Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 50

อยู่ร่วมทิน

kalyanamitra.org
อยู่ร่วมกันอย่างมีดวามสุข

พระธรรมเทศนาของ พระเผด็จ ทัตตชีโว

เรียบเรียงและจัดพิมพ์โดย

ฝายวิชาการ วัตพระธรรมกาย
พิมพ์ครั้งที่ 9 กรกฎาคม ๒๕๓๓

ISBN 974-514-082-1

ราคาจำหน่าย ๒0 บาห

สั่งซื้อได้ที่ ะ
- บานหนูแค้ว ๘'จ ถ.สี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม บางรัก

กรุงเทพฯ 90๕00 โหร. เอ(ท๕’-00)๔0-9


- ๕O)/a)O) ข.อุทัยรัตน ถ.ประติพัทธ์ ถามเถนใน พญาไท
กรุงเทพฯ 90๔00 โทร. ๒ต/๙-90)0๙

รายได้ถมทบทุนการศึกษาค้นคาาธรรมะในพระพุทรถาถนา
สงวนลิขสิทธํ่

kalyanamitra.org
อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

พระธรรมเทศนาของ พระเผด็จ ทัดตชีโว

รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

เทศน์ให้กับพนักงานศูนย์ปฏิบ้ติการก๊าชชลบุรี

การปีโตรเลียมแห่งประเทศไทย
วันพุธ ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒

kalyanamitra.org
คำนำ

พระเผด็จ ทตฺตซ็โว หรือหลวงพ่อทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส

วัดพระธรรมกาย ได้รับนิมนต์จากการปีโตรเลียมแห่งประเทศไทย ไป
เทศน์ให้พนักงานศูนย์ปฎิบ้ติการก็า'ชชลบุรี เมื่อวันพุธ ที่ ๘ กุมภาพันธ์
๒๕๓๒ เพื่อให้ธรรมะแก่พนักงานของศูนย์ฯ ให้พนักงานเหล่านั้นทำงาน

ร่วมกันอย่างมีความสุข มีความรักใคร่สามัคคีปรองดอง มีความเป็น


นั้าหนึ่งใจเดียวกัน และดั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดย

ส่วนรวม
ในโอกาสนั้น หลวงพ่อทัดตชีโว ได้นำธรรมะหัวข้อ ลังคหวัตถุ

ไปเทศน์ขยายความ โดยปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตในการทำงานของพนักงาน
ดังกล่าว ขีงบรรดาพนักงานรวมทั้งผู้บังคับบัญชาทั้งหลายที่เข้าฟัง
ในครั้งนั้นด่างให้ความสนใจ ชักถาม และตอบคำถามอย่างเป็นที่พอใจ

และเข้าใจ
ฝ่ายวิชาการ วัดพระธรรมกาย เห็นว่า หัวข้อธรรมดังกล่าว
มีความน่าสนใจแก่ประชาชนผู้อ่านทั้วไป เพราะหากผู้ใดปฏิบ้ติธรรม
ดังกล่าวนี้เป็นประจำสมื่าเสมอแล้ว เขาผู้นั้นย่อมเป็นที่รักที่เคารพและ
ที่เกรงใจของบุคคลทุกชั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน

หรือแมัแต่ผู้เป็นนาย รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย จึงปรารถนา


อย่างยิ่งที่จะให้ห่านทั้งหลายได้อ่าน ได้เข้าใจชาบขึ้ง และปฏิบติธรรม
ข้อนี้กันเป็นปกติวิสัยตลอดไป

ฝายวิชาการ วัดพระธรรมกาย

kalyanamitra.org
สารบณ

อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ๗
ปัญหาในการหำงาน o'
ประการที่ ๑ ขาดงบประมาณ-ขาดอุปกรณ์ ๑๒

‘ปีกนิสัยในการให้เสียก่อน ซิ๖
สิ่งที่ทำให้นิสัยของคนเสีย ๒0

สุรา ๒๐
นาร ๒0
พาชี ๒0

กีฬาบัตร ๒๑
ประการที่ ๒ ขาดกำลังใจ ๒๓

วิธีติคน ๕ ประการ ๒๖
รักจริงจึงเตือน ๒๗
ประการที่ ๓ ขาดกำลัง ๓0
ประการที่ ๔ ขาดความปลอดภัย ๓๔

