Professional Documents
Culture Documents
FNC BSC
FNC BSC
และฟังก์ชนั
พื้นฐาน
6 Oct 2021
สารบัญ
คูอ่ นั ดับ
คูอ่ นั ดับ คือ การนาสองสิง่ มาเขียนเป็ นคูอ่ ย่างมีลาดับ เช่น (3, 2) , (−1, 0) , ( 32 , 𝑎) , (สมชาย, 5) เป็ นต้น
การสลับตาแหน่งของค่าในคูอ่ นั ดับ จะทาให้กลายเป็ นคนละอัน กล่าวคือ (3, 2) ≠ (2, 3)
กล่าวคือ คูอ่ นั ดับ 2 คู่ จะเท่ากันได้ ก็เมื่อ สมาชิกตัวหน้าเท่ากัน และ สมาชิกตัวหลังเท่ากัน
3 = 𝑦+1 𝑥 + 𝑦 = 5𝑦
2 = 𝑦 𝑥 + 2 = 10
𝑥 = 8
แบบฝึ กหัด
1. จงหาค่า 𝑥 และ 𝑦 ที่ทาให้คอู่ นั ดับต่อไปนีเ้ ท่ากัน
1. (𝑥 , 𝑥 − 𝑦) = (2𝑥 − 3 , 𝑥 + 𝑦)
2 ฟั งก์ชนั
2. ถ้า 𝐴 = {(1, 1), (1, 2), (1, 3)} , 𝐵 = {(1, 1), (2, 1), (3, 1)} จงหา 𝑛(𝐴 ∪ 𝐵)
3. ถ้า 𝐴 = {(1, (1, 1)), (1, (1, 2)), (2, (1, 1))} , 𝐵 = {((1, 1), 1), ((1, 2), 1), ((2, 1), 1)}
จงหา 𝑛(𝐴 ∪ 𝐵)
ฟังก์ชนั 3
ผลคูณคาร์ทีเซียน
ปกติแล้ว 𝐴 × 𝐵 จะไม่เท่ากับ 𝐵 × 𝐴
เพราะลาดับก่อนหลังในคูอ่ นั ดับมีความสาคัญ กล่าวคือ (𝑏, 1) ≠ (1, 𝑏)
อย่างไรก็ตาม 𝐴 × 𝐵 อาจเท่ากับ 𝐵 × 𝐴 ได้ ในกรณีที่ 𝐴 = ∅ หรือ 𝐵 = ∅ หรือ 𝐴=𝐵
ตัวอย่าง จงหาจานวนสมาชิกของ {{1, 3}, { }} × {1, {1}, {1, {2}}} พร้อมทัง้ เขียนผลลัพธ์
วิธีทา ก่อนอื่น ต้องรูก้ ่อนว่าเซตทีม่ าคูณกัน มีสมาชิกกี่ตวั อะไรบ้าง
{{1, 3}, { }} มีสมาชิก 2 ตัว คือ {1, 3} และ { }
{1, {1}, {1, {2}}} มีสมาชิก 3 ตัว คือ 1 และ {1} และ {1, {2}}
ดังนัน้ ผลคูณของสองเซตนี ้ จะต้องมีสมาชิก 2 × 3 = 6 ตัว
{1, 3} 1
ซึง่ จะวาดเป็ นแผนภาพการจับคูไ่ ด้เป็ น {1}
{} {1, {2}}
ดังนัน้ ผลคูณ = { ({1, 3}, 1) , ({1, 3}, {1}) , ({1, 3}, {1, {2}}) ,
( { } , 1) , ( { } , {1}) , ( { }, {1, {2}}) } #
4 ฟั งก์ชนั
แบบฝึ กหัด
1. จงหาจานวนสมาชิกในแต่ละข้อต่อไปนี ้
1. {𝑎, 𝑏, 𝑐} × {𝑎, 𝑐} 2. {1, 2, 3, … , 10} × {1, 2, 3, … , 10}
