Professional Documents
Culture Documents
ch3 4in1
ch3 4in1
ch3 4in1
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
รูปที่ 3.1.1
3 บทที่ 3 4 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
รูปที่ 3.1.3
รูปที่ 3.1.4
ข้อสังเกต
1. จุด Q คือ ภาพฉายของจุด P บนระนาบ XY
และพิกดั ของ Q คือ (x, y, 0)
2. จุด A(x, 0, 0) คือ ภาพฉายของจุด P บนแกน X
รูปที่ 3.1.4 จุด B(0, y, 0) คือ ภาพฉายของจุด P บนแกน Y
รูปที่ 3.1.4 แสดงจุด P ในปริภมู ิสามมิติ จุด C(0, 0, z) คือ ภาพฉายของจุด P บนแกน Z
จากจุด P ลากเส้ นขนานกับแกน Z พบระนาบ XY ที่จุด Q
ระยะ PQ = z หมายเหตุ
จากจุด Q ลากเส้ นขนานกับแกน Y พบแกน X ที่จุด A ั ลักษณ์ R 3 แทนเซตของลําดับของสามจํานวนจริง
เราใช้ สญ
ระยะ OA = x หรือเซตของจุดในปริภมู ิสามมิติ
จากจุด Q ลากเส้ นขนานกับแกน X พบแกน Y ที่จุด B
ระยะ OB = y
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
7 บทที่ 3 8 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
รูปที่ 3.1.6
รูปที่ 3.1.5
11 บทที่ 3 12 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
รูปที่ 3.2.2
โดยใช้ ความสัมพันธ์ของด้ าน รูปที่ 3.2.3
K
ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก OPQ และ OAQ จะได้ ว่า รูปที่ 3.2.3 แสดง ซึ่งมีมุมแสดงทิศทางเป็ น α, β, γ
A
15 บทที่ 3 16 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
K
ตัวอย่าง 3.2.1 กําหนดให้ A = (–1, 2 , 1)
K
จงหาขนาดและมุมแสดงทิศทางของ A
วิธีทํา
K
|| A || = (−1)2 + ( 2 )2 + 12 = 4 = 2
K
ให้ A ทํามุม α, β, γ กับแกน X, แกน Y, แกน Z ทางด้ านบวก
ตามลําดับ
เราจะได้
cos α = || aAK1 || = – 12 เพราะฉะนั้น α = 2π
3
รูปที่ 3.2.3
ลาก AP และ AQ cos β = || aAK2 || = 2
2 เพราะฉะนั้น β = π
4
จากรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก OAP และ OAQ จะได้ ว่า cos γ = || aAK3 || = 1
2
เพราะฉะนั้น γ = π
3
cos α = || aAK1 ||
และ cos β = || aAK2 ||
เพราะฉะนั้น cos α = || aAK1 ||
cos β = || aAK2 ||
cos γ = || aAK3 ||
และ cos 2 α + cos 2 β + cos 2 γ = 1
รูปที่ 3.2.4
K K K K
D D
2. ถ้ า = แล้ ว จะเป็ นเวกเตอร์ซ่ึงขนานกับ A
kA
K
โดย มีทศิ ทางเดียวกับ A เมื่อ k > 0
K
และ มีทศิ ทางตรงข้ ามกับ A เมื่อ k < 0
K K
และ || k A || = | k | || A ||
K K
ในกรณีท่ี k = –1 เราเรียก (–1) A ว่า นิเสธ ของ A
K
และนิยมเขียนแทนด้ วยสัญลักษณ์ – A
K K
บทนิยาม 3.2.5 A – BK = A + (– BK )
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
