Professional Documents
Culture Documents
เอกสารสอนระบบเลือด2561
เอกสารสอนระบบเลือด2561
Plasma: นํ ้าเลือด เป็ นของเหลวสีซีดๆ ( มีนํ ้าอยูป่ ระมาณ 90%) ซึง่ มีเซลล์เม็ดเลือดลอยอยูใ่ นนํ ้าเลือด จะมีสาร
อาหารละลายอยูเ่ พื่อส่งไปให้ เซลล์ตา่ งๆของร่างกาย นอกจากนี ้ยังมีแอนติบอดี ซึง่ เป็ นสารที่ต้านทานเชื ้อโรค มี
เอนไซม์ และฮอร์ โมน ซึง่ เป็ นสารที่ช่วยควบคุมกระบวนการต่างๆของร่างกายให้ เป็ นปกติ
หน้ าที่ของเลือด
1. พาออกซิเจนไปเลี ้ยงยังส่วนต่างๆของร่างกายและนำคาร์ บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์
2. ป้องกันการติดเชื ้อที่จะเข้ าสูร่ ่างกาย โดยใช้ เม็ดเลือดขาวและแอนตี ้บอดี ้ เคลื่อนตัวไปยังบริ เวณที่มีการอักเสบติด
เชื ้อหรื อบริ เวณที่ได้ รับอันตราย
3. ช่วยควบคุมภาวะเลือดออกผิดปกติให้ คงที่โดยใช้ เกล็ดเลือดและสารแข็งตัว ( clotting factor )
4. พาอาหารที่ดดู ซึมจากกระเพาะอาหารไปให้ เนื ้อเยื่อต่างๆ และนำของเสียจากเนื ้อเยื่อไปยังไต ผิวหนังและปอด
เพื่อขับออกนอกร่างกาย
5. พาฮอร์ โมนจากต่อมไร้ ทอ่ ไปให้ สว่ นต่างๆของร่างกาย
6. รักษาระดับความสมดุลของอุณหภูมิของร่างกาย โดยนำความร้ อนไปสูเ่ ส้ นเลือดเล็กๆบนผิวหนังขับออก
ชนิดของเลือดและส่วนประกอบของเลือด
การรักษา
1. ถ้ าพบซีดมากระดับฮีโมโกลบินต่ำ จะให้ เลือดชนิดรวม ( whole blood )ถ้ าพบจุดเลือดออกตามตัวหรื อมีจ้ำเลือด
เพิ่มขึ ้น ควรได้ รับเกล็ดเลือด
2. ให้ ยาปฎิชีวนะ มักจะให้ ยาฆ่าเชื ้อแบคทีเรี ยมากกว่าให้ ยาชนิดยับยั ้งการเจริ ญเติบโตเนื่องจากมีภาวะเม็ดเลือด
ขาวต่ำจนทำหน้ าที่ชว่ ยในการฆ่าเชื ้อนันเป็
้ นไปได้ น้อยลง
3. กระตุ้นการทำงานของไขกระดูกโดยให้ เมลทิลเทศโทสเทอโรน ขนาดเม็ดละ 25 มก. อมใต้ ลิ ้น วันละ 3 เม็ด
ภายใน 3 เดือนหากไม่ได้ ผลอาจให้ ได้ ถึง 1 ปี จนกว่าระดับฮีโมลโกลบินจะขึ ้นจนถึงระดับปกติแล้ วค่อยๆหยุดยา
4. การให้ ยากดภูมิต้านทาน เช่นคลอติโคสเตอรอยขนาดสูงๆ เพื่อกระตุ้นการสร้ างเม็ดเลือด เพิ่มความแข็งแรงของ
หลอดเลือด
5. เปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ( bone marrow transplantation )ผู้ป่วยรักษาด้ วยยามาแล้ วมากกว่า 3 สัปดาห์ แต่ผล
ตรวจทางห้ องทดลองไม่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ ้น คือ
เกล็ดเลือด ต่ำกว่า 20000 เซลล์ ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร
เม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิ ลต่ำกว่า 500 เซลล์ ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร
