Professional Documents
Culture Documents
โครงงานการแปล jirawat
โครงงานการแปล jirawat
โครงงานการแปล jirawat
เรื่อง
จัดทำโดย
นายจิรวัฒน์ ทัศบุตร
นักศึกษาปริญญาตรี ชัน
้ ปี ที่ 2
รหัสนักศึกษา 633080604-9
เสนอ
ผู้ช่วยสาสตราจารย์สุขุม วสุนธราโศภิต
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ
รหัสวิชา HS112401 การแปลภาษาอังกฤษเป็ นภาษาไทย
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โครงงานการแปล
เรื่อง
จัดทำโดย
นายจิรวัฒน์ ทัศบุตร
นักศึกษาปริญญาตรี ชัน
้ ปี ที่ 2
รหัสนักศึกษา 633080604-9
เสนอ
ผู้ช่วยสาสตราจารย์สุขุม วสุนธราโศภิต
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บทนำ
จากงานวิจัยในปั จจุบันทำให้เราทราบว่าดนตรีมีอิทธิพลต่ออารมณ์
และความรู้สึกของคนเราซึ่งดนตรีที่มีความสนุกสนานนัน
้ จะไปกระตุ้นสมอง
บริเวณลิมบิคซึง่ มีหน้าที่ควบคุมอารมณ์ความสุขซึ่งจะหลัง่ สารโดฟามีนที่เป็ น
สารแห่งความสุขออกมาและดนตรียังสามารถกระตุ้นอารมณ์ที่รุนแรงได้อีก
ด้วย ซึ่งจะเกี่ยวกับทฤษฎีของ ลีโอนาร์ด เมเยอร์ ที่กล่าวว่าเราฟั งดนตรีแล้ว
ประมวลผลด้วยใจและเกิดความคาดหวังในการฟั งถ้าหากดนตรีไม่ตอบ
สนองความต้องการอาจทำให้หงุดหงิดได้ หากดนตรีนน
ั ้ ตอบสนองต่อความ
ต้องการสมองจะให้รางวัลแก่ตัวเองโดยการหลั่งโดฟามีนออกมาเช่นเดียวกัน
ซึ่งแนวคิดที่ว่าอารมณ์ทางดนตรีนน
ั ้ เกิดจากการแทรกแซงและบิดเบือน
ความคาดหวังของเรานัน
้ มีแนวโนมเป็ นไปได้มากที่สุดโดยแต่ละเชื้อชาติและ
วัฒนธรรมก็จะมีความคาดหวังที่แตกต่างกันไปทำให้ดนตรีกระตุ้นอารมณ์ที่
แตกต่างกัน ทัง้ นีอ
้ ารมณ์ของเราสามารถปรับเปลี่ยนได้จากปั จจัยอื่นๆได้เช่น
กันซึ่งจากแนวคิดเหล่านีย
้ ังไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของ
อารมณ์ที่ซับซ้อนจากการฟั งดนตรี
But why? It’s easy enough to understand why sex and food are
rewarded with a dopamine rush: this makes us want more, and
so contributes to our survival and propagation. (Some drugs
subvert that survival instinct by stimulating dopamine release
on false pretences.) But why would a sequence of sounds with
no obvious survival value do the same thing?
We all know that music has this direct line to the emotions:
who hasn’t been embarrassed by the tears that well up as the
strings swell in a sentimental film, even while the logical brain
protests that this is just cynical manipulation? We can’t turn off
this anticipatory instinct, nor its link to the emotions – even
when we know that there’s nothing life-threatening in a Mozart
sonata. “Nature’s tendency to overreact provides a golden
opportunity for musicians”, says Huron. “Composers can
fashion passages that manage to provoke remarkably strong
emotions using the most innocuous stimuli imaginable.”