19 บทที่ 3 20 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
23 บทที่ 3 24 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
ตัวอย่าง 3.2.4 ให้ A(1, 2, 0), B(0, 4, 2) และ ตัวอย่าง 3.2.5 ให้ AK = (1, 2, –1), BK = (2, 1, 4)
K
C(3, 2, –2) เป็ นจุดมุมของรูปสามเหลี่ยม ABC จงหา BÂC และ C = (3, –2, 1) จงหาว่าเวกเตอร์คู่ใดที่ต้งั ฉากกัน
วิธีทํา วิธีทํา
โดยใช้ เหตุผลว่า XK ตั้งฉากกับ YK ก็ต่อเมื่อ XK ⋅ YK = 0
เพราะว่า AK ⋅ BK = (1, 2, –1)⋅(2, 1, 4) = 2 + 2 – 4 = 0
รูปที่ 3.2.5 เพราะฉะนั้น AK ตั้งฉากกับ BK
BÂC เป็ นมุมระหว่าง AB กับ AC เพราะว่า
K K
AB = B – A = (0, 4, 2) – (1, 2, 0) = (–1, 2, 2) K K
K K A ⋅ C = (1, 2, –1)⋅(3, –2, 1) = 3 – 4 – 1 = –2 ≠ 0
K
AC = C – A = (3, 2, –2) – (1, 2, 0) = (2, 0, –2)
เพราะฉะนั้น AK ไม่ต้งั ฉากกับ C
|| AB || = (−1) 2 + 22 + 2 2 = 9 = 3
|| AC || = 2 2 + 0 2 + (−2) 2 = 8 = 2 2 เพราะว่า
K K
B ⋅ C = (2, 1, 4)⋅(3, –2, 1) = 6 – 2 + 4 = 8 ≠ 0
AB ⋅ AC = (–1, 2, 2)⋅(2, 0, –2) K
= –1(2) + 2(0) + 2(–2) เพราะฉะนั้น BK ไม่ต้งั ฉากกับ C
= –6
เพราะว่า AB ⋅ AC = || AB || || AC || cos BÂC
เพราะฉะนั้น cos BÂC = AB ⋅ AC
|| AB || || AC ||
= −6
(3)(2 2 )
= – 12
เพราะฉะนั้น BÂC = 3π
4
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
25 บทที่ 3 26 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
เพราะว่า AK ⋅ BK = || AK || || BK || cos θ
K K
เพราะฉะนั้น || AK || cos θ = ||ABK⋅ B||
K K
เพราะฉะนั้น ภาพฉายสเกลาร์ของ AK บน BK คือ A K⋅ B
|| B ||
K K K
และ ภาพฉายเวกเตอร์ของ AK บน BK คือ A⋅B B
K
|| B ||2
27 บทที่ 3 28 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
รูปที่ 3.2.8
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
29 บทที่ 3 30 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
31 บทที่ 3 32 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
K
3.2.6 ผลคูณเชิงสเกลาร์ของสามเวกเตอร์ ความหมายทางเรขาคณิตของ | [ AK BK C ] |
K K
บทนิยาม 3.2.10 ให้ A , BK , C เป็ นเวกเตอร์ใน R 3 K
| [ AK BK C ] | = ปริมาตรของรูปทรงสี่เหลี่ยมหน้ าขนาน
K K K
ผลคูณเชิงสเกลาร์ของสามเวกเตอร์ A , BK , C คือ AK ⋅ BK × C K
ซึ่งมีด้านประชิดเป็ น AK , BK และ C
K K
และนิยมเขียนแทนด้ วยสัญลักษณ์ [ A BK C ]
หมายเหตุ
ให้
K K K
A = ( a1, a 2 , a 3 ), B = ( b1 , b 2 , b3 ) และ C = ( c1 , c 2 , c3 )
K K
B × C = ( b 2 c3 – b3 c 2 , b3 c1 – b1 c3 , b1 c 2 – b2 c1 )