สัจจะ ๓๔
จริงต่อหน้าที่ ๓๔

จริงต่อการงาน ๓๘
จริงต่อเวลา ๓๙
จริงต่อบุคคล €ภ๙

kalyanamitra.org
ตเ

อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุช

เจริญพร ท่านผู้.'อำนวยการศูนย์ปฏิบํติการก๊าชชลบุรี และ


พนักงาน ม่ตท.ทุกท่าน ลำหรับการบรรยายรรรมในวันนี้ ถือเป็นเรื่อง
พื้นฐานชึ่งพวกเรามี'ความจำเป็นจะต้องรู้ เพราะตลอดชีวิตคนเรา เรา

พู่กับคน จะไต้ดิบไต้ดีก็เพราะคน จะเลียหายก็เพราะคน จะมีลุขมี'ทุกข์


ก็เพราะคนทีเราอยู่ร่วมกัน รวมทั้งต้วิของเราเองต้วย

ดังนั้น วุ้นนี้ อาตมาจะขอนำเรื่องเกี่ยวกับคนมาให้พวกเรา

ศึกษาเพื่อความอยู่ร่วมก้นอย่างเป็นสุข คนๆแรกคึอ ตัวเราเอง 'เมใช่ใคร


อาตมาขอม่ากข้อคิดไว้นิดหนึ่งว่า ไม่ว่าหัวข้อธรรมะนั้น
จะยกอะไรขึ้นมา ขอให้พยายามนึกถึงตัวเองก่อนว่า... เรามีหรือขาด

คุณธรรมข้อนั้นมากน้อยเพียงไร ส่วนคนอื่นจะมีคุณธรรมมากน้อย
เพียงไรนั้น เอาไว้เป็นอันดับที่ ๒ อันดับที่ ๓ ก็แล้วกัน ขอให้ดูที่ดัวเราเอง
ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นให้ดูคนที่อยู่ใกล้เดียงกับเรามากที่สุด คือ
สามี-ภรรยาหรือพ่อแม่พื่น้องในบ้านของเรา นั้นในแง่ของส่วนตัว และ
ในแง่ของส่วนรวมคือ ผู้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิดกับเรา ลูกน้องที่ใกล้ชิด
กับเรา รามทั้งเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิดกับเรา

kalyanamitra.org
ส่วนที่ห่างออกไปนั้นอย่าเพิ่งไปสนใจมากนัก เพราะว่าถ้าเรา
ได้ดูจากตัวเราเองไปก่อนแล้ว คนใกล'ชิดอื่น ๆ นอกนั้น พอจะอนุโลม

กันไปได้ ถ้าเรามัวแต่ไปมองจากข้างนอกแล้วย้อนเข้าหาตัว เราจะเรี่ม

หลงทิศทาง แต่ถ้าเรามองจากตัวเราก่อน แถ้ามองออกไปยังคนข้างเคียง


และข้างนอก เราจะไม่พลาดนะ
สำหรับการที่เราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ทั้งนอก
เวลางานและในเวลางานนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงมีชัอ
แนะนำไว้อยู่หลายแง่มุมด้วยกัน แต่สำหรับวันนี้จะขอพูดเพียงแง่มุมเดียว
ก่อน คือแง่มุมการทำงานของพวกเรา เรามีทั้งเพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับ

บัญชา ผู้ใด้บังคับบัญชา พร้อมกันไปในตัวเสร็จ นั้นในเวลาทำงาน


ส่วนนอกเวลางานอาจจะมีเพื่อนบ้านใกล้,เรือนเคียง แต่ว่า
ยังไง ๆ คนที่อยู่ด้วยกัน เมื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งในหมู่คณะห่าสี่งใดลง

ไปแถ้ว ก็จะมีผลส่งไปถึงคนข้างเคียง แมีใม่มากก็มีส่วน

kalyanamitra.org

ปัญหาในการทำงาน

ขอให้พวกเราลองสำรวจตํวเอ’งนิดหนึ่ง ในเวลาที่เราทำงาน
ปัญหาที่เราพบบ่อย ๆ น่ะมีอะไรบ้าง ข่วยนึกกันคนละขัอขิ แล้วเที่ยว