Sound check
The idea that musical emotion arises from little violations and
manipulations of our expectations seems the most promising
candidate theory, but it is very hard to test. One reason for this
is that music simply offers so much opportunity for creating and
violating expectations that it’s not clear what we should
measure and compare. We expect rising melodies to continue
to rise – but perhaps not indefinitely, as they never do. We
expect pleasing harmonies rather than jarring dissonance – but
what sounds pleasing today may have seemed dissonant two
hundred years ago. We expect rhythms to be regular, but are
surprised if the jumpy syncopation of rock’n’roll suddenly
switches to four-square oompah time. Expectation is a
complicated, ever-changing interplay of how the piece we’re
hearing has gone so far, how it compares with similar pieces
and styles, and how it compares with all we’ve ever heard.
This picture also implies that music isn’t just about good
vibrations – it can provoke other feelings too, such as anxiety,
boredom and even anger. Composers and performers walk a
delicate tightrope, needing to tweak expectations to just the
right degree. Not enough, and the music is dully predictable, as
nursery tunes seem to adults. Too much, and we can’t develop
any expectations at all – which is why many people struggle
with modernist atonal music.
All this can rationalise a great deal about why we feel emotions
from particular musical phrases and performances. Meyer’s
ideas have received further support very recently from a brain-
scanning study by Zatorre and colleagues, which showed that
the rewards stimulated by music heard for the first time are
particularly dependent on communication between “emotion”
and “logic” circuits in the brain.
But it’s not the whole story. Our emotional response to music
may be conditioned by so many other factors too – if we are
hearing it alone or in a crowd, for example, or if we associate a
particular piece with a past experience, good or bad (dubbed
the “Darling they’re playing our tune” theory).
Underneath all these ideas is the fact that we’re not even sure
what kind of emotion we’re talking about. We can recognise
sad music without feeling sad. And even if we do feel sad, it’s
not like the sadness of bereavement – it can be enjoyable even
if it provokes tears. Some music, like some of Bach’s, can create
intense emotion even though we can’t quite put into words
