกรมและฐานข้อมูลแสดงผลของกรมแผนที่ทหาร
ภาพที่ ๑๗ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีน้าเงิน 91
ภาพที่ ๑๘ เศรษฐกิจสีน้าเงิน 92
ภาพที่ 19 รูปแบบแนวคิดในการออกแบบโครงการคลองไทย เส้น ๙A 99
ด
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ ๑ GASEZ Zoning / การพิจารณาศึกษาการจัดระเบียบกาหนดโครงสร้าง 84
การพัฒนาพื้นที่ GASEZ
ตารางที่ ๒ การวิเคราะห์ปัจจัยที่ทาให้ “สิงคโปร์” น่าลงทุนทาธุรกิจมากที่สุด 88
ต
รายงาน
ของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
สภาผู้แทนราษฎร
๔.4 กระทรวงการต่างประเทศ
(๑) นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
(๒) นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก
(๓) นายกิรัณ มุ่งถิ่น นักการทูตชานาญการพิเศษ
(๔) นางสาวจีระพร จีระนันทกิจ นักการทูตชานาญการ
(๕) นางสาวดลลดา ทองสุข นักการทูตชานาญการ
(๖) นางสาวอรวรา ตริตระการ นักการทูตปฏิบัติการ
(๗) นายศุภชัย ธีระมังคลานนท์ นักการทูตปฏิบัติการ
๔.๕ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
(๑) ว่าที่ร้อยตารวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
(๒) นายจักรพันธ์ จันทรเจริญ ผู้อานวยการสานักกฎหมาย
(๓) นางสุวิสา อินทแพทย์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานงบประมาณ
สานักการคลัง และงบประมาณ
(๔) นางรัชฎาภรณ์ อันสมศรี ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานการเงิน
สานักการคลัง และงบประมาณ
๔.๖ กระทรวงกลาโหม
(๑) พลเรือโท ไชยวุฒิ นาวิกาญจนะ เจ้ากรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ
(๒) นาวาเอก ยงยศ ปราโมทร ผู้อานวยการฯ กรมอุทกศาสตร์
(๓) นาวาเอก พันธุ์นาถ นาคบุปผา นายทหารปฏิบัติการ ประจากองทัพเรือ
๔.๗ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายมนต์ชัย ภูสีเขียว หัวหน้ากลุ่มส่งเสริม และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
๔.๘ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(๑) นางเพราลัย นุชหมอน ผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงทะเล
(๒) นายกมล ผิวเหมาะ เจ้าพนักงานประมงอาวุโส
(มาแทนประมงจังหวัดปัตตานี).
(๓) นายสุไลมาน ดาราโอะ ประธานชมรมประมงพื้นบ้าน ตาบลปะนาเระ
อาเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี
๔.๙ กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(๑) นางสุรีย์ ธีระรังสิกุล ผู้อานวยการคุ้มครองซากดึกดาบรรพ์
(๒) นางสุภาภรณ์ วรกนก นักธรณีวิทยาชานาญการพิเศษ
(๓) นางสาวศิรต พระสงฆ์ นักวิเคราะห์ชานาญการ
๔.๑๐ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(๑) นายสมหวัง เรืองนิวัฒน์ดิศัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ
(๒) นายวิโรจน์ รัตนพรเจริญ ผู้อานวยการส่วนอานวยการ
สานักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช
(๓) ร้อยตรี ไชยพร ชารีแสน นักวิทยาศาสตร์ชานาญการพิเศษ
สานักอนุรักษ์สัตว์ป่า
น
๕. การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ
คณะกรรมาธิ ก ารวิส ามั ญ ได้ มี ก ารประชุม พิ จ ารณาศึ ก ษาการขุ ดคลองไทยและการพัฒ นา
พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ซึ่งสรุปสาระสาคัญได้ ดังนี้
๕.๑ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้มีการประชุมพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนา
พื้น ที่ร ะเบี ย งเศรษฐกิจ ภาคใต้ โดยเชิญหน่ว ยงานที่เกี่ยวข้องมาร่ว มประชุม เพื่อให้ ข้อมูล ข้อเท็จจริง
ตลอดจนชี้แจงแสดงความเห็น จานวน ๒๕ ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ ๑ วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓
ครั้งที่ 2 วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓
ครั้งที่ 3 วันพฤหัสบดีที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ครั้งที่ 4 วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ครั้งที่ 5 วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๓
ครั้งที่ 6 วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน 2563
ครั้งที่ 7 วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๓
ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ครั้งที่ 9 วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ครั้งที่ ๑0 วันพฤหัสบดีที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓
ครั้งที่ ๑1 วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓
ครั้งที่ ๑2 วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๓
ครั้งที่ ๑3 วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๓
ครั้งที่ ๑4 วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓
ครั้งที่ ๑5 วันพฤหัสบดีที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๓
ครั้งที่ ๑6 วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
บ
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
บทที่ ๑
บทนำ
๑.๑ ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของปัญหำ
การคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ GDP โลกในปี ๒๐๒๐ ล่าสุด
International Monetary Fund หรือ IMF คาดไว้ที่ระดับร้อยละ ๓.๔ ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ อเมริกา
คาดว่ า จะมี อั ต ราการเติ บ โตที่ ไ ม่ สู ง นั ก ที่ ร้ อยละ ๒.๑ ลดลงจากปี ๒๐๑๙ ที่ คาดว่ าจะเติ บโตร้ อยละ ๒.๔
ด้านกลุ่มประเทศยุโรปอยู่ที่ระดับ ร้อยละ ๑.๔ ประเทศญี่ปุ่นร้อยละ ๐.๕ และสาธารณรัฐประชาชนจีน
ร้อยละ ๕.๘8 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามทศวรรษที่อัตราการเติบโตของจีนต่่ากว่า ร้อยละ ๖ ประเด็น
ความเสี่ ยงใหม่ ที่ อาจเกิ ดขึ้ นในปี ๒๐๒๐ ได้ แก่ สงครามการค้ าระหว่ างสหรั ฐอเมริ กากั บสาธารณรั ฐประชาชนจีน
ขยายวงไปเป็นสงครามเทคโนโลยี สงครามค่าเงินและสงครามการเงิน ซึ่งหากลุกลามก็จะกลายเป็นความเสี่ยง
ต่อเศรษฐกิจรอบใหม่ ในขณะที่ยังคงต้องติดตามมาตรการภาษียานยนต์และชิ้นส่วนระหว่างสหรัฐ อเมริกา
กับสหภาพยุโรป ส่วนประเทศญี่ปุ่นต้องติดตามผลกระทบจากการขึ้นภาษีการบริโภคและความขัดแย้ง
กับเกาหลีใต้ (ธนาคารไทยพาณิชย์, ๒๕๖๒) ส่าหรับเศรษฐกิจไทยปี ๒๐๒๐ สภาวะเศรษฐกิจของโลก
เริ่มชะลอตัวเข้าสู่สภาวะการถดถอยจากผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา
กับสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศไทย โดยภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ซ้่าเติมที่ท่าให้ประเทศไทยประสบ
ปัญหาทางเศรษฐกิจ มาจากภาวะภัย แล้ งที่ท่าให้ผลผลิตหดตัวราคาสิ นค้าเกษตรสูงขึ้นส่งผลให้ร ายได้
ภาคเกษตรหดตัวและรายได้ภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องจากการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบรุนแรงจากจากภาวะ
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 2019) ส่งผลให้การท่องเที่ยวที่มีส่วนส่าคัญ
ในการประคับประคองเศรษฐกิจกลับมีปัญหา (ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค, ธนาคารแห่งประเทศไทย. ๒๕๖๓,
หน้ า ๔ - ๗) ประกอบกั บ ปั ญ หาวิ ก ฤติ เ ศรษฐกิ จ ตกต่่ า หนี้ ค รั ว เรื อ นและหนี้ ส าธารณะจากข้ อ มู ล หนี้
สาธารณะของเดื อ น มีน าคม ๒๕๖๓ เท่ากับ ๗.๐๒ ล้ านล้ านบาท หรือประมาณร้อยละ ๔๑.๖๘ ของ
ผลิตภัณฑ์มวล รวมในประเทศ (GDP) พบว่า จ่านวนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓
– ๒๕๖๒ มีจ่านวนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจาก ๔.๒๓ ล้านล้านบาท เป็น ๖.๙๐ ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
๖๓.๑๓ หรือเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยร้อยละ ๖.๓๑ ต่อปี ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ มีหนี้สาธารณะทั้งสิ้น ๖.๙๐ ล้าน
ล้านบาท คิดเป็ น ร้ อยละ ๔๑.๒๔ ของผลิ ตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) (ส่ านักงานเลขาธิการสภา
ผู้แทนราษฎร, ๒๕๖๓, หน้า ๒๐ - ๒๑) ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม ความไม่มั่นคงความ
ขัดแย้งทางการเมือง ที่เป็นปัจจัยส่าคัญท่าให้นักลงทุนต่างชาติทั่วโลกย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อน
บ้านเช่น (CLMV) ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพ
เมียนมาร์และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม การขาดแคลนเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการแข่งขันท่าให้
สูญเสียรายได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิด ปัญหาความยากจน ปัญหาการว่างงาน ปัญหาระดับคุณภาพชีวิต
ของคนที่ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางได้
ในสภาวะเช่นนี้ การสนั บ สนุ นเพื่อ ยกระดับประเทศไทยให้ สามารถพัฒนาตนเองเป็นประเทศ
ที่พัฒนาแล้วได้ การสร้างอนาคตของประเทศไทยให้ ทันโลก การสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถ
ในการแข่ ง ขั น ทางการค้ า ระหว่ า งประเทศ เพื่ อ เพิ่ ม จ่ า นวนสิ น ค้ า ส่ ง ออกให้ เ กษตรกรและผู้ ผ ลิ ต
ในอุตสาหกรรมของคนไทย ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจอันเปราะบางในกระแสโลกาภิวัตน์ ดังนั้น ประเทศไทยจ่าเป็น
จะต้องมีการวางแผนยุ ทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ ที่รอบคอบและครอบคลุ มเพื่อเป็นกรอบในการขับเคลื่ อน
๒
ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ต้องใช้งบประมาณจ่านวนมากและอาจส่งผลกระทบต่อประเทศในหลายด้าน
ทั้งด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรทางทะเล แหล่งท่องเที่ยว สภาพสังคม ความมั่นคงเกี่ยวกับอ่านาจ
อธิปไตยด้านดินแดน อาณาเขตทางทะเล และการเมือง ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
เปลี่ ย นแปลงไปอย่ า งรวดเร็ ว ทั้ ง นี้ หากมี แ นวคิ ด ในการด่ า เนิ น โครงการขุ ด คลองไทยอี ก ครั้ ง
คณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ พิ จ ารณาการขุ ด คลองไทยการพั ฒ นาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้
สภาผู้ แ ทนราษฎร จึ ง มี ค วามจ่ า เป็ น ที่ จ ะต้ อ งพิ จ ารณาศึ ก ษาข้ อ มู ล อย่ า งรอบคอบอี ก ครั้ ง ดั ง นั้ น
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
สภาผู้ แ ทนราษฎร ได้ พิ จ ารณาเล็ ง เห็ น ความส่ า คั ญและค่ านึ ง ถึ ง ผลประโยชน์ข องชาติ แ ละประชาชน
จึงได้มีมติในคราวประชุม ครั้งที่ ๖ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ แต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการ
พิจารณาศึกษาจ่านวน ๓ คณะ ได้แก่ ๑) คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย ๒) คณะอนุ
กรรมาธิการพิจารณาศึกษาการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ และ ๓) คณะอนุกรรมาธิการพิจารณา
ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคงและการเมือง เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและข้อเท็จจริง
ที่เป็นปัจจุบันซึ่งสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันมากที่สุด และมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ต่อการจัดท่ารายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อน่าเสนอรายงานผลการพิจารณาศึกษา
การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
๑.๒ วัตถุประสงค์ของกำรศึกษำ
๑.๒.๑ เพื่อศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์ความจ่าเป็นในปัจจุบันของการขุดคลองไทย การพัฒนา
พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคงและการเมือง
๑.๒.๒ เพื่อศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบของการขุดคลองไทย การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ
ภาคใต้ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคงและการเมือง
๑.๒.๓ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการก่าหนดรูปแบบของการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่
ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคงและการเมือง
๑.๓ ขอบเขตกำรศึกษำ
๑.๓.๑ ศึกษาสาระส่าคัญของยุทธศาสตร์ชาติในทุกมิติการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
๑.๓.๒ ก่าหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ในการพัฒนาภาคใต้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง (The Golden Ax
Special Economic Zone : GASEZ) ตั้ งอยู่ ในพื้ นที่ ๕ จั งหวั ด จั งหวั ดกระบี่ จั งหวั ดตรั ง จั ง หวั ด พั ท ลุ ง
จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา
๑.๓.๓ ศึกษารูปแบบการขุดคลองไทย
๑.๓.๔ ศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการขุดคลองไทย ใน ๕ มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม
การเมือง ความมั่นคง และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
๑.๔ ขั้นตอนกำรศึกษำ
การศึกษาและวิเคราะห์แนวทางการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
มีขั้นตอนในการด่าเนินการศึกษา ดังนี้
๕
๑.๕ วิธีกำรเก็บรวบรวมข้อมูลและกำรสอบถำมควำมคิดเห็น
๑.๕.๑ หน่วยงานและกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา
การศึกษานี้ได้ศึกษาจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนตัวอย่างในพื้นที่
เป้ า หมายตามแนวพื้ น ที่ ๙A ที่ มี ส่ ว นได้ เ สี ย และคาดว่ า จะได้ รั บ ผลกระทบทั้ ง ทางตรงและทางอ้ อ ม
จากแนวคิดการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ
เก็บรวบรวมข้อมูล ที่เกี่ย วข้องจากการสอบถามความคิดเห็ นของประชาชน การสอบถามความคิด เห็ น
จากหน่วยงานต่าง ๆ การประชุมสัมมนาแล้วแต่ตามความเหมาะสมกับสถานที่และสถานการณ์ และการรวบรวม
จากข้อมูลเอกสาร ตลอดจนรวบรวมข้อมูลจากสื่ออิเล็คทรอนิกส์ เป็นต้น
๑.๕.๒ ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล
การศึ ก ษาการขุ ด คลองไทยและการพั ฒ นาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้ ใ นครั้ ง นี้
มี ระยะเวลาในการศึกษาโดยประมาณ ๕๕5 วัน โดยเริ่มด่าเนินการศึกษาตั้งแต่เดือนวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๓
ถึง ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งใช้ระยะเวลาในศึกษา ๕๕๕ วัน
๑.๕.๓ วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
การศึ ก ษาข้ อ มู ล ตามวิ ธี ก ารเชิ ง คุ ณ ภาพโดยใช้ เ ทคนิ ค วิ จั ย เอกสาร (Documentary
Research) จากเอกสารวิชาการต่าง ๆ รวมทั้งรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยใช้แนวคิดเชิงระบบ ทฤษฎีเกม
ทฤษฎีรัฐภูมิศาสตร์ ตลอดจนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี เป็นกรอบ และทิศทางการวิเคราะห์ในการศึกษาครั้งนี้
๖
๑.๖ ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
๑.๖.๑ ท่าให้ทราบถึงข้อมูลของความจ่าเป็นของการขุดคลองไทย
๑.๖.๒ ท่าให้ทราบถึงข้อมูลความคุ้มค่าของการขุดคลองไทยทางด้านเศรษฐกิจ
๑.๖.๓ ท่ า ให้ ท ราบถึ ง ข้ อ มู ล ผลกระทบที่ จ ะเกิ ด ขึ้ น จากการขุ ด คลองไทยทั้ ง ๕ มิ ติ ได้ แ ก่
ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม การเมือง ความมั่นคงและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
๑.๖.๔ ท่าให้ทราบถึงรูปแบบและแนวทางขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้ นที่ระเบียงเศรษฐกิจ
ภาคใต้
๑.๖.๕ ท่าให้ทราบถึงข้อสังเกตและข้อเสนอแนะแนวคิดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
๑.๗ นิยำมศัพท์เฉพำะ
คอคอดกระ หมายถึง ส่วนที่คอดหรือกิ่วที่สุ ดของคาบสมุทรมาลายู อยู่ระหว่างจังหวัดระนอง
และจั งหวัดชุมพร ในสมัย รั ช กาลที่ ๔ และรัช กาลที่ ๕ ได้มีการเสนอโครงการขุด คลองขึ้นที่ บริ เ วณนี้
เพื่ อ เชื่ อ มอ่าวเบงกอลกับอ่าวไทย คลองที่จะขุดที่คอคอดกระนี้จึงได้ชื่อว่า “คลองกระ” ซึ่งสอดคล้ องกับชื่ อ
คอคอดกระ
คลองกระ หมายถึง แนวที่ก่าหนดขึ้นตั้งแต่แนวคลองกระ ที่อ่าเภอกระบุรี ลงมาจนถึงเขตชายแดนไทย
ภาคใต้ติดกับประเทศมาเลเซีย
คลองไทย หมายถึง คลองที่ขุดเชื่อมทะเลอันดามันและทะเลอ่าวไทยตามแนว ๙A ซึ่งต่อยอด
ผลการศึกษาของวุฒิสภา ปี ๒๕๔๘ ผ่านพื้นที่ ๕ จังหวัด จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง จังหวัด
นครศรี ธ รรมราชและจั ง หวั ด สงขลาจากการศึ ก ษาของคณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ ฯ ได้ เ สนอใช้ ชื่ อ นี้
และเส้นทางแนว9A และจากความเห็นชอบร่วมกันของคณะกรรมการแห่งชาติศึกษาความเป็นไปได้ในการ
ขุดคลองกระ ซึ่งร่วมประชุม ณ ท่าเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๕ โดยให้ความหมายถึงคลองที่
ขุดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นเส้นทางการเดินเรือแห่งใหม่ของโลกและเรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “THAI
CANALS”
เขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษ (SEZ : Special Economic Zone) หมายถึ ง บริ เ วณเขตที่ ดิ น ที่ ป ระกาศ
เพื่ อ การลงทุนระหว่างประเทศ และผลิ ตสิ นค้าที่มี คุ ณภาพเป็นอุ ตสาหกรรมสะอาดปราศจากมลพิ ษแล้ วส่ งไปขาย
ทั่วโลกในราคาที่เป็นธรรม
เขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ : The Golden Ax Special Economic Zone)
หมายถึง ระเบียงเศรษฐกิจในพื้นที่ 5 จังหวัด ที่ประเทศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเ ศษ คือ กระบี่ ตรัง พัทลุง
สงขลาและนครศรี ธ รรมราช ประกอบด้ว ย ยุทธศาสตร์การพัฒ นา 15 ด้าน เป็นอย่างน้อย เพื่อ เป็ น
ศูนย์กลางความเจริญแห่งใหม่ของโลกโดยมีคลองไทยแนว9A จ่านวน 2 คลอง เป็นองค์ประกอบที่ส่าคัญ
ร่ ว มกับ การพัฒ นาอุ ตสาหกรรมการต่อเรื อและการเดินเรื อขนาดใหญ่ พาณิช ย์นาวี อุตสาหกรรมการ
ท่องเที่ยว อุตสาหกรรมอาหารฮาลาลระดับโลก เพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการเศรษฐกิจของหน่วยงาน
ของรัฐมากขึ้น
ช่องแคบมะละกา (Malacca Strait) หมายถึง ช่องแคบระหว่างแหลมมลายู กับ เกาะสุ ม าตรา
อยู่ บ ริ เ วณทางด้ า นตะวั น ตกเฉี ย งใต้ ข องประเทศไทย ตะวั น ตกและใต้ ข องมาเลเซี ย ทางด้ า น
ตะวันออกเฉียงเหนือและเหนือของเกาะสุมาตรา และเลยไปถึงทางด้านใต้ของสิงคโปร์ ระบุพิกัดที่ประมาณ
๑.๔๓ องศาเหนือ และ ๑๐๒.๘๙ องศาตะวันออก
๗
๑.๘ กรอบแนวคิดในการศึกษา
๒.๑ ทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง
๒.1.1 ทฤษฎีเชิงระบบ (Systems Theory)
การคิ ด อย่ า งเป็ น ระบบ (Systems Thinking) เริ่ ม พู ด ถึ ง แนวคิ ด นี้ เ ป็ น คนแรก คื อ
Bertalanfy นักชีววิทยา ต่อมาแนวคิดนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายและพัฒนาไปสู่สาขาอื่นๆ เช่น ฟิสิกส์
เริ่มมาจากการตั้งข้อสัน นิษฐาน (Thesis) แล้วมีข้อขัดแย้งของสั นนิษฐานนั้น ๆ เกิดขึ้นแต่ก็ไ ม่ถู ก
ทั้งหมด ดังนั้น จึงเกิดการสังเคราะห์ (Synthesis) สิ่งใหม่ และสิ่งเหล่านี้ได้พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
ความรู้ต่าง ๆ จะพัฒนาเป็นแบบนี้ไปอย่า งไม่หยุดยั้ง ทุกอย่างเคลื่อนไหวไม่แน่นอน วิธีคิดแบบนี้
มี ม านานแล้ ว ทุ ก อย่ า งมี มู ล เหตุ ความรู้ เ รื่ อ งทฤษฎี ร ะบบเป็ น การมองโลกแบบองค์ ร วม ดั ง นั้ น
ทุกอย่างมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์จากส่วนย่อยไปสู่ส่วนใหญ่
การคิ ด อย่ า งเป็ น ระบบ หมายถึ ง วิ ธี ก ารคิ ด อย่ า งมี เ หตุ ผ ล ท าให้ ผ ลของการคิ ด
หรือผลของการแก้ปัญหาที่ได้นั้นมีความถูกต้อง แม่นยาและรวดเร็ว
การคิดอย่างเป็นระบบ หมายถึง การคิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มองภาพรวมที่เป็นระบบ
และมีส่ ว นประกอบย่ อย ๆ โดยอาศัย การคิ ด ในรู ปแบบโดยตรง และโดยทางอ้ อม ทฤษฎี ร ะบบ
ให้ แ นวคิ ด ว่ า ทุกสิ่ งล้ วนย่ อมอยู่ ในเอกภพ รวมทั้งสิ่ งเล็ กหรือใหญ่ ล้ วนเป็นระบบมีวงจรการทางาน ปัจจัย
๑๓
ปัจจัยแวดล้อม/กลไกควบคุม
(5)
(Environment/Control
Mechanism)
ข้อมูลย้อนกลับ (4)
(Feed Back)
ภาพที่ ๑ รูปแบบการวิเคราะห์ตามแนวคิดเชิงระบบของการบริหารโดยทั่วไปสมัยใหม่
(Systems format)
ที่มา: สมยศ นาวีการ (2547 : 84 – 85)
มุ่งเน้ น ถึงสถานะอื่น ๆ ของรั ฐ อีกสองชนิด คือ รัฐ อิส ระโดยพฤตินัย ซึ่ ง ได้รับ การรับรองอย่ า งไม่
สมบูรณ์ และความสัมพันธ์ระหว่างการแบ่งเขตภูมิศาสตร์ระดับชาติ เช่น รัฐรวมอันเกิดจากการใช้
ระบอบสหพันธรัฐ สมาพันธรัฐ หรือกึ่งสหพันธรัฐ ในระดับของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภูมิ
รัฐศาสตร์เป็นวิธีการในการศึกษานโยบายต่างประเทศเพื่อทาความเข้าใจ อธิบาย และคาดการณ์
พฤติกรรมการเมืองระหว่างประเทศจากตัวแปรทางภูมิศาสตร์ ซึ่งรวมถึง ภูมิภาคศึกษา ภูมิอากาศ
ภู มิ ป ระเทศ ประชากรศาสตร์ ทรั พ ยากรธรรมชาติ และวิ ท ยาศาสตร์ ประยุก ต์ ข องการประเมิน
ในระดับภูมิภาค (Evans, G & Newnham, J., 1998) วิชาภูมิรัฐศาสตร์โดยทั่วไป แบ่งออกเป็น ๒
ประเภท คือ
1) แนวความคิ ด สั ม พั น ธ์ ข องสิ่ ง แวดล้ อ ม ( The Study of Environmental
Relationship) เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ร ะหว่างลักษณะแวดล้อมทางภายภาพและพฤติกรรม
ที่เกี่ยวกับมนุษย์
2) แนวความคิดอานาจของชาติ (The Study of National Power)
แนวคิดนี้เป็นการศึกษาถึงพื้นฐานทางภูมิศาตร์ของพลังแห่งชาติระหว่างชาติ ผู้ริเริ่ม
ทฤษฎีนี้ เป็นนักภูมิศาสตร์ชาวเยอรมันมีชื่อว่า เฟรดริก รัทเซล (Friedrich Ratxel) รัทเซล ได้เขียน
บทความขนาดสั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่งชื่อว่า “ที่อยู่อาศัย” (Lebensrasum) ซึ่งบทความนี้ได้รับการยกย่อง
ว่าเป็นเสมือนจุดกาเนิดของแนวคิดอานาจของชาติในทางภูมิรัฐศาสตร์ แนวคิดสาคัญของรัท เซล
ได้ แ ก่ การที่ เ ขาเห็ น ว่ า การที่ รั ฐ ประกอบขึ้ น มาด้ ว ยองค์ ป ระกอบ สองประการ คื อ ประชากร
และแผ่นดิน ดังนั้น รัฐจึงเปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิต (Organic State) คือ รัฐนั้นสามารถที่จะเจริญเติบโต
ได้ดังเช่นสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ดังนั้นแล้ว พรมแดนของรัฐจึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับ
การเติบโตของรัฐ ในการนี้รัฐใดที่มีอานาจ เข้มแข็งก็จะใช้กาลัง (กองทัพ) รุกรานรัฐอื่นเพื่อปรับปรุง
อาณาเขตดินแดนของตน
ภูมิรัฐศาสตร์มุ่งเน้นถึง อานาจการเมืองในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ โดยเฉพาะอาณาเขต
ทางน้าและทางบกภายใต้ความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์การทูต ในทางวิชาการภูมิรัฐศาสตร์ทาหน้าที่
ในการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์และสังคมศาสตร์โดยอ้างถึงภูมิศาสตร์ภายใต้ความสัมพันธ์ทางการเมือง
มีกลุ่ มต่าง ๆ ที่ห ลากหลายนอกเหนือจากทางวิชาการที่แสดงถึงการคาดการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์
รวมถึงกลุ่มไม่แสวงหาผลกาไรและสถาบันเอกชนที่แสวงหาผลกาไร (เช่น นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
และบริ ษั ท ที่ ป รึ ก ษา) หั ว ข้ อ ของภู มิ รั ฐ ศาสตร์ ป ระกอบด้ ว ยความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งผลประโยช น์
ของตั ว กระท าการทางการเมื อ งระหว่ า งประเทศและผลประโยชน์ ที่ มุ่ ง เน้ น ถึ ง เนื้ อ ที่ พื้ น ที่
หรื อ องค์ ป ระกอบทางภู มิ ศ าสตร์ อั น เกี่ ย วข้ อ งกั บ การสร้ างระบบภูมิ รั ฐ ศาสตร์ Michael Crotty,
1998) "ภู มิ รั ฐ ศาสตร์ เ ชิ ง วิ พ ากษ์ " โจมตี ท ฤษฎี ค ลาสสิ ก ทางภู มิ รั ฐ ศาสตร์ โ ดยสะท้ อ นบทบาท
ทางการเมืองหรือแนวคิดเพื่อ มหาอานาจในช่วงยุคและหลังยุคของจักรวรรดินิยม (Mehmet Akif
Okur, 2014, pp. 76 - 90)
คริ ส โตเฟอร์ ก็ อ กวิ ล ต์ (Christopher Gogwilt) และนั ก วิ จั ย อื่ น ๆ ได้ ใ ช้ ค าว่ า
ภูมิรัฐศาสตร์เพื่ออธิบายภาพกว้าง ๆ ของแนวคิด โดยทั่วไปหมายถึง "คาพ้องของความสัมพันธ์ทาง
การเมืองระหว่างประเทศ" โดยเฉพาะ "เพื่อบ่งบอกถึงโครงสร้างระดับโลกของความสัมพันธ์ดังกล่าว"
ซึ่งสร้างขึ้นใน "ช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐ สาหรับวิทยาศาสตร์เทียมของภูมิศาสตร์การเมือง" และทฤษฎี
๑๘
ที่จะเกิดขึ้นในทางวิชารัฐศาสตร์นั้นทฤษฎีเกมก็เคยถูกหยิบยกมาอธิบายในเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรม
ของประเทศต่าง ๆ ในโลกยุคสงครามเย็นอันเป็นโลกซึ่งมีการแบ่งระบบการเมืองออกเป็น 2 ขั้ว
หรื อทางวิช าเศรษฐศาสตร์ ทฤษฎีเกมได้ถูกนาไปใช้เป็นเครื่องมือในการศึก ษาพฤติกรรมกลยุ ท ธ์
(Strategic Behavior)
ในเรื่องการเจรจาต่อรองนั้นทฤษฎีเกมได้ถูกนามาใช้กันอย่างกว้างขวาง
และมีประสิ ทธิภาพซึ่งทาให้ การเจรจาต่อรองนั้นเป็นตามเงื่อนไขหรือทิศทางที่กาหนดไว้ ทฤษฎี เกมนั้น
ตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่าคู่เจรจานั้นจะมีความรู้ความสามารถเท่าเทียมกันและมีข้อมูลมากเท่าเทียมกัน
ซึ่งองค์ประกอบดังกล่าวจะส่งผลให้การเจรจามีข้อยุติในลักษณะที่คาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตามทฤษฎี
เกมนั้นสามารถที่จะใช้ในการอธิบ ายได้อย่างดีในกรณีที่ถ้าหากว่าคู่เจรจาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีข้ อ มูล
ที่ดีกว่าและมีการเตรียมการที่ดีกว่าย่อมประสบความสาเร็จและได้เปรียบอีกฝ่ายหนึ่งที่ขาดข้อมูล
และการเตรียมการ
ทฤษฎี เ กมอธิ บ ายว่ า การเมื อ งภายในประเทศหรื อ การเมื อ งระหว่ า ง
ประเทศก็ดี ต่างก็มีลักษณะคล้ายเกมชนิดหนึ่งซึ่งมีการแข่งขัน (Competition) และในการแข่งขันนี้
จะต้องมีผู้แสดงบทบาทหรือตัวกระทา (Actors) ตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยผู้แสดงเหล่านั้นจะต้องเป็น
ผู้มีเหตุผล ในการเลือกใช้ยุทธศาสตร์ (Strategy) หรือยุทธวิธีที่อานวยผลประโยชน์ต่อตนมากที่สุด
และในกรณี ที่ ต้ อ งเผชิ ญ กั บ การสู ญ เสี ย ซึ่ ง ไม่ อ าจจะทนต่ อ ไปได้ ผู้ แ สดงจะต้ อ งยอมแพ้ ใ นทั นที
ถ้ า ผู้ แ สดงไม่ มี เ หตุ ผ ลโดยไม่ ย อมแพ้ ก็ จ ะมี ผ ลท าให้ ก ารท านายของทฤษฎี นี้ ผิ ด ทั น ที (ศิ โ รฒน์
ภาคสุวรรณ, ๒๕๓1, น.๓๘)
ทฤษฎีเกม (Game Theory) จาแนกออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
ทฤษฎีเกมที่ใช้ คือ แนวทางเกมศูนย์ (Zero Sum Game) และแนวทาง
เกมไม่ศูน ย์ (Non - zero Sum Game) ซึ่งอาจจาแนกออกเป็น เกมบวก (Positive Sum Game)
และเกมลบ (Negative Sum Game) (พีรพงศ์ ไวกาสี, ๒๕50 : ๑๙ - ๒๐)
1) ทฤษฎี เ กมศู น ย์ (Zero Sum Game) หมายถึ ง แนวทางในการ
ตัดสินใจว่าต้องมีผู้ได้ (Winner) และผู้เสีย (Looser) ผู้ตัดสินใจที่จะเล่นเกมนี้ จะต้องมีการประเมิน
อานาจต่อรองและต้องมีความมั่นใจว่าตนเองนั้นมีอานาจตัดสินใจสูงกว่าอีกฝ่ ายหนึ่ง ตัวอย่างเช่น
ในวงไพ่ ถ้ามีผู้ได้ ๓๐๐ บาทจะต้องมีผู้เสียรวมกันแล้ว ๓๐๐ บาท ดังนั้น บวก ๓๐๐ รวมกับลบ ๓๐๐
จึงเท่ากับศูนย์
2) แนวทางเกมไม่ศูนย์ (Non - zero Sum Game)
2.1) ทฤษฎี เ กมลบ (Negative Sum Game) หมายถึ ง กรอบการ
ตัดสินใจบนพื้นฐานที่ว่าถ้าเมื่อใดผลการตัดสินใจนั้นจะทาให้ผู้ตัดสินใจทุกฝ่ายเป็นผู้เสีย ผู้ตัดสินใจนั้น
จะหลีกเลี่ยงการตัดสินใจดังกล่าว ตัวอย่าง คือ นาย ก กับ นาย ข มีการเจรจาต่อรองกัน แต่ในที่สุด
ก็ทะเลาะกันทาให้การเจรจาต่อรองล้มเหลว และทาให้ธุรกิจของทั้งสองฝ่ายต่างพังทั้งคู่ เพราะนาย ก
ซื้อวัตถุดิบจากนาย ข ซึ่งมีราคาถูกและหาซื้อจากที่อื่นไม่ได้ ทาให้นาย ก มีความได้เปรียบคู่ แ ข่ง
ในขณะที่นาย ข ต้องพึ่งนาย ก ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งถ้านาย ก ไม่ซื้อวัตถุดิบนาย ข ก็จะขาดทุน
ทฤษฎีเกมลบ ก็จะอธิบายพฤติกรรมของของนาย ก และ นาย ข ในอนาคตว่าจะต้องกลับมาเจรจากันใหม่
๒๘
และมีโอกาสที่จะประสบความสาเร็จในการเจรจาด้วยความจาเป็นของการหลีกเลี่ยงความเสียหาย
ที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย (จุลชีพ ชินวรรโณ, ๒๕๔๗, น. ๒ – ๕)
2.2) ทฤษฎี เ กมบวก (Positive Sum Game) มี ห ลั ก การส าคั ญ
ที่อธิบายการตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุและผลว่า ผู้ตัดสินใจจะต้องพยายามหาแนวทางที่ได้ทั้งคู่
(Win - Win) ทางออกในการตัดสินใจของทุกฝ่ าย คือ การประเมินสถานการณ์ของตัวเองและของอีก
ฝ่ายหนึ่งหรือหลายฝ่ายก็ได้ และหาแนวทางที่จะมีจุดพบกันของผลประโยชน์ของทุกฝ่ ายที่เรียกว่า
“เกมบวก” (Positive Sum Game) จุดที่เป็นเกมบวกนั้นย่อมเป็นจุดรวมของการหักลบผลประโยชน์
และต้น ทุน ของแต่ละฝ่ าย โดยมีข้อสรุ ปว่าการหักลบของแต่ล ะฝ่ ายมีผลบวก (Positive) มากกว่า
ผลลบ และแน่นอนในทางปฏิบัติบางฝ่ ายย่อมมีมากกว่าบางฝ่ าย ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับอานาจต่อรอง
หรือความฉลาดและข้อมูลของแต่ละฝ่ าย บางคนที่อาจจะมีอานาจต่อรองน้อยแต่เข้าใจฝ่ ายตรงข้าม
และมี ข้ อ มู ล มากกว่ า ก็ อ าจจะได้ ผ ลประโยชน์ สู ง กว่ า ฝ่ า ยตรงข้ า ม ซึ่ ง แม้ จ ะมี อ านาจต่ อ รอง
ในความเป็นจริงมากกว่าก็ได้ อย่างไรก็ตามการที่ฝ่ ายใดฝ่ายหนึ่งได้ย่อมไม่ได้ หมายถึง อีกฝ่ายหนึ่ง
เป็นผู้เสีย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้ นจะเข้าใจกรอบขอบเกมศูนย์ แต่ในทฤษฎีเกมบวก ผลได้อาจจะไม่
เท่ากันแต่ทุกฝ่ายสรุปหักลบแล้วต้องเป็นผู้ได้
๒.๒ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
กอแก้ว จันทร์กิ่งทอง และคณะ (๒๕๕๙) ศึกษาผลกระทบและความเป็นไปได้ ในการดาเนิน
โครงการขุดคลองไทย (คอคอดกระ) ผลการวิ จัยพบว่า ๑) การศึกษาผลกระทบที่ประชาชน จะได้รับนั้น
ประชาชนในแต่ ละเส้ นทาง (๒A, ๗A, ๕A และ ๙A) มี ความคิ ดเห็ นค่ าผลกระทบในแต่ ละด้ านแตกต่ างกั น
๒) ผลการศึกษาความคิดเห็น ของประชาชนต่อการดาเนินการขุดคลองไทย (คอคอดกระ) พบว่า
ประชาชนในเส้ น ทาง ๙A เห็ น ด้ ว ยกั บ การด าเนิ น โครงการขุ ด คลองไทย ในขณะที่ ป ระชาชน
ในเส้ น ทางแนว ๒A และ ๗A ต่างไม่แน่ใจกับการดาเนินโครงการ ส่ ว นประชาชนในเส้ นทาง ๕A
ไม่เห็นด้วยกับการดาเนินโครงการ ๓) ผลการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนต่อการ
ดาเนิ น โครงการขุดคลองไทย (คอคอดกระ) ตามเส้ นทางต่าง ๆ ทั้ง ๒A, ๗A, ๕A และ ๙A พบว่า
ประชาชนที่ มี ร ะดั บ การศึ ก ษา อาชี พ รายได้ และพื้ น ที่ พั ก อาศั ย ต่ า งกั น มี ร ะดั บ ความคิ ด เห็ น
ต่อการดาเนินโครงการขุดคลองไทยในทุกด้านแตกต่างกัน ๔) การศึกษาความคิดเห็นของผู้บริห าร
เจ้ า หน้ า ที่ ของหน่ ว ยงานภาครั ฐ เอกชน และประชาชนที่ เ กี่ ย วข้ อ ง ในการด าเนิ น โครงการ
ขุ ด คลองไทย (คอคอดกระ) และข้ อ ดี ข้ อ เสี ย ของเส้ น ทางการด าเนิ น โครงการขุ ด คลองไทย
(คอคอดกระ) มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
ดลหทัย จิรวิวรรธน์ (๒๕๕๙) ศึกษาเรื่อง คลองไทย: ประเด็นที่ต้องพิจารณาและการเตรียม
ความพร้ อมด้ านกฎหมาย ทั้ งนี้ จากการศึ กษาโดยการสั มภาษณ์ ผู้ เชี่ ยวชาญพบว่ า รองศาสตราจารย์
ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ได้เสนอข้อคิดเห็นว่า โครงการขุดคลองไทยยังไม่มีความจาเป็นสาหรับบริบทของ
ประเทศไทยในปัจจุบันสอดคลองกับความคิดเห็นของ ร.ศ.ดร.รุธิร์ พนมยงค์ ซึ่งแสดงความเห็นว่าไม่
เคยมีความจาเป็นของประเทศไทยเลยที่จะต้องขุดคลองไทย แต่เป็นการตอบแทนผลประโยชน์ของ
ต่างชาติทั้งสิ้น ส่วนสมาคมเจ้าของและตัวแทนเรือกรุงเทพฯ เสนอความเห็นว่า การที่สายการเดินเรือ
จะพิจารณาเลือกใช้คลองนั้น จะขึ้นอยู่กับอัตราค่าผ่านคลองเป็นสาคัญ ทั้งนี้ ในช่วงที่น้ามันมีราคาต่า
๒๙
กิ จ การในนิ ค มอุ ต สาหกรรมมี ม ากกว่ า ๗๐% ซึ่ ง รั ฐ บาลเวี ย ดนามได้ ย้ าเป้ า หมายการเติ บ โต
ทางเศรษฐกิจที่ ๖.๗% โดยคาดว่าเวียดนามจะยังคงทารายได้จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
อย่างน้อย ๑๐,๐๐๐ ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ต่อปีตลอด ๕ ปี ข้างหน้า ซึ่งการลงทุนโดยตรงจาก
ต่างประเทศ ส่ ว นใหญ่อยู่ ในภาคการผลิ ต นับเป็นกุญแจส าคัญในการเจริญเติบโตของเวียดนาม
ในปี ๒๕๕๙ มีการทารายได้ถึง ๑๕,๘๐๐ ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้น ๖% ในช่วง ๕ เดือน
แรกของปี ๒๕๖๐ นอกจากนี้ เวียดนาม ได้วางแผนการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๓ แห่ง ที่เสนอสิ่งจูงใจ
แก่นักลงทุนและมีข้อจากัดน้อยกว่าเขตเศรษฐกิจอื่น โดยกาลังออกกฎหมายสาหรับเขตเศรษฐกิจ
พิเศษในพื้น ที่ จั งหวัดกว่างนี ง ทางภาคเหนือ จังหวัดแค้ งฮวา ทางภาคกลาง และจังหวัดฝุ ก๊ ว ก
ทางภาคใต้ โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษเหล่านี้จะปลอดจากกฎระเบียบท้องถิ่น เพื่อทาให้ เขตเศรษฐกิจนี้
แข่งขันได้ในระดับสากล
N.S.F. Abdul Rahman and Other (2016) ศึกษาการวิเคราะห์การตัดสินใจขุดคลองกระ
ที่มีผลต่อโครงสร้างธุรกิจทางทะเลของมาเลเซีย ผลการศึกษาพบว่า ประเด็นของคลองกระ ได้มีการ
กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางในบรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งทางทะเล เช่น ผู้กาหนดนโยบาย
ผู้ ค วบคุ ม บริ ษั ท เดิ น เรื อ และผู้ ป ระกอบธุ ร กิ จ ท่ า เรื อ ซึ่ ง ดู เ หมื อ นว่ า แนวคิ ด ในการสร้ า ง
คลองกระจะได้ รั บ ความสนใจเป็ น อย่ า งมาก เนื่ อ งจากช่ ว ยประหยั ด ต้ น ทุ น ได้ ม าก มี ร ะดั บ
ความปลอดภัยสูง และช่วยย่นระยะเวลา ในการเดินทางให้สั้นลง เมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางผ่าน
ช่ อ งแคบมะละกา ปรากฏการณ์ นี้ เ ป็ น สิ่ ง ท้ า ทาย ต่ อ ธุ ร กิ จ ทางทะเลของมาเลเซี ย ในปั จ จุ บั น
เป็นอย่างมาก เพราะปริมาณของเรือระหว่างประเทศที่จะเข้ามาใช้บริการท่าเรือหลักของมาเลเซีย
คาดว่าจะมีจานวนลดลงอย่างแน่นอน
Chen Ching - mu and Kumakai Satoru (2016) ศึ ก ษ า ผ ล ก ร ะ ท บ ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
ของคลองกระ จากการศึกษาพบว่า คลองกระจะช่วยย่นระยะทางจากท่าเรือในทะเลจีนใต้ไปยังยุโรป
และท่ า เรื อ ในทะเลอั น ดามั น ประมาณ ๑,๓๐๐ กิ โ ลเมตร ส่ ว นเส้ น ทางจากท่ า เรื อ ในเอเชี ย
ตะวันออกเฉียงเหนือไปยังยุโรปและท่าเรือในทะเลอันดามัน ย่นระยะทางได้ประมาณ ๙๐๐ กิโลเมตร
ส าหรั บ ผลกระทบทางเศรษฐกิ จ พบว่ า จี น อิ น เดี ย ญี่ ปุ่ น และยุ โ รปจะได้ รั บ ประโยชน์ สู ง สุ ด
จากการก่อสร้างคลอง นอกจากประเทศไทย นอกจากนี้ เส้นทางช่องแคบมะละกาจะมีประโยชน์
อย่างมหาศาลต่อประเทศมาเลเซีย บรูไน และอินโดนีเซีย นอกจากสิงคโปร์ ดังนั้น จึงเป็นประโยชน์
ต่อประเทศที่เป็นสมาชิกอาเซียนทั้งหมด ซึ่งคลองกระและช่องแคบมะละกาจะต้ององค์ประกอบ
ซึ่งกันและกัน
Cheng Yong Lau and Jason Wai Chow Lee (2016) ศึ ก ษ า วิ ธี ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า ท า ง
ยุทธศาสตร์สาหรับการบริโภคพลังงานของจีนโดยคลองกระ จากการศึกษาพบว่า ประเทศจีนสามารถ
มองได้ว่าการสร้างคลองกระ จะเป็นยุทธศาสตร์ทางเลือกสาหรับการจัดหาของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การจัดหาน้ามันดิบและแก๊สที่มีต้นทุนต่ากว่า โครงการอันยิ่งใหญ่นี้จะกลายเป็นเส้นทางผ่านที่เชื่อมต่อ
มหาสมุทรอินเดีย ทะเลอันดามัน และอ่าวไทย บริเวณคอคอดของภูมิภาคในประเทศไทย อย่างไร
ก็ ต ามโครงการนี้ อ าจกระตุ้ น ให้ เ กิ ด ความขั ด แย้ ง ภายในประเทศไทย และส่ ง ผลกระทบ
ต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในกลุ่มประเทศอาเซียน
๓๕
การขุ ด คลองไทยและการพั ฒ นาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้ เป็ น แนวคิ ด ใหม่ เ พื่ อ หวั ง ว่ า
จะเป็นการสร้างความเจริญทางด้านเศรษฐกิจภาคใต้และประเทศไทย แต่ในทางกลับกันก็มีหลายภาคส่วน
ที่ ไ ม่ เ ห็ น ด้ ว ยกั บ การขุ ด คลองไทยและการพั ฒ นาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้ ซึ่ ง ก็ เ ป็ น หน้ า ที่
ของคณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ การขุ ด คลองไทยและการพั ฒ นาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้
เพื่ อ จะศึ ก ษาและท าความเข้ า ใจระดั บ หนึ่ง เพื่ อ เสนอต่ อ สภาผู้ แ ทนราษฎรและคณะรั ฐ มนตรีเ พื่ อ สร้าง
ความชัดเจนในประเด็นดังกล่ าวต่อไป โดยคณะกรรมาธิการได้แบ่งผลการศึกษาออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่
การขุ ด คลองไทย การพั ฒนาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้ และผลกระทบการขุ ด คลองไทย
และพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง และการเมือง
ผลการพิจารณาศึกษาและวิเคราะห์การขุดคลองไทยและการพั ฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
ของคณะกรรมาธิการวิส ามัญพิจ ารณาศึกษาการขุดคลองไทยและพัฒ นาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
สภาผู้แทนราษฎร เป็นการรวบรวมและวิเคราะห์จากข้อมูล จาก ๓ ส่วน ด้วยกัน ได้แก่
๑) ศึ ก ษาข้ อ มู ล ปฐมภู มิ (Primary Data) โดยเก็ บ ข้ อ มู ล หรื อ ข้ อ เท็ จ จริ ง ที่ เ กี่ ย วข้ อ งในทุ ก มิ ติ
จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศที่ได้เชิญมาร่วมการประชุม มีการรับฟังความคิดเห็น
รูปแบบการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญ และอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษา
การขุดคลองไทยและพัฒนาพื้นที่ระเบี ยงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎรทั้ง ๓ คณะและนามาวิเคราะห์
ตามกรอบการศึกษาในรูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ
๒) ศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) โดยทาการรวบรวม องค์ความรู้จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
ที่ มี ก ารบั น ทึ ก ความคิ ด เห็ น ของผู้ ท รงคุ ณ วุ ฒิ เอกสารบทความ รายงานของของหน่ ว ยงาน
หรื อองค์การที่เกี่ย วข้องกับ การทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งผลการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ในอดีตที่ผ่านมาและดาเนินการศึกษาข้อมูลตามวิธีการเชิงคุณภาพโดยใช้เทคนิควิจัยเอกสาร (Documentary
Research)
๓ ) ศึ ก ษ า จ า ก ก า ร สั ม ม น า รั บ ฟั ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ข้ อ เ ส น อ แ น ะ แ ล ะ รั บ ฟั ง ม ติ ม ห าช น
(Public Opinion) จากภาคประชาชน ในการดาเนินการขุดคลองไทย และพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
และการศึ ก ษาดู ง าน ส ารวจพื้ น ที่ ข องคณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ พิ จ ารณาศึ ก ษาการขุ ด คลองไทย
และพั ฒ นาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้ สภาผู้ แ ทนราษฎร และน ามาวิ เ คราะห์ ต ามกรอบการศึ กษา
ในรูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ
ได้จัดทารายงานผลการศึกษารวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ
พิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎรและเสนอต่อ
ที่ ป ระชุ ม สภาผู้ แ ทนราษฎร ตลอดจนเสนอต่ อ คณะรั ฐ มนตรี แ ละหน่ ว ยงานที่ เ กี่ ย วข้ อ ง เพื่ อ พิ จ ารณา
ดาเนินการตามที่เห็นสมควรต่อไป ซึง่ ผลการศึกษาและการวิเคราะห์โดยสรุป มีดังนี้
๓๗
๓.1 ผลการพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย
จากการพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย ซึ่งได้พิจารณาศึกษาตามหน้าที่และอานาจที่ได้รับมอบหมาย
ให้ มี การพิ จารณาศึ กษาการขุ ดคลองไทยและการพั ฒนาพื้ นที่ ระเบี ยงเศรษฐกิ จภาคใต้ พบว่ า คลองไทย
คือ คลองที่ขุดเชื่อมต่อทะเลอัน ดามัน กับ อ่าวไทย เพื่อเป็นเส้ นทางเดินเรือใหม่ของโลก จากตะวันตกสู่
ตะวันออก โดยไม่ต้องอ้อมไปช่องแคบมะละกา(Malacca) ช่องแคบซุนด้า (Sunda) และช่องแคบลอมบอก
(Lombok) ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยและของโลกอย่างมหาศาล อย่างไรก็
ตามการสร้างคลองไทยก็ยังมีรายละเอียด ปัญหาผลกระทบต่าง ๆ ที่ต้องทาการศึกษาและทาความเข้าใจให้ชัดเจน
ในเวลาเดียวกันด้วย ซึ่งรายงานของคณะอนุกรรมาธิการฯ ดังกล่าว ได้รวบรวมข้อมูลจากการศึกษาขั้นต้น โดย
มีผลการศึกษา จานวน ๖ ประเด็น ได้แก่
๑) การศึ ก ษาความเป็ น ไปได้ ใ นการด าเนิ น การขุ ด คลองไทย เพื่ อ เพิ่ ม ศั ก ยภาพการแข่ ง ขั น
ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
๒) การศึกษาวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการดาเนินการขุดคลองไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางของพาณิชย์นาวีโลก
๓) การศึกษาการดาเนินการขุดคลองไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางค้าโลก แหล่งอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว
ระดับโลก
๔) การศึกษารูปแบบคลองไทย
๕) การสัมมนารับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการดาเนินการขุดคลองไทย ทั้งในส่วนของประชาชน
ภาครัฐและเอกชน และการศึกษาดูงานในพื้นที่
๖) ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ
โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
คลองไทย คื อ คลองที่ ขุ ด เชื่ อ มต่ อ ทะเลอั น ดามั น กั บ อ่ า วไทย เพื่ อ เป็ น เส้ น ทางเดิ น เรื อ ใหม่
ของโลก จากตะวันตกสู่ตะวันออก โดยไม่ต้องอ้อมไปช่องแคบมะละกา (Malacca) ช่องแคบซุนด้า (Sunda)
และช่องแคบลอมบอก (Lombok) ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยและของโลก
อย่ างมหาศาล อย่ างไรก็ ตามการสร้ างคลองไทยก็ ยั งมี รายละเอี ยด ปั ญหาผลกระทบต่ าง ๆ ที่ ต้ อ งท าการศึ ก ษา
และทาความเข้าใจให้ชัดเจนในเวลาเดียวกันด้วย ซึ่งรายงานฉบับนี้ได้รวบรวมข้อมูลจากการศึกษาขั้นต้น
ไว้ดังนี้
๓.๑.๑ สรุ ปผลพิจ ารณาการศึ ก ษาความเป็น ไปได้ ใ นการด าเนิน การขุดคลองไทย เพื่อเพิ่ ม
ศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
จากความเป็นมาและแนวความคิดเกี่ยวกับการขุดคลองกระ-คลองไทย หรือคลองเชื่อมอ่าวไทย
กับทะเลอันดามันมหาสมุทรอินเดียนั้น ปรากฏว่าได้มีการกล่าวถึง และทาการศึกษามาตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา
ของรั ช สมั ย สมเด็ จ พระนารายณ์ ม หาราช ตลอดมาจนถึ ง ยุ ค รั ต นโกสิ น ทร์ ซึ่ ง ในแต่ ล ะรั ฐ บาลที่ ผ่ า นมา
หลายรั ฐ บาลได้ มี ก ารอนุ มั ติ ใ ห้ มี ก ารส ารวจศึ ก ษาความเป็ น ไปได้ ใ นการขุ ด คลองกระ แต่ ก็ มี ปั ญ หา
ด้านเศรษฐกิจ และการเมืองบางประการ ทาให้โครงการไม่สามารถดาเนินการไปได้ จนกระทั่งถึงปี 2544
รัฐบาลจึงได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ เพื่อแก้ปัญหา
วิกฤติเศรษฐกิจ และสั งคม ซึ่งทาให้ มีนั กวิชาการ และสถาบันการศึกษา ทาการศึกษาสื บเนื่องมาจนถึง
ปัจจุบัน ทาให้เกิดข้อมูลหลักฐานการศึกษาที่หลากหลาย อันจะนามาพิจารณาใช้เป็นแนวทางดาเนินการ
ต่อไป คือ
๓๘
1) คณะรั ฐมนตรี ได้ มี มติ เมื่ อวั นที่ 11 กั นยายน 2544 เห็ นชอบโครงการศึ กษาความเป็ นไปได้
ในการขุดคลองกระเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติทางด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยกาหนดให้มี คณะกรรมการแห่งชาติ
ศึกษาความเป็น ไปได้ในการขุดคลองกระ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และสังคม มีรองนายกรัฐ มนตรี
ที่กากับการบริหารงานกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกรรมการประกอบด้วยคณะกรรมการจากกระทรวง
ต่าง ๆ นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ
2) ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ให้ความเห็นชอบสนับสนุนโครงการ
ขุดคลองกระ คือ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี แ ละสิ่ ง แวดล้ อ ม (ในขณะนั้ น ) กระทรวงการคลั ง กระทรวงกลาโหม ส านั ก งบประมาณ
สภาความมั่งคงแห่งชาติ และสานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (อ้างถึง : หนังสือ
สานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ 0205/ว (ส) 2576 ลงวันที่ 2 เมษายน 2544)
3) ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมาธิการวิส ามัญ วุฒิสภา ได้จัดทารายงานผลการศึก ษา
โดยใช้ชื่อว่า “ผลการศึกษาโครงการขุดคลองไทย” เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคลองกระ
โดยกล่าวถึงหลักการ และเหตุผลที่ใช้สนับสนุนในการพิจารณาของโครงการคลองไทย
4) รายงานของคณะกรรมาธิ การปฏิรูปการเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชย์การท่องเที่ยว
และบริการสภาปฏิรูปแห่งชาติ วาระพัฒนาระบบโลจิสติกส์ : แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์
ได้จัดทารายงานต่อประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ เมื่อ 15 กรกฎาคม 2558 ได้พิจารณาเห็นว่าโครงการสร้าง
คลองเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย ณ บริเวณภาคใต้ของประเทศไทย พร้อมกับ
สร้ า งมหานครพิ เ ศษ เขตเศรษฐกิ จ การค้ า แหล่ ง อุ ต สาหกรรม และท่ อ งเที่ ย วใหม่ ข องโลกบริ เ วณ
ปากทางเข้าออกตลอดสองฝั่งเส้นทางที่คลองผ่านและใกล้เคียงนี้ ในเบื้องต้นเห็นว่ามีความเหมาะ เป็นไปได้
และยอมรับได้ สามารถสนองตอบเป้าหมายในการพัฒนาโลจิสติกส์ทุกประเด็น ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ในอนาคต การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการเป็นประตูแห่งภูมิภาคและทุกหนแห่ง
ในโลก เป็นผลให้เป้าหมายทางเศรษฐกิจที่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชากรมีรายได้สูงอยู่ในเกณฑ์
ชั้นนาของโลกใน 20 ปีข้างหน้าบรรลุได้ในที่สุด
๕) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ ให้ดาเนินการศึกษาความเป็นไปได้
ในการเชื่ อ มโยงเส้ น ทางขนส่ ง ทางทะเลฝั่ ง อ่ า วไทย และอั น ดามั น ของประเทศไทย โดยให้ ส านั ก งาน
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมดาเนินการกับสานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
(สมช.) และภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเล
ฝั่ ง อ่ า วไทยและทะเลฝั่ ง อั น ดามั น ของประเทศไทย และนายกรั ฐ มนตรี มี ข้ อ สั่ ง การให้ ส านั ก งาน
สภาพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชาติ เป็ น หน่ ว ยงานหลั ก ในการศึ ก ษาความเหมาะสมเกี่ ยวกับ
การขุ ด คลองไทยและการพั ฒ นาพื้ น ที่ ภ าคใต้ ผ ลกระทบของการด าเนิ น การในมิ ติ ภ าพรวมเชิ ง พื้ น ที่
ดั ง นั้ น ส านั ก งานสภาพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชาติ จึ ง จ าเป็ น ต้ อ งด าเนิ น โครงการศึ ก ษา
ความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทย และอันดามันของประเทศไทย แต่ปัจจุบัน
ยังไม่ได้ดาเนินแต่อย่างไร
๖) ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ คณะอนุ ก รรมาธิ ก ารยุ ท ธศาสตร์ ช าติ แ ละการปฏิ รู ป ประเทศ
ในคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุ ทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศได้จัดทา
รายงานการพิจ ารณาศึกษา เรื่ อง “การพัฒ นาภาคใต้เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง” (The Golden Ax
๓๙
Special Economic Zone (GASEZ)) เสนอสภาผู้ แ ทนราษฎรชุ ด ที่ ๒๕ ปี ที่ ๑ ครั้ ง ที่ ๑๙ (สมั ย สามั ญ
ประจาปีครั้งที่ส อง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ ประเด็นหลักในการนาเสนอคือการกาหนดให้
เรื่อง การขุดคลองไทยและพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์
ที่น าไปสู่ การบรรลุ ยุ ทธศาสตร์ ช าติ ให้ เ กิด ความมั่น คง มั่งคั่ง และความยั่งยืน โดยกาหนดประเด็น ๑๕
ยุทธศาสตร์ในการนาไปสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน
ความเป็นไปได้ในการดาเนินการขุดคลองไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
ของประเทศไทย จากการศึกษาเอกสารในเบื้องต้น รวมทั้งแนวคิดของนักวิชาการ และรายงานการวิจัย
ที่เกี่ยวข้องถึงความเหมาะสมของเส้นทางการขุดคลองเชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรในภาคใต้ เห็นพ้องตรงกันว่า
จากความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย (Land Scope) จะเป็นพลังผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้น
เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจโลก เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในศูนย์กลางการเดินทางของเอเชีย และยุโรป
ประเทศไทยเป็นแกนกลางเชื่อมต่อประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรของโลกเข้าด้วยกัน รวมถึงการศึกษา
และข้อเสนอแนะในการกาหนดพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษของแนวคลองไทยที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในการ
พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ และสามารถหนุนเสริมเชื่อมโยงไปยังเขตเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก
และทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงหลายประเทศทั่วโลก จึงมีความเป็นได้อย่างมากหากมีคลองไทย
แล้วประเทศไทยจะได้รับ การพัฒนาในทุกมิติเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ
พอจะสรุปเป็นเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้
๑) ความสาคัญทางประวัติศาสตร์ ประเทศไทยมีบันทึกเกี่ยวกับแนวคิดที่จะขุดคลองเพื่อให้
เป็ น เส้ น ทางการเดิ น เรื อ เชื่ อ มทะเลอั น ดามั น มหาสมุ ท รอิ น เดี ย กั บ ทะเลอ่ า วไทย มหาสมุ ท รแปซิ ฟิ ก
ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายมหาราช จนถึงปัจจุบันนับเวลาไม่น้อยกว่า ๓๒๕ ปี ในช่วงเวลาสมัยรัตนโกสินทร์
เรื่องการขุดคลองได้ ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาหลายครั้งแต่ยังไม่มีข้อยุติแสดงว่า เรื่องการขุดคลองเชื่อม
๒ ฝั่งทะเลยังเป็นเรื่องท้าทายการตั ดสินใจของผู้บริหารประเทศตลอดมา และประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็น
หรือวิเคราะห์ได้ว่า บรรพบุรุษไทยเรารู้จัก และใช้ทะเลให้เกิดประโยชน์สนับสนุนพลังอานาจหลักของชาติ
มาช้านาน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ไทยหรือสยามมีความเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลาดับด้วยการค้าขายทางทะเล
กับต่างประเทศเริ่มตั้งแต่เมื่อครั้งเมืองหลวงอยู่ที่สุโขทัย จนกระทั่งสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เจริญมั่งคั่งถึงขีด สุด
เป็นยุคทองที่นานาชาติยอมรับโดยเฉพาะก่อนยุคปลาย เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์นาวีในภูมิภาคเรือใหญ่
เข้าจอด และเทียบท่าเป็นจานวนมาก
๒) ความสาคัญในด้านสมุททานุภาพ คลองไทยเชื่อมสองทะเลสาคัญ คือ อันดามันของ
มหาสมุทรอินเดีย และอ่าวไทยของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งสาคัญกว่ามหาสมุทรอื่นใดในศตวรรษที่ ๒๑ นี้
จะเป็ น การใช้ ส มุ ท ทานุ ภ าพของเราให้ เ กิ ด ประโยชน์ สู ง สุ ด โดยใช้ ค าบสมุ ท รภาคใต้ ใ ห้ เ ป็ น ต้ น ทุ น
ทางเศรษฐกิจ เชื่อมสองมหาสมุทร ขยับเส้นทางหลักในการเดินเรือของโลกจากสิงคโปร์ผ่านช่องแคบมะละกา
ที่เป็นอยู่ตอนนี้ขยับมาให้สูงขึ้นให้เหนื อขึ้นมาอยู่ที่คาบสมุทรของไทยแทนการขุดคลองเชื่ อมสองมหาสมุทร
จะเกิดการพัฒนาเศรษฐกิจคาบสมุ ทรมีศักยภาพไม่น้ อยกว่ า EEC และจะเชื่อมโยงหนุ นเสริมให้โครงการ EEC
มีการพัฒนาความสาเร็จสูงสุดด้วย และคลองไทยมีสาคัญกับอนาคตชาติในการเปลี่ยนประเทศไทยเป็น ๔.๐
๓) ความส าคัญจากการใช้ประโยชน์จากความได้ เปรียบในทางภูมิ ศาสตร์ ของประเทศ
คลองไทยจะเป็นเส้นทางลัดการเดินเรือจากทั่วโลก จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินเรือทั้งหมดที่มาผ่ าน
คลองไทยแต่ล ะปี ห ลายแสนล้ านบาท ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยที่อยู่บนทาเลทอง
๔๐
กิจการอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่องโดยตรง หรือเป็นส่วนประกอบกับกิจกรรมดังกล่าวตามที่กาหนดในกฎกระทรวง”
ส าหรั บการจะให้ ประเทศเป็ นที่ ยอมรั บจากนานาชาติ ว่ าเป็ นศู นย์ กลางพาณิ ชย์ นาวี (Maritime Hub Port) ได้ นั้ น
วงจรการค้าทางเรือที่กล่าวมาแล้ว นอกจากจะต้องมีความแข็งแกร่งที่จะสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศของ
ตนเองแล้ว จะต้องมีขีดความสามารถที่จะสนับสนุนหรือบริการประเทศอื่นในลักษณะเป็นเมืองการค้า ธุรกิจ
การขนส่ งล าเลี ยง ขนถ่ ายเปลี่ ยนการส่ งก าลั งบ ารุ งส าหรั บเรื อที่ เข้ ามาได้ ครบทุ กสาขาและการโลจิ สติ กส์ ต่ าง ๆ
โดยนักวิชาการ และผลการศึกษาวิจัยทั้งในและต่างประเทศ เห็นว่า หากประเทศไทยดาเนินโครงการขุด
คลองไทยได้สาเร็จจะทาให้เกิดเส้นทางเดินเรือใหม่ของโลกที่มีโอกาสที่ดี กว่าที่จะทาให้เรือจากประเทศต่าง ๆ
ในทวีปยุโรปและจากประเทศในแถบตะวันออกกลาง รวมทั้งประเทศในทวีปเอเชียที่จะใช้เส้นทางคลองไทย
เป็นเส้นทางเดินเรือที่สาคัญโดยไม่ต้องอ้อมไปยังเส้นทางผ่านช่องแคบมะละกา (Malacca) เส้นทางผ่านช่อง
แคบซุน ด้า (Sunda)และเส้ น ทางผ่ านช่ อ งแคบลอมบอก (Lombok) ซึ่งระยะทางและระยะเวลาในการ
เดินทางจะน้อยกว่า ดังนี้
๑) เส้ น ทางคลองไทย เที ย บกั บ เส้ น ทางช่ อ งแคบมะละกา (ผ่ า นประเทศสิ ง คโปร์ )
จะย่นระยะทางได้ประมาณ ๑,๒๐๐ - ๑,๔๐๐ กิโลเมตร ลดเวลาการเดินทางได้ประมาณ ๒ - ๓ วัน
๒) เส้ น ทางคลองไทย เที ย บกั บ เส้ น ทางเดิ น เรื อ ที่ ผ่ า นช่ อ งแคบซุ นดา จะย่ น ระยะทาง
ประมาณ ๒,๕๐๐-๓,๐๐๐ กิโลเมตร จะลดระยะเวลาเดินทางได้ประมาณ ๔ - ๕ วัน
๓) เส้นทางคลองไทย เทียบกับเส้นทางเดินเรือที่ผ่านชองแคบลอมบอก จะย่นระยะทาง
ประมาณ ๓,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ กิโลเมตร หรือลดระยะเวลาในการเดินเรือได้ประมาณ ๕ - ๗ วัน (คิดตามอัตรา
ความเร็วมาตรฐานสากลกาหนดให้เรือทะเลใช้ความเร็วที่แล่นผ่านช่องแคบหรือคลองจะใช้ความเร็วได้ไม่เกิน
๑๒ ไมล์ทะเลต่อชั่วโมง หรือประมาณ ๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
จากการศึ ก ษาเอกสารงานวิ จั ย และบทความที่ เ กี่ ย วข้ อ งเกี่ ย วกั บ ความคุ้ ม ค่ า
ในการดาเนินการขุดคลองไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางพาณิชย์นาวีของโลก สรุปได้ดังนี้
๑) การพาณิช ย์น าวี มีความหมายรวมถึง การขนส่งทางทะเล การประกันภัยทางทะเล
การเดินเรือกิจการอู่เรือและกิจการท่าเรือ และกิจการอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงหรือเป็นส่วนประกอบกับ
การดังกล่าวตามที่กาหนดในกฎกระทรวง ดังนั้น ความคุ้มค่าของการขุดคลองไทยต้องคิดคานวณรายได้หมด
ตั้งแต่รายได้ค่าผ่านคลอง และกิจการทั้งหมดที่พัฒนาเกี่ยวเนื่องกับคลองไทย
๒) วงจรการค้าที่เกี่ยวกับการขนส่งทางเรือนี้ ปัจจุบันได้ขยายตัวโดยเกี่ยวข้องกับระบบ
และกรรมวิธีต่าง ๆ ทั้งบนฝั่งและในทะเลทั้งในเรื่อง ตัวเรือ ระบบการซื้อขายสินค้า ระบบการขนส่ง ซึ่งรวม
กรรมวิธีด้านโลจิสติกส์ และอื่น ๆ อีกรวมเรียกว่า “พาณิชย์นาวี” (Maritime Industry)
๓) เมื่ อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ สมาคมวิ ท ยาศาสตร์ แ ห่ ง ประเทศไทย ในพระบรมราชู ป ถั ม ภ์
ได้รายงานเรื่อง “คลองกระกับอนาคตประเทศไทย” ได้ให้ข้อมูลจากการศึกษาถึงความคุ้มทุนไว้ว่า หากการ
สร้างคลองสาหรับเรือ ๒๕๐,๐๐๐ เดทเวทตัน สวนทางกันได้ จะใช้เงินลงทุนประมาณ ๑๖,๘๓๐ ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ หรือประมาณ ๔๒๐,๗๕๐ ล้านบาท จากการคานวณเบื้องต้น รายได้จากคลองกระ และจากการ
ท่าเรือ สามารถจ่ายเงินลงทุนคืนได้ภายใน ๕๕-๖๐ ปี หลังจากที่เปิดดาเนินการโดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง
(หักอัตราเงินเฟ้อ) ๒.๕% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการขุดคลองไทย
วุฒิสภา ซึ่งทางานเกี่ยวข้องกับคลองกระก็ได้ประเมินค่าก่อสร้างไว้ ที่ประมาณ ๒๙๕,๔๐๐ ล้านบาท
๔๒
จากรัฐบาลไทยตามแนวทางในการพิจารณาการร่วมทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน การสร้างความน่าเชื่อถือ
เครดิต (Credit Enhancement) ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างการค้าประกัน (Guarantee) การตัดเครดิต
(Credit Wrap) เงิ น ค้ าประกั น จากรั ฐ บาล (Sovereign Guarantee) และผลิ ต ภั ณ ฑ์ จ ากพหุ ภ าคี
(Multilateral Product) ซึ่งมีหลายบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมให้การร่วมมือและสนับสนุนข้อมูลต่าง
เพื่อใช้ในการพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นในการสนับสนุนในโครงการดังกล่าวต่อไป
จากการศึกษา โครงการคลองไทยจะมีบทบาทสาคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย สามารถ
คืนทุนและสร้างรายได้มหาศาลนับตั้งแต่เริ่มก่อสร้างโครงการ เช่น การเก็บภาษี และสร้างอาชีพให้คนไทย
อย่ างมหาศาลโครงการคลองไทยสามารถดึงดูดเงินทุน และเทคโนโลยีจากทั่ว โลกมาอยู่ที่ประเทศไทย
ทาให้กลายเป็นศูน ย์กลางการเดินเรือของโลก ศูนย์กลางโลจิสติกส์ ศูนย์กระจายสินค้า ศูนย์กลางการค้า
และศูน ย์ กลางการเงิน จะทาให้ ป ระเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ สู งสร้างความมั่นคั่ง และยั่งยืน
ตลอดไป
๓.๑.๓ สรุ ป ผลการพิ จ ารณาศึ ก ษาการด าเนิ น การขุ ด คลองไทย เพื่ อ เป็ น ศู น ย์ ก ลางค้ า โลก
แหล่งอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวระดับโลก
จากความคิดเห็นของนักวิชาการและการวิจัยที่เกี่ยวข้องสรุปได้ว่า คลองขุดในโลกนี้ถึงแม้
จะมีอยู่หลายคลองที่มีลักษณะคล้ายคลึง กันคือเพื่อย่นระยะทางในการเดินเรือและเพื่อพัฒนาพื้นที่แนวคลอง
เป็นเขตเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและการพัฒนาเมือง สร้างรายได้ให้กับประเทศในด้านพาณิชย์นาวีและธุรกิจ
ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกคลองขุดของโลกประสบความสาเร็จอย่างมากเหมือน ๆ กัน (ทั้งคลองปานามา คลองสุเอซ
และคลองคีล ) ส าหรั บ คลองไทยจะทาให้เกิดประโยชน์ต่อการขนส่งระหว่างเอเชียตะวันออก ญี่ปุ่น จีน
กั บ ตะวั น ตกของอิ น เดี ย และยุ โ รป ประเทศต่ า ง ๆ เต็ ม ใจจ่ า ยค่ า ธรรมเนี ย มที่เหมาะสม และมีความมั่นใจ
ในด้ านการการค้ าการลงทุ นที่ ประเทศต่ าง ๆ จะให้ ความร่ วมมื อและเชื่ อว่ าคลองไทยจะท าให้ เ กิ ด การลงทุ น
ร่วมทางอุตสาหกรรมร่วมในภูมิภาค รายได้ของท้องถิ่นจะเกิดขึ้นมากอย่างมีนัยสาคัญ การว่างงานจะลดลง
และจะเกิดความสงบอีกด้วย
คลองไทยจะเป็นเสมือนเครื่องจักรที่จะปฏิรูปประเทศทางด้านเศรษฐกิจให้ก้าวกระโดด
จะมีการสร้างงานสร้างเศรษฐกิจในอนาคตให้มั่นคง การสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน สังคมในอนาคตการพัฒนา
ที่ ยั่ ง ยื น จะเกิ ด ขึ้ น ได้ ต้ อ งอาศั ย วิ ศ วกรรม โครงสร้ า งพื้ น ฐานมี ค วามส าคั ญ ต่ อ การเติ บ โตในอนาคต
ทางด้ า นอุ ต สาหกรรมและการส่ ง ออกของประเทศไทย คลองไทยจะสร้ า งงานให้ กั บ ประชาชนทั้ ง ใน
ด้านการก่อสร้ างและการดาเนิ น การ จะเกิดการลงทุนทางอุตสาหกรรมในภูมิภ าค รายได้ของท้อ งถิ่ น
จะเพิ่มขึ้น การปฏิรูปการค้าของโลกครั้งที่ ๑ เน้นที่ “ความปลอดภัย” ครั้งที่ ๒ เน้นที่ “ใหญ่” และครั้งที่ ๓
ต่อไปนี้จะเน้นที่ “เร็ว” คลองไทยจึงเป็นทางเลือกที่ต้องพิจารณาก่อนเพราะจะทาให้ระยะการเดินทางสั้นลง
ใช้เวลาน้อยลงในการขนส่งสิ นค้าไปสู่เป้าหมาย มีความสะดวก ปลอดภัย หากคนในชาติมีความยืดหยุ่น
ทางความคิดที่ไม่ติดยึดกับความเชื่อเดิม ๆ จนเกินไป โลกเปลี่ยนองค์ความรู้เปลี่ยนเทคโนโลยีมีความทันสมัย
มากขึ้ น เปิ ด โอกาสให้ มี ก ารศึ ก ษาในเชิ ง ลึ ก เราจะได้ ใ ช้ ป ระโยชน์ จ ากพื้ น ที่ ที่ จ ะเกิ ด ขึ้ น ของคลองไทย
ให้เป็นศูนย์กลางทางใต้ของประเทศไทยให้เป็นโอกาสของการเชื่อมโยงการพัฒนาทั่วประเทศ ประเทศไทย
ก็จะเป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมของโลกเพราะเรามีทุนทางธรรมชาติที่ดีและมีความเหมาะสมกว่า
ส าหรั บ ด้ า นการพั ฒ นาการท่ อ งเที่ ย ว จากวิ สั ย ทั ศ น์ ข องแผนพั ฒ นาการท่ อ งเที่ ย ว
ของประเทศไทย ๒๐ ปี "ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนาของโลกที่เติบโตอย่างมีดุลยภาพ
๔๖
๓.๑.๔.๒ ผลการศึกษาของคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
ขุดคอคอดกระ วุฒิสภา (ศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๔๘)
คณะกรรมการวิสามัญเพื่อการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
วุฒิสภา ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญฯ รวม ๗ คณะ เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้น (Pre - Feasibility
Study) ทั้งด้านธรณีวิทยา วิศวกรรม สิ่งแวดล้อม ความมั่ นคง เศรษฐกิจ การทาประชาพิจารณ์ ทางด้าน
กฎหมายและได้ทาการศึกษาเส้นทางการขุดคลองไทย จากการศึกษาที่ได้ลงพื้นที่ศึกษาเส้นทาง พบปะผู้นา
ท้ อ งที่ ท้ อ งถิ่ น และประชาชน จึ ง มี ม ติ เ ลื อ กเส้ น ทาง ๙A เป็ น เส้ น ทางที่ จ ะศึ ก ษาในขั้ น สมบู ร ณ์
(Full Feasibility) และเป็นแนวคลองที่ดีที่สุดเพื่อการขุดต่อไป โดยพิจารณาเห็นว่า เส้นทาง ๕A เป็นเส้นทาง
ขุดคลองเชื่อมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยที่จังหวัดสตูล และสงขลามีความยาวประมาณ ๑๐๒ กิโลเมตร
การขุ ด คลองจะต้ อ งผ่ า นทะเลสาบสงขลา ซึ่ ง ประชาชนคั ด ค้ า นไม่ ใ ห้ ท าการขุ ด คลองและเป็ น พื้ น ที่
ที่พี่น้ องมุส ลิ มอาศัย อยู่กัน อย่างหนาแน่ น อีกประการหนึ่งเป็นเส้ นทางใกล้ ดินแดนใต้ ซึ่งจะเป็นเส้ นทาง
สร้ างความเจริ ญให้ กับ ประเทศมาเลเซีย โดยตรงมากกว่าจะมีประโยชน์กับประเทศไทย จึงไม่ส มควรขุด
เส้นทางนี้ และไม่อาจจะสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษสองฝั่งคลองได้เนื่องจากเป็นพื้นที่แคบอยู่ในหุบเขา
เมื่ อ พิ จ ารณาข้ อ ดี แ ละข้ อ เสี ย พบว่ า เส้ น ทาง ๙A เป็ น เส้ น ทางที่ เ หมาะสม
และเกิดปั ญหาน้ อ ยที่สุ ด และได้เลื อ กเส้ น ทางที่ตั ดผ่ านพื้ น ที่ ท ะเลในจั งหวัด กระบี่ ขึ้นบกที่จังหวั ด ตรั ง
ผ่านจังหวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปสุดเส้นทางที่อาเภอระโนด จังหวัดสงขลาและอาเภอหัวไทร
จังหวัดนครศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ ๑๒๐ กิโลเมตร คลองนี้จะผ่านอาเภอสิเกา อาเภอวังวิเศษ
อาเภอห้วยยอด อาเภอรัษฎา จังหวัดตรัง อาเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง อาเภอชะอวด อาเภอหัวไทร
จังหวัดนครศรีธรรมราช อาเภอระโนดจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีปัญหาน้อยที่สุด ประชาชนในพื้นที่
สนับสนุน และเรียกเส้นทางแนวคลองนี้ว่า “เส้นทาง ๙A” และเรียกว่า “คลองไทย”หรือ “THAI CANAL”
๔๘
ลักษณะของคลองไทย
(๑) รู ป แบบ เป็ น คลองคู่ ข นานไป - กลั บ คนละคลอง และเป็ น เส้ น ทางลั ด
เชื่อมทะเลอันดามันกับอ่าวไทย
(๒) ที่ ตั้ ง เริ่ ม จากต าบลบ่ อ หิ น ช่ ว งที่ เ ป็ น รอยต่ อ ระหว่ า งอ าเภอคลองท่ อ ม
จังหวัดกระบี่และอาเภอสิเกา จังหวัดตรัง ผ่านอาเภอวังวิเศษ อาเภอห้วยยอด อาเภอรัชฎา จังหวัดตรัง
อาเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เข้าสู่อาเภอชะอวด ผ่านพรุควนเคร็ง อาเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
แล้วออกสู่อ่าวไทยที่อาเภอระโนดจังหวัดสงขลา ซึ่งกาหนดให้เป็นแนวคลองล่าง ส่วนแนวคลองเหนือออกสู่
อ่าวไทยที่อาเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
(๓) ความยาวคลอง โดยคลองบนมี ค วามยาวประมาณ ๑๒๐ กิ โ ลเมตร
และคลองล่างมีความยาวประมาณ ๑๒๕ กิโลเมตร
(๔) ความกว้างคลอง ประมาณ ๓๕๐ เมตร ส่วนประกอบของคลองมีพื้นทีส่ าหรับ
ใช้ประโยชน์วางท่อน้ามัน รางรถไฟฯลฯ ระหว่างคลองทั้งสองกว้างประมาณ ๑ กิโลเมตร มีจุดกลับเรือ
(U -Turn) เป็ น ระยะที่ มี พื้ น ที่ สี เ ขี ย วและแนวเขตพั ฒ นาทั้ ง สองข้ า งคลอง ข้ า งละ ๑ กิ โ ลเมตร
และมีถนน ๑๐ เลนทั้งด้านเหนือคลองบนและด้านใต้ของคลองล่างตลอดความยาวคลอง
(๕) ความกว้างเขตคลอง ๒ - ๔ กิโ ลเมตร ขึ้นอยู่กับความจาเป็นที่จะใช้พื้นที่
ในการดาเนิ น โครงการ โดยเว้น ปากคลองทั้งสองฝั่ ง ทะเลด้ านอันดามั นและอ่าวไทยให้ ห่ างกัน มากกว่ า
๑๐ กิโลเมตร เพื่อลดความหนาแน่นในการจราจรทางเรือ
(๖) ความลึกของคลอง ๓๐ เมตร
๓.๑.๔.๔ ผลการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
ในคณะกรรมาธิ การความมั่นคงแห่ งรั ฐ กิจการชายแดนไทย ยุ ท ธศาสตร์ ช าติ แ ละการปฏิรู ป ประเทศ
สภาผู้แทนราษฎร (ศึกษาใน ปี พ.ศ. ๒๕๖๒)
ตามที่ ค ณะกรรมาธิ ก ารคว ามมั่ น คงแห่ ง รั ฐ กิ จ การช ายแดนไทย
สภาผู้ แ ทนราษฎร ครั้ ง ที่ ๓ เมื่ อ วั น พุ ธ ที่ ๑๖ กุ ม ภาพั น ธ์ ๒๕๖๒ ได้ มี ม ติ แ ต่ ง ตั้ ง คณะอนุ ก รรมาธิ ก าร
ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูป ประเทศ เพื่อติดตามการขับเคลื่ อนตามแผนยุทธศาสตร์ และการปฏิรูป
ป ร ะ เ ท ศ ร ว ม ทั้ ง พิ จ า ร ณ า จั ด ท า แ ผ น ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ที่ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ แ ผ น ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ช า ติ
จากการพิจ ารณาศึ ก ษาสาระส าคัญ ของยุทธศาสตร์ช าติใ นมิ ติก ารสร้ างขีด ความสามารถในการแข่ ง ขั น
หากกาหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาภาคใต้ที่มี ภูมิยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของโลกที่สามารถพัฒนาศักยภาพ
การบริหารจัดการการขนส่งทางทะเล ระบบโลจิสติกส์ และพัฒนาภาคใต้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษจะเพิ่ม
ศักยภาพในการแข่งขันในเวทีโลกและสร้างโอกาสการขยายฐานการผลิ ตและการตลาดในระดับภู มิภ าค
สู่ระดับสากล จึงได้กาหนด “ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง (The Golden Ax
Special Economic Zone : GASEZ) ขึ้น โดยการนาความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ประเทศไทยมีแผ่นดิน
เชื่อม ๒ มหาสมุทร คือ มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย “คลองไทย” จึงเป็นยุทธศาสตร์ทางทะเล
และยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สาคัญที่จะต้องพิจารณาและศึกษาอย่างเป็นระบบต่อไป
ค ณ ะ อ นุ ก ร ร ม า ธิ ก า ร ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ช า ติ แ ล ะ ก า ร ป ฏิ รู ป ป ร ะ เ ท ศ
ในคณะกรรมาธิ ก ารความมั่ น คงแห่ ง รั ฐ กิ จ การชายแดนไทย ยุ ท ธศาสตร์ ช าติ แ ละการปฏิ รู ป ประเทศ
สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาศึกษาการพัฒนาภาคใต้เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง โดยผลการศึกษาเห็นด้วยกับการ
ขุดคลองไทย เส้น ๙A ผ่าน ๕ จังหวัด คือ จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราช
๕๑
ภาพที่ 7 ภาพจาลองแนวการขุดคลองไทยและพื้นที่พัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ที่มา : อนุกรรมาธิการยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
ภาพที่ 8 แผนผังของคลองไทยตามแนวคิดของอนุกรรมาธิการยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
ที่มา : อนุกรรมาธิการยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
๕๔
โชคดี ที่ ค ลองไทยไม่ ต้ อ งท าประตู กั้ น น้ า ท าให้ ไ ม่ เ สี ย เวลาเรื อ ในการรอคิ ว ผ่ า นคลอง การถมทะเล
และการออกแบบนี้ เพื่อประโยชน์มากมายในการให้บริการแก่ลูกค้าผู้ใช้บริการทางเรือ ปัญหาการลอกคลอง
ขุดร่องน้าเอาเศษดินทราย ตะกอน จะมีน้อยมาก ๆ เพราะมีการสร้างกาแพงกั้นไว้แล้ว ลดค่าใช้จ่ายการขุดลอก
จากปีละครั้งเป็น 10 - 20 ปี ต่อครั้ง ลดค่าใช้จ่ายต่อปี 50,000 - 60,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการ
ไม่สร้างกาแพงป้องกันทั้งในพื้นที่คลอง และส่วนที่ต่อขยายเขตคลองออกไปในทะเล ข้อสาคัญ เราได้พื้นที่
ที่เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีกกว่า 300,000 ไร่ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจในการก่อสร้างตึ กระฟ้า
เมืองที่ทันสมัยและสวยงามที่จะออกแบบต่อไป
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างงานที่ดีและรายได้เข้าประเทศมากมาย การออกแบบ
คลองให้มีเกาะกลาง เพื่อการต่อยอดให้เกาะกลางคลองเป็นแหล่งท่องเที่ยว ศูนย์พักผ่อน สวนสาธารณะ
เศรษฐกิจการเงิน การธนาคาร สานักงานตัวแทนบริษัทข้ามชาติจากทั่วโลก เป็นเมืองแห่งอนาคตตลอดเกาะ
มีทางรถไฟใต้ดิน และถนนใต้ดิน วิ่งเชื่อมเดินทางระหว่างเกาะ และเชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งคลอง ทาให้คลองไทย
เป็นคลองเมืองท่องเที่ยวที่ครบครันสิ่งอานวยความสะดวกทันสมัย สวยงามที่สุดในโลก เป็นเมืองหลากหลาย
สัญชาติของนักธุรกิจระดับโลก เป็นดินแดนเมืองสวรรค์ของโลกที่ทุกคนอยากมาพานักและทาธุรกิจ ใช้ชีวิตใน
เมืองคลองไทย ส่วนเรือที่จะผ่านสัญจรไปมาก็เป็นที่น่าสนใจ และสวยงามดูเพลิดเพลินกับเรือนานาชนิดจาก
เรื อ นานาชาติ เพี ย งเท่ า นี้ ก็ คุ้ ม กั บ การมาเที่ ย วคลองไทยของชาวโลก จะสร้ า งงานหลากหลายอาชี พ
ที่ดีให้คนไทย
การขุดคลองไทยกับสิ่ งแวดล้อม การก่อสร้างเขื่อน การถมทะเลของประเทศ
มหาอานาจ ไม่มีโครงการใดไม่ทาลายสิ่งแวดล้อม มหาอานาจชอบอ้างสิ่งแวดล้อม แต่ตัวเองกลับทาลาย
สิ่งแวดล้อมมากที่สุดและกลับมาห้ามประเทศผู้ด้อยโอกาส แม้การขุดคลองไทยจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เพียงน้อยนิด แต่สามารถช่วยโลกลดการเผาไหม้น้ามัน ปีละล้านล้านลิตร ข้อสาคัญช่วยชาวโลกให้ซื้อสินค้า
ราคาถู ก ลง ช่ ว ยเพิ่ ม ความสุ ข ด้ า นการกิ น การท่ อ งเที่ ย ว วั น นี้ ป ระเทศเพื่ อ นบ้ า นเรารวยมากกว่ า
เราหลายเท่า แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังยากจนมากและมีหนี้สินครัวเรือน เขารวยแล้วยังทาลายสิ่งแวดล้อมต่อไป
ส่วนคนไทยสามารถใช้โอกาสนี้ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ ถ้า NGO หรือนักอนุรักษ์เห็นปลาพะยูนกาลังจะตาย
ขณะเดีย วกัน คนจ านวนมากก็ก าลั งจะอดตาย จะช่ว ยอะไรก่อน NGO อาจเป็นเครื่องมือ ของประเทศ
มหาอานาจ หรือผู้ไม่ประสงค์ดี
คลองไทย คนไทยควรเป็นเจ้าของ โดยให้คนไทยเป็นคนลงทุน
1) รัฐบาลไม่ต้องมีภาระหนี้ เงินกู้ยืม ผู้ต่อต้านโครงการจึงน้อยกว่า
2) รั ฐ บาลมี ร ายได้ เ ป็ น กอบเป็ น ก าที่ แ น่ น อนจากสั ม ปทาน ภาษี เ งิ น ได้
และภาษีมูลค่าเพิ่ม
3) การลงทุนโดยเอกชนไทยและมีประชาชนจากทั่วโลกมีส่วนร่วม ก็จะไม่เกิดการ
ครอบงาจากรัฐบาลต่างชาติผู้มีอิทธิพล
4) กาไรที่เกิดขึ้นจะตกเป็นรายได้ของประเทศและคนไทยเป็นส่วนใหญ่
5) ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อโครงการขนาดใหญ่ ที่ดาเนินการโดยเอกชนไทย
จะมีความเชื่อมั่นมากกว่าโครงการที่ดาเนินการโดยหน่วยงานของรัฐบาล เนื่องจาก มีการเปลี่ยนแปลงผู้นา
และกลุ่มทางการเมืองที่ไม่แน่นอน
๕๙
ช่ ว งที่ 1B (Phase 1B) เป็ น การพั ฒ นาพื้ น ที่ ไ ม่ ร วมพื้ น ที่ ค ลอง ในระยะ
20 กิ โ ลเมตร ยาวไปตามแนวชายฝั่ ง อ่ า วไทย และฝั่ ง อั น ดามั น โดยการพั ฒ นาพื้ น ที่ เ ลี ย บชายฝั่ ง จะลึ ก
จากริมชายฝั่งข้างละ 5 กิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 343,757 ไร่
ช่วงที่ 2 (Phase 2) เป็นการพัฒนาพื้นที่ถัดจากเขตพัฒนาที่ดินในช่วงที่ 1A
ฝั่งละ 10 กิโลเมตร ยาวไปตามแนวคลอง 121 กิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1,561,293 ไร่ โดยมีที่ดิน
ที่ต้องเวนคืน คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 708,081 ไร่
ช่วงที่ 3 (Phase 3) เป็นการพัฒนาพื้นที่ ถัดจากเขตพัฒนาที่ดินในช่วงที่ 2
ฝั่งละ 10 กิโลเมตร ยาวไปตามแนวคลอง 121 กิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1,662,550 ไร่ โดยมีที่ดิน
ต้องเวนคืน คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 900,269 ไร่ ตามแผนหลังจากทาการขุดคลองจะมีดินที่ถูกขุดออกมา
ซึ่งสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ประมาณ 10,460,000,000 ลูกบาศก์เมตร โดยดินจานวนนี้สามารถสร้าง
เกาะขนาด 167,257 ไร่ มีความลึกที่ 20 - 30 เมตรคิดความลึกตามข้อมูลภูมิศาสตร์ทะเลฝั่งอ่าวไทย
และตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งและปากคลองประมาณ 10 กิโลเมตร (ซึ่งเกาะที่ถูกสร้างใหม่นี้สามารถพัฒ นา
ให้เกิดเป็นเกาะเศรษฐกิจพิเศษของประเทศไทยได้ในอนาคต)
๒) แนวคิ ด ด้ า นการพั ฒ นาและจั ด การพื้ น ที่ ส าหรั บ แนวคิ ด ด้ า นการพั ฒ นา
และจัดการโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ “THE WORLD’S CAPITAL” ที่ดินที่เวนคืนทั้งหมดจะตก
เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้นโยบายสัมปทานสิทธิเหนือพื้นดิน 99 ปี โดยแบ่งรูปแบบของสัมปทานสิทธิ
ตามประเภทของกิจการของผู้รับสัมปทานอย่างคร่าว ๆ ดังนี้
๒.๑) กลุ่มอาคารสานักงาน และ/หรือกิจการอื่นที่คล้ายคลึงกัน อายุสัมปทาน
สิทธิเหนือพื้นดิน 40 ปี ภาษีโรงเรือน 2 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
๒.๒) กลุ่ มโรงงานอุต สาหกรรม และ/หรือกิจการอื่น ที่ คล้ า ยคลึ ง กัน อายุ
สัมปทานสิทธิเหนือพื้นดิน 50 ปี ภาษีโรงเรือน 1.5 บาท ต่อตารางเมตรต่อเดือน
๒.๓) กลุ่ ม โครงการที่ อ ยู่ อ าศั ย และ/หรื อ กิ จ การอื่ น ที่ ค ล้ า ยคลึ ง กั น อายุ
สัมปทานสิทธิเหนือพื้นดิน 70 ปี ภาษีโรงเรือน 1 บาท ต่อตารางเมตรต่อเดือน
๒.๔) กลุ่ ม โครงการเพื่ อ การศึ ก ษา และสั ง คมและ/หรื อ กิ จ การอื่ น ที่
คล้ายคลึงกัน อายุสัมปทานสิทธิเหนือพื้นดิน 90 ปี ภาษีโรงเรือน 1 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ต่างชาติ
และคนไทยมีสิทธิถือครองที่ดินเท่าเทียมกัน ต่างกันเฉพาะการเสียภาษีทั้งขณะซื้อและขายมากกว่าคนไทย
ร้อยละ 15 การสิ้นสุดการให้สัมปทานสิทธิเหนือที่ดินของผู้ลงทุนสามารถต่ ออายุสัญญาได้แบบอัตโนมัติโดย
การเสียภาษีที่ดินร้อยละ 5 ของราคาประเมิน ณ วันสิ้นสุดสัมปทานสิทธิ
๓) แนวคิดด้านการเวนคืนที่ดินสาหรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
“THE WORLD’S CAPITAL” สามารถแบ่งได้ตามช่วง (Phase) ดังนี้
๓.๑) ช่วงที่ให้ราคา 10 เท่า จากราคาประเมิน แต่ไม่เกินไร่ละ 1 ล้านบาท
- ช่ ว งที่ 1A (Phase 1A) มี ที่ ดิ น ที่ ต้ อ งเวนคื น คิ ด เป็ น พื้ น ที่ ป ระมาณ
948,943 ไร่
- ช่ ว งที่ 1B (Phase 1B) ส่ ว นต่ อ เนื่ อ งจาก 150 เมตร จากชายหาด
คิดเป็น 4,850 เมตร เป็นพื้นที่ประมาณ 333,437 ไร่
๖๓
เพื่อตอบแทนสาหรับผู้ลงทุนคิดเป็นร้อยละ 50 หลังจากนั้นจัดเก็บค่าผ่านคลองเพื่อตอบแทนสาหรับภาครัฐ
คิดเป็นร้อยละ 40
๔.๖) การจัดเก็บค่าผ่านคลองในปีที่ 51 - 99 ของอายุสัมปทาน โดยจัดเก็บ
ค่ า ผ่ า นคลองเพื่ อ ตอบแทนส าหรั บ กองทุ น เพื่ อ สั ง คม คิ ด เป็ น ร้ อ ยละ 10 และจั ด เก็ บ ค่ า ผ่ า นคลอง
เพื่อตอบแทนสาหรับผู้ลงทุน คิดเป็นร้อยละ 20 หลังจากนั้นจัดเก็บค่าผ่านคลองเพื่อตอบแทนสาหรับภาครัฐ
คิดเป็นร้อยละ 70
4.๗) ลั ก ษณะการวางผั ง เมื อ งโครงการพั ฒ นาระเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้
(คลองไทย) ในช่วงที่ 1A และ 1B มีทั้งหมด 14 พื้นที่ ดังนี้
(1) พื้ น ที่ อุ ต สาหกรรมการ ท่ องเ ที่ ย ว แล ะ ที่ อ ยู่ อ าศั ย (Hotel
Development & Residential)
(2) ศูนย์กลางการขนส่งสินค้า (Logistic Center)
(3) ศูนย์กลางการผลิตและอุตสาหกรรม (The Capital’s Industrial District)
(4) ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (The capital’s business district)
(5) อุทยานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (Thailand Art & Cultural Park)
(6) ศูนย์ราชการและหน่วยงานรัฐบาล (The government complex)
(7) สานักงานและอาคารสูง (Center business district)
(8) ศูนย์รวมความบันเทิงและศูนย์จัดแสดงสินค้านานาชาติ (Media &
International convention Center)
(9) สนามบิ น นานาชาติ แ ละศู น ย์ ก ลางการเดิ น ทาง (International
airport & Transportation Center)
(10) พื้นที่พักอาศัย (High - End Residential)
(11) อุ ท ยาน และแหล่ ง ท่ อ งเที่ ย วเชิ ง ธรรมชาติ (National park &
Southern forest complex)
(12) ศูนย์ให้บริการด้านสุขภาพครบวงจร (Wellness & Medical Hub)
(13) เมื อ งแห่ ง ปั ญ ญา และเมื อ งมหาวิ ท ยาลั ย (International
Education Park)
(14) เ ก า ะ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พิ เ ศ ษ (Special Economic Zone &
Entertainment Island)
๖๕
ภาพที่ 12 แผนในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและคลองไทย
ภายใต้แนวคิดของโครงการ “THE WORLD’S CAPITAL” ของบริษัท คิงส์แลนด์ (ประเทศไทย)
ภาพที่ 13 การจัดโซนนิ่งในการพัฒนาพื้นที่ในเขตการขุดคลองไทย
ที่มา : บริษัท คิงส์แลนด์ (ประเทศไทย) จากัด
๖๖
จากการพิจารณาศึกษาสามารถกล่าวโดยสรุปได้ว่า ๑) ควรมีการศึกษาเชิงลึก
โดยผู้เชี่ยวชาญต่อไป ๒) ต้องมีการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ในโครงการนี้ ๓) วิศวกรไทยและบริษัทของประเทศไทยมีความพร้อ มและเคยดาเนินงานโครงการขนาดใหญ่
เช่น ท่าเรือน้าลึก การขุดร่องน้าลึก และการขุดเหมืองขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถดาเนินการสาเร็จเรียบร้อยด้วยดี
สาหรับการขุดคลองไทยสามารถกาหนดขอบเขตของงาน (Term of Reference)
ได้ ๓ วิธี ประกอบด้วย ๑) รัฐดาเนินการเอง ๒) รัฐดาเนินการร่วมกับเอกชน และ๓) เอกชนดาเนินการ
โดยมีรั ฐ กากับ ดูแล ส าหรั บ แบบการก่อสร้าง คิดว่าไม่น่าดาเนินการก่ อสร้า งได้ยาก แต่ควรดาเนินการ
ในรู ป แบบข้ อ ตกลงความร่ ว มมื อ ระหว่ า งภาครั ฐ และภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP)
และงานวิ ศวกรรมของคลองไทยที่ จะเกิ ดขึ้ น ประกอบด้ วย งานขุ ดคลอง งานท่ าเรื อ งานสะพานรถยนต์
รถไฟข้ ามคลอง งานอุ โ มงค์ ร ถยนต์ รถไฟลอดใต้ ค ลอง งานขุ ด ร่ อ งน้ า งานถมที่ ใ นทะเล (Dredging &
Reclamation) และงานอื่น ๆ
ในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ของโลก ซึ่งเป็นงานก่อสร้างที่วิศวกร
ชาวไทยสามารถดาเนิ นการได้เพราะมีความเชี่ยวชาญ จึงเสนอแนวคิดและเทคโนโลยีการขุดคลองไทย
ตามแนวเส้นทาง ๙A ด้วยการนาเครื่องจักรขนาดใหญ่ในการขุดดินตามแนวเส้นทางคลองไทย ๙A จะต้อง
ออกแบบให้เหมาะสมเพื่อให้ มีต้นทุนที่ถูกที่สุด มีระยะเวลาจัดหาอุปกรณ์ (Equipment) ประมาณ ๒ ปี
หากเริ่ มดาเนิ น การขุดคลองไทยในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ สามารถให้ แล้ วเสร็จและเปิดใช้ได้ในปี พ.ศ. ๒๕๗๕
ส่ ว นงบประมาณ ๒ – ๒.๒ ล้ านล้ านบาท หากสามารถเร่ งรัด ให้ ดาเนิน การให้ เสร็จ ก่ อน ๓ – ๖ เดือ น
จะมีร ายได้เข้าประเทศไทยได้อย่ างมหาศาล สาหรับงานประเภทอื่น ๆ เช่น การก่อสร้างทางรถไฟ การเจาะอุโมงค์
ทางถนน สะพาน หรื อเกาะเทียมวิ ศ วกรไทยสามารถด าเนิ น การได้ อ ย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ ส่ ว นความกั ง วล
ในการก่อสร้าง คือ การเวนคืนที่ดินที่ล่าช้า การรื้อย้ายสาธารณูปโภคและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่กีดขวางงาน
ก่อสร้าง พื้นที่ก่อสร้างติดพื้นที่อนุรักษ์หรือพื้นที่สงวน และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ
ที่ อ าจเกิ ด ความล่ า ช้ า และมี ผ ลกระทบต่ อ การก่ อ สร้ า งโครงการได้ ซึ่ ง จะต้ อ งด าเนิ น การด้ ว ยกฎหมาย
พิเศษเฉพาะ
๖๘
3.2 ผลการพิจารณาศึกษาการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ได้พิจารณากาหนด
กรอบการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาให้เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
(เขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษขวานทอง : The Golden Ax Special Economic Zone : GASEZ) เพื่ อ บรรลุ ต าม
เป้าประสงค์ที่ได้กาหนดไว้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
๗๔
๓.๒.๑ ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา
ประเทศไทยประสบกับ ปัญหาวิ กฤติเ ศรษฐกิจ ถดถอยหลั งจากวิ ก ฤตเศรษฐกิจ การเงิ น
ในปี ๑๙๙๗ และไม่ ส ามารถก้ า วข้ า มการเป็ น ประเทศพั ฒ นาที่ อ ยู่ ใ นกั บ ดั ก ประเทศรายได้ ป านกลาง
(Middle Income Trap) ปัจจุบันอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างต่าเมื่อเทียบกับประเทศเกิดใหม่
(Emerging Economy) อื่น ๆ ยิ่งกว่านั้นพบว่าหนี้ครัวเรือนมีอัตราสูงกว่า ร้อยละ ๘๐ ของผลิตภัณฑ์มวล
รวมประชาชาติ และหนี้สาธารณะที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ปัญหาความยากจนในชนบท ปัญหาเสถียรภาพทาง
การเมือง ความขัดแย้งทางการเมืองและการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงานเป็นปัจจัยทาให้นักลงทุนต่างชาติทั่ว
โลกมีแนวโน้มย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) การสร้างอนาคตของประเทศไทยจาเป็น
ต้ อ งพั ฒ นาขี ด ความสามารถในการแข่ ง ขั น และมี ก ารลงทุ น ขนาดใหญ่ เ พื่ อ พลิ ก ประเทศไทยให้ ฟื้ น คื น
ในระยะยาว โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง (GASEZ) หรือเรียกว่าคลองไทยภาคใต้
เป็นทางเลือกหนึ่งที่ควรได้รับการพิจารณาจากสาธารณชน
ข้อเสนอให้มีการศึกษาความเป็นไปได้อย่างละเอียดว่าด้วยโครงสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษขวาน
ทองภาคใต้ (GASEZ) เป็ น เส้ น ทางเดิ น เรื อ ใหม่ ข องโลก ผ่ า นคลองไทย ๔ เส้ น เชื่ อ มทะเลอั น ดามั น
และทะเลอ่าวไทย แบ่งเป็นคลองระยะทาง ๑๓๐ กิโลเมตร กว้าง ๑ กิโลเมตรจานวน ๒ คลอง โดยแต่ละคลอง
ห่ า งกั น ๑๐ กิ โ ลเมตร ลึ ก ๔๐ เมตร และ คลองกว้ า ง ๒๐๐ เมตร ลึ ก ๑๕ เมตร จ านวน ๒ คลอง
ซึ่งขนานไปกับ ๒ คลองใหญ่ โดยห่างออกไป คลองละ ๕ กิโลเมตร เพื่อเป็นเส้ นทางเดินเรือใหม่ที่ส าคัญ
ของโลกมีท่าเรือน้าลึก ทันสมัย และมีความสมบูรณ์มากที่สุดในโลก
การพัฒ นาคลองไทย มีข้อเสนอกาหนดพื้นที่พัฒ นาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการบริหาร
จัดการน้าอุปโภค - บริโภค (GASEZ Water) อุตสาหกรรมเทคโนโลยีการบริหารจัดการไฟฟ้าพลังงานสะอาด
และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการบริหารระบบนิเวศนวัตกรรม นอกจากนี้การศึกษาวิเคราะห์โครงการยังมีผล
ขยายเพื่ อ เพิ่ ม ศั ก ยภาพเศรษฐกิ จ ที่ ต่ อ เนื่ อ งจากการขนส่ ง สิ น ค้ า ระหว่ า งประเทศ เช่ น อุ ต สาหกรรม
พาณิ ช ย์ น าวี ต่ อ เรื อ ซ่ อ มบ ารุ ง การท่ อ งเที่ ย ว การบริ ก าร กลุ่ ม อุ ต สาหกรรมที่ มี ก ารเจริ ญ เติ บ โตเร็ ว
(S - Curve) อุตสาหกรรมค้าส่ง อุตสาหกรรมค้าปลีก และพัฒนา สาธารณูปโภคพื้นฐาน ทางเรือ ทางอากาศ
และทางบก โครงสร้ า งพื้ น ฐานโลจิ ส ติ ก ส์ ด้ า นการขนส่ ง เพื่ อ เพิ่ ม ช่ อ งทางการส่ ง ออกสิ น ค้ า น าไปสู่
การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ในระยะยาวให้กับประเทศไทย
การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้เริ่มจากการผลั กดันให้มี การวิจัยและการ
พั ฒ นาคุ ณภาพชี วิ ต และระบบการศึ ก ษาเพื่ อยกระดั บสวั ส ดิ ก ารขั้ น พื้ น ฐาน ยกระดั บชี วิ ตความเป็ น อยู่
ของประชาชนให้ ดี ขึ้ น ให้ ค นมี ศั ก ยภาพการท างาน มี อ งค์ ค วามรู้ ใ หม่ เพื่ อ ให้ มี ร ายได้ สู ง ขึ้ น ทั ด เที ย ม
นานาประเทศที่พัฒนาแล้ว อีกทั้งประเทศไทยมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
ที่ มี ศั ก ยภาพ ในการรองรั บ การค้ า การลงทุ น ระหว่ า งประเทศ ที่ มี แ นวโน้ ม เริ่ ม เปลี่ ย นฐานการผลิ ต
และการลงทุนมาสู่ภูมิภาคเอเชีย ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมนวัตกรรมพลังงานสะอาด
ทั้ ง นี้ ในการศึ ก ษานี้ ได้ ท าการศึ ก ษาโดยอิ ง แนวทางของสภาเศรษฐกิ จ โลก ( WEF)
ซึ่งประกอบด้วยคุณลักษณะดังต่อไปนี้
๑) มี ความยื ด หยุ่ น (Be Resilient) การออกแบบกลไกทางเศรษฐกิ จ ที่ ส ามารถป้ อ งกั น
วิกฤตการณ์การเงิน เศรษฐกิจตกต่า และ “ช็อค” จากภายนอกได้
๗๕
๓.๒.๓.๓ ความเป็นมาทางภูมิยุทธศาสตร์ในการแข่งขันของคลองไทยในระดับโลก
ประเทศไทยประสบกั บ ความผั น ผวนวิ ก ฤตเศรษฐกิ จ หลายครั้ ง สงคราม
ทางการค้าระหว่าง ประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาน่าจะมีความรุนแรงขึ้น จนอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนา
เศรษฐกิจของประเทศไทยและอนุภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนเอเชียตะวันออก เพื่อที่จะรักษา
อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ให้สามารถบริหารจัดการได้ในระยะยาว ประเทศต่างๆ เหล่านี้ต้องการ
การลงทุนขนาดใหญ่ที่จะขับเคลื่อ นระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศใหม่ คลองไทยจึงเป็นคาตอบที่จะช่วย
แก้ปัญหาเหล่านี้ ได้อีกช่องทางหนึ่ ง โดยนาความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ประเทศไทยมีแผ่ นดินที่เชื่ อม
๒ มหาสมุทร นั่นคือ มหาสมุทรแปซิฟิก กับมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีประเทศจานวนมากมายตั้งอยู่รายรอบ
ซึ่งหากนับจานวนประชากรแล้วนั้นรวมกันไม่น้อยกว่า ๔,๐๐๐ ล้านคน ซึ่งหากคลองไทยสามารถเชื่อมต่อ
ประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ในการทาการค้า โดยที่มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทฤษฎีสมุทานุภาพ (The Sea Power)
ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ทางทะเลและยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สาคัญ การมีพาณิชย์นาวีที่เข้มแข็ง และการมี
ช่องทางเดินเรือไปสู่ตลาดโลกด้วยคลองไทย จะทาให้ประเทศไทยและภูมิภาคนี้มีความรุ่งเรือง มั่งคั่ง มั่นคง
ทางด้ า นเศรษฐกิ จ และความมั่ น คงทางเศรษฐกิ จ อี ก ทั้ ง จะก่ อ ให้ เ กิ ด ความร่ ว มมื อ ระหว่ า งประเทศ
ทั้งในทางสังคม การเมือง การปกครอง และการต่างประเทศ
ด้ ว ยเหตุ ผ ลนี้ ทุ ก ฝ่ า ยทั้ ง ภาครั ฐ เอกชนและประชาชน จึ ง ควรสนั บ สนุ น
ให้มีการศึกษาเพื่อขุดคลองเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะก่อให้เกิดเส้นทาง
เดินเรือของโลกสายใหม่ ที่มีประเทศไทยอยู่ในเส้นทางเดินเรือพาณิชย์โลก ซึ่ งเส้นทางการเดินเรือสายใหม่นี้
จะเป็ น เส้ น ทางเดิ น เรื อ ที่ สั้ น กว่ า เส้ น ทางเดิ น เรื อ ที่ มี อ ยู่ ใ นปั จ จุ บั น และลดเวลาการเดิ น เรื อ ที่ ไ ม่ ต้ อ ง
ผ่านช่องแคบมะละกา ได้ ๑ – ๒ วัน (๑,๒๐๐ กิโลเมตร) และช่องแคบซุนดา ช่องแคบลอมบอกไม่น้อยกว่า
๔ – ๕ วั น นอกจากนี้ เ ส้ น ทางเดิ น เรื อ แห่ ง ใหม่ นี้ จะพั ฒ นาให้ ส องฝั่ ง คลองเป็ น เมื อ งอุ ต สาหกรรม
การท่าเรือ การขนส่ง การท่องเที่ยว ศูนย์กลางคมนาคมทั้งทางบก ทางอากาศและทางน้า รวมทั้งกาหนดให้เป็น
เขตเศรษฐกิ จ ที่ จ ะก่ อให้ เ กิ ด การลงทุ น ทั้ งภาคอุ ตสาหกรรม เกษตรกรรม ที่ จะก่ อให้ เ กิ ดการจ้ า งงาน
และก่อให้เกิดรายได้ทั้งภาครัฐ - เอกชนและประชาชนอย่างมหาศาล เป็นการเสริมสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ
ของประเทศชาติ และประชาชนให้เข้มแข็งมั่งคง พร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการค้า การเงินของภูมิภาคเอเชียต่อไป
๓.๒.๓.๔ ลักษณะทางกายภาพของคลองไทย
คลองไทย (Thai Canal) หมายถึง คลองที่ขุดขึ้นเชื่อมต่อทะเลอันดามันมหาสมุทร
อินเดียกับอ่าวไทย มหาสมุทรแปซิฟิกในภาคใต้ของไทย เป็นเส้นทางเดินเรือแห่งใหม่ของโลก คลองไทย
ดั ง กล่ า วนี้ อยู่ ใ นขั้ น การวางแผน และท าการศึ ก ษาโดยก าหนดแนวคลองขึ้ น มา เป็ น สั ญ ลั ก ษณ์
เพื่อการศึกษา ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ วุฒิสภา
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ – ๒๕๔๘ แนวคลอง ๙A โดยสมาคมคลองไทย แนวคลอง ๙A แต่ได้มีการปรับ ปรุง
ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และสังคมตามที่ประชาชนในพื้นที่ให้ข้อคิดเห็นเป็นหลักการไว้ตามที่ได้กล่าวแล้ว คือ
๑) แนวคลองต้องไม่ผ่านชุมชนขนาดใหญ่ แหล่งอนุรักษ์วัฒนธรรมที่สาคัญ ๆ ในพื้นที่
๒) แนวคลองต้องไม่ทาลายแหล่งท่องเที่ยวสาคัญ ๆ
๓) แนวคลองต้องไม่ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ
๔) แนวคลองต้องไม่ทาให้แหล่งน้าจืดขนาดใหญ่เสียหาย
๕) แนวคลองต้องไม่ทาลายสิ่งแวดล้อมสาคัญ ๆ ที่ต้องอนุรักษ์
๗๙
๓.๒.๔ การศึกษาและทบทวนเอกสารทางวิชาการและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ประเทศในเอเชียที่ประสบความสาเร็จในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีความน่าสนใจ
และอาจน ามาเป็ น แบบอย่ า งในการพั ฒ นาส าหรั บ ประเทศไทยยกตั ว อย่ า งเช่ น การบริ ห ารจั ด การ
เขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษเมื อ งเซิ น เจิ้ น ประเทศจี น และการบริ ห ารจั ด การเขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษอี ส กั น ดาร์
ประเทศมาเลเซีย
๓.๒.๔.๑ เขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน
เขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษเมื อ งเซิ น เจิ้ น (Shenzhen Special Economic Zone :
SSEZ) เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกและมีขนาดใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีบทบาทสาคัญ
อย่างมากในการปฏิรู ปเศรษฐกิจ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน จากเมืองหมู่บ้านชาวประมงที่มีประชากร
เพียง ๓๐,๐๐๐ คนและมีพื้น ที่ประมาณ ๒,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร สามารถพัฒนามาเป็นเมืองที่ทันสมัย
ก้าวหน้าอยู่ในระดับต้น ๆ ของเอเชีย และสร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลกลางกว่า ๒๐๐,๐๐๐ ล้านหยวนต่อปี
เขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นมีการจัดการอุตสาหกรรมครบวงจรมีการแข่งขัน กันในสินค้าประเภทต่าง ๆ เช่น
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก อาหาร เป็นต้น (สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, ๒๕๔๖) การพัฒนาเขต
เศรษฐกิจพิเศษนี้ นอกจากจะเป็นการชักจูงแรงงานที่มีฝีมือจากต่างประเทศให้มาทางานในประเทศ แล้วยัง
ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) เพื่อนาการพัฒนาหมู่บ้านชายทะเลสู่
ศูนย์กลางทางการเงินและการลงทุน อีกทั้งยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและลดความยากจนของประชาชนลงได้
โดยเฉพาะการเป็นเมืองตัวอย่างสาหรับการอยู่ร่วมกันระหว่างเขตอุตสาหกรรมและเขตชนบทที่สามารถ
สนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกัน และกันจนนาไปสู่การพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน (เฉลิมพงศ์ ตั้งบริบูรณ์รัตน์
และเจตนา เหล่ ารั กวงศ์ , มปป.) เซิน เจิ้ นได้รับ การพั ฒ นาจากเมื องเศรษฐกิจ แบบธรรมดาสู่ ศูนย์ ก ลาง
ทางเศรษฐกิจทางภาคใต้ของประเทศจี น ที่มีความโดดเด่นทางด้านอุตสาหกรรมไฮเทคโนโลยีและเทคโนโลยี
สมัยใหม่ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ อุตสาหกรรมโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นสัดส่วน
ประมาณร้อยละ ๕๐ ของอุตสาหกรรมทั้งหมดในเมืองเซินเจิ้น โดยบริษัทและผู้ประกอบการในเซินเจิ้น
มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นของตัวเอง โดยเมื่อสิ้นปี ๒๕๔๘ มี อย่างน้อย ๕ แบรนด์ (Brand) ของเซินเจิ้น
ที่มียอดขายรวมกันแล้วถึง ๑๐,๐๐๐ ล้านหยวนหรือประมาณ (๑.๒๕ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตัวอย่างบริษัท
ที่ เ ป็ น ที่ รู้ จั ก เช่ น Huawei และ Zhongxing ในธุ ร กิ จ อุ ป กรณ์ สื่ อ สาร China International Marine
Containers (Group) Ltd ที่ ถื อ ครองส่ ว นแบ่ ง ตลาดโลกมากกว่ า ร้ อ ยละ ๓๐ รวมถึ ง หลายบริ ษั ท
ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ เครื่องวีดีโอโทรทัศน์ระบบดิจิตอล ยารักษาโรคและเครื่องแต่งกาย
เป็ น ต้น นอกจากนั้ น เซิน เจิ้ น ยั งเป็ น แหล่ งลงทุน ที่น่าสนใจส าหรับนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยในปี
พ.ศ. ๒๕๒๒ เซินเจิ้นได้รับเงินลงทุนจากต่างประเทศกว่า ๑๕๓.๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี ๒๕๔๙ เซินเจิ้น
ได้รับเงินลงทุนจากนักลงทุนจากต่างประเทศกว่า ๓.๒๗ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งจาก Ricoh, Toshiba,
Epson, Copier และ Xerox รว มถึ ง การล งทุ นจ า ก Wal-Mart, ๑๖๑ Compaq, Sony, Intel, IBM
และ Siemens ในเซิ น เจิ้ น (เฉลิ ม พงศ์ ตั้ ง บริ บู ร ณ์ รั ต น์ และเจตนา เหล่ า รั ก วงศ์ , มปป.) ส าหรั บ ปัจจัย
สู่ความสาเร็จของเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นนั้น ปัจจัยแรก และเป็นปัจจัยที่สาคัญที่สุด คือ รัฐบาลกลางจีน
ได้ให้สิทธิในการออกนโยบายพิเศษ สาหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองเซินเจิ้น ที่ช่วยให้สามารถริเริ่มการสร้าง
สภาพแวดล้อมที่เพิ่มศักยภาพ ในการแข่งขันของเมือง โดยเฉพาะการดึงดูดเงินลงทุนสาหรับการค้าการลงทุน
จากต่างประเทศ ส่งผลให้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ - ๒๕๕๐ เซินเจิ้น ได้รับการเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นปีละมากกว่าร้อยละ ๑๐
๘๑
สิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สาคัญแห่งหนึ่งของโลก จึงได้รับโอกาสในการพัฒนาอันเนื่องมาจาก
ข้อจากัดทางด้านพื้นที่ และค่าครองชีพที่สูงของ สาธารณะรัฐสิงคโปร์ ส่งผลให้อีสกันดาร์ได้รับประโยชน์
โดยตรงจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากสิงคโปร์สู่มาเลเซีย ประการที่ ๒) การมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่
ค่อนข้างสมบูรณ์โดยการประสานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อพัฒนาโครงสร้าง
พื้นฐานทั้งระบบ น้า ระบบไฟฟ้า ถนน และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ให้พร้อมรองรับการพัฒนาไว้ล่วงหน้า อีกทั้ง
ยังมีแผนความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงพื้นที่เขตเศรษฐกิจ
พิ เ ศษอี ส กั น ดาร์ กั บ สิ ง คโปร์ ใ ห้ ส ามารถรองรั บ การขนส่ ง มวลชนได้ สู ง สุ ด ถึ ง วั น ละ ๔๐๐,๐๐๐ คน
ประการที่ ๓) ประสิทธิภาพในการบริหารจั ดการเขตเศรษฐกิจพิเศษอีสกันดาร์ ซึ่งดาเนินตามนโยบายอย่าง
เคร่งครัดในการพิจารณาอนุมัติให้สิทธิประโยชน์เฉพาะแก่ธุรกิจที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเท่านั้น
ประการที่ ๔) ความสามารถในการบริหารจัดการ และพัฒนาพื้นที่ได้อย่างสอดคล้อง และเป็นไปในทิศทาง
เดียวกันของ นโยบายระดับสูง ระดับรัฐ และระดับพื้นที่ ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาท้องที่เขตเศรษฐกิจพิเ ศษ
เป็นไปตามเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และยกระดับการพัฒนาประเทศมาเลเซียสู่การเป็น
ประเทศรายได้สูง (High - Income Developed Nation) โดยดาเนินการตามแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่
อย่างเคร่งครัดประการที่ ๕) มาตรการให้สิทธิประโยชน์ในพื้นที่โซนต่าง ๆ สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนา
เพื่อกาหนดธุ ร กิ จ และอุ ตสาหกรรมที่เ ป็ น ประโยชน์ ต่ อ การพั ฒ นาเศรษฐกิจ อุ ตสาหกรรมที่เ ป็น มิ ต รกั บ
สิ่งแวดล้อม และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้างและประการที่ ๖) มาตรการให้สิทธิประโยชน์ของการ
ถมทะเลให้เป็นพื้นดิน (Land Reclamation)
๓.๒.๕ ขอบเขตของการศึกษา
๑) ศึกษาสาระของยุทธศาสตร์ชาติในมิติการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
๒) ก าหนดยุ ท ธศาสตร์ ใ หม่ ในการพั ฒ นาภาคใต้ เ ขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษขวานทอง
(The Golden Ax Special Economic Zone : GASEZ) ตั้งอยู่บนพื้นที่ ๕ จังหวัด คือ จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง
จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลาและจังหวัดนครศรีธรรมราช
๓.๒.๖ วิธีการศึกษา
การวิเคราะห์และสังเคราะห์ยุทธศาสตร์ใ นการพัฒนาภาคใต้เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทอง
คลองไทยภาคใต้ (The Golden Ax Special Economic Zone : GASEZ) ตั้งอยู่บนพื้นที่ ๕ จังหวัด ได้แก่
จั ง หวั ด กระบี่ จั ง หวั ด ตรั ง จั ง หวั ด พั ท ลุ ง จั ง หวั ด สงขลาและจั ง หวั ด นครศรี ธ รรมราช เป็ น การศึ ก ษา
เชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยการศึกษาจากเอกสาร (Document Research) ที่สาคัญ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) แผนแม่บทตามยุทธศาสตร์แผนปฏิรูปประเทศและการศึกษาข้อมูล
จากหน่วยงานและการรับฟังข้อคิดเห็น จากผู้เชี่ยวชาญในบริบทที่เกี่ยวข้อง
๓.๒.๗ ประเด็นสาระสาคัญจากการศึกษา
ประเด็นที่หนึ่ง การพิจารณาศึกษาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ : เขตเศรษฐกิจพิเศษ
ขวานทอง The Golden Ax Special Economic Zone (GASEZ)
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
ในด้านต่าง ๆ เกิดการพัฒนาต่อยอดจากฐานทรัพยากรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ ดังนี้
๑) โครงสร้ า งพื้ น ฐานด้า นคมนาคมและระบบโลจิ ส ติ ก ส์ การพั ฒ นาการขนส่ งทางเรือ
ทางอากาศ ทางบก ให้เป็นโครงข่ายหลักในการขนส่งของประเทศและรองรับการเชื่อมโยงกับการขนส่ ง
๘๓
ภาพที่ ๑7 กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีน้าเงิน
ที่มา : World Bank Group (๒๐๑๖)
การศึ ก ษาของ OECD พบว่ า อุ ต สาหกรรมที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ เศรษฐกิ จ สี น้ าเงิ น
หลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการเดินเรือ อุตสาหกรรมต่อเรือ อุตสาหกรรมท่าเรือและบริการ
ที่เกี่ยวเนื่อง อุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้า และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชายฝั่งและทางทะเล มีศักยภาพที่จะ
เติบโตมากกว่า เศรษฐกิจโลกโดยเฉลี่ย เศรษฐกิจสีน้าเงินจะมีมูลค่า ๓ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี ๒๐๓๐
โดยอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวชายฝั่ง และท่องเที่ยวทางทะเลจะมีสัดส่วนสูงที่สุด (ร้อยละ ๒๖) ตามมาด้วย
อุตสาหกรรมน้ามันและก๊าซธรรมชาติ (ร้อยละ ๒๑) และท่าเรือ (ร้อยละ ๑๖) การจัดการเศรษฐกิจสีน้าเงิน
อย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ เป็ น ธรรม และยั่ ง ยื น จ าเป็ น ต้ อ งมี วิ ธี คิ ด แบบใหม่ ที่ เ ป็ น ระบบมากขึ้ น ต้ อ งอาศั ย
ความเข้าใจและความร่วมมือระดับนานาชาติ อุตสาหกรรมสีน้าเงินเกิดใหม่ คือ เทคโนโลยีผลิตน้าจืดจากน้า
ทะเล (Desalination) / การผลิตพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore Wind Energy) / เทคโนโลยีพลังงาน
จากมหาสมุทร (Ocean Energy) เช่น พลังงานจากคลื่น และน้าขึ้น - น้าลง เป็นต้น
๙๒
ภาพที่ ๑๘ เศรษฐกิจสีน้าเงิน
ที่มา : https://news.trueid.net/detail/0A4nQKmMK7Ev
ในขณะที่อุตสาหกรรมสีน้าเงินเกิดใหม่ คือ เทคโนโลยีผลิตน้าจืดจากน้าทะเล (Desalination)
การผลิ ต พลั ง งานลมนอกชายฝั่ ง (Offshore Wind Energy) เทคโนโลยีพ ลั งงานจากมหาสมุ ท ร (Ocean
Energy) เช่น พลังงานจากคลื่น และน้าขึ้น-น้าลง เป็นต้นรายงานของ OECD เรื่อง The Ocean Economy
in ๒๐๓๐ ประเมิน ว่า ในปั จ จุ บั น เศรษฐกิจสี น้าเงินมีมูล ค่าอย่างน้อยที่สุ ด ๑.๕ ล้ านล้ านดอลลาร์ส หรัฐ
และครอบคลุมการจ้างงานกว่า ๓๑ ล้านตาแหน่ง โดยภายในปี ๒๐๓๐ คาดว่ามูลค่าของเศรษฐกิจสีน้าเงินจะ
เพิ่มขึ้น ๒ เท่า คิดเป็นมูลค่ากว่า ๓ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกราว ๑๐ ล้านตาแหน่ง เมื่อ
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สภาพยุโรป (EU) ได้เปิดเผย "รายงานเศรษฐกิจสีน้าเงินประจาปี ๒๐๒๐" โดยระบุว่า
เศรษฐกิจสีน้าเงินในประเทศสมาชิกอียู ๒๗ ประเทศกาลังอยู่ใน "ภาวะแข็งแกร่ง" โดยในปี ๒๐๑๘ มีเม็ดเงิน
หมุนเวียนอยู่ในเศรษฐกิจสีน้าเงินของอียูมากถึง ๗๕๐,๐๐๐ ล้านยูโร (หรือ คิดเป็นเงินไทยมากกว่า ๒๗ ล้าน
ล้ านบาท) เพิ่ มจากปี ๒๐๐๙ ถึง ร้ อยละ ๑๒ ขณะที่ ส่ ว นเกินการประกอบการรวม (Gross Operating
Surplus) หรือ "ผลกาไร" จากเศรษฐกิจสีน้าเงินอียูในปี ๒๐๑๘ อยู่ที่ ๙๕,๐๐๐ ยูโร (หรือ คิดเป็นเงินไทย
มากกว่า ๓.๕ ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี ๒๐๐๙ ถึงร้อยละ ๑๘
ประเด็ น ที่ สิ บ การศึ ก ษาบทวิ เ คราะห์ ก ารศึ ก ษา ส านั ก งานพั ฒ นาวิ ท ยาศาสตร์
และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
การดาเนินการแก้ไขปัญหา และพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันต้องดาเนินการควบคู่
ไปพร้อมกัน โดยการกาหนดกรอบของยุทธศาสตร์ในการดาเนินการ ดังนี้
ยุ ทธศาสตร์ ที่ ๑ ยุ ทธศาสตร์การบริห ารจัดการโครงสร้า งและบริ การพื้นฐาน ตลอดจน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับ
ศักยภาพของภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชน ทรัพยากรธรรมชาติวัฒนธรรมและสังคม
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การบริหารจัดการด้านการตลาดเชิงบูรณาการ
๙๓
ด้วยการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาครัฐ และภาคประชาสังคมซึ่งมีลักษณะเป็นเมืองที่มีความโดดเด่น
ในด้านการบริ หารจัดการกีฬาในด้านต่างๆ กล่าวคือ สามารถให้บริการการกีฬา และสร้างคุณภาพชีวิต
(Sport for Life) ให้แก่ ประชาชน นักกีฬา และนักท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ จนสามารถพัฒนาไปสู่
การปรั บ เปลี่ ย นวิ ถี ท างในการด าเนิ น ชี วิ ต ไปสู่ สั ง คมแห่ ง การออกกาลั ง กายและเล่ น กี ฬ า (Sport
Community) และการสร้ า งระเบี ย บวิ นั ย และส่ ง เสริ ม คุ ณ ธรรมจริ ย ธรรม ให้ แ ก่ ป ระชาชน ( Social
Regeneration) โดยเมืองกี ฬ านี้ จ ะมีโ ครงสร้ า งพื้นฐานประกอบด้ว ย สนามกีฬ า สถานที่ออกก าลั ง กาย
สวนสาธารณะ และสถาบันการศึกษาที่มีองค์ความรู้ในเรื่องการออกกาลังกาย และการเล่นกีฬาอย่างถูกต้อง
สามารถรองรั บ การจั ด การแข่ ง ขั น กี ฬ าระดั บ โลก (Sport Event) ได้ อ ย่ า งต่ อ เนื่ อ ง และสามารถสร้ า ง
ความประทั บ ใจให้ แ ก่ ช าติ ที่ เ ข้ า ร่ ว มการแข่ ง ขั น และผู้ ช มทั่ ว โลก สามารถสร้ า ง และพั ฒ นานั ก กี ฬ า
เพื่อความเป็นเลิศ (Sport for Excellence) สามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศจนเป็นที่ รู้จักในระดับโลก
โดยการสร้ า ง และพั ฒ นานั ก กี ฬ าที่ มี พ รสวรรค์ ( Talent) ตั้ ง แต่ เ ด็ ก และเยาวชนในโรงเรี ย นกี ฬ า
(Sport Academy School) และพั ฒ นาต่ อ เนื่ อ งในศู น ย์ พั ฒ นานั ก กี ฬ า (Sport Center) ซึ่ ง มี อุ ป กรณ์
และบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถตามหลักการวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อพัฒนาให้เป็นนักกีฬาทีมชาติที่มี
ขีดสมรรถนะระดับโลก (Elite Athlete) ต่อไปสามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติด้วยการ
พั ฒ นาอุ ต สาหกรรมการกี ฬ า (Sport Industry) และการจั ด กิ จ กรรมกี ฬ าเชิ ง ท่ อ งเที่ ย วนั น ทนาการ
(Sport Tourism) อย่างเป็น รูปธรรมอาทิการจัดกิจกรรมการเล่นการกีฬา การออกกกลังกาย การจัดการ
ฝึกอบรมกีฬา และการจัดการแข่งขัน กีฬาประเภทต่าง ๆ ในระดับนานาชาติและระดับโลก รวมทั้งการ
ให้บริการที่พัก และการขนส่งระหว่างที่พัก และสนามกีฬาที่มีความสะดวกสบายให้แก่นักกีฬา นักท่องเที่ย ว
และผู้ที่สนใจทั่วโลก
ประเด็นที่สิบสี่ การเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการระดมในตลาดทุน
แนวทางการศึกษาเบื้องต้นสาหรับรูปแบบการพัฒนาการเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงิน
อัจฉริยะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ตามแผนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม
จุดแข็ง คลองไทยและเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจภาคใต้ และคลองไทย
ทางกายภาพของพื้น ที่ มีต้น ทุน การก่อสร้างไม่สู งเกินไป หากพิจารณาระดับความเจริญของเทคโนโลยี
ทางวิศวกรรม ในปัจจุบัน
จุ ด อ่ อ น ระบบธรรมาภิ บ าล ในสายตานานาชาติ ยั ง ไม่ ส ากลเที ย บกั บ โตเกี ย ว – โซล
ฮ่องกง – โครงสร้างตลาดทุน – ตลาดเงินของประเทศไทย ยังไม่เปิดเสรีเมื่อเทียบกับฮ่องกง และโตเกียว
ประเทศไทยยังขาดทรัพยากรมนุษย์ ที่มีความสามารถด้านการเงินและยังไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่าง
ชานาญพอเมื่อเทียบกับ ฮ่องกง ประเทศไทยมีความมั่นคงทางการเมืองระดับปานกลาง แต่ยังมีการบังคับใช้
กฎหมาย และธรรมาภิบาล ด้อยกว่าประเทศคู่แข็งอื่นๆ
โอกาส การเกิดปัญหาทางการเมืองของฮ่องกง ทาให้การเปิดเสรีทางบัญชีทุน (ทุนไหล
เข้ า ออกเสรี ) เพื่ อ รองรั บ ขนาดของการค้ า ขนาดใหญ่ ที่ ค ลองไทยจะต้ อ งสร้ า งขึ้ น ในอี ก สิ บ ปี ข้ า งหน้ า
มีความเป็นไปได้ - ตลาดทุนที่จะสร้างขึ้น ณ คลองไทย เป็นการเชื่อมโยงกับตลาดทุน ในภูมิภาคโดยเฉพาะ
กับประเทศจีน เพื่อระดมทุนพัฒนาประเทศ ในกลุ่มอาเซียน (CLMV) และฯลฯ ร่วมกับโครงการการพัฒนา
เส้นทางสายใหม่สมัยใหม่ One Road One Belt Initiative ของกองทุนของประเทศจีน ธนาคารพัฒ นา
เอเชีย (ADB) และญี่ปุ่น (JBIC)
๙๕
แนวทางการพัฒนาระบบการเงิน
๑) ลดขนาดการใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ และสังคมโดยภาครัฐส่วนกลาง (หน่วยราชการ
พลเรื อ น และหน่ ว ยความมั่ น คง)และเพิ่ ม ขนาดของการผลิ ต สิ น ค้ า - บริ ก าร โดยภาคเอกชนภายใน
และระหว่างประเทศ (Small Government)
๒) ส่งเสริมนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT ให้ทัดเทียมกับในระดับโลกเพื่อนา
เทคโนโลยีบล็อกเชน (Block Chain) มาใช้เต็มรูปแบบเพื่อความโปร่งใสของการทาธุรกรรมสากล
๓) ส่ งเสริ มการออมของคนไทยระยะยาวและเปิดเสรีให้ มีก ารเข้า ถึงตลาดทุนระหว่ า ง
ประเทศอย่างเสรีเพื่อการออม และการลุงทนของครัวเรือนไทย
๔) การเปิดเสรีตลาดทุนนาไปสู่การระดมทุนระยะยาวเพื่อการลงทุนในโครงการคลองไทย
ทีไ่ ม่เน้นการผูกขาดโดยประเทศมหาอานาจใด ๆ (No Hegemonic Dominance)
๕) เพิ่ ม จ านวนและคุ ณ ภาพของทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ ด้ า นการบริ ห ารเศรษฐกิ จ การค้ า
และการเงินที่เป็นคนไทย
๖) เปิดเสรีบริการและการไหลเข้าออกของทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพระดับสูง โดยเฉพาะ
ผู้บริหารสินทรัพย์ทางการเงิน และตลาดทุน
๗) ยกเลิกข้อจากัดที่กีดกันการไหลเวียนอย่างเสรีของข้อมูลข่าวสาร
๘) ลดบทบาทของการกากับดูแลระบบสถาบันการเงิน โดยธนาคารกลางให้ดูแลเฉพาะ
การบริหารนโยบายการเงิน (Chinese wall) เพื่อความโปร่งใสของธนาคารกลาง
๙) น ากฎหมายการฟอกเงิ น และการลงโทษการคอรั ป ชั่ น ในประเทศและระดั บ สากล
มาปฏิบัติกันอย่างเข้มงวด
๑๐) ระบบการเงิน และตลาดทุนรองรับระบบการค้าทางทะเล และการเป็นศูนย์กลาง
ทางการค้า ในภูมิภาคนี้ของโลกแทนฮ่องกง
๑๑) ระบบตลาดทุนรองรับการพัฒ นา One Belt One Road Initiative ร่ว มกับกองทุน
พัฒนาของประเทศจีน
รูปแบบการพัฒนาระบบการเงิน
๑) ปรั บ ทิ ศ ทางของประเทศให้ มี ธ รรมาภิ บ าล (Rules of Law) ในประเทศและสากล
เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าให้เสรีแบบสากล (Trade liberalization)
๒) ด้ า นการระดมทุ น ให้ เ ปิ ด ตลาดเงิ น ให้ ส ามารถระดมทุ น ระดั บ สากล และมากกว่ า
ในประเทศ
๓) เปิดเสรีเพื่อรองรับการไหลเข้า - ออกของทุน (Open Capital Account)
ประเด็นที่สิบห้า การพัฒนาเมืองหลักในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางการสันทนาการและกีฬา
(Integrated Entertainment and Sport Resorts)
การน าเสนอแหล่ ง รวมความบั น เทิ ง นี้ เ ป็ น การหารายได้ แ บบหนึ่ ง ที่ จ าเป็ น ต้ อ งมี
เพื่อตอบสนองต่อนานาชาติที่ทาการค้า และกิจกรรมในพื้นที่การพัฒนาส่วนเมือง การพักผ่อน และการ
ท่องเที่ยวแบบ MIC : 1) เป็นจุดหมายปลายทางพักผ่อนชั้นหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2) ดึงดูดผู้เยี่ยม
ชม ๑๗.๔ ล้านคน ในปี ๒๐๑๗ 3) ก่อตั้งเพื่อเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนาสาหรับกิจกรรม MICE (Meetings,
Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) รวมถึ ง เหตุ ก ารณ์ ที่ อ ยู่ ใ นระดั บ สู ง หลายอย่ า ง เช่ น
๙๖
๖) Just – In - Time Arrival System เป็นระบบที่จ ะใช้ ในอนาคตเมื่ อ เรื อ เข้ าสู่ น่ า นน้ า
สิงคโปร์และนาเรือเข้าเทียบท่า เพื่อลดเวลาและบุคลากร
ประเด็นที่สิบเก้า การศึกษาพื้นฐานเศรษฐกิจด้านอุตสาหกรรมต่อเรือ และซ่อมเรือ
อุ ต สาหกรรมต่ อ เรื อ และซ่ อ มเรื อ เป็ น อุ ต สาหกรรมพื้ น ฐานทางเศรษฐกิ จ ที่ ส าคั ญ
และมีส่วนเชื่อมโยงกับธุรกิจการขนส่งทางน้าและกิจการพาณิชย์ นาวีตลอดจนเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม
เกี่ยวเนื่องอื่นอีกมากมาย เช่น อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า อุตสาหกรรมเครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์
เดิ น เรื อ อุ ต สาหกรรมสี และเคมี ภั ณ ฑ์ อุ ต สาหกรรมเครื่ อ งจั ก รกลเครื่ อ งยนต์ เ รื อ อุ ต สาหกรรมไฟฟ้ า
และอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ อุ ต สาหกรรมไม้ แ ละเฟอร์ นิ เ จอร์ เป็ น ต้ น อุ ต สาหกรรมต่ อ เรื อ และซ่ อ มเรื อ
เป็ น อุ ต สาหกรรมที่ ช่ ว ยสนั บ สนุ น กิ จ การเดิ น เรื อ ขนส่ ง และกิ จ การค้ า ระหว่ า งประเทศให้ เ ป็ น ไปอย่ า ง
มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ เป็ น อุ ต สาหกรรมที่ เ กี่ ย วเนื่ อ งกั บ การป้ อ งกั น ประเทศ (Defense Related Industry)
เพราะจะให้การสนับสนุนประเทศด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมกลางน้า อุตสาหกรรมกลางน้า
มี บ ทบาทส าคั ญ ในการสนั บ สนุ น ในด้ า นเงิ น ทุ น และทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ ได้ แ ก่ สถาบั น การเงิ น
และสถาบันการศึกษาอุตสาหกรรมปลายน้า เป็นอุตสาหกรรมซึ่งมีส่วนในการกาหนดทิศทางตลาด ได้แก่
การขนส่ ง ทางทะเล การประมง การท่ อ งเที่ ย วทางน้ าและการต่ อ เรื อ ของหน่ ว ยงานราชการ
การเปลี่ยนแปลงในกลุ่มอุตสาหกรรมข้างต้นย่อมมีผลกระทบกับอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือด้วยเช่นกัน
ประเด็นที่ยี่สิบ การศึกษาการจัดการปัญหาขยะของสิงคโปร์นามาทิ้งถมลงทะเล
สิงคโปร์ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชน สถานประกอบการและสานักงานต่าง ๆ ช่วยกัน
จัดเก็บรวบรวมและคัดแยกขยะ โดยกาหนดให้นาไปทิ้งตามวัน - เวลา หลังจากนั้นก็จะมีรถเก็บขยะตระเวน
ไปทั่วเมือง เพื่อรวบรวมแล้วนาไปกาจัดยังเตาเผาขยะ แม้จานวนประชากรจะเพิ่มมากขึ้นทั้งประชากรที่เป็น
คนสิงคโปร์ และต่างชาติที่เข้ามาทางานหรือท่องเที่ยวในสิงคโปร์พร้อม ๆ กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้นแต่ด้วยการจัดการที่มีประสิท ธิภาพ จึงทาให้สิงคโปร์กลายเป็นเมือง
สะอาดติดอัน ดับ โลกและยั งเป็ น เมืองที่มีความเป็น มิตรกับสิ่ ง แวดล้ อม หลั งจากคัด แยกขยะที่ส ามารถ
นากลับมาใช้งานได้อย่างขยะอินทรีย์และขยะรีไซเคิลออกไปแล้ว ขยะที่เหลือจะถูกส่งไปยังเตาเผาในรูปแบบ
ของ Waste to Energy (WTE) หรือโรงไฟฟ้าขยะก็ได้ปัจจุบัน เกาะเซมาเกาที่เกิดจากการนาเถ้าจากการเผา
ขยะมาถม เกิดจากการเชื่อมเกาะ Pulau Semakau และ Palau Sakeng ที่มีอยู่ตามธรรมชาติเข้าด้วยกัน
แล้วกั้นบริเวณรอบ ๆ ด้วยเขื่อนหิน และมีถนนให้รถบรรทุกวิ่งขนเถ้าและเศษที่เหลือจากการเผาไปยังจุดถม
ส่วนด้านล่างของหลุมฝังกลบรองด้วยวัสดุสังเคราะห์เพื่อป้องกันการปนเปื้อนกับน้าทะเล พื้นที่ส่วนใดที่ถม
เต็มแล้ ว ก็จ ะถู กปิ ดทับ ด้วยดิน ธรรมชาติแล้วพัฒ นาเป็นป่าโกงกาง ปลู กหญ้าทะเล ดอกไม้ทะเล รวมถึง
ปะการัง
ประเด็นที่ยี่สิบเอ็ด ศูนย์กลางการกระจายอาหารโลก ตลาดอาหารฮาลาล
เส้นทางการเข้าสู่ตลาดอาหารฮาลาลโลกนั้น เริ่มได้ด้วยการเข้าสู่ตลาดมุสลิมที่มีศักยภาพสูง
ในอาเซียนอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้มากกว่าประเทศมุสลิมอื่น ๆ
ในโลก ในอินโดนีเซียรัฐบาลกลางกาลังออกกฎหมายให้อาหารทุกชนิดที่วางจาหน่ายต้องได้รับ "ฮาลาล"
จากองค์กรสภาศาสนาแห่งอินโดนีเซีย (MUI) การเดินหน้าเข้าสู่ตลาดในเวลานี้ยังรองรับโอกาสที่ตลาดอาหาร
ฮาลาลจะเติบโตขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในอนาคตอีกด้วย การผลิตอาหารฮาลาลของไทยอยู่ใน
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีชาวมุสลิม อาศัยอยู่เป็นจานวนมาก โดยภาครัฐมีนโยบายสนับสนุน
๙๘
เพื่ อ พั ฒ นาพื้ น ที่ ดั ง กล่ า วให้ เ ป็ น ศู น ย์ ก ลางการผลิ ต และส่ ง ออกอาหารฮาลาลของไทย ซึ่ ง ขณะนี้
อยู่ระหว่างดาเนินการตั้งนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลที่ปัตตานี ขณะเดียวกันภาครัฐกาลังผลักดันให้จังหวัด
ภาคใต้ฝั่ งทะเลอัน ดามัน เป็ น แหล่ งผลิ ตสิ นค้าอาหารฮาลาลด้ว ย เนื่องจากหลายจังหวัดที่มีความพร้ อ ม
ด้านวัตถุดิบสาหรับผลิตอาหารฮาลาล เช่น จังหวัดระนองมีวัตถุดิบ สัตว์น้าและอาหารทะเล ส่วนจังหวัด
กระบี่ มีความพร้ อ มด้า นสิ น ค้ าเกษตร เช่ น มะม่ว งหิ มพานต์ รวมถึง สิ นค้าปศุสั ตว์ไ ด้ แ ก่ แพะ แกะ โค
และกระบือ จึงถือเป็นแหล่งสนับสนุนด้านวัตถุดิบสาหรับ ผลิตสิน ค้า เกษตรแปรรูปฮาลาลเพื่อส่งออกตลาด
ตะวันออกกลางเป็นตลาดที่น่าจับตามอง
ประเด็ น ที่ยี่สิบสอง ปฏิรู ประบบและโครงสร้า งการจัดทารายงานประเมินผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EIA และ EHIA)
การวิเคราะห์ ผ ลกระทบสิ่ งแวดล้ อมและสุ ขภาพ (EIA และ EHIA) ของประเทศไทยนั้ น
มี วั ต ถุ ป ระสงค์ เ พื่ อ เป็ น เครื่ อ งมื อ และกลไกที่ ส าคั ญ ในการพิ จ ารณาเห็ น ชอบของหน่ ว ยงานภาครั ฐ
ต่อการอนุมัติโครงการพัฒนาที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และต่อเนื่องถึงสุขภาพของประชาชน
ในการพัฒนาคลองไทยจาเป็น ต้องลงทุน ด้านกายภาพที่อาจกระทบต่อสมดุล ทางกายภาพ และคุณภาพ
สิ่ ง แวดล้ อ ม และวั ฒ นธรรมท้ อ งถิ่ น ฯลฯ เพื่ อ ลดผลกระทบด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ มและวั ฒ นธรรมน้ อ ยที่ สุ ด
จ าเป็ น ต้ อ งลงทุ น ท าการศึ ก ษาผลกระทบด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ มและวั ฒ นธรรมโดยให้ ป ระชาชนมี ส่ ว นร่ ว ม
ทุกขั้นตอน เพื่อให้การลงทุนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ และคลองไทยเป็นไปได้และเป็นที่ยอมรับได้ของประชาชน
ประเด็นที่ยี่สิบสาม กรณีศึกษา Nanjing Green Towers ป่าแนวตั้งบนอาคารสูง แห่งแรกในเอเชีย
การเตรียมความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง รวมถึงภาวะมลพิษทางอากาศ
ขั้นรุนแรงในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศ ตามเมืองใหญ่อื่น ๆ ของจีนก็มีความพยายามที่จะหาทางแก้ไข
ปั ญหามลพิษ อันเป็ นสิ่ งที่ชาวเมืองในทุกท้องที่ต้องเผชิญเช่นกัน นครหนานจิ นเลื อกการสร้าง "ป่าแนวตั้ง"
(Vertical Forest) มาเป็นทางออก ป่าแนวตั้งดังกล่าวเป็นอาคารสูงระฟ้า ใช้เป็นที่พักอาศัย ๒ หลัง ทั้งอาคาร
จะปกคลุ มไปด้ ว ยพื ช พรรณสี เขี ย วนานาชนิ ด พร้ อมดู ดซั บมลพิ ษ และผลิ ตอากาศบริ สุ ทธิ์ แก่ ช าวเมื อ ง
และนักท่องเที่ยว ทั้งยังสร้างทั ศนียภาพสวยงามสบายตาให้แก่เมืองใหญ่แห่งนี้ด้วย โดยจะมีต้นไม้ขนาดใหญ่
๖๐๐ ต้น ขนาดกลาง ๕๐๐ ต้น ไม้เลื้ อย ๒,๕๐๐ ต้น และไม้พุ่มขนาดเล็ กจานวนมากมาย Nanjing Green
Towers สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ ๒๕ ตัน และเพิ่มออกซิเจนให้เมือง Nanjing ปีละ ๒๒ ตัน
(วันละประมาณ ๖๐ กิโลกรั ม) เมื่อสร้ างเสร็จ Nanjing Green Towers จะเป็นป่าแนวตั้ ง (Vertical Forest)
บนอาคารสูงแห่งแรกในเอเชีย
๙๙
ภาพที่ ๑๙ : รูปแบบแนวคิดในการออกแบบโครงการคลองไทยเส้น ๙A
The Golden Ax Special Economic Zone (GASEZ)
* ที่มาของแหล่งประมาณการณ์รายได้คาดการณ์ดังกล่าวไม่รวม รายได้ที่เอกชนลงทุนดาเนินการ
และกิจการพิเศษ (เช่น อุตสาหกรรมเอ็นเตอร์เทนเม้นคอมเพล็กซ์)
** ที่มาของรายได้ดังกล่าวไม่รวมรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากร
*** รายได้ประมาณการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย และค่าบริหารจัดการ
*** เห็นได้ว่าถ้ารัฐลงทุนในโครงการขุดคลองไทยผลตอบแทน หรือจุดคุ้มทุนจะอยู่ระหว่างช่วงปีที่ 2-3 หลังจาก
วันที่โครงการแล้วเสร็จ ซึ่งรายได้ที่อาจจะจัดเก็บได้ล่วงหน้า ระหว่างปีที่ 3 (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสัญญา) สามารถ
จั ดเก็บรายได้ จากค่ าเช่าพื้ นที่ จากเอกชนผู้ ลงทุ นได้ ก่ อนที่ จะขุ ดคลองแล้ วเสร็จ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอี ยด
ของแผนดาเนินการโครงการฯ เป็นสาคัญ
๓.๒.๘ ผลการพิจารณาศึกษา
คณะอนุ ก รรมาธิ ก ารฯ ได้ พิ จ ารณาก าหนดกรอบการพั ฒ นาเพื่ อ เป็ น แนวทาง
ในการขับเคลื่อน การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (The Golden Ax Special Economic
Zone : GASEZ) ได้กาหนดยุทธศาสตร์จานวน ๑๕ ด้าน มีสาระสาคัญดังนี้
ยุ ท ธศาสตร์ ที่ ๑ ยุ ท ธศาสตร์ ค วามมั่ น คงของชาติ ศาสนา และพระมหากษั ต ริ ย์
โดยมีเป้าหมายสาคัญ คือ การมุ่งเน้นความมั่นคงของชาติ หมายถึงความอยู่ดีมี สุข ของประชาชนชาวไทย
ทุกมิติ ความมั่นคงทางศาสนา หมายถึง รัฐจะมุ่งทานุบารุงส่งเสริมพุทธศาสนา ให้มั่นคง ยั่ งยืนอยู่ร่วมกับ
ทุกศาสนา ความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ หมายถึง ประชาชน มีความจงรักภักดี เคารพ เทิดทูน
สถาบันพระมหากษัตริย์
ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ยุทธศาสตร์การออกกฎหมายพิเศษรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
มีเป้าหมายสาคัญ คือ จัดให้มีกฎหมายรองรับการบริหารจัดการในพื้นที่ที่เป็นสากล อาทิ การเวนคืนที่ดิน
ขนาดใหญ่ (๘,๑๐๐ ตารางกิโลเมตร) โดยแก้ไขเพิ่มเติมจากพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พ.ศ. 2561 การจั ดสรรที่ดิน และผลประโยชน์ส าหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ)
การเดินเรือในน่านน้าไทยกฎหมายว่าด้วยพาณิชย์นาวีสาหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ)
๑๐๐
และนวัตกรรมใหม่ รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศ
ยุ ท ธศาสตร์ ที่ ๑๓ ยุ ท ธศาสตร์ ด้ า นการอนุ รั ก ษ์ ท รั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล้ อม
อย่างยั่งยืน มีเป้าหมายสาคัญ คือ จัดให้มีกองทุนเฉพาะพื้นที่สาหรับการอนุรักษ์ ส่งเสริมฟื้นฟู ศึกษาวิจัย
และบริหารจัดการผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่
ยุทธศาสตร์ที่ ๑๔ ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อรองรับการพัฒนา
เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ) มีเป้าหมายสาคัญ คือ จัดให้มีกองทุนส่งเสริ มการศึกษา
สาหรับประชาชนในพื้นที่ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่มีอาชีพทุกเพศทุกวัย
ยุทธศาสตร์ที่ ๑๕ ยุทธศาสตร์เขตการค้าเสรีและสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment
Center Complex) มีเป้าหมายสาคัญ คือ การเป็นศูนย์การค้ าระดับโลกครบวงจร ธุรกิจ บันเทิง และศูนย์
กีฬาระดับโลก “International Sports City”
๓.๒.๙ บทสรุป ข้อเสนอแนะและข้อสังเกต
๓.๒.๙.๑ บทสรุปรายงานการศึกษา
เขตเศรษฐกิจ พิเศษขวานทองภาคใต้ (The Golden Ax Special Economic
Zone : GASEZ) จะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษระดับโลกในพื้นที่ ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง
จังหวัดสงขลา จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดพัทลุง โดยจะมีการบริหารจัดการด้วยกฎหมายพิเศษ
(แก้ไขเพิ่มเติมจาก EEC) การเวนคืนที่ดิน ๘,๑๐๐ ตารางกิโลเมตร เพื่อนามาจัดระเบียบบริห ารจัดการเพื่อ
เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่คุ้มค่าที่สุดโดยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจะได้รับผลตอบแทน สวัสดิการและ
คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด โดยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจะได้รับผลตอบแทน สวัสดิการ และคุณภาพชีวิตที่ดี
สุดจากผลประโยชน์ ที่จ ะเกิดขึ้นจาก GASEZ และประการสาคัญที่นี่จะกลายเป็นศูนย์กลางการค้ าและ
เศรษฐกิจใหม่ของโลก โดยมีการขุดคลองตามแนวคลอง ตัวอย่างเช่น แนว ๙A เพื่อให้เรือสินค้าจากทั่วโลก
ได้ผ่านประเทศไทย ในพื้นที่ของ GASEZ นี้คลองที่จะขุด มีสองคลอง คือ คลอง K๙ และ K๑๐ โดยแต่ละ
คลองจะมีความยาว ๑๓๕ กิโลเมตร ความลึก ๔๐ เมตร ความกว้าง ๑ กิโลเมตร ซึ่งทั้งคลอง K๙ และ K๑๐
จะมีระยะห่างกัน ๑๐ กิโลเมตร และตลอดตามแนวคลองทั้งสองคลองมีจุดเชื่อมระหว่างคลอง จานวน ๒
จุด โดยแต่ละจุดจะมีความกว้าง ๑ กิโลเมตร นอกจากนี้ยังจะมีคลองเล็กคู่ขนานด้านนอกของทั้งคลอง K๙
และ K๑๐ เป็นจานวน ๒ คลอง มีความยาว ๑๓๕ กิโลเมตร ความกว้าง ๒๐๐ เมตร และความลึก ๑๕ เมตร คลองเล็ก
นี้จะใช้ประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยว การขนส่งเรือท้องถิ่น และป้องกันปัญหาน้าท่วมภาคใต้มีจุดเชื่อมโยงกับ
๒ คลองใหญ่ คลองเล็ก ๒ คลองชื่อคลอง P และ คลอง B ห่างจากคลองใหญ่เป็นระยะทาง ๒ กิโลเมตร
รวมแล้ว GASEZ จะมีคลองใหญ่ ๒ คลอง (K๙ และ K๑๐) คลองเล็ก ๒ คลอง (P และ B) มีอุโมงค์ลอด
๑๒ อุโมงค์ให้รถและรถไฟผ่าน คลองใหญ่มีสะพานแขวน ๒ จุด ชื่อสะพาน C และ V ซึ่งเป็นจุดชมเมือง
ที่สวยงามที่สุด คลองเล็กมีสะพานคลองละ ๕ สะพาน เพื่อการคมนาคมและการท่อ งเที่ยว ทั้งคลองใหญ่
และคลองเล็ ก จะมี ท่ า เที ย บเรื อ ท่ า จอดเรื อ ท่ อ งเที่ ย วตลอดแนว ๔ คลองตามความเหมาะสม
เพื่ อ เป็ น ท่ า เที ย บเรื อ พาณิ ช ย์ แ ละเรื อ ส าราญที่ เ ดิ น ทางมาจากทั่ ว โลก การมี ค ลอง K๙ และ K๑๐
ใช้เป็ น เส้ น ทางขาไปเดิน เรื อจากฝั่ งอ่าวไทยไปยังฝั่ งอันดามัน เส้ นทางเดินเรือขากลั บจากฝั่ งอันดามั น
ไปยั ง ฝั่ ง อ่ า วไทยท าให้ เ ส้ น ทางเดิ น เรื อ มี ค วามปลอดภั ย ป้ อ งกั น อุ บั ติ เ หตุ แ ละการมี จุ ด เชื่ อ มคลอง K๙
และ K๑๐ สามารถช่วยแก้ปัญหาการกลั บเรือและเพื่อประโยชน์อื่น ๆ เนื่องจากคลองมีความยาวมาก
ทั้งนี้ดินที่ได้จากการขุดคลองสามารถนาไปใช้ประโยชน์ ดังนี้
๑๐๒
๑) นาดินไปถมชายหาดอ่าวไทยที่ถูกน้าทะเลกัดเซาะหายไปหลายกิโลเมตร
ตั้งแต่จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนถึง จังหวัดสงขลา
๒) น าดิ น ไปท าเกาะเที ย มปากคลองด้ า นอ่ า วไทย เพื่ อ เพิ่ ม มู ล ค่ า เช่ น
เกาะสถานบันเทิงครบวงจร เกาะนกนางแอ่นเพื่อการท่องเที่ยว เกาะอุตสาหกรรมต่อเรือ โรงกลั่นน้ามัน
ปิโตรเคมี โกดังสต็อกสินค้าและท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้า
๓) เกาะเพื่อเชิดชูสถาบัน ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเกาะใหญ่
อยู่กลางอ่าวไทยขนาด ๒๐ ตารางกิโลเมตร
๔) เกาะทางด้านการทหารและความมั่นคง อุตสาหกรรมส่งดาวเทียมสู่อวกาศ
แนวคลองแบ่งออกเป็น ๓ ระดับความสาคัญ คือ
๑) AAA คือ พื้นที่ ระหว่างคลอง K๙ และ K๑๐ กว้าง ๑๐ กิโลเมตร ยาว ๑๓๕
กิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่ ๑,๓๕๐ ตารางกิโลเมตร
๒) AA คือ พื้นที่นอกคลอง K๙ และ K๑๐ ความกว้าง ๒๕ กิโลเมตรความยาว
๑๓๕ กิโลเมตร ๒ ด้าน (รวม 50 กิโลเมตร x 135 กิโลเมตร) คิดเป็นพื้นที่ 6,750 ตารางกิโลเมตร
๓) A คื อ พื้ น ที่ ข อง ๕ จั ง หวั ด คื อ จั ง หวั ด กระบี่ จั ง หวั ด ตรั ง จั ง หวั ด พัทลุ ง
จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสงขลา
ทั้ ง นี้ พื้ น ที่ ๕ จั ง หวั ด จะมี แ นวคลองพาดผ่ า นยาว ๑๓๕ กิ โ ลเมตร
กว้าง ๖๐ กิโลเมตร ถือว่าเป็นศูนย์กลางของเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ) เป็นเนื้อที่
๘,๑๐๐ ตารางกิโลเมตร (AAA+ AA) ส่วนพื้นที่ A ใน ๕ จังหวัดที่เหลืออยู่จะมีความพิเศษน้อยกว่า AAA
และ AA
การออกกฎหมายเพื่ อ บริ ห ารจั ด การเขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษขวานทองภาคใต้
(The Golden Ax Special Economic Zone : GASEZ) ในพื้นที่ 5 จังหวัด จะต่อยอดจากพระราชบัญญัติ
เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 แต่จะพิเศษกว่า เพราะเป็น Smart City ระดับโลกแห่งใหม่
ล่าสุดของโลกและต้องออกกฎหมายใหม่เฉพาะเขตเศรษฐกิจขวานทองภาคใต้ (The Golden Ax Special
Economic Zone : GASEZ) ได้แก่ กฎหมายเวนคืนที่ดินเพื่อบริหารจัดการในพื้นที่ 8,100 ตารางกิโลเมตร
และบางจุดของ 5 จังหวัด กฎหมายพาณิชย์นาวี กฎหมายการเดินเรือ กฎหมายการเงินการคลัง กฎหมาย
สิ่งแวดล้อม และกฎหมายสิทธิพิเศษต่างๆ เกี่ยวกับสวัสดิการสังคมใน 5 จังหวัด
ผลประโยชน์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จากเขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ)
และคลองไทย (Thai Canal) ถูกจัดสรรเพื่อพัฒนาในภาคส่วนต่างๆ ดังนี้
๑) พัฒนาพื้นที่ AAA AA และA ใน ๕ จังหวัด
๒) บารุงพัฒนาจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้อีก ๙ จังหวัด ร้อยละ ๑๔
๓) จัดสรรงบประมาณไปช่วยพัฒนา ๖๓ จังหวัด ร้อยละ ๒๐
๔) จั ด สรรงบประมาณเพื่ อ ความมั่ น คงของ ชาติ ศาสนาและสถาบั น
พระมหากษัตริย์ ร้อยละ ๑๓
๕) จั ดสรรเงิน กองทุนเพื่ อสิ่ งแวดล้ อ มเขตเศรษฐกิจ พิเ ศษขวานทองภาคใต้
(GASEZ) ร้อยละ ๒
๖) กองทุนวิจัย และพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ) ร้อยละ ๑
๑๐๓
๓.๓ ผลการพิจารณาศึกษาผลกระทบการขุดคลองไทยและพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจทั้งด้าน
สิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง และการเมือง
ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการขุดคลองไทยการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
เพื่ อ พิ จ ารณาศึ ก ษาการขุ ด คลองไทยและการพั ฒ นาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้ ( SEZ) ครั้ ง ที่ ๖
เมื่อวัน พฤหั ส บดีที่ ๔ มิถุน ายน ๒๕๖๓ ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุ กรรมาธิก ารพิจารณาศึ กษาผลกระทบ
สิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง และการเมือง นั้น
คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาศึกษาวิเคราะห์
ผลกระทบที่ อ าจเกิ ด ขึ้ น จากการด าเนิ น การขุ ด คลองไทยและพั ฒ นาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้
ในด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ ม สั ง คม ความมั่ น คง และการเมื อ ง รวมถึ ง พิ จ ารณารั บ ฟั ง เพื่ อ รั บ ฟั ง ความคิ ด เห็ น
ของประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการดาเนินการขุดคลองไทย ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการได้ทาการ
พิ จ ารณาศึ ก ษารวบรวมข้ อ มู ล ข้ อ คิ ด เห็ น จากทุ ก ภาคส่ ว นที่ เ กี่ ย วข้ อ ง ทั้ ง ส่ ว นราชการ ภาคเอกชน
ภาคประชาชน อย่ า งรอบด้ า น โดยศึ ก ษาข้ อ มู ล ปฐมภู มิ โดยการประชุ ม รั บ ฟั ง จากหน่ ว ยงานภาครั ฐ
ภาคเอกชน ภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินการขุดคลองไทยและพัฒนาพื้นที่ระเบียง
เศรษฐกิจภาคใต้ และศึกษาข้อมูลปฐมภูมิ จากการลงพื้นที่ศึกษาดูงาน จัดสัมมนาและรวบรวมผลการศึกษา
แบบสอบถามหน่ว ยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนภาคประชาสังคมที่อาจได้รับ
ผลกระทบจากการดาเนินการขุดคลองไทยและพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ นอกจากนี้ยังได้ศึกษา
ข้อมูลทุติยภูมิ โดยศึกษาเอกสารทางวิชาการ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องและกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในการนี้ คณะอนุ กรรมาธิ การฯ ได้ มี ผลการศึ กษาแบ่ งเป็ น ๕ ด้ าน โดยมี รายละเอี ยด
โดยสังเขป ดังนี้
๓.๓.๑ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
จากการศึกษาพบว่าเส้นทาง ๙A ที่ตัดผ่านจังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง จังหวัด
นครศรีธรรมราชและจังหวัดสงขลา ความยาว ๑๒๐ กิโลเมตร มีความเหมาะสมเป็นเส้นทางที่ควรศึกษา
ในขั้นสมบูรณ์ (Full Feasibility Study) และเป็นแนวคลองที่ดีที่สุด โดยทั่ว ๆ ไปด้านสิ่งแวดล้อมอาจเกิด
ปัญหา ดังต่อไปนี้
๑) ธรณีวิทยา แหล่งแร่ธาตุและการชะล้างพังทลายของดิน
๒) ทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรเกษตร การเลี้ยงสัตว์ สัตว์ป่าและพืชเศรษฐกิจ
๓) ทรัพยากรการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้า
๔) ทรัพยากรทางทะเล การแพร่กระจายพันธุ์สัตว์ทะเล ความหลากหลายทางชีวภาพ
๕) อุทกวิทยา น้าผิวดิน น้าใต้ดินและการไหลของน้า
อย่ า งไรก็ ต าม เนื่ อ งจากแนวเส้ น ทางของคลองไทยยั ง ไม่ ไ ด้ ก าหนดชี้ ชั ด ลงไปว่ า ที่ ใ ด
ตลอดจนการออกแบบความกว้าง ความลึกและส่วนประกอบอื่น ๆ ของคลองยังไม่ชัดเจน ดังนั้น จึงเป็นการ
ยากที่ จ ะชี้ ป ระเด็ น ผลกระทบที่ อ าจจะเกิ ด ขึ้ น ในที่ นี้ จึ ง จะน าเอาปั ญ หาที่ อ าจจะมี ขึ้ น โดยทั่ ว ๆ ไป
โดยเห็นควรมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สาคัญ ดังนี้
๑) การดาเนินการโครงการขุดคลองไทยอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แหล่งท่องเที่ยว
ชายฝั่ ง การเคลื่ อนย้ ายสิ่ งมี ชี วิ ตในทะเล เช่ น ปั ญ หาน้ าทะเลปนเปื้ อ นกั บ น้ าจื ด อาจส่ ง ผลกระทบต่ อ
๑๐๖
๓) กระทรวงการต่างประเทศหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรศึกษาหาแนวทางการบริหาร
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอานาจที่ส มดุล เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐ ประชาชนจีน
และสหรั ฐ อเมริ ก า หรื อ กรณี ค วามขั ด แย้ ง ระหว่ า งสาธารณรั ฐ อิ น เดี ย กั บ สาธารณรั ฐ ประชาชนจี น
และควรทาความเข้ าใจสื่ อสารให้ ป ระเทศเพื่ อนบ้านทราบถึ งแนวทางในการดาเนินโครงการดัง กล่ า ว
และรับทราบว่าประเทศไทยกาลังพิจารณาศึกษาโครงการดังกล่าวอย่างจริงจัง
๓.๓.๕ กฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาขุดคลองไทย และพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
เนื่ อ งจากโครงการคลองไทยมี ค วามเป็ น มายาวนานกว่ า ๓๐๐ ปี แนวคิ ด โครงการ
ขุดคลองไทยเริ่มปรากฏมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและมีผู้สนใจศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการดาเนินโครงการดังกล่าว
มาโดยตลอด ทว่าในการศึกษาแต่ละครั้งแม้จะมีการจัดทารายการพิจารณาศึกษาออกมาเรียบร้อยแต่ก็มัก
มีเหตุผลขัดข้องบางประการทาให้ไม่อาจนาผลการศึกษามาปฏิบัติให้เกิดผลลัพธ์ได้ ทั้งนี้ อาจเนื่องมาจาก
โครงการขุ ด คลองไทยหากมี ก ารด าเนิ น การจะเป็ น โครงการที่ ยิ่ ง ใหญ่ ที่ สุ ด ในประวั ติ ศ าสตร์ ช าติ ไ ทย
และมีผู้ได้รับผลกระทบจานวนมากการบริหารความขัดแย้งให้เกิดความพอใจแก่ทุกฝ่ายจึง อาจประสบ
ผลสาเร็จได้ยาก
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ แล้วเห็นว่า การขุดคลองไทย
เกิ ด ผลดี ม ากกว่ า ผลเสี ย และสามารถสร้ า งประโยชน์ ใ ห้ แ ก่ ป ระเทศชาติ แ ละประชาชนได้ อ ย่ า งสู ง สุ ด
คณะอนุกรรมาธิการ เห็นควรให้มีการตรากฎหมายเพื่อให้มีการจัดตั้งองค์กรควบคุมบริหารจัดการโครงการ
คลองไทยอย่างรัดกุมทั้งในด้านการลงทุน การก่อสร้าง แผนการบริหารจัดการ บารุงรักษา ภายหลังการ
ก่อสร้างแล้วเสร็จ ตลอดจนการชดเชยเยียวยาประชาชนในพื้นที่อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อไป
๓.๔ ผลการสัมมนารับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการดาเนินการขุดคลองไทย
และพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ทั้งในส่วนของประชาชน ภาครัฐ และเอกชน
จากการที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียง
เศรษฐกิจ ภาคใต้ สภาผู้ แทนราษฎร ได้ล งพื้นที่ส ารวจพื้นที่จริงและรับฟัง ความคิ ดเห็ นจากประชาชน
ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
สภาผู้แทนราษฎร ได้จัดให้มีการสัมมนารับฟังความคิดเห็น เรื่อง “การขุดคลองไทยเพื่อเป็นศูน ย์กลาง
การค้าโลก แหล่ งอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวระดับโลก” และศึกษาดูงาน เรื่อง “การพัฒ นาพื้นที่
ระเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้ เ พื่ อ เพิ่ ม ศั ก ยภาพการแข่ ง ขั น ทางเศรษฐกิ จ ของประเทศไทย” ระหว่ า ง
วัน อาทิตย์ ที่ ๑๙ ถึงวัน อังคารที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ณ จังหวัด กระบี่ และจังหวัดนครศรีธรรมราช
การดาเนินการสัมมนามีดังนี้
คณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ ฯ ได้ ชี้ แ จงความเป็ น มาและวั ต ถุ ป ระสงค์ ใ นการสั ม มนาว่ า
ตามที่ส มาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งฝ่ ายรั ฐบาลและฝ่ ายค้านร่วมกันเสนอให้ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
และมีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการขุดคลองไทยการพัฒนาพื้นที่ ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
ขึ้น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้อย่างจริงจัง ในการสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ
ต่อการขุดคลองไทยและการพั ฒ นาพื้ น ที่ร ะเบีย งเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่ อนาข้อมูลไปกาหนดแนวทางการ
ดาเนินการตามที่ประชาชนต้องการ ซึ่งโครงการขุดคลองไทยไม่อาจประสบผลสาเร็จได้เลยหากปราศจาก
ความร่ ว มมื อ จากพี่ น้ อ งประชาชนและเสนอรายงานการพิ จ ารณาศึ ก ษาต่ อ สภาผู้ แ ทนราษฎร
๑๑๐
๖) ข้อกังวลถึงผลกระทบจากการขุด คลองและพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้และข้อเสนอแนะแนว
ทางการแก้ปัญหาจากเวทีสัมมนา
๖.๑) เกี่ ย วกั บ ประเด็ น การแบ่ ง แยกดิ น แดนเห็ น ว่ า คลองไทยเป็ น เพี ย งแค่ ก ารแบ่ ง แยก
ทางกายภาพมิใช่การแบ่งแยกอานาจอธิปไตยแต่อย่างใด สาหรับปัญหาด้านความมั่นคง ต้องมีการวางระบบ
พัฒนาเศรษฐกิจเปิดโอกาสให้นานาชาติร่วมลงทุน เป็นคลองแห่งความร่วมมือเพื่อลดความขัดแย้งเนื่องจาก
ทุกประเทศมีผลโยชน์ร่วมกันในคลองไทย มีการเชิญประเทศตะวันตกและตะวันออกที่สนใจมาร่วมลงทุน
เพื่อให้ทุกประเทศเกิดความร่วมมือและมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองไทย ส่งผลให้ลดความขัดแย้ง