เราจะรู้ว่า ปัญหาเหล่านั้น พระสัมมาสัมพุทฐเล้าได้เตรียมแก้ไว้ให้พวกเรา


ตั้งสองพันกว่าปีมาแล้ว ข่วยคิดกันนะ

คุณโยม : ลูกน้องไม่เป็นไปตามความดองการ
หลวงพ่อ : พูดง่าย ๆ ลูกน้องไม่ให้ความร่วมมือ
คุณโยม : ลูกน้องหำงานผิดพลาด
คุณโยม : ผู้บังคับบัญชาไม่เข้าใจลูกน้อง
คุณโยม : เราไม่เข้าใจคนอื่น
คุณโยม : คนอื่นไม่เข้าใจเรา

หลวงพ่อ : เอ้า คุณโยม


คุณโยม : พูดกันไม่รู้เรื่อง
หลวงพ่อ .’พูดไม่รู้เรื่องมือยู่ Is อย่างนะ คือพูดไม่รู้เรื่อง
หรือฟังไม่รู้เรื่อง กันนี้เป็ดใจมาคุยกัน ป็ญหา

kalyanamitra.org
<9๐

ทีเจอมีอะไรอ้าง มันขาดอะไร•บางหนอ เวลา


ทำงานเท่าทีรู้สึก บางทีเอ๊ะ... ก็ว่าพูดรู้'เรื่องแล้ว

แต่มันขาดอะไรไป
คุณใยม : ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
หลวงพ่อ : ไม่ใช่คนอื่นด้วยนะ อ้อ! นึกว่าใคร

คุณโยม : ไม่เคารพลิหริกัน
คุณโยม : ไม่เข้าใจตัวเอง
หลวงพ่อ : รมม!! ตรงนี้ลำตัญที'เดียว
คุณโยม : ลูกน้องขี้เกียจ ทำงานคั่งด้าง

คุณโยม : ไม่ค่อยพูด ทั้ง ๆ ที่รู้'เรื่อง

คุณโยม : กีอตัวเข้าหากัน
คุณใยม : งานขี้าข้อน

คุณโยม : ไม่รักเพื่อนร่วมงาน

เอาละเหล่านี้คือปัญหาโดยคร่าว ๆ แล้วเดี๋ยวเราจะย้อนมาดู
ในการอยู่ร่วมกันโดยความตองการขั้นพื้นฐาน พระสัมมา

สัมพุทธเจ้าไต้ทรงพบสิ่งที่เป็นด้นเหตุแห่งความไม่เข้าใจกันก็ดี ด้นเหตุ
แห่งการกระทบกระทั่งกันก็ดี จนกระทั่งเกิดเป็นผลอย่างที่เราได้กล่าว
กันมาทั้งหมดนี้

ทั้งหมดที่เรากล่าวกันมานั้น เป็นผลจากความไม่เข้าใจ
ขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่เป็นตัวด้นเหตุ แต่ว่าเป็นผล

ตัวต้นเหตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงชี้เอาไถ้ขัดเจนว่า


มีอยู่ ๔ ประการใหญ่ ๆ ด้วยกัน ถ้าแก้ไข ๔ ประการนี้ได้แล้ว อย่างอื่น

มันจะคลายตัวลงไปได้เยอะทีเดียว

kalyanamitra.org
รึ)รึ)

สี่ประการที่มักจะขาดในการทำงาน มีอะไรบ้าง

<ร์>. ขาดงบประมาณ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใขต่าง ๆ

Is. ขาดกำลังใจ

๓. ขาดกำลัง
๔. ขาดความปลอดภัย

ซึ่งทั้ง ๔ ประการนี้ล้วนมีสาเหตุทั้งสิ้น ล้าจับสาเหตุได้แล้ว

เราจะพบว่ามันเรื่องเล็กน้อยทั้งนั้นเลย แต่หากเราจับสาเหตุไม่ได้ จะ

กลายเป็นบานปลายกันใหญ่ จนกระทั้งมีหลาย ๆ แห่งถึงกับเดินขบวน

กันบ้าง ถึงกับสไตรค์กันบ้าง ถึงกับทะเลาะเบาะแว้งมีการห่าร้ายกันบ้าง


เรามาดูกันขิว่า อะไรที่ห่าใบ้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา

kalyanamitra.org
ประการที่ ๑
ขาดงบประมาณ-ขาดอุปกรณ์

กรณีที่ขาดงบประมาณก็ดี ขาดอุปกรณ์ก็ดี รวมจนกระทั่ง


ขาดแคลนสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในสำนักงาน ขอถามตรงนี้นิดหนึ่ง
เอาเรื่องส่วนตัวก่อน
เคยมีบ้างไหม เพียงแค่หนังสือสักเล่มหนึ่ง เราไปอ่านหนังสือดี ๆ
มา มีความรู้สึกว่า แหม... หนังสือเล่มนี้ดีจริง ๆ แล้วเรามีเพื่อนของเรา
ที่สนิท ๆ กันอยู่ เราก็บอกว่า นี่แน่ะเธอ ฉันได้หนังสือเล่มนี้มาดีจริง ๆ
เลย ข่ายเอาไปอ่านทีเถอะ เพื่อนก็ไม่ค่อยว่าง เราก็ยังพูดให้เขาไปอ่าน

“เอาน่า ถึงไม่ว่างก็แบ่งเวลา ปลีกเวลาอ่านเถอะน่า” เขาไม่มีเวลาเรา


ยังคะขั้นคะยอให้เขาอ่าน
แด่ในเวลาเดียวกัน เพื่อนอีกคนหนึ่งรู้ว่าเรามีหนังสือดี ๆ
ก็มาขอยืม แต่เราไม่ให้ชะอย่างนั้นแหละ เคยมีอาการอย่างนี้บ้างไหมล่ะ
แบ้กระทั่งแค่เครื่องพิมพ์ดีด ชึ่งไม่ใข่ของส่วนตัว ก็ใช้ร่วมกันอยู่นี่แหละ
ช้างแผนกเขาเกิดติดขัดขึ้นมา มาขอยืมเครื่องพิมพ์ดีด ชักไม่อยากจะให้

ปฏิเสธได้ปฏิเสธเลย ถ้าปฏิเสธไม่ได้ จนใจจริง ๆ ก็ให้ไปอย่างเสียไม่ได้


หรือแบ้แต่คีม แบ้แต่ค้อน แบ้แต่ไขควงยังไม่อยากจะให้เลย โถ...ค้อน
นะ ใช้แล้วมันจะสึกหรอสักแค่ไหนเขียว

kalyanamitra.org
G)O)

บางคนมาเอ่ยปากขอยืม รีบให้ เอาไปเลย หรือเขายังไม่ทัน


เอ่ยปาก พอรู้ว่าเขาขาด ไปคว้ามาให้เขาเลย แต่พออีกคนมาขอยืม รีบ
ปฏิเสธ“ยังไม่ว่างเดี๋ยวจะใขั”โธ่เอ๊ย...สมบ้ติแค่ค้อน อย่าว่าแต่พวกเรา
เลย พระก็ยังเป็น เพราะท่านยังไม่หมดกิเลส ไม่น่าเชื่อ แต่ว่ามันเป็นนะ

พระไตร'ปิฎกที่กราบอยู่ทุกวนนี่แหละ ก็อ่านก็ถนอม บาง

องค์มาขอยืมไม่ให้ หัวเด็ดตีนขาดพูดได้คำเดียวว่า “ไม่ให้” พระไตร'ปิฎกน่ะ

ธรรมะเล่มสำคัญเขียว ถาเราไปจับตรงแค่ปลายเหตุว่า แหม...ขนาด


พระไตร'ปิฎกยังไม่ให้กันนี่ คงต้องรี้อวัดแบ่งกันละมั้ง หรือท่างานอยู่

ที่เดียวกัน เพียงแค่ค้อนแค่ไขควงยังไม่ให้ยืม แลวจะอยู่กันยังไง คง


ต้องแบ่งบริษัทกันละมํ้ง
ด้ามองออกไปข้างนอกตัวเราก็จะมีความรู้สึกอย่างว่า คน ๆ นี้น่ะ