3. {1, 2} × {1, {2, 3}} 4. {1, {1}, {1, 2}} × {{1, 2}}
2. จงหาผลคูณคาร์ทีเซียนต่อไปนี ้
1. {𝑎, 𝑏, 𝑐} × {𝑎, 𝑐} 2. {1, {2}} × {2, {1}}
3. ข้อใดถูกต้อง
1. (𝑎, 2) ∈ {𝑎, 𝑏, 𝑐} × {1, 2, 3} 2. (𝑎, 2) ∈ {𝑎, 2, 𝑐} × {1, 𝑏, 3}
ความสัมพันธ์
แบบฝึ กหัด
1. กาหนดให้ A = {1, 2, 3, … , 10} , 𝐵 = {2, 4, 6, … , 20} จงเขียนความสัมพันธ์ตอ่ ไปนี ้ แบบแจกแจงสมาชิก
1. 𝑟 = {(𝑥, 𝑦) ∈ 𝐴 × 𝐵 | 𝑦 = 3𝑥} 2. 𝑟 = {(𝑥, 𝑦) ∈ 𝐴 × 𝐵 | 𝑦 = 3𝑥 − 1}
𝑥
5. 𝑟 = {(𝑥, 𝑦) ∈ 𝐴 × 𝐴 | 𝑦 > 2𝑥 + 5} 6. 𝑟 = {(𝑥, 𝑦) ∈ 𝐵 × 𝐵 | 𝑦 = 3
+ 𝑥}
9. 𝑟 = {(𝑥, 𝑦) ∈ 𝐵 × 𝐴 | 𝑥 − 𝑦 = −1}
2. กาหนดให้ 𝐴 = {1, 2, 3, 4, 5, 6}
𝐵 = {1, 2, 3, … , 11, 12}
𝑎
𝑆 = {(𝑎, 𝑏) ∈ 𝐴 × 𝐵 | 𝑏 = 2𝑎 + 2}
จานวนสมาชิกของ 𝑆 เท่ากับเท่าไร [O-NET 51/7]
6. ขบวนพาเหรดรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้าขบวนหนึง่ ประกอบด้วยผูเ้ ดินเป็ นแถว แถวละเท่าๆกัน (มากกว่า 1 แถว และแถวละ
มากกว่า 1 คน) โดยมีเฉพาะผูอ้ ยูร่ มิ ด้านนอกทัง้ สีด่ า้ นของขบวนเท่านัน้ ที่สวมชุดสีแดง ซึง่ มีทงั้ หมด 50 คน ถ้า 𝑥
คือจานวนแถวของขบวนพาเหรด และ 𝑁 คือจานวนคนที่อยูใ่ นขบวนพาเหรดแล้ว ข้อใดถูกต้อง [O-NET 53/15]
1. 31𝑥 − 𝑥 2 = 𝑁 2. 29𝑥 − 𝑥 2 = 𝑁
3. 27𝑥 − 𝑥 2 = 𝑁 4. 25𝑥 − 𝑥 2 = 𝑁
กราฟของความสัมพันธ์
ถ้านาจุดเหล่านีไ้ ปพล็อตกราฟ
จะเห็นว่าจุดจะเรียงเป็ นตับ เกิดเป็ น “เส้น”
เมื่อได้แนวโน้มของกราฟ จึงค่อยลากเส้น #
แบบฝึ กหัด
1. จงพิจารณาว่า กราฟในข้อใด ผ่านจุด (−1, 1)
1. 3𝑦 = 1 − 2𝑥 2. 𝑦 = 𝑥2 + 1
12 ฟังก์ชนั
3. 𝑥2 + 𝑦2 = 2 4. 𝑦 = 2𝑥 − 3
3. 𝑦 + 2 = |𝑥 + 1| 4. |𝑦| − 2 = |𝑥 − 1|
5. 𝑦 = 𝑥2 − 1 6. 𝑦2 = 𝑥 − 1
3. 5 4. 5
−5 5 −5 5
−5 −5
14 ฟังก์ชนั
รูปกราฟที่ควรจา
กราฟเส้นตรง
𝑦 = 𝑚𝑥 + 𝑘 𝑥=𝑎 𝑦=𝑏
ชัน = 𝑚
𝑏
𝑘
𝑎
กราฟพาราโบลา
𝑦 = 𝑥2 𝑦 = −𝑥 2 𝑥 = 𝑦2 𝑥 = −𝑦 2
กราฟรูท
𝑦 = √𝑥 𝑦 = −√𝑥 𝑥 = √𝑦 𝑥 = − √𝑦
กราฟค่าสัมบูรณ์