K K K
A ⋅B × C
รูปที่ 3.2.10
= ( b2 c3 – b3 c2 ) a1 – ( b1 c3 – b3 c1) a 2 + ( b1 c2 – b2 c1) a 3
ปริมาตรของรูปทรงสี่เหลี่ยมหน้ าขนาน
= bc 2 bc 3 a1 – bc1 bc 3 a 2 + bc1 bc 2 a 3 = พื้นที่ฐาน × สูง
2 3 1 3 1 2
K
=
a1 a 2
b1 b 2
a3
b3
= || BK × C || h
K
c1 c 2 c3 = || BK × C || || AK || | cos θ |
a1 a 2 a 3 K
เพราะฉะนั้น AK ⋅ BK × C =
K
b1 b 2 b 3 เมื่อ θ เป็ นมุมระหว่าง AK กับ BK × C
K
c1 c 2 c3 = | BK × C ⋅ AK |
K K K K K K K
หมายเหตุ A ⋅ B×C = B⋅ C× A = C ⋅ AK × BK = | AK ⋅ BK × C |
K
K K K K K
= BK × C ⋅ AK = C× A ⋅ B = AK × BK ⋅ C K
= | [ AK BK C ] |
35 บทที่ 3 36 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
ตัวอย่าง 3.2.11 จงพิจารณาว่า (2, 1, 0), (1, 2, 0) ตัวอย่าง 3.2.12 จงพิจารณาว่า (3, 2, –5), (2, 6, –1)
และ (0, 0, 3) เป็ นอิสระเชิงเส้ น หรือไม่ และ (–1, 0, 2) เป็ นอิสระเชิงเส้ น หรือไม่
วิธีทํา สมมติ วิธีทํา สมมติ
a(2, 1, 0) + b(1, 2, 0) + c(0, 0, 3) = (0, 0, 0) a(3, 2, –5) + b(2, 6, –1) + c(–1, 0, 2) = (0, 0, 0)
(2a + b, a + 2b, 3c) = (0, 0, 0) (3a + 2b – c, 2a + 6b, –5a – b + 2c) = (0, 0, 0)
เพราะฉะนั้น 2a + b = 0 ... (1) เพราะฉะนั้น 3a + 2b – c = 0 ... (1)
a + 2b = 0 ... (2) 2a + 6b = 0 ... (2)
3c = 0 ... (3) –5a – b + 2c = 0 ... (3)
จาก (3) ; c =0 2 × (1) ; 6a + 4b – 2c = 0 ... (4)
2 × (1) ; 4a + 2 b = 0 ... (4) (3) + (4) ; a + 3b = 0 ... (5)
(4) – (2) ; 3a = 0 2 × (5) ; 2a + 6b = 0 ซึ่งเหมือน (2)
a =0 จาก (5) ; b = – 13 a ... (6)
จาก (1) ; b = –2a = 0 จาก (1) ; c = 3a + 2(– 13 a) = 73 a
เพราะฉะนั้น a = b = c = 0
ให้ a = t เมื่อ t ∈ R จะได้ b = – 13 t และ c = 73 t
เพราะฉะนั้น (2, 1, 0), (1, 2, 0) และ (0, 0, 3)
เป็ นอิสระเชิงเส้ น แสดงว่ามี a ≠ 0, b ≠ 0 และ c ≠ 0 ที่ทาํ ให้
a(3, 2, –5) + b(2, 6, –1) + c(–1, 0, 2) = (0, 0, 0)
ข้อควรจํ า เพราะฉะนั้น (3, 2, –5), (2, 6, –1) และ (–1, 0, 2)
ถ้ า มี a, b, c ไม่เป็ นศูนย์พร้ อมกันที่ทาํ ให้ ไม่เป็ นอิสระเชิงเส้ น
K
a V1 + b V2 + c V3 = O หมายเหตุ จากสมการ (6) นิสติ สามารถเลือก a = 3
แล้ ว V1, V2 , V3 ไม่เป็ นอิสระเชิงเส้ น แล้ วจะได้ b = –1, c = 7 ก็เพียงพอ
39 บทที่ 3 40 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
t = x −ax 0 , t = y −by0 , t = z − z0
c
วิธีทํา
x − x0
เพราะฉะนั้น a
= y −by0 = (3.3.4) z − z0
c
... ให้ P(x, y, z) เป็ นจุดบนเส้ นตรง L
สมการเวกเตอร์ของเส้ นตรง L ที่ผ่านจุด