เรติคโู ลซัย น้ อยกว่าร้ อยละ 1 ใช้ ในกรณีที่มีภาวะโลหิตจางจากไขกระดูกไม่ทำงานขั ้นรุนแรง มีซีด เลือดออก ติด
เชื ้อรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้ วยยา โดยเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกจากพ่อแม่เดียวกัน หรื อเหมือนกัน
ใกล้ เคียงกันที่สดุ หากเปลี่ยนได้ สำเร็จจะช่วยให้ ผ้ ปู ่ วยหายขาดได้ ถึงร้ อยละ 90
6. การรักษาตามอาการ เป็ นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ เลือดในรายที่มีอาการซีดรุนแรง
หรื อมีเลือดออกในอวัยวะต่าง ๆ
การพยาบาล
1. การบันทึกสัญญาณชีพและ intake/output มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยประเมินอาการเปลี่ยนแปลงของ
ผู้ป่วย
2. ป้องกันภาวะเนื ้อเยื่อพร่องออกซิเจน ป้องกันการมีเลือดออกในอวัยวะต่างๆ
3. ระวังเรื่ องการติดเชื ้อและภาวะ septicemia , shock ดูแลให้ ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
4. อาหารเป็ นอาหารอ่อน high protein เสริ มธาตุเหล็ก folic acid vit B12 ดื่มน้ำให้ เพียงพอ
5. สังเกตว่ามีเลือดออกจากส่วนใดของร่างกายหรื อไม่ ดูแลเมื่อผู้ป่วยได้ รับเลือดหรื อเกล็ดเลือด และ ระวังภาวะ
แทรกซ้ อนจากการให้
6. ติดตามผลทางห้ องปฏิบตั ิการ
7. สังเกตผลข้ างเคียงจากการได้ รับยาฮอร์ โมน เช่นมีขนดก สิว เสียงห้ าว ผิวแตก เต้ านมและอวัยวะเพศโตขึ ้น
8. ดูแลเรื่ องการทำกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย หากอยูใ่ นระยะที่มีอาการอ่อนเพลียมาก พยาบาลต้ องให้ การช่วย
เหลือ เมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ ้นก็สนับสนุนให้ ผ้ ปู ่ วยมีกิจวัตรเพิ่ม ให้ คำแนะนำในการระวังเรื่ องอุบตั ิเหตุ
9. ให้ ความรู้และคำแนะนำเพื่อให้ ผ้ ปู ่ วยเกิดความเข้ าใจ ซึง่ จะช่วยให้ ผ้ ปู ่ วยสามารถดูแลตนเองได้ อย่างเหมาะสม
ตลอดจนมีความเข้ าใจต่อภาวะแทรกซ้ อนที่เกิดขึ ้นจากโรค อาการข้ างเคียงจากยาและกระบวนการรักษา
ข้ อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1. มีภาวะเซลล์ได้ รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เนื่องจากมีภาวะโลหิตจางและเม็ดเลือดแดงมีจำนวนลดลง
2. มีภาวะเลือดออกได้ งา่ ยเนื่องจากไขกระดูกสร้ างเกล็ดเลือดไม่ได้
3. มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื ้อเนื่องจากเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้ าที่จบั กินเชื ้อโรคมีจำนวนลดลง