𝑦 = |𝑥| 𝑦 = −|𝑥| 𝑥 = |𝑦| 𝑥 = −|𝑦|
กราฟอื่นๆ
𝑥 2 + 𝑦2 = 𝑘2 |𝑥| + |𝑦| = 𝑘 𝑥𝑦 = 𝑘 𝑥𝑦 = −𝑘
𝑘 𝑘
ฟังก์ชนั 15
แบบฝึ กหัด
1. จงวาดกราฟของความสัมพันธ์ตอ่ ไปนี ้
1. 𝑥 = −2 2. 𝑦 = |𝑥|
3. 𝑦 = 𝑥2 4. 𝑦 = √𝑥
5. 𝑥2 + 𝑦2 = 4 6. |𝑥| + |𝑦| = 4
16 ฟังก์ชนั
กราฟของอสมการ
−1 ≤ 𝑥 ต้องเขียนด้วยเส้นทึบ
𝑥 < 2 ต้องเขียนด้วยเส้นประ
แบบฝึ กหัด
1. จงวาดกราฟของความสัมพันธ์ตอ่ ไปนี ้
1. 𝑦 > 𝑥 2. 𝑥+𝑦 ≤ 2
3. 𝑦 ≥ 𝑥2 4. 𝑥2 + 𝑦2 < 4
9. −2 ≤ 𝑥 + 𝑦 ≤ 2
𝑦=𝑥
0 1
𝑦 = −𝑥
𝑦 𝑦
1 1
4. 𝑥
5. 𝑥
0 0
ฟังก์ชนั 21
𝑥(𝑦 − 2) = 2𝑦 + 1
2𝑦+1
𝑥 =
𝑦−2
ขัน้ ที่ 2: หาว่า 𝑥 กับ 𝑦 เป็ นอะไรได้บา้ ง → ส่วน หรือ ตัวหาร ห้ามเป็ นศูนย์
→ ข้างใน √ ห้ามติดลบ
5𝑥
เช่น 𝑦 = 𝑥−3 → 𝑥−3 ≠0
𝑥 ≠ 3 → D𝑟 = R − {3}
𝑥 = √𝑦 + 2 → 𝑦+2 ≥0
𝑦 ≥ −2 → R 𝑟 = [−2, ∞)
3𝑦
𝑥= → 𝑦+2 >0
√𝑦+2
𝑦 > −2 → R 𝑟 = (−2, ∞)
3𝑥+1
หาเรนจ์ ต้องจัดรูปสมการ แยก 𝑥 ทิง้ ไปอีกฝั่งก่อน 𝑦 =
2𝑥−1
2𝑥𝑦 − 𝑦 = 3𝑥 + 1
2𝑥𝑦 − 3𝑥 = 𝑦 + 1
𝑥(2𝑦 − 3) = 𝑦 + 1
𝑦+1
𝑥 =
2𝑦−3
+ − +
−2 2
จะได้ R 𝑟 = (−∞, −2] ∪ [2, ∞)
ถัดมา หาโดเมน ต้องจัดรูปใหม่ แยก 𝑦 ทิง้ ไปอีกฝั่ง 𝑥 = √𝑦 2 − 4
𝑥2 = 𝑦2 − 4 ;𝑥≥0
2
𝑥 +4 = 𝑦2
±√𝑥 2 + 4 = 𝑦
จะได้ D𝑟 = [0, ∞) #
แบบฝึ กหัด
1. จงหาโดเมน และ เรนจ์ ของความสัมพันธ์ตอ่ ไปนี ้
1. 𝑦 = 𝑥+1
𝑥
2. 2𝑥+1
𝑦 = 3𝑥−2
2𝑦+3
3. 𝑥= 2−𝑦
4. 𝑥(𝑦 − 1) = 2
ฟังก์ชนั 25
5. 𝑥𝑦 − 3𝑥 + 𝑦 + 2 = 0 6. 𝑦 = 𝑥2 + 3
7. 𝑦 = 𝑥 2 + 4𝑥 − 6 8. 𝑦 = √𝑥 + 1
9. 𝑦 = √𝑥 2 − 4 10. 𝑦 = √1 − 𝑥 2
26 ฟังก์ชนั
13. 𝑦 = √4 − 𝑥 2 + 1 14. 𝑦 = 2 − √𝑥 2 − 1
2. จงหาโดเมนของความสัมพันธ์ตอ่ ไปนี ้
𝑥+2
1. 𝑦 = √𝑥 2 − 3𝑥 + 2 2. 𝑦=√ 𝑥
(𝑥+1)(2−𝑥)
3. 𝑦=√ (𝑥+3)
ฟังก์ชนั 27
โดเมนและเรนจ์ จากกราฟ
D𝑟 = R D𝑟 = R D𝑟 = R − {0} D𝑟 = R
R𝑟 = R R 𝑟 = (0, ∞) R 𝑟 = R − {2} R𝑟 = R
28 ฟังก์ชนั
แบบฝึ กหัด
1. จงหาโดเมนและเรนจ์ ของความสัมพันธ์ตอ่ ไปนี ้
1. 2.
3. 4.
5. 6.
7. 8.