ช่างไม่เข้าท่าเสียเลย แด่ว่ามันมีเหตุอยู่ ๒ อย่าง คือ

kalyanamitra.org
9๔

เหตุอย่างที่ ๑ ของมันขาดแคลนจริง ๆ บางครั้งของใช้

ในที่ทำงานขาดแคลน เพราะงบประมาณขาดแคลนจริง ๆ ไม่รู้จะไป


เอาที่ไหน

เหตุอย่างที่ ๒ ของน่ะมันมีอยู่ แต่ว่าจะหยิบจะยืมอะไร

กันไม่ได้ ด้อนก็เห็นวางอยู่โทนโท่ พิมพ์ดีดก็เห็นอยู่โท่นโท่ แต่ว่าไม'


สามารถเอามาใช้ได้

ถามว่าของมีไหม “มี” แต่ในที่สุดก็กลายเป็นของขาดแคลน


เพราะเอามาใช้เม,ได้ เครื่องมือเครื่องใช้สำนักงานต่าง ๆ เวลาที่ขาดแคลน
ขึ้นมาแล้ว อย่ามองแต่เพียงว่ามันขาด แด่ขอให้มองว่าทำไมมันถึงขาด

ด้วย
ในกรณีที่เกิดขึ้นอย่างนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรง

สอนให้มองย้อนกลับเช้ามาหาตัวเองกันใท้ดี ห้าของนั้นมีอยู่ แด่ว่าเอา

มาใช้ไม่ได้ มันกลายเป็นขาดไป พิมพ์ดีดก็เห็นอยู่ หนังสือก็เห็นอยู่ แต่ว่า


เอามาใช้ไม่ได้ พระองค์ทรงสอนว่า อย่าเพี่งมองไปที่คนอื่น ให้มองมา
ที่ตนเองชิว่า นิสัยของเราดีแด่ไหน ห้านิสัยของเราดีจริง ของที่กอง
อยู่ตรงหน้าเรา น่าที่จะเอามาใช้ได้

ทำไม... แค่หนังสือที่เรามีอยู่ บางคนเราอยากให้ยืม แต่บางคน

ไม่อยากให้ยืม ก็จะให้ยืมทำไมล่ะ เอาหนังสือของเราไปแล้วถึงเวลา


ก็ไม่คืน ด้องตามไปทวง หรือว่าคืนเหมือนกัน แต่ไม่ตรงเวลา “ขอยืม
เดียว” อีกตั้ง๓วันถึงเอามาคืน เดี๋ยวชนิดนี้ใช้ไม่ได้ บางคนยืมของ

ไปใช้ไม่สมกับงาน บางคนยืมไปใช้ เหลียวชัายแลขวาหาไขควงไม่ได้


เอาปลายมีดแทนไขควง แล้วก็เอามีดเยิน ๆ มาคืนเรา มันน่าให้ยืมไป
ใช้ไหมล่ะ

kalyanamitra.org
<9๕

จึงขอฝากพวกเรา ครั้งใดของใช้มีอยู่แต่ว่าไปหยิบยืมจากใคร

ไม่ได้ ขอให้ย้อนกลับมาดูนิสัยของเราเองว่าเป็นอย่างไร ให้มาเทียบกับ


ตัวเราเองก่อน เพราะว่าถ้าใครที่นิสัยไม่ดีมาขอยืมของเรา เราก็ไม่อยากให้
เพราะฉะนั้น ครั้งไหน ถ้าเราไปยืมของใครแล้วเขาไม่อยากให้ ขอให้ดู
ที่นิสัยของเราก่อน มาตรวจดูดรงนี้ก่อน อย่าเพี่งไปโกรธเขา เมื่อตรวจดู

ตัวเองแล้ว พบว่านิสัยของเราก็ดี จะหยิบจะยืมของใครก็คึนตรงกำหนด


ไม่ทำของเขาเสียหาย แล้วเวลาไปยืมทำไมถึงไม่ได้

ก็พูดได้อย่างเดียวว่า คุณคนนั้น... ขํ่เหนียวใจชาตเลย ถ้า

อย่างนั้นไม่ใข่ความผิดของเรา ความผิดอยู่ที่เขา แต่คนส่วนมากเมื่อ


ไปยืมของเขาแล้ว เขาไม่ให้ มักจะโยนความผิดไปให้คนอื่น อย่าเพี่งนะ
ถ้าไปโยนความผิดให้กันง่าย ๆ แล้วละก็ คนทั้งโลกผิดหมด เห็นมีดีอยู่
คนเดียว ใคร? ตัวเอง อาดมาขอฝากไว้ตรงนี้ก่อน

กรณีของมีใช้ แต่ว่าเอามาใช้ประโยชน์ไม่ได้ ให้ดูเรื่อง


นิสัยอย่างหนึ่ง เรื่องของความขี้หวง ตระหนี่อย่างหนึ่งที่มีอยู่ในตัว
บุคคล ความจริงยังมีเรื่องอื่นอีก นอกจากเรื่องนิสัย เรื่องความขี้หวง

คืออาจเป็นเพราะระเบียบจู้จี้รัดกุมจนเกินไปจนกระดิกอะไรไม่ได้
กรณีนี้ถ้าเราเป็นผู้น้อยแกยากหน่อย เป็นเรื่องต้องไปปรึกษาผู้บังคับ

บัญชากันแล้ว

kalyanamitra.org
9๔

เหตุอย่างที่ ๑ ของมันขาดแคลนจริง ๆ บางครั้งของใชั

ในที่ทำงานขาดแคลน เพราะงบประมาณขาดแคลนจริง ๆ ไม่รู้จะไป


เอาที่ไหน

เหตุอย่างที่ ๒ ของน่ะมันมีอยู่ แต่ว่าจะหยิบจะยืมอะไร

กันไม่ได้ ค้อนก็เห็นวางอยู่โทนโท่ พิมพ์ดีดก็เห็นอยู่โท่นโท่ แต่ว่าไม่


สามารถเอามาไข้ได้

ถามว่าของมีไหม “มี” แด่ในที่สุดก็กลายเป็นของขาดแคลน


เพราะเอามาใช้ไม่ได้ เครื่องมือเครื่องใช้สำนักงานต่าง ๆ เวลาที่ขาดแคลน
ขึ้นมาแล้ว อย่ามองแด่เพิยงว่ามันขาด แด่ขอให้มองว่าทำไมมันถึงขาด

ด้วย
ในกรณีที่เกิดขึ้นอย่างนี้ พระสัมมาสัมพุทธเล้าท่านทรง

สอนให้มองย้อนกลับเข้ามาหาตัวเองกันใหัดี ล้าของนั้นมีอยู่ แต่ว่าเอา

มาใช้ไม่ได้ มันกลายเป็นขาดไป พิมพ์ดีดก็เห็นอยู่ หนังสือก็เห็นอยู่ แต่ว่า


เอามาใช้ไม่ได้ พระองค์ทรงสอนว่า อย่าเพี่งมองไปที่คนอื่น ให้มองมา
ที่ดนเองชิว่า นิสัยของเราดีแค่ไหน ล้านิสัยของเราดีจริง ของที่กอง
อยู่ตรงหน้าเรา น่าที่จะเอามาใช้ไต้

ทำไม... แค่หนังสือที่เรามีอยู่ บางคนเราอยากให้ยืม แ เบางคน

ไม่อยากให้ยืม ก็จะให้ยืมทำไมล่ะ เอาหนังสือของเราไปแล้วถึงเวลา


ก็ไม่คืน ต้องตามไปทวง หรือว่าคืนเหมือนกัน แต่ไม่ตรงเวลา “ขอยืม
เที่ยว” อีกตั้ง๓วันถึงเอามาคืน เที่ยวขนิดนี้ใช้ไม่ได้ บางคนยืมของ

ไปใช้ไม่สมกับงาน บางคนยืมไปใช้ เหลียวช้ายแลขวาหาไขควงไม่ได้


เอาปลายมีดแทนไขควง แล้วก็เอามีดเยิน ๆ มาคืนเรา มันน่าให้ยืมไป
ใช้ไหมล่ะ

kalyanamitra.org
9๕

จึงขอฝากพวกเรา ครั้งใดของใชัมีอยู่แต่ว่าไปหยิบยืมจากใคร

ไม่ได้ ขอให้ยอนกลับมาดูนิสัยของเราเองว่าเป็นอย่างไร ให้มาเทียบกับ


ตัวเราเองก่อน เพราะว่าห้าใครที่นิสัยไม่ดีมาขอยืมของเรา เราก็ไม่อยากให้
เพราะฉะนั้น ครั้งไหน ห้าเราไปยืมของใครแห้วเขาไม่อยากให้ ขอให้ดู
ที่นิสัยของเราก่อน มาตรวจดูตรงนี้ก่อน อย่าเพิ่งไปโกรธเขา เมื่อตรวจดู

ตัวเองแห้ว พบว่านิสัยของเราก็ดี จะหยิบจะยืมของใครก็คืนตรงกำหนด


ไม่ทำของเขาเสียหาย แห้วเวลาไปยืมทำไมถึงไม่ได้

ก็พูดได้อย่างเดียวว่า คุณคนนั้น... ชี้เหนียวใจขาดเลย ห้า

อย่างนั้นไม่ใข่ความผิดของเรา ความผิดอยู่ที่เขา แด่คนส่วนมากเมื่อ


ไปยืมของเขาแห้ว เขาไม่ให้ มักจะโยนความผิดไปให้คนอื่น อย่าเพิ่งนะ
ห้าไปโยนความผิดให้กันง่าย ๆ แห้วละก็ คนทั้งโลกผิดหมด เห็นมีดีอยู่
คนเดียว ใคร'? ตัวเอง อาตมาขอฝากไว้ตรงนี้ก่อน

กรณีของมีใชั แต่ว่าเอามาใช้ประโยชน์ไม่ได้ ให้ดูเรื่อง


นิสัยอย่างหนึ่ง เรื่องของความขี้หวง ตระหนึ่อย่างหนึ่งที่มีอยู่ในตัว
บุคคล ความจริงยังมีเรื่องอื่นอีก นอกจากเรื่องนิสัย เรื่องความขี้หวง
คืออาจเป็นเพราะระเบียบจู้จี้รัดกุมจนเกินไปจนกระดิกอะไรไม่ได้
กรณีนี้ห้าเราเป็นผู้น้อยแห้ยากหน่อย เป็นเรื่องด้องไปปรึกษาผู้บังคับ

บัญชากันแห้ว

kalyanamitra.org
G)\>

ฝ็กนิสัยในการให้เสียก่อน

ด้วยเหตุนี้ พระสัมมาส้มพุทธเจ้าจึงทรงสอนไว อาตมา

ขอฝากกับทุก ๆ คนไว้เลย ให้ฝักนิสัยในการให้ของตนเองไว้เสียตั้งแต่


วันนี้ว่า มีอะไรก็แบ่งปันกัน ล้าพูดภาษาพระก็เรียกว่า ทาน เพาะนิสัย
ตรงนี้กันไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นจะมีปัณหาว่า ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าแล้วเอ็ง

อย่าโวยนะ และล้าในที่ทำงานมีคนนิสัยอย่างนี้มาก ๆ ผู้ที่ปวดหัวมาก


ที่สุดก็คือ ผู้บังคับบัญขานั้นแหละ

ปูย่าตาทวดของเราได้ปลูกฝังนิสัยการใหัปันมาตั้งแต่เล็ก ๆ
แล้ว คือ เช้าขนมาก็สอนให้ใส่บาตร นั้นคือการปูนิสัยการให้ปันโดย

วิธีการของบรรพบุรุษ
ในเวลาเดียวกัน เราก็ปัองกันตัวเราเองด้วยการ ‘ฝักjmยให
ไว้ให้ดี เพราะเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สิ่งที่น่ากลัวมีอยู่อย่างหนึ่งคือ

kalyanamitra.org
9ต)

ไม่ค่อยมีใครกล้าดักเตือนมารยาทใคร ไม่มีใครกล้าสอนมารยาทให้กัน
เพราะฉะนั้น ใครที่เป็นพ่อเป็นแม่คนแล้วรีบ่นืกลูกตัวเองเรื่องมารยาท

ให้ดี แล้