๖.๒) ปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม พื้นที่ภาคใต้มีความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลสามารถผลิต
อาหารเลี้ยงคนทั่วโลก หากเกิดโครงการขุดคลองไทยอาจเกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับคลอง
ขนาดใหญ่ในอดีต เช่น คลองสุเอซ คลองปานามา ซึ่งก็มีระบบการจั ดการเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่ งแวดล้ อม
อย่ างไรก็ตามปั จ จุ บั น เทคโนโลยี ก้าวหน้ าขึ้นวิธีการบริห ารจั ดการสิ่ งแวดล้ อ ม ย่อมมีประสิ ทธิภ าพขึ้ น
ข้อกังวลในด้านการเกิดตะกอนจากการขุดคลองจะทาให้เกิดผลกระทบต่อน้าทะเล เสนอให้มีการศึกษาเชิงลึก
ร่วมกับสมาคมวิศวกรแห่งประเทศไทยเพื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบและแนวทางแก้ปัญหาอย่างรอบคอบที่สุด
๖.๓) ปั ญหาค่าตอบแทนหรื อผลประโยชน์ที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการขุด คลอง
และพั ฒ นาเศรษฐกิ จ ภาคใต้ ซึ่ ง เป็ น เรื่ อ งส าคั ญ ที่ ไ ด้ มี ก ารแลกเปลี่ ย นและร่ ว มแสดงความคิ ด เห็ น กั น
อย่างกว้างขวาง ในเรื่องแนวทางการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากคลองไทย เช่น การเวนคืนที่ดินทากิน
หรื อที่อยู่ อาศัย จะต้อ งมีการชดเชยอย่ างเหมาะสมเป็นธรรมและต้องทาให้ ประชาชนมั่นใจ การให้ หุ้ น
หรือผลกาไรจากการบริการพื้นที่แนวคลองแก่ผู้ได้รับผลกระทบ โดยอาจใช้กองทุนคลองไทยที่จัดตั้งขึ้น
๖.๔) ผลตอบแทนจากโครงการขุดคลองไทยมิได้มาจากค่าผ่านคลองแต่รายได้และผลประโยชน์
ตอบแทนส่ ว นใหญ่ ม าจากจากการบริ ห ารพื้ น ที่ กิ จ การ การบริ ก ารต่ า ง ๆ จากพื้ น ที่ แ นวคลอง ดั ง นั้ น
จึงมีข้อเสนอ คือ
(๑) รั ฐ บาลต้ อ งก าหนดให้ ผู้ ม าท างานในโครงการขุ ด คลองไทย เช่ น วิ ศ วกรแรงงาน
ต้องเป็นคนไทยเท่านั้น
(๒) ต้องออกกฎหมายแบ่งปันหุ้นในการทาธุรกิจหรือกิจการต่าง ๆ ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ
จากโครงการคลองไทยอย่างเหมาะสมเป็นธรรมและตกทอดเป็นมรดกแก่ทายาท
(๓) ต้ อ งไม่ เ ก็ บ ภาษี บ างประเภทที่ ส่ ง เสริ ม การค้ า การผลิ ต เช่ น ภาษี พิ กั ด ศุ ล กากร
ไม่ เ ก็ บ ภาษี บุ ค คลธรรมดา ส่ ง เสริ ม ให้ เกิ ด ระบบเสรีท างการเงิ น ส่ ง ผลให้ เ กิ ดการพั ฒ นาระบบการค้า
การธนาคาร
(๔) ประชาชนที่ มี ชื่ อ อยู่ ท ะเบี ย นบ้ า นอย่ า งน้ อ ย ๕ ปี ในพื้ น ที่ โ ครงการต้ อ งได้ รั บ
ผลประโยชน์ที่เหมาะสมเป็นธรรม เช่น หุ้นในกิจการต่าง ๆ เอ็ นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในพื้นที่โครงการ
คลองไทย สร้างการพัฒนาเศรษฐกิจส่งเสริมระบบการเงินเสรี
(๕) รัฐต้องมีนโยบายการจ้างงานในระดับปริญญาตรีลงมาต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยทั้งหมด
นอกจากนี้ยังเกิดการพัฒนาอาชีพตัวแทนออกของหรือชิปปิ้ง (Shipping คือ ผู้ทาหน้าที่ด้านพิธีการเอกสาร
ผ่านธนาคาร พิธีการศุลกากร) จะเกิดการพัฒนามาตรฐานได้รับค่าจ้างในเทียบเท่าสากล อุตสาหกรรม
ต่ อ เนื่ อ งที่ เ กี่ ย วกั บ การต่ อ เรื อ และต้ อ งการแรงงานด้ า นดั ง กล่ า วจ านวนมาก คาดว่ า จ านวนนั ก ศึ ก ษา
ในสาขาโลจิ ส ติ ก ส์ และพาณิ ช ย์ ห รื อ สาขาที่ เ กี่ ย วข้ อ งที่ มี อ ยู่ ใ นปั จ จุ บั น ไม่ เ พี ย งพออย่ า งแน่ น อน
๑๑๒
จากการค้าระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นถ้ามาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ
ภาคใต้ ดังนั้น จึงเป็นความท้ายทายของประเทศไทย และรัฐบาลผู้มีอานาจบริหาร ว่าจะตัดสินใจอย่างไร
ในการดาเนินการศึกษาและดาเนินการอย่างจริงจัง ถ้าศึกษาแล้วเห็นว่าเกิดประโยชน์กับประเทศไทย
อย่างแท้จริง รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดาเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อสร้างทางเลือก
ทางออกด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศชาติอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในเชิงระบบตามแนวคิดทฤษฎีเชิงระบบที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง
ปั จ จั ย น าเข้ า และผลลั พ ธ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ถ้ า มี ก ารลงทุ น ในการขุ ด คลองไทยและพั ฒ นาเป็ น พื้ น ที่
เศรษฐกิ จพิ เศษ ก็ จะท าให้ เกิ ดการลงทุ นทางด้ านต่ าง ๆ ตามมา ทั้ งการท่ องเที่ ยวเชิ งนิ เวศ โรงแรมที่ พั ก
อาศัย ธุรกิจการล่องเรือท่องเที่ยว การค้าขายสินค้าทางการเกษตรและอื่น ๆ ร้านอาหารเพื่อบริโภค
ธุรกิจการจัดการน้าเพื่ออุปโภคบริโภค การค้าขายน้ามันดิบ การลงทุนโรงงานกลั่นน้ามั น เป็นต้น
ซึ่งการลงทุนเหล่านี้จะเกิดการจ้างงานในพื้นที่ภาคใต้และคนทั่วประเทศก็จะได้อานิสงส์ในการจ้างงาน
เหล่านี้ด้วย ในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้และทั่วประเทศไทย
จะท าให้ เกิ ด การกระตุ้ น ระบบเศรษฐกิ จ ภายในประเทศให้ มี ก ารหมุ น เวี ย นที่ ค ล่ อ งตั ว มากขึ้ น
ซึ่งก็จะเป็ น ปั จ จั ย ส าคัญ ที่ เอื้อและหนุน การดาเนิน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ภาคตะวั น ออก และระบบเหล่ า นี้ เองที่ จ ะท าให้ ร ะบบเศรษฐกิ จ ของประเทศไทยมี ก ารพั ฒ นา
อย่างก้าวกระโดดและทาให้ GDP ของประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน
นอกจากนี้ การขุดคลองไทยและการพัฒ นาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ยังเป็นการพัฒ นา
เส้นทางการเดินเรือใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจะเป็นการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สอดคล้อง
กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกาหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ
ในระยะ 20 ปี ไว้ โดยเฉพาะยุ ท ธศาสตร์ช าติที่ 4.2 ยุท ธศาสตร์ช าติ ด้านการสร้างความสามารถ
ในการแข่งขัน มีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศ
ในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานแนวคิด 3 ประการ ได้แก่ 1) “ต่อยอดอดีต” โดยมองกลับไปที่รากเหง้า
ทางเศรษฐกิ จ อั ต ลั ก ษณ์ วั ฒ นธรรม ประเพณี วิ ถี ชี วิ ต และจุ ด เด่ น ทางทรั พ ยากรธรรมชาติ
ที่ ห ลากหลาย รวมทั้ งความได้ เปรี ย บเชิ งเปรีย บเที ย บของประเทศในด้ านอื่ น ๆ น ามาประยุ ก ต์
ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลกสมัยใหม่
2) “ปรับ ปัจจุบัน ” เพื่อปูทางสู่อนาคต ผ่านการพัฒ นาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในมิติต่าง ๆ
ทั้งโครงสร้ างข่ายระบบคมนาคมและขนส่ ง โครงสร้างพื้ นฐานวิท ยาศาสตร์เทคโนโลยี และดิจิทั ล
และการปรั บสภาพแวดล้ อมให้ เอื้ อต่ อการพั ฒนาอุ ตสาหกรรมและบริ การอนาคต และ 3) “สร้ างคุ ณค่ าใหม่
ในอนาคต” ด้วยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่ รวมถึงปรับรูปแบบธุรกิจ เพื่อ
ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ที่รองรับอนาคต บนพื้นฐานของการ
ต่อยอดอดีตและปรับปัจจุบัน พร้อมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐให้ประเทศสามารถสร้าง
ฐานรายได้และการจ้างงานใหม่ ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในเวทีโลก ควบคู่ไปกับการ
ยกระดับรายได้และการกินดีอยู่ดี รวมถึงการเพิ่มขึ้นของคนชั้นกลางและลดความเหลื่อมล้าของคนใน
ประเทศได้ในคราวเดียวกัน
โดยสรุปแล้ว การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
จะเน้นที่การพัฒ นาการคมนาคมเพื่ อเชื่อมโยงและสนับสนุนการพัฒ นาด้านเศรษฐกิจของประเทศ
๑๑๕
๔.๒.๑ การแก้ไขปัญหาความมั่นคงในปัจจุบัน
๔.๒.๒ การติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจอุบัติขึ้นใหม่
๔.๒.๓ การสร้างความปลอดภั ยและความสั นติ สุ ขอย่ างถาวรในพื้ นที่ จั งหวั ด
ชายแดนภาคใต้
๔.๒.๔ การรั ก ษาความมั่ น คงและผลประโยชน์ ท างทรั พ ยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมทั้งทางบกและทางทะเล
๔.๓ การพั ฒ นาศั กยภาพของประเทศให้ พ ร้ อมเผชิ ญ ภั ยคุ กคามที่ กระทบต่ อ
ความมั่นคงของชาติ
๔.๓.๑ การพัฒนาระบบข่าวกรองแห่งชาติแบบบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ
๔.๓.๒ การพั ฒ นาและผนึ ก พลั ง อ านาจแห่ ง ชาติ กองทั พ และหน่ ว ยงาน
ความมั่ น คง รวมทั้ งภาครั ฐ และภาคประชาชนให้ พ ร้ อ มป้ อ งกั น และรั ก ษาอธิ ป ไตยของประเทศ
และเผชิญกับภัยคุกคามได้ทุกมิติ ทุกรูปแบบและทุกระดับ
๔.๓.๓ การพั ฒ นาระบบเตรี ย มพร้ อ มแห่ ง ชาติ แ ละการบริ ห ารจั ด การ
ภัยคุกคามให้มปี ระสิทธิภาพ
๔.๔ การบูรณาการความร่วมมือด้านความมั่นคงกับอาเซียนและนานาชาติ
๔.๔.๑ การเสริมสร้างและรักษาดุลยภาพสภาวะแวดล้อมระหว่างประเทศ
๔.๔.๒ การเสริมสร้างและธารงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
๔.๔.๓ การร่วมมือทางการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้าน ภูมิภาค โลก รวมถึง
องค์กรภาครัฐและที่มิใช่ภาครัฐ
๔.๕ การพัฒนากลไกการบริหารจัดการความมั่นคงแบบองค์รวม
๔.๕.๑ การพั ฒ นากลไกให้ พ ร้ อ มส าหรับ การติ ด ตาม เฝ้ าระวั ง แจ้ ง เตื อ น
ป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรม
๔.๕.๒ การบริหารจัดการความมั่นคงให้เอื้ออานวยต่อการพัฒนาประเทศ
ในมิติอื่น ๆ
๔.๕.๓ การพัฒนากลไกและองค์กรขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
ประเด็นการปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม (พ.ศ. 2561 – 2580)
แผนแม่ บ ทด้ านการปรั บ เปลี่ ย นค่ านิ ย มและวั ฒ นธรรม เพื่ อ ปลู ก ฝั งค่ านิ ยมวั ฒ นธรรม
ที่พึงประสงค์ของประชาชนไทย โดยเฉพาะการมีวินัย ความซื่อสัตย์สุจริต การมีจิตอาสา จิตสาธารณะ
และการส่งเสริมให้ ประชาชนยึดมั่นสถาบันหลักที่เป็นศูนย์รวมจิตใจให้เกิดความรัก ความสามัคคี
ความภาคภูมิใจในความเป็นไทยที่มีอัตลักษณ์และความโดดเด่ นจนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก
เริ่มตั้งแต่การพัฒ นาคนให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี ควบคู่กับการพัฒ นาคนให้เป็นคนดี มีคุณธรรม
จริยธรรม มีระเบียบวินัย มีจิตสานึกที่ดีต่อสังคมส่วนรวม มีทักษะความรู้และความสามารถปรับตัว
เท่ า ทั น กั บ การเปลี่ ย นแปลงรอบตั ว ที่ ร วดเร็ ว บนพื้ น ฐานของการมี ส่ ว นร่ ว มของสถาบั น สั งคม
และวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง
๑๒๒
เป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
๒.๑ ประชาชนอยู่ดี กินดีและมีความสุข
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๒.๑ คนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสาหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑
๒.๒ สังคมไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อและสนับสนุนต่อการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๒.๑ สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้าในทุกมิติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๒.๔ ยกระดับกระบวนทัศน์ เพื่อกาหนดอนาคตประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม บนหลักของการมีส่วนร่วมและธรรมาภิบาล
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๒.๓ ภาครัฐมีความโปร่งใส ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
๔.๑ การรักษาความสงบภายในประเทศ
๔.๑.๑ การพั ฒ นาและเสริ ม สร้ า งคนในทุ ก ภาคส่ ว นให้ มี ค วามเข้ ม แข็ ง
มีความพร้อม ตระหนักในเรื่องความมั่นคงและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
๔.๑.๒ การพัฒนาและเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ
๔.๑.๓ การพั ฒ น าแ ล ะเส ริ ม ส ร้ า งก ารเมื อ งใน ระบ อ บ ป ระช าธิ ป ไต ย
อั น มี พ ระมหากษั ต ริ ย์ ท รงเป็ น ประมุ ข ที่ มี เ สถี ย รภาพและมี ธ รรมาภิ บ าล เห็ น แก่ ป ระโยชน์
ของประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๔.๑ การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม
๔.๑.๑ การปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมผ่านการเลี้ยงดูในครอบครัว
๔.๑.๒ การบูรณาการเรื่องความซื่อสัตย์ วินัย คุณธรรม จริยธรรม ในการจัดการ
เรียนการสอนในสถานศึกษา
๔.๑.๓ การสร้างความเข้มแข็งในสถาบันทางศาสนา
๔.๑.๔ การปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน
๔.๑.๕ การสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมที่พึงประสงค์จากภาคธุรกิจ
๔.๑.๖ การใช้สื่อและสื่อสารมวลชนในการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมของคน
ในสังคม
๔.๑.๗ การส่งเสริมให้คนไทยมีจิตสาธารณะและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๓ การเสริมสร้างพลังทางสังคม
๑๒๓
๔.๑.๘ สร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างทั่วถึง
๔.๒ การกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี
๔.๒.๔ ปรั บ โครงสร้างและแก้ ไขกฎหมายระเบี ย บบริห ารราชการแผ่ น ดิ น
เพื่อวางระบบและกลไกการบริหารงานในระดับภาค กลุ่มจังหวัด
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๔.๗ กฎหมายมีความสอดคล้องเหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ และมีเท่าที่จาเป็น
๔.๗.๑ ภาครัฐจัดให้ มีกฎหมายที่สอดคล้ องและเหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ
ที่เหมาะสม
๔.๗.๒ มีกฎหมายเท่าที่จาเป็น
๔.๗.๓ การบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
ยุท ธศาสตร์ ที่ ๓ ยุ ท ธศาสตร์ ก ารพั ฒ นาสู่ ก ารเป็ น ศู น ย์ ก ลางทางการแพทย์ แ ละดู แ ลสุ ข ภาพ
ระดับโลก (Medical Hub of the World)
เป้าหมายสาคัญ คือ
1) จัดให้มีศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับสากลเพื่อดูแลสุขภาพทั้งใน
และต่างประเทศ
2) จัดให้มีศูนย์สุขภาพผู้สูงวัยระดับสากลและการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์
แผนไทยและสมุนไพร
สาระสาคัญดังนี้
กระทรวงสาธารณสุ ข แสดงความเห็ น ว่ า ยุ ท ธศาสตร์ ดั ง กล่ า วนอกจากสอดคล้ อ งกั บ
ยุ ท ธศาสตร์ ช าติ การสอดคล้ อ งกั บ ยุ ท ธศาสตร์ก ารวิ จั ย รายประเด็ น ด้ า นการเป็ น ศู น ย์ ก ลางทาง
การแพทย์ (Medical Hub) ของกระทรวงสาธารณสุข โดยแบ่งออกเป็น ๔ ยุทธศาสตร์ คือ ศูนย์กลาง
บริการเพื่อส่ งเสริม สุ ขภาพ (Wellness Hub) ศูนย์กลางบริการสุ ขภาพ (Medical Service Hub)
ศู น ย์ ก ลางบริ ก ารวิ ช าการและงานวิ จั ย (Academic Hub) ศู น ย์ ก ลางยาและผลิ ต ภั ณ ฑ์ สุ ข ภาพ
(Product Hub) ซึ่ งยุ ท ธศาสตร์ นี้ ตั้ งเป้ าหมายภายในระยะเวลา ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๘)
เมื่อพิจารณาโครงการที่ดาเนินการในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ พบว่า โครงการระบบการบริการสาธารสุข
ด้วยแพทย์แผนไทย กรมบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขมีประสิทธิภาพและกาลังขยายตัว ได้รับ
การยอมรั บ จากทั้ ง ในและต่ า งประเทศ อาทิ ศู น ย์ ค วามเป็ น เลิ ศ ด้ า นการสร้ า งเสริ ม สุ ข ภาพ
ภู มิ ปั ญ ญา ท้ อ งถิ่ น อ าเภอห้ ว ยยอด จั ง หวั ด ตรั ง คณะการแพทย์ แ ผนไทยและสถาบั น ฮาลาล
มหาวิท ยาลั ยสงขลานคริ น ทร์ พัฒ นาแหล่ งปลู กพืช ผั กสมุนไพร ปลอดสารพิษ ในจังหวัดสงขลา
พัฒนาสู่การเป็นผลิตภัณฑ์สปา เครื่องสาอาง และยารักษาโรค เพื่อพัฒนาให้ได้มาตรฐานระดับสากล
พร้ อ มสู่ ต ลาดอาเซี ย นและตะวั น ออกกลาง นโยบายของกระทรวงสาธารณสุ ข ได้ ด าเนิ น การ
เพื่ อเป็ น ศู น ย์ กลางทางการแพทย์ น านาชาติ ซึ่งกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุ ขด าเนิ นงาน
และประสานความร่วมมือภาคเอกชนเป็นศูนย์กลางและ ทาการรักษาให้กับคนไทยและคนต่างชาติ
มีการพัฒนาระบบวิชาการทางการแพทย์และบุคลากรควบคู่กัน
๑๒๖
ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๒.๑ ภาครั ฐ มี วั ฒ นธรรมการท างานที่ มุ่ ง ผลสั ม ฤทธิ์ แ ละผลประโยชน์ ส่ ว นรวม
ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้สะดวก รวดเร็วและโปร่งใส
ประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๑ เกษตรสร้างมูลค่า
๔.๑.๕ เกษตรอัจฉริยะ
๔.๒ อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต
๔.๒.๑ อุตสาหกรรมชีวภาพ
๔.๒.๒ อุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร
๔.๒.๓ อุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์
๔.๒.๔ อุตสาหกรรมและบริการขนส่งและโลจิสติกส์
๔.๒.๕ อุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศ
๔.๓ สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว
๔.๓.๑ ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
๔.๓.๒ ท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ
๔.๓.๓ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทย
๔.๓.๔ ท่องเที่ยวสาราญทางน้า
๔.๓.๕ ท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค
๔.๔ โครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมไทย เชื่อมโลก
๔.๔.๔ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสมัยใหม่
๔.๕ พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่
๔.๕.๑ สร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะ
๔.๕.๒ สร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน
๔.๕.๓ สร้างโอกาสเข้าถึงตลาด
๔.๕.๔ สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูล
๔.๕.๕ ปรับบทบาทและโอกาสการเข้าถึงบริการภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๔.๒ การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
๔.๒.๓ ช่วงวัยแรงงาน
๔.๓ ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑
๔.๓.๑ การปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้ให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะสาหรับศตวรรษที่ ๒๑
๔.๔ การตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย
๔.๔.๒ การสร้างเส้นทางอาชีพ สภาพแวดล้อมการทางาน และระบบสนับสนุน
ที่เหมาะสมสาหรับผู้มีความสามารถพิเศษผ่านกลไกต่าง ๆ
๑๓๔
๒.๑ สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้าในทุกมิติ
๒.๒ กระจายศู น ย์ ก ลางความเจริ ญ ทางเศรษฐกิ จ และสั ง คม เพิ่ ม โอกาส
ให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นกาลังของพัฒนาประเทศในทุกระดับ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๒.๓ ใช้ประโยชน์และสร้างการเติบโต บนฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้สมดุลภายในขีดความสามารถของระบบนิเวศ
ประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๑ เกษตรสร้างมูลค่า
๔.๑.๒ เกษตรปลอดภัย
๔.๑.๓ เกษตรชีวภาพ
๔.๑.๔ เกษตรแปรรูป
๔.๑.๕ เกษตรอัจฉริยะ
๔.๒ อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต
๔.๒.๑ อุตสาหกรรมชีวภาพ
๔.๒.๒ อุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร
๔.๒.๓ อุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์
๔.๒.๔ อุตสาหกรรมและบริการขนส่งและโลจิสติกส์
๔.๒.๕ อุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศ
๔.๓ สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว
๔.๓.๑ ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
๔.๓.๒ ท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ
๔.๓.๓ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทย
๔.๓.๔ ท่องเที่ยวสาราญทางน้า
๔.๓.๕ ท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค
๔.๔ โครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมไทย เชื่อมโลก
๔.๔.๒ สร้างและพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
๔.๔.๔ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสมัยใหม่
๔.๕ พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่
๔.๓.๑ สร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะ
๔.๓.๒ สร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน
๔.๓.๓ สร้างโอกาสเข้าถึงตลาด
๔.๓.๔ สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูล
๔.๓.๕ ปรับบทบาทและโอกาสการเข้าถึงบริการภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์
๔.๒ การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
๑๓๖
๔.๒.๒ ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น
๔.๒.๓ ช่วงวัยแรงงาน
๔.๓ ปฏิรูปการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑
๔.๓.๑ การปรั บ เปลี่ ย นระบบการเรี ย นรู้ ให้ เอื้ อ ต่ อ การพั ฒ นาทั ก ษะส าหรั บ
ศตวรรษ ที่ ๒๑
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๑ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก
๔.๑.๔ เพิ่มผลิตภาพและคุ้มครองแรงงานไทย ให้เป็นแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ
และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความปลอดภัยในการทางาน
๔.๒ การกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี
๔.๒.๑ พัฒนาศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี
ในภูมิภาค
๔.๒.๖ การพัฒนากาลังแรงงานในพื้นที่
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๑ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว
๔.๑.๕ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน
๔.๓ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ
๔.๓.๓ มุ่งเป้าสู่การลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศในการพัฒนาโครงสร้าง
พื้นฐาน ของภาครัฐและภาคเอกชน
๔.๕ พัฒนาความมั่นคงน้า พลังงานและเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๕.๒ เพิ่ ม ผลิ ต ภาพของน้ าทั้ ง ระบบ ในการใช้ น้ าอย่ า งประหยั ด รู้ คุ ณ ค่ า
และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้น้า ให้ทัดเทียมกับระดับสากล
ประเด็นเศรษฐกิจฐานราก (พ.ศ. 2561 – 2580)
การพั ฒ นาเศรษฐกิ จ ฐานรากตามแนวทางของยุ ท ธศาสตร์ ช าติ ด้ า นการสร้ า งโอกาส
และความเสมอภาคทางสังคมได้กาหนดประเด็นยุทธศาสตร์ เน้นตอบโจทย์การสร้างความเป็นธรรม
และลดความเหลื่ อ มล้ าทางเศรษฐกิ จ และสั ง คมของประเทศ เพื่ อ ให้ ก ารเติ บ โตของประเทศ
เป็นการเติบโตที่ยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมเศรษฐกิจระดับชุมชนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพ
ในการแข่งขัน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ประเด็น เศรษฐกิจฐานราก มีความสอดคล้องกับเป้าหมาย
การพัฒนาและประเด็นยุทธศาสตร์ของยุทธศาสตร์ชาติด้านที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
เป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๒.๑ ประเทศไทยเป็ น ประเทศที่ พั ฒ นาแล้ ว เศรษฐกิ จ เติ บ โตอย่ างมี เสถี ยรภาพ
และยั่งยืน
๒.๒ ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
๑๓๗
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๒.๑ สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้าในทุกมิติ
๒.๒ กระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม เพิ่มโอกาสให้ทุกภาคส่วน
เข้ามาเป็นกาลังของการพัฒนาประเทศในทุกระดับ
๒.๓ เพิ่ ม ขี ด ความสามารถของชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ในการพั ฒ นาการพึ่ ง ตนเอง
และการจัดการตนเองเพื่อสร้างสังคมคุณภาพ
ประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๑ การเกษตรสร้างมูลค่า
๔.๑.๑ เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น
๔.๑.๔ เกษตรแปรรูป
๔.๕ พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่
๔.๕.๓ สร้างโอกาสเข้าถึงตลาด
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๑ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก
๔.๑.๓ กระจายการถือครองที่ดินและการเข้าถึงทรัพยากร
๔.๒ การกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี
๔.๒.๖ การพัฒนากาลังแรงงานในพื้นที่
๔.๕ การเสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี
๔.๕.๓ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๒ ปฏิรูประบบภาษีและการคุ้มครองผู้บริโภค
๔.๑.๔ เพิ่มผลิตภาพและคุ้มครองแรงงานไทย ให้เป็นแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ
และความริเริ่มสร้างสรรค์ มีความปลอดภัยในการทางาน
๔.๑.๕ สร้างหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกช่วงวัย
ทุกเพศภาวะและทุกกลุ่ม
๔.๑.๖ ลงทุ น ทางสั ง คมแบบมุ่ ง เป้ า เพื่ อ ช่ ว ยเหลื อ กลุ่ ม คนยากจนและกลุ่ ม
ผู้ด้อยโอกาสโดยตรง
๔.๑.๗ สร้ า งความเป็ น ธรรมในการเข้ า ถึ ง บริ ก ารสาธารณสุ ข และการศึ ก ษา
โดยเฉพาะสาหรับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
ประเด็น การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ (พ.ศ. 2561 – 2580)
กลไกของภาครัฐ จึงเป็ น เครื่องมือส าคัญ ที่จะสามารถช่ว ยขับเคลื่ อนการพั ฒ นาประเทศ
ตามแผนแม่ บ ทภายใต้ ยุ ท ธศาสตร์ช าติ ทุ กประเด็ น เพื่ อบู รณาการ ทั้ งในเชิงประเด็น เชิงภารกิ จ
และเชิงพื้นที่มีการเชื่อมโยงการทางานทุกระดับให้สอดรับกับเป้าหมายที่กาหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ
จะต้ อ งบู ร ณาการกั น อย่ า งมี เอกภาพและสอดประสานกั น มี การประสานงานบนความร่ วมมื อ
ของภาคส่ ว นต่ าง ๆ ตั้ งแต่ ภ าครั ฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสั งคม ภาควิ ช าการ ภาคประชาชน
และภาคส่ ว นอื่ น ในสั งคม ระบบการเงิ น การคลั งของประเทศจะต้ อ งสนั บ สนุ น การขั บ เคลื่ อ น
ยุทธศาสตร์ชาติ ระบบงบประมาณและการจัดสรรงบประมาณตอบสนองความเร่งด่วนและมีเป้าหมาย
ร่วมกันทั้งในระดับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ภารกิจ และพื้นที่ ซึ่งสามารถติดตามประเมิ น
ผลสาเร็จของการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติทุกระดับ
เป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
๒.๑ ประชาชนอยู่ดี กินดี และมีความสุข
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๒.๑ ประเทศไทยเป็ น ประเทศที่ พั ฒ นาแล้ ว เศรษฐกิ จเติบ โตอย่างมีเสถีย รภาพ
และยั่งยืน
๒.๒ ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๒.๑ สร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้าในทุกมิติ
๒.๓ เพิ่ ม ขี ด ความสามารถของชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ในการพั ฒ นา การพึ่ ง ตนเอง
และการจัดการตนเองเพื่อสร้างสังคมคุณภาพ
๑๔๐
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๒.๑ ภาครั ฐ มี วั ฒ นธรรมการท างานที่ มุ่ ง ผลสั ม ฤทธิ์ แ ละผลประโยชน์ ส่ ว นรวม
ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส
๒.๒ ภาครัฐมีขนาดที่เล็กลง พร้อมปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
๔.๕ การพัฒนากลไกการบริหารจัดการความมั่นคงแบบองค์รวม
๔.๕.๓ การพัฒนากลไกองค์กรขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๔ โครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมไทย เชื่อมโลก
๔.๔.๕ รักษาและเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค
๔.๕ พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่
๔.๕.๕ ปรับบทบาทและโอกาสการเข้าถึงบริการภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๒ ปฏิรูประบบภาษีและการคุ้มครองผู้บริโภค
๔.๑.๕ สร้างหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกช่วงวัย
ทุกเพศสภาวะ และทุกกลุ่ม
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๔.๑ ภาครัฐที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองความต้องการและให้บริการ
อย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส
๔.๑.๑ การให้บริการสาธารณะของภาครัฐได้มาตรฐานสากลและเป็นระดับแนว
หน้าของภูมิภาค
๔.๑.๒ ภาครัฐ มีความเชื่ อมโยงในการให้ บริการสาธารณะต่าง ๆ ผ่ านการน า
เทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้
๔.๒ ภาครั ฐ บริ ห ารงานแบบบู ร ณาการโดยมี ยุ ท ธศาสตร์ ช าติ เป็ น เป้ า หมาย
และเชื่อมโยงการพัฒนาในทุกระดับ ทุกประเด็น ทุกภารกิจ และทุกพื้นที่
๔.๒.๑ ให้ยุทธศาสตร์ชาติเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ
๔.๒.๒ ระบบการเงินการคลังประเทศสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
๔.๒.๓ ระบบติ ดตามประเมิ นผลที่ สะท้ อนการบรรลุ เป้ าหมายยุ ทธศาสตร์ ชาติ
ในทุกระดับ
๔.๓ ภาครัฐมีขนาดเล็กลง เหมาะสมกับภารกิจ ส่งเสริมให้ประชาชนและทุกภาคส่วน
มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
๔.๓.๑ ภาครัฐมีขนาดที่เหมาะสม
๔.๓.๒ ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
๑๔๑
๔.๓ การพัฒนาศักยภาพของประเทศให้พร้อมเผชิญภัยคุกคามที่กระทบต่อความมั่นคง
ของชาติ
๔.๓.๒ การพั ฒ นาและผนึ ก พลั ง อ านาจแห่ ง ชาติ กองทั พ และหน่ ว ยงาน
ความมั่ น คง รวมทั้ งภาครั ฐ และภาคประชาชน ให้ พ ร้อมป้ อ งกัน และรัก ษาอธิป ไตยของประเทศ
และเผชิญกับภัยคุกคามได้ทุกมิติทุกรูปแบบและทุกระดับ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๑ การเกษตรสร้างมูลค่า ส่งเสริมการวิจัย พัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรม
๔.๑.๑ เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น
๔.๑.๒ เกษตรปลอดภัย
๔.๑.๓ เกษตรชีวภาพ
๔.๑.๔ เกษตรแปรรูป
๔.๑.๕ เกษตรอัจฉริยะ
๔.๒ อุตสาหกรรมและบริการแห่ งอนาคต ส่ งเสริมการวิจัย พั ฒนาและประยุกต์ใช้
นวัตกรรม
๔.๒.๑ อุตสาหกรรมชีวภาพ
๔.๒.๒ อุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร
๔.๒.๓ อุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์
๔.๒.๔ อุตสาหกรรมและบริการขนส่งและโลจิสติกส์
๔.๒.๕ อุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศ
๔.๔ โครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมไทย เชื่อมโลก
๔.๔.๔ พัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐานเทคโนโลยีสมัยใหม่
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๔.๓ ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑
๔.๓.๒ การเปลี่ยนโฉมบทบาท ‘ครู’ ให้เป็นครูยุคใหม่
๔.๓.๓ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษาในทุกระดับ ทุกประเภท
๔.๔ การตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย
๔.๔.๒ การสร้างเส้นทางอาชีพ สภาพแวดล้อมการทางานและระบบสนับสนุน
ที่เหมาะสมสาหรับผู้มีความสามารถพิเศษผ่านกลไกต่าง ๆ
๔.๗ การเสริ ม สร้ างศั ก ยภาพการกี ฬ าในการสร้ า งคุ ณ ค่ า ทางสั ง คมและพั ฒ นา
ประเทศ
๔.๗.๓ การส่งเสริมการกีฬาเพื่อพัฒนาสู่ระดับอาชีพ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
๔.๑ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว
๔.๑.๒ อนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในและนอกถิ่นกาเนิด
๔.๑.๔ รักษาและเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
๔.๑.๕ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน
๑๔๕
๔.๒ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจภาคทะเล
๔.๒.๒ ปรับปรุง ฟื้นฟู และสร้างใหม่ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งระบบ
๔.๒.๔ พัฒนาและเพิ่มสัดส่วนกิจกรรมทางทะเลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๔.๑ ภาครัฐที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองความต้องการ และให้บริการ
อย่างสะดวกรวดเร็ว โปร่งใส
๔.๓ ภาครัฐมีขนาดเล็กลง เหมาะสมกับภารกิจ ส่งเสริมให้ ประชาชนและทุกภาคส่ วน
มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
ยุทธศาสตร์ที่ ๘ ยุทธศาสตร์ด้านการกาลังทหารและพลเรือนเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ
เป้าหมายสาคัญ คือ
1) กองทั พ ไทยเข็ ม แข็ ง และทั น สมั ย รองรั บ ภั ย คุ ก คาม ทุ ก รู ป แบบและทุ ก ระดั บ
มีสาระสาคัญดังนี้
กระทรวงกลาโหมจะมีส่วนรับผิดชอบในยุทธศาสตร์ชาติที่ ๘ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์เกี่ยวกับ
กาลังทหาร ซึ่งมีแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ๕ แผนย่อย และหากคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ได้เสนอให้มีการขุดคลอง กระทรวงกลาโหมก็มีแผนรองรับผลกระทบด้านความมั่ นคงและในภาคใต้
กองทั พ อากาศก็ มี อ ยู่ ห ลายกองบิ น และมี ก องกาลั ง เฉพาะซึ่ ง หากมี ก ารพั ฒ นาสนามบิ น
ให้เป็นจุดศูนย์กลางของการขนส่ง ทางอากาศ อย่างไรก็ตามการขุดคลองไทยอาจจะต้องพิจารณา
มุมมองในหลายมิติ ทั้งในเส้น ทางหรือในปัญ หาความมั่นคง พัฒ นาความสั มพันธ์ระหว่างประเทศ
และหากกองทัพเรือสามารถขนย้ ายกาลังพลผ่านคลองนี้ได้ จะส่งผลดีต่อการขนส่ งทางทะเลด้วย
ส่ว นกรณี การส่งดาวเที ยมจะมีการไปอยู่ที่ใกล้ เส้ นศูน ย์สู ตรมากที่สุด เพื่ อร่น ระยะทางในการเดิน
ทางเข้ า วงโคจรและมี ค วามแม่ น ยามากขึ้ น และภาคใต้ ข องประเทศไทยถื อ ว่ า เป็ น พื้ น ที่ ใ กล้
เส้นศูนย์สูตรและเป็นภูมิศาสตร์ที่มีความเหมาะสมอยู่แล้ว
สาหรั บ ประเด็น ที่ควรให้ ความส าคัญ เป็ นกรณี พิเศษ คือ ความสัมพั นธ์ระหว่างประเทศ
เนื่ องจากประเทศไทยมีความสั มพันธ์อันดีกับมิตรนานาประเทศด้วยดีตลอดมา อาทิ สาธารณรัฐ
สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งควรดาเนินการไปด้วยความถูกต้องและไม่ให้ส่ งผลกระทบ
ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยเป็นสาคัญ
กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าการดาเนินโครงการขนาดใหญ่และจะส่งผลกระทบต่อประเทศ
ในบางเรื่ อ งอย่ า งถาวร ดั ง นั้ น จึ ง เป็ น เรื่ อ งของคนไทยทุ ก คน เสนอว่ า หากมี ข้ อ มู ล เกี่ ย วกั บ
การขุดคลองไทย ที่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จะขอให้มีการจัดทาประชามติเกี่ยวกับโครงการนี้เนื่องจาก
กระทบต่อการปกครองท้องที่ การปกครองท้องถิ่น และการกาหนดเขตปกครองจึงอาจต้องกาหนดขึ้น
ใหม่ให้ มี ก ารส ารวจที่ ดิ น ที่ ห ายไปทั้ ง ๒ แนวคลองทั้ งหมด รวมทั้ งพื้ น ที่ ป่ าสงวนและอุ ท ยาน ซึ่ ง
ประเด็นนี้การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ เมื่อมีการลงทุนจากต่างชาติการกาหนดการถือครองของพื้นที่
ว่ า ระยะเวลาเท่ า ใด หากเป็ น ระยะเวลานานจะยอมรั บ ได้ เพี ย งใดและในการขุ ด คลอง ๒ แนว
มี ก ารกระทบถึ งเรื่ อ งความมั่ น คงแน่ น อนเพราะเป็ น ปั ญ หาจั ง หวั ด ชายแดนภาคใต้ ซึ่ งยั งอยู่ ใน
สถานการณ์ที่ไม่ปกติ การขุดคลองจึงส่งผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ทางทหารแน่นอน
๑๔๖
ยุ ท ธศาสตร์ ที่ ๙ ยุ ท ธศาสตร์ ก ารขุ ด คลองไทย (Thai Canal) เชื่ อ มมหาสมุ ท รอิ น เดี ย
และมหาสมุทรแปซิฟิก
เป้าหมายสาคัญ คือ
1) ยุทธศาสตร์การขุดคลองไทย (Thai Canal) เชื่อมมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุ ทร
แปซิฟิก ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ในรูปแบบการพัฒนาพื้นที่
เขตเศรษฐกิจ พิ เศษ โดยอาศั ย เทคโนโลยี และนวัต กรรมในการพั ฒ นาพื้ น ที่ ให้ เป็ น เมือ งอั จฉริย ะ
(Smart City) เพื่ อ ให้ เกิด การด าเนิ น การในมิ ติ ใหม่ ๆ และกระตุ้ น การเจริญ เติ บ โตของเศรษฐกิ จ
ในพื้นที่
2) ยุทธศาสตร์สนั บสนุนการพัฒ นาเชิงพื้นที่ โดยการพัฒ นาพื้นที่เศรษฐกิจในบริบท
ต่าง ๆ เช่น การพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ ยางพาราและปาล์ม
น้ามันของประเทศและเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจเชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับภูมิภาคอื่นของโลก
ศูน ย์ กลางเขตอุ ตสาหกรรมเฉพาะอุตสาหกรรมพลั งงานสะอาด ประกอบด้ว ย อุต สาหกรรมการ
จัดการน้า (Sustainable GASEZ water), อุตสาหกรรมไฟฟ้าพลังงานสะอาด (Sustainable GASEZ
Green Electric Energy), อุ ต สาหกรรมปิ โ ตรเคมี แ ละนิ ค มอุ ต สาหกรรมแปรรู ป อาหารทะเล
อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และกลุ่มอุตสาหกรรม New S - curve อุตสาหกรรมการต่อเรือและการ
เดิน เรื อขนาดใหญ่ พาณิ ช ย์ น าวีแ ละโลจิส ติ กส์ ระดับ โลก (World Class Logistic) เป็น ศู นย์ก ลาง
การบินนานาชาติ ศูนย์กลางทางการแพทย์และดูแลสุขภาพระดับโลก ศูนย์กลางด้านการค้า การเงิน
และการธนาคารของโลก (World Financial Center) ศู น ย์ ก ลางการศึ ก ษา วิ จั ย และพั ฒ นา
(Academic Hub of the World) แ ล ะ เข ต ก ารค้ าเส รี ต ล อ ด จ น ส ถ าน บั น เทิ งค รบ ว งจ ร
(Entertainment Center Complex)
มีสาระสาคัญดังนี้
ยุ ท ธศาสตร์ ก ารขุ ด คลองไทย (Thai Canal) เชื่ อ มมหาสมุ ท รอิ น เดี ย และมหาสมุ ท ร
แปซิฟิกนั้น จะทาในรูปแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาพื้นที่
ให้ เ ป็ น เมื อ งอั จ ฉริ ย ะ (Smart City) เที ย บเคี ย งหรื อ มี ม าตรฐานเท่ า ที ย มกั บ ท่ า เรื อ มะละกา
เป็นอย่างมากที่ผ่านมามีข้อมูลและการสนับสนุนโครงการตั้งแต่ปี ๒๕๖๒ เพื่อให้เกิดการดาเนินการ
ในมิติใหม่ ๆ และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งถือได้ว่าเรื่องการเชื่อมโยงฝั่งทะเล
ทั้งสองฝั่ งเป็น ปัญหาการพัฒ นาเศรษฐกิจของภาคใต้ ดังนั้นคลองไทยจึงเป็นโครงการหนึ่งที่สาคัญ
ขนาดใหญ่กว่าเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวัน (EEC) หลายเท่า สาหรับการเชื่อมโยงการจัดทา
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ
๑) ทิศทางการพัฒนาภาคใต้ให้เป็นเมืองเศรษฐกิจเชื่อ มโยงการค้าการลงทุนกับภูมิภาคอื่น
ของโลก อาทิ
- พัฒนาการท่องเที่ยวของภาคใต้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนาของโลก
- พัฒนาอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีสะอาด เช่น การแปรรูปยางพาราและปาล์มน้ามัน
ของประเทศ
- พัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรหลักของภาคและสร้างความเข้มแข็งสถาบันการเกษตรกร
๑๔๙
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๓ สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว
๔.๓.๔ ท่องเที่ยวสาราญทางน้า
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๑ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว
๔.๑.๓ อนุรักษ์และฟื้นฟูแม่น้าลาคลองให้ครอบคลุมแม่น้าลาคลองทั่วประเทศ
๔.๕ พัฒนาความมั่นคงน้า พลังงานและเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๕.๑ มีการพัฒนาการจัดการน้าเชิงลุ่มน้าทั้งระบบเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้า
ของประเทศ
๔.๕.๒ เพิ่ ม ผลิ ต ภาพของน้ าทั้ ง ระบบในการใช้ น้ าอย่ า งประหยั ด รู้ คุ ณ ค่ า
และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้น้าให้ทัดเทียมกับระดับสากล
เครื อ ข่ า ยวิ ส าหกิ จ การท่ อ งเที่ ย ว การส่ ง เสริ ม การตลาดและการสร้ า งเรื่ อ งราวเพื่ อ บอกเล่ า
นักท่องเที่ยว เป็นต้น
3) เสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เพื่อให้ มีทักษะและองค์ความรู้ในธุรกิจตลอดห่ วงโซ่อุปทานของการท่องเที่ยว สร้างความแตกต่าง
และความโดดเด่นของสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดท่องเที่ยว
4) ส่ ง เสริ ม การจดทะเบี ย น การคุ้ ม ครอง การใช้ ท รั พ ย์ สิ น ทางปั ญ ญ า
และภูมิปั ญญา เพื่อสนั บสนุ นการพัฒ นาต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และการเป็นเมือง
ศู น ย์ ก ลางการท่ อ งเที่ ย วของภู มิ ภ าค ได้ แ ก่ แหล่ ง ประวั ติ ศ าสตร์ ศิ ล ปวั ฒ นธรรมไทย มรดก
ทางวัฒนธรรม กิจกรรมและสินค้าของชุมชน อาหารไทยและการแพทย์แผนไทย
5) ส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวโดยการนาเสนอเอกลักษณ์ของประเทศไทย
และของแต่ล ะท้ อ งถิ่น ให้ เป็ น ที่ เข้ าใจในเวที โลก ผ่ านสื่ อสร้างสรรค์ แ ละนวัต กรรมทางสื่ อต่าง ๆ
รวมทั้งการส่งเสริมการสื่อสารเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภูมิภาคและจังหวัดต่าง ๆ ผ่านการ
พั ฒ นาแบรนด์ แ ละการสื่ อ สารเรื่ อ งราวอย่ า งสร้ า งสรรค์ ผ่ า นช่ อ งทางการตลาดที่ เป็ น ที่ นิ ย ม
ในกลุ่มเป้าหมาย
๔.๓.๒ ท่ อ งเที่ ย วเชิ งธุ ร กิ จ สร้างแรงดึ งดู ด และสิ่ งจู งใจให้ ไทยเป็ น จุด หมาย
ปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ โดยส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการ
นานาชาติของโลก เนื่องจากไทยมีความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ที่เหมาะแก่การเดินทางเพื่อประกอบ
ธุรกิจและการท่องเที่ยว
แนวทางการพัฒนา
1) พั ฒ นาโครงสร้ างพื้ น ฐานและสิ่ งอ านวยความสะดวกของเมื อ งท่ อ งเที่ ย ว
เชิงธุรกิ จ ให้ มีค วามพร้ อ มส าหรั บ การเดิ น ทางเพื่ อ ประกอบธุรกิจ การจัด ประชุม และนิท รรศการ
การจั ดงานแสดงสิ น ค้า การจั ดกิ จ กรรม การจัด การแข่ งขั นกี ฬ าระดับ นานาชาติ รวมถึ งส่ งเสริม
การกระจายของการท่องเที่ยวธุรกิจ ไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางของการจัด
ประชุมและนิทรรศการ การจัดงานหรือกิจกรรมพิเศษและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงการจัดแสดงผลงาน
รูปแบบต่าง ๆ ทั้งการจัดแสดงผลงานจริงและในรูปแบบเสมือนจริง
2) สนับสนุนมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจและอานวยความสะดวกในการดาเนิน
กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ รวมทั้งสร้างความพร้อมของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องตลอดห่ วงโซ่คุณ ค่า
และระบบนิ เวศของการเดิน ทางท่ องเที่ ยวเชิงธุรกิจ เช่น โรงแรม ที่ พั ก ร้านอาหาร การจั ดเลี้ ย ง
ของที่ระลึก บริการโลจิส ติกส์ สถานบันเทิง ธุรกิจนาเที่ยว ธุรกิจการจัดงาน เป็นต้น และส่งเสริม
ให้ วิส าหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่ อม วิส าหกิ จเริ่ม ต้ น และชุ มชนท้ องถิ่น ในการน าเสนอสิ น ค้ า
และบริ ก ารเพื่ อรองรั บ การเดิ น ท างท่ อ งเที่ ย วเชิ ง ธุ ร กิ จ รวมถึ ง การสร้ า งความเข้ ม แข็ ง
ให้กับผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
3) ส่งเสริมการตลาดและสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดงานในระดับนานาชาติ
รวมทั้ ง ประชาสั ม พั น ธ์ เมื อ ง / พื้ น ที่ ท่ อ งเที่ ย วเชิ ง ธุ ร กิ จ และส่ ง เสริ ม กิ จ กรรมที่ ไทยมี ศั ก ยภาพ
ในการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อจูงใจให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ทั้งก่อนใน ระหว่างและหลัง
การประกอบธุรกิ จหรือการทากิจ กรรมต่าง ๆ ต่อยอดอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ รวมถึง
๑๕๕
อุต สาหกรรมการท่องเที่ ยว การกีฬา เพื่ อสนับสนุ นให้ เกิดการเข้าถึง การแลกเปลี่ ยนองค์ ความรู้
และเทคโนโลยี ที่ น าไปสู่ ก ารสร้ า งสรรค์ น วั ต กรรม ตลอดจนส่ ง เสริ ม ให้ เกิ ด เวที เจรจาการค้ า
และการลงทุนของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
๔.๓.๓ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงามและแพทย์แผนไทย ผสาน “ศาสตร์”
และความช านาญของการดู แ ลรั ก ษาด้ ว ยภู มิ ปั ญ ญาไทย กั บ “ศิ ล ป์ ” และความละเอี ย ดอ่ อ น
ในการให้บริการแบบไทย เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ โดยยกระดับมาตรฐาน
ธุรกิจบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพและการเสริมความงามสู่ตลาดระดับสูง โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์
และนวัตกรรม เพื่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์การให้บริการตามแบบความเป็นไทยที่โดดเด่นในระดับสากล
พร้ อ มทั้ ง การสร้ า งความหลากหลายของกิ จ กรรมส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพที่ ได้ ม าตรฐานเป็ น ที่ ยอมรั บ
และเชื่ อ มโยงกั บ กิ จ กรรมการท่ อ งเที่ ย วอื่ น ๆ รวมถึ ง การยกระดั บ มาตรฐานธุ ร กิ จ บริ ก าร
ด้านการแพทย์ทางเลือก โดยผสานองค์ความรู้จากเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่เข้ากับองค์ความรู้
และภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทย ผลิตบุคลากรด้านแพทย์แผนไทยและบริการเชิงสุขภาพอื่นที่มีทั กษะ
ภาษา และได้รับ การรั บ รองมาตรฐานวิช าชีพให้ เพี ยงพอต่อทิศทางของการท่องเที่ยวเชิงสุ ขภาพ
และการส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางการตลาดของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ของไทย
ให้ เป็ น ที่รับ รู้ ในระดับ โลก รวมทั้งการส่ งเสริมการจัดการนาเที่ยวเชิงสุขภาพครบวงจรที่เชื่อ มโยง
กับการแพทย์แผนปัจจุบัน
แนวทางการพัฒนา