เราเรียกสมการ (3.3.4) ว่า สมการสมมาตร ของเส้ นตรง L K
P0 (1, 0, –2) และขนานกับ A = (2, –1, 3) คือ
K K K
หมายเหตุ P = P0 + t A
ในกรณีท่มี ีค่าหนึ่งใน a, b, c เป็ นศูนย์ หรือ (x, y, z) = (1, 0, –2) + t(2, –1, 3) เมื่อ t ∈ R
เช่น a = 0 จากสมการ (3.3.3) สมการอิงตัวแปรเสริมของเส้ นตรง L คือ
เราจะเขียนสมการสมมาตรของเส้ นตรง L ได้ เป็ น x = 1 + 2t
x = x0 , y −by0 = z −cz0 y = –t
ในกรณีท่มี ีสองค่าใน a, b, c เป็ นศูนย์ z = –2 + 3t
เช่น a = 0, b = 0 และสมการสมมาตรของเส้ นตรง L คือ
x −1 = y = z + 2
เราจะเขียนสมการสมมาตรของเส้ นตรง L ได้ เป็ น 2 −1 3
x = x0 , y = y0 , z = z0 + tc
43 บทที่ 3 44 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
47 บทที่ 3 48 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
x −5 = y−2 = z −4
หรือ 4 −1 3 || P0 B × AK || = (−8) 2 + (−11) 2 + 7 2
แสดงว่า เส้ นตรง L ผ่านจุด P0 (5, 2, 4) = 234 = 3 26
และมีเวกเตอร์แสดงทิศทาง AK = (4, –1, 3) K
|| A || = 4 2 + (−1) 2 + 32
ให้ M เป็ นจุดเชิงเส้ นตั้งฉากของจุด B บนเส้ นตรง L = 26
K K K
K K (B − P0 ) ⋅ A K
M = P0 + [ K 2 ]A เพราะฉะนั้น ระยะทางจากจุด B ไปยังเส้ นตรง L
|| A || K
|| P0B × A ||
= (5, 2, 4) + [ ((2,1,−1) − (5,2,4)) ⋅ (4,−1,3) ](4, –1, 3) = K
|| A ||
4 2 + (−1) 2 + 32
= (5, 2, 4) – (4, –1, 3) = 3 2626
= (1, 3, 1) = 3 หน่วย
การหาระยะทางจากจุด B ไปยังเส้นตรง L
K
|| P0B × A || หมายเหตุ หา || BM || จะง่ายกว่า และ ได้ ระยะทางเท่ากัน
ระยะทางจากจุด B ไปยังเส้ นตรง = K
|| A || BM = MK – BK
P0 B = BK – PK0 = (1, 3, 1) – (2, 1, –1)
= (2, 1, –1) – (5, 2, 4) = (–1, 2, 2)
= (–3, –1, –5) เพราะฉะนั้น || BM || = (−1)2 + 22 + 22 = 9 = 3
51 บทที่ 3 52 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
และ
x0 = 1 + t0
⎫⎪
y0 = 9 + 3t 0 ⎬ ... (2)
⎪⎭
z0 = 2 + t0
รูปที่ 3.3.3 (ก) รูปที่ 3.3.3 (ข) รูปที่ 3.3.3 (ค)
คําเตือน
ในการหาจุดตัด เส้ นตรง L1 และเส้ นตรง L 2 ต้ องใช้ ตวั แปร
เสริมคนละตัวกัน
จาก (1) กับ (2) เราได้ 2 + s0 = 1 – t 0 ตัวอย่าง 3.3.7 กําหนดให้ L1, L 2 เป็ นเส้ นตรงซึ่งมีสมการเป็ น
4 – s0 = 9 + 3 t 0 L1 : 2 – x = 3 – y = z − 1
2
3 + 2 s0 = 2 + t 0 และ L2 : 7 − x = y = z – 1
3
หรือ s0 + t 0 = –1 ... (3) จงพิจารณาว่า L1 และ L 2 ตัดกันหรือไม่ ถ้ าตัดกันจงหาจุดตัด
– s0 – 3 t 0 = 5 ... (4) วิธีทํา สมมติ L1 ตัดกับ L 2
2 s0 – t 0 = –1 ... (5) เพราะฉะนั้นมีจุด P0 จุดหนึ่ง ซึ่งอยู่ท้งั บน L1 และ L 2