4. ขาดความรู้ในการปฏิบตั ิตนเมื่อต้ องเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก
5. ขาดความรู้ความเข้ าใจในการปฏิบตั ิตนเมื่อกลับสูช่ มุ ชน
6. มีภาวะเครี ยดสูงจากการเจ็บป่ วยเรื อ้ รัง
โรคธาลัสซีเมีย เป็ นโรคซีดทางพันธุกรรม ที่เกิดจากความผิดปกติในการสังเคราะห์โกลบิน ทำให้ การสร้ างฮีโม
โกลบินลดลง ส่งผลให้ เม็ดเลือดแดงมีอายุสั ้น เกิดปั ญหาซีดเรื อ้ รังตังแต่
้ แรกเกิด โรคนี ้เป็ นโรคซีดที่เกิดจากเม็ดเลือดแดง
แตกที่พบบ่อยที่สดุ ในประเทศไทย
สาเหตุหลักเกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้ างเส้ นโพลีเปบไทด์ที่ประกอบกันเป็ นฮีโมโกลบินยีนที่
ผิดปกตินี ้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ที่มีความผิดปกติจะผิดปกติ 2 ยีน โดยได้ รับยีนตัวหนึง่ มาจากโครโมโซมที่ได้ จากบิดา
และอีกตัวได้ มาจากยีนผิดปกติ 2 ยีน จากมารดา เรี ยกว่าเป็ น Homozygote ซึง่ จะแสดงอาการของโรค ส่วนผู้ที่มีความ
ผิดปกติเพียงยีนเดียว เรี ยกว่าเป็ น Heterozygote จะไม่เป็ นโรคแต่จะเป็ นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย
อาการและอาการแสดง จะมากน้ อยขึ ้นกับชนิดของโรคที่เป็ น ซึง่ สามารถแบ่งได้ เป็ น
1. ชนิดรุนแรง ได้ แก่ Homozygous alpha thalassemia หรื อ Hb Bart s Hydrops Fetalis ซึง่ มีอาการรุนแรงจน
ทารกตายในครรภ์ Homozygous beta thalassemia หรื อ Hb E ซึง่ ผู้ป่วยมักจะมีอาการซีดในขวบปี แรกและมัก
ถึงแก่กรรมในวัยเด็ก อาการที่พบ ได้ แก่ ภาวะซีดรุนแรงจนเกิดภาวะหัวใจล้ มเหลว ต้ องให้ เลือดเป็ นประจำ ทำให้
เกิดภาวะเหล็กเกินไปจับอวัยวะต่างๆ จนเกิดพยาธิสภาพได้ แก่ เบาหวาน สีผวิ คล้ำ ตาและตัวเหลือง การเจริ ญ
เติบโตช้ า ตับม้ ามโตเต็มช่องท้ อง กระดูกบางและเปราะแตกหักง่าย มีการเปลี่ยนแปลงของใบหน้ าชัดเจน คือ ดั ้ง
จมูกแฟบ ตาห่างกัน โหนกแก้ มนูน ฟั นบนซี่ใหญ่และยื่น กะโหลกศีรษะปูดนูนเป็ นลอน
ธาตุเหล็กที่มีอยูใ่ นเม็ดเลือดแดง คือ เลือด 1 ยูนิตหรื อ 1 ถุง จะมีธาตุเหล็กเทียบเท่ากับธาตุเหล็กที่ได้ จากการดูด
ซึมจากอาหารเป็ นเวลานานเป็ นเดือนซึง่ เป็ นปั จจัยที่ทำให้ เกิดภาวะธาตุเหล็กเกินและสะสมในอวัยวะต่างๆ เช่นผิวหนังจะ
มีผิวคล้ำจนเป็ นสีดำออกเขียว สะสมที่กล้ ามเนื ้อหัวใจ จะทำให้ หวั ใจทำหน้ าที่บกพร่อง หัวใจโต ล้ มเหลว กล้ ามเนื ้อหัวใจ
พิการ สะสมที่ตบั จะทำให้ เกิดตับแข็ง ตับอักเสบ สะสมที่ตอ่ มไร้ ทอ่ จะทำให้ การทำงานของอวัยวะสืบพันธุ์ลดลง ต่อม
ไทรอยด์ทำงานน้ อยลง เบาหวาน มีน้ำตาลในเลือดสูง