1) ยกระดับคุณภาพการให้บริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้ได้มาตรฐานระดับ
สากล ทั้งคุณภาพของสถานประกอบการและคุณภาพของผู้ให้บริการที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญ
ให้ความสาคัญเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยในสถานประกอบการ ซึ่งครอบคลุมการให้บริการ
ในธุ ร กิ จ สปาและบริ ก ารเสริ ม ความงาม นวดแผนไทย โยคะ การดู แ ลผู้ สู ง อายุ สถานพั ก ฟื้ น
เพื่อการฟื้นฟูสุขภาพและการผ่อนคลาย
2) สร้างสรรค์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพรูปแบบใหม่บนพื้นฐานของทรัพยากร
ที่มีศักยภาพในการบาบัด ฟื้นฟู รักษาสุขภาพ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม และเอกลักษณ์
ความเป็ น ไทยในการให้ บ ริ ก าร พร้ อ มทั้ ง สร้ า งความหลากหลายของกิ จ กรรมส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพ
ที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากลและเชื่อมโยงกับกิจกรรมการท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น การใช้
พุน้าร้อน น้าแร่ สปาโคลน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น
3) พัฒ นายกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ด้านแพทย์แผนไทยให้มีมาตรฐานระดับ
สากลและสอดคล้ องกับ ความต้องการของตลาดเพื่อสร้างมูล ค่าเพิ่ มให้ แก่ผ ลิ ตภัณ ฑ์ โดยการวิจัย
พั ฒ นานวั ต กรรมต่ อ ยอดให้ เกิ ด สิ น ค้ าใหม่ แ ละการแปรรู ป ผลิ ต ภั ณ ฑ์ พร้ อ มสร้ างความเชื่ อ มั่ น
ของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์การแพทย์แผนไทย
4) ส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวทางการแพทย์ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
เพื่อสร้างการรับ รู้อย่างแพร่ห ลายในตลาดกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มตลาดที่มีความสนใจเฉพาะด้าน
ได้แก่ ศัลยกรรมเสริมความงาม การตรวจสุขภาพประจาปี ทันตกรรม จักษุวิทยา การรักษาภาวะ
ผู้ มี บุ ต รยาก ศั ล ยกรรมกระดู ก และผ่ าตัดหั วใจ เป็ นต้น โดยค านึ งถึ งความสอดคล้ องกับการพั ฒ นา
อุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจรของไทย
๑๕๖
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๔ พัฒนาพื้นที่เมือง ชนบท เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ มุ่งเน้นความ
เป็นเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
๔.๔.๑ จั ด ท าแผนผั งภู มิ นิ เวศเพื่ อ การพั ฒ นาเมื อ ง ชนบท พื้ น ที่ เกษตรกรรม
และอุตสาหกรรมรวมถึงพื้นที่อนุรักษ์ตามศักยภาพและความเหมาะสมทางภูมินิเวศอย่างเป็นเอกภาพ
จะเป็ น เส้ น ทางขนส่ งที่ ส าคัญ ทั้ งในยามปกติ แ ละยามสงครามของประเทศ ยามปกติ ก องทั พ เรือ
สามารถน ากองก าลั ง เข้ า ออกเพื่ อ การซ้ อ มรบ ลาดตระเวนตรวจตราป้ อ งกั น การเข้ า มา
ของสิ่ งผิ ด กฎหมายตามรอยต่ อ ของเขตน่ านน้ าระหว่ างประเทศ และการเคลื่ อ นย้ า ยก าลั ง ของ
กองทัพเรือไปมาทั้งสองฝั่งทะเลไทย จะไม่สร้างความรู้สึกหวาดระแวงให้กับประเทศเพื่อนบ้านทาให้มี
ความอิสระลดระยะเวลาเดินทางและประหยัดงบประมาณ
5. ทางด้านการประมงจะขยายโอกาสทาให้เรือประมงไทย ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย
ซึ่งมีอยู่กว่า 45,000 ลา สามารถไปมาทั้งสองฝั่งได้สะดวกรวดเร็ว ทาให้เรือประมงจานวนดังกล่าว
สามารถเข้ามาใช้ทรัพยากรทางทะเลของทั้งสองฝั่งทะเลที่มีสัตว์น้าอุดมสมบูรณ์ได้ โดยเฉพาะฝั่งทะเล
อันดามันของไทย ซึ่งมีอาณาเขตตั้งแต่แนวเขตน่านน้าสากลของประเทศ ไปจนถึงแนวเขตน่านน้า
สากลของประเทศอินเดียได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งช่วยลดการใช้จ่ายน้ามันเชื้อเพลิงที่ต้ องใช้ไปมาระหว่าง
สองฝั่ งทะเลไทยจากเดิ มที่ ต้ องใช้ ป ริมาณมากให้ ล ดน้อ ยลง จึงเป็ นผลให้ เรือ ประมงไทยสามารถ
ประหยั ดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ าย ซึ่งคาดการณ์ว่าในจุดนี้ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลผลิ ต
รวมกันประมาณไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี
6. GASEZ ลดพื้นที่ยากจน เนื่องจากแนวคลองไทยจะตัดผ่านบริเวณทุรกันดารของภาคใต้
จึงท าให้ พื้ น ที่ ห ลายจั งหวัดที่ แนวคลองไทยผ่ านจะได้ รับประโยชน์ จากความเจริญ และความอุด ม
สมบูรณ์ทางทะเลประชาชนที่อยู่ทั้งสองฝั่งคลองจะได้รั บประโยชน์อย่างทั่วถึง นอกจากนี้คลองไทย
ยังจะช่ว ยป้ องกัน น้ าท่ วมจากพายุ ฝ นที่ ตกอย่างหนักให้ ล งทะเลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดขึ้นบ่ อย ๆ
กับ 14 จังหวัดภาคใต้ได้เป็นอย่างดี
7. GASEZ จะเพิ่มบทบาทให้ กับประเทศไทยได้รับประโยชน์ ให้ มีอานาจต่อรองถ่วงดุล
อานาจ ทางเศรษฐกิจ การเมืองและทางทหาร ระหว่างประเทศมหาอานาจของโลก เช่น ระหว่าง
สาธารณรัฐประชาชนจีน และสหรัฐอเมริกา (ข้อสั งเกตปัจจุบัน เกาะไต้ห วัน สาธารณรัฐ เกาหลีใต้
และประเทศสาธารณรั ฐ สิ ง คโปร์ ได้ รั บ ประโยชน์ ท างเศรษฐกิ จ จากประเทศสหรั ฐ อเมริ ก า)
เพราะศักยภาพของคลองไทยจะเป็นคลองเดินเรือหลักที่สาคัญของโลกทันที จะมีเรือขนส่งสิ นค้า
ขนาดใหญ่ เรือท่องเที่ยวจากที่ต่าง ๆ ทั่วโลกมาใช้คลองไทยเพราะนอกจากจะเป็นการประหยัดเวลา
ประหยั ด เชื้ อ เพลิ งแล้ ว ยั งจะมี ค วามปลอดภั ย มากกว่า เส้ น ทางปั จ จุ บั น ที่ มี ปั ญ หาโจรสลั ด ปล้ น
เป็น ประจาบริเวณแถวช่องแคบมะละกา ศักยภาพของคลองไทยจะสามารถให้เรือผ่านได้มากกว่า
คลองหลัก ๆ ของโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะรูปแบบของคลองไทยจะเป็นแบบคลองคู่ขนาน ทาให้มี
ความปลอดภัยสูงจากอุบัติเหตุ สามารถรองรับให้เรือผ่านได้ 300 ถึง 350 ลาต่อวัน (คลองปานามา
38 ล าต่ อ วั น คลองสุ เอซ 87 ล าต่ อ วั น ) คลองไทยจะรองรั บ เรื อ ขนาดใหญ่ 300,000 ตั น
ถึง 500,000 ตัน ซึ่งเป็นที่ต้องการของบริษัทเดินเรือทั่วโลก โดยเฉพาะกรณีหากมีเรือรบหรือเรือ
ประเภทใด ๆ ก็ตามที่นาไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศผ่านคลองไทยจะต้องได้รับความเห็น ชอบ
จากประเทศไทย
8. ประเทศไทยจะผลิตน้ามันโดยมีต้นทุนถูกกว่า สาธารรณรัฐสาธารณรัฐสิงคโปร์ GASEZ
จะเพิ่มความสามารถให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโรงกลั่นผลิตน้ามันที่ต้นทุนต่ากว่า สาธารณะรัฐ
สาธารณรัฐสิงคโปร์ในย่านเอเชียได้ เพราะระยะทางการขนส่งน้ามันใกล้กว่า และขนาดของเรือน้ามัน
ที่มีขนาดใหญ่กว่าไม่ต้องอ้อมไปผ่านถึงสาธารณรัฐสาธารณรัฐสิงคโปร์อีกต่อไปทาให้ลดค่าใช้จ่ายมาก
๑๖๑
เรือที่มาผ่านคลองไทยจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สาคัญมาใช้บริการเติมน้ามันเชื้อเพลิง ทาให้มีปริมาณ
การขายน้ามันได้มากพอที่ประเทศไทยจะเป็นผู้กาหนดราคาขายน้ามันเองได้ และปัญหาน้ามันเถื่อนก็
จะหมดไป ปั จ จุ บั น สาธารณรั ฐ สาธารณรัฐ สิ งคโปร์ ข ายน้ ามั น ให้ กั บ เรือ ที่ ม าใช้ บ ริก าร 56,700
ตันต่อวัน สาธารณรัฐสาธารณรัฐสิงคโปร์ขาย 1 เดือนมากกว่าไทยขาย 1 ปี
9. GASEZ จะช่วยประหยัดค่าขนส่ งสินค้าทางเรือ โดยเฉพาะเรือขนส่ งน้ามันทางทะเล
ทั้งหมดของประเทศไทยทั้งขาเข้าและขาออก เช่น ประเทศไทยใช้น้ามันดิบกว่า 800,000 บาเรลล์
ต่ อ วั น ซึ่ ง ส่ ว นใหญ่ จ ะน าเข้ า มาจากประเทศในตะวั น ออกกลางโดยทางเรื อ มายั ง โรงกลั่ น
ในประเทศใช้เวลาเรือขนส่งน้ามันแต่ละลาจะเสียเวลาไปอ้อมที่สาธารณรัฐสาธารณรัฐสิงคโปร์ กว่าจะ
มาถึงโรงกลั่นน้ ามันที่ป ระเทศไทย 5 วัน กลับอีก 5 วัน รวมเสียเวลา 10 วัน หากมีคลองไทยจะ
เสี ย เวลาประมาณ 2 วัน เท่ านั้ น หากคานวณค่ าใช้ จ่ายตลอดทั้ งปีป ระเทศไทยต้ องเสี ย ค่าใช้ จ่าย
ในส่วนนี้มากกว่าแสนล้านบาทต่อปี เพียงเฉพาะการขนส่งน้ามันอย่างเดียว เป็นต้น หากพิจารณาถึง
การขนส่ ง สิ น ค้ า ส่ ง ออก หรื อ น าเข้ า สิ น ค้ า อื่ น ๆ ทางเรื อ ของประเทศไทย ไม่ ว่ า จะเป็ น สิ น ค้ า
ทางภาคอุตสาหกรรมหรือสินค้าทางภาคเกษตร คิดเป็นเงินประหยัดได้อีกมากกว่าแสนล้านบาทต่อปี
ระบบการขนส่ง (Logistics) ของประเทศไทย โดยรวมสูงถึงร้อยละ 25 – 30 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม
ในประเทศ (GDP) หรือ ประมาณ 1,500,000 ล้านบาท ถึง 1,800,000 ล้านบาทต่อปี เฉพาะ
คลองไทยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 200,000 ล้านบาทต่อปี
10. GASEZ จะท าให้ ป ระเท ศไท ยมี บ ท บ าท ที่ ส าคั ญ ต่ อ การพั ฒ น าเศรษ ฐกิ จ
ของกลุ่ ม ประเทศต่ า ง ๆ ในภู มิ ภ าคเอเชี ย อาคเนย์ ที่ อ ยู่ ส องฝั่ ง ทะเลไทย มหาสมุ ท รอิ น เดี ย
และมหาสมุทรแปซิฟิกจะได้รับผลประโยชน์ในด้านการประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าระหว่าง
ประเทศทางทะเลได้ เป็ น อย่ างมาก เช่ น เรื อ จากประเทศอิ น เดี ย จะส่ งสิ น ค้ า ไปยั ง สาธารณะรั ฐ
ประชาชนจีนหรือประเทศญี่ปุ่นจะย่นระยะเวลาได้ 5 วัน ในแต่ละเที่ยวคิดเป็นเงินประหยัดหลายสิบ
ล้ านบาทต่อเที่ ย ว ดั งนั้ น ประเทศต่าง ๆ เช่น ประเทศศรีลั งกา ประเทศบั งกลาเทศ สาธารณรัฐ
แห่งสหภาพเมียนม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐสังคม
นิยมเวียดนาม สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐ เกาหลี สาธารณะรัฐฟิลิปปินส์
หรือแม้แต่สหพันธรัฐมาเลเซียด้วยที่จะได้รับประโยชน์จากเส้นทางคลองไทย ซึ่งจะทาให้ประเทศไทย
มีบทบาทต่อการต่อรองทางการทูตกับประเทศมาเลเซียสูงขึ้น เพราะคลองไทยจะช่วยย่นระยะทาง
และเวลาในการเดิน เรือของประเทศมาเลเซียที่จะใช้เรือผ่ านคลองไทยเข้า - ออก ทางตอนเหนื อ
ของสหพั น ธรั ฐ มาเลเซีย (ประเทศมาเลเซียขออนุญ าตไทยเปิ ดชายแดนเพื่อขนสิ นค้าผ่ านทางบก
หากมีคลองไทยแล้วเราจะไม่ให้ผ่านทางบกได้)
11. GASEZ จะช่ ว ยลดปั ญ หาเรื อ นกระจก ย่ น ระยะทางการเดิ น เรื อ ประหยั ด น้ ามั น
เชื้ อ เพลิ ง และลดปั ญ หาด้ า นมลภาวะทางอากาศของโลกในแต่ ล ะปี ไ ด้ ม หาศาล ซึ่ ง เป็ น ที่ ม า
ของการเกิดภาวะเรื อนกระจกบนชั้นบรรยากาศที่เป็ นต้น เหตุของภั ยพิบั ติท างธรรมชาติ ที่ นับ วัน
แต่จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวันซึ่งมีผลถึงประเทศไทย ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกายังไม่ยอม
ร่ ว มเซ็ น สั ญ ญาโตเกี ย วที่ ว่ า ด้ ว ยการลดปั ญ หา The Greenhouse Effect ดั งนั้ น หากคลองไทย
ได้เกิดขึ้น คลองไทยจะมีบทบาทมากในการแก้ปัญหานี้
๑๖๒
12. เศรษฐกิ จ ไทยยุ ค ไร้ พ รมแดน GASEZ จะเป็ น แหล่ ง รายได้ ห ลั ก ของประเทศ
จากศักยภาพจุดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแห่งใหม่ของโลกจะสามารถใช้เป็นแผนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ
ของประเทศไทยได้ โดยที่จะไม่มีป ระเทศใด ๆ ที่จะสามารถมาแข่งขันได้เลย เพราะตาแหน่งที่ตั้ง
ทางภู มิ ศ าสตร์ ที่ พิ เศษสุ ด นี้ มี ที่ ป ระเทศไทยแห่ งเดี ย วคลองไทยจะเป็ น ขุ ม ทรั พ ย์ ท างทรั พ ยากร
ธรรมชาติ ที่ ไ ม่ มี วั น หมด จะเป็ น ช่ อ งทางสามารถสร้ า งเศรษฐกิ จ ไทยให้ เ ข้ ม แข็ ง และมั่ น คง
ได้ยาวนาน การแข่งขันทางการค้าบนเวทีการค้าเสรีโลก (WTO) จากประเทศสมาชิก 147 ประเทศ
ต่างก็ใช้กลยุทธ์ทางการค้ากันเต็มที่ อนาคตการค้าขายระหว่างประเทศไม่ ว่าจะเป็นสินค้าประเภท
อุตสาหกรรมหรือสินค้าเกษตรหรือแม้แต่ธุรกิจให้บริการแนวโน้มมีการแข่งขันกันรุนแรงยิ่งขึ้นทุกวัน
เราและท่านต่างทราบกันดีว่าการส่งออกสาหรับสินค้าภาคเกษตรของประเทศไทยทั้งหมด รายได้
ยั ง น้ อ ยกว่ า รายได้ จ ากการท่ อ งเที่ ย วเสี ย อี ก อย่ า งไรก็ ต ามการเกษตรก็ จ ะยั ง คงมี ค วามส าคั ญ
อยู่ เ พราะประเทศไทยจะต้ อ งมี อ าหารที่ ส มบู ร ณ์ พ อเพี ยง แต่ ก ารคาดหวั ง จะให้ สิ น ค้ า
จากทางภาคเกษตรเป็นธงนาทางเศรษฐกิจที่จะนาพาไปสู่ความมั่งคั่งของประเทศ แทบจะมองไม่เห็น
ความสว่างเลย ข้อมูลของธนาคารแห่งชาติ แสดงถึงรายได้ทางภาคเกษตรทั้งหมดของประเทศไทย
ประมาณ ร้ อ ยละ 9 – 10 ของมู ล ค่ า ผลิ ต ภั ณ ท์ ม วลรวมของประเทศเท่ า นั้ น หรื อ ประมาณ
500,000 ล้านบาท แต่ใช้ประชากรผลิตประมาณครึ่งประเทศ รายได้ยังน้อยกว่ารายได้จากภาค
การท่องเที่ยวซึ่งได้ถึงประมาณ 700,000 ล้านบาท หรือแม้แต่สินค้าภาคอุตสาหกรรมก็ตาม มีสินค้า
อุตสาหกรรมหลายอย่างของประเทศไทยที่ส่งออก รายได้ที่แท้จริงที่ได้ก็เป็นเพียงค่าแรงงานในฐานะ
ผู้ รั บ จ้ า งผลิ ต หรื อ ไม่ ก็ เป็ น ผู้ รั บ ประกอบชิ้ น ส่ ว นเป็ น หลั ก เสี ย ส่ ว นมาก ตั ว เลขจ านวนเงิน มู ล ค่ า
ของสินค้าภาคอุตสาหกรรมที่ส่งออกดูเหมือนจะสูงมาก แต่รายได้ที่แท้จริงที่ไทยได้รับ คือ ค่าแรงงาน
ประมาณร้อยละ 25 - 30 ของมูลค่าที่ส่งออกเท่านั้น
เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ประเทศเพื่อนบ้านของเราหลายประเทศ เช่น สาธารณรัฐ
ประชาชนจีน ประเทศอินเดีย ประเทศเกาหลีใต้ เคยเป็นลูกค้ารายใหญ่ของไทย แต่ตอนนี้กาลังจะ
กลายมาเป็นพ่อค้ารายใหญ่ของไทยต่อไปอาจจะเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ราชอาณาจักร
กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวหรือสาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนม่า เพราะประเทศ
ดังกล่าวยังมีต้นทุนด้านแรงงานต่าและทรัพยากรทางธรรมชาติยังมีอยู่มาก ซึ่งตอนนี้มีบางประเทศที่
ร่ารวยแต่ไม่มีทรัพยากรในประเทศมากนัก ได้ไปลงทุนผลิตสินค้าทางด้านการเกษตรใน 4 ประเทศ
ดังกล่าว ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมาผลิตสินค้าด้านเกษตร (GMO) ขายแข่งกับประเทศไทยต่อไปก็ได้
แต่สาหรับประเทศมาเลเซียตอนนี้มีความเจริญมากกว่าประเทศไทยไปนานแล้ว
ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง มั่งคั่งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศ มีความสอดคล้องกับยุทศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580 แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์
ชาติ ประเด็นการต่างประเทศ (พ.ศ. 2561 – 2580) ประเด็นโครงสร้างพื้นฐานระบบโลจิสติกส์
และดิจิทัล (พ.ศ. 2561 – 2580) ประเด็น ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ยุคใหม่ (พ.ศ. 2561 – 2580) ประเด็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ (พ.ศ. 2561 – 2580) และประเด็น
เศรษฐกิจฐานราก (พ.ศ. 2561 – 2580) ดังนี้
๑๖๓
และพั ฒ นาผู้ ป ระกอบการไทยให้ เป็ น “ผู้ ป ระกอบการยุ ค ใหม่ ” ที่ ก้ า วทั น และใช้ ป ระโยชน์
จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยวางการปรับบทบาทภาครัฐให้เสริมสร้าง
บรรยากาศที่เอื้อต่อการพัฒนา เพื่อผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและฐานข้อมูล
ที่ ทั น สมั ย เสริ ม สร้ า งศั ก ยภาพในการขยายตลาดทั้ ง ในและต่ า งประเทศและพร้ อ มรั บ มื อ
กับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต
เป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๒.๑ ประเทศไทยเป็ น ประเทศที่ พั ฒ นาแล้ ว เศรษฐกิ จเติ บ โตอย่ างมี เสถี ยรภาพ
และยั่งยืน
๒.๒ ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๒.๑ คนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสาหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๒.๑ สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้าในทุกมิติ
๒.๓ เพิ่ ม ขี ด ความสามารถของชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ในการพั ฒ นาการพึ่ ง ตนเอง
และการจัดการตนเองเพื่อสร้างสังคมคุณภาพ
ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๒.๑ ภาครั ฐ มี วั ฒ นธรรมการท างานที่ มุ่ ง ผลสั ม ฤทธิ์ แ ละผลประโยชน์ ส่ ว นรวม
ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส
ประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๑ เกษตรสร้างมูลค่า
๔.๑.๕ เกษตรอัจฉริยะ
๔.๒ อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต
๔.๒.๑ อุตสาหกรรมชีวภาพ
๔.๒.๒ อุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร
๔.๒.๓ อุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์
๔.๒.๔ อุตสาหกรรมและบริการขนส่งและโลจิสติกส์
๔.๒.๕ อุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศ
๔.๓ สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว
๔.๓.๑ ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
๔.๓.๒ ท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ
๔.๓.๓ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงามและแพทย์แผนไทย
๔.๓.๔ ท่องเที่ยวสาราญทางน้า
๔.๓.๕ ท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค
๔.๔ โครงสร้างพืน้ ฐาน เชื่อมไทย เชื่อมโลก
๑๖๗
๔.๔.๔ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสมัยใหม่
๔.๕ พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่
๔.๕.๑ สร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะ
๔.๕.๒ สร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน
๔.๕.๓ สร้างโอกาสเข้าถึงตลาด
๔.๕.๔ สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูล
๔.๕.๕ ปรับบทบาทและโอกาสการเข้าถึงบริการภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๔.๒ การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
๔.๒.๓ ช่วงวัยแรงงาน
๔.๓ ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑
๔.๓.๑ การปรั บ เปลี่ ย นระบบการเรี ย นรู้ ให้ เอื้ อ ต่ อ การพั ฒ นาทั ก ษะส าหรั บ
ศตวรรษที่ ๒๑
๔.๔ การตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย
๔.๔.๒ การสร้างเส้นทางอาชีพ สภาพแวดล้อมการทางาน และระบบสนับสนุน
ที่เหมาะสมสาหรับผู้มีความสามารถพิเศษผ่านกลไกต่าง ๆ
๔.๔.๓ การดึ ง ดู ด กลุ่ ม ผู้ เชี่ ย วชาญต่ า งชาติ แ ละคนไทยที่ มี ค วามสามารถ
ในต่างประเทศให้มาสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับประเทศ
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๑ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก
๔.๒ การกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี
๔.๒.๖ การพัฒนากาลังแรงงานในพื้นที่
๔.๔ การเพิ่ ม ขี ด ความสามารถของชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ในการพั ฒ นา การพึ่ ง ตนเอง
และการจัดการตนเอง
๔.๔.๒ เสริมสร้างศักยภาพของชุมชนในการพึ่งตนเองและการพึ่งพากันเอง
ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๔.๑ ภาครัฐที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองความต้องการและให้บริการ
อย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส
๔.๑.๑ การให้บริการสาธารณะของภาครัฐได้มาตรฐานสากลและเป็นระดับแนว
หน้าของภูมิภาค
๔.๑.๒ ภาครั ฐ มี ค วามเชื่ อ มโยงในการให้ บ ริ ก ารสาธารณะต่ า ง ๆ ผ่ า นการ
นาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้
ประเด็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ (พ.ศ. 2561 – 2580)
จากที่ประเทศไทยจะเป็ นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของภูมิภาค ควรผลั กดันและส่งเสริม
ให้เกิดการลงทุนในประเทศ ส่งเสริมการส่งออกและให้มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิตสินค้า
๑๖๘
และเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าในภูมิภาค การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจึงเป็นการพัฒนา
เขตเศรษฐกิจ ของประเทศไทยเพื่ อประโยชน์ ต่อการส่ งเสริม สนับ สนุน และอานวยความสะดวก
รวมทั้ ง ให้ สิ ท ธิ พิ เศษบางประการในการด าเนิ น กิ จ การต่ า ง ๆ เช่ น การประกอบอุ ต สาหกรรม
การพาณิชยกรรม การบริการ หรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ เพื่อดึงดูด
การลงทุ น โดยตรงจากต่ างชาติ และยกระดั บ รายได้ ข องประชากรในประเทศ โดยพั ฒ นาระบบ
โครงสร้ า งพื้ น ฐานและเตรี ย มความพร้ อ มด้ า นต่ า ง ๆ เพื่ อ ให้ เ ศรษฐกิ จ และการค้ า ในพื้ น ที่
มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาคและสร้าง
รายได้ให้กับประชาชนในแต่ละพื้นที่
เป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถทางการแข่งขัน
๒.๑ ประเทศไทยเป็ น ประเทศที่ พั ฒ นาแล้ ว เศรษฐกิ จเติ บ โตอย่ างมี เสถี ยรภาพ
และยั่งยืน
๒.๒ ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์
๒.๑ คนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสาหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๒.๑ สร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้าในทุกมิติ
๒.๒ กระจายศู น ย์ ก ลางความเจริ ญ ทางเศรษฐกิ จ และสั ง คม เพิ่ ม โอกาสให้
ทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นกาลังของพัฒนาประเทศในทุกระดับ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๒.๓ ใช้ประโยชน์และสร้างการเติบโต บนฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้สมดุลภายในขีดความสามารถของระบบนิเวศ
ประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๑ เกษตรสร้างมูลค่า
๔.๑.๒ เกษตรปลอดภัย
๔.๑.๓ เกษตรชีวภาพ
๔.๑.๔ เกษตรแปรรูป
๔.๑.๕ เกษตรอัจฉริยะ
๔.๒ อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต
๔.๒.๑ อุตสาหกรรมชีวภาพ
๔.๒.๒ อุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร
๔.๒.๓ อุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์
๔.๒.๔ อุตสาหกรรมและบริการขนส่งและโลจิสติกส์
๔.๒.๕ อุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศ
๑๖๙
๔.๓ สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว
๔.๓.๑ ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
๔.๓.๒ ท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ
๔.๓.๓ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงามและแพทย์แผนไทย
๔.๓.๔ ท่องเที่ยวสาราญทางน้า
๔.๓.๕ ท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค
๔.๔ โครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมไทย เชื่อมโลก
๔.๔.๒ สร้างและพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
๔.๔.๔ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสมัยใหม่
๔.๕ พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่
๔.๓.๑ สร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะ
๔.๓.๒ สร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน
๔.๓.๓ สร้างโอกาสเข้าถึงตลาด
๔.๓.๔ สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูล
๔.๓.๕ ปรับบทบาทและโอกาสการเข้าถึงบริการภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์
๔.๒ การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
๔.๒.๒ ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น
๔.๒.๓ ช่วงวัยแรงงาน
๔.๓ ปฏิรูปการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑
๔.๓.๑ การปรั บ เปลี่ ย นระบบการเรี ย นรู้ ให้ เอื้ อ ต่ อ การพั ฒ นาทั ก ษะส าหรั บ
ศตวรรษที่ ๒๑
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๑ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก
๔.๑.๔ เพิ่มผลิตภาพและคุ้มครองแรงงานไทย ให้เป็นแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ
และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความปลอดภัยในการทางาน
๔.๒ การกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี
๔.๒.๑ พัฒนาศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี
ในภูมิภาค
๔.๒.๖ การพัฒนากาลังแรงงานในพื้นที่
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๑ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว
๔.๑.๕ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน
๔.๓ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ
๑๗๐
๔.๓.๓ มุ่งเป้าสู่การลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศในการพัฒนาโครงสร้าง
พื้นฐาน ของภาครัฐและภาคเอกชน
๔.๕ พัฒนาความมั่นคงน้า พลังงานและเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๕.๒ เพิ่ ม ผลิ ต ภาพของน้ าทั้ ง ระบบ ในการใช้ น้ าอย่ า งประหยั ด รู้ คุ ณ ค่ า
และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้น้า ให้ทัดเทียมกับระดับสากล
ประเด็นเศรษฐกิจฐานราก (พ.ศ. 2561 – 2580)
การพั ฒ นาเศรษฐกิ จ ฐานรากตามแนวทางของยุ ท ธศาสตร์ ช าติ ด้ า นการสร้ า งโอกาส
และความเสมอภาคทางสังคมได้กาหนดประเด็นยุทธศาสตร์ เน้นตอบโจทย์การสร้างความเป็นธรรม
และลดความเหลื่ อ มล้ าทางเศรษฐกิ จ และสั ง คมของประเทศ เพื่ อ ให้ ก ารเติ บ โตของประเทศ
เป็นการเติบโตที่ยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมเศรษฐกิจระดับชุมชนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพ
ในการแข่งขั น สามารถพึ่งพาตนเองได้ ประเด็นเศรษฐกิจฐานราก มีความสอดคล้องกับเป้าหมาย
การพัฒนาและประเด็นยุทธศาสตร์ของยุทธศาสตร์ชาติด้านที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
เป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๒.๑ ประเทศไทยเป็ น ประเทศที่ พั ฒ นาแล้ ว เศรษฐกิ จ เติ บ โตอย่ างมี เสถี ยรภาพ
และยั่งยืน
๒.๒ ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๒.๑ สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้าในทุกมิติ
๒.๒ กระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม เพิ่มโอกาสให้ทุกภาคส่วน
เข้ามาเป็นกาลังของการพัฒนาประเทศในทุกระดับ
๒.๓ เพิ่ ม ขี ด ความสามารถของชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ในการพั ฒ นา การพึ่ ง ตนเอง
และการจัดการตนเองเพื่อสร้างสังคมคุณภาพ
ประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๑ การเกษตรสร้างมูลค่า
๔.๑.๑ เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น
๔.๑.๔ เกษตรแปรรูป
๔.๕ พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่
๔.๕.๓ สร้างโอกาสเข้าถึงตลาด
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๑ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก
๔.๑.๓ กระจายการถือครองที่ดินและการเข้าถึงทรัพยากร
๔.๒ การกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี
๔.๒.๖ การพัฒนากาลังแรงงานในพื้นที่
๑๗๑
๔.๔.๒ สร้างและพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
๔.๔.๓ เพิ่มพื้นที่และเมืองเศรษฐกิจ
๔.๔.๔ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสมัยใหม่
๔.๕ พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่
๔.๕.๑ สร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะ
๔.๕.๒ สร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน
๔.๕.๓ สร้างโอกาสเข้าถึงตลาด
๔.๕.๔ สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูล
๔.๕.๕ ปรับบทบาทและโอกาสการเข้าถึงบริการภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๔.๒ การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
๔.๒.๒ ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น
๔.๒.๓ ช่วงวัยแรงงาน
๔.๓ ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑
๔.๓.๑ การปรั บ เปลี่ ย นระบบการเรี ย นรู้ ให้ เอื้ อ ต่ อ การพั ฒ นาทั ก ษะส าหรั บ
ศตวรรษที่ ๒๑
๔.๔ การตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย
๔.๔.๓ การดึ ง ดู ด กลุ่ ม ผู้ เ ชี่ ย วชาญต่ า งชาติ แ ละคนไทยที่ มี ค วามสามารถ
ในต่างประเทศให้มาสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๔ เพิ่มผลิตภาพและคุ้มครองแรงงานไทย ให้เป็นแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ
และความริเริ่มสร้างสรรค์ มีความปลอดภัยในการทางาน
๔.๒ การกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจสังคมและเทคโนโลยี
๔.๒.๑ พั ฒ นาศู น ย์ ก ลางความเจริ ญ ทางเศรษฐกิ จ สั ง คม และเทคโนโลยี
ในภูมิภาค
๔.๒.๖ การพัฒนาแรงงานในพื้นที่
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๑ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว
๔.๑.๑ เพิ่ ม มู ล ค่ า ของเศรษฐกิ จ ฐานชี ว ภาพให้ ส อดคล้ อ งกั บ ยุ ท ธศาสตร์
ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๑.๕ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน
๔.๒ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจภาคทะเล
๔.๒.๑ เพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจฐานชีวภาพทางทะเล
๔.๓ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ
๔.๓.๑ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
๑๗๔
๔.๔ พั ฒ นาพื้ น ที่ เมื อ ง ชนบท เกษตรกรรมและอุ ต สาหกรรมเชิ ง นิ เวศ มุ่ งเน้ น
ความเป็นเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
๔.๔.๑ จั ด ท าแผนผั งภู มิ นิ เวศเพื่ อ การพั ฒ นาเมื อ ง ชนบท พื้ น ที่ เกษตรกรรม
และอุตสาหกรรม รวมถึงพื้นที่อนุรักษ์ตามศักยภาพและความเหมาะสมทางภูมินิเวศอย่างเป็นเอกภาพ
๔.๔.๒ พัฒนาพื้นที่เมือง ชนบท เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ที่มีการ
บริหารจัดการตามแผนผังภูมินิเวศอย่างยั่งยืน
๔.๔.๓ จัดการมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสารเคมีในภาคเกษตรกร
ทั้งระบบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและค่ามาตรฐานสากล
๔.๕ พัฒนาความมั่นคงน้า พลังงานและเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๕.๓ พั ฒ นาความมั่ น คงพลั งงานของประเทศและส่ งเสริม การใช้ พ ลั ง งาน
ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๕.๔ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยลดความเข้มข้นของการใช้พลังงาน
ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๔.๑ ภาครัฐที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองความต้องการและให้บริการ
อย่างสะดวกรวดเร็ว โปร่งใส
๔.๑.๑ การให้ บ ริก ารสาธารณะของภาครัฐ ได้ มาตรฐานสากลและเป็ น ระดั บ
แนวหน้าของภูมิภาค
๔.๑.๒ ภาครัฐ มีความเชื่ อมโยงในการให้ บริการสาธารณะต่าง ๆ ผ่ านการน า
เทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้
๔.๗ กฎหมายมีความสอดคล้องเหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ และมีเท่าที่จาเป็น
๔.๗.๑ ภาครั ฐ จั ด ให้ มี ก ฎหมายที่ ส อดคล้ อ งและเหมาะสมกั บ บริ บ ทต่ า ง ๆ
ที่เปลี่ยนแปลง
ประเด็นการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน (พ.ศ. 2561 – 2580)
การเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการให้ความสาคัญกับ พัฒนาและดาเนินโครงการที่ยกระดับ
กระบวนทั ศน์ เพื่ อก าหนดอนาคตประเทศ ด้ านทรัพ ยากรธรรมชาติ สิ่ งแวดล้ อมและวั ฒ นธรรม
บนหลักของการมีส่วนร่วมและธรรมาภิบาล
เป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
๒.๑ ประชาชนอยู่ดี กินดี และมีความสุข
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๒.๑ ประเทศไทยเป็ น ประเทศที่ พั ฒ นาแล้ ว เศรษฐกิ จเติบ โตอย่างมีเสถีย รภาพ
และยั่งยืน
๒.๒ ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๒.๑ คนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสาหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑
๒.๒ สังคมไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อและสนับสนุนต่อการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต
๑๗๕
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๒.๑ สร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้าในทุกมิติ
๒.๒ กระจายศู น ย์ ก ลางความเจริ ญ ทางเศรษฐกิ จ และสั ง คม เพิ่ ม โอกาสให้
ทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นกาลังของการพัฒนาประเทศในทุกระดับ
๒.๓ เพิ่ ม ขี ด ความสามารถของชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ในการพั ฒ นา การพึ่ ง ตนเอง
และการจัดการตนเองเพื่อสร้างสังคมคุณภาพ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๒.๑ อนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมให้คนรุ่นต่อไป
ได้ใช้อย่างยั่งยืน มีสมดุล
๒.๒ ฟื้ นฟูและสร้างใหม่ ฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้ อม เพื่อลดผลกระทบ
ทางลบจากการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจของประเทศ
๒.๓ ใช้ประโยชน์และสร้างการเติบโตบนฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้สมดุลภายในขีดความสามารถของระบบนิเวศ
๒.๔ ยกระดับกระบวนทัศน์ เพื่อกาหนดอนาคตประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม บนหลักของการมีส่วนร่วมและธรรมาภิบาล
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๒.๑ ภาครั ฐ มี วั ฒ นธรรมการท างานที่ มุ่ ง ผลสั ม ฤทธิ์ แ ละผลประโยชน์ ส่ ว นรวม
ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส
ประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
๔.๒ การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง
๔.๒.๔ การรั ก ษาความมั่ น คงและผลประโยชน์ ท างทรั พ ยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมทั้งทางบกและทางทะเล
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
๔.๑ การเกษตรสร้างมูลค่า
๔.๑.๒ เกษตรปลอดภัย
๔.๑.๓ เกษตรชีวภาพ
๔.๒ อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต
๔.๒.๑ อุตสาหกรรมชีวภาพ
๔.๓ สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว
๔.๓.๑ ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
๔.๓.๔ ท่องเที่ยวสาราญทางน้า
๔.๓.๕ ท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค
๔.๔ โครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมไทย เชื่อมโลก
๔.๔.๓ เพิ่มพื้นที่และเมืองเศรษฐกิจ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๑๗๖
๔.๑ การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม
๔.๑.๗ การส่งเสริมให้คนไทยมีจิตสาธารณะและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
๔.๒ การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
๔.๒.๒ ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น
๔.๖ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๔.๖.๑ การสร้างความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๑ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก
๔.๑.๒ ปฏิรูประบบภาษีและการคุ้มครองผู้บริโภค
๔.๑.๓ กระจายการถือครองที่ดินและการเข้าถึงทรัพยากร
๔.๔ การเพิ่ ม ขี ด ความสามารถของชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ในการพั ฒ นา การพึ่ ง ตนเอง
และการจัดการตนเอง
๔.๔.๒ เสริมสร้างศักยภาพของชุมชนในการพึ่งตนเองและการพึ่งพากันเอง
๔.๔.๓ สร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างประชาธิปไตยชุมชน
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๑ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว
๔.๑.๒ อนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในและนอกถิ่นกาเนิด
๔.๑.๔ รักษาและเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
๔.๑.๕ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน
๔.๒ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจภาคทะเล
๔.๒.๒ ปรับปรุง ฟื้นฟูและสร้างใหม่ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งระบบ
๔.๒.๓ ฟื้ น ฟู ช ายหาดที่ เป็ น แหล่ ง ท่ อ งเที่ ย ว ชายฝั่ ง ทะเลได้ รั บ การป้ อ งกั น
และแก้ไขทั้งระบบ และมีนโยบายการจัดการชายฝั่งแบบบูรณาการอย่างเป็นองค์รวม
๔.๒.๔ พัฒนาและเพิ่มสัดส่วนกิจกรรมทางทะเลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๓ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ
๔.๓.๑ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
๔.๓.๒ มี ก ารปรั บ ตั ว เพื่ อ ลดความสู ญ เสี ย และเสี ย หายจากภั ย ธรรมชาติ
และผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
๔.๓.๓ มุ่งเป้าสู่การลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศในการพัฒนาโครงสร้าง
พื้นฐานของภาครัฐและภาคเอกชน
๔.๔ พั ฒ นาพื้ น ที่ เมื อ ง ชนบท เกษตรกรรมและอุ ต สาหกรรมเชิ ง นิ เวศ มุ่ งเน้ น
ความเป็นเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
๔.๔.๓ จั ดการมลพิ ษที่มีผ ลกระทบต่อสิ่ งแวดล้ อมและสารเคมีในภาคเกษตร
ทั้งระบบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและค่ามาตรฐานสากล
๑๗๗
๔.๔.๔ สงวนรั กษา อนุ รัก ษ์ ฟื้ น ฟู แ ละพั ฒ นาทรัพ ยากรธรรมชาติ มรดกทาง
สถาปัตยกรรมและศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์และวิถีชีวิตพื้นถิ่นบนฐานธรรมชาติและฐานวัฒนธรรม
อย่างยั่งยืน
๔.๖ ยกระดับกระบวนทัศน์เพื่อกาหนดอนาคตประเทศ
๔.๖.๑ ส่ ง เสริ ม คุ ณ ลั ก ษณะและพฤติ ก รรมที่ พึ ง ประสงค์ ด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ ม
และคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย
๔.๖.๒ พัฒ นาเครื่องมื อ กลไกและระบบยุติธ รรม และระบอบประชาธิป ไตย
สิ่งแวดล้อม
๔.๖.๓ จัดโครงสร้างเชิงสถาบันเพื่อจัด การประเด็นร่วม ด้านการบริหารจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สาคัญ
๔.๖.๔ พัฒนาและดาเนินโครงการที่ยกระดับกระบวนทัศน์ เพื่อกาหนดอนาคต
ประเทศด้ า นทรั พ ยากรธรรมชาติ สิ่ ง แวดล้ อ มและวั ฒ นธรรมบนหลั ก ของการมี ส่ ว นร่ ว ม
และธรรมาภิบาล
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
๔.๗ กฎหมายมีความสอดคล้องเหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ และมีเท่าที่จาเป็น
๔.๗.๑ ภาครั ฐ จั ด ให้ มี ก ฎหมายที่ ส อดคล้ อ งและเหมาะสมกั บ บริ บ ทต่ า ง ๆ
ที่เปลี่ยนแปลง
ยุทธศาสตร์ที่ ๑๓ ยุทธศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เป้าหมายสาคัญ คือ
1) จั ด ให้ มี ก องทุ น เฉพาะพื้ น ที่ ส าหรั บ การอนุ รั ก ษ์ ส่ ง เสริ ม ฟื้ น ฟู ศึ ก ษาวิ จั ย
เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
2) สนั บ สนุ น ภาคี เครือ ข่ ายภาคประชาชนในพื้ น ที่ มี ส่ ว นร่ว มในการบริห ารจั ด การ
เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
มีสาระสาคัญดังนี้
การใช้ ป ระโยชน์ ท รั พ ยากรธรรมชาติ จ านวนมากโดยปราศจากการจั ด การดู แ ล
อย่างเหมาะสม ได้ก่อให้เกิดปัญ หาความเสื่อมโทรมและไม่ยั่งยืนอย่างรุนแรง ทรัพยากรดิน ป่าไม้
ป่ าชายเลน ประมงและชายฝั่ งถู กน ามาใช้ป ระโยชน์ ท างเศรษฐกิจ โดยไม่ มี การพื้ น ฟู อย่ างจริงจั ง
การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มงวดและไม่มีประสิทธิผล ทาให้ทรัพยากรธรรมชาติอยู่ในภาวะเสื่อมโทรม
ส่งผลกระทบต่อสมดุล ของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากรน้าเกิดปั ญ หา
ความขาดแคลน การใช้ ส ารเคมี ท างการเกษตรมากขึ้ น ส่ ง ผลต่ อ คุ ณ ภาพน้ าและดิ น อี ก ทั้ ง
การน าทรั พ ยากรแร่ ม าใช้ โ ดยไม่ ค านึ ง ถึ ง สภาพแวดล้ อ มได้ ก่ อ ให้ เกิ ด การท าลายสิ่ ง แวดล้ อ ม
และแหล่งท่องเที่ยวสาคัญในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันการขยายตัวของการผลิตในภาคอุตสาหกรรม
และบริ ก ารตลอดจนการลงทุ น ด้ า นสาธารณู ป โภคและสาธารณู ป การเป็ น ไปอย่ า งไร้ ร ะเบี ย บ
และขาดทิ ศ ทางที่ เหมาะสม ไม่ มี ก ารน าผั งเมื อ งและผั งภาคมาใช้ ท าให้ ก ารขยายตั ว ของชุ ม ชน
กระจัดกระจาย เมืองขยายตัวโดยไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอย่างเพียงพอ ประกอบกับมีการนา
๑๗๘
พื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสมทางการเกษตรไปใช้ประโยชน์โดยมิได้คานึงถึงศักยภาพของพื้นที่และการ
ลงทุนของภาครัฐ ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษอย่างกว้างขวาง นอกจากนั้นการขยายฐาน
การผลิตด้านอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วโดยไม่มีมาตรฐานการประกอบการที่เหมาะสมและมิได้บังคับ
ใช้มาตรการควบคุมมลพิษอย่างจริงจัง ทาให้เกิดปัญหามลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
โดยตรงมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้น การขยายตัวของการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วโดยปราศจากการดูแล
บ ารุ งรั ก ษาและการจั ด การแหล่ งท่ อ งเที่ ย วอย่ างเป็ น ระบบ ท าให้ แ หล่ งท่ อ งเที่ ย วทางธรรมชาติ
และศิลปกรรมหลายแหล่งเสื่อมโทรมสูญเสียคุณค่าและความงามลงตามลาดับ
การฟื้ น ฟู บู ร ณะทรัพ ยากรธรรมชาติ และสิ่ งแวดล้ อม ยังดาเนินการได้ในขอบเขตจากั ด
ไม่ ทั น ต่ อ ความเสื่ อ มโทรมของทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละแนวโน้ ม การเกิ ด มลพิ ษ เนื่ อ งจาก
ขาดประสิ ท ธิ ภ าพในการจั ด ท าและบริ ห ารแผนงานให้ ส ามารถน าไปสู่ ก ารท างานร่ ว มกั น
อย่างมีป ระสิทธิผ ลทั้งกับ หน่ วยงานภาครัฐและฝ่ ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังขาดการศึกษาวิจัย
ที่ได้มาตรฐาน ขาดมาตรการผลักดันหรือจูงใจให้มีการเปลี่ ยนแปลงกระบวนการผลิตและการบริโภค
ซึ่งจะนาไปสู่การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ ในระดับที่ยั่งยืน ประหยัด คุ้มค่า และสอดคล้องกับศักยภาพ
นอกจากนั้นการกากับควบคุมยังมีจุดอ่อน ขาดความโปร่งใส มีปัญหาทุจริตและการแย่งชิงทรัพยากร
ระหว่างกลุ่ มผู้ ใช้ ป ระโยชน์ แม้ ว่าองค์กรชุ มชนและองค์กรปกครองส่ ว นท้ องถิ่น จะมีค วามตื่น ตั ว
ในการเข้ามามีส่วนร่วมบริหารจั ดการ แต่ยังขาดความพร้อมและประสบการณ์ ประชาชนส่วนใหญ่
ยังขาดความรู้และมิได้ตระหนักถึงความสาคัญของการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และยังไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิของชุมชนในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ทาให้เกิดข้อจากัด
ของการเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งนาไปสู่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชุมชนท้องถิ่นกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น การให้ความสาคัญกับการปรับปรุงการจัดการให้เกิดสมดุลระหว่างการใช้ป ระโยชน์
กับ การอนุ รัก ษ์ฟื้ น ฟู ส่ งเสริ มการน าทรัพ ยากรไปใช้ประโยชน์ ในระดั บที่ ยั่งยืน เพื่ อช่วยแก้ปัญ หา
เศรษฐกิจของประเทศ สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาที่พึ่งตนเองได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนและประเทศ รวมทั้งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของการพั ฒนาประเทศ
โดยเน้ น การบริ ห ารจั ด การทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ งแวดล้ อ มที่ อ าศั ย กระบวนการมี ส่ ว นร่ ว ม
ของทุกภาคส่วนในสังคม มุ่งเน้นประสิทธิภาพ การกากับควบคุมที่มีประสิทธิผล มีความโปร่งใส สุจริต
ตลอดจนมีการศึกษาวิจัยที่สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ดังนี้
๑. การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตอบสนองต่อการปรับโครงสร้ าง
การพั ฒ นาประเทศให้ เข้ าสู่ ส มดุ ล เน้ น การพั ฒ นาในเชิ งคุ ณ ภาพ โดยการใช้ ท รัพ ยากรธรรมชาติ
อย่างประหยัดและคุ้มค่า ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความสาคัญต่อความเป็นธรรมในสังคม
วั ฒ นธรรมและวิ ถี ชี วิ ต ตลอดจนการเพิ่ ม ขี ด ความสามารถของชุ ม ชนในการได้ รั บ ประโยชน์
และการมีส่วนร่วมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือ
๑.๑ มี ร ะบบการบริ ห ารจั ด การทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล้ อ มที่ เ น้ น
ความรับ ผิดชอบ มีความโปร่งใส เกิดผลในทางปฏิบัติ มีการให้ ความรู้และเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร
โดยให้ ป ระชาชน ชุ ม ชนและองค์ ก รปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่ น มี ส่ ว นร่ ว มและรั บ ผิ ด ชอบการรั ก ษา
ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๑๗๙
๒) ให้องค์กรสิ่งแวดล้อมระดับชาติมีบทบาทในการกากับดูแล กลั่นกรองนโยบาย
จั ด สรรการใช้ ท รั พ ยากรและประสานการด าเนิ น งานระหว่ างหน่ ว ยงานต่ า งๆ ตลอดจนติ ด ตาม
ประเมินผลการดาเนินงานตามนโยบายและรายงานผลต่อสาธารณะ
๓) แบ่ ง อ านาจหน้ า ที่ ในการอนุ ญ าตและตรวจสอบออกจากกั น ให้ ชั ด เจน
เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกัน และเกิดประสิทธิภาพในการจัดการ
๔) สร้างกระบวนการประสานงานและการทางานร่วมกันระหว่างหน่วยราชการ
ที่ เกี่ ย วข้ อ งทั้ งในส่ ว นกลาง ส่ ว นภู มิ ภ าคและส่ ว นท้ อ งถิ่ น ให้ เอื้ อประโยชน์ ต่ อประชาชนในพื้ น ที่
