Download as docx, pdf, or txt
Download as docx, pdf, or txt
You are on page 1of 10

บันทึกข้อความ

ส่วนราชการ สำนักงานปลัด อบต.หนองตะไก้ อ.หนองบุญมาก


จ.นครราชสีมา โทร. 094-3640007
ที่ นม ๘๔๑๐๑/ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563
เรื่อง รายงานผลการฝึ กอบรมโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ประจำ
ปี งบประมาณ 2563

เรียน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองตะไก้

ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองตะไก้ ได้จัดฝึ กอบรม


โครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ประจำปี งบประมาณ 2563 ระหว่างวันที่
5 กุมภาพันธ์ 2563 ณ วัดใหม่ศรีสุข ตำบลหนองตะไก้ อำเภอ
หนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา นัน

บัดนี ้ การอบรมสัมมนาฯดังกล่าว ได้เสร็จสิน


้ ลงแล้ว สามารถ
ประมวลผลความรู้และความเข้าใจจากการฝึ กอบรมฯ ได้ดังนี ้
วิธีฝึกสมาธิ
สมาธิ คือ ความสงบ สบาย และความรู้ส ึก เป็ นสุข อย่า งยิ่ง ที่ม นุษ ย์
สามารถสร้างขึน
้ ได้ด้วยตนเอง เป็ นสิ่งที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้เป็ นข้อ
ควรปฏิบัติ เพื่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างเป็ นสุข ไม่ประมาท เต็มไปด้วย
สติสัมปชัญญะ และปั ญญา อันเป็ นเรื่องไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้
ง่ายๆ ดังวิธีปฏิบัติที่พระเดชพระคุณหลวงปู ่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระมงคล
เทพมุนี ได้เมตตาสัง่ สอนไว้ ดังนี ้
1. กราบบูชาพระรัตนตรัย เป็ นการเตรียมตัวเตรียมใจให้นุ่มนวลไว้เป็ นเบื้อง
ต้น แล้วสมาทานศีลห้า หรือศีลแปด เพื่อย้ำความมั่นคงในคุณธรรมของ
ตนเอง
2. คุกเข่าหรือนั่งพับเพียบสบายๆ ระลึกถึงความดีที่ได้กระทำไว้ดีแล้วในวัน
นี ้ ในอดีต และที่จะตัง้ ใจทำต่อไปในอนาคต จนราวกับว่าร่างกายทัง้ หมด
ประกอบขึน
้ ด้วยธาตุแห่งคุณงามความดีล้วนๆ
3. นั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นิว้ ชีข
้ องมือข้างขวา
จรดนิว้ หัวแม่มือข้างซ้าย นัง่ ให้อยู่ในท่าที่พอดี ไม่ฝืนร่างกายมากจนเกิน
ไป ไม่ถงึ กับเกร็ง แต่อย่าให้หลังโค้งงอ หลับตาพอสบายคล้ายกับกำลัง
พักผ่อน ไม่บีบกล้ามเนื้อตาหรือขมวดคิว้ แล้วตัง้ ใจมั่น วางอารมณ์สบาย
สร้างความรู้สึกให้พร้อมทัง้ กายและใจว่า กำลังเข้าไปสู่สภาวะแห่งความ
สงบ สบายอย่างยิ่ง
4. นึกกำหนดนิมิต เป็ นดวงกลมใส ขนาดเท่าแก้วตาดำ ใสบริสุทธิ ์
ปราศจากรอยตำหนิใดๆ ขาวใส เย็นตา เย็นใจ ดังประกายของดวงดาว
ดวงแก้วกลมใสนีเ้ รียกว่า "บริกรรมนิมิต" นึกสบายๆ นึกเหมือนดวงแก้ว
นัน
้ มานิ่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด นึกไปภาวนาไปอย่างนุ่ม
นวล เป็ นพุทธานุสติว่า “สัมมา อะระหัง” หรือค่อยๆน้อมนึกดวงแก้ว
กลมใสให้ค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางกายตามแนวฐาน โดยเริ่มต้นตัง้ แต่
ฐานที่หนึ่งเป็ นต้นไป น้อมนึกอย่างสบายๆ ใจเย็นๆ ไปพร้อมๆกับคำ
ภาวนา

เทคนิคเบื้องต้นในการทำสมาธิ
1. หลับตาเบาๆ ผนังตาปิ ด 90%
2. อย่าบังคับใจ เพียงตัง้ สติ วางใจเบาๆ ณ ศูนย์กลางกาย กำหนดนิมิตเป็ น
ดวงแก้วใสๆ...เบาๆ หรือ องค์พระใสๆ...เบาๆ หรือ ลมหายใจ เข้า-
ออก...เบาๆ หรือ อาการท้อง พอง-ยุบ...เบาๆ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
3. กำหนดนิมิต นึกนิมิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็ นกุศโลบายล่อใจให้เข้ามาตัง้
มั่นในกาย
4. เมื่อใจเข้ามาหยุดนิ่งในกาย การกำหนดนิมิตก็หยุดโดยอัตโนมัติ
5. รับรู้การเปลี่ยนแปลงภายในกายและจิตใจ ด้วยความสงบ
6. อยู่ในความดูแลของกัลยาณมิตรอย่างใกล้ชิด

-2-

หลักการฝึ กสมาธิ
1. น้อมใจมาเก็บไว้ ณ ศูนย์กลางกาย แต่ละครัง้ เก็บใจไว้ให้นานที่สุด จน
กระทั่งกลายเป็ นนิสัยมีใจตัง้ มั่นภายใน
2. มีสติกำกับใจตลอดเวลา ทำให้ระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ ไม่ยินดียินร้ายในเวลา
เห็นรูป ฟั งเสียง ดมกลิ่น ลิม
้ รส สัมผัส รู้ธรรมารมณ์ใดๆ (เช่น ในคำ
สรรเสริญ เยินยอ ยศศักดิ ์ ชื่อเสียง ฯลฯ)
3. ตัง้ ใจฝึ กสมาธิอย่างสม่ำเสมอ และตรงเวลาเป็ นประจำ
4. มีอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถจริง คอยควบคุม ให้คำแนะนำ อย่าง
ใกล้ชิด

การบำเพ็ญประโยชน์ เพือ่ ส่ วนรวม


ชาวพุทธที่ดีนอกจากจะต้องพัฒนาตนเองให้เป็ นคนดี มีศล
ี ธรรม
ประกอบอาชีพสุจริตแล้ว ยังมี
หน้าที่ที่ต้องทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมด้วย ส่วนรวมในที่นแ
ี ้ บ่งได้
เป็ น 4 ระดับ คือ ครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ และโลก

      - การบำเพ็ญตนให้เป็ นประโยชน์ต่อครอบครัว
           ครอบครัวในอุดมคติตามหลักพระพุทธศาสนาเป็ นสถานบันแห่ง
การใช้ชีวิตร่วมกันของชายหญิงที่มีอุดมการณ์ชีวิตสอดคล้องกัน ต่างฝ่ ายมี
ความพร้อมในภาระหน้าที่อันพึงปฏิบัติต่อกัน คือการเกื้อกูลสงเคราะห์กันและ
ผลิตสมาชิกใหม่ที่มีคุณภาพสูส
่ ังคม จากอุดมคติของครอบครัวดังกล่าว ทำให้
เห็นมิติที่นำไปสู่ภารกิจของครอบครัวสำคัญ 2 ประการคือ
  มิติที่ 1 คือการที่ครอบครัวในฐานะสถาบันจะต้องมีความเป็ นปึ กแผ่น
เป็ นอันหนึ่งอันเดียวกัน
  มิติที่ 2 เมื่อสมาชิกเกิดขึน
้ มาใหม่ ก็จะต้องได้รับการอบรมเลีย
้ งดูให้มี
คุณภาพตามที่ประสงฆ์
 มิติทงั ้ สองประการนี ้ เป็ นอุดมการณ์สำคัญในการดำเนินชีวิตครอบครัวตาม
แนวพระพุทธศาสนา ซึ่งให้ความสำคัญแก่ครอบครัวในฐานะเป็ นรากฐานของ
สังคมที่มีความจำเป็ นต่อการดำรงอยู่ของมวลมนุษยชาติ จึงเน้นให้ผู้ครองเรือน
ดำรงตนอย่างถูกต้องตามวิถีทางแห่งฆราวาส ในพระพุทธศาสนามีหลักธรรม
สำหรับให้คนในครอบครัวปฏิบัติเรียกว่า "กุลจิรัฏฐิติธรรม 4" หลัก
ธรรม 4 ประการที่ทำให้ตระกูลมั่งคั่ง ประกอบด้วย
  1. ของหายของหมดต้องแสวงหา
  2. ของเก่าชำรุดต้องบูรณซ่อมแซม
  3. รู้จักประมาณในการใช้จ่าย
  4. ต้องผู้มีศล
ี ธรรมเป็ นพ่อบ้านแม่เรือน
        หลักกุลจิรัฏฐิติธรรม 4 จึงเป็ นหลักธรรมที่ผู้ครองเรือนทัง้
หญิงและชายพึงยึดถือปฏิบัติเพื่อรับผิดชอบและรักษาครอบครัวให้คงอยู่อย่าง
สมบูรณ์