ฟังก์ชนั 29
ฟั งก์ชนั
ไม่เป็ นฟั งก์ชนั เป็ นฟั งก์ชนั เป็ นฟั งก์ชนั ไม่เป็ นฟั งก์ชนั
30 ฟังก์ชนั
แบบฝึ กหัด
1. ความสัมพันธ์ในข้อใดต่อไปนี ้ เป็ นฟั งก์ชนั
1. {(1, 2), (2, 3), (3, 4), (4, 1)} 2. {(1, 1), (2, 2), (3, 3), (4, 4)}
3. {(1, 1), (1, 2), (1, 3), (1, 4)} 4. {(1, 1), (2, 1), (3, 1), (4, 1)}
3. |𝑥| + |𝑦| = 1 4. 𝑦 = √𝑥
5. 𝑥 = 𝑦 2 − 2𝑦 + 3 6. 𝑥 = 𝑦2
7. 𝑥 = 𝑦2 และ 𝑦≥0 8. 𝑥2 + 𝑦2 = 1
ฟังก์ชนั 31
5. 6. 7. 8.
9.
7. แผนภาพของความสัมพันธ์ในข้อใดเป็ นฟังก์ชนั ทีม่ ี {1, 2, 3, 4, 5} เป็ นโดเมน และ {1, 2, 3, 4} เป็ นเรนจ์
[O-NET 56/12]
1 1 1 1 1 1
2 2 2 2 2 2
1. 3 3 2. 3 3 3. 3 3
4 4 4 4 4 4
5 5 5
1 1 1 1
2 2 2 2
4. 3 3
5. 3 3
4 4 4 4
5 5
−3 −2 −1 1 2 3
−1
−2
−3
𝑦 𝑦
4. 5.
𝑥 𝑥
34 ฟังก์ชนั
สัญลักษณ์แทนฟั งก์ชนั
นอกจากนี ้ เรายังใช้สญ
ั ลักษณ์ 𝑓(𝑥) , 𝑔(𝑥) , ℎ(𝑥) แทน 𝑦 ได้ดว้ ย
เช่น ฟั งก์ชนั 𝑦 = 2𝑥 2 + 1 จะเขียนอีกแบบได้เป็ น 𝑓(𝑥) = 2𝑥 2 + 1
และ 𝑓(𝑘) จะหมายถึง ค่า 𝑦 เมื่อ 𝑥 = 𝑘 เช่น 𝑓(1) = ค่า 𝑦 เมื่อ 𝑥 = 1
𝑓(0) = ค่า 𝑦 เมื่อ 𝑥 = 0
𝑓(−2) = ค่า 𝑦 เมื่อ 𝑥 = −2 เป็ นต้น
เช่น ถ้า 𝑓 = { (−1, 2) , (0, 5) , (1, 4) , (2, −1) , (3, 6) , (4, 3) }
จะได้ 𝑓(3) = 6 , 𝑓(0) = 5 และ 𝑓(−1) = 2 เป็ นต้น
และในกรณีที่โจทย์ให้สมการของ 𝑓(𝑥) มา เราสามารถหา 𝑓(𝑘) ได้โดยแทนค่า 𝑥 = 𝑘 ลงไปในสมการ 𝑓(𝑥)
เช่น ถ้า 𝑓(𝑥) = 2𝑥 − 1 จะได้ 𝑓(3) = 2(3) − 1 = 5
𝑓(1) = 2(1) − 1 = 1
แบบฝึ กหัด
1. กาหนดให้ 𝑓 = {(1, 2), (2, 4), (3, 2), (4, 1)} จงหาค่าในแต่ละข้อต่อไปนี ้
1. 𝑓(1) 2. 𝑓(2) + 1
3. 𝑓(2 + 1) 4. 𝑓(22 )
2
5. (𝑓(2)) 6. 𝑓(𝑓(1))
36 ฟังก์ชนั
2. กาหนดกราฟของฟังก์ชนั 𝑓 ดังรูป
จงหาค่าในแต่ละข้อต่อไปนี ้
1. 𝑓(0) 2. 𝑓(−1)
3. 𝑓(𝑓(3)) 4. 𝑓(−10)
3. จงหา D𝑓 และ R𝑓
1. 𝑓(𝑥) = 2𝑥 + 1 2. 𝑓(𝑥) = √𝑥 − 4 + 1
3. 𝑓(𝑥) = |𝑥 + 1| 4. 𝑓(𝑥) = 𝑥 2 + 6𝑥 + 1
3. 𝑓(𝑥 2 ) 4. 𝑓(1 − 𝑥)
ฟังก์ชนั 37
𝑥 1
9. กาหนดให้ 𝑓 (𝑥−1) = 𝑥 เมื่อ 𝑥≠0 และ 𝑥≠1 จงหา 𝑓(𝑥)
38 ฟังก์ชนั
10. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของเซตของจานวนจริง โดยที่ 𝑓(2𝑥 + 1) = 4𝑥 2 + 14𝑥
จงหา 𝑓(𝑥)
11. ถ้า 𝑓 = {(1, 0), (2, 1), (3, 5), (4, 3), (5, 2)} แล้ว 𝑓(2) + 𝑓(3) มีคา่ เท่าใด [O-NET 49/2-1]