โดยกาหนดนโยบายการจัดสรรทรัพยากร การบริหารและหน้าที่ของหน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค
และส่วนท้องถิ่นให้ชัดเจน
๕) ผลักดันให้ประเด็นสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสาคัญในกระบวนการทางการเมือง
ให้ มีป ระชาคมด้านสิ่ งแวดล้ อมทั้ งในระดับ จังหวัดและระดับชุม ชนตามศักยภาพและความพร้อม
สาหรับเสนอข้อคิดเห็นและประสานงานกับกลไกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้การอนุรักษ์
ป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บังเกิดผลในทางปฏิบัติ
3.1.2 พั ฒ นากลไกและกระบวนการจั ด การเชิ งบู ร ณาการที่ เน้ น การมี ส่ ว นร่ว ม
ของทุกฝ่ายในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ
1) ปรับ ปรุงกฎหมายเพื่อสนับสนุนท้องถิ่นและประชาชนให้มีส่วนร่วมในการ
บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ รับรองสิทธิชุมชนและให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาทุกขั้นตอน อาทิ
การออกพระราชบัญญัติทรัพยากรน้า พระราชบัญญัติป่าชุมชน แก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติประมง
พ.ศ. ๒๔๙๐ แก้ ไขปรั บ ปรุ ง พระราชบั ญ ญั ติ ส่ ง เสริ ม และรั ก ษาคุ ณ ภาพสิ่ ง แวดล้ อ มแห่ ง ชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อสนับสนุนการกระจายอานาจการบริหารจัดการและประสิทธิผลของการบังคับใช้
กฎหมายด้านสิ่ งแวดล้ อม รวมทั้ งทบทวนกฎหมายป่ าไม้ เพื่ อให้ ค นอยู่ร่ว มกับ ป่ าได้ อ ย่างสมดุ ล
ตลอดจนปรั บ ปรุ ง กฎหมายที่ เกี่ ย วข้ อ งกั บ การควบคุ ม การใช้ ที่ ดิ น และการขยายตั ว ของเมื อ ง
ให้สอดคล้องสัมพันธ์กันทั้งระบบ
2) เสริ ม สร้ างเครื อ ข่ า ยการประสานงานและการท างานร่ ว มกั น ขององค์ ก ร
ปกครองส่วนท้องถิ่ น องค์กรพัฒ นาเอกชน องค์กรชุมชนและประชาชนในท้องถิ่น ในการอนุรักษ์
ฟื้ น ฟู แ ละใช้ ป ระโยชน์ ท รั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล้ อ มอย่ า งยั่ ง ยื น โดยให้ ค วามส าคั ญ
กับการฝึกอบรมให้ความรู้แก่แกนนาชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างกระบวนการเรียนรู้และริเริ่ม
ในชุมชนพัฒนาระบบรวบรวมและจัดทาข้อมูลระดับท้องถิ่นให้สอดคล้องกัน รวมทั้งให้มีเวทีประชาคม
เพื่อรับฟังความคิดเห็น สร้างกระบวนการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมคิ ดร่วมทา พร้อมกับเผยแพร่ข้อมูล
ข่าวสารและแนวคิดอย่างต่อเนื่อง
3.1.๓ เพิ่มประสิทธิภาพการบั งคับใช้กฎหมายในการกากับ ควบคุมและตรวจสอบ
การดาเนินงานอนุรักษ์ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
1) สนั บ สนุ น เครื อ ข่ า ยองค์ ก รปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่ น ชุ ม ชน ประชาชน
และอาสาสมัครให้สามารถเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบการดาเนินงานจัด การและการใช้ประโยชน์
ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเฝ้าระวังการก่อมลพิษ การบุกรุกพื้นที่
อนุรักษ์ พื้นที่สาธารณะ แหล่งน้าธรรมชาติ รวมทั้งการทาเหมืองแร่
๑๘๑
๑) บริ ห ารจั ด การแหล่ งน้ าที่ มี อ ยู่ ให้ มี ก ารน ามาใช้ ป ระโยชน์ ด้ า นเกษตรกรรม
การผลิ ต การบริ โภค อย่ างเต็ ม ประสิ ท ธิภ าพ รวมทั้ งปรับ ระบบการผลิ ต ทางการเกษตรไปสู่ พื ช
ที่ใช้น้าน้อย ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้า
๒) จัดหาแหล่งน้าเอนกประสงค์โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตั้งแต่
ขั้นตอนการจัดทาโครงการและให้ประชาชนผู้ได้รับประโยชน์มีส่วนร่วมรับภาระการลงทุน
๓) ศึกษาและกาหนดแนวทางการจัดการคุณ ภาพน้าใต้ ดินและการใช้ป ระโยชน์
น้าใต้ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพ รวมทั้งสารวจและติดตามสถานการณ์แผ่นดินทรุด เพื่อประกาศ
เขตควบคุมการใช้น้าบาดาลและแก้ปัญหาการลดลงของน้าใต้ดิน
๔) ให้ มี ก ารเก็ บ ค่ า บริ ก ารใช้ น้ าดิ บ โดยเริ่ ม จากการใช้ น้ าเพื่ อ อุ ต สาหกรรม
พาณิ ช ยกรรมและการประปา ควบคู่ กั บ การรณรงค์ แ ละสร้า งแรงจู งใจให้ ป ระชาชนมี จิ ต ส านึ ก
ในการรักษาคุณภาพแหล่งน้าและใช้น้าอย่างคุ้มค่า
๕) พัฒนาระบบการพยากรณ์ทรัพยากรน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
เอื้ออานวยต่อการแก้ไขปัญหาน้าขาดแคลน การป้องกันน้าท่วมและการจัดหาน้า
๖) จั ดทาแผนหลั กการบริห ารจัดการทรัพยากรน้าแบบบูรณาการในระดับลุ่มน้า
โดยให้ ค วามส าคั ญ กั บ การจั ด การคุ ณ ภาพน้ าและการจั ด การพื้ น ที่ ลุ่ ม น้ าวิ ก ฤต พร้ อ มกั บ เน้ น
การมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชนในการดาเนินการ
3.2.๕ ฟื้ น ฟู ท รั พ ยากรดิ น ที่ มี ปั ญ หาและเสื่ อ มโทรม ให้ มี ค วามอุ ด มสมบู ร ณ์
และเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยสนับสนุนกิจกรรม การเกษตร
แบบยั่งยืนหรือเกษตรเชิงอนุรักษ์ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดการตกค้างของสารเคมี
ในดินและน้า โดยให้ชุมชนมีบทบาทหลักและภาครัฐสนับสนุนด้านวิชาการ
3.2.๖ ใช้ ป ระโยชน์ ท รั พ ยากรแร่ เพื่ อ สนั บ สนุ น ภาคการผลิ ต โดยไม่ ส่ ง ผลกระทบ
ต่ อ สิ่ ง แวดล้ อ ม โดยก าหนดแนวทางในการใช้ ป ระโยชน์ ท รั พ ยากรแร่ ใ นกระบวนการผลิ ต
ภาคอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการประเมินศักยภาพแหล่งแร่นอกเขตอนุรักษ์ ปรับปรุงกระบวนการ
ทาเหมืองแร่และควบคุมสัมปทานทรัพยากรแร่มิให้มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม สาหรับการให้
สัมปทานรายใหม่ ควรอนุ ญาตเฉพาะทรัพยากรที่มีการขาดแคลนเท่านั้น รวมทั้งให้มีการบังคับใช้
กฎระเบียบเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการทาเหมืองแล้ว ตลอดจนกาหนดมาตรการควบคุมการทาเหมืองแร่
ที่ผิดกฎหมาย
ยุทธศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สอดคล้อง
กับ ยุทธศาสตร์ช าติด้านการสร้ างการเติบ โตบนคุณ ภาพชีวิตที่ เป็นมิ ตรต่อสิ่ งแวดล้ อม ได้น้อมน า
ศาสตร์ของพระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยยึดหลัก ๓ ประการคือ “มีความพอประมาณ มีเหตุผล
มีภูมิคุ้มกัน” มาเป็นหลักในการจัดทายุทธศาสตร์ชาติควบคู่กับการนาเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน
มาเป็นกรอบแนวคิดที่จะผลักดันดาเนินการเพื่อนาไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ
ทั้งมิติด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ธรรมาภิบาลและความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างกันทั้ง
ภายในและภายนอกประเทศอย่างบูรณาการ โดยมีวิสัยทัศน์เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
ที่มีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในอาเซียนภายในปี พ.ศ. ๒๕๘๐
๑๘๔
เป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์
1. อนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและวัฒ นธรรม ให้คนรุ่นต่อไป
ได้ใช้อย่างยั่งยืน มีสมดุล
๒. ฟื้นฟูและสร้างใหม่ฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบทางลบ
จากการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจของประเทศ
๓. ใช้ ป ระโยชน์ แ ละสร้ างการเติ บ โต บนฐานทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ งแวดล้ อ ม
ให้สมดุลภายในขีดความสามารถของระบบนิเวศ
๔. ยกระดั บ กระบวนทั ศ น์ เพื่ อ ก าหนดอนาคตประเทศด้ า นทรั พ ยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมบนหลักของการมีส่วนร่วมและธรรมาภิบาล
ประเด็นยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
๔.๑ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว มุ่งเน้นการพัฒนาสังคม
เศรษฐกิจให้ เติบ โตและมีความเป็นธรรมบนความสมดุล ของฐานทรัพยากรธรรมชาติและคุณ ภาพ
สิ่งแวดล้อมที่ดีด้วยเศรษฐกิจฐานชีวภาพ นาไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิต
๔.๑.๑ เพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจฐานชีวภาพให้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการ
สร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยส่งเสริมและสร้างเศรษฐกิจฐานชีวภาพอุบัติใหม่ และส่งเสริม
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีคุณภาพ
๔.๑.๒ อนุ รั กษ์ แ ละฟื้ น ฟู ค วามหลากหลายทางชี วภาพในและนอกถิ่น กาเนิ ด
โดยเฉพาะสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยลดอัตราการสูญเสียชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม ชนิดพันธุ์
เฉพาะถิ่ น และแหล่ งที่ อ ยู่ อ าศั ย ตามธรรมชาติ ตลอดจนควบคุ ม ชนิ ด พั น ธุ์ต่ างถิ่ น ที่ มี ผ ลกระทบ
ต่อระบบนิเวศ
๔.๑.๓ อนุ รั ก ษ์ แ ละฟื้ น ฟู แ ม่ น้ าล าคลองและแหล่ ง น้ าธรรมชาติ ทั่ ว ประเทศ
โดยฟื้นฟูแม่น้าลาคลองและการป้ องกันตลิ่งและฝายชะลอน้า มีการวางแผนการอนุรักษ์และฟื้นฟู
แหล่งน้าบนพื้นฐานของการรักษาสมดุลนิเวศ
๔.๑.๔ รักษาและเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยหยุดยั้งการบุกรุก
ท าลายพื้ น ที่ ป่ า โดยประยุ ก ต์ ใ ช้ เทคโนโลยี ใ นการบริ ห ารจั ด การพื้ น ที่ เสี่ ย งต่ อ การถู ก บุ กรุ ก
มี ก ารบริ ห ารจั ด การเชิ ง พื้ น ที่ แ ละมี ก ารบู ร ณาการทุ ก หน่ ว ยงานในการเฝ้ า ระวั ง และป้ อ งกั น
การบุกรุกป่า
๔ .๒ ส ร้ า งก ารเติ บ โต อ ย่ า งยั่ ง ยื น บ น สั งค ม เศ รษ ฐ กิ จ ภ าค ท ะเล มุ่ งเน้ น
การให้ความสาคัญกับการสร้างการเติบโตของประเทศจากกิจกรรมทางทะเลที่หลากหลายควบคู่ไปกับ
การดูแลฐานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งหมด ภายใต้อานาจและสิทธิประโยชน์ของประเทศ
ที่พึงมีพึงได้ เพื่อความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้าทางสังคม
๔.๒.๑ เพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจฐานชีวภาพทางทะเล โดยเสริมสร้างความสามารถ
ในการแข่งขันของประเทศในด้านต่าง ๆ ตามแนวทางเศรษฐกิจภาคทะเลให้มีบทบาทเป็นที่ยอมรับ
ในกลุ่มประเทศอินโดจีนและประชาคมอาเซียน รวมถึงมีกลไกการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล
และในทะเลที่มีประสิทธิภาพ มีผังชายฝั่งและฝั่งทะเลชัดเจน กาหนดพื้นที่การพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ
โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนและสอดคล้องกับสภาพภูมิศาสตร์และทรัพยากรในพื้นที่
๑๘๕
ของประเทศอย่างเป็นระบบและพัฒนาเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจและสนับสนุน
การลงทุนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
๔.๓.๔ พัฒนาและสร้างระบบรับมือปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้าที่เกิด
จากการเปลี่ ย นแปลงภู มิ อ ากาศ โดยพั ฒ นาโครงสร้ า งระบบสาธารณสุ ข เครื อ ข่ า ยเตื อ นภั ย
และเฝ้ าระวังโรคให้ มี คุ ณภาพและมี ประสิ ทธิภาพ ครอบคลุ มประชากรกลุ่ มเสี่ ยงที่ มี ความอ่ อนไหว
ต่ อปั จจั ยการเปลี่ ยนแปลงทางภู มิ อากาศต่ อโรคอุ บั ติ ใหม่ โรคอุ บั ติ ซ้ า การพั ฒ นาระบบสาธารณสุ ข
สิ่งแวดล้อมและเวชศาสตร์ป้องกันทั้งระบบ
๔.๔ พัฒนาพื้นที่เมือง ชนบท เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ มุ่งเน้นความ
เป็นเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีข้อกาหนด รูปแบบ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับลักษณะการใช้
พื้นที่ตามศักยภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการพัฒนา “เมืองน่าอยู่ ชนบทมั่นคง เกษตร
ยั่งยืน อุตสาหกรรมเชิงนิ เวศ” โดยให้ ความส าคัญ กับ การจัดท าแผนผั งภู มินิ เ วศ การพั ฒ นาเมือ ง
ชนบท พื้ น ที่ เกษตรกรรม อุ ต สาหกรรม รวมถึ งพื้ น ที่ อ นุ รัก ษ์ ต ามศั ก ยภาพและความเหมาะสม
ทางภูมินิเวศ
๔.๔.๑ จัดทาแผนผังภูมินิเวศเพื่อการพัฒนาเมือง ชนบท พื้นที่เกษตรกรรมและ
อุตสาหกรรม รวมถึงพื้นที่อนุรักษ์ตามศักยภาพและความเหมาะสมทางภูมินิเวศอย่างเป็นเอกภาพ
โดยจัดทาและพัฒนาระบบการเชื่อมโยง จัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อการจัดทาแผนผัง
ภู มิ นิ เ วศระดั บ ประเทศ รวมถึ ง สนั บ สนุ น การบริ ห ารจั ด การตามศั ก ยภาพของภู มิ นิ เ วศ
จัดทาแผนผั งภูมินิ เวศของพื้นที่ตามเกณฑ์และมาตรฐานการพัฒ นาโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการ
สิ่งแวดล้อม การกาหนดเขตพื้นที่แนวกันชน
๔.๔.๒ พัฒนาพื้นที่เมือง ชนบท เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ที่มีการ
บริหารจัดการตามแผนผังภูมินิเวศอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน พัฒนาชนบทมั่นคง
พัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมปลอดภัย พัฒ นาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พัฒ นาพื้นที่พิเศษเพื่อการอนุรักษ์
ทรั พ ยากรธรรมชาติ อุ ท ยานธรณี วิ ท ยา แหล่ ง โบราณคดี มรดกอาเซี ย นและมรดกโลก มรดก
ทางสถาปัตยกรรมและศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์ และวิถีชีวิตพื้นถิ่น
๔.๔.๓ จัดการมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสารเคมีในภาคเกษตรทั้ง
ระบบ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและค่ามาตรฐานสากล โดยปรับปรุงมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
ของประเทศตามมาตรฐานสากลและบังคับใช้มาตรฐานสิ่งแวดล้อมด้านดิน น้า อากาศ ป่าไม้ สัตว์ป่า
และความหลากหลายทางชีวภาพกับทุกภาคส่วนอย่างเคร่งครัด
๔.๔.๔ สงวนรั กษา อนุรั กษ์ ฟื้ น ฟู และพั ฒ นาทรัพ ยากรธรรมชาติ มรดกทาง
สถาปั ต ยกรรมและศิ ล ปวัฒ นธรรม อัต ลั กษณ์ และวิถี ชี วิ ต พื้ น ถิ่ น บนฐานธรรมชาติ แ ละฐาน
วัฒนธรรมอย่างยั่งยืน โดยกาหนดให้ภาครัฐเป็ นแกนกลางในการให้ความรู้ ประสานและบูรณาการ
ทุกภาคส่วนในการเพิ่มและรักษาพื้นที่สีเขียวเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ในภาพรวมของประเทศ การฟื้ นฟู
ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมกับการปรับปรุงกฎหมายและบังคับใช้เรื่องการใช้
ประโยชน์ของชุมชนในพื้นที่ป่าอย่าง
๔.๔.๕ พัฒ นาเครือข่ายองค์กรพัฒ นาเมืองและชุมชน รวมทั้งกลุ่มอาสาสมัค ร
ด้วยกลไกการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในท้องถิ่น โดยการสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายองค์กร
๑๘๗
ยุ ท ธศาสตร์ ที่ ๑๔ ยุ ท ธศาสตร์ ก ารพั ฒ นาศั ก ยภาพทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ เพื่ อ รองรั บ การพั ฒ นา
เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ)
เป้าหมายสาคัญ คือ
1) จัดให้มีกองทุนเพื่อส่งเสริมการศึกษาสาหรับประชาชนในพื้นที่
2) สนับสนุนส่งเสริมในการพัฒนาฝีมือแรงงานของประชาชนในพื้นที่เพื่อที่จะสามารถ
ประกอบอาชีพทุกเพศทุกวัย
มีสาระสาคัญดังนี้
การพัฒ นาการวิจัย และพัฒ นานวัตกรรม ด้านองค์ความรู้พื้นฐานที่มุ่งเน้น “การพัฒ นา
ทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ ”โดยสร้ า งองค์ ค วามรู้ พื้ น ฐานเพื่ อ การสะสมองค์ ค วามรู้ การต่ อ ยอดไปสู่
การประยุ กต์ใช้องค์ความรู้ และการต่อ ยอดไปสู่ นวัตกรรมทางเศรษฐกิจหรือนวัตกรรมทางสั งคม
รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถนาไปใช้ประโยชน์โดยตรง ผ่านการสร้าง
และพัฒนาเทคโนโลยีฐาน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นาในระดับนานาชาติ ในงานวิจัยที่ประเทศไทย
มีความเข้มแข็ง โดยมีแนวทางการพัฒนา ดังนี้
1. พั ฒ นาองค์ ค วามรู้พื้ น ฐานและเทคโนโลยี ฐ าน โดยการส่ งเสริ ม การวิจั ย พั ฒ นา
และประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการพัฒนาความรู้พื้นฐานและเทคโนโลยีฐาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
การแข่งขันในสาขาที่ประเทศไทยมีความได้เปรียบหรือมีศักยภาพสูง รวมทั้งนาไปใช้ประโยชน์ต่อยอด
ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยมีประเด็นการวิจัยที่สาคัญ อาทิ เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีวัสดุ
นาโนเทคโนโลยีและเทคโนโลยีดิจิทัล
2. พัฒ นาองค์ความรู้พื้นฐานทางสังคมและความเป็นมนุษ ย์ โดยการส่งเสริมการวิจัย
พัฒ นาและประยุ กต์ใช้น วัตกรรมในการพั ฒ นาองค์ความรู้พื้ นฐานทางสั งคมและความเป็ นมนุษ ย์
เพื่อสร้างองค์ความรู้ทางด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ของประเทศ รวมทั้งนาไปใช้ประโยชน์ต่อยอด
ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยมีประเด็นการวิจัยที่สาคัญ อาทิ ชุมชนของไทย ด้านศิลปะ วัฒนธรรม
๑๘๙
๔.๕ พัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่
๔.๕.๑ สร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะ
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๔.๒ การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
๔.๒.๑ ช่วงการตั้งครรภ์/ปฐมวัย
๔.๒.๒ ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น
๔.๒.๓ ช่วงวัยแรงงาน
๔.๒.๔ ช่วงวัยผู้สูงอายุ
๔.๔ การตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย
๔.๔.๓ การดึ ง ดู ด กลุ่ ม ผู้ เ ชี่ ย วชาญต่ า งชาติ แ ละคนไทยที่ มี ค วามสามารถ
ในต่างประเทศให้มาสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับประเทศ
๔.๖ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
๔.๖.๑ การสร้างความอยู่ดีมสี ุขของครอบครัวไทย
๔.๖.๒ การส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
๔.๖.๓ การปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอกห้องเรียน
๔.๖.๔ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
๔.๑ การลดความเหลื่อมล้า สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ
๔.๑.๔ เพิ่มผลิตภาพและคุ้มครองแรงงานไทยให้ เป็นแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ
และความริเริ่มสร้างสรรค์ มีความปลอดภัยในการทางาน
๔.๕.๔ สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูล
๔.๕.๕ ปรับบทบาทและโอกาสการเข้าถึงบริการภาครัฐ
๒) ประเด็นปัญหาสังคมจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต อาชีพและรูปแบบในการประกอบ
อาชีพ ที่ เปลี่ ย นจากภาคเกษตรกรรมดั้งเดิมไปสู่ อุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น อุตสาหกรรมการบิ น
การพาณิ ชย์ น าวี การท่ อ งเที่ ย ว การบริ ก าร การเกษตรแนวใหม่ ที่ เ กิ ด จากการเชื่ อ มโยง
กับ เขตเศรษฐกิจ พิ เศษทั้ งประเทศ ส่ งผลให้ ก ารผลิ ต ทรัพ ยากรมนุ ษ ย์ ไม่ส มดุ ล กับ ความต้อ งการ
ของตลาดแรงงาน
๓) ประชาชนในพื้ น ที่ อ าจปรั บ ตั ว ไม่ ทั น ต่ อ การเปลี่ ย นแปลงและการไหลบ่ า
ทางวัฒนธรรมต่างชาติ จึงอาจส่งผลกระทบทาให้เกิดความเหลื่อมล้าของคนในพื้นที่เกิดปัญหาสังคม
ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากความเป็นเมืองและอาจส่งผลกระทบต่อโบราณสถาน รวมทั้งโบราณวัตถุ
ในบางพื้นที่ ตลอดจนความวิตกกังวลเกี่ยวกับการดาเนินโครงการขุดคลองไทยที่ต้องแบ่งแยกพื้นที่
ทางกายภาพ
ข้อพิจารณา
๑) หากมี ก ารด าเนิ น โครงการคลองไทยจะเกิ ด การย้ า ยถิ่ น ของชุ ม ชนขนานใหญ่
และการเวนคืน ที่ดิน ในแนวโครงการดังกล่ าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรศึกษาอัตราค่าเวนคืน
และชดเชยที่เหมาะสมเป็นธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งจัดหาพื้นที่อยู่อาศัยและทากินทดแทน
ในบริ เวณโครงการฯ ตลอดจนด าเนิ น การจั ด ตั้งกองทุ น เยีย วยาผู้ ได้ผ ลกระทบและครอบครัว ให้
สามารถเป็นสิทธิการรับมรดกตกทอดได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้รัฐต้องดาเนินการในเรื่องการจัดการที่ดิน
ดังนี้
(๑) กาหนดอัตราการเวนคืนที่ดินในเขตพื้นที่คลองไทยสูงกว่าอัตราการประเมินที่ดินปกติ
(๒) การเวนคืนที่ดิน ควรจัดสรรที่ดินให้แก่ผู้ถูกเวนคืนให้อยู่ในเขตพื้นที่ โครงการฯ
โดยไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ผู้นั้นเกินสมควร ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกาหนด
๒) เนื่ อ งจากเกิ ด การเปลี่ ย นแปลงวิ ถี ชี วิ ต อาชี พ และรู ป แบบการประกอบอาชี พ
แบบดั้งเดิมเป็นอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณา
ศึ ก ษาปรั บ ปรุ ง หลั ก สู ต รการเรี ย นการสอนให้ ส อดคล้ อ งรองรั บ กั บ สภาพสั ง คมและเศรษฐกิ จ
ที่เปลี่ยนแปลงเหมาะสม ทั้งนี้ รัฐต้องดาเนินการแก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพ ดังนี้
(๑) การประกอบอาชีพ เนื่องจากการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจ
พิ เศษขวานทองภาคใต้ จะท าให้ ผู้ ที่ อ ยู่ ในแนวคลองไทยขาดรายได้ ในระหว่ า งการด าเนิ น การ
รัฐต้องจัดหางานให้แก่ผู้ที่ได้ผลกระทบและจัดสรรงบประมาณเพื่ออุดหนุนรายได้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ
(๒) รั ฐ ต้องวางแผนการศึกษาด้านการศึก ษาเพื่ อการประกอบอาชี พ ในเขตพื้ น ที่
เศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ ในอนาคต โดยมีเงื่อนไขบุตรหลานผู้ที่อยู่ในโครงการฯต้องมีงานทา
ทุกคนตามความรู้ ความสามารถและศักยภาพของแต่ละบุคคล
(๓ ) เพื่ อ การแก้ ปั ญ หาด้ า นความเปลี่ ย นแปลงทางสั ง คมและวั ฒ นธรรม
เป็น ไปอย่างมีประสิทธิภ าพ จึงควรศึกษาวิจัยการเปลี่ยนแปลง การไหลบ่าทางวัฒ นธรรมต่างชาติ
และการปะทะสังสรรค์ทางสังคม รวมทั้งผลกระทบต่อโบราณสถาน โบราณวัตถุในบางพื้นที่ ตลอดจน
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการดาเนินโครงการฯ ที่ต้องแบ่งแยกพื้นที่ทางกายภาพอย่างถ่องแท้
๑๙๖
ด้านที่ ๓ ผลกระทบด้านความมั่นคง
ผลการวิเคราะห์ศึกษา
ภู มิ รัฐ ศาสตร์ ของที่ ตั้งประเทศไทยมี แ ผ่ น ดิน ติด กั บ ทะเล ๒ ด้ าน คือ ด้ านตะวัน ตก
เป็นทะเลอันดามันและช่องแคบมะละกา ส่วนด้านตะวันออกเป็นอ่าวไทย จะเห็นได้ว่าน่านน้าอ่าวไทย
มีลั ก ษณะเป็ น กึ่ งปิ ด (Semi Enclosed Sea) ที่ ห้ อมล้ อ มด้ ว ยน่ านน้ าที่ เป็ น เขตเศรษฐกิ จ จ าเพาะ
ของประเทศต่างๆ ถึง ๒ ชั้น ด้านอ่าวไทยชั้นใน คือ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐสังคมนิยม
เวียดนามและสหพันธรัฐมาเลเซียและชั้นนอก คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณะรัฐอินโดนีเซีย
และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ส่วนทางด้านตะวันตกในส่วนของพื้นที่ตอนเหนือของช่องแคบมะละกาถูก
โอบล้อมด้วยน่านน้าของสหพันธรัฐมาเลเซียและอินโดนีเซีย ส่วนพื้นที่ตอนบนในส่วนของทะเลอันดา
มันถูกโอบล้ อมด้วยน่ านน้าของสาธารณรัฐ อินเดียและสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์ การวางกาลั ง
ทางเรือของกองทัพเรือ วางกาลังป้องกันประเทศเป็น ๓ ทัพเรือภาค ในฝั่งอ่าวไทยมีทัพเรือภาคที่ ๑
และทั พ เรื อ ภาคที่ ๒ และฝั่ ง อั น ดามั น มี ทั พ เรื อ ภ าคที่ ๓ การเคลื่ อ นย้ า ยก าลั ง ทางเรื อ
เพื่อคอยสั บ เปลี่ ยนกาลั งระหว่างสองฝั่ งทะเลจะต้องเดินทางผ่ านช่องแคบมะละกา ดังนั้น หากมี
โครงการดังกล่าวสิ่งที่กระทบด้านความมั่นคงทางทะเล ส่งผลดีเนื่องจากในทางกายภาพที่สาคัญ คือ
ท าให้ พื้ น ที่ ป ฏิ บั ติ ก ารทางเรื อ เปลี่ ย นไปทั น ที ที่ เดิ ม เป็ น การยากหรือ แทบเป็ น ไปไม่ ได้ ที่ จ ะพร้ อ ม
ปฏิบัติการทางเรืออย่างเต็มรูปแบบทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันในเวลาเดียวกัน (สมาคมคลองไทย
เพื่อการศึกษาและพัฒนา, ๒๕๖๓) เนื่องจากการเคลื่อนย้ายกาลังทางเรือระหว่างสองฝั่งมหาสมุทร
ได้แก่ มหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียได้รวดเร็วขึ้นภายใต้อานาจอธิปไตยของประเทศไทย
ไม่ต้องขออนุญาตประเทศในพื้นที่ช่องแคบด้วยวิธีทางการทูตเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และสามารถ
ปกปิ ด ในการเคลื่ อ นย้ า ยก าลั ง ในสภาวะสงครามได้ รวมถึ ง การปฏิ บั ติ ก ารที่ ไม่ ใช่ ก ารรบ เช่ น
การช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติในฝั่งอันดามัน เป็นต้น
ผลกระทบการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ประกอบด้วย
(๑) ประเด็ น ความมั่น คงภายในประเทศ ที่ เป็ น ข้ อคั ดค้ านและกังวลเป็ น อัน มาก
โดยมีการคาดการณ์ว่าหากมีโครงการขุดคลองไทยจะทาให้เกิดการแยกประเทศเช่นเดียวกับเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นกับประเทศโคลัมเบียจนเกิดเป็นประเทศปานามา หากเกิดโครงการขุดคลองไทย แม้เป็นการ
แ บ่ งแ ย ก ท างก าย ภ าพ ข อ งจั งห วั ด ใน ภ าค ใต้ เป็ น ส อ งส่ ว น อ าจ จ ะ เป็ น สิ่ งที่ ก ระ ตุ้ น
ให้ การแบ่ งแยกประเทศไทยที่ อาจลุ กลามจากปัญ หาการก่อความไม่ส งบในพื้น ที่จังหวัดชายแดน
ภาคใต้
ในประเด็น การแบ่ งแยกดิน แดนและตั้งตนเป็นรัฐ อิส ระ ภายหลั งยุคสงครามเย็น
หากการตั้ ง เป็ น รั ฐ อิ ส ระโดยการใช้ ค วามรุ น แรงนั้ น กระท าได้ ย าก เนื่ อ งจากขั ด กั บ กฎบั ต ร
ของสหประชาชาติ และมิ ใช่ สิ่ งที่ น านาประเทศจะให้ ก ารยอมรั บ ได้ เพราะการแยกเป็ น รัฐ ใหม่
จะต้องเป็ น ไปตามเงื่อนไขของกฎหมายระหว่างประเทศ และต้องได้ รับความยิน ยอมจากรัฐ เดิ ม
(ภัทรมน สาตรักษ์, ๒๕56) ในกรณี การแยกดินแดนจากรัฐที่เคยเป็นประเทศอาณานิคมตามหลักการ
ก าหนดใจตนเองกั บ การปลดปล่ อ ยอาณานิ ค ม (The Principles Self-determination and
Decolonization) ที่องค์กรสหประชาชาติ ให้ การยอมรับ ต้องมาจากภู มิภ าคที่ขึ้น บัญ ชีไว้ ในกรณี
ปั ญ หาจั งหวัดชายแดนภาคใต้ เป็ นเรื่องการก่ออาชญากรรมภายในประเทศ ไม่ใช่จากการที่ส าม
๑๙๗
ของอิ น เดี ย และยั งให้ ค วามสนใจต่ อ จี น ในการพั ฒ นาคลองไทย ด้ ว ยเหตุ ที่ ว่ า คลองไทยจะช่ ว ย
สนั บ สนุ น ความเข้มแข็งของยุ ท ธศาสตร์ String of Pearls ประกอบด้วย ท่ าเรือต่าง ๆ ที่อานวย
ความสะดวกทั้งการทหาร และการค้าจากมหาสมุทรอินเดีย ทะเลจีนใต้ จนถึงมหาสมุทรแปซิฟิก
ในอนาคต (อิวิกา คินเดอร์ , ๒๕๕๐)
๒.๒) กลุ่มประเทศในระดับภูมิภาค
ผลการวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ ในระดับภูมิภาค
พบว่ า ในปั จ จุ บั น อาเซี ย น – อ่ า วเบงกอล - เอเชี ย ใต้ ก ลายเป็ น พื้ น ที่ ที่ มี ป ระชากรร้ อ ยละ ๒๕
ของประชากรโลก ความสัมพันธ์ของประเทศในอ่าวเบงกอล อยู่ในสถานะที่ดี ไม่มีกรณีพิพาทดังเช่น
ในทะเลจีนใต้ ที่ประเทศส่วนหนึ่งในอาเซียนเป็นประเทศคู่ขัดแย้งและประเทศไทยไม่ได้ เป็นประเทศ
คู่ขัดแย้งดังกล่าว รวมทั้ง จากข้อมูลการใช้แบบจาลองทางเศรษฐศาสตร์ควบคู่กับการสัมภาษณ์เชิงลึก
กับนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกพบว่าในปี พ.ศ. 2593 ประเทศที่จะเป็นอันดับ ๑ ในด้านเศรษฐกิจ คือ
จีน รองลงมาคือ อเมริกา อันดับ ๓ อินเดีย อันดับ ๔ อินโดนีเซีย และอันดับ ๕ ญี่ปุ่น
แนวโน้ ม การพั ฒ นาของโลกในอนาคตจึ งอาจกลั บ ไปดั งเช่ น อดี ต ก่ อ นยุ ค การล่ า
อาณานิ ค ม บทบาทการเมื อ งระหว่ างประเทศของไทยควรพิ จ ารณาเข้ าไปเชื่ อ มโยงกั บ แนวทาง
การพัฒนาดังกล่าวในหลาย ๆ เส้นทาง กล่าวได้ว่าแนวโน้มการพัฒนาของกรอบความริเริ่มแห่งอ่าว
เบงกอลส าหรั บ ความหลากหลายสาขาทางวิ ช าการและเศรษฐกิ จ (BIMSTEC : Bay of Bengal
Initiative Multi – Sectoral Technical and Economic Cooperation) มี ๒ ป ระเทศ จากอาเซี ยน
เข้ามาเกี่ยวข้อง คือ ไทยและเมียนมาร์ ซึ่งเมื่อมีการสร้างความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่งและ
ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพจากทางบก ส่งผลให้ประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนสามารถใช้เส้นทาง
ดังกล่าวเป็นประตูสู่เอเชียใต้ได้
การวางยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เพื่อเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคต่าง ๆ นั้น
ประเทศไทยไม่ ค วรจะเป็ น เพี ย งเมื อ งผ่ า น ควรพิ จ ารณ าสร้ า งสภาวะให้ อ ยู่ ใ นทุ ก ขั้ น ตอน
ของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การบริหารและสารสนเทศ ให้ถึงมือผู้รับ
ได้ อย่ างดีที่ สุ ด โดยไทยต้องเป็ น ประเทศต้นทาง กลางทาง และปลายทางของการกระจายสิ นค้ า
และการลงทุน หากเปรีย บประเทศไทยเป็นองค์กรที่มีการบริห ารจัดการห่ วงโซ่อุปทาน (Supply
Chain Management) อย่ างมีป ระสิทธิภ าพ ไทยจะได้รับผลประโยชน์จากทุกขั้นตอนของห่ วงโซ่
อุปทาน รวมทั้ง ทาให้ไทยมีศักยภาพและมีอานาจในการต่อรองมากขึ้นในเวที เศรษฐกิจ (ศูนย์ศึกษา
ยุ ท ธศาสตร์ สถาบั น วิ ช าการป้ อ งกั น ประเทศ, ๒๕๕๖) จะท าให้ มี ก ารเชื่ อ มต่ อ ในด้ านการเมื อ ง
เศรษฐกิ จ ระหว่างประเทศทางทะเลอี ก ช่ องหนึ่ งให้ เชื่ อ มโยงกั บ กลุ่ ม ประเทศอาเซี ย นผ่ านกรอบ
เขตการค้าเสรีอ าเซี ย น (AFTA : ASEAN Free Trade Area) และเป็ นกลไกที่ ส่ งเสริม ด้านการค้ า
การลงทุ น การท่ อ งเที่ ย ว ระหว่ า งประเทศในอ่ า วเบงกอลในกรอบความร่ ว มมื อ BIMSTEC
และเชื่อมโยงถึงกลุ่มประเทศในเอเชียใต้ผ่านทางสมาคมความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียใต้ (SAARC :
The South Asian Association for Regional Cooperation) เป็ น เวที เ ชื่ อ มประสานนโยบาย
Look West ของประเทศไทยและนโยบาย Act East ของภูมิภ าคเอเชียใต้ ตามวัตถุประสงค์ห ลั ก
คือ เสริมสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน
และส่งเสริมผลประโยชน์ ร่วมกันทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีและความช่วยเหลือระหว่าง
๒๐๑
ส่งผลให้การเมืองภายในประเทศเข้มแข็งขึ้น และในพื้นที่มีการค้าการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ
เข้ามาเป็นจานวนมากและการหลั่งไหลเข้ามาของประชาชนเปลี่ยนจากชุมชนเกษตรเป็นชุมชนเมือง
ขนาดใหญ่ และหลากหลายอุต สาหกรรมส่ งผลให้ การปกครองส่ ว นภูมิ ภ าคและการปกครองส่ ว น
ท้ อ งถิ่ น มี ก ารบริ ห ารจั ดการที่ ค วามซั บ ซ้ อนขึ้น เป็ น อั น มากต่ างจากเดิ ม ควรศึ ก ษาการใช้ รูป แบบ
การปกครองทั้งส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการในแบบพิเศษ
ซึง่ ต่างจากการปกครองรูปแบบเดิม
๒) ด้ า นการเมื อ งระหว่ า งประเทศ จะส่ ง ผลเชิ ง บวกต่ อ ประเทศไทยเนื่ อ งจาก
เป็นช่องทางน้าช่องทางพิเศษของนานาชาติ จะมีการเข้ามาใช้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น อาจจะทาให้ชาติ
ที่ ไ ด้ รั บ ผลกระทบเชิ ง บวกและลบจากโครงการคลองไทย เกิ ด การสนั บ สนุ น จากที่ ป ระเทศ
ที่ได้ประโยชน์และต่อต้านจากที่ประเทศที่เสียประโยชน์ มีความเสี่ยงที่อาจส่งเกิดปัญหาที่คาดไม่ถึงได้
ในอนาคตควรพิ จ ารณาศึ ก ษาถึ ง การขยายอ านาจของประเทศมหาอ านาจ เช่ น สหรัฐ อเมริ ก า
สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ ตลอดจน
ความขัดแย้งระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่อาจมีผลกระทบถึงการเมืองระหว่างประเทศกับประเทศไทย
ด้านที่ ๕ กฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่
ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
ผลการวิเคราะห์ศึกษา
คณะอนุ ก รรมาธิ ก ารได้ พิ จ ารณาแล้ ว เห็ น ว่ า โครงการคลองไทยเป็ น โครงการ
ทั้งด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรทางทะเล แหล่งท่องเที่ยว สภาพสังคม ความมั่นคงเกี่ยวกับ
อ านาจอธิ ป ไตยด้ า นดิ น แดน อาณาเขตทางทะเลและการเมื อ ง นอกจากนี้ ยั ง มี ผ ลต่ อ บทบาท
ทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งท่าทีระหว่างประเทศของไทยย่อมส่งผลต่อความยอมรับของประเทศ
ในระดั บ สากลอย่ า งมี นั ย ส าคั ญ ประกอบกั บ ปั จ จุ บั น สภาพสั งคมและเศรษฐกิ จ เปลี่ ย นแปลงไป
อย่ า งรวดเร็ ว สอดคล้ อ งกั บ นางสาวดลหทั ย จิ ร วิ ว รรธน์ ได้ ให้ ข้ อ มู ล และข้ อ คิ ด เห็ น ต่ อ คณะอนุ
กรรมาธิ ก ารสรุ ป สาระส าคั ญ ว่ า “หากภาครั ฐ พิ จ ารณาแล้ ว เห็ น ว่า ควรด าเนิ น การขุ ด คลองไทย
ต้องดาเนิ น แผนงานที่รัดกุมทั้งในด้านการลงทุน การก่อสร้าง แผนการบริหารจัดการ บารุงรักษา
ภายหลั ง การก่ อ สร้ า งแล้ ว เสร็ จ จึ ง จ าเป็ น ต้ อ งมี ก ารตรากฎหมายที่ ร องรั บ การก ากั บ ควบคุ ม
การบริห ารงานคลองไทยอย่ างรั ดกุม รอบคอบและจากการศึกษากฎหมายประกอบรัฐธรรมนู ญ
ของสาธารณรัฐปานามาและบริบทของสังคมไทย เห็นควรเสนอให้มีการจัดทาร่างพระราชบัญญัติ
ว่าด้ ว ยองค์ กรผู้ มี อ านาจบริ ห ารจั ด การคลองไทย พ.ศ. ....ขึ้ น เพื่ อเป็ น แนวทางในการก ากั บ ดู แ ล
โครงการคลองไทยได้อย่างเป็นเอกเทศไม่ผูกพันต่อกฎหมายว่าการคลังแผ่นดิน”
ข้อพิจารณา
หากรั ฐ บาลพิ จ ารณ าอย่ า งละเอี ย ด รอบคอบ แล้ ว เห็ น ว่ า การขุ ด คลองไทย
และการพัฒ นาพื้น ที่ระเบี ย งเศรษฐกิจภาคใต้เกิด ผลดีมากกว่าผลเสี ยและสามารถสร้างประโยชน์
ให้แก่ประเทศชาติ และประชาชนได้อย่างสูงสุด เห็นควรเสนอให้มีการตรากฎหมายเพื่อให้มีการจัดตั้ง
องค์กรควบคุมบริหารจัดการโครงการคลองไทยอย่างรัดกุ มทั้งในด้านการลงทุน การก่อสร้างแผนการ
บริห ารจั ดการ บ ารุ งรักษาภายหลั งการก่อสร้างแล้ วเสร็จ ตลอดจนการชดเชยเยียวยาประชาชน
ในพื้นที่อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อไป
บทที่ ๕
สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ
5.1 สรุปผลการศึกษา
การที่จ ะพิจ ารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒ นาพื้นที่ให้ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ
หลักการพิจารณา คือ การคานึงถึง “ผลประโยชน์ของชาติ” (National Interest) เป็นเป้าหมายสูงสุด
การศึ ก ษาข้ อ มู ล เ บื้ อ งต้ น ( Pre - Feasibility Study) ทั้ ง ด้ า นธรณี วิ ท ยา ด้ า นวิ ศ วกร ร ม
ด้านสิ่ งแวดล้ อม ด้านความมั่น คง ด้านเศรษฐกิจ ด้านกฎหมายฯ และทาการศึกษาเปรียบเทียบ
ความเหมาะสมในทุ ก ด้ า นทุ ก มิ ติ จะสามารถลดความเสี่ ย งและลดผลกระทบที่ อ าจเกิ ด ขึ้ น ได้
อย่ า งไรก็ ต ามที่ ส าคั ญ ที่ สุ ด คื อ “มติ ม หาชน” ที่ จ ะต้ อ งสร้ า งการรั บรู้ อ ย่า งรอบด้ า น สร้ า งการมี
ส่วนร่วมในการตัดสินใจและประชาพิจารณ์ ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้
๕.๑.๑ สรุปผลการศึกษาการขุดคลองไทย
๑) เห็ น ด้ ว ยกั บ การขุ ด คลองไทยทางภาคใต้ ข องประเทศไทย อั น เป็ น การเชื่อม
ระหว่างทะเลอันดามันมหาสมุทรอิน เดียและอ่าวไทยในมหาสมุทรแปซิฟิก และแนวคลองที่เหมาะสม
ที่ สุ ด คื อ แนวทางเส้ น ๙A ผ่ า น ๕ จั ง หวั ด ได้ แ ก่ จั ง หวั ด กระบี่ จั ง หวั ด ตรั ง จั ง หวั ด พั ท ลุ ง
จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสงขลา
๒) พิจารณาเห็นว่า การขุดคลองไทยอย่างเดียว ไม่สามารถจูงใจให้เกิดการลงทุน
ขนาดใหญ่ ไ ด้ จ าเป็ น จะต้ อ งพั ฒ นาพื้ นที่ ประกาศเป็ นเขตเศรษฐกิ จพิ เศษใน ๕ จั ง หวั ด ได้ แก่
จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสงขลา ซึ่งครอบคลุมไปถึง
การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง การทหาร โดยยกระดับให้เป็นมาตรฐานโลก
เพราะเป็น พื้น ที่ภูมิศาสตร์ ที่เหมาะสมแก่การพัฒ นาอย่างมีศักยภาพมากกว่าการเป็นคลองที่เ ป็น
เส้นทางการเดินเรือเพียงอย่างเดียว การเป็นศูนย์กลางพัฒนาของโลกในทุก ๆ ด้าน จะสร้างประโยชน์
แก่ประเทศไทยได้มากกว่าหลายเท่า
๓) สาหรับรูปแบบลักษณะของคลองที่จะขุด จากการพิจารณาศึกษาจากเอกสาร
และผู้มานาเสนอทัง้ ภาคเอกชนและภาครัฐ มีการเสนอหลากหลายรูปแบบ เช่น
๓.๑) การขุ ด คลองเดี ย วกว้ า งและลึ ก เพื่ อ ให้ เ รื อ ทุ ก ขนาดสวนทางกั น ได้
และเกิดความปลอดภัย
๓.๒) การขุดคลองเดียวกว้างและลึก ที่มีเกาะกลางบางช่วง เพื่อเป็นแหล่งพัฒนา
ทางด้านเศรษฐกิจ
๓.๓) การขุดเป็นคลองหลักขนานกัน จานวน ๒ คลอง ที่ระดับความลึกต่า งกัน
โดยแบ่ ง ตามระดั บ ความลึ ก ของเรื อ ระหว่ า งเที่ ย วไปกั บ เที่ ย วกลั บ ที่ บ รรทุ ก สิ น ค้ า ไม่ เ หมื อ นกั น
(โดยเฉพาะน้ามัน) ข้อดี คือ ดินที่ขุดปริมาณน้อ ยกว่าและลงทุนน้อยกว่าแนวทางแรก แต่อาจจะ
กระทบกั บ สิ่ ง แวดล้ อ มและวิ ถี ชี วิ ตของประชาชนในถิ่ นที่ อ ยู่ แ นวคลองมากกว่ า ในโอกาสต่ อ ไป
อาจพัฒนาให้คลองกว้างขึ้นโดยเชื่อมสองคลอง
๓.๔) การขุดคลองหลัก จานวน ๒ คลอง เส้นยาวจากฝั่งทะเลอันดามันไปทะลุ
ทะเลอ่าวไทย ห่างกัน ๑๐ กิโลเมตร ขุดตามแนว ๙A มีเส้นทางเชื่อมระหว่าง ๒ คลอง จานวน ๒ จุด
๒๐๔
๑) นาดินไปถมชายหาดอ่าวไทยที่ถูกน้าทะเลกัดเซาะหายไปหลายกิโลเมตรตั้งแต่จังหวัด
สมุทรปราการ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จนถึงจังหวัดสงขลา
๒) นาดินไปทาเกาะเทียม ปากคลองด้านอ่าวไทย เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น เกาะสถานบันเทิง
ครบวงจร เกาะนกนางแอ่นเพื่อการท่องเที่ยว เกาะอุตสาหกรรมต่อเรือ โรงกลั่นน้ามันปิโตรเคมี
โกดังเก็บสินค้า ท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้า
๓.) เกาะเพื่ อ เชิ ด ชู ส ถาบั น ชาติ ศาสนาและสถาบั น พระมหากษั ต ริ ย์ เป็ น เกาะใหญ่
อยู่กลางอ่าวไทยขนาด ๒๐ ตารางกิโลเมตร
๔) เกาะทางด้านการทหารและความมั่นคง อุตสาหกรรมส่งดาวเทียมสู่อวกาศ
แนวคลองแบ่งออกเป็น ๓ ระดับความสาคัญ คือ
๑) AAA คือ พื้นที่ ระหว่างคลอง K๙ และ K๑๐ กว้าง ๑๐ กิโลเมตร ยาว ๑๓๕ กิโลเมตร
คิดเป็นพื้นที่ ๑,๓๕๐ ตารางกิโลเมตร
๒) AA คื อ พื้ น ที่ น อกคลอง K๙ และ K๑๐ ความกว้ า ง ๒๕ กิ โ ลเมตรความยาว ๑๓๕
กิโลเมตร ๒ ด้าน (รวม 50 กิโลเมตร x 135 กิโลเมตร) คิดเป็นพื้นที่ 6,750 ตารางกิโลเมตร
๓) A คือ พื้นที่ของ ๕จังหวัด คือ กระบี่ ตรัง สงขลา นครศรีธรรมราช และพัทลุง
ทั้งนี้ พื้น ที่ ๕ จั งหวัด จะมีแนวคลองพาดผ่ านยาว ๑๓๕ กิโ ลเมตร กว้าง ๖๐ กิโ ลเมตร
ถื อ ว่ า เป็ น ศู น ย์ ก ลางของเขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ) เป็ น เนื้ อ ที่ ๘,๑๐๐
ตารางกิโลเมตร (AAA+ AA) ส่วนพื้นที่ A ใน ๕ จังหวัดที่เหลืออยู่จะมีความพิเศษน้อยกว่า AAA
และ AA
การออกกฎหมายเพื่อบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (The Golden
Ax Special Economic Zone : GASEZ) ในพื้ น ที่ 5 จั ง หวั ด จะต่ อ ยอดจากพระราชบั ญ ญั ติ
เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 แต่จะพิเศษกว่า เพราะเป็น Smart City ระดับโลก
แห่ ง ใหม่ ล่ า สุ ด ของโลกและต้ อ งออกกฎหมายใหม่ เ ฉพาะเขตเศรษฐกิ จ ขวานทองภาคใต้
(The Golden Ax Special Economic Zone : GASEZ) รวมถึงหากจาเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไข
กฎหมายเวนคืนที่ดินเพื่อบริหารจัดการในพื้นที่ 8,100 ตารางกิโลเมตรและบางจุดของ 5 จังหวัด
กฎหมายพาณิ ช ย์ น าวี กฎหมายการเดิ น เรื อ กฎหมายการเงิ น การคลั ง กฎหมายสิ่ ง แวดล้ อ ม
และกฎหมายสิทธิพิเศษต่าง ๆ เกี่ยวกับสวัสดิการสังคมใน 5 จังหวัด เป็นต้น
ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ) และคลองไทย
(Thai Canal) ถูกจัดสรรเพื่อพัฒนาในภาคส่วนต่าง ๆ ดังนี้
๑) พัฒนาพื้นที่ AAA AA และA ใน ๕ จังหวัด
๒) บารุงพัฒนาจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้อีก ๙ จังหวัด ร้อยละ ๑๔
๓) จัดสรรงบประมาณไปช่วยพัฒนา ๖๓ จังหวัด ร้อยละ ๒๐
๔) จัดสรรงบประมาณเพื่อความมั่นคงของ ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ร้อยละ ๑๓
๕) จัดสรรเงินกองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ) ร้อยละ ๒
๖) กองทุนวิจัยและพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้ (GASEZ) ร้อยละ ๑
๒๐๖
5) เสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม/กระทรวงสาธารณสุข/กระทรวง
อุตสาหกรรม/กระทรวงมหาดไทย ๑. ควรจัดทารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้ อม EIA
(Environmental Impact Assessment) และจั ด ท ารายงานประเมิ น ผลกระทบต่ อ สุ ข ภาพ EHIA
(Environmental Health Impact Assessment) ๒. ควรมี ก ารประสานรั บ ฟั ง ความคิ ด เห็ น
และให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้ อมของโครงการขุดคลองไทย
เนื่องจากปัจจุบันโครงการขุดคลองไทยมีข้อมูล ที่เกี่ยวข้องและมีข้อมูล ที่คลาดเคลื่ อนแตกต่ างกัน
เป็นจานวนมาก (ควรดาเนินการข้อ ๑ - ๒ ให้แล้วเสร็จภายใน ๒ ปี)
ด้านที่ 2 ผลกระทบด้านสังคม
1) เสนอให้กระทรวงมหาดไทย/สานักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดาเนินการ ดังนี้
(๑) ศึกษาอัตราค่าเวนคืนและชดเชยที่เหมาะสมและเป็นธรรมที่ได้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ เช่น
กาหนดอัตราการเวนคืนที่ดินในเขตพื้นที่คลองไทยสูงกว่าอัตราการประเมินที่ดินปกติ เป็นต้น
(๒) จัดหาพื้นที่อยู่อาศัยและทากิน ทดแทนในบริเวณโครงการคลองไทย รวมทั้งการตั้ง
กองทุนเยียวยาผู้ได้ผลกระทบและครอบครัวให้สามารถตกทอดเป็นมรดกแก่ทายาท มีการรับฟัง
ความคิ ด เห็ น ของทุ ก ภาคส่ ว นภาครั ฐ เอกชน ภา คประชาชนเพื่ อ ประเมิ น ความพึ ง พอใจ
(ควรดาเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปี)
2) เสนอให้ กระทรวงศึก ษาธิก าร ควรพิจารณาศึกษาปรับปรุง หลั กสู ตรการเรียนการสอน
ให้ ส อดคล้ องรองรั บ กับ สภาพสั งคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ ยนแปลงไป (ควรดาเนินการให้ แล้ ว เสร็จ
ภายใน ๑ ปี)
3) เสนอให้กระทรวงวัฒนธรรม ดาเนินการ ดังนี้
(๑) ศึกษาวิจัยการเปลี่ยนแปลงทางสังคมการไหลบ่าของวัฒนธรรมต่างชาติ การปะทะ
สังสรรค์ทางสังคม ซึ่งอาจส่งผลกระทบทาให้เกิดความเหลื่อมล้าของคนในพื้นที่ เกิดปัญหาสังคม
ปั ญหาอาชญากรรมที่เกิดจากความเป็นเมือง อาจส่ งผลกระทบต่อโบราณสถานและโบราณวัตถุ
และการวิตกกังวลเกี่ย วกั บ การดาเนินโครงการขุดคลองที่อาจต้องแบ่งแยกพื้นที่ออกเป็นสองฝั่ง
เสมื อ นแบ่ ง แยกแผ่ น ดิ น อย่ า งถ่ อ งแท้ ต ามที่ ป ระชาชนเกิ ด ความกั ง กลก่ อ นลงไปท าความเข้ า ใจ
ในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
(๒) ศึกษาการใช้รู ป แบบการพัฒ นาทรัพยากรมนุษย์ให้ ตอบสนองกับเศรษฐกิจในแนว
โครงการคลองไทยทั้ง ด้านอุตสาหกรรม พาณิชย์นาวี การท่องเที่ยว การเกษตร ปศุสัตว์ การประมง
(ควรดาเนินการข้อ ๑ - ๒ให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปี)
ด้านที่ ๓ ผลกระทบด้านความมั่นคง
1) เสนอให้สานักนายกรัฐมนตรี ดาเนินการ ดังนี้
(๑) ให้ กอ.รมน. ศึกษาผลกระทบต่อความมั่นคงภายในอันเกิดจากภัยสังคมรูปแบบต่าง ๆ
ที่ เ พิ่ ม มากขึ้ น จากการขุ ด คลองไทย ควรพิ จ ารณาภั ย คุ ก คามในรู ป แบบเดิ ม และรู ป แบบใหม่
รวมทั้งโครงสร้างกาลังต้องปรับปรุงให้เหมาะสมหากเกิดโครงการขุดคลองไทย
๒๐๘
แล้วเสร็จตลอดจนการชดเชยเยียวยาประชาชนในพื้นที่อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม (ควรดาเนินการ
ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ ปี)
2) เสนอให้คณะรัฐมนตรี ดาเนินการ ดังนี้
(๑) พิจารณาออกพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการโครงการคลองไทย
พ.ศ. …. เพื่อให้มีองค์กรหรือหน่วยงานองค์กรควบคุมการบริหารจัดการโครงการคลองไทยอย่าง
รัดกุมทั้งด้านการลงทุน การก่อสร้าง แผนบริหารจัดการ การชดเชยผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม
และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
(๒) ผลั ก ดั น และสนั บ สนุ น ให้ โ ครงการศึ ก ษาคลองไทยเป็ น วาระแห่ ง ชาติ เ พื่ อ ให้ เ กิ ด
การศึกษาเชิงลึกอย่างถ่องแท้ เพื่อให้ได้ข้อยุติว่าควรดาเนินการอย่างไร พร้อมทั้งส่งเสริมให้รัฐมนตรีที่
เกี่ยวข้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และประชาชนทั่วประเทศ (ควรดาเนินการให้แล้ว
เสร็จภายใน ๓ ปี)
3) เสนอให้สานักงบประมาณ สนับสนุนงบประมาณในการศึกษาเกี่ยวกับโครงการคลองไทย
อย่างรอบด้านให้เหมาะสม (ควรดาเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓ ปี)
5.2 ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและพัฒนาพื้นที่
ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาโดยเสนอแนะให้รัฐบาลสั่งการหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องพิจารณาดาเนินการ ดังนี้
๑) การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ จะต้องดาเนินการด้วยกฎหมาย
พิเศษขึ้นมาฉบั บหนึ่ ง ที่มีลั กษณะแนวทางเดียวกั บพระราชบั ญญัติ เขตพัฒนาพิ เศษภาคตะวั นออก
พ.ศ. ๒๕๖๑ (Eastern Economic Corridor Act : EEC Act)
๒) ต้ อ งมี ก ารศึ ก ษาขั้ น สมบู ร ณ์ (Full Feasibility Study) อย่ า งละเอี ย ด ถี่ ถ้ ว นเพื่ อ ให้
ลดผลกระทบในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสิ่ งแวดล้ อมและด้านความมั่นคงของประเทศ
การศึกษาข้อมูลทั้งด้านธรณีวิทยา ด้านวิศวกรรม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ
ด้านกฎหมาย ด้านสังคม ฯ เปรียบเทียบความเหมาะสมในทุกด้าน ทุกมิติ จะสามารถลดความเสี่ยง
และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
๓) รัฐบาลต้องประกาศให้ การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