จาก (3) และ (4) หาค่า s0 และ t 0 ให้ จุด P0 มีพิกดั เป็ น ( x 0 , y0 , z0 )
จะได้ s0 = 1 และ t 0 = –2 เพราะฉะนั้น x 0 , y0 , z0 ต้ องสอดคล้ องสมการของ L1 และ L 2
เมือ่ ได้ s0 = 1 และ t 0 = –2 แล้วต้องตรวจสอบกับสมการที่ เพราะฉะนั้น 2 – x0 = 3 – y0 = z 02− 1 ... (1)
เหลือ ในทีน่ คืี้ อสมการ (5) 7 − x0
และ 3
= y0 = z 0 – 1 ... (2)
แทนค่า s0 และ t 0 ใน (5) ได้ 4 = –1 ซึ่งเป็ นไปไม่ได้ จาก (1) เราได้ 2 – x 0 = 3 – y0
แสดงว่าไม่มีค่า s0 และ t 0 ที่ทาํ ให้ ค่า หรือ – x 0 + y0 = 1 ... (3)
x 0 , y0 , z0 สอดคล้ องกับสมการของ L1 และ L 2 7 − x0
จาก (2) เราได้ 3
= y0
เพราะฉะนั้น L1 ไม่ตดั กับ L2
หรือ x 0 + 3 y0 = 7 ... (4)
จาก (3) และ (4) หาค่า x0 และ y0
คําแนะนํา จะได้ x0 = 1 และ y0 = 2
การหาค่า s0 และ t 0 เลือกจากสมการ (3), (4), (5) ก็ได้ ต้องนําค่า x0 = 1, y0 = 2 ทีไ่ ด้ตรวจสอบกับสมการทีเ่ หลือ
เพราะฉะนั้นควรเลือกจากคู่ของสมการที่คิดเลขง่าย ว่าได้ค่า z ตัวเดียวกันหรือไม่
แทนค่า y0 ใน (1) และ (2) จะได้ ค่า z0 ที่เท่ากันคือ z0 = 3
แสดงว่า L1 ตัดกับ L 2 ที่จุด (1, 2, 3)
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
55 บทที่ 3 56 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
59 บทที่ 3 60 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
63 บทที่ 3 64 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
ตัวอย่าง 3.3.11.1 จงพิจารณาว่าเส้ นตรง L1 และ L2 เป็ นเส้ น ตัวอย่าง 3.3.11.2 จงพิจารณาว่า L1 และ L2 เป็ นเส้ นไขว้ ต่าง
ไขว้ ต่างระนาบหรือไม่ เมื่อ L1 และ L2 มีสมการเป็ น ระนาบหรือไม่ เมื่อ L1 และ L2 มีสมการเป็ น
y
L1 : 2x – 1 = 2 – y = 3z L1 : x =
2
= z – 1 และ L 2 : x 2+ 1 = y – 1 = z +3 2
y
L2 : 2 − x =
3 6
= 1 −2 z วิธีทํา เวกเตอร์แสดงทิศทางของ L1 คือ AK 1 = (1, 2, 1)
วิธีทํา เวกเตอร์แสดงทิศทางของ L 2 คือ AK 2 = (2, 1, 3)
จากสมการของ L1 2x – 1 = 2 – y = 3z เพราะว่า ไม่มีจาํ นวนจริง k ที่ทาํ ให้ AK 1 = k AK 2 หรือ AK 2 = k AK 1
x−1
2 y−2z
เพราะฉะนั้น AK 1 ไม่ขนานกับ AK 2
หรือ 1
= −1
1
=
เพราะฉะนั้น L1 ไม่ขนานกับ L2
2 3
K 1
จะได้ ว่า L1 มีเวกเตอร์แสดงทิศทาง A1 = ( 2 , –1, 13 ) สมมติ L1 ตัดกับ L 2 เพราะฉะนั้นมีจุด P0 อยู่บน L1 และ L 2
จากสมการของ L 2 2 − x = y = 1− z ให้ จุด P0 มีพิกดั เป็ น ( x 0 , y0 , z0 )
3 6 2
y
เพราะฉะนั้น x 0 , y0 , z0 สอดคล้ องทั้งสมการของ L1 และ L 2
หรือ x −
−3
2 = 6 = −−21
z
y
K เพราะฉะนั้น x0 = 0 = z 0 – 1 ... (1)
