โหมโรง

You might also like

Download as doc, pdf, or txt
Download as doc, pdf, or txt
You are on page 1of 4

โหมโรง

คอลัมน์ คุยกับประภาส

โดย ประภาส ชลศรานนท์

นับเป็ นความหาญกล้าอย่างมากที่เลือกเอาดนตรี ไทยมาวางเป็ นฉากในการนำเสนอเรื่ องราวของการต่อสู้ทางจิต


วิญญาณ เพราะถ้าจะพูดกันแบบไม่เกรงใจ ก็ตอ้ งบอกว่าดนตรี ไทยนั้นได้ถูกผูค้ นห่างเหิ นจนแทบจะกลายเป็ น
นามธรรมไปอีกสิ่ งหนึ่งแล้ว

ทำไมดนตรี ไทยจึงกลายเป็ นของจับต้องไม่ได้ ทั้งๆที่มนั ก็มีรูปธรรมอันสัมผัสได้ดว้ ยประสาททั้งห้า

ขึ้นต้นมาผมก็ต้ งั คำถามยากๆ เสี ยแล้ว

อย่าเพิ่งต่อว่ากันเลยนะครับ กลับมาเขียนคราวนี้ ขอประเดิมด้วย เรื่ องอัดอั้นตันใจเสี ยหน่อยอยากคุยมานานแล้ว


ครับ

อันที่จริ งผมมีคิวที่จะกลับมาเขียนที่มติชนอีกในปี นี้ ตามที่ได้วางเวลาบนปฏิทินกับทางมติชนก็คือเดือนมีนาคม

แต่หนังเรื่ องโหมโรงของคุณอิทธิสุนทรมีอนั ทำให้ผมต้องรี บโทร.มาขออนุญาตเขียนตอนพิเศษตอนนี้ โดยเฉพาะ


เพราะถ้าไม่เขียนลงอาทิตย์น้ ี ผมเกรงว่าผมจะสายไป

ท่านผูอ้ ่านก็เช่นกันนะครับ อย่ามัวแต่เพลินคิดไปว่าเดี๋ยวไปดูกไ็ ด้ อาทิตย์หน้าไปดูกไ็ ด้ หรื อมัวแต่ทอดหุ่ยนัง่ รอ


ให้เขาทำเป็ นหนังแผ่นซีดีแล้วค่อยดู มันจะไม่ทนั การณ์นะครับ รอบที่ผมไปดูน้ นั คนที่นงั่ ในโรงโหรงเหรงจนน่า
ใจหาย

ทั้งๆ ที่เป็ นหนังที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับคนไทยทุกคน

ผมเคยนัง่ คิดเล่นๆ ว่าอะไรทำให้ดนตรี ไทยถูกวางตำแหน่งให้อยูห่ ่างจากผูค้ นทุกวันนี้

มีความคิดอยูส่ องขั้วสองทางที่ท ำให้เป็ นเช่นนั้น

พวกหนึ่งมองดนตรึ ไทยเป็ นของเก่าคร่ำครึ เป็ นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเชย ไม่ทนั สมัย เด็กรุ่ นใหม่ๆ หลาย
กลุ่มอาจมองเป็ นของไม่มีค่าอันใดเลยด้วยซ้ำ

อีกพวกหนึ่งมองเป็ นดนตรี ไทยเป็ นของสูง ควรจะอยูใ่ นพิธีที่สำคัญๆ อย่างเดียว และไม่ควรนำมาทำเป็ นของ


เล่นๆ แม้กระทัง่ การเรี ยนการสอนก็คอยระมัดระวังไม่ให้ออกนอกรู ปนอกรอย ต้องเล่นตามแบบตามแผน

ความคิดสองขั้วที่อยูค่ นละฝั่งนี้ลว้ นมีผลทำให้เราจะได้ยนิ ดนตรี ไทยสดๆ ก็จากลิเก งานศพ หรื อในชมรมดนตรี