เป็น “วาระแห่งชาติ ” เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติที่จะต้องดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในกาหนด
ระยะเวลา
๔) มีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายและการขับเคลื่อนการขุดคลองไทยและการพัฒนา
พื้น ที่เขตเศรษฐกิ จ พิเศษภาคใต้ โดยมีนายกรัฐ มนตรีเป็นประธานและรองนายกรัฐ มนตรีที่ได้รับ
มอบหมายเป็นรองประธาน รัฐมนตรีทุกกระทรวงเป็นกรรมการ มี สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ พร้อมทั้งรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณหรือหาแหล่ง
ทุนเพื่อการศึกษาเชิงลึกในการดาเนินงานในทุกมิติทั้งภาพรวมและเชิงพื้นที่ ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อน
ในมิติทางด้านสังคมและด้านอื่น ๆ อีกด้วย
๒๑๐
๗. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
จากการประชุมพิจารณาศึกษา การเดินทางไปศึกษาดูงาน และการจัดสัมมนา ตลอดจน
การรวบรวมเอกสารข้ อ มู ล ต่ า ง ๆ คณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ พิ จ ารณาศึ ก ษาการขุ ด คลองไทย
และพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร มีข้อสังเกต ดังนี้
1) สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ควรดาเนินการของบประมาณ
เพื่อศึกษาความเป็น ไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) ให้เพียงพอที่จะศึกษาให้ ครอบคลุ ม
ทุกมิติ ทุก ประเด็นและพื้นที่ เพื่อให้ส ามารถดาเนินการศึกษาความเป็นไปได้ อย่างเต็มรู ป แบบ
(Full Feasibility Study) ต่อไป
๒) การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) จะต้องศึกษาให้ครบถ้วน
ทุกประเด็น ไม่ว่าประเด็นด้านความมั่นคงระดับโลก ความมั่นคงภายในประเทศ แหล่งเงินลงทุน
ที่ควรมาจากหลายแหล่งทั้งจากประเทศฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกและต้องทราบถึงความต้องการ
ของผู้ ม าใช้ บ ริ ก ารผ่ า นคลองไทยด้ ว ยและต้ อ งมี ก ารศึ ก ษาขั้ น สมบู ร ณ์ (Full Feasibility Study)
อย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้ลดผลกระทบในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสิ่งแวดล้อมและด้าน
ความมั่ น คงของประเทศ การศึ ก ษาข้ อ มู ล ทั้ ง ด้ า นธรณี วิ ท ยา ด้ า นวิ ศ วกรรม ด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ ม
ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านกฎหมาย ด้านสังคมและวัฒนธรรม เปรียบเทียบความเหมาะสม
ในทุกด้านทุกมิตจิ ะสามารถลดความเสี่ยงและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
๓) รัฐบาลควรประกาศให้การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
เป็น “วาระแห่งชาติ” ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติที่จะต้องดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในกาหนด
ระยะเวลา
๔) ควรมี การจั ดตั้ งคณะกรรมการนโยบายและการขั บเคลื่ อนการขุ ดคลองไทยและการพั ฒนา
พื้ น ที่ เ ขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษภาคใต้ โดยมี น ายกรั ฐ มนตรี เ ป็ น ประธานและรองนายกรั ฐ มนตรี
ที่ได้รับมอบหมายเป็นรองประธาน ตลอดจนรัฐมนตรีทุกกระทรวงเป็นกรรมการและมีสานักงานสภา
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ
๕) รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณหรือหาแหล่งทุนเพื่อการศึกษาเชิงลึกในการดาเนินงาน
ในทุ กมิ ติ ทั้ งภาพรวมและเชิ งพื้ นที่ ควบคู่ ไปกั บการขั บเคลื่ อนในมิ ติ ทางด้ านสั งคมและด้ านอื่ น ๆ อี กด้ วย
อย่ า งไรก็ ต าม การที่ จ ะพิ จ ารณาศึ ก ษาการขุ ด คลองไทยและการพั ฒ นาพื้ น ที่ ใ ห้ เ ป็ น เขต
เศรษฐกิจพิเศษ หลักการพิจารณาคือ การคานึงถึง “ผลประโยชน์ของชาติ ” (National Interest)
เป็ น เป้ า หมายสู ง สุ ด การศึ ก ษาข้ อ มู ล เบื้ อ งต้ น (Pre - Feasibility Study) ทั้ ง ด้ า นธรณี วิ ท ยา
ด้านวิศวกรรม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านกฎหมาย ฯ และทาการศึกษา
เปรี ย บเที ย บความเหมาะสมในทุ ก ด้ า นทุ ก มิ ติ จ ะสามารถลดความเสี่ ย งและลดผลกระทบ
ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามที่สาคัญที่สุด คือ “มติมหาชน” ที่จะต้องสร้างการรับรู้อย่างรอบด้าน
สร้างการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและประชาพิจารณ์
๖) ควรปรับรูปแบบในการดาเนินการโดยกาหนดให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงก่อน
เช่ น กรมเจ้ า ท่ า หรื อ ส านั ก งานนโยบายและแผนการขนส่ ง และจราจรเป็ น หน่ ว ยงานที่ ศึ ก ษา
ความเป็นไปได้ของโครงการเพื่อเสนอต่อรัฐบาลและให้สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติเป็นหน่วยงานกลั่นกรองก่อนที่รัฐบาลจะพิจารณาอนุมัติโครงการก่อสร้างต่อไป
๒๑๓
๗) การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ถือว่าเป็นการดาเนินงาน
โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Project) จะต้องดาเนินการด้วยกฎหมายพิ เศษที่ มี
ลักษณะแนวทางเดียวกับพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑ (Eastern
Economic Corridor Act : EEC Act) ดังนั้น จึงควรตั้งองค์กรลักษณะเดียวกับ เขตเศรษฐกิจพิเศษ
ภาคตะวั น ออก (Eastern Economic Corridor) โดยตราเป็ น พระราชบั ญ ญั ติ ขึ้ น มาโดยเฉพาะ
เพื่อดาเนินการ หากนาหน่วยงานขนาดเล็กมาดาเนินการย่อมไม่มีทางสาเร็จเพราะโครงการดังกล่าว
เป็นการเชื่อมโยงการพัฒนาประเทศในทุกมิติทั้งด้านการท่องเที่ยว การเกษตรกรรม การขนส่งสินค้า
และถือเป็นการสร้างศักยภาพในการแข่งขันกับนานาชาติ นอกจากนี้จะต้องมี การศึกษาให้รอบด้าน
อย่างแท้จริงและกาหนดขอบเขตการศึกษาอย่างชัดเจน
๘) ควรน าบทเรี ย นเขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษอิ ส กั น ดาร์ ประเทศมาเลเซี ย มาเป็ น แนวทาง
ในการศึ กษาด้ านการบริ ห ารจั ดการเขตเศรษฐกิ จพิ เศษ เพราะเขตเศรษฐกิ จพิ เศษอิ สกั นดาร์
สหพันธรัฐมาเลเซีย เป็นประเทศในเอเชียที่ประสบความสาเร็จในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษมา
เป็นกรอบแนวทางในการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) และการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจ
พิเศษใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสงขลา
ภายใต้ชื่อ “เขตเศรษฐกิจพิเศษขวานทองภาคใต้” (The Golden Ax Special Economic Zone : GASEZ)
เพื่อเป็นการขับเคลื่อนและพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศไทยในภาคใต้ นอกจากนี้ควรนา
บทเรียนการบริหารท่าเรือ PSA (Port of Singapore Authority) ที่ได้รับการยกย่องว่าบริหารงานดี
ที่ สุ ด แห่ ง หนึ่ งในโลก โดยเฉพาะความทั น สมั ย ในด้า นเทคโนโลยี ส ารสนเทศมาเป็ นบทเรี ยนใน
การศึกษาการบริหารท่าเรือด้วยเช่นกัน
๙) หากมีโครงการขุดคลองไทยจะส่งผลดีสาหรับการรักษาความมั่นคงทางทะเล เนื่องจาก
สามารถสนับสนุ นและส่ งเสริ มให้ กาลังทางเรือสามารถเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างกันได้สะดวกหากถูกปิดล้อม
และหากเกิดภัยพิบัติฝั่งใดฝั่งหนึ่ง กาลังทางเรืออีกฝั่งสามารถเข้าช่วยเหลือและสนับสนุนการรบได้
รวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในบริบทด้านความมั่นคงเพื่อรองรับโครงการขุดคลองไทย หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องควรมีการศึกษาและดาเนินการ ดังนี้
(๑) กองบัญชาการกองทัพไทย ศึกษาการอานวยการยุทธร่วม/ผสมระหว่างเหล่าทัพ
และกองทัพต่างประเทศในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยหากเกิดโครงการขุดคลองไทย
(๒) กองทัพบก ศึกษาผลกระทบและแนวทางการรั ก ษาความมั่น คงทางภาคพื้ น ดิ น
ที่เปลี่ยนแปลง และการจัดโครงสร้างกองกาลังทางบกที่เหมาะสมหากเกิดโครงการขุดคลองไทย
(๓) กองทั พ เรื อ ศึ ก ษาผลกระทบและแนวการรั ก ษาความมั่ น คงทางทะเลในพื้ น ที่
รับผิดชอบ และเส้นทางการคมนาคมทางทะเลที่เกี่ยวเนื่องกับคลองไทย รวมทั้งการจัดโครงสร้าง
กองกาลังทางเรือที่เหมาะสมหากเกิดโครงการขุดคลองไทย
(๔) กองทัพอากาศ ศึกษาผลกระทบและแนวทางการรักษาความมั่นคงในห้วงอากาศ
และอวกาศและการจัดโครงสร้างกาลังทางอากาศที่เหมาะสมหากเกิดโครงการขุดคลองไทย
(๕) สานักงานตารวจแห่งชาติ ศึกษาผลกระทบและแนวทางในการการรักษากฎหมาย
และการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่การขุดคลองไทยและการจัดโครงสร้างกาลังที่บังคับใช้กฎหมาย
หากเกิดโครงการขุดคลองไทย
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
กชกร โกทนุท. (2558). พัฒนาการเชิงนโยบายการพัฒนาเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางภาคพื้นสมุทร.
ภาคนิ พ นธ์ ศิ ล ปศาสตรบั ณ ฑิ ต (สาขาเอเชี ย ตะวั น ออกเฉี ย งใต้ ศึ ก ษา) คณะศิ ล ปศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
กมลา สาครมณีรัตน์. (๒๕๕๘). มาตรการทางกฎหมายในการป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบจากการถมทะเล.
นิติศาสตรมหาบัณฑิต (กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์. (2557). กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้า
โขง : GMS. สื บ ค้ น เมื่ อ 12 สิ ง หาคม 2563. แหล่ ง ที่ ม า : www.dft.go.th/ Portals/5/.../
กรอบ%20GMS@20110808-1744546017.doc.
กรมควบคุ ม มลพิ ษ , กระทรวงทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล้ อ ม. (๒๕๕๔). รายงานสถานการณ์
เรื่ องมาบตพุด กับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม จังหวัดระยอง. กรุ ง เทพฯ : ส านั ก จั ด ก าร
คุ ณ ภาพอากาศและเสียง.
กรมควบคุมมลพิษ, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2562). (ร่าง) Roadmap การจัดการ
ข ย ะ พ ล า ส ติ ก พ . ศ . 2 5 6 1 – 2 5 7 3 ( Thailand’s Roadmap on plastic Waste
Management 2018 – 2030) [ออนไลน์].2562 แหล่งที่มา : https://www.facebook.com/
PCD.gp.th/photos/pcb.2209593882457320/2209593499124025/
?type=3&theater.
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิช ย์. (2557). ความร่ วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย -
แปซิฟิก. สืบค้นเมื่อ 12 สิงหาคม 2563. แหล่งที่มา : http://www.dtn.go.th
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ. (๒๕๕๖). Country Profile ญี่ปุ่น. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2556,
จาก www.thaifta.com/ThaiFTA/Portals/0/ctr1_jp070911.pdf.
กรมเจรจาการค้ า ระหว่ า งประเทศ. (๒๕๕๘). Country Profile เกาหลี . สื บ ค้ น เมื่ อ วั น ที่ 8 มกราคม
2558, แหล่งที่มา : www.thaifta.com/ThaiFTA/Portals/0/ctr_kr070911.pdf.
กรมทรั พ ยากรทางทะเลและชายฝั่ ง กระทรวงทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล้ อ ม. (๒๕๕๓).
ป่าชายเลนและการกักเก็บมลพิษริมฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์
การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง , กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2562). การด้าเนินงาน
ในภาพรวมของ ทช. เกี่ ย วกั บ โครงการพื้ น ที่ ส าธิ ต การบริ ห ารจั ด การขยะทะเลครบวงจร
อย่างมีส่วนร่วมระยอง. แหล่งที่มา : https://www.dmcr.go.th/miniprojects/147/37514.
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง. (2556). ข้อมูลสมุทรศาสตร์ฝั่งอันดามัน. สืบค้นเมื่อ 15 ธันวาคม
2563. แหล่งที่มา : http://km.dmcr.go.th/th/c_263/d_1137.
กรมทรั พยากรทางทะเลและชายฝั่ ง. (2563). ระบบฐานข้ อมู ลกลางและมาตรฐานข้ อมู ลทรั พยากรทางทะเล
และชายฝั่ ง (Central Database System and Data Standard for Marine and Coastal Resources,
“ลักษณะ เด่นของพื้นที่ตามข้อก้าหนด”. กรมทรั พ ยากรทางทะเลและชายฝั่ ง .
๒๑๖
กิตติกุล ลิ่ มสกุล . (2541). การศึกษาเพื่อเปรี ยบเทียบศักยภาพท่า เรื อแหลมฉบังและท่า เรื อกรุ งเทพ.
กรุงเทพฯ : สถาบันพาณิชย์นาวี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เกรี ย งศั ก ดิ์ เจริ ญ วงศ์ ศั ก ดิ์ . (2554). การคิ ด เชิ ง บู ร ณาการ Integrative Thinking. กรุ ง เทพฯ :
บริษัทซัคเซส มีเดีย จากัด.
ขวัญใจ เตชเสนสกุล. (กรกฎาคม 2556). Iskandar กระจกสะท้อนการพัฒนาของมาเลเซีย ธนาคารเพื่อ
การส่ ง ออกและน้ า เข้ า แห่ ง ประเทศไทย. สื บ ค้ น 15 สิ ง หาคม 2563 แหล่ ง ที่ ม า :
http://www.exim.go.th/doc/newsCenter/42859.pdf.
คณะกรรมาธิการขับ เคลื่อนการปฏิรู ปประเทศด้านสาธารณสุ ขและสิ่ งแวดล้อม. (2561). รายงานเรื่ อง
“ข้ อ เสนอแนะเชิ ง นโยบายเรื่ อ งการแบ่ ง เขตการใช้ ป ระโยชน์ แ ละก้ า หนดพื้ น ที่ คุ้ ม ครอง
ทางทะเล”. กรุงเทพฯ : สานักกรรมาธิการ 3, สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชย์ การท่องเที่ยวและบริการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.).
(๒๕๕๘). รายงานเรื่อง “วาระพัฒนาระบบโลจิสติกส์ : แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและ
โลจิสติกส์และร่างพระราชบัญญัติส้านักงานโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์แห่งชาติ พ.ศ....”.
กรุงเทพฯ : สานักกรรมาธิการ 1 สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ วุฒิสภา พุทธศักราช ๒๕๔๘.
(๒๕4๘). ผลการศึกษาโครงการขุดคลองไทย. กรุงเทพฯ : สานักงานเลขาธิการวุฒิสภา.
คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ วุฒิสภา.(2547). รายงานของ
คณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ เพื่ อ ศึ ก ษาความเป็ น ไปได้ ข องโครงการขุ ด คอคอดกระ วุ ฒิ ส ภา.
กรุงเทพฯ : สานักการพิมพ์สานักงานเลขาธิการวุฒิสภา.
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (๒๕๕๑). รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาเพื่อจัดทาข้อเสนอใน
การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเขตมาบตาพุด
และจังหวัดระยอง. เชียงใหม่ : คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
คณะส ารวจพื้น ที่เกิดเหตุดิน ถล่ มภาคเหนื อ ตอนล่ า ง. (2550). เหตุการณ์ ธ รณี พิบัติภัยดิน ถล่ ม บริ เ วณ
ภาคเหนือตอนล่าง : รายงานวิชาการ. กรุงเทพฯ : กองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม, กรมทรัพยากรธรณี,
ฉบับที่ กธส. 2/2550, 61 หน้า.
คณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573. (2561).
รายงานการประชุ ม คณะอนุ ก รรมการบริ ห ารจั ด การขยะพลาสติ ก ครั้ ง ที่ 1 /2561.
สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2563. แหล่งที่มา : http://www.pcd.go.th/ Info_serv/File/17-
09-62/01.pdf.
คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาการขุดคอคอดกระในคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร. (๒๕๔๓).
“บทสรุปย่อ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ”. ๒๕๔๓.
คุ ณ ภาพชี วิ ต - สั ง คม, แฟ้ ม ภาพ. (2562). “มหิ ด ลแนะปลู ก ต้ น ไม้ 5 ชนิ ด ประสิ ท ธิ ภ าพดั ก ฝุ่ น
ระดับ 4 ดาว”.กรุงเทพธุรกิจ (19 มกราคม 2562) : 1 หน้า.
เครือข่ายเฝ้าระวังรักษาชายหาด (Beach Watch Network). (๒๕๕๖). การเติมทรายและการถ่ายเททราย.
สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2563, แหล่งที่มา http://www.bwn.psu.ac.th/ beachfill.html.
๒๑๘
จตุ พ ร ศุ ข เฉลิ ม . (๒๕๕๓). การศึ ก ษาความเป็ น ไปได้ เ ชิ ง พาณิ ช ย์ ด้ ว ยระบบเทคโนโลยี ย กเรื อ ส้ า หรั บ
โครงการคลองกระ. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารกิจการทางทะเล
(สหสาขาวิชา) บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จิรพันธ์ หมวดจันทร์. (๒๕๕๕). สถานการณ์การบุกรุกป่าชายเลนของประเทศไทย, เอกสารวิชาการฉบับที่
3/2555. สานั กอนุ รั กษ์ทรั พยากรป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ ง กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.
จิรากรณ์ คชเสนี. (2556). นิเวศพัฒนาเพื่อความยั่งยืน. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จุมพต สายสุนทร. (2550). กฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ : วิญญูชน.
จุลชีพ ชินวรรโณ (2547). ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ : แนวคิด ทฤษฎีและกรณีศึกษา. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ฉวี ว รรณ สายบั ว . (๒๕๔๔). รายงานการวิ จั ย การก้ า หนดและการด้ า เนิ น การตามนโยบายเพื่ อ
สาธารณประโยชน์ : กรณีนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมมาบตาพุด. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
เฉลิมพงศ์ ตั้งบริบูรณ์รัตน์และนายเจตนา เหล่ารักวงศ์. (2552). กรณีศึกษาเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองเซินเจิ้น
กับทางเลือ กในการพั ฒนาเศรษฐกิจ ประเทศไทย. สื บค้น 11 สิ งหาคม 2563 แหล่ งที่มา :
http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/articles/detail.php?IBLOCK_ID=70&SEC
TION_ID=507&ELEMENT_ID=567.
ชมรมอาสาสมั ค รเพื่ อ ให้ ค วามช่ ว ยเหลื อ ทางวิ ท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี แ ก่ ป ระชาชน (อชวท.)
ในสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์. (๒๕๓๒). คลองกระกับอนาคต
ของไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชรินทร์ หาญสืบสาย. (2557). เรื่องเล่าจาก ส.ว. เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด. สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม
2563. แหล่ ง ที่ ม า : http://www.senate.go.th/w3c/senate/pictures/comm/
warasarn/feb.pdf.
ช่อฉัตร กระเทศ. (๒๕๖๐). ยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางทะเลของไทยรองรับการขยายอิทธิพลทางทะเล
ของจี น ในทะเลจี น ใต้ แ ละมหาสมุ ท รอิ น เดี ย . หลั ก สู ต รการป้ อ งกั น ราชอาณาจั ก ร รุ่ น ที่ ๕๙.
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร.
ช่อฉัตร กระเทศ. China and India Ocean. นาวิกศาสตร์. ปีที่ ๙๖ เล่ม ๑, ๒๕๕๖. หน้า ๘ - ๑๐.
ชาญชัย คุ้มปัญญา. แผนความร่วมมือป้องกันประเทศสหรัฐฯ - ญี่ปุ่น. คอลัมน์สถานการณ์โลก, ไทยโพสต์.
ปีที่ ๑๙ (ฉบับที่ ๖๗๕๒) วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘.
ชาติรส สัมมะวัฒนา. (2557). แต้มต่อการค้าชายแดนไทย : เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน. สืบค้นเมื่อ
13 สิ ง ห า ค ม 2 5 6 3 . แ ห ล่ ง ที ่ ม า : http://www.bts.dft.go.th/btsc/files/
Document analysiselse/4.pdf.
ชุมพร ปัจจุสานนท์และคณะ. (2553). การศึกษากระบวนการการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ
ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982. กรุงเทพฯ : สานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
๒๑๙
ปราโมทย์ โศจิ ศุ ภ ร, ศุ ภิ ชั ย ตั้ ง ใจตรงและสมมาตร เนี ย มนิ ล . (2546). Eye on the Ocean
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 : ฟิสิกส์ในทะเล. กรุงเทพฯ : สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ.
ปาริชาต โชติยะ. (2539). รายงานผลกระทบทางสังคม. กรุงเทพฯ : สถาบันนโยบายศึกษา.
ปาริชาต โชติยะและคณะ. (๒๕๓๙). คู่มือแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบ
ต่อสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพฯ : สานักงานนโยบายและแผนร่วมกับสถาบันนโยบายการศึกษา.
ปิยนาถ ประยูร, ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ , พระมหาสุทิตย์ อบอุ่น. (2548). Systems thinking วิธีคิดกระบวน
ระบบ. กรุงเทพฯ : โครงการเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อชุมชนเป็นสุข (สรส.).
ผู้จัดการออนไลน์. (2557, 11 ตุลาคม). “ประจิน เทงบยุทธศาสตร์ทางนา 10 ปี 7.66 หมื่นล้าน สั่งผุด
แลนด์ บ ริ ด จ์ เ ชื่ อ มปากบาริ - สงขลา”. สื บ ค้ น เมื่ อ วั น ที่ 6 มกราคม 2558, แหล่ ง ที่ ม า :
https://mgronline.com/business/detail/9570000117168.
เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ และคณะ. (๒๕๕๐). ผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล : สถานการณ์และข้อเสนอ.
กรุงเทพฯ : สานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย. 2550.
ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค, ธนาคารแห่งประเทศไทย. (๒๕๖๓). ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๓ ชะลอตัวต่้ากว่า
ที่คาดและต่้ากว่าศักยภาพ. BOT MAGAZINE. ๒๕๖๓ (๑), ๔ - ๗.
พระราชบั ญญั ติ ก าหนดเขตจั งหวั ดในอ่ าวไทยตอนใน พ.ศ. 2502. (29 กั นยายน 2502). ราชกิ จจานุ เบกษา.
เล่ม 76 ตอนที่ 92 หน้าที่ 430.
พระราชบัญญัติเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ส้าหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. ๒๕๖๐. (๒๕๖๐,
๑๓ กุมภาพันธ์). เล่มที่ ๑๓๔, ตอนที่ ๑๙ ก. หน้า ๑-๑๐.
พระราชบั ญ ญั ติ ส่ ง เสริ ม การพาณิ ช ย์ น าวี พ.ศ. ๒๕๒๑. ๑๘ ธั น วาคม ๒๕๒๑. ราชกิ จ จานุ เ บกษา.
เล่ม ๙๕ ตอนที่ ๑๔๓ฉบับพิเศษ หน้า ๑-9.
พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐. (๒๕๖๐, ๒๔ มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา.
เล่มที่ ๑๓๔ ตอนที่ ๑๐ ก. หน้า ๔๗ - ๕๑.
พระราชบั ญ ญั ติ ส่ ง เสริ ม และรั ก ษาคุ ณ ภาพสิ่ ง แวดล้ อ มแห่ ง ชาติ (ฉบั บ ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑. (๒๕๖๑,
๑๙ เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๕. ตอนที่ ๒๗ ก. หน้า ๒๙ - ๔๓.
พระราชบั ญ ญั ติ ส่ ง เสริ ม และรั ก ษาคุ ณ ภาพสิ่ ง แวดล้ อ มแห่ ง ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕. (๒๕๓๕, ๔ เมษายน).
ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๐๙. ตอนที่ ๓๗. หน้า ๑ - ๓๗.
พระราชบั ญ ญั ติ ส ภาความมั่ น คงแห่ ง ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๙. (๒๕๕๙, ๒๖ กั น ยายน). ราชกิ จ จานุ เ บกษา.
เล่ม ๑๓๓. ตอนที่ ๘๕ ก. หน้า ๑ - ๘.
พั ช รี วี ร ะนนท์ . (3 ธั น วาคม 2562). พื้ น ที่ ชุ่ ม น้้ า ของประเทศไทย. สื บ ค้ น เมื่ อ 13 สิ ง หาคม 2563.
แหล่งที่มา : http://www.onep.go.th/พื้นที่ชุ่มน้าของประเทศ/.
พาลาภ สิ งหเสนี และคณะ. (๒๕๔๕). รายงานการวิจัยการมีส่วนร่ วมเพื่อคุณ ภาพชีวิตและชุมชนและ
การพั ฒ นาที่ ยั่ ง ยื น : กรณี ศึ ก ษาการแก้ ปั ญ หาสารพิ ษ ในนิ ค มอุ ต สาหกรรมมาบตาพุ ด .
กรุงเทพฯ : บริษัท อาษรโสภณ จากัด.
๒๒๒
ส านั ก ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งประเทศ กระทรวงศึ ก ษาธิ ก าร. (2557). ความเป็ น มาของ ASEM.
สืบค้นเมื่อ 12 สิงหาคม 2563. แหล่งที่มา : http://www.bic.moe.go.th/th/index.php?
สานักงบประมาณของรัฐสภา, สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (๒๕๖๓). รายงานเศรษฐกิจ การเงิน
การคลังภาครัฐระดับมหภาค. กรุงเทพฯ : สานักการพิมพ์ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สานักงานกฎหมาย มีชัย ฤชุพันธุ์ . (2547). รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์โครงการรูปแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษ.
กรุงเทพฯ : บริษัท สานักงานกฎหมาย มีชัย ฤชุพันธุ์ จากัด.
ส านั ก งานคณะกรรมการกฤษฎี ก า. “ถมทะเล (Land Reclamation)”. สื บ ค้ น เมื่ อ วั น ที่ 6 กุ ม ภาพั น ธ์
2556, แหล่งที่มา : http://www.lawreform.go.th/lawreform/index. php?
สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2546). สรุ ป Special Economic Zone Laws ของต่า งประเทศ.
กรุงเทพฯ : สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา.
สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (4 เมษายน 2548). เขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone.)
กรุงเทพฯ : สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา.
ส านั กงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. “ถมทะเล (Land Reclamation)”. สื บค้นเมื่อ 6 สิ งหาคม 2563,
แหล่งที่มา : http://www.lawreform.go.th/lawreform/index.php?
สานักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ , กระทรวงพลังงาน. ทะเลจีนใต้และหมู่เกาะสแปรทลีย์
ชนวนแห่ ง ความขั ด แย้ ง ด้ า นสิ ท ธิ ค รอบครอง. วารสารนโยบายพลั ง งาน. ฉบั บ ที่ ๕๑,
(มกราคม - มีนาคม ๒๕๔๔). หน้า ๗๖ - ๘๒.
สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สานักนายกรัฐมนตรี. (2559). แผนพัฒนา
เศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชาติ ฉบั บ ที่ 12 พ.ศ. 2560 – 2564. กรุ ง เทพฯ : ส านั ก งาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สานักนายกรัฐมนตรี.
สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2552). การขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์การ
ผลิตที่ยั่งยืนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรในภาคการผลิตและการบริการ. กรุงเทพฯ :
สามารถก๊ อ ปปี้ .
ส านั ก งานคณะกรรมการพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชาติ . (๒๕๕๖). รายงานการศึ ก ษาเรื่ อ ง
การพั ฒ นาพื้ น ที่ ช ายฝั่ ง ทะเลภาคใต้ . สื บ ค้ น เมื่ อ วั น ที่ 6 มกราคม 2556, แหล่ ง ที่ ม า :
http://www.nesdb.go.th.
ส านั กงานคณะกรรมการพัฒ นาการเศรษฐกิจ และสั ง คมแห่ ง ชาติ. (2557จ). รายงานการศึ กษาดูงาน
การบริ ห ารจั ด การเขตเศรษฐกิ จ พิ เ ศษอิ ส กั น ดาร์ ประเทศมาเลเซี ย และการวางผั ง เมื อ ง
ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 26 - 28 มีนาคม 2557. กรุงเทพฯ : สานักงานคณะกรรมการ
พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.). (2563). รายงานการวิเคราะห์
สถานการณ์ เศรษฐกิจ สังคม ยุทธศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ ระดับพื้นที่ภาคใต้ตอนบน
(ภาคใต้ฝั่งอ่า วไทยและภาคใต้ฝั่งอัน ดามัน ). กรุงเทพฯ : คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).
๒๒๖
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็ น การพั ฒ นาการเรี ย นรู้ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐. กรุ ง เทพฯ : ส านั ก งานเลขานุ ก าร
ของคณะกรรมการยุ ท ธศาสตร์ ช าติ , ส านั ก งานคณะกรรมการพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และ
สังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นความมั่นคง พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์
ชาติ, สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็ น การปรั บเปลี่ยนค่า นิยมและวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : ส านักงาน
เลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ , สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็น การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงาน
เลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ , สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็ น ศั ก ยภาพการกี ฬ า พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุ ง เทพฯ : ส านั ก งานเลขานุ ก าร
ของคณะกรรมการยุ ท ธศาสตร์ ช าติ , ส านั ก งานคณะกรรมการพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และ
สังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นการบริหารจัดการน้้าทั้งระบบ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงานเลขานุการ
ของคณะกรรมการยุ ท ธศาสตร์ ช าติ , ส านั ก งานคณะกรรมการพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และ
สังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงานเลขานุการ
ของคณะกรรมการยุ ท ธศาสตร์ ช าติ , ส านั ก งานคณะกรรมการพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และ
สังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็ น การเติ บ โตอย่ า งยั่ ง ยื น พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐. กรุ ง เทพฯ : ส านั ก งานเลขานุ ก าร
ของคณะกรรมการยุ ท ธศาสตร์ ช าติ , ส านั ก งานคณะกรรมการพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และ
สังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็ น เศรษฐกิ จ ฐานราก พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุ ง เทพฯ : ส านั ก งานเลขานุ ก าร
ของคณะกรรมการยุ ท ธศาสตร์ ช าติ , ส านั ก งานคณะกรรมการพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และ
สังคมแห่งชาติ.
๒๒๘
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่บ ทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นอุตสาหกรรมและการบริการแห่งอนาคต พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงาน
เลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ , สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็ น การบริ การประชาชนและประสิ ทธิ ภ าพภาครั ฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ :
ส านั กงานเลขานุ ก ารของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ , ส านักงานคณะกรรมการพั ฒ นาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นพลังทางสังคม พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงานเลขานุการของคณะกรรมการ
ยุทธศาสตร์ชาติ, สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐.
กรุ งเทพฯ : ส านั กงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ , ส านักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงานเลขานุการของ
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ, สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงานเลขานุการของคณะกรรมการ
ยุทธศาสตร์ชาติ, สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นการเกษตร พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงานเลขานุการของคณะกรรมการ
ยุทธศาสตร์ชาติ, สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็ น โครงสร้ า งพื้ น ฐาน ระบบโลจิ ส ติ ก ส์ แ ละดิ จิ ตั ล พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ :
ส านั กงานเลขานุ ก ารของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ , ส านักงานคณะกรรมการพั ฒ นาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็นความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคม พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุงเทพฯ : สานักงาน
เลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ , สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ.
๒๒๙
ส านั กงานเลขานุ การของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ. (๒๕๖๑). แผนแม่ บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ ช าติ
ประเด็ น กฎหมายและกระบวนการยุ ติ ธ รรม พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐. กรุ ง เทพฯ :
ส านั กงานเลขานุ ก ารของคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์ช าติ , ส านักงานคณะกรรมการพั ฒ นาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
สานักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ. (๒๕๖๑). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐
(ฉบั บ ย่ อ ). กรุ ง เทพฯ : ส านั ก งานเลขานุ ก ารของคณะกรรมการยุ ท ธศาสตร์ ช าติ , ส านั ก งาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
สานักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ. (๒๕๖๒). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐.
พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : สานักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ช าติ , สานักงาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
ส านั กงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรงอุตสาหกรรมและสถาบันการขนส่ ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
(๒๕๕๐). รายงานการศึกษาฉบับสมบูร ณ์ โ ครงการผลักดัน อุตสาหกรรมต่อเรื อและซ่อ มเรื อ
แบบครบวงจร. กรุงเทพฯ : สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ส านั ก งานส่ ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่ อ ม(สสว.). (2553). สรุ ป ผลการศึ ก ษา SMEs
ประเทศไทย : บทบาทเชิงเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม. สื บค้นเมื่อ 25 ตุล าคม 2563
แ ห ล ่ ง ที ่ ม า : https://www.sme.go.th/upload/mod_download/ Chapter 7 -
20171024122055.pdf.
สานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช). (๒๕๕๘). นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๔.
กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา.
สานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช). (๒๕๕๘). แผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ -
๒๕๖๔. กรุงเทพฯ : สานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ.
ส านั ก งานสภาพั ฒ นาการเศรษฐกิ จ และสั ง คมแห่ ง ชาติ . (2562). รายงานการศึ ก ษาความเหมาะสม
ในรายละเอี ย ดของรู ป แบบการพั ฒ นาในพื้ น ที่ จั ง หวั ด ชุ ม พร – ระนองและ พื้ น ที่
จังหวัดสุราษฎร์ธานี - นครศรีธรรมราช : การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ อย่างยั่งยืน
(Southern Economic Corridor: SEC). กรุงเทพฯ : สานักยุทธศาสตร์และการวางแผนพัฒนา
พื้นที่ สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2563). แผนพัฒนาภาค พ.ศ. 2560 - 2565
(ฉบั บ ทบทวน) แผนพั ฒ นาภาคเหนื อ แผนพั ฒ นาภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ แผนพั ฒ นา
ภาคกลางและพื้นที่กรุงเทพมหานคร แผนพัฒนาภาคตะวันออก แผนพัฒนาภาคใต้ แผนพัฒนา
ภาคใต้ชายแดน. กรุงเทพฯ : สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
สานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ อม.
(๒๕๕๖). โครงการถมทะเลและก่อสร้างท่าเทียบเรือและคลังเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี.
สื บ ค้ น เมื ่ อ วั น ที ่ 17 ตุ ล าคม 2556 , แหล่ ง ที ่ ม า : http://eia.onep.go.th/pro-
info.php?id=4517.
๒๓๐
ภาษาอังกฤษ
A. Giordano and N.Filippi. (2014). Advantages and disadvantages of land use changes for
the preservation of soil resources. Review of soil conservation practice and the
need for related research. Accessed July 8, 2020, from : http: / / om. ciheam.
org /om/pdf/c01-2/95605231.pdf.
Aaron, M.C. (2007). Negotiating Outcomes : Expert Solutions to Everyday Challenges
(Pocket Mentor). Harvard Business Review Press; Illustrated edition (May 16, 2007)
Abbott, C. et al. (2006). Global Responses to Global Threats Sustainable Security for The
21st Century. UK: Oxford Research Group.
Abe K. and Iwamoto M. (1986). Preliminary experiment on shear in soil layers with a large
direct-shear apparatus. Journal of the Japanese Forestry Society, 68 : 61 – 65.
Ackoff, R. L. (2010). Systems Thinking for Curious Managers. (Triarchy Press).
Alfred Thayer Mahan. (1987). The Influence of Sea Power upon History, 1660 - 1783.
London : Dover Publications. p. 26 - 32.
Amonthep Thongsin. (2002). The Kra canal and Thai security. Master thesis submitted to
the Naval Postgraduate School, USA.
Ashton B. Carter, William J.Perry and John D. Steinbrunner. A New Concept of Cooperative
Security. Brookings Institution. (October 1992) : p. 7.
Aumann, R.J. & Dreze, J.H. (1974). Cooperative games with coalition structures.
International Journal of Game Theory, 3, 217 – 237.
Australia and New Zealand Banking Group Limited (ANZ). (2019). Vietnam’s Growth here
to Stay. Accessed November 12, 2020. from https://institutional.anz.com/insight-
and-research/vietnam-growth-here-to-stay.
Autoridad del Canal de Panamá. (2020). Canal de Panama Annual Report 2 0 1 9.
Panama : Autoridad Del Canal de Panamá. pp. 1 - 170.
Barbour, M.G. and J.E. Rodman. (1970). Saga of the west coast sea-rockets: Cakile edentula
ssp. californica and C. maritima. Rhodora. 72 : 370 - 386
BBC News Services. (2019). Iran tanker seizure: What is the Strait of Hormuz?. Accessed 13
October 2020. From : https://www.bbc.com/news/world-middle-east-49070882
Biodiversity. "Area (UNCLOS)". Accessed 13 October 2020. From : http://biodiversitya-
z.org/content/area-unclos.
Bloomberg News. Chinese Spending Lures Countries to Its Belt and Road Initiative.
Accessed August 20, 2020. from : https://www.bloomberg.com/ graphics/2017-
china-belt-and-road-initiative/?ter minal=true. May 10, 2017.
Braddock K. Linsley , Henry C. Wu, Tim Rixen, Christopher D. Charles, Arnold L. Gordon
and Michael D. Moore. 2016. SPCZ zonal events and downstream influence on
๒๓๓
Environmental Management of Enclosed Coastal Seas (EMECS). (2015). Yellow Sea. Accessed
Jan 15, 2015, from : www.emecs.or.jp/guidebook/eng/pdf/ 19yellow.pdf.
Erftemeijer, P.L.A. and R. Jugmongkol. (1999). Migratory Shorebirds and their Habitats in the
Inner Gulf of Thailand. Wetlands International Thailand Programme Publication 13.
Wetlands International and Bird Conservation Society of Thailand, Bangkok and
Hat Yai.
Eric Gaba. (2008). Topographic map in English of the Red Sea. Accessed August 20, 2020.
From : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Red_Sea_topographic_ map-en.jpg.
Eric Grove, (2017). Sea Power. Oxford Research Encyclopedia of International Studies. Accessed
October 22, 2020. From : https://oxfordre.com/view/10.1093/
acrefore/9780190846626.001.0001/acrefore-9780190846626-e-294
European Commission. (2012). Blue Growth – Opportunities for Marine and Maritime
Sustainable Growth – Communication from the Commission to the European
Parliament, the Council, the European Economq1ic and Social Committee and
the Committee of the Regions. Luxembourg : Publications Office of the European
Union.
European Union, (2018). THE 2018 ANNUAL ECONOMIC REPORT ON EU BLUE ECONOMY.
Brussels Belgium : Directorate - General for Maritime Affairs and Fisheries Economic
Analysis, European Commission
European Union, (2019). The EU Blue Economy Report. 2019. Brussels Belgium : European
Commission.
Evans, G & Newnham, J. (1998). "The Penguin Dictionary of International relations".
Penguin Books, London, UK.
Fisher, Roger and Ury, William. (2012). Getting to Yes. (London : Random House Business
Books.
General Assembly resolution 1514 (XV). Declaration on the granting of independence to
colonial countries and peoples. document A/RES/1514(XV), 14 December 1960,
para. 2.
Geographic Guide. Image of English Channel. Accessed August 20, 2020. From :
http://www.geographicguide.com/planet/channel.htm
Gogwilt, Christopher (2000). The Fiction of Geopolitics. Stanford University Press.
Großmann, Harald et al. (2006). Maritime Trade and Transport Logistics. HWWI (Part A) :
Perspectives for maritime trade – Cargo shipping and port economics. Berenberg
Bank (Part B) Perspectives of maritime trade and transport logistics – Strategies for
companies and investors. Strategy 2030 - Wealth and Life in the Next Generation,
No. 4, Berenberg Bank und Hamburgisches Welt Wirtschafts Institut (HWWI), Hamburg.
H. J. Mackinder. (1919). Democratic Ideals and Reality : A Study in the Politics of
Reconstruction. London : Constable and Co., Ltd.
๒๓๕
important-Why-couldnt-they-have-just-sailed-the-slightly-longer-route-on-the-very-
bottom-of-the-continent.
Mackinder, H. (1904). The Geographical Pivot of History. The Geographical Journal, 23(4),
421 - 437.
Makoto Tanihara. (2555). เทคนิคการเจรจาต่อรองส้าหรับคนใจอ่อน. แปลจาก Bengoshi ga oshieru
kiyowa na anata no koshojutsu, แปลโดย ชไมพร สุ ธ รรมวงศ์ . พิ ม พ์ ค รั้ ง ที่ 7. กรุ ง เทพฯ :
สานักพิมพ์ ส.ส.ท. 2555.
Mehmet Akif Okur, Classical Texts of the Geopolitics and the "Heart of Eurasia", Journal of
Turkish World Studies, 2014. XIV/2, pp.76-90.
Michael Crotty. (1998). The Foundations of Social Research - Meaning and perspective in
the research process. SAGE Publications Ltd.
Mikael Weissmann. (2020). Chinese Soft Power and ASEAN’ S Congtructive Engagement :
The South China Sea.Retrieved August 20, 2020. from : https://kyotoreview.org/issue-15/
chinese-soft-power-and-aseans-constructive-engagement-sino-asean-relations-and-
the-south-china-sea/
Mohd Hazmi Mohd Rusli. (2010). Attempts to seek Alternative Routes to The Straits of
Malacca and Singapore. Journal of Maritime Geopolitics and Culture. 1(1). pp. 6-8.
N.S.F. Abdul Rahman, A.H. Saharuddin and R. Rasdi. (2014). Effect of the Northern Sea Route
Opening to the Shipping Activities at Malacca Straits. International Journal of
e-Navigation and Maritime Economy. 2014. Vol.1., pp. 85-98.
N.S.F. Abdul Rahman, N.H.M. Salleh, A.F.A. Najiab and V.Y.H. Lan. (2016). A descriptive
method for analyzing the Kra canal decision on maritime business patterns in
Malaysia. Journal of Shipping and Trade. 2016. No.13., pp. 1-16.
Nagarajan, M. & Sosic, G. (2008). Game – theoretic analysis of cooperation among supply
chain agents: Review and extensions. European Journal of Operational Research,
187, 719 - 745.
NASA Shuttle Radar Topography Mission. (2008). Sunda Strait map. Accessed Oct 13, 2020,
from https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Sunda_Strait_map-fr.svg.
NASA. (2002). Satellite image Strait of Dover. December, 2002. Accessed Oct 13, 2020, from
https://enacademic.com/dic.nsf/enwiki/104898.
NASA/GSFC/JPL/MISR-Team. (2000). Bering strait. December 15, 2020. From :
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Bering_Strait.jpeg.
NEDECO (The Netherlands Engineering Consultants). (1965). Siltation: Bangkok Port Channel.
Vol. 2. Report to the Government of Thailand.
Nelson D. L., Quick J. C. (2006). Organizational behavior : foundations, realities, and
challenges. 5th ed. Mason, Ohio : Thomson/South-Western.
Nguyen P, et al. (2014). Evaluation of the antiprion activity of 6-aminophenanthridines
and related heterocycles. Eur J Med Chem 82:363-71.
๒๓๗
Norman Einstein. (2009). Map showing the location of the Strait of Sicily, between Sicily,
Italy in Europe and Tunisia in Africa. December 15, 2020. From :
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Strait_of_Sicily_map.png.Organization
for Economic Co-Operation and Development. (2015). OECD Recommendation on
the Implementation of the Polluter Pays Principle 1974. Accessed Jan 12,
2015, from : http: / / acts. oecd. org/ Instruments/ ShowInstrument
View. aspx?InstrumentID= 38&InstrumentPID= 305&Lang= en&Book
=False.
Ostrom, Elinor (1990). Governing the Commons : The Evolution of Institutions for
Collective Action. Cambridge, UK : Cambridge University Press.
Overland, Indra (2015). "Future Petroleum Geopolitics: Consequences of
Climate Policy and Unconventional Oil and Gas" : 3517 –
3544. doi:10.1002/9781118991978.hces203.
