Professional Documents
Culture Documents
รายงานเครื่องมือวัด
รายงานเครื่องมือวัด
รายงานเครื่องมือวัด
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
มัลติมิเตอร์ คือ เครื่องมือหรืออุปกรณ์วัดค่าต่าง ๆของไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ที่สามารถใช้ได้ทั้งกับไฟฟ้า
กระแสตรง (Direct Current : DC) และไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating Current Electricity : AC) ค่าต่าง ๆ
ที่ มัลติมิเตอร์สามารถวัดได้ก็เช่น แรงดันไฟฟ้า, กระแส, ความต้านทาน, ความต่างศักย์ เป็นต้น
ที่มาของ มัลติมิเตอร์ คือเมื่อก่อนวิศวกรจะวัดค่าต่าง ๆของไฟฟ้าในแต่ละทีต้องมีการพกเครื่องวัด
ไฟฟ้าหลายๆแบบ เช่น โวลท์มิเตอร์ แอมป์มิเตอร์ โอห์มมิเตอร์ ในการวัดเพื่อให้ได้ค่าที่ต้องการ แต่เพื่อความ
สะดวกและรวดเร็วจึงมีการคิดค้นเครื่องมือที่สามารถวัดค่าต่าง ๆของไฟฟ้าได้ในครั้งเดียว คือ มิลติมิเตอร์
นั่นเอง
http://digimulti.blogspot.com/2015/10/blog-post.html
ครั้งแรกที่อุปกรณ์ตรวจจับกระแสไฟฟ้าเป็นตัวชี้วัดในปี 1820 สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการวัดความ
ต้านทานและแรงดันไฟฟ้าโดยใช้สะพาน Wheatstone และเปรียบเทียบปริมาณที่ไม่รู้จักกับแรงดันอ้างอิงหรือ
ความต้านทานมัลติถูกคิดค้นขึ้นในต้นปีค.ศ. 1920 เป็นเครื่องรับวิทยุและหลอดสุญญากาศอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น การประดิษฐ์ของมัลติมิเตอร์ตัวแรกกับวิศวกรชาวอังกฤษ
โดนัลด์ Macadie ที่ไม่พอใจกับการต้องพกอุปกรณ์ที่แยกจากกันจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการบำรุงรักษา
ของวงจรการสื่อสารโทรคมนาคม Macadie จึงคิดค้นเครื่องมือที่สามารถวัดแอมแปร์ (แอมป์) , โวลต์และโอห์ม
ดังนั้นเมตรมัลติฟังก์ชั่แล้วเป็นชื่อ Avometer เครื่องวัดที่ประกอบด้วยเครื่องวัดแรงดันไฟฟ้าขดลวดย้ายและ
ต้านทานความแม่นยำและสวิทช์และซ็อกเก็ตเพื่อเลือกช่วง
2
http://digimulti.blogspot.com/2015/10/blog-post.html
สไตล์นาฬิกาพกเมตรถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปี ค.ศ. 1920 ที่ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า Avometers ใน
กรณีที่มีการเชื่อมต่อโลหะตามปกติเพื่อให้การเชื่อมต่อเชิงลบการจัดเรียงที่ทำให้เกิดไฟฟ้าช็อตจำนวนมาก
ข้อกำหนดทางเทคนิคของอุปกรณ์เหล่านี้มักจะเป็นน้ำมันดิบสำหรับตัวอย่างหนึ่งที่แสดงมีความต้านทานเพียง
33 โอห์มต่อโวลต์ขนาดไม่เชิงเส้นและไม่มีการปรับศูนย์ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมัลติมิเตอร์ก็ถูกพัฒนาให้มี
ความหลากหลาย คงทน และใช้งายง่ายขึ้น
3
http://digimulti.blogspot.com/2015/10/blog-post.h
2. มั ล ติ มิ เ ตอร์ แ บบดิ จิ ต อล หรื อ แบบตั ว เลข (Digital Multimeter) เป็ น แบบที่ พั ฒ นาต่ อ
จากแบบอนาล็ อ กหรื อ แบบเข็ ม โดยการการแสดงค่ า ต่ า ง ๆที่ วั ด ได้ จ ะออกมาในรู ป แบบตั ว เลขและ
ตั ว หนั ง สื อ ข้ อ ดี คื อ มี ค วามแม่ น ยำในการวั ด ค่ า สู ง อ่ า นค่ า ง่ า ย สะดวกในการใช้ ง าน บางรุ่ น มี ก าร
เชื่ อ มต่ อ ข้ อ มู ล เพื่ อ ดู ค่ า ต่ า ง ๆ ผ่ า นสาย USB และยั ง สามารถอ่ า นค่ า และควบคุ ม มิ เ ตอร์ จ ากหน้ า