2. ชนิดรุนแรงปานกลาง ได้ แก่ beta thalassemia หรื อ Hb E , Hb H อาการที่พบ ได้ แก่ ซีดปานกลาง อาจต้ องให้
เลือดเป็ นครัง้ คราว เหลืองเล็กน้ อย ม้ ามโตแต่มกั ไม่เกินระดับสะดือ
3. ชนิดไม่มีอาการ ได้ แก่กลุม่ ที่มียีนธาลัสซีเมีย แต่ไม่มีอาการซีดหรื อตับม้ ามโต คือกลุม่ Heterozygote หรื อ
thalassemia trait ทุกชนิด Hb E เป็ นต้ น
การรักษา
1. คำแนะนำในการดูแลรักษาสุขภาพทัว่ ไป และ การมีสขุ อนามัยที่ดี สะอาด
1.1 การติดเชื ้อเนื่องจากผู้ป่วยจะมีภมู ิต้านทานโรคต่ำ ดังนันจึ ้ งต้ องหลีกเลี่ยงการอยูใ่ กล้ ชิดกับคนที่
เป็ นโรคต่างๆ ไม่อยูใ่ นที่แออัด การรักษาอนามัยส่วนบุคคลรวมทั ้งการรักษาฟั นผุตา่ งๆ ระวังอย่าให้ เป็ นแผล
ไม่สบายควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาโดยเร็ ว
1.2 ออกกำลังกายเท่าที่จะทำได้ ไม่เหนื่อยเกินไป เนื่องจากมีกระดูกเปราะหักง่าย ไม่สบู บุหรี่ ไม่ควร
ดื่มเหล้ าเพราะผลเสียต่อตับ
1.3 รับประทานอาหาร มีคณ ุ ภาพโปรตีนสูง เช่น เนื ้อสัตว์ตา่ งๆ ไข่ นม และ ผักสดต่างๆ(มี Folate )
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงได้ แก่ เลือดสัตว์ตา่ งๆ
1.4 ไม่ควรซื ้อยาบำรุงโลหิตเอง เพราะอาจได้ รับเหล็กเกิน
1.5 รับประทานยาตามแพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยให้ สอบถามจากแพทย์และพยาบาลตามสถาบันหรื อโรง
พยาบาลที่รักษาอยู่ นอกจากนี ้ตามหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนบางแห่งยังเปิ ดศูนย์หรื อชมรมผู้ป่วย
ธาลัสซีเมีย เพื่อให้ คำปรึกษาและช่วยเหลือ
2. การให้ เลือด มี 2 แบบคือ
- การให้ เลือดแบบประคับประคอง เพิ่มระดับฮีโมโกลบินขึ ้นให้ สงู กว่า 6-7 กรัม/เดซิลิตร พอให้ ผ้ ปู ่ วยหายจาก
อาการอ่อนเพลีย เหนื่อย มึนงง จากอาการขาดออกซิเจน ให้ เป็ นครั ง้ คราว
- การให้ เลือดจนหายซีด เพิ่มระดับฮีโมโกลบินให้ สงู ใกล้ เคียงคนปกติ อาจต้ องให้ เลือดทุก 2-3 สัปดาห์ จนระ
ดับฮีโมโกลบินก่อนให้ เลือดอยูใ่ นเกณฑ์ 10 กรัม/เดซิลิตร
การรักษาโดยการให้ ยาขับธาตุเหล็ก โดยยาที่ใช้ กนั มากที่สดุ ก็คือ ยา Desferal ซึง่ ต้ องให้ โดยวิธีการฉีด โดยมี
เครื่ องช่วยให้ ยาเรี ยกว่า Infusion pump หากมีภาวะเหล็กเกินมาก ต้ องให้ ยาในขนาด 40-60 มิลลิลติ ร/น้ำหนักตัว 1
กิโลกรัม สัปดาห์ละ 5-6 วัน จึงจะขับธาตุเหล็กออกได้ เต็มที่จนไม่มีเหล็กเกิน นิยมฉีดก่อนนอน และถอดเข็มออกเมื่อตื่น
นอนแล้ ว เหล็กจะถูกขับถ่ายออกจากร่างกาย ทางปั สสาวะและอุจจาระ