Overland, Indra; O'Sullivan, Meghan; Sandalow, David; Vakulchuk, Roman; Lemphers, Nathan;
Begg, Harry; Behrens, Arno; Bhatiya, Neil; Clark, Alex (2017). The Geopolitics of
Renewable Energy. New York : Center on Global Energy Policy Columbia University.
Philippines Economic Zone Authority. (2012). Annual Report 2012. Available from :
http://www.peza.gov.ph/ [2014 November 25].
Poolprop. (2561). 45 ไม้ ป ระดั บ ในที่ ร่ ม และดู ด สารพิ ษ สามารถปลู ก ในบ้ า น อาคาร ออฟ ฟิ ศ
ส านั ก งานได้ . สื บ ค้ น เมื่ อ 23 พฤศจิ ก ายน 2563. แหล่ ง ที่ ม า http://www.poolprop.
com/Article.aspx/45-ไม้ป ระดับในที่ร่มและดูดสารพิษ -สามารถปลู กในบ้าน-อาคาร-ออฟฟิศ-
สานักงานได้ ?Articleld=323.
Population Reference Bureau. (2015). World Population Data Sheet. Accessed September
18, 2020, from : http: / / www. prb. org/ pdf15/ 2015- world- population- data-
sheet_eng.pdf.
Ravenstein, E. (1889). The Laws of Migration : Second Paper. Journal of the Royal Statistical
Society. 52 : pp. 241 - 335.
Rene Kolman. (2012). New Land by the sea : Economically and Socially, Land Reclamation
Pays. Terra et Aqua. No. 128. September 2012, pp 3 – 8.
Republic of the Philippines. (1995). The Special Economic Zone Act of 1995. Retrieved
from : http://www.peza.gov.ph/index.php/about-peza/special-economic-zone-act.
Rizal, S. et al. (2012). General circulation in the Malacca Strait and Andaman Sea :
A numerical model study. American Journal of Environmental Science. 8 (5) : 479 - 488.
Robinson, M.K. (1974). The physical oceanography of the Gulf of Thailand. NAGA Report.
Rosalind Malcolm. (1994). A Guidebook to Environmental Law. Great Britain : Sweet & Maxwell.
S.R. Pudjaprasetya, I. Magdalena. Two - Layer Non - Hydrostatic Model for Generation and
Propagation of In - terfacial Waves. Chinese Ocean Engineering Society and Springer-
Verlag GmbH Germany, part of Springer Nature. 2019, Vol. 33, No. 1, P. 65–72.
๒๓๘
Safari, H. & Soufi, M. (2014). A game theory approach for solving the knowledge sharing
problem in supply chain. International Journal of Applied Operational Research,
4(3), 13 - 24.
Sanoko Nichitateno. (1983). China’s Special Economic Zones : Experimental Units for
Economic Reform. International Comparative Law Quartery. 32. pp. 175 - 185.
Schlager, E. & Ostrom, E. (1992). The Formation of Property Right. in Susan Hanna. In Folke,
C. & Marler, K. G. (eds). Right to Nature : Ecology, Economic, Cultural and Political
Principles of Institutions for the Environment. Washington D.C. : Island Press.
Shelldon G. Adelson. (2020). Marina Bay Sands. Accessed Jan 20, 2015, from :
http://www.marinabaysands.com/company-information.html.
Shenxia, Zheng. ( 2008) . “ China’ s Peaceful Development and Asia- Pacific Security”
in China Association for Military Science. Peaceful Development and Security in
the Asia – Pacific Region. Beijing : Military Science Publishing House., 8-15.
Sojisuporn, P., Morimoto, A. and Yanagi, T. (2010). Seasonal variation of sea surface current
in the Gulf of Thailand. Coastal Marine Science. 34(1) : 91-102.
Suez Canal Authority Planning & Research Department Information Center. (2019).
Suez Canal Traffic Statistics Annual Report 2019. Suez Canal Authority. PP. 1 - 31.
TAKIENG. (2560). ตึกสูงระฟ้าสไตล์ใหม่ที่มีต้นไม้ปกคลุมโดยรอบตึกกาลังหยั่งรากลึกลงที่ประเทศจีน. สืบค้น
เมื่อ 11 ธันวาคม 2563. แหล่งที่มา : https://www.takieng.com/stories/3642.
TCDC. (2563). Vertical Forest เมืองป่า แนวตั้งทางเลือ กที่ (อาจ) รอดของคนเมือง. สื บค้นเมื่อ 11
ธันวาคม 2563. แหล่งที่มา : https://web.tcdc.or.th/th/Articles/Detail/Vertical-Forest.
TERRABKK. (2017). "คอคอดกระ" กั บ "เส้ น ทาง 9A" แห่ ง ความหวั ง . สื บ ค้ น เมื่ อ 23 เมษายน 2563
แหล่งที่มา : https://www.terrabkk.com/articles/93426.
Thai People Map and Analytics Platform. (2562). ภาพรวมคนจน ในปี 2562 ประเทศไทย. สืบค้น
เมื่อ 25 ตุลาคม 2563. จาก : https://www.tpmap.in.th/2562/.
The Organization for Economic Co - operation and Development ( OECD) . The Rotterdam
Workshop Final Report. Accessed October 10, 2020. From : http://www.oecd.org
/futures/infrastructureto2030/48321781.pdf.
The Statistics Portal. (2020). Japan : Total population in Japan from 2014 to 2024.
Accessed October 24, 2020, from : https://www.statista.com/statistics/263746/
total-population-in-japan/.
The Statistics Portal. (2020). South Korea : Total population in South Korea from 2014
to 2024. Accessed October 24, 2020, from : https://www.statista.com/statistics/
263747/total-population-in-south-korea/.
The World Geography. (2013). 11 Incredible Island Airports. Accessed Jan 13, 2015, from :
www.theworldgeography.com/2013/06/island-airports.html.
Tomczak, M. and Godfrey, J.S. (1994). Regional Oceanography : An Introduction. New York : Pergamon.
๒๓๙
Ulamm. (2014). A map of the en : Irish Sea. December 15, 2020. From : https://commons.wikimedia.org/
wiki/File:IrishSeaReliefMap.jpg.
Uniq. (2562). ต้นไม้ฟอกอากาศทั้ง 11 ปลูกง่ายได้สุขภาพ. สืบค้นเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2563. แหล่งที่มา :
https://uniquefd.com/ดูบทความ-42327-ต้นไม้ฟอกอากาศทั้ง-11-ปลูกง่ายได้สุขภาพ.html.
United Nations Environment Programme. (1992). Rio Declaration on Environment and Development
1992, Principle 4, Accessed Jan 12, 2015, from : www. unep. org/ Documents. Multilingual/
Default.asp?documentid=78&articleid=1163.
United Nations Industrial Development Organization. (2015). Economic Zones in The ASEAN :
Industrial Parks, Special Economic Zones, Eco Industrial Parks, Innovation
Districts As Strategies For Industrial Competitiveness. VIET NAM : UNIDO Country
Office in Viet Nam.
United Nations. (2015). Chronological lists of ratifications of, accessions and successions
to the Convention and the related Agreements as at 3 October 2014. December
15, 2020. From : http://www.un.org/depts/los/reference_files/chronological_
lists_of_ratifications.htm.
Watkins, Michael. (2003). Negotiation. Boston : Harvard Business School Press.
Wattayakorn, G. and Jaiboon, P. (2014). An assessment of biogeochemical cycles of
nutrients in the Inner Gulf of Thailand. Eur. Chem. Bull. 3(1) : 50-54.
Wen, Q. & Fang, H. (2012). Analysis on the dynamic game model of SMEs group loan.
Advances in Applied Economics and Finance (AAEF), 2(4), 437 - 441.
Wimvipa. (2562). ควรปลูกติดกับบ้านไว้กับ 20 ต้นไม้ช่วยฟอกอากาศ ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5. สืบค้นเมื่อ
23 พฤศจิกายน 2563. แหล่งที่มา : https://cheechongruay.smartsme. co.th/content/25604.
WINNIE. (2018). VERTICAL GARDEN มิติของธรรมชาติในแนวตั้ง จาก ZILLION INNOVATION. สืบค้น
เมื่อ 28 เมษายน 2563. แหล่ งที่มา : https://dsignsomething. Com/2018/08/02/vertical-
garden-มิติของธรรมชาติในแนว.
Wizdom Trader. (2009). ทฤษฎี เ กม (game theory). สื บ ต้ น เมื่ อ 15 ตุ ล าคม 2563. แหล่ ง ที่ ม า :
https://medium.com/@WizdomTraderOfficial/ทฤษฎีเกม-game-theory-60e53a98d98c.
workpointTODAY. (16 มกราคม 2563). ฝ่ายค้าน - รัฐบาล ประสานเสียงรีบศึกษาขุดคลองไทย เชื่อไม้ตายพลิก
เศรษฐกิจ. สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2563. แหล่งที่มา : https://workpointtoday.com/thai-canal/.
World Bank. (2008). Special economic zones : Performance, lessons learned, and implications
for zone development. n.p.
World Trade Organization. (2017). World Trade Statistical Review 2 0 1 7 . Switzerland :
World Trade Organization.
Wyrtki, K. An equatorial jet in the Indian Ocean, Science, 181, 262–264, 1973.
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก
ประกาศ และคาสั่งต่าง ๆ
(๑) ประกาศสภาผู้แทนราษฎร
เรื่อง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย
และการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
หนา้ ๑๒
เลม่ ๑๓๗ ตอนที่ ๒๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓
ประกาศสภาผู้แทนราษฎร
เรื่อง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย
และการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
๑. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์
๒. นายฉลอง เทอดวีระพงศ์
๓. นายชยุต ภุมมะกาญจนะ
๔. นายชวลิต วิชยสุทธิ์
๕. พลตํารวจตรี โชติ ชัยชมภู
๖. นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ
๗. นายเดชอิศม์ ขาวทอง
๘. พลตรี ทรงกลด ทิพย์รัตน์
๙. พลเรือตรี ธีระยุทธ นอบน้อม
๑๐. นายนพดล แก้วสุพัฒน์
๑๑. นายนัทธี ถิ่นสาคู
๑๒. นายนิยม ช่างพินิจ
๑๓. นายบัลลังก์ อรรณนพพร
๑๔. นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล
๑๕. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
๑๖. พลโท พงศกร รอดชมภู
๑๗. นายพนิต วิกิตเศรษฐ์
๑๘. นายพยม พรหมเพชร
๑๙. นายพรพจน์ เพ็ญพาส
๒๐. นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ
๒๑. นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน
๒๒. นายพิเชษฐ สถิรชวาล
๒๓. นางสาวพิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล
๒๔. นายพิสิฐ ลี้อาธรรม
๒๕. นายพีรเดช คําสมุทร
๒๖. นายภาสกร เงินเจริญกุล
๒๗. นายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์
หนา้ ๑๔
เลม่ ๑๓๗ ตอนที่ ๒๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓
พลตรี
(ทรงกลด ทิพย์รัตน์)
ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา
การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
สภาผู้แทนราษฎร
(๖) ประกาศแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการ จานวน ๓ คณะ
(๗) คาสั่งแต่งตั้งคณะทางานจัดทารายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
คำสั่งคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำศึกษำกำรขุดคลองไทย
และกำรพัฒนำพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้
สภำผู้แทนรำษฎร
ที่ ๑๑/๒๕๖๓
เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงำนจัดทำรำยงำนคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำศึกษำ
กำรขุดคลองไทยและกำรพัฒนำพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้
--------------------------------------
ด้วยในคราวประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนา
พื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้ สภาผู้ แ ทนราษฎร ครั้ งที่ ๑๓ เมื่ อ วั น พฤหั ส บดี ที่ ๑๐ กั น ยายน ๒๕๖๓
และครั้งที่ ๑๔ เมื่อวัน พฤหัสบดีที่ ๒๔กันยายน ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะทางานจัดทารายงาน
คณะกรรมาธิก ารวิ ส ามั ญ พิ จ ารณาศึ ก ษาการขุด คลองไทยและการพั ฒ นาพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภาคใต้
ประกอบด้วยบุคคลดังนี้
๑. นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ปรึกษาคณะทางาน
๒. พลตรี ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ที่ปรึกษาคณะทางาน
๓. นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ที่ปรึกษาคณะทางาน
๔. ศาสตราจารย์ฐาปนา บุญหล้า คณะทางาน
๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยุทธนา มหัจฉริยวงศ์ คณะทางาน
๖. นายนิยม ชูชื่น คณะทางาน
๗. นายบัณฑิต ศรีภา คณะทางาน
๘. นาวาเอก วชิรพร วงศ์นครสว่าง คณะทางาน
๙. นายเจษฎาภรณ์ วิริยะสกุลธรณ์ คณะทางาน
๑๐. นายสุวัฒน์ นิลดา คณะทางาน
๑๑. นายทวีศักดิ์ ไตรโลกา คณะทางาน
๑๒. นายเทพสิทฐ์ ประวาหะนาวิน คณะทางาน
๑๓. นายกิตติ ลิ่มสกุล คณะทางาน
๑๔. นายยุทธนา ศรีเจริญ คณะทางาน
๑๕. นายสุวภัทร พุ่มนุ่ม คณะทางาน
๑๖. นางสาวธัญพิชชา ตรีวิชาพรรณ คณะทางาน
๑๗. นายณรงค์ ขุ้มทอง คณะทางาน
๑๘. นายทัศชัย อินทร์วิเศษ คณะทางาน
๑๙. นายสุรพล ดวงแข คณะทางาน
๒๐. พันตารวจเอกหญิง จินดา กลับกลาย เลขานุการคณะทางาน
๒๑. นาวาเอก มนตรี ศิริไพศาล ผู้ช่วยเลขานุการคณะทางาน
/โดยให้คณะทางาน......
-๒-
โดยให้คณะทางานมีหน้าที่และอานาจ ดังนี้
๑. ศึกษารวมรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ
ภาคใต้ในมิติองค์รวม ตลอดจนความคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ข้อเสนอแนะและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ
๒. ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์และสังเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง
และการเมือง ถ้ามีการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
๓. จัดทาร่างรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนา
พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อนาเสนอรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ
๔. ปรับแก้รายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่
ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อนาเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม๒๕๖๓ เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๘ ตุลาคมพ.ศ. ๒๕๖๓
(นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ)
ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา
การขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
สภาผู้แทนราษฎร
ภาคผนวก ข
ภาพการประชุมพิจารณา สรุปผลการเดินทางไปจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น
และการเดินทางไปศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
(๑) ภาพการประชุมพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ
(๒) สรุปผลการเดินทางไปจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น
และการเดินทางไปศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
สรุปผลการเดินทางไปจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น
เรื่อง “การขุดคลองไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าโลก แหล่งอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวระดับโลก”
วันจันทร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ณ หอประชุมโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ อาเภอเมือง จังหวัดกระบี่
---------------------------------------------------------
ส ำหรั บ กำรจั ด สั ม มนำในครั้ ง นี้ คณะกรรมำธิ ก ำรวิส ำมั ญ พิ จำรณำศึ ก ษำกำรขุ ด คลองไทยและ
กำรพัฒนำพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้ สภำผู้แทนรำษฎร ซึ่งได้ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่เป็นเวทีแรกในกำรจัด
สั ม มนำรั บ ฟั ง ควำมคิ ด เห็ น กำรขุ ด คลองไทยเพื่ อ เป็ น ศู น ย์ ก ลำงกำรค้ ำ โลก แหล่ ง อุ ต สำหกรรม
และกำรท่องเที่ยวระดับโลก โดยกรรมำธิกำรได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น พร้อมตอบข้อซักถำม ข้อกังวล
และรับฟังควำมคิดเห็นจำกประชำชนผู้เข้ำร่วมสัมมนำในครั้งนี้ โดยสรุปสำระสำคัญได้ดังนี้
-------------------------------------------------
สำหรับกำรเดินทำงไปศึกษำดูงำนเรื่องดังกล่ำว มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษำดูงำนเกี่ยวกับ กำรพัฒนำ
พื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภำคใต้ เ พื่ อ เพิ่ ม ศั ก ยภำพกำรแข่ ง ขั น ทำงเศรษฐกิ จ ของประเทศไทย อันจะนำมำใช้
ประกอบกำรพิจำรณำและวิเครำะห์ในกำรจัดทำรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญฯ โดยคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญฯ
ได้เดินทำงไปยังอำเภอคลองท่อมลงพื้นที่ศึกษำดูงำน ณ ท่ำเรืออันดำมันพอร์ต และบริเวณปำกอ่ำวทะเล
เพื่ อ ศึ ก ษำควำมเป็ น ไปได้ ในกำรขุ ด คลองไทยและพั ฒ นำพื้ น ที่ ร ะเบี ย งเศรษฐกิ จ ภำคใต้ อันจะนำมำใช้
ประกอบกำรพิจำรณำและวิเครำะห์ในกำรจัดทำรำยงำนของคณะกรรมำธิกำรวิส ำมัญ ฯ ซึ่ง เป็น กำรศึกษำควำม
เป็นไปได้ในกำรขุดคลองไทยและพัฒนำพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้
คณะกรรมำธิกำรฟังกำรบรรยำย
สภำพพื้นที่ สภำพภูมิศำสตร์ตำมแนว
๙A
ซึ่งคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญและที่ปรึกษำมีควำมสนใจรับฟัง
กำรบรรยำยเป็ น อย่ ำงมำก ซึ่งเป็ น เส้ น ทำงตำมแนว ๙A ตลอดจน
วิทยำกรได้อธิบำยสภำพภำพทำงภูมิศำสตร์ที่ได้ใช้ในกำรเดินเรือ และ
สถำนที่ท่องเที่ยว ซึ่งถำมีกำรขุดคลองไทยและพัฒนำพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้ จะทำให้เกิดธุ รกิจที่
หลำกหลำย และส่งผลให้เกิดกำรสร้ำงงำน สร้ำงรำยได้ให้กับประชำชนในพื้นที่ตำมมำ ซึ่งจะทำให้มีควำม
เป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ กำรศึกษำดังกล่ำวเป็นกำรศึกษำเส้นทำงกำรเดินเรือและสภำพควำมลึกของน้ำทะเลเส้นทำง
ตมแนว ๙A ที่มีกำรศึกษำเกี่ยวกับกำรขุดคลองไทย ตลอดจนศึกษำสภำพแวดล้อมและภูมิศำสตร์ตำมแนวเส้น
นี้ เพื่อเป็นกำรให้คณะกรรมำธิกำรได้เห็นสภำพควำมเป็นจริงของพื้นที่ซึ่งได้มีกำรศึกษำ ซึ่งจะเป็นข้อมูลและ
พื้นฐำนทำงควำมคิดในกำรวิเครำะห์และสังเครำะห์ประเด็นต่ำง ๆ เพื่อประกอบกำรจั ดทำรำยงำนกำรศึกษำ
ของคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญกำรขุดคลองไทยและกำรพัฒนำพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้
สรุปผลการเดินทางไปจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น
เรื่อง “การขุดคลองไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าโลก แหล่งอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวระดับโลก”
วันอังคารที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ณ ศาลาประชาคมหอประชุมโรงละครองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช
และ ณ หอประชุมอาเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
---------------------------------------------------------
จำกกำรที่คณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำศึกษำกำรขุดคลองไทยและกำรพัฒนำพื้นที่ระเบียง
เศรษฐกิจภำคใต้ ได้ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่จริงและรับฟังควำมคิดเห็นจำกประชำชน ตำมที่คณะกรรมำธิกำร
วิสำมัญพิจำรณำศึกษำกำรขุดคลองไทยและกำรพัฒนำพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้ สภำผู้แทนรำษฎร ได้จัด
ให้มีกำรสัมมนำรับฟังควำมคิดเห็น เรื่อง “กำรขุดคลองไทยเพื่อเป็นศูนย์กลำงกำรค้ำโลก แหล่งอุตสำหกรรม
และกำรท่ อ งเที่ ย วระดั บ โลก” ณ ศำลำประชำคมหอประชุ ม โรงละครองค์ ก ำรบริ ห ำรส่ ว นจั ง หวั ด
นครศรีธรรมรำช และ ณ หอประชุมอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมรำช คณะกรรมำธิกำรวิสำมัญฯ ได้
ชี้แจงควำมเป็นมำและวัตถุประสงค์ในกำรสัมมนำว่ำ ตำมที่สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรทั้งฝ่ำยรัฐบำลและฝ่ำย
ค้ำนร่วมกันเสนอให้สภำผู้แทนรำษฎรพิจำรณำและมีมติให้ตั้งคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำกำรขุดคลอง
ไทยกำรพัฒนำพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้ขึ้น เพื่อศึกษำควำมเป็นไปได้อย่ำงจริงจัง ในกำรสัมมนำในครั้งนี้
เพื่อรับฟังควำมคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อกำรขุดคลองไทยและกำรพัฒนำพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้
เพื่อนำข้อมูลไปกำหนดแนวทำงกำรดำเนินกำรตำมที่ประชำชนต้องกำร ซึ่งโครงกำรขุดคลองไทยไม่อำจประสบ
ผลส ำเร็ จ ได้เลยหำกปรำศจำกควำมร่ ว มมือจำกพี่น้องประชำชน และเสนอรำยงำนกำรพิจำรณำศึกษำ
ต่อสภำผู้แทนรำษฎร จำกกำรสัมมนำแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นระหว่ำงกัน สรุปสำระสำคัญได้ดังนี้
๑. ปั จ จุ บั น เป็ น ยุ ค แห่ ง กำรพั ฒ นำแข่ ง ขั น ทำงเศรษฐกิ จ หำกมี โ ครงกำรคลองไทยเกิ ด ขึ้ น จริ ง
ควรพิจ ำรณำหำแนวทำงว่ ำควรดำเนิ น กำรอย่ ำงไรให้ โ ครงกำรคลองไทยเป็น ของประเทศไทยและเกิ ด
ประโยชน์ต่อประเทศชำติมำกที่สุด มีกฎหมำยควบคุมเฉพำะที่เหมำะสม มีกลยุทธ์ในกำรเจรจำต่อรองใน
ระดับนำนำชำติที่ไม่เสียเปรียบ เป็นโครงกำรที่พร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศ เป็นคลองแห่งมิ ตรภำพและ
สันติภำพ หำกประเทศไทยไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่อำจพัฒนำศักยภำพกำรแข่งขันได้เท่ำกับประเทศอำเซียน
เช่น เวีย ดนำม มำเลเซีย หำกมีโ ครงกำรขุดคลองไทยซึ่งเป็นโครงกำรขนำดใหญ่ย่ อมเกิดควำมพั ฒ นำ
เปลี่ยนแปลงแก่ภำคใต้และประเทศ
๒. เสนอให้มีกำรศึกษำเรื่องโครงกำรขุดคลองไทยอย่ำงจริงจังรอบด้ำน เพื่อประกอบกำรพิจำรณำ
ต้องเป็นกำรแสดงท่ำทีอย่ำงชัดเจนว่ำจะศึกษำอย่ำงจริงจัง รอบด้ำน ถึงข้อดี ข้อเสีย และนำมำประชำสัมพันธ์
ให้ ป ระชำชนทรำบ อย่ ำงไรก็ตำมรั ฐ บำลควรดำเนินโครงกำรขุด คลองไทยได้ แล้ ว เนื่องจำกที่ผ่ ำ นมำมี
กำรศึกษำข้อมูลมำโดยตลอด ถึงเวลำที่ต้องลงมือทำ คลองไทยเป็นควำมหวังของคนใต้อยำกให้ภำคใต้พัฒนำ
เจริญเหมือนภำคตะวันออกเฉียงเหนือ ภำคเหนือ หำกมีกำรขุดคลองไทยประชำชนในพื้นที่แนวคลองย่อมได้
ประโยชน์จำกกำรท่องเที่ยว ผลผลิตทำงกำรเกษตรรำคำสูงขึ้น หวังว่ำโครงกำรคลองไทยจะเกิดขึ้นจริง
๓. หำกเกิดโครงกำรขุดคลองไทยจะช่วยสร้ำงงำน สร้ำงรำยได้ เกิดระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้หรือเขต
เศรษฐกิจพิเศษ ลดควำมเหลื่อมล้ำ เป็นทำงเลือกนอกจำกพืชเศรษฐกิจของภำคใต้ เช่น ยำงพำรำ ปำล์ม
น้ำมัน หรือกำรท่องเที่ยว ในอดีตโครงกำรขนำดใหญ่ของประเทศไทยไทยมักถูกคัดค้ำนเสมอ เช่น ท่ำอำกำศ
ยำนสุวรรณภูมิถูกคัดค้ำนมำโดยตลอด ทว่ำปัจจุบันท่ำอำกำศยำนสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสำรและนักท่องเที่ยว
เดินทำงมำใช้บริกำรประมำณ ๗๐ ล้ำนคนต่อปี สำมำรถกระจำยนักท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่ำง ๆ ของประเทศ
ไทยสำมำรถสร้ำงงำนสร้ำงรำยได้ให้แก่ประเทศเป็นจำนวนมำก เช่นเดียวกันหำกเกิดโครงกำรคลองไทยขึ้นจะ
เกิดจุดเชื่อมต่อกำรเดินทำงขนส่งสินค้ำ เกิดอุตสำหกรรมต่อเนื่อง เช่น กำรท่องเที่ยว กำรบริกำร กำรต่อเรือ
อำชี พ ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง อำทิ พนั ก งำนน ำร่ อ ง ช่ ำ งเชื่ อ มต่ อ เรื อ ประชำชนชำวไทยถู ก ก ำหนดชี วิ ต โดยชำติ
มหำอำนำจ เช่น กำรล่ำอำณำนิคม สงครำมโลก ครั้งนี้ขอให้ชำวไทยกำหนดชีวิตของตนเองโดยกำรขุดคลอง
ไทยเพื่อควำมเจริญและเศรษฐกิจของประเทศชำติ
๔. สำหรับงบประมำณในกำรลงทุนโครงกำรคลองไทย มีประเทศต่ำง ๆ สนใจเข้ำร่วมลงทุนเนื่องจำก
คลองไทยอำจเป็นจุดยุทธศำสตร์ใหม่ของโลก แต่ท่ำทีของประเทศไทยก็ควรเป็นเป็นคลองนำนำชำติเพื่อใช้ใน
กำรพำณิชย์ ในกำรสัมมนำบำงส่วนเสนอว่ำ งบประมำณในกำรดำเนินโครงกำรไม่จำเป็นต้องหำแหล่งเงินทุน
จำกต่ ำ งประเทศ เสนอให้ ใ ช้ ก ำรขำยหุ้ น แก่ ป ระชำชนภำยในประเทศก็ น่ ำ จะได้ รั บ ควำมสนใจและมี
งบประมำณเพียงพอในกำรดำเนินโครงกำร
๕. คลองสำคัญของโลกที่มนุษย์สร้ำงขึ้น เช่น คลองปำนำมำ คลองสุเอซ คลองคีล มิได้เกิดสงครำม
แต่อย่ำงใด ปัจจุบันคลองเหล่ำนี้ล้วนสร้ำงผลประโยชน์และเกิดกำรพัฒนำทำงเศรษฐกิจแก่ประเทศนั้น ๆ
อย่ำงมหำศำล หำกมีกำรขุดคลองไทยสำมำรถร่นระยะเวลำกำรเดินเรือจำกช่องแคบมะละกำลงประมำณ
๑,๐๐๐ – ๑,๕๐๐ กิโลเมตร ย่อมสำมำรถประหยัดต้นทุน ลดกำรปล่อยมลพิษจำกกำรเผำไหม้เชื้อเพลิ ง
สำมำรถใช้อ้ำงอิงต่อต่ำงชำติได้ว่ำคลองไทยสำมำรถช่วยลดมลพิษ ลดโลกร้อนได้ และอำจได้รับเงินสนับสนุน
จำกกองทุนภูมิอำกำศสีเขียว (Green Climate Fund : GCF) กำรร่นระยะเวลำในกำรเดินเรือจึงทำให้ต้นทุน
ในกำรขนส่งถูกลง ส่งผลให้รำคำสินค้ำถูกลงด้วย
๖. ข้อกังวลถึงผลกระทบจำกกำรขุดคลองและพัฒนำเศรษฐกิจพิเศษภำคใต้ และข้อเสนอแนะแนว
ทำงกำรแก้ปัญหำ จำกเวทีสัมมนำ
๖.๑ เกี่ย วกับ ประเด็น กำรแบ่ งแยกดินแดน เห็ นว่ำ คลองไทยเป็นเพียงแค่ ก ำรแบ่ง แยกทำง
กำยภำพมิใช่กำรแบ่งแยกอำนำจอธิปไตยแต่อย่ำงใด สำหรับปัญหำด้ำนควำมมั่นคง ต้องมีกำรวำงระบบ
พัฒนำเศรษฐกิจเปิดโอกำสให้นำนำชำติร่วมลงทุน เป็นคลองแห่งควำมร่วมมือเพื่อลดควำมขัดแย้งเนื่องจำก
ทุกประเทศมีผลโยชน์ร่วมกันในคลองไทย มีกำรเชิญประเทศตะวันตกและตะวันออกที่สนใจมำร่วมลงทุน
เพื่อให้ทุกประเทศเกิดควำมร่วมมือและมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองไทย ส่งผลให้ลดควำมขัดแย้ง
๖.๒ ปัญหำผลกระทบด้ำนสิ่งแวดล้อม พื้นที่ภำคใต้มีควำมอุดมสมบูรณ์ทำงทะเลสำมำรถผลิต
อำหำรเลี้ยงคนทั่วโลก หำกเกิดโครงกำรขุดคลองไทยอำจเกิดผลกระทบด้ำนสิ่ง แวดล้อม เช่นเดียวกับคลอง
ขนำดใหญ่ในอดีต เช่น คลองสุเอซ คลองปำนำมำ ซึ่งก็มีระบบกำรจัดกำรเพื่อแก้ไขปัญหำสิ่งแวดล้อม อย่ำงไร
ก็ตำมปัจจุบันเทคโนโลยีก้ำวหน้ำขึ้นวิธีกำรบริหำรจัดกำรสิ่งแวดล้อมย่อมมีประสิทธิภำพขึ้น ข้อกังวลในด้ำน
กำรเกิดตะกอนจำกกำรขุดคลองจะทำให้เกิ ดผลกระทบต่อน้ำทะเล เสนอให้มีกำรศึกษำเชิงลึกร่วมกับสมำคม
วิศวกรแห่งประเทศไทยเพื่อวิเครำะห์ถึงผลกระทบและแนวทำงแก้ปัญหำอย่ำงรอบคอบที่สุด
๖.๓ ปัญหำค่ำตอบแทนหรือผลประโยชน์ที่ประชำชนที่ได้รับผลกระทบจำกกำรขุดคลองและ
พั ฒ นำเศรษฐกิ จ ภำคใต้ ซึ่ ง เป็ น เรื่ อ งส ำคั ญ ที่ ไ ด้ มี ก ำรแลกเปลี่ ยน และร่ ว มแสดงควำมคิ ด เห็ น กั น อย่ำง
กว้ำงขวำง ในเรื่องแนวทำงกำรชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจำกคลองไทย เช่น กำรเวนคืนที่ดินทำกินหรือที่อยู่
อำศัยจะต้องมีกำรชดเชยอย่ำงเหมำะสมเป็นธรรม และต้องทำให้ประชำชนมั่นใจ กำรให้หุ้นหรือผลกำไรจำก
กำรบริกำรพื้นที่แนวคลองแก่ผู้ได้รับผลกระทบ โดยอำจใช้กองทุนคลองไทยที่จัดตั้งขึ้น
๖.๔ ผลตอบแทนจำกโครงกำรขุดคลองไทยมิได้มำจำกค่ำผ่ำนคลองแต่รำยได้และผลประโยชน์
ตอบแทนส่วนใหญ่มำจำกจำกกำรบริหำรพื้นที่กิจกำร กำรบริกำรต่ำง ๆ จำกพื้นที่แนวคลอง ดังนั้นมีข้อเสนอ
๑) รัฐบำลต้องกำหนดให้ผู้มำทำงำนในโครงกำรขุดคลองไทย เช่น วิศวกร แรงงำนต้องเป็น
คนไทยเท่ำนั้น
๒) ต้องออกกฎหมำยแบ่งปันหุ้นในกำรทำธุรกิจหรือกิจกำรต่ำง ๆ ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ
จำกโครงกำรคลองไทยอย่ำงเหมำะสมเป็นธรรมและตกทอดเป็นมรดกแก่ทำยำท
๓) ต้องไม่เก็บภำษีบำงประเภทที่ส่งเสริมกำรค้ำกำรผลิต เช่น ภำษีพิกัดศุลกำกร ไม่เก็บภำษี
บุคคลธรรมดำ ส่งเสริมให้เกิดระบบเสรีทำงกำรเงิน ส่งผลให้เกิดกำรพัฒนำระบบกำรค้ำ กำรธนำคำร
๔) ประชำชนที่มีชื่ออยู่ทะเบียนบ้ำนอย่ำงน้อย ๕ ปี ในพื้นที่โครงกำรต้องได้รับผลประโยชน์
ที่เหมำะสมเป็นธรรม เช่น หุ้นในกิจกำรต่ำง ๆ เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ในพื้นที่โครงกำรคลองไทย
สร้ำงกำรพัฒนำเศรษฐกิจส่งเสริมระบบกำรเงินเสรี
๕) รัฐต้องมีนโยบำยกำรจ้ำงงำนในระดับปริญญำตรีลงมำต้องเป็นผู้มีสัญชำติไทยทั้งหมด
นอกจำกนี้ยังเกิดกำรพัฒนำอำชีพตัวแทนออกของหรือชิปปิ้ ง (Shipping คือ ผู้ทำหน้ำที่ด้ำนพิธีกำรเอกสำร
ผ่ำนธนำคำร พิธีกำรศุลกำกร) จะเกิดกำรพัฒนำมำตฐำนได้รับค่ำจ้ำงในเทียบเท่ำสำกล อุตสำหกรรมต่อเนื่อง
ที่เกี่ยวกับกำรต่อเรือและต้องกำรแรงงำนด้ำนดังกล่ำวจำนวนมำก คำดว่ำจำนวนนักศึกษำในสำขำโลจิสติกส์
และพำณิช ย์ ห รื อสำขำที่ เกี่ย วข้องที่มีอยู่ ในปัจจุบันไม่เพียงพออย่ำงแน่นอน กรมอำชีว ศึกษำ กระทรวง
ศึกษำธิกำรต้องพิจำรณำแผนเตรียมควำมพร้อมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องรองรับ
๖) ให้ผู้แทนประชำชนในพื้นที่มีส่วนร่วม ในกำรร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตรวจสอบประเมินผล
รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องให้ ประชำชนในพื้นที่รับฟังอย่ำงรอบด้ำน โดยในปัจจุบันมีกำรรวมตัวของภำค
ประชำชนในพื้นที่ ในกำรศึกษำข้อดี ข้อเสีย มีกำรรณรงค์ และผลักดันให้เกิดกำรขุดคลองไทย รวมทั้ง
ประชำชนบำงคนพร้อมจะบริจำคที่ดินให้ทำประโยชน์หำกเกิดโครงกำรขุดคลองไทย
๗) ข้อกังวลที่สำคัญที่ประชำชนกลัวจะเกิดขึ้นซ้ำรอยที่ผ่ำนมำ คือ หำกเกิดกำรเปลี่ยนแปลง
รัฐบำลเกรงว่ำนโยบำยเกี่ยวกับโครงกำรขุดคลองไทยจะเปลี่ยนแปลงเหมือนที่ผ่ำนมำ เท่ำกับทำลำยควำมหวัง
ของประชำชน
๘) ประชำชนที่เข้ำร่วมสัมมนำส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับกำรขุดคลองไทยเนื่องจำกจะเกิดกำร
พัฒนำเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยได้เสนอให้น้อมนำหลักกำรทรงงำนของในหลวง รัชกำลที่ ๙ มำปรับใช้ในกำร
ดำเนินกำรขุดคลอง กล่ำวคือ
- เข้ำใจ คือ ศึกษำข้อมูลอย่ำงรอบด้ำนก่อนมิได้ฝืนดำเนินโครงกำรก่อนศึกษำ
- เข้ำถึง คือ ลงพื้นที่ทำควำมเข้ำใจและรับฟังควำมคิดเห็นของประชำชนในพื้นที่ก่อน
- พัฒนำ คือ หำกเห็นประโยชน์ของประเทศชำติอย่ำงสูงสุดจึงพิจำรณำดำเนินโครงกำร
- กำรขำดทุน คือ กำไร กล่ำวคือ บำงครั้งกำรทำงำนใดย่อมเกิดผลกระทบบ้ำง เช่น กรณี
กำรสร้ำงเขื่อนรัชประภำ อำจเกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมบ้ำง ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนำเป็นแหล่งเก็บและผลิ ต
พลังงำนไฟฟ้ำที่สำคัญของภำคใต้และกลำยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญสร้ำงงำนสร้ำงรำยได้ของคนในพื้ นที่
เช่นเดียวกันหำกเกิดขุดคลองไทยย่อมต้องเกิดผลกระทบด้ำนสิ่งแวดล้อมบ้ำงแต่จะเกิดกำรพัฒนำและเกิด
ผลประโยชน์แก่ประเทศมหำศำลอย่ำงแน่นอน
สรุปสุดท้าย เวทีสัมมนำหวังว่ำโครงกำรขุดคลองไทยและกำรเกิดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้
จะเป็นอีกหนึ่งโครงกำรที่สำมำรถกระตุ้ นและแก้ปัญหำเศรษฐกิจตลอดจนสำมำรถนำพำชำติพ้นวิกฤติทำง
เศรษฐกิจได้ รูปแบบกำรบริหำรจัดกำรคลองไทยหรือระเบียงเศรษฐกิจภำคใต้ต้องมีกฎหมำยที่เป็นสำกล พิจำรณำ
อย่ ำ งครอบคลุ ม ทุ ก ด้ ำ นที่ ป ระชำชนมี ค วำมกั ง วล เช่ น ด้ ำ นสิ่ ง แวดล้ อ ม ด้ ำ นสั ง คม โดยเชิ ญ สถำบั น
ระดับอุดมศึกษำที่น่ำเชื่ อถือมำร่วมพิจำรณำศึกษำ นอกจำกนี้เห็นว่ำประชำชนในพื้นที่โครงกำรคลองไทย
ควรได้รับผลประโยชน์และสิทธิอื่น ๆ เป็นพิเศษ โดยประชำชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับกำรขุดคลองไทย
เพรำะเป็นควำมหวังของประชำชนในพื้นที่ภำคใต้ในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต ควำมเป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้ แต่ยังมี
ข้อห่ ว ง วิตกกังวล ในประเด็น ว่ำ หำกมีกำรดำเนินโครงกำรขุดคลองไทยขอให้ ชดเชยเยียวยำแก่ผู้ได้รับ
ผลกระทบอย่ำงเป็นธรรม เช่น กำรชดเชยเวนคืนที่เหมำะสมเป็นธรรม กำรให้หุ้นหรือผลกำไรจำกกำรบริกำร
พื้นที่แนวคลอง ปัญหำผลกระทบด้ำนสิ่งแวดล้อม และข้อห่วงกังวลมำกที่ สุด คือ หำกเกิดกำรเปลี่ยนแปลง
รัฐบำลเกรงว่ำนโยบำยเกี่ยวกับโครงกำรขุดคลองไทยจะเปลี่ยนแปลงไปดั่งเช่นอดีตที่ผ่ำนมำ เป็นต้น สำหรับ
ข้อเสนอ แนะนำ จำกประชำชน แนะนำว่ำให้น้อมนำหลักกำรทรงงำนของในหลวง รัชกำลที่ ๙ มำปรับใช้ คือ
- เข้ำใจ คือ ศึกษำข้อมูลอย่ำงรอบด้ำนก่อน มิได้ฝืนดำเนินโครงกำรก่อนศึกษำ
- เข้ำถึง คือ ลงพื้นที่ทำควำมเข้ำใจและรับฟังควำมคิดเห็นของประชำชนในพื้นที่ก่อน
- พัฒนำ คือ หำกเห็นประโยชน์ของประเทศชำติอย่ำงสูงสุดจึงพิจำรณำดำเนินโครงกำร
- กำรขำดทุน คือ กำไร กล่ำวคือ บำงครั้งกำรทำงำนใดย่อมเกิดผลกระทบ หำกเกิดขุดคลองไทย
ย่อมต้องเกิดผลกระทบด้ำนสิ่งแวดล้อมบ้ำงแต่จะเกิดกำรพัฒนำ และเกิดผลประโยชน์แก่ประเทศมหำศำล
อย่ำงแน่นอน จึงขอให้ศึกษำข้อมูลอย่ำงรอบด้ำนทั้งผลดีและผลเสีย และนำผลกำรศึกษำที่ได้มำชี้แจงให้
ประชำชนในพื้นที่ได้เข้ำใจทั้งผลดีและผลเสียเพื่อประกอบกำรตัดใจอีกครั้งหนึ่ง
ภาพการสัมมนา ณ ศาลาประชาคมหอประชุมโรงละครองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช
ภาพการสัมมนา ณ หอประชุมอาเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
สรุปผลการเดินทางไปศึกษาดูงาน
เรื่อง “การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย”
และเรื่อง “การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ ๓ เพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับการขนส่งสินค้า
ทางทะเลระหว่างประเทศในอนาคต”
ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ ถึงวันศุกร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓
ณ จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุร
คณะกรรมำธิกำร
ฟังบรรยำยควำมเป็นมำ
และกำรพัฒนำท่ำเรือ
แหลมฉบังโดยรวมและ
ท่ำเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3
โดยคณะกรรมำธิ กำรวิ สำมั ญฯ และคณะเดิ นทำงทุ กท่ ำนได้ ฟั งกำรบรรยำยจำกผู้ บริ หำรท่ ำเรื อแหลมฉบัง
และศึกษำสภำพรวมกำรดำเนินกำรของท่ำเรือแหลมฉบังบนหอคอยตรวจกำร
ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3
โครงกำรพัฒนำท่ำเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นกำรเพิ่มขีดควำมสำมำรถของท่ำเรือเพื่อ
รองรับควำมต้องกำรขนส่งสินค้ำทำงทะเลระหว่ำงประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนำคต โดยจะดำเนินกำร
ก่อสร้ำงท่ำเทียบเรือสำหรับจอดเรือน้ำลึกและสิ่งอำนวยควำมสะดวกอื่นๆ รวมทั้งกำรพัฒนำศูนย์ กำร
ขนส่ งตู้สิ น ค้ำทำงรถไฟที่ท่ำ เรื อแหลมฉบั ง (Single Rail Transfer Operator, SRTO) ก่อสร้ ำงท่ ำ
เทียบเรือชำยฝั่ง (ท่ำเทีย บเรื อ A) ปรับปรุงสิ่งอำนวยควำมสะดวกเพื่อแก้ไขปัญหำจรำจรภำยใน
ท่ำเรื อตลอดจนโครงข่ำยและระบบกำรขนส่ งต่อเนื่องที่จำเป็นในเขตพื้นที่ท่ำเรือแหลมฉบังที่จะ
เชื่อมต่อกับภำยนอกให้เพียงพอและพร้อมที่จะรองรับกำรขยำยตัวของปริมำณเรือและสินค้ำ ประเภท
ต่ำง ๆ ที่ตั้งโครงกำร ท่ำเรือแหลมฉบังตั้งอยู่ตำบลทุ่งสุขลำ อำเภอศรีรำชำ จังหวัดชลบุรี
สถำนะท่ำเรือแหลมฉบังในปัจจุบัน โดยปัจจุบันได้มีกำรพัฒนำท่ำเรือแหลมฉบังมำแล้วในระยะที่
1 และระยะที่ 2 ซึ่งมีพื้นที่รวมขนำด 8,752 ไร่ เป็นอำณำบริเวณทำงบก (พื้นที่เวนคืน) 6,341 ไร่
และอำณำบริเวณทำงน้ำ (พื้นที่ถมทะเล) 2,411 ไร่ โดยมีท่ำเรือที่เปิดดำเนินกำรแล้ว ดังนี้
ท่ำเทียบเรือตู้สินค้ำ 11 ท่ำ
ท่ำเทียบเรือขนส่งรถยนต์ (Ro/Ro) 3 ท่ำ
ท่ำเทียบเรืออเนกประสงค์ 3 ท่ำ
ท่ำเทียบเรือสินค้ำทั่วไป 1 ท่ำ
อู่ โ ดยศั ก ยภำพท่ ำ เรื อแหลมฉบั ง ในปั จ จุ บั น มี ค วำมสำมำรถในกำรรองรั บ ตู้ สิ น ค้ ำ ประมำณ
11 ล้ำนตู้ต่อปี และรองรับรถยนต์ได้ 2 ล้ำนคันต่อปี
วัตถุประสงค์ของโครงกำร
1. เพื่อเพิ่มขีดควำมสำมำรถในกำรรองรับตู้สินค้ำจำก 11 ล้ำนตู้ต่อปี เป็น 18 ล้ำนตู้ต่อปี
2. เพื่อเพิ่มขีดควำมสำมำรถในกำรรองรับรถยนต์จำก 2 ล้ำนคันต่อปี เป็น 3 ล้ำนคันต่อปี
3. เพื่อติดตั้งระบบจัดกำรตู้สินค้ำแบบอัตโนมัติ (Automation)
4. เพื่อเพิ่มสัดส่วนกำรขนส่งสินค้ำทำงรำงเป็น 30%
5. เพื่อพัฒนำเป็นศูนย์กลำงกำรขนส่งสินค้ำของภูมิภำคอินโดจีน (Hub Port) และประตูกำรค้ำ
ที่ ส ำคั ญ ของภู มิ ภ ำคลุ่ ม แม่ น้ ำ โขง (Gateway Port) พร้ อ มก้ ำ วขึ้ น เป็ น ท่ ำ เรื อ ระดั บ โลก
(World-Class Port)
องค์ประกอบโครงกำร
กำรพัฒนำท่ำเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 บนพื้นที่ขนำด 1,600 ไร่ ประกอบไปด้วย
1. ท่ำเทียบเรือตู้สินค้ำ 7 ท่ำ สำมำรถรองรับตู้สินค้ำได้ไม่ต่ำกว่ำ 7 ล้ำนตู้ต่อปี
2. ท่ำเทียบเรือรถยนต์ (Ro/Ro) 1 ท่ำ สำมำรถรองรับรถยนต์ได้ 1 ล้ำนคันต่อปี
3. ท่ำเทียบเรือสินค้ำทั่วไปและตู้สินค้ำ 1 ท่ำ
4. กำรอ ำนวยควำมสะดวกผู้ ใ ช้ บ ริ ก ำรท่ ำ เรื อ ด้ ว ยระบบ e-Port ผ่ ำ นเทคโนโลยี
อิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ
5. กำรเชื่อมโยงโครงสร้ำงพื้นฐำนด้ำนกำรคมนำคม โดยเน้นกำรขนส่งระบบรำง เพื่อ
เอื้อต่อธุรกิจภำคโลจิสติกส์
มูลค่ำกำรลงทุนโครงกำรให้เอกชนเข้ำร่วมทุนฯ 114,000 ล้ำนบำท โดยมีระยะเวลำในกำร
ดำเนินโครงกำร (ก่อสร้ำงและให้บริกำร) ให้เอกชนร่วมทุนฯ 35 ปี ซึง่ ผลตอบแทนโครงกำร (project
return) 149,045 ล้ำนบำท โดยใช้รูปแบบกำรให้เอกชนร่วมลงทุนให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจกำร
ของรัฐ (Public Private Partnership: PPP)
คาถามและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ
1. ท่ำเรือเฟส ๓ จะมีควำมลึกของร่องน้ำเท่ำไร แล้วอนำคตจะถมทะเลยื่นออกไปไหม
2. ถ้ำจะทำเขื่อนป้องกันน้ำเค็มไม่ให้มำทำให้น้ำเค็มจะต้องลงทุนเท่ำไร
3. เรือที่มีขนำดใหญ่และกินน้ำลึกกว่ำนี้จะเข้ำมำได้หรือไม่
4. พื้นที่ในกำรก่อสร้ำง 3500 ไร่ ทำให้เกิดปัญหำต่อกำรประมงหรือไม่ และสิ่งปลูกสร้ำงต่ำง ๆ
มีผลกระทบอย่ำงไรบ้ำง
5. สัดส่วนระหว่ำงเรือฟีดเดอร์และเรือแม่มีสัดส่วนเท่ำไร
6. กำรสร้ำงท่ำเรือน้ำลึกชุมพร และมีกำรสร้ำงสะพำนท่ำเรืออ่ำวไทย และมีกำรทำโกดังสินค้ำ
จะคุ้มค่ำกับกำรขนสินค้ำขึ้นลงหรือไม่ และรถขนส่งสินค้ำจะมีขนำดยำวเท่ำไรต่อวัน ถ้ำมีกำรขุดคลอง
ไทยจะคุ้มค่ำกว่ำหรือไม่ แล้วรัฐบำลชอบเส้นทำงไหนในกำรเดินเรือ
7. ควรมีระบบรำงใช่หรือไม่ เพื่อขนส่งสินค้ำและลดปัญหำกำรจรำจร
ผู้แทนจากท่าเรือแหลมฉบังตอบข้อซักถาม ดังนี้
1. ท่ำเรือแหลมฉบังเฟส 3 ได้ออกแบบให้เรือที่มีขนำดใหญ่ที่สุดลอยน้ำที่สำมำรถบรรทุกตู้ได้
15,000 บีทียูเข้ำมำได้ โดยอีก 4 ปี จะสร้ำงสำเร็จ โดยเรือที่มีขนำดใหญ่จะกินน้ำลึก 18.5 เมตร
ซึ่งเรือขนำดใหญ่จะไม่กินน้ำลึกมำกกว่ำนี้ แม้จะมีขนำดใหญ่ก็จะมีขนำดออกข้ำง มีกำรใช้รถระบบ
NGV ที่สำมำรถวิ่งเองมำใช้ที่ท่ำเรื อแหลมฉบังเพื่อลดปัญหำกำรจรำจร และมีกำรวำงแผนไว้ เผื่ อ
เรียบร้อยแล้ว
2. ท่ำเรือแหลมฉบังได้มีกำรศึกษำผลกระทบทำงสุขภำพและสิ่งแวดล้อมแล้ว (EHIA) ได้มีกำรทำ
ประตูลักน้ำ มีแม่ปั้มสูบน้ำ เป็นพื้นที่อนุบำลสัตว์น้ำตัวอ่อนไม่ให้เรือประมงมำทำลำยสัตว์น้ำ มีกำร
พัฒนำให้เป็นที่จอดฝูงเรือบริกำรนักท่องเที่ยว และมีกำรศึกษำกำรกัดเซำะชำยฝั่งเพื่อไว้ตอบคำถำม
ประชำชนว่ำมีผลกระทบหรือไม่เพรำะปกติแล้วแม้จะไม่มีกำรถมทะเลและก่อนสร้ำงใด ๆ ก็มีกำรกัด
เซำะชำยฝั่งตำมธรรมชำติอยู่แล้ว
3. ในกำรขุดดินลงไป 0-8 เมตร จะขุดลึกดิ่งลงไป 57 ล้ำนคิว แล้วเอำดินที่ได้ไปถมทะเล 34
ล้ ำนคิว และถำมทะเลยื่ น ออกไป 2 กิโ ลเมตร โดยออกแบบเป็นรูปนิ้วมือให้นิ้วก้อยยำวกว่ำตำม
แนวคิดให้เจริญรุ่งเรือง
4. เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วได้มีเรือฟีดเดอร์ขนำด 200-300 ตู้ วิ่งเข้ำไปยังสำธำรณะรัฐสิง คโปร์
ปัจจุบันลดจำนวนลง
5. ถ้ำมีกำรขุดคลองไทยจะเป็นบวกต่อกำรเดินเรือขนส่งสินค้ำ และต้องมีกำรสร้ำงแรงจูงใจและ
ประชำสัมพันธ์ให้สำยกำรเดินเรือมำใช้เส้นทำงถ้ำมีกำรขุดคลองไทย
6. กำรขุดคลองไทยและแลนด์บริดจ์มองคนละภำพกันขึ้นอยู่กับว่ำจะมองในภำพไหน เพรำะถ้ำ
มองคลองไทยจะสำมำรถวิ่ ง เรื อ ทั้ ง ในประเทศไทยและไปประเทศอื่ น ด้ ว ย ส่ ว นแลนบริ ด จ์ ภ ำค
ประชำชนจะได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งจะคุม้ ค่ำไม่เท่ำกัน
7. ที่ท่ำเรือแหลมฉบังจะมีเรือฟีดเดอร์ประมำณ 400 เที่ยว ส่วนวิ่งออกนอกประเทศเป็นเรือแม่
ประมำณ 2,000 เที่ยว
8. เรื อที่ ขนส่ งรถยนต์ เพื่ อส่ งออก เช่ น ยำรี ส แคมมเอร์ จะวิ่ งจำกญี่ ปุ่ นมำไทย แล้ วไปยั งอิ นโดนี เชี ย
และจะกลั บไปประเทศต้ นทำงโดยจะไม่ มี กำรถ่ ำยล ำเรื อที่ สำธำรณรั ฐสิ งคโปร์ ยกเว้ นที่ เป็ นลู กค้ ำเท่ ำนั้ น
แล้วก็จะไปยังตะวันออกกลำงและทวีปยุโรป ส่วนออสเตรเลียจะถ่ำยเรือที่สำธำรณรัฐสิงค์โปร์
ภาคผนวก ค – ฉ (QR CODE)
ภาคผนวก ค ภาคผนวก ง
การทบทวนวรรณกรรม ข้อมูล รายงานคณะอนุกรรมาธิการ
และเอกสารวิจัยที่เกี่ยวข้อง พิจารณาศึกษาการขุดคลองไทย
(QR CODE) (QR CODE)
ภาคผนวก จ ภาคผนวก ฉ
รายงานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษา รายงานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษา
การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ผลกระทบสิง่ แวดล้อม สังคม
(QR CODE) ความมั่นคง และการเมือง
(QR CODE)
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร