Professional Documents
Culture Documents
เมฆ 1
เมฆ 1
เมฆ 1
1
หยาดน้าฟ้า (Precipitation) หมายถึง สิง่ ทีเ่ กิดจากการควบแน่นของไอน้าในบรรยากาศ แล้วตกลงมา
สูพ่ น้ื โลก ตัวอย่างเช่น ฝน ลูกเห็บ หิมะ เป็ นต้น
ชนิ ดของเมฆแบ่งตามระดับความสูงของฐานเมฆ
ทีม่ า : http://en.wikipedia.org/wiki/File:Wolkenstockwerke.png
1) เมฆชัน้ สูง (High level) อยู่ทร่ี ะดับความสูงมากกว่า 6,000 เมตร จากผิวโลก บริเวณนี้ม ี
อุณหภูมติ ่ากว่าจุดเยือกแข็ง เมฆชัน้ นี้จงึ ประกอบด้วยผลึกน้าแข็ง การเรียกชือ่ จะใช้รากศัพท์ prefix ว่า Cirr- ได้แก่
เซอร์รสั (Cirrus, Ci) เซอร์โรสเตรตัส (Cirrostratus, Cs) เซอร์โรคิวมูลสั (Cirrocumulus, Cc)
2) เมฆชัน้ กลาง (Medium level) อยูท่ ร่ี ะดับความสูง 2,000 - 6,000 เมตร เมฆชัน้ นี้ประกอบด้วย
ละอองน้าและผลึกน้าแข็ง การเรียกชือ่ จะใช้รากศัพท์ prefix ว่า Alto- ได้แก่ อัลโตสเตรตัส (Altostratus, As) อัลโต
คิวมูลสั (Altocumulus, Ac)
3) เมฆชัน้ ต่า (Low level) ฐานของเมฆจะอยูท่ ร่ี ะดับต่ากว่า 2,000 เมตร องค์ประกอบของเมฆส่วน
ใหญ่เป็ นอนุภาคน้าเกือบทัง้ หมด ได้แก่ คิวมูลสั (Cumulus, Cu) สเตรตัส (Stratus, St)2 สเตรโตคิวมูลสั
(Stratocumulus, Sc) นิมโบสเตรตัส (Nimbostratus, Ns)
2
เมือ่ เมฆสเตรตัสลอยอยูร่ ะดับพืน้ ดิน จะเรียกว่า หมอก (Fog)
5) เมฆทีอ่ ยูเ่ หนือชัน้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์ (Extreme level) มีอยูด่ ว้ ยกัน 2 ชนิด อย่างทีน่ ้องๆ
เคยเจอมาแล้วในบทที่ 7 ได้แก่ เมฆมุก (Nacreous cloud) ในชัน้ บรรยากาศสตราโตสเฟียร์ และเมฆสุกใส
(Noctilucent cloud) ในชัน้ บรรยากาศมีโซสเฟียร์
3
คอนเทรล (Contrail) มองดูคล้ายเมฆ แต่ไม่ใช่เมฆ เกิดจากการบินของเครือ่ งบินไอพ่น ไอน้าซึง่ พ่น
ออกมาจากเครือ่ งบินไอพ่นมีอุณหภูมสิ งู เข้าปะทะกับอากาศเย็นภายนอก จะทาให้ไอน้าในอากาศเกิดการ
ควบแน่นเป็ นหยดน้าหรือผลึกน้าแข็ง มองเห็นเป็ นคอนเทรล
Q: 86. ข้อใดกล่าวถึงเมฆไม่ถูกต้อง
1. เมฆเกิดจากการควบแน่นของไอน้า
2. เมฆทุกชนิดก่อให้เกิดฝนตก
3. เมฆแบ่งได้หลายชนิดทัง้ ตามรูปร่างและระดับความสูง
4. มีเมฆบางชนิดทีอ่ ยูน่ อกชัน้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์
กระบวนการเกิ ดเมฆ
ทีม่ า : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/air-stability
4
กระบวนการทีอ่ ากาศมีการลอยตัวนี้ เรียกว่า การยกตัวของกลุ่มอากาศ (Air parcel)
5
ในชัน้ บรรยากาศโทรโพสเฟียร์ อุณหภูมจิ ะลดลงตามความสูงทีเ่ พิม่ ขึน้
6
เมือ่ อากาศทีร่ อ้ นเกิดการลอยตัว จะมีการคายความร้อนออกไปด้วย ส่งผลให้อณ ุ หภูมขิ องอากาศ
ลดลง เมือ่ อุณหภูมขิ องอากาศลดลงเท่ากับอุณหภูมขิ องสิง่ แวดล้อม อากาศจะหยุดลอยตัว แต่ถา้ หากอุณหภูม ิ
ของอากาศลดลงจนน้อยกว่าอุณหภูมขิ องสิง่ แวดล้อม อากาศจะจมตัวลง
7
จุดน้าค้าง (Dew point) คือ อุณหภูมทิ ไ่ี อน้าในอากาศเกิดการอิม่ ตัวและเริม่ ควบแน่นเป็ นหยดน้า
8
ทีร่ ะดับการควบแน่น ไอน้าจะควบแน่นบนอนุภาคของละอองลอย และกลายเป็ นหยดน้าขนาดเล็ก
9