โรคธาลัสซีมเมียเป็ นโรคทางพันธุกรรมที่พบมากในประเทศไทย ผู้ที่เป็ นโรคนี ้จะมีอาการเรื อ้ รัง และรักษาให้
หายขาดยาก จึงเป็ นปั ญหาต่อสุขภาพกายและใจ การป้องกันสามารถทำได้ โดย คูส่ ามีที่มีโอกาสเสี่ยงมีลกู เป็ นธาลัสซี
เมีย ให้ ใช้ วิธีการคุมกำเนิดไว้ เพื่อไม่ให้ มีลกู หรื อเลือกการใช้ วิธีผสมเทียมโดยใช้ อสุจิจากผู้อื่นแทน เลือกใช้ วิธีปฏิสนธิใน
หลอดทดลอง หรื ออาจจะใช้ การวินิจฉัยก่อนคลอด โดยปั จจุบนั ได้ มีการตรวจเลือดโดยวิธีพิเศษ ได้ แก่ การตรวจหาชนิด
ของฮีโมโกลบินซึง่ สามารถรู้ได้ วา่ ผู้ใดเป็ นพาหะ หรื อเป็ นโรคได้
ภาวะโลหิตข้ น ( polycythemia )
Polycythemia หมายถึง ภาวะที่มีการเพิ่มขึ ้นผิดปกติของ Hematocrit (>48% ในหญิง, >52% ในชาย),
และ/ หรื อ Hemoglobin (>16.5 g/dL ในหญิง, >18.5 g/dL ในชาย)
Polycythemia มีความหมายอีกหลายประการ เช่น ภาวะที่เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ ้นอย่างเดียวหรื อมี
ปริ มาณเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดเพิ่มขึ ้นทั ้ง 3 อย่าง หรื อภาวะที่เม็ดเลือดแดงไม่ได้ เพิ่มขึ ้นแต่
ปริ มาณน้ำเลือดลดลง
สาเหตุ
1. โลหิตข้ นเทียม เกิดจากร่างกายเสียน้ำ เช่น ขาดน้ำ ท้ องเดิน อาเจียน
2. โลหิตข้ นแท้ ที่เกิดจากการไม่ทราบสาเหตุที่ชดั เจนหรื อมีความผิดปกติที่ไขกระดูกและภาวะเลือดข้ นที่เกิด
จากโรคอื่นแล้ วทำให้ มีภาวะเลือดข้ น เช่น โรคไต บวมน้ำ มะเร็ งรังไข่ เป็ นต้ น
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยอาจมาพบแพทย์ด้วยอาการหลากหลายไม่วา่ จะเป็ น อาการเหนื่อยง่ายเมื่อออกแรง ไอเรื อ้ รัง ประวัติมือ
เท้ าแดงคล้ำ คันเวลาอาบน้ำอุน่ อาการอ่อนเพลีย คุณภาพการนอนไม่ดี อาจสังเกตพบว่ามีหน้ าแดง หลอดเลือดดำใต้
ลิ ้นขยายตัว รวมถึงภาวะ cyanosis ที่ริมฝี ปาก ติ่งหู และ ปลายนิ ้ว ทั ้งนี ้ขึ ้นกับความรุนแรงของโรค
ภาวะที่เลือดหนืดมากทำให้ การไหลเวียนของเลือดช้ า ร่างกายต้ องใช้ พลังงานเพิ่มขึ ้นในการให้ หวั ใจปั๊ มเลือด
แต่ละครัง้ ทำให้ ผ้ ปู ่ วยเหนื่อยง่ายเมื่อออกแรง มีปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หูอื ้อ นอนไม่หลับ อาจพบภาวะก้ อนเลือดอุดตันใน
สมองและเส้ นเลือดแดงแตกในสมองได้ เนื่องจากเส้ นเลือดต้ องขยายใหญ่ขึ ้น
การวินิจฉัยทางการพยาบาล
1. มีภาวะเส้ นเลือดแตกหรื ออุดตันในสมอง เนื่องจากเลือดหนืด
2. มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกในร่างกาย
3. มีภาวะแทรกซ้ อนจากการได้ รับเคมีบำบัดเพื่อบรรเทาอาการของโรค