          - การบำเพ็ญตนให้เป็ นประโยชน์ต่อชุมชน


             ชุมชนนัน
้ ใหญ่กว่าครอบครัวแต่เล็กกว่าประเทศ ชุมชน คือ กลุ่มคน
ที่อยู่ใกล้ เคียงกัน พบปะกันเป็ นประจำ มีศาสนา วัฒนะรรม ภาษา และอาชีพ
คล้ายกัน ถ้าชุมชนเข้มแข็ง รักใคร่สามัคคีกัน ช่วยเหลือซึง่ กันและกัน
ครอบครัวก็จะดีขน
ึ ้ ด้วย เราจึงมีหน้าที่ที่จะต้องรักษาทำนุบำรุงให้ชุมชนเจริญ
ก้าวหน้า
            การที่ชุมชนจะเจริญก้าวหน้าหรือมั่งคั่งได้ คนในชุมชนต้องรักและ
สามัคคีกัน ในทางพระพุทธศาสนามีคำสอนเรื่อง "สังคหวัตุ 4"
-3-

       สังคหวัตถุ 4 หมายถึง หลักธรรมที่เป็ นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของ


ผู้อ่ น
ื ผูกไมตรี เอื้อเฟื้ อ เกื้อกูล หรือเป็ นหลักการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน มี
อยู่ 4 ประการ ได้แก่
                 1. ทาน คือ การให้ การเสียสละ หรือการเอื้อเฟื้ อแบ่งปั นของๆ
ตนเพื่อประโยชน์แก่บค
ุ คลอื่น ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่เป็ นคนเห็นแก่ได้ฝ่ าย
เดียว คุณธรรมข้อนีจ
้ ะช่วยให้ไม่เป็ นคนละโมบ ไม่เห็นแก่ตัว เราควรคำนึงอยู่
เสมอว่า ทรัพย์สิ่งของที่เราหามาได้ มิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน เมื่อเราสิน
้ ชีวิตไปแล้วก็
ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้
                2. ปิ ยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน พูด
ด้วยความจริงใจ ไม่พูดหยาบคายก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็ นประโยชน์เหมาะ
สำหรับกาลเทศะ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการพูดเป็ นอย่างยิ่ง
เพราะการพูดเป็ นบันไดขัน
้ แรกที่จะสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีให้เกิดขึน
้ วิธีการ
ที่จะพูดให้เป็ นปิ ยวาจานัน
้ จะต้องพูดโดยยึดถือหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี ้
                          เว้นจากการพูดเท็จ
                          เว้นจากการพูดส่อเสียด
                          เว้นจากการพูดคำหยาบ
                          เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

                3. อัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ทุกชนิดหรือการประพฤติในสิ่ง


ที่เป็ นประโยชน์แก่ผู้อ่ น

                 4. สมานัตตา คือ การเป็ นผู้มีความสม่ำเสมอ หรือมีความ
ประพฤติเสมอต้นเสมอปลาย คุณธรรมข้อนีจ
้ ะช่วยให้เราเป็ นคนมีจิตใจหนัก
แน่นไม่โลเล รวมทัง้ ยังเป็ นการสร้างความนิยม และไว้วางใจให้แก่ผู้อ่ น
ื อีกด้วย

- การบำเพ็ญตนให้เป็ นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
                    สิ่งแรกที่เราควรบำเพ็ญตนให้เป็ นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ได้ คือการ การเป็ นพลเมืองดี ทำตามกฎหมายบ้านเมือง และเมื่อเห็นคนทำ
ผิดกฎมายก็แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ ข้อต่อมาก็สง่ เสริมให้เกิดความสามัคคี
ของคนในชาติ ไม่แบ่งฝั กแบ่งฝ่ ายในเรื่อง ศาสนา เชื้อชาติ วัฒนธรรมและ
ชนชัน
้ เราต้องพยายามทำใจให้กว่างในเรื่องเหล่านี ้ การแตกแยกในเรื่องเหล่า
นีเ้ ป็ นเรื่องใหญ่ ทำให้ประเทศชาติไม่เป็ นอันหนึ่งอันเดียวกัน ปราศจากความ
สามัคคี เกิดความร้าวฉาน และเมื่อประเทศไทยไม่มั่นคงการพัฒนาประเทศก็
เป็ นไปได้ยาก ในพระพุทธศาสนามีหลักธรรมข้อหนึ่ง ที่จะก่อให้เกิดความ
เจริญแก่บ้านเมือง คือ "อปริหานิยธรรม"
อปริหานิยธรรม 7 คือ ธรรม ไม่เป็ นที่ตงั ้ แห่งความเสื่อม เป็ นไป
เพื่อความเจริญฝ่ ายเดียว องค์ประกอบของ อปริหานิยธรรม มี 7 อย่าง
คือ
          1. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์
          2. เมื่อประชุมก็พร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกประชุมก็พร้อมเพรียง
กันเลิกและพร้อมเพรียงช่วยกันทำกิจที่สงฆ์จะต้องทำ
          3.ไม่บัญญัติสงิ่ ที่พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติขน
ึ ้ ไม่ถอนสิง่ ที่พระองค์ทรง
บัญญัติไว้แล้ว สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบทตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้
          4. ภิกษุผู้ใหญ่เป็ นประธานในสงฆ์ เป็ นที่ซึ่งเคารพนับถือ ภิกษุเหล่า
นัน
้ เชื่อฟั งถ้อยคำของท่าน
          5.ไม่ลุอำนาจแก่ความอยากที่เกิดขึน