ละอองลอยทีท่ าหน้าทีเ่ ป็ นแกนให้ละอองน้าควบแน่น เรียกว่า อนุภาคแกนกลางการควบแน่น (Cloud
condensation nuclei, CCN)
10
ไมครอน หรือ ไมโครเมตร มีขนาดเท่ากับ 10-6 เมตร หรือ 0.001 มิลลิเมตร
ุ หภูมิสงู
อากาศยกตัวเนื่ องจากมีอณ
ทีม่ า : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/air-stability
ั ยการยกตัวของกลุ่มอากาศ
Q: 107. ข้อใดไม่จดั เป็ นปจจั
1. ความร้อน 2. แม่น้า 3. ภูเขาสูง 4. การปะทะของลม
9.2.3 แนวปะทะอากาศ
11
มวลอากาศ (Air mass) หมายถึง ก้อนของอากาศทีม่ อี ณุ หภูมแิ ละปริมาณไอน้าในอากาศสม่าเสมอ
อาจกินพืน้ ทีบ่ ริเวณกว้างและคงสภาพได้ยาวนาน มวลอากาศมีคณ ุ สมบัตแิ ตกต่างกันไปตามแต่ละพืน้ ทีท่ ป่ี ก
คลุม แบ่งออกได้เป็ น 2 ชนิด คือ มวลอากาศเย็น (Cold air mass) และมวลอากาศอุน่ (Warm air mass)
9.2.4 เสถียรภาพของอากาศ
บอลลูนหยังอากาศ
่ (Radiosonde)
ทีม่ า : http://www.flickr.com/photos/laikolosse/4444151595/
71. แนวปะทะอากาศเกิดจากอะไร_____________________________________________________________
72. มวลอากาศ คืออะไร____________________________________________________________________
73. มวลอากาศแบ่งออกได้เป็ นกีช่ นิด อะไรบ้าง___________________________________________________
74. แนวปะทะอากาศมีขนาดประมาณเท่าไร_____________________________________________________
75. แนวปะทะอากาศมีกป่ี ระเภท อะไรบ้าง______________________________________________________
76. แนวปะทะอากาศอุน่ มีลกั ษณะเป็ นอย่างไร___________________________________________________
77. แนวปะทะอากาศเย็น มีลกั ษณะเป็ นอย่างไร___________________________________________________
78. แนวปะทะอากาศรวม มีลกั ษณะเป็ นอย่างไร__________________________________________________
79. แนวปะทะอากาศคงที่ มีลกั ษณะเป็ นอย่างไร__________________________________________________
80. เสถียรภาพของอากาศ หมายถึงอะไร_______________________________________________________
81. ลักษณะของอากาศมีเสถียรภาพเป็ นอย่างไร__________________________________________________
______________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________
82. อากาศมีเสถียรภาพจะพบได้ในช่วงเวลาใด___________________________________________________
83. ลักษณะของอากาศทีไ่ ม่มเี สถียรภาพเป็ นอย่างไร_______________________________________________
______________________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________________
84. อากาศทีไ่ ม่มเี สถียรภาพจะพบได้ในช่วงเวลาใด________________________________________________
85. อุปกรณ์ทม่ี ไี ว้ใช้ตรวจวัดเสถียรภาพของอากาศคืออะไร__________________________________________
90. เมฆทีม่ ลี กั ษณะเป็ นก้อน ลอยอยูท่ ค่ี วามสูงประมาณ 3,500 เมตร จัดเป็ นเมฆชนิดใด
1. คิวมูลสั 2. อัลโตคิวมูลสั 3. อัลโตสเตรตัส 4. สเตรโตคิวมูลสั
91. เมฆชนิดใดทีก่ อ่ ให้เกิดพายุฝน
1. นิมโบสเตรตัส 2. คิวมูโลนิมบัส 3. เซอร์โรสเตรตัส 4. ถูกทัง้ 1. และ 2.