จะได้ ว่า L2 มีเวกเตอร์แสดงทิศทาง A 2 = (–3, 6, –2) 2
x0 + 1 z0 + 2
K K
จะเห็นว่า A 2 = –6 A1 แสดงว่า AK 1 ขนานกับ AK 2 และ 2
= y0 – 1 = 3
... (2)
y0
เพราะฉะนั้น L1 ขนานกับ L 2 จาก (1) ; x 0 = 2
หรือ 2 x0 – y0 =0 ... (3)
เพราะฉะนั้น L1 และ L2 ไม่เป็ นเส้ นไขว้ ต่างระนาบ จาก (2) ; x 02+ 1 = y0 – 1 หรือ x 0 – 2 y0 = –3 ... (4)
จาก (3) และ (4) จะได้ x 0 = 1 และ y0 = 2
ต้ องนําค่า x 0 = 1, y0 = 2 ตรวจสอบว่าให้ ค่า z เดียวกันหรือไม่
แทนค่า y0 ใน (1) และ (2) จะได้ z0 = 2 และ z0 = 1
ตามลําดับ ซึ่งเป็ นไปไม่ได้ แสดงว่า L1 ไม่ตดั กับ L 2
เพราะฉะนั้น L1 และ L 2 เป็ นเส้ นไขว้ ต่างระนาบ
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
65 บทที่ 3 66 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
67 บทที่ 3 68 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
71 บทที่ 3 72 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
|| AK 1 × AK 2 || = 32 + 4 2 + 12 03.4 ระนาบใน R 3
= 26 3.4.1 สมการของระนาบ
K K
| P1P2 ⋅( A1 × A 2 ) | บทนิยาม 3.4.1
K
= | (–1, 1, 0)⋅(3, 4, 1) | ให้ P0 เป็ นจุดใน R 3 และ NK ≠ O เป็ นเวกเตอร์ใน R 3
= | –3 + 4 + 0 | เราจะเรียกเซตของจุด P ใดๆ ซึ่งทําให้ P0P ตั้งฉากกับ NK ว่า
K
=1 ระนาบทีผ่ ่านจุด P0 และตั้งฉากกับเวกเตอร์ N
K
เพราะฉะนั้น และเรียก N ว่า เวกเตอร์แนวฉาก ของระนาบ
ระยะทางระหว่าง L1 กับ L 2 มีค่า
K K
= | P1P||2AK⋅ (A×1AK× A||2 ) |
1 2
= 1
26
หน่วย
รูปที่ 3.4.1
รูปที่ 3.4.1 แสดงกราฟของระนาบที่ผ่านจุด P0
K
และตั้งฉากกับเวกเตอร์ N
ข้อสังเกต
K
ถ้ า N เป็ นเวกเตอร์แนวฉากของระนาบ M
K
แล้ ว เวกเตอร์ท่ไี ม่ใช่เวกเตอร์ศนู ย์ซ่งึ ขนานกับ N
เป็ นเวกเตอร์แนวฉากของระนาบ M ด้ วย
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
73 บทที่ 3 74 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
75 บทที่ 3 76 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
รูปที่ 3.4.5
รูปที่ 3.4.4
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
79 บทที่ 3 80 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
รูปที่ 3.4.6
ตัวอย่าง 3.4.7 จงพิจารณาว่า P0 (1, 2, –1), P1 (2, 0, 1), การตรวจสอบว่า P3 (1, 2, 3) อยู่บนระนาบ M
P2 (3, 4, 1) และ P3 (1, 2, 3) อยู่บนระนาบเดียวกันหรือไม่ แทน x = 1, y = 2, z = 3 ในสมการของระนาบ M
วิธีทํา ให้ M เป็ นระนาบที่ผ่านจุด P0 , P1 และ P2 จะได้
K K
P0 P1 = P1 – P0 = (2, 0, 1) – (1, 2, –1) = (1, –2, 2) 4(1) – 2 – 3(3) = 5