what the emotion is. So we’ll surely never understand why
music stimulates emotions at least until we have a better
picture of what our emotional world is really like.
เอกสารฉบับแปล
ฉบับแปล
พวกเราจะเข้าใจจริง ๆ หรือว่าทำไมดนตรีถึงทำให้เรารู้สึกดี
ไม่มีใครทราบว่าทำไมดนตรีถึงมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารมณ์ของพวก
เรา แต่ต้องขอบคุณงานวิจัยในปั จจุบันที่ทำให้พวกเราได้เบาะแสที่น่าสนใจ
บางอย่าง
พวกเราชอบดนตรีเพราะดนตรีทำให้เรารู้สึกดี แล้วทำไมดนตรี
สามารถทำให้เรารู้สึกดีได้ล่ะ ในปี 2001 นักประสาทวิทยา แอน บลัด และ
โรเบิร์ต ซาตอร์เร ที่มหาวิทยาลัยแมคกิลล์ในมอนทรีออลสามารถให้คำตอบ
ได้ จากการใช้เครื่องตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าทำให้เห็นได้ว่า คนที่ฟังเพลงที่
มีความสนุกสนานจะไปกระตุ้นบริเวณสมองส่วนที่เรียกว่าลิมบิคและพารา
ลิมบิค ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนที่ตอบสนองรางวัลความร่าเริง เช่นเดียวกับที่พวก
เราสามารถพบเจอได้จากการมีเพศสัมพันธ์ อาหารอร่อยๆ และยาเสพติด
รางวัลเหล่านัน
้ มาจากการพรั่งพรูของสารสื่อประสาทที่เรียกว่าโดฟามีน
เหมือนกับที่ดีเจ ลี ฮัสลัม บอกไว้ว่าดนตรีก็คือยาเสพติด
ทำไมพวกเราจึงควรสนใจว่าความคาดหวังในดนตรีของเรานัน
้ ถูกหรือ
ไม่ล่ะ ชีวิตของเราไม่ได้ขน
ึ ้ อยู่กับพวกมันสักหน่อย นักดนตรี เดวิด ฮูรอน
แห่งมหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอกล่าวว่าบางทีมันก็เป็ นเช่นนัน
้ การคาดคะเน
เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของพวกเรา การตีความเกี่ยวกับสิ่งที่เราเห็นหรือ
ได้ยิน สามารถพูดได้ว่าเป็ นพื้นฐานของข้อมูลเพียงแค่บางส่วนที่ครัง้ หนึ่งอาจ
จะมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของพวกเรา แล้วมันก็มักจะเป็ นเช่นนัน
้
อย่างเช่นการเดินข้ามถนน และการโยงอารมณ์กับความคาดหวังเหล่านีอ
้ าจ
เป็ นความคิดที่ฉลาด ที่ทุ่งหญ้าสะวันนาในประเทศแอฟริกา บรรพบุรุษของ
เราไม่มีความคิดที่จะคร่ำครวญว่าเสียงร้องนัน
้ เป็ นเสียงของลิงที่ไม่เป็ น
อันตรายหรือเสียงของสิงโตนักล่า โดยการข้าม “ความคิดเชิงตรรกะ” และ
ลัดไปยังวงจรลิมบิคดัง้ เดิมที่ควบคุมอารมณ์ของพวกเรา การประมวลผล
เสียงภายในใจอาจกระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลีน ซึง่ เป็ นปฏิกิริยาของลำไส้ ที่
เตรียมพร้อมให้เราออกมาจากที่นั่นอยู่ดี
พวกเราต่างรู้ดีว่าดนตรีนน
ั ้ มีผลโดยตรงกับความรู้สึกของเรา ใครบ้าง
ล่ะที่ไม่เคยอายเวลาดูภาพยนตร์แล้วรู้สึกซาบซึง้ จนน้ำตาไหล ถึงแม้ว่าสมอง
จะค้านว่านี่เป็ นเพียงการเยาะเย้ยเท่านัน
้ เราไม่สามารถที่จะปิ ด
สัญชาตญาณในการคาดการณ์ล่วงหน้าหรือการที่มันเชื่อมโยงกับอารมณ์นไี ้ ด้
แม้ว่าเราจะรู้อยู่แล้วว่าในโมสาร์ท โซนาตานัน
้ ไม่มีอะไรที่อันตรายถึงชีวิต
“แนวโน้มของธรรมชาติที่มากจนเกินเหตุเป็ นโอกาสทองของนักดนตรี” ฮู