ซอร์ ฟ แวร์
http://digimulti.blogspot.com/2015/10/blog-post.h
4
หลักการทำงาน
หลักการการทำงานของมัลติมิเตอร์
หลักการทำงานของมัลติมิเตอร์ถูกพัฒนามาจาก กัลวาโนมิเตอร์ (galvanometer) มีหลักการทำงาน
คือ เมื่อป้อนกระแสไฟเข้าไปจะทำให้ขดลวดเกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งการเกิดอำนาจแม่เหล็กนี้จะส่งผลไปยัง
เข็มที่ยึดติดอยู่เกิดการเคลื่อนที่ ในปัจจุบันมีการพัฒนาจนกลายเป็นมัลติมิเตอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะ
เป็นมัลติมิเตอร์แบบเข็ม (Analog Multimeter) และมัลติมิเตอร์แบบตัวเลข (Digital Multimeter) เป็นต้น
ความแตกต่างของการทำงานมัลติมิเตอร์แบบเข็มและดิจิตอลมัลติมิเตอร์นั้นคือ เมื่อมีปริมาณไฟฟ้าที่
ต้องการวัดไหลเข้าสู่วงจร ถ้าเป็นมัลติมิเตอร์แบบเข็มจะเปลี่ยนปริมาณไฟฟ้าที่วัดเป็นปริมาณทางกลและขับไป
ยังเข็มที่ยึดติดไว้ทำให้เข็มนั้นเคลื่อนที่ไปยังค่าที่วัดได้ ส่วนดิจิตอลมัลติมิเตอร์จะเปลี่ยนปริมาณทางไฟฟ้านั้น
ส่งผ่านไปยังวงจรสัญญาณดิจิตอลและส่งต่อไปยังหน้าจอเพื่อแสดงผลเป็นตัวเลข
http://digimulti.blogspot.com/2015/10/blog-post.h
5
การใช้งาน
การใช้งานมัลติมิเตอร์แบบดิจิตอล
มัลติมิเตอร์(Multimeter) ชนิดดิจิตอล เป็นเครื่องมือวัดทางไฟฟ้าที่มีความสามารถในการวัดค่าได้
หลายประเภท เช่น การวัดแรงดันไฟฟ้า(voltage) กระแสไฟฟ้า(Current) ความถี่ไฟฟ้า(frequency) และ
ความต้านทานไฟฟ้า(Resistance) เป็นต้น ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดพื้นฐานที่มีความจำเป็นในการพัฒนาชิ้นงานทาง
อิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างมาก
โดยสามารถใช้โพรบวัดของเครื่องมือสัมผัสเข้ากับขั้วไฟฟ้าที่ต้องการวัด และสามารถอ่านค่าได้ทันที
ผ่านหน้าจอแสดงผลที่ติดตั้งอยู่บนเครื่องมือ ทำให้ง่ายต่อการใช้งานของนักเรียนนักศึกษา ที่ต้องการ
ทำการศึกษาด้านอิเล็กทรอนิคส์ และการวัดค่าทางไฟฟ้า
http://digimulti.blogspot.com/2015/10/blog-post.h
มัลติมิเตอร์ชนิดดิจิตอล สามารถใช้งานในการวัดค่าทางไฟฟ้าได้หลากหลาย ซึ่งการวัดแต่ละแบบจะมี
การต่อเชื่อมที่ไม่เหมือนกัน ทั้งการเชื่อมต่อพอร์ทที่เครื่อง การหมุนปรับสวิตซ์ และรูปแบบการนำโพรบไปต่อ
วัด ซึ่งผู้ใช้จะต้องทำตามที่กำหนดในแต่ละขั้นตอน เริ่มจากจะต้องต่อพอร์ทให้ถูกต้อง และปรับสวิตซ์ให้ถูก
ตำแหน่งเสมอ ก่อนนำไปต่อวัดที่อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นกับ
เครื่องมัลติมิเตอร์
6
การวัดแรงดันไฟฟ้า
การวัดค่าความต้านทาน
การต่อวัดค่าความต้านทานไฟฟ้ามีวิธีการต่อดังนี้ ต่อสายโพรบเส้นสีแดงเข้าที่มัลติมิเตอร์พอร์ทขวาสุด
ที่มีการเขียนกำกับตัว Ώ ต่อสายโพรบเส้นสีดำเข้าที่มัลติมิเตอร์พอร์ทลำดับที่สาม ที่มีการเขียนกำกับว่า
“COM”ปรับ Switch ไปยัง Ώ กดปุ่ม SELECT สีฟ้า เลือกให้หน้าจอขึ้นสัญลักษณ์ Ώ เพื่อวัดความต้านทาน
ซึ่งโดยปกติเครื่องจะเปิด auto range ไว้ใช้โพรบวัดแบบขนานกับโหลดที่ต้องการจะวัดค่าความต้านทานเมื่อ
วัดเรียบร้อยแล้วเลื่อน Switch ไปที่ off เพื่อปิดเครื่อง
ข้อควรระวัง
- ห้ามใช้นิ้วสัมผัสโลหะที่โพรบวัด เพื่อความถูกต้องของค่าการวัด
- ขณะวัดจะต้องไม่มีกระแสไหลผ่านความต้านทาน โดยต้องไม่มีการต่อไฟบนวงจร รวมถึงไม่มีกระแสเหลือใน