K K
P0 P2 = P2 – P0 = (3, 4, 1) – (1, 2, –1) = (2, 2, 2) –7 = 5 ซึ่งไม่เป็ นจริง
เพราะว่า P0P1 × P0P2 แสดงว่าพิกดั ของ P3 ไม่สอดคล้ องกับสมการของระนาบ M
K K K
i j k เพราะฉะนั้นจุด P3 ไม่อยู่บนระนาบ M
= 1 −2 2
2 2 2 สรุป จุด P0 , P1 , P2 และ P3 ไม่อยู่บนระนาบเดียวกัน
= − 22 2 Ki – K
1 2 j + 1 −2 k K
2 2 2 2 2
K K K
= –8 i + 2j + 6k
เพราะฉะนั้น M เป็ นระนาบที่ผ่านจุด P0 หมายเหตุ
และมีเวกเตอร์แนวฉาก P0P1 × P0 P2 1. ถ้ า P0P3 ⋅( P0P1 × P0P2 ) ≠ 0
สมการระนาบ M จะมีสมการเป็ น แล้ ว P0 , P1, P2 และ P3 ไม่อยู่บนระนาบเดียวกัน
P0P1
≠0
–8(x – 1) + 2(y – 2) + 6(z + 1) = 0
2. ถ้ า P0P2
–8x + 2y + 6z = –10 P0P3
4x – y – 3z = 5 แล้ ว P0 , P1 , P2 และ P3 ไม่อยู่บนระนาบเดียวกัน
83 บทที่ 3 84 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
87 บทที่ 3 88 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
91 บทที่ 3 92 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
จาก (1) เราได้ y0 = 2 x0 – 5 และ z0 = x0 – 1 ... (3) จุด Q ไม่อยู่บน L เราจะหาสมการของระนาบที่ผ่าน L และจุด Q
K
แทน (3) ใน (2) ได้ การหาเวกเตอร์แนวฉาก N ของระนาบ M
2 x 0 – (2 x0 – 5) + ( x0 – 1) = 7
x0 + 4 = 7
x0 = 3
แทนค่า x0 = 3 ใน (3) ได้ y0 = 1 และ z0 = 2
เพราะฉะนั้น จุดตัดของเส้ นตรงกับระนาบ คือ (3, 1, 2)
รูปที่ 3.4.11
เพราะว่า L อยู่ในระนาบ เพราะฉะนั้น L ขนานกับระนาบ M
เพราะฉะนั้น AK ตั้งฉากกับเวกเตอร์แนวฉากของระนาบ M
เพราะว่าจุด P0 และ Q อยู่บนระนาบ
เพราะฉะนั้น P0 Q ตั้งฉากกับเวกเตอร์แนวฉากของระนาบ M
เพราะฉะนั้น
K
A × P0Q ขนานกับเวกเตอร์แนวฉากของระนาบ M
K
เพราะฉะนั้น N = AK × P0Q
เป็ นเวกเตอร์แนวฉากของระนาบ M
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
93 บทที่ 3 94 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
K
P0Q = Q – PK0 ตัวอย่าง 3.4.12 จงหาสมการของระนาบ M ที่ผ่านจุด
= (1, 3, –1) – (0, 1, 0) Q(2, –3, 1) และขนานกับเส้ นตรง L1 : x – 1 = 2y = z
= (1, 2, –1) และ L2 : x2 = y = 3z
K
N = AK × P0Q K
วิธีทํา L1 มีเวกเตอร์แสดงทิศทาง A1 = (1, 2, 1)
K K K
i j k K
L 2 มีเวกเตอร์แสดงทิศทาง A 2 = (2, 1, 3)
= 1 1 2
1 2 −1 เพราะว่า L1 และ L2 ขนานกับระนาบ
1 2 Ki – 1 2 Kj+ 11 12 k
K K K
= 2 −1 1 −1 เพราะฉะนั้น A1 และ A 2 ตั้งฉากกับเวกเตอร์แนวฉากของ
K K K
= –5 i + 3 j + k ระนาบ
ระนาบ M ผ่านจุด Q(1, 3, –1) และมีเวกเตอร์แนวฉาก แสดงว่า AK 1 × AK 2 ขนานกับเวกเตอร์แนวฉากของระนาบ