ไทยตามโรงเรี ยน เท่านั้น

และ***ความคิดสองขั้วนี้เองที่รมหูรมตาให้พวกเราคิดว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับดนตรี ไทย มันคงเชย ช้า ชวนง่วง


นอน หรื อไม่กค็ ิดไปว่ามันคงงดงามสูงส่ งเสี ยจนแตะต้องไม่ได้

หนังเรื่ องโหมโรงก็โดนพายุอคติน้ ี เช่นกัน


คนทำใบปิ ดหนังเรื่ องโหมโรงก็คงโดนกระแสลมนั้นด้วย ใบปิ ดหนังไม่ได้บอกอะไรดีๆ ที่มีอยูม่ ากมายในหนัง
เรื่ องนี้ เลย ผมขับรถผ่านแถวสยามสแควร์เห็นคัตเอาต์หนังเรื่ องนี้ เป็ นรู ปคนใส่ เสื้ อราชประแตนยืนหันหลังถือไม้
ตีระนาด แล้วผมก็จินตนาการไปว่าหนังเรื่ องนี้ คงมีคนพูดภาษาโบราณแปร่ งๆ ใส่ เสื้ อโบราณเดินไปเดินมาอย่าง
หนังย้อนยุคเรื่ องอื่นๆ เป็ นแน่ เพราะแม้แต่พระเอกยังยืนเต๊ะท่าอย่างนี้เลย อีกหลายคนอาจคิดเลยไปว่าถ้าเข้าไปดู
แล้วคงหลับกลางเรื่ องเพราะเพลงประกอบงานศพหรื องานบวชนาคคงขับกล่อมตลอดเวลา

หนังเรื่ องนี้ ไม่เป็ นอย่างนั้นเลยครับ

ไม่วา่ จะเป็ นเด็กเล็กหรื อวัยรุ่ นแค่ไหนก็ตาม ผมว่าพวกเขาสามารถดูหนังเรื่ องนี้ ได้สนุกไม่แพ้กนั ผมพาลูกผมไป


ดูมาแล้ว หน้าตาเขาดูสนุกไม่แพ้ดูการ์ตูนนีโมอยูเ่ ลย

ตอนที่ได้ยนิ ว่าอิทธสุ นทรทำหนังเรื่ องนี้ หลายคนคิดว่าเขาคงทำหนังซีเรี ยส เอาไว้ข้ ึนหิ้ง ไปดูกนั เถิดครับ ไม่ใช่
หนังอย่างนั้นแน่นอน แม้จะเป็ นหนังเกี่ยวกับดนตรี ไทย เกี่ยวกับผูค้ นในประวัติศาสตร์กต็ าม

อิทธิสุนทรทำหนังเรื่ องนี้ ข้ ึนมาบนแนวความคิดที่วา่ ดนตรี น้ นั มีไว้ค ้ำจุนมนุษย์

ดนตรี ไทยในเรื่ องนี้ ได้ท ำหน้าที่ค ้ำจุนมนุษย์คนหนึ่งให้บรรลุถึงจิตวิญญาณ และนำจิตวิญญาณนั้นเล่นดนตรี


ค้ำจุนแผ่นดินต่อไป

ในหนังเรื่ องนี้ อิทธิสุนทรได้แสดงให้เราเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า ดนตรี ไทยนั้นไม่ใช่ของเชย ของล้าสมัย หรื อ


สูงส่ งเสี ยจนสัมผัสไม่ได้ อิทธิสุนทรได้ท ำให้ความคิดสองขั้วนั้นถูกสลายไปทันทีที่ทุกคนออกจากโรง

ไม่มีฉากเล่นดนตรี ไทยฉากไหนในหนังเรื่ องนี้ ที่ดูแล้วน่าเบื่อเลยครับ การแสดงของนักแสดงและทางเดินของ