ที่อื่น ๆ บนวงจร เพื่อให้ค่าการวัดถูกต้อง
- หากค่าขึ้นเป็น “OL” อาจหมายถึงค่าความต้านทานมากเกินไปเกินกว่าเครื่องจะวัดได้ หรือโพรบถูกต่อแบบ
open circuit
8
การวัดการเชื่อมต่อวงจร
การวัดไดโอด
การวัดกระแสไฟฟ้า
การใช้งานมัลติมิเตอร์แบบอนาล็อก
มัลติมิเตอร์แบบเข็ม (analog multimeter, AMM) เป็นเครื่องมือวัดปริมาณทางไฟฟ้าหลายประเภท
รวมอยู่ในเครื่องเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วมัลติมิเตอร์จะสามารถใช้วัดปริมาณต่อไปนี้
ความต่างศักย์กระแสตรง (DC voltage)- ความต่างศักย์กระแสสลับ (AC voltage) ปริมาณ
กระแสตรง (DC current) ความต้านทานไฟฟ้า (electrical resistance) อย่างไรก็ตามมัลติมิเตอร์บางแบบ
สามารถใช้วัดปริมาณอื่น ๆ ได้อีก เช่น กำลังออกของสัญญาณความถี่เสียง (AF output) การขยายกระแสตรง
ของทรานซิสเตอร์ (DC current amplification, hFE) กระแสรั่วของทรานซิสเตอร์ (leakage current, lCEO)
ความจุทางไฟฟ้า (capacitance) ฯลฯ มัลติมิเตอร์แบบเข็ม มีลักษณะดังภาพข้างล่าง
http://digimulti.blogspot.com/2015/10/blog-post.h
หมายเลข 1 indicator Zero Conector มีหน้าที่ตั้งค่าเข็มให้อยู่ตำแหน่ง 0 หรือตำแหน่งอื่นๆที่ต้องการ
หมายเลข 2 Indicator Pointer หรือ เข็มชี้บ่ง มีหน้าที่ชี้บ่งปริมาณต่างๆ
หมายเลข 3 Indicator Scale สเกลต่างที่อยู่บนหน้าปัดของมิเตอ
หมายเลข 4 Continuity Indicating LED ( CONTINUITY ) เป็นหลอด Led ที่เปล่งแสงบ่งบอกความ
ต่อเนื่อง
หมายเลข 5 Range Selector Switch knob ลูกบิดปรับเลือกค่าที่ต้องการวัด
หมายเลข 6 0-ohms adjusting knob /0- centering meter ปุ่มปรับตั้งค่าความต้านทานให้อยู่ตำแหน่ง 0
หรือตำแหน่งที่ต้องการ
หมายเลข 7 Measuring Terminal + เทอร์มินอลไฟบวก
หมายเลข 8 Measuring – COM เทอร์มินอลไฟลบ หรือ common
หมายเลข 9 Series Terminal Capacitor OUTPUT ใช้วัดค่าแรงดันกระแสสลับ
หมายเลข 10 Panel หรือ หน้าปัดมิเตอร์
หมายเลข 11 Rear Case หรือ กรอบมิเตอร์
12
การวัดความต่างศักย์ไฟฟ้า
การวัดความต่างศักย์ไฟฟ้ากระแสสลับ
เลือกตําแหน่งที่ต้องการวัดกระแสไฟฟ้า และตรวจสอบทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าเสียบสายวัด
มิเตอร์สีดําที่ขั้วลบ (- COM) และสายวัดสีแดงที่ขั้วบวก (+) เข้ากับมัลติมิเตอร์ตั้งช่วงการวัดที่เหมาะสม ในกรณี
ที่ทราบค่ากระแสในวงจร ควรตั้งช่วงการวัดให้สูงกว่าค่ากระแสที่ทราบ แต่ในกรณีที่ไม่ทราบค่ากระแสในวงจร
ควรตั้งช่วงการวัดที่สูงๆ (0-0.25A) ไว้ก่อน แล้วค่อยปรับช่วงการวัดใหม่ ก่อนปรับช่วงการวัดใหม่ต้องเอาสาย
วัดออกจากวงจรทุกครั้ง และต้องแน่ใจว่าค่าที่จะวัดได้นั้นมีค่าไม่เกินช่วงการวัดที่ปรับตั้งใหม่ นําสายวัดมิเตอร์
ไปต่อแทรกหรือต่อแบบอนุกรม โดยใช้หัววัดแตะบริเวณที่ต้องการวัด และต้องให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้าทาง
ขั้วบวกของมัลติมิเตอร์ หากเข็มวัดตีเกินสเกลต้องรีบเอาสายวัดมิเตอร์ออกจากวงจรทันที แล้วเลือกช่วงการวัด
ที่สูงขึ้นจากนั้นทําการวัดค่าใหม่ อ่านค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจร ซึ่งการอ่านต้องสัมพันธ์กับช่วงที่ตั้งไว้
ตารางที่ 1 แสดงการคำนวณหาค่าในแต่ละช่วงของการวัด