K
N = (–5, 3, 1) เราจะได้ ว่า
K K K
มีสมการเป็ น N = A1 × A 2 เป็ นเวกเตอร์แนวฉากเวกเตอร์หนึ่งของระนาบ
K K K
–5(x – 1) + 3(y – 3) + (z + 1) = 0 K i j k
N = 1 2 1
หรือ –5x + 3y + z = 3 2 1 3
= 2 1 Ki – 1 1 Kj
+ 12 12 k
K
1 3 2 3
K K K
= 5 i – j – 3k
เพราะฉะนั้น ระนาบ M ผ่านจุด Q(2, –3, 1) และมีเวกเตอร์
K
แนวฉาก N = (5, –1, –3)
มีสมการเป็ น
5(x – 2) – (y + 3) – 3(z – 1) = 0
หรือ 5x – y – 3z = 10
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
95 บทที่ 3 96 บทที่ 3
ปริภูมิสามมิติ ปริภูมิสามมิติ
= 10 − 2 − 35
54 54
= 27
– 54
รูปที่ 3.4.12 = – 12
หมายเหตุ เพราะฉะนั้น θ = arccos(– 12 ) = 23π
1. ถ้ า มุมระหว่างเส้ นตรงกับระนาบเป็ น 0 เพราะฉะนั้น
แล้ ว เส้ นตรงขนานกับระนาบ
มุมระหว่างเส้ นตรงกับระนาบ คือ | π2 – 2π |= π
2. ถ้ ามุมระหว่างเส้ นตรงกับระนาบเป็ น π2 3 6
หมายเหตุ ระยะทางระหว่างระนาบสองระนาบ
สมการของระนาบที่ขนานกับระนาบ ax + by + cz = d1 การหา ระยะทางระหว่างระนาบสองระนาบ ซึ่งก็คือ ระยะทาง
เราจะเขียนได้ ในรูป ax + by + cz = d 2 ตั้งฉากระหว่างระนาบทั้งสอง
ระยะทางระหว่างระนาบทีข่ นานกัน คือ
ข้อสังเกต
การหาระยะทางระหว่างจุดใดจุดหนึ่งบนระนาบหนึ่งกับอีก
เราอาจหาสมการของ M1 ในตัวอย่าง 3.4.16 ได้ ดงั นี้
ระนาบหนึ่ง
เพราะว่า M1 ขนานกับ M2
เพราะฉะนั้น M1 มีสมการเป็ น 2x – 3y + 4z = d ให้ M1 และ M2 เป็ นระนาบที่ขนานกัน
เพราะว่า M1 ผ่านจุด (1, –2, 3) โดยที่ M1 มีสมการเป็ น ax + by + cz = d1
เพราะฉะนั้น 2(1) – 3(–2) + 4(3) = d และ M2 มีสมการเป็ น ax + by + cz = d 2
เพราะฉะนั้น d = 20 ให้ P0 ( x 0 , y0 , z0 ) เป็ นจุดใน M1
เพราะฉะนั้น สมการของระนาบ M1 คือ และ D เป็ นระยะทางระหว่าง M1 กับ M2
2x – 3y + 4z = 20 D = ระยะทางระหว่างจุด P0 ( x 0 , y0 , z0 ) กับระนาบ M2
= | ax 0 + by2
0 + cz 0 − d 2 |
2 2
a +b +c
เพราะว่า P0 ( x 0 , y0 , z0 ) เป็ นจุดบน M1
เพราะฉะนั้น a x 0 + b y0 + c z0 = d1
เพราะฉะนั้น D = |2d1 − 2d 2 | 2
a +b +c
| d1 − d 2 |
เพราะฉะนั้น ระยะทางระหว่าง M1 กับ M 2 =
a 2 + b 2 + c2
เพราะว่า 12 ≠ −11
เพราะฉะนั้น NK 1 ไม่ขนานกัน NK 2
เพราะฉะนั้น M1 ตัดกับ M2
ให้ L เป็ นเส้ นตรงที่เป็ นรอยตัดของ M1 กับ M2
เพราะว่า L อยู่ใน M1 และ M2
เพราะฉะนั้น L ขนานกับ M1 และ M2
รูปที่ 3.4.13 แสดงว่า NK 1 และ NK 2 ตั้งฉากกับเวกเตอร์แสดงทิศทางของ L
เพราะฉะนั้น NK 1 × NK 2 ขนานกับเวกเตอร์แสดงทิศทางของ L
เพราะฉะนั้น AK = NK 1 × NK 2
เป็ นเวกเตอร์แสดงทิศทางของ L