กล้อง รวมไปถึงการตัดต่อทำให้การเล่นดนตรี ของนักดนตรี ดูสนุกสนาน จนอยากจะหาระนาดมาไว้เล่นที่บา้ น
สักราง อิทธิสุนทรทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าได้เข้าไปนัง่ อยูก่ ลางวงปี่ พาทย์ ไปนัง่ ช่วยเขาเอาข้าวสุ กผสมขี้เถ้า
แปะหน้าหนังกลองอย่างไรอย่างนั้น

ผมให้คะแนนการออกแบบดนตรี ไทยเรื่ องนี้ เต็มร้อย

นับตั้งแต่การเลือกเพลงแต่ละเพลงในแต่ละฉาก การผูกเพลงขึ้นมาใหม่เพื่ออธิบายฉากต่างๆ การบันทึกเสี ยงก็


สมจริ งดัง่ ว่ากำลังเล่นกันอยูใ่ นห้องตรงนั้น รายละเอียดเสี ยงไม้กระทบฆ้องวง เสี ยงกลองขยับ ล้วนเป็ นราย
ละเอียดที่น่าชมเชย

ฉากศรวัยหนุ่มเริ่ มหัดดนตรี นี่คอยจับตาดูให้ดีนะครับ

เพลงนี้ ผกู ขึ้นมาเพื่ออธิบายการฝึ กดนตรี ของศรให้จบในหนี่งเพลง กะทัดรัดลงตัวมาก และที่สำคัญการตัดต่อฉาก


นี้ ชีพจรดนตรี ไม่มีสะดุดเลย ใครไม่เชื่อตอนดูหนังฉากนี้ ลองขยับเท้าตามไปด้วยก็ได้

ยิง่ ฉากการดวลระนาดระหว่างนายศรกับขุนอินนี่ ถึงจะมีอารมณ์ดรามาติกไปหน่อย แต่กเ็ ร้าใจสมกับเป็ นฉาก


ใหญ่ก่อนจบเรื่ อง อิทธิสุนทรใช้การเคลื่อนกล้องที่แรงและเร็ วตามอารมณ์ของเพลงจริ งๆ ฉากนี้ผมก็ให้เต็มร้อย
ครับ

แม้กระทัง่ ฉากที่หวานที่สุดของหนังเรื่ องนี้ ฉากที่นายศรนัง่ สี ซอมองดูแม่โชติสาวชาววัง การออกแบบดนตรี ก็


ทำได้ละมุนละม่อม มีการสอดเสี ยงเปี ยโนเข้ามาในวรรคของซอเป็ นช่วงๆ รับเข้ากับการเดินกล้องเข้าหาสายตา
รักแรกพบของพระเอก ถ้าจะตะขิดตะขวงบ้างก็ที่ตวั นางเอกนัน่ แหละครับ ที่หน้าตาองค์เอวออกสมัยใหม่ไปสัก
หน่อย ผอมๆ อย่างนี้สมัยนั้นเขาจะพานคิดว่าเป็ นโรคนะผมว่า

พูดถึงการออกแบบดนตรี ของหนังเรื่ องนี้ มีนอ้ งคนหนึ่งที่ดูมาแล้วถามผมว่า ถ้าจะให้สุดยอดกว่านี้ น่าจะใช้


ดนตรี ไทยประกอบหนังเรื่ องนี้ ท้ งั หมดไหม ไม่น่าจะมีเครื่ องสายฝรั่งหรื อเปี ยโนไฟฟ้ าเข้ามาประกอบ เรื่ องนี้ผม
กลับไม่คิดอย่างนั้น

ถ้าจะเอาแก่นของหนังเรื่ องนี้ มาตอบ ผมก็คงจะชวนให้ดูฉากที่ท่านครู เล่นระนาดร่ วมกับลูกชายที่เล่นเปี ยโน