92. เมฆชนิดใดทีก่ อ่ ตัวในทางตัง้ สูงขึน้ ไปได้หลายกิโลเมตร
1. สเตรตัส 2. นิมโบสเตรตัส 3. เซอร์โรสเตรตัส 4. คิวมูโลนิมบัส
93. เมฆเกือบทุกชนิดจะลอยอยูใ่ นชัน้ บรรยากาศใด
1. โทรโพสเฟียร์ 2. สตราโตสเฟียร์ 3. มีโซสเฟียร์ 4. เทอร์โมสเฟียร์
94. จากข้อ 93. เมฆชนิดใดทีอ่ ยูน่ อกเหนือชัน้ บรรยากาศดังกล่าว
1. เมฆมุก 2. เมฆสุกใส 3. คอนเทรล 4. ถูกทัง้ 1. และ 2.
95. ส้มสังเกตเห็นเมฆก้อนหนึ่ง มีลกั ษณะเป็ นแผ่นเรียงกันเป็ นชัน้ ๆ คาดว่าอยูส่ งู จากพืน้ ประมาณ x เมตร เมือ่ เวลา
ผ่านไป เมฆก้อนนี้จะมีระยะเชิงมุมเปลีย่ นไป 30 องศา เมฆก้อนนี้จะอยูห่ า่ งจากจุดทีเ่ ริม่ สังเกตเป็ นระยะทางขนาน
กับผิวโลกประมาณ 1,800 เมตร ค่า x ทีส่ ม้ ประมาณไว้ มีคา่ เท่าไร และเมฆทีส่ ม้ สังเกตเห็นคือเมฆชนิดใด
1. 1,030 เมตร, สเตรตัส 2. 2,060 เมตร, นิมโบสเตรตัส
3. 3,100 เมตร, อัลโตสเตรตัส 4. 5,400 เมตร, เซอร์โรสเตรตัส
96. คอนเทรลเกิดขึน้ จากสาเหตุใด
1. ไอน้าจากเครือ่ งบินไอพ่นปะทะกับอากาศเย็นภายนอก
2. ไอน้าจากเครือ่ งบินไอพ่นปะทะกับอากาศร้อนภายนอก
3. เครือ่ งบินไอพ่นบินเสียดสีกบั อากาศภายนอก
4. ควันทีอ่ อกมาจากเครือ่ งบินไอพ่น
97. เมฆชนิดใดมักพบบริเวณยอดเขาสูง เกิดจากการยกตัวของอากาศเมื่อชนกับภูเขา
1. เมฆรูปเห็ด 2. เมฆรูปจานบิน 3. เมฆลูกคลื่น 4. แมมมาทัส
98. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกีย่ วกับกลไกการยกตัวของอากาศ
1. โลกได้รบั ความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทาให้อากาศร้อนยกตัวสูงขึน้
2. ขณะทีอ่ ากาศร้อนยกตัวสูงขึน้ จะคายความร้อนไปด้วย เมือ่ อุณหภูมลิ ดลงถึงจุดๆ หนึ่ง ก็จะหยุดยกตัว
3. ถ้าเมฆยกตัวถึงระดับการควบแน่นแล้ว แต่อณ ุ หภูมยิ งั สูงเกินไป ก็จะยกตัวขึน้ ต่อไป
4. ถูกทุกข้อ
99. ถ้าหากอุณหภูมขิ องอากาศลดลงต่ากว่าอุณหภูมขิ องสิง่ แวดล้อม จะเกิดอะไรขึน้
1. กลุ่มอากาศจะยกตัวต่อไป 2. กลุ่มอากาศจะลอยหยุดกับที่
3. กลุ่มอากาศจะจมตัวลง 4. กลุ่มอากาศจะสลายไป
100. ข้อใดเป็ นผลผลิตทีไ่ ด้จากการควบแน่นของไอน้า
1. ละอองน้า 2. หยดน้า 3. เกล็ดน้าแข็ง 4. ถูกทุกข้อ
101. อนุภาคแกนกลางการควบแน่นได้มาจากสิง่ ใด
1. เถ้าภูเขาไฟ 2. เกสรดอกไม้ 3. เขม่าควัน 4. ถูกทุกข้อ