          6. ยินดีในเสนาสนะป่ า
          7. ตัง้ ใจอยู่ว่า เพื่อนภิกษุสามเณรซึ่งเป็ นผู้มีศล
ี ซึ่งยังไม่มาสู่อาวาส
ขอให้มา ที่มาแล้ว ขอให้อยู่เป็ นสุข
                ธรรม 7 อย่างนี ้ ตัง้ อยู่ในผู้ใด ผู้นน
ั ้ ไม่มีความเสื่อมเลย มีแต่ความ
เจริญฝ่ ายเดียว

-4-

-การบำเพ็ญตนให้เป็ นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
       สำหรับนักเรียน สามารถที่จะบำเพ็ญตนให้เป็ นประโยชน์ต่อโลกได้
เช่น
1. ช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อม
                2. ช่วยกันทำให้โลกมีสันติภาพ นักเรียนอาจจะช่วยอะไรไม่ได้
มากนัก แต่เราสามารถทำได้โดยเริ่มที่ตัวเรา โดยพัฒนาตัวเราหรือคนใกล้เคียง
ให้มีนิสัยรักสันติ ไม่นิยมความรุ่นแรงง ฝึ กตนให้มีขันติ รู้จักรับฟั งความคิดเห็น
ของคนอื่น
                3. รับว่าคนในโลกซึ่งแตกต่างกันของเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม
นัน
้ เป็ นเพื่อนร่วมโลกเดียวกัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันทุกคน รู้จักเอาใจ
เขามาใส่ใจเรา พยายามยึดหลัก "พรหมวิหาร 4"

สรุปคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ก่อให้เกิดประโยชน์ทงั ้ ต่อ


ตนเองและผู้อ่ น
ื ดังนี ้
-ประโยชน์ตน
1) ทำให้ตนเองมีชีวิตที่สงบสุข
2) ทำให้ตนเองมีความเจริญรุ่งเริงในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน
3) ได้รับการยกย่องสรรเสริญเทิดทูนบูชาจากบุคคลทั่วไป
4) ครอบครัวอบอุ่น มีความสุข ฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคง
-ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
1. ประโยชน์ต่อสถาบัน เช่น
1) สถาบันครอบครัวของตนได้รับการยกย่องสรรเสริญจากบุคคลทั่วไป
2) สถาบันการศึกษาหรือสถาบันที่ประกอบอาชีพธุรกิจมีช่ อ
ื เสียงทำให้
บุคคลอื่นศรัทธาเลื่อมใส
3) สถาบันหรือหน่วยงานที่ตนเองสังกัดมีความเจริญก้าวหน้า ได้รับ
การพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทัง้ นีเ้ พราะสมาชิกทุกคนมีคุณธรรม
จริยธรรม และศีลธรรมอันดีงาม

2.ประโยชน์ต่อชุมชน เช่น
1) สังคมได้รับความสงบสุข เพราะทุกคนเป็ นคนดีมีคณ
ุ ธรรม
2) สังคมได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะสมาชิกทุกคนต่างกระทำ
หน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถ

3.ประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง
1) สถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีความมั่นคง เพราะประชาชนมีความ
จงรักภักดีและเห็นความสำคัญของสถาบันดังกล่าวอย่างแท้จริง
2) ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติมีความ
มั่นคงถาวรเพราะทุกคนมีความรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ และเต็มใจยึดถือ
ปฏิบัติตาม

(นางพรทิพย์ ชู
เกียรติวิราสกุล)
นักทรัพยากรบุคคล
-5-

เรียน นายก อบต. หนองตะไก้


- เพื่อโปรดทราบ

(นางสาวจารุณีย์ เดชา)
หัวหน้าสำนักปลัด
ความเห็น รองปลัด อบต.หนองตะไก้
..................................................
..................................................

( นางภัฒน์พิมล เกียรติภัชรสกุล )
รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหนองตะไก้

ความเห็น ปลัด อบต.หนองตะไก้

..................................................

..................................................

( นายสุเมธ ทิศ
กลาง )
ปลัดองค์การบริหารส่วน
ตำบลหนองตะไก้

- ความเห็น นายก
อบต.หนองตะไก้
( ) ทราบ

( นายสุรทิน
วัชรประทีป )
นายกองค์การบริหารส่วน
ตำบลหนองตะไก้

You might also like