ในท้องเรื่ อง แม้ทางราชการสมัยนั้นจะตั้งข้อรังเกียจกับดนตรี ไทยแค่ไหนก็ตาม แต่ตวั ท่านครู ศรเองซึ่งรักดนตรี


ไทยเป็ นชีวิตจิตใจกลับเปิ ดใจรับดนตรี ตะวันตกและนำมาเล่นร่ วมกันอย่างสวยงามโดยไม่รังเกียจรังงอนแต่อย่าง
ใด

ฉากนี้หลายคนชอบกันนะครับ เพลงไพเราะมาก ที่สำคัญการแสดงของนักแสดงชั้นครู อย่างคุณอดุลย์ ดุลรัตน์


นั้นหาที่ติไม่ได้เลย ผมชอบแววตาเหมือนพญาอินทรี ตอนที่ท่านครู เดินมาที่เปี ยโนมาก คนแก่ๆ ที่ยงั มีพลังนี่ดูที่
ดวงตาได้เลยครับ ไม่เชื่อไปดูรูปพอล แม็กคาร์ตนี่ ตอนนี้ดูกไ็ ด้วา่ อินทรี เฒ่านั้นแววตาเป็ นอย่างไร

คุณอนุชิต สพันธุ์พงษ์ ที่เล่นเป็ นศรวัยหนุ่ม ดีข้ ึนผิดหูผดิ ตาจากเรื่ องที่แล้วเรื่ อง ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ น่าดีใจนะครับ
ที่ได้เล่นหนังดีๆ ถึงสองเรื่ องติด เป็ นนักแสดงนั้นจะมีอะไรดีไปกว่าได้เล่นบทที่ทา้ ทายความสามารถกับทีมงาน
ดีๆ นี่กไ็ ด้ยนิ มาว่าคุณอนุชิตต้องฝึ กระนาดถึงแปดเดือนก่อนเล่นหนังเรื่ องนี้ น่าชมเชยครับ

คุณณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า กับบทขุนอิน ทำให้หนังมีสีสนั ขึ้นมาก อ่านในเครดิตท้ายเรื่ องถึงรู้วา่ เป็ นคนทำดนตรี


ประกอบเรื่ องนี้ ดว้ ย ขอแสดงความชื่นชมครับ

อีกคนหนึ่งที่ไม่พดู ถึงคงไม่ได้ คุณพงษ์พฒั น์ วชิรบรรจง นักแสดงที่ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง หนังเรื่ องนี้ บทเขาไม่


มากนัก แต่การมีเขาอยูใ่ นฉาก ทำให้ฉากนั้นมีความหมายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

บทเจรจาของท่านครู (อดุลย์ ดุลย์รัตน์) กับผูพ้ นั (พงษ์พฒั น์) ในฉากสุ ดท้ายเขียนได้ดีทีเดียว ฝ่ ายหนึ่งบอกว่า ลม


ตะวันตกกำลังมาแรงเราต้องตั้งรับโดยการทำตัวให้เป็ นตะวันตก แต่อีกฝ่ ายหนึ่งบอกว่า ต้นไม้ที่ก ำลังตั้งรับลม
แรงๆ นั้น ต้องมีรากที่หยัง่ ลึก ถ้ามาตัดรากต้นไม้เสี ย ต้นไม้จะรับแรงลมไหวหรื อ

ฟังแล้วน่าคิดต่อนะครับ

ต้นไม้ศิลปวัฒนธรรมของไทยที่หยัง่ รากลึกมาแสนนาน กำลังถูกลูกหลาน(สองขั้วความคิดที่ผมพูดไว้แต่แรก)คิด


ว่าต้นมันใหญ่รุงรังเกินไป น่าจะตัดรากห่อดินเป็ นตุม้ เอาไปปลูกไว้ในที่ที่เหมาะสมเพราะคิดว่ามันคงหลบลมได้
โดยลืมไปว่าลมตะวันตกมันแรงจริ งๆ และมันคงแรงมากพอที่จะหอบต้นไม้ที่รากกุดๆ ให้หลุดลอยไปทั้งต้นได้