รอนกล่าว “นักประพันธ์เพลงสามารถแต่งบทกลอนที่ทำให้กระตุ้นอารมณ์
ได้รุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อโดยใช้สิ่งเร้าที่ไม่มีพิษภัยที่สุดเท่าที่จะสามารถจิตนา
การได้”
การทดสอบเสียง
แนวคิดที่ว่าอารมณ์ทางดนตรีเกิดจากการแทรงแซงและบิดเบือนความ
คาดหวังของเราเพียงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะเป็ นทฤษฎีที่ถูกเสนอมาแล้วมี
แนวโน้มที่จะเป็ นไปได้มากที่สุด แต่ก็ยังเป็ นเรื่องยากที่จะทดสอบ เหตุผล
หนึ่งคือดนตรีนน
ั ้ ให้โอกาสอย่างมากในการรังสรรค์และแทรงแซงความคาด
หวัง ซึ่งมันก็ยังไม่ชัดเจนว่าเราควรวัดและเปรียบเทียบจากอะไร เราคาดหวัง
ให้ทำนองนัน
้ จะเร่งขึน
้ ไปเรื่อย ๆ แต่อาจจะไม่ขน
ึ ้ ไปแบบไม่มีข้อจำกัดอย่าง
ที่ไม่เคยทำมาก่อน เราคาดหวังถึงเสียงทีพ
่ ร้อมเพรียงกันมากกว่าเสียงที่ไม่
ประสานกัน แต่เสียงที่พร้อมเพรียงกันวันนีอ
้ าจจะฟั งไม่ประสานเมื่อสองร้อย
ปี ก่อน เราคาดหวังถึงจังหวะที่สม่ำเสมอ แต่เราจะรู้สึกประหลาดใจถ้าจู่ ๆ
การลัดจังหวะของเพลงร็อกแอนด์โรลก็เปลี่ยนไปเป็ นจังหวะอุมป้ าที่หนัก
แน่น ความคาดหวังเป็ นสิ่งที่ซับซ้อน และยังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ว่าผล
งานที่เราเคยฟั งมาจนถึงตอนนีเ้ ทียบกับผลงานและสไตล์ที่คล้ายกันอย่างไร
และเทียบกับดนตรีทุกอย่างที่เราเคยฟั งมาได้อย่างไร
ดังนัน
้ หลักฐานหนึ่งเกี่ยวกับทฤษฎีของเมเยอร์ก็คือ อารมณ์ในดนตรี
นัน
้ จะมีความเฉพาะตัวแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม การที่จะมีความคาด
หวังว่าดนตรีจะไปในทิศทางใดในตอนแรกนัน
้ คุณต้องรู้กฎเกณฑ์ของมันก่อน
เพื่อที่จะได้ทราบซาบซึง้ ว่าโดยปกติแล้วมันเป็ นอย่างไร สิ่งนีจ
้ ะแตกต่างกัน
ไปในแต่ละวัฒนธรรม ชาวยุโรปตะวันตกคิดว่าจังหวะง่าย ๆ อย่างจังหวะ
วอลทซ์นน
ั ้ เป็ น “ธรรมชาติ” แต่ชาวยุโรปตะวันออกนัน
้ เต้นรำอย่างมีความ
สุขกับจังหวะที่ฟังดูพิเศษและซับซ้อนกัน พวกเราทุกคนพัฒนาจิตใต้สำนึกให้
มีความแข็งแกร่งจนสามารถฟั งเสียงโน๊ตได้ “ถูกต้อง” ไม่ว่าจะเป็ นการเรียง
ลำดับในทำนองหรือประสานเสียงเข้าด้วยกันในการประสานเสียง แต่
เนื่องจากวัฒนธรรมต่างกันจึงใช้สัดส่วนและการปรับเสียงที่ต่างกัน เช่น
สัดส่วนของประเทศอินเดียและอินโดนีเซียที่ไม่ยอมรับการปรับเสียงของเปี ย
โน ความคาดหวังเหล่านีจ
้ ึงไม่มีความเป็ นสากล ดนตรีที่ครึกครื้นของ
ประเทศอินโดนีเซียอาจจะถูกมองว่า “เศร้า” ในสายตาชาวตะวันตกเพียง
เพราะว่ามันฟั งดูใกล้เคียงกับสัดส่วนโน๊ตไมเนอร์ที่ “เศร้า” ตามหลักประเพ
รีนิยม
ภาพรวมนีย
้ ังบ่งบอกได้ว่าดนตรีนน
ั ้ ไม่ใช่แค่การสั่นที่ดีเท่านัน
้ มันยัง
กระตุ้นความรู้สึกอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ความกังวล ความเบื่อหน่าย หรือแม้แต่
ความโกรธ นักประพันธ์เพลงและนักแสดงนัน
้ เดินบนเชือกที่ละเอียดอ่อน