𝑦 = 𝑓(𝑥)
(0, 1)
X
−1 0 1
𝑥 2𝑥−1
15. จานวนในข้อใดต่อไปนีเ้ ป็ นสมาชิกของโดเมนของฟังก์ชนั 𝑦 = 𝑥2+3𝑥+2 + 𝑥 2 −1 [O-NET 52/15]
1. −2 2. −1 3. 0 4. 1
1
18. ถ้า 𝑓(𝑥) = |𝑥|−1 แล้ว เรนจ์ของ 𝑓 คือเซตในข้อใด [O-NET 56/14]
1. { 𝑦 | −1 < 𝑦 ≤ 0 } 2. { 𝑦 | −1 ≤ 𝑦 < 0 } 3. { 𝑦 | 𝑦 < −1 หรือ 𝑦 > 0 }
4. { 𝑦 | 𝑦 < −1 หรือ 𝑦 ≥ 0 } 5. { 𝑦 | 𝑦 ≤ −1 หรือ 𝑦 > 0 }
ฟังก์ชนั 41
ฟั งก์ชนั เชิงเส้น
การวาดกราฟฟั งก์ชนั เชิงเส้น ให้หาจุด (𝑥, 𝑦) อะไรก็ได้มา 2 จุด ที่แทนในสมการ 𝑦 = 𝑓(𝑥) แล้วเป็ นจริง
(ส่วนใหญ่ มักนิยมหาจุดตัดแกน X กับจุดตัดแกน Y โดยการแทน 𝑥 = 0 แล้วหา 𝑦 กับ แทน 𝑦 = 0 แล้วหา 𝑥)
จากนัน้ พล็อตจุดทัง้ สอง แล้วลากเส้นตรงให้ผา่ นทัง้ สองจุด
ตัวอย่าง ชบาแก้ว เป็ นครูสอนพิเศษที่คดิ ค่าสอนชั่วโมงละ 250 บาท โดยมีตน้ ทุนคือค่าเดินทาง 200 บาท และค่าเช่า
ห้องชั่วโมงละ 100 บาท จงเขียนฟั งก์ชนั แสดงกาไรที่ชบาแก้วได้จากการสอนพิเศษนี ้
วิธีทา สมมติให้ 𝑥 แทนจานวนชั่วโมงที่ชบาแก้วสอนพิเศษ → ได้คา่ สอน 250𝑥 บาท
→ ต้องจ่ายค่าเช่าห้อง 100𝑥 บาท
ค่าเดินทาง 200 บาท เป็ นค่าใช้จ่ายคงที่ ไม่ขนึ ้ กับจานวนชั่วโมง จึงไม่ตอ้ งคูณ 𝑥
ดังนัน้ รายรับ = 250𝑥 บาท และรายจ่าย = 100𝑥 + 200
จะได้ฟังก์ชนั แสดงกาไร คือ 𝑓(𝑥) = 250𝑥 − (100𝑥 + 200)
= 250𝑥 − 100𝑥 − 200
= 150𝑥 − 200 #
42 ฟังก์ชนั
ฟั งก์ชนั กาลังสอง
ฟั งก์ชนั กาลังสอง คือ ฟั งก์ชนั ที่อยูใ่ นรูป 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 เมื่อ 𝑎, 𝑏, 𝑐 เป็ นตัวเลขอะไรก็ได้ ที่ 𝑎 ≠ 0
เช่น 𝑓(𝑥) = 2𝑥 2 − 𝑥 + 5 → 𝑎 = 2 , 𝑏 = −1 , 𝑐 = 5
𝑓(𝑥) = 3 + 2𝑥 − 𝑥 2 → 𝑎 = −1 , 𝑏 = 2 , 𝑐=3
𝑓(𝑥) = 𝑥 2 → 𝑎= 1, 𝑏= 0, 𝑐=0
ถ้านาฟังก์ชนั กาลังสอง ไปวาดกราฟ จะได้กราฟทีเ่ รียกว่า “พาราโบลา” ซึง่ จะมีลกั ษณะเป็ นเส้นโค้งที่มีการวกกลับ
ถ้า 𝑎 เป็ นบวก จะได้พาราโบลา “หงาย”
ถ้า 𝑎 เป็ นลบ จะได้พาราโบลา “คว่า” หงาย ควา่
𝑏 4𝑎𝑐−𝑏2
จุดที่พาราโบลา วกกลับ เรียกว่า “จุดยอด” สูตรหาพิกดั ของจุดยอด คือ (− 2𝑎 , 4𝑎
)
หงาย คว่า
ถ้าโจทย์ให้สมการในรูปนี ้ จะมีวิธีวาดกราฟดังนี ้
ถ้า 𝑎 เป็ นบวก จะได้พาราโบลาหงาย ถ้า 𝑎 เป็ นลบ จะได้พาราโบลาคว่า
จุดยอด มีพิกด ั คือ (ℎ, 𝑘)
สมการแกนสมมาตร คือ 𝑥 = ℎ