102. ทีร่ ะดับการควบแน่น กลุม่ อากาศจะมีอณ ุ หภูมลิ ดต่าลงจนเท่ากับอุณหภูมขิ องสิง่ แวดล้อม อุณหภูมดิ งั กล่าวมี
ชือ่ เรียกว่าอะไร
1. จุดน้าค้าง 2. จุดน้าค้างแข็ง 3. จุดการควบแน่น 4. จุดเปลีย่ นสถานะ
103. ข้อใดเรียงลาดับขนาดของอนุภาคทีเ่ กิดระหว่างการควบแน่นจากเล็กไปหาใหญ่ได้ถกู ต้อง
1. ละอองลอย หยดน้าฝน ละอองน้า 2. ละอองลอย ละอองน้า หยดน้าฝน
3. ละอองน้า ละอองลอย หยดน้าฝน 4. หยดน้าฝน ละอองลอย ละอองน้า
104. ข้อใดเป็ นปจั จัยทีท่ าให้ละอองน้าในเมฆเกิดการเปลีย่ นแปลงขนาดได้
1. การควบแน่นซา้ หลายครัง้ 2. การชนกันบ่อยครัง้
3. ความปนป ั ่ ว่ นของกระแสลม 4. ถูกทุกข้อ
105. แรงชนิดใดเป็ นปจั จัยทีท่ าให้ละอองน้าลอยตัวหรือตกลงมาเป็ นฝน
1. แรงโน้มถ่วง 2. แรงลอยตัว 3. แรงเสียดทาน 4. ถูกทัง้ 1. และ 2.
106. การกระทาระหว่างแรงเป็ นแบบใดทีท่ าให้เกิดฝนตก
1. แรงโน้มถ่วงมากกว่าแรงลอยตัว 2. แรงลอยตัวมากกว่าแรงโน้มถ่วง
3. แรงลอยตัวมากกว่าแรงเสียดทาน 4. แรงโน้มถ่วงน้อยกว่าแรงเสียดทาน
107. ข้อใดไม่จดั เป็ นปจจั ั ยการยกตัวของกลุ่มอากาศ
1. ความร้อน 2. แม่น้า 3. ภูเขาสูง 4. การปะทะของลม
108. บริเวณด้านหลังของภูเขาทีม่ กี ารปะทะกับกระแสลมจะมีลกั ษณะเป็ นอย่างไร
1. มีฝนตกหนัก แต่ไม่บ่อย 2. มีฝนตกไม่หนัก แต่ตกบ่อยมาก
3. มีฝนน้อยมาก 4. มีอากาศแปรปรวน มีพายุขนาดใหญ่
109. จากข้อ 108. บริเวณดังกล่าวมีชอ่ื เรียกว่าอะไร
1. เขตหลังเขา 2. เขตเงาฝน 3. เขตสลาลม 4. เขตต้นน้าใส
110. เมฆชนิดใดทีม่ กั พบเห็นคูก่ บั การยกตัวของกลุ่มอากาศโดยการเปลีย่ นแปลงภูมปิ ระเทศ
1. แมมมาทัส 2. สเตรโตคิวมูลสั 3. เมฆรูปเลนส์ 4. เมฆมุก
111. ตามปกติแล้ว เมือ่ อากาศอุน่ กับแนวอากาศเย็นเข้ามาปะทะกันจะเป็ นอย่างไร
1. อากาศอุน่ อยูเ่ หนืออากาศเย็น 2. อากาศเย็นอยูเ่ หนืออากาศอุน่
3. ไม่มอี ากาศชนิดใดกินกันลง 4. สรุปไม่ได้
112. แนวปะทะอากาศหมายถึงส่วนใดของมวลอากาศ
1. มวลอากาศเย็น 2. มวลอากาศอุน่ 3. รอยต่อของมวลอากาศ 4. ถูกทัง้ 1. และ 2.
113. โดยส่วนใหญ่แล้ว แนวปะทะอากาศจะมีความกว้างอยูใ่ นช่วงใด
1. 15 - 60 กิโลเมตร 2. 60 - 150 กิโลเมตร 3. 150 - 400 กิโลเมตร 4. 400 - 2,000 กิโลเมตร
บรรณานุกรม
www.wikipedia.org
www.lesa.biz