โดยต้องปรับความคาดหวังให้อยู่ในระดับที่ถูกต้อง หากน้อยเกินไปดนตรีก็
จะสามารถคาดเดาได้ง่ายจนน่าเบื่อ เช่น ทำนองเพลงกล่อมเด็กในมุมมอง
ของผู้ใหญ่ หากมากเกินไปเราก็จะไม่สามารถพัฒนาความคาดหวังใด ๆ ได้
เลย นีค
่ ือเหตุผลว่าทำไมผู้คนจำนวนมากถึงพยายามดิน
้ รนกับดนตรีเอโทนัล
สมัยใหม่
ทัง้ หมดนีส
้ ามารถให้เหตุผลได้มากมายว่าทำไมเราถึงรู้สึกถึงอารมณ์
จากถ้อยคำและการแสดงดนตรี แนวคิดของเมเยอร์เพิ่งได้รับการสนับสนุน
เพิ่มเติมเมื่อเร็ว ๆ นีจ
้ ากการศึกษาการสแกนสมองโดย ซาตอร์เร และเพื่อน
ร่วมงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารางวัลที่ถูกกระตุ้นจากการได้ยินเพลงนัน
้ เป็ นครัง้
แรกขึน
้ อยู่กับการสื่อสารระหว่างวงจร “อารมณ์” และ “ตรรกะ” ในสมอง
โดยเฉพาะ
ภายใต้แนวคิดเหล่านีค
้ ือความจริงแล้วเราไม่ทราบแน่ชัดด้วยซ้ำว่าเรา
กำลังพูดถึงอารมณ์แบบไหน เราสามารถรับรู้เพลงเศร้าได้โดยที่เราไม่ร้ส
ู ึกว่า
เศร้า และถึงแม้ว่าเรารู้สึกเศร้า มันก็ไม่เหมือนกับความรู้สึกเศร้าของการสูญ
เสีย มันสามารถทำให้ร้ส
ู ึกสนุกได้แม้ว่ามันจะทำให้เราน้ำตาไหล ดนตรีบาง
อย่างก็เหมือนกับเพลงของบาคที่สามารถสร้างอารมณ์ได้อย่างรุนแรงแม้ว่า
เราจะไม่สามารถหาคำมาแทนอารมณ์นน
ั ้ ได้ ดังนัน
้ เราจึงไม่มีวันที่จะเข้าใจ
ได้อย่างแน่นอนว่าทำไมดนตรีจึงสามารถกระตุ้นอารมณ์ได้ อย่างน้อยก็
จนกว่าพวกเราจะเห็นภาพโลกของอารมณ์ของเราได้ดีกว่านีว้ ่านัน
้ แท้จริง
แล้วมันเป็ นอย่างไรกันแน่
บทสรุปการแปล
ปั ญหาที่พบระหว่างการแปลหลัก ๆ ก็คือคำศัพท์ที่ค่อนข้างยากแล้วก็
มีความเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็ นคำศัพท์ที่เกี่ยวกับอวัยวะต่าง ๆ หรือคำศัพท์
เกี่ยวกับดนตรี การทำเพลง หรือแนวเพลงต่าง ๆ นัน
้ มีความยากที่จะแปล
เนื่องจากเป็ นศัพท์ที่ต้องค่อนข้างทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่จะแปลเป็ น
อย่างมาก ต้องเป็ นคนที่ค่อนข้างชื่นชอบในดนตรีและมีความรู้พอสมควร
เพราะศัพท์บางคำนัน
้ ค่อนข้างเจาะลึก คนทั่วไปรวมถึงตัวข้าพเจ้าอาจจะ
เข้าใจได้ยาก จึงต้องทำการสืบค้นข้อมูลค่อนข้างเยอะเพื่อที่จะแปลได้
ย่อหน้าหนึ่ง ศัพท์บางคำก็เป็ นคำทีพ
่ วกเรานิยมใช้ทับศัพท์มาตลอด เลยยาก
ที่จะแปลออกมาเป็ นภาษาไทย รวมถึงรูปประโยคที่ทำความเข้าใจยากและ
สลับไปมาระหว่างภาษาทางการกับไม่ทางการ งานที่แปลออกมาเลยอาจจะ
ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เพราะข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้ร้เู รื่องเกี่ยวกับดนตรีลึกขนาดนัน
้
แต่เนื่องจากเป็ นคนที่ชอบฟั งเพลง ประกอบกับเนื้อหาที่จะแปลนัน
้ น่าสนใจ
ข้าพเจ้าเลยอยากลองแปลและศึกษาเนื้อหาไปในตัว ถึงแม้ว่าเนื้อหาที่แปล
นัน
้ จะมีความยากมาก ๆ จึงทำให้ข้าพเจ้าแปลได้ไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่ข้าพเจ้า
ก็หวังเป็ นอย่างยิ่งว่าผู้ที่อ่านงานแปลของข้าพเจ้านัน
้ จะได้ความรู้กลับไปไม่
มากก็น้อย