อีกอย่างที่โจทย์จะถามได้ คือ “จุดตัดแกน” ซึง่ มีอยู่ 2 ประเภท คือ จุดตัดแกน X กับ จุดตัดแกน Y
จุดตัดแกน X คือจุดที่ พาราโบลา ตัดกับแกน X ปกติจะตัด 2 จุด แต่บางทีก็ตดั จุดเดียว หรือไม่ตดั เลย
จุดตัดแกน Y คือจุดที่ พาราโบลา ตัดกับแกน Y พาราโบลาทุกรูป จะตัดแกน Y หนึง่ จุดเสมอ
หาจุดตัดแกน X: 0 = 𝑥 2 − 2𝑥 − 3
0 = (𝑥 − 3)(𝑥 + 1)
𝑥 = 3 , −1
แบบฝึ กหัด
1. จงหา ลักษณะกราฟ (คว่า/หงาย), จุดยอด, แกนสมมาตร, จุดตัดแกน X, จุดตัดแกน Y, จุดสูงสุด/ต่าสุด, ค่าสูงสุด/
ต่าสุด ของพาราโบลาต่อไปนี ้ พร้อมทัง้ วาดรูปกราฟอย่างคร่าวๆ และหาโดเมน, เรนจ์ จากกราฟ
1. 𝑦 = 𝑥 2 − 4𝑥 + 3
ลักษณะกราฟ: จุดยอด:
แกนสมมาตร:
จุดตัดแกน X: จุดตัดแกน Y:
จุดสูงสุด: จุดต่าสุด:
ค่าสูงสุด: ค่าต่าสุด:
โดเมน: เรนจ์:
46 ฟังก์ชนั
2. 𝑦 + 2 = −(𝑥 + 1)2
ลักษณะกราฟ: จุดยอด:
แกนสมมาตร:
จุดตัดแกน X: จุดตัดแกน Y:
จุดสูงสุด: จุดต่าสุด:
ค่าสูงสุด: ค่าต่าสุด:
โดเมน: เรนจ์:
4. ถ้ากราฟของ 𝑦 = 𝑥 2 − 2𝑥 − 8 ตัดแกน X ที่จดุ A, B และมี C เป็ นจุดวกกลับ แล้ว รูปสามเหลีย่ ม ABC มีพนื ้ ที่
เท่ากับเท่าไร [O-NET 50/25]
ฟังก์ชนั 47
แบบฝึ กหัด
5. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) = −𝑥 2 + 4𝑥 − 10 ข้อความใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง [O-NET 49/1-5]
1. 𝑓 มีคา่ ต่าสุดเท่ากับ −6 2. 𝑓 ไม่มีคา่ สูงสุด
9
3. 𝑓 มีคา่ สูงสุดเท่ากับ 6 4. 𝑓 (√2) < −6
ตัวอย่าง มีลวดยาว 20 เมตร ต้องการล้อมทีด่ ินริมแม่นา้ ให้เป็ นรูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉาก โดยล้อมแค่ 3 ด้าน เว้นด้านทีต่ ิดริม
แม่นา้ ไม่ตอ้ งล้อม จงหาว่าจะล้อมได้พนื ้ ที่มากที่สดุ เท่าไร
วิธีทา ข้อนีต้ อ้ งการพืน้ ที่มากสุด ดังนัน้ ให้ 𝑦 แทนพืน้ ที่ และ ให้ 𝑥 แทนปริมาณซักอย่าง ที่มีผลต่อพืน้ ที่
ในข้อนี ้ เราจะให้ 𝑥 แทนด้านกว้าง 20 − 2𝑥
เนื่องจากมีลวดยาว 20 เมตร 𝑥 𝑥
ดังนัน้ เหลือลวดสาหรับด้านยาว = 20 − 2𝑥
เนื่องจาก พืน้ ที่ = กว้าง × ยาว ดังนัน้ จะได้สมการ คือ 𝑦 = 𝑥(20 − 2𝑥)
= 20𝑥 − 2𝑥 2
= −2𝑥 2 + 20𝑥
จะเห็นว่า 𝑦 เป็ นฟั งก์ชนั กาลังสอง ซึง่ มี 𝑎 = −2 , 𝑏 = 20 , 𝑐 = 0 → เป็ นกราฟคว่า
20 4(−2)(0)−20 2
จะได้จดุ ยอดเป็ นจุดสูงสุด ซึง่ มีพกิ ดั = (− 2(−2) , 4(−2)
) = (5, 50)
ดังนัน้ 𝑦 มีคา่ มากสุด คือ 50 เมื่อ 𝑥 = 5