เปลี่ยนความคิดดีไหมดีครับ ต้นมันใหญ่รุงรังนัก ก็ตดั เล็มกิ่งเล็มก้านเสี ยบ้าง แม้แต่กิ่งใหญ่ๆ ก็เถอะ เราต้องไม่


เสี ยดายนะครับ ถ้าเรารักจะให้มนั ยืนอยูน่ านๆ อะไรที่มนั เยิน่ เย้อยืดยาดก็ลองตัดออกดู พิธีรีตรองที่มากเกินไป
บางทีมนั ทำให้คนมองไม่เห็นแก่นเหมือนกัน

กิ่งก้านยั้วเยี้ย ใบเยอะแยะนี่ เวลาพายุมาแรงๆ ล้มทั้งต้นให้เห็นมาก็มาก ต่อให้รากลึกแค่ไหนก็เถอะ


ชมกันมาก็เยอะแล้ว ถ้าถามว่าหนังเรื่ องนี้ สมบูรณ์ไม่มีที่ติเลยเชียวหรื อ มันก็เหมือนผูห้ ญิงนัน่ แหละครับ มีผหู้ ญิง
คนไหนในโลกสวยสมบูรณ์ไปหมดทุกอย่าง

ติเพื่อก่อนะครับ

ที่ผมติดขัดที่สุดก็เห็นจะเป็ นตัวนางเอก บทบาทที่วางไว้มีนอ้ ยเกินไป น้อยเกินกว่าที่จะให้ความรู้สึกผูกพัน


แน่นแฟ้ นมาถึงตอนจบเรื่ องที่ท่านครู ก ำลังจะตาย ผมยังจินตนาการไปเล่นๆ เลยว่า หรื อแม่โชตินางเอกคนนี้
แหละที่ท ำให้นายศรคลายความเคร่ งเครี ยดมาเล่นดนตรี ดว้ ยจิตวิญญาณอย่างแท้จริ ง และส่วนนี้ของบทหนังได้ถูก
ตัดหายไปเนื่องจากเหตุผลเรื่ องความยาวของหนัง

ผมก็คิดเข้าข้างของผมไปเรื่ อยๆ นะครับ

ตัวทิวเพื่อนวัยหนุ่มของศรน่าจะเป็ นนักแสดงที่เล่นได้ไม่มีน้ำหนักมากที่สุด น้ำเสี ยงลอยค้างเติ่งกับแววตาตื่นๆ


ทำให้ไม่เชื่อว่าทิวกับศรผูกพันเป็ นเพื่อนรักกัน และทำให้ในตอนจบภาพของทิววัยชราที่มาเฝ้ าท่านครู ศรวัย
เดียวกันที่เตียงไม่สามารถสร้างความรู้สึกได้มากพอ ตัวเจ้าเทิดลูกทิวเสี ยอีกที่ผมรู้สึกว่าเขาเล่นได้ผกู พันกับท่าน
ครู มากกว่า

แต่กอ็ ย่างที่ผมบอก ถ้าเปรี ยบหนังเรื่ องนี้ เหมือนผูห้ ญิง เธอก็คงเป็ นหญิงงามที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยา มีความคิด
ความอ่านอย่างหาตัวจับได้ยาก หุงข้าวเป็ น ทำกับข้าวอร่ อยหลายอย่าง บางอย่างเธอก็ท ำไม่เป็ น หรื อไม่เธอก็อาจ
มีนิสยั ขี้งอนบ้างในบางครั้ง

แต่ผมว่าเธอเป็ นผูห้ ญิงที่มีคุณค่า และหาไม่ได้ง่ายๆ ในโลกนี้

เมื่อรักเธอแล้ว ไม่บอกรักเธอวันนี้ ผมเกรงว่าทุกอย่างจะสายไป

You might also like