นั่นคือ จะได้พนื ้ ที่มากสุด 50 ตารางเมตร
โดยต้องล้อมให้กว้าง 5 เมตร และยาว 20 − 2(5) = 10 เมตร #
แบบฝึ กหัด
11. โยนลูกบอลขึน้ ในแนวดิง่ ถ้าความสูงของลูกบอล (ฟุต) ที่โยนขึน้ 𝑓(𝑡) = −𝑡 2 + 6𝑡 เมื่อ 𝑡 แทนเวลา (วินาที)
1. ที่วินาทีที่ 2 ลูกบอลอยูส่ งู จากพืน้ ที่ได 2. นานเท่าใดลูกบอลจึงจะอยูส่ งู จากพืน้ 5 ฟุต
5. นานเท่าไรลูกบอลจึงจะตกสูพ่ นื ้
2. จานวนตุ๊กตาที่ทาให้โรงงานมีกาไรสูงสุด
3. ผลกาไรมากที่สดุ
13. ถ้าต้นทุนในการผลิตของเล่น 𝑥 ชิน้ เท่ากับ 13 𝑥 2 − 20𝑥 − 200 บาท โดยขายของเล่นในราคาชิน้ ละ 180 บาท
ถ้าต้องการผลิตกาไรสูงสุด บริษัทต้องผลิตของเล่นกี่ชิน้
ฟังก์ชนั 51
15. ลวดเส้นหนึง่ ยาว 20 ซ.ม. นามาดัดเป็ นรูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉาก จงหาพืน้ ที่มากสุดที่เป็ นไปได้ ของสีเ่ หลีย่ มนี ้
16. เมธาวีตอ้ งการล้อมรัว้ ที่ดินรูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉากเพื่อเลีย้ งเป็ ด โดยที่ดินด้านหนึง่ ติดแม่นา้ ไม่ตอ้ งล้อมรัว้ ถ้าเธอมีลวด
ยาว 60 เมตร และเป็ ดตัวหนึง่ ต้องใช้พนื ้ ที่ 5 ตารางเมตร จงหาว่า เมธาวีจะเลีย้ งเป็ ดได้มากที่สดุ กี่ตวั
18. ฟาร์มแห่งหนึง่ กัน้ รัว้ เป็ นรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า โดยด้านทิศใต้ติดริมนา้ ไม่ตอ้ งกัน้ รัว้ และรัว้ ด้านทิศเหนือ ต้องเปิ ดเป็ น
ช่องกว้าง 10 เมตร ถ้ามีไม้สาหรับทารัว้ ยาว 110 เมตร จะสามารถเลีย้ งวัวได้มากที่สดุ กี่ตวั เมื่อวัว 1 ตัว ต้องใช้พนื ้ ที่
อย่างน้อย 20 ตารางเมตร
ในชีวติ จริง เรามักพบฟั งก์ชนั ขัน้ บันไดในการกาหนดราคาสินค้าหรือบริการ ตามอายุ นา้ หนัก หรือเวลาในการใช้บริการ
ฟั งก์ชนั เอกซ์โพเนนเชียล
ฟั งก์ชนั เอกซ์โพเนนเชียล คือฟั งก์ชนั ที่อยูใ่ นรูป 𝑓(𝑥) = 𝑎 𝑥 เมื่อ 𝑎 เป็ นตัวเลขอะไรก็ได้ ที่มากกว่า 0 และไม่เท่ากับ 1
ที่ผา่ นมา 𝑥 จะเป็ นฐานของการยกกาลังซะส่วนใหญ่ แต่ในเรือ่ งนี ้ 𝑥 จะถูกใช้เป็ น “เลขชีก้ าลัง”
(0, 1) (0, 1)
เมื่อ 𝑥 เป็ นบวกมากๆ ค่า 𝑦 จะเพิ่มสุดๆ เมื่อ 𝑥 เป็ นลบมากๆ ค่า 𝑦 จะเพิ่มสุดๆ
เมื่อ 𝑥 เป็ นศูนย์ จะได้ 𝑦 = 1 เมื่อ 𝑥 เป็ นศูนย์ จะได้ 𝑦 = 1
เมื่อ 𝑥 เป็ นลบมากๆ ค่า 𝑦 จะเกือบเป็ น 0 เมื่อ 𝑥 เป็ นบวกมากๆ ค่า 𝑦 จะเกือบเป็ น 0
ไม่วา่ จะเป็ นกรณีไหนก็ตาม จะเห็นว่า เมือ่ 𝑥 = 0 จะได้คา่ 𝑦 = 𝑎0 = 1 เสมอ นั่นคือ กราฟจะผ่านจุด (0, 1) เสมอ
และจากกราฟของทัง้ สองกรณี จะได้ D𝑓 = R และ R𝑓 = R+
ฟังก์ชนั 55
แบบฝึ กหัด
1. กาหนดให้ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจานวนจริงบวก ถ้ากราฟของฟั งก์ชนั 𝑦1 = 1 + 𝑎 𝑥 และ 𝑦2 = 1 + 𝑏 𝑥 มีลกั ษณะแสดง
ในภาพต่อไปนีแ้ ล้ว
Y
𝑥
𝑦2 = 1 + 𝑏 𝑦1 = 1 + 𝑎 𝑥
1
X
คูอ่ นั ดับ
1. 1. 𝑥=3, 𝑦=0 2. 𝑥 = −1 , 𝑦 = 2
2. 5 3. 6
ผลคูณคาร์ทีเซียน
1. 1. 6 2. 100 3. 4 4. 3
5. 4 6. 4
2. 1. {(𝑎, 𝑎), (𝑎, 𝑐), (𝑏, 𝑎), (𝑏, 𝑐), (𝑐, 𝑎), (𝑐, 𝑐)} 2. {(1, 2), (1, {1}), ({2}, 2), ({2}, {1})}
3. {(สมชาย , สมชาย), (สมปอง , สมชาย)} 4. {(1, 1), (1, (2, 3)), (2, 1), (2, (2, 3))}
3. 1, 4 4. 1
ความสัมพันธ์
1. 1. {(2, 6), (4, 12), (6, 18)} 2. {(1, 2), (3, 8), (5, 14), (7, 20)}
3. {(1, 3), (2, 6), (3, 9)} 4. {(20, 2), (20, 4), (18, 2)}
5. {(1, 8), (1, 9), (1, 10), (2, 10)} 6. {(6, 8), (12, 16)}
7. {(1, 4), (3, 2), (7, 2), (9, 4)} 8. {}
9. {(2, 3), (4, 5), (6, 7), (8, 9)}
2. 2 3. 10 4. 5 5. 2
6. 3 7. 𝑦 = 1000 + 80𝑥 − 2𝑥 2
กราฟของความสัมพันธ์
1. 1, 3
1
2. 1. X : (3, 0) 2. X : (− 2 , 0) 3. X : (1, 0), (−3, 0) 4. X : ไม่ตดั
Y : (0, 2) Y : (0, 1) Y : (0, −1) Y : (0, 3), (0, −3)
5. X : (1, 0), (−1, 0) 6. X : (1, 0)
Y : (0, −1) Y : ไม่ตดั
1 3
3. 1. (− 2 , ∞) 2. (−∞ , −1) ∪ ( 2 , ∞)
1
4. 1. (−2, 4 ) 2. (3, ∞)
5. 2 6. 2 7. 1 8. 4
ฟังก์ชนั 57
รูปกราฟที่ควรจา
1. 1. 2. 3. 4.
−2
5. 6.
2 4
กราฟของอสมการ
1. 1. 2. 3. 4.
5. 6. 7. 8.
9.
2. 1 3. 4 4. 1 5. 3
โดเมนและเรนจ์ จากกราฟ
ฟั งก์ชนั
1. 1, 2, 4 2. 1, 2, 4, 7, 10, 11 3. 2, 4, 5, 6, 7 4. 2
5. 4 6. 4 7. 1 8. 3
9. 4 10. 3 11. 2
สัญลักษณ์แทนฟั งก์ชนั
1. 1. 2 2. 5 3. 2 4. 1
5. 16 6. 4
2. 1. 1 2. 2 3. 1 4. 11
3. 1. R , R 2. [4, ∞) , [1, ∞) 3. R , [0, ∞) 4. R , [−8, ∞)
4. 1. −7 2. 1 + 2𝑥 − 𝑥 2 3. 1 − 2𝑥 2 − 𝑥 4 4. −2 + 4𝑥 − 𝑥 2
5. 4𝑥 + 3 6. 2𝑥 + 1 7. 2𝑥 + 4 8. 2
9. 1 − 𝑥1 10. 𝑥 2 + 5𝑥 − 6 11. 6 12. 86
13. 2 14. 2𝑥 2 + 3 15. 3 16. [−2, 2] , [1, 3]
17. 4 18. 5
ฟั งก์ชนั กาลังสอง
ฟั งก์ชนั เอกซ์โพเนนเชียล
1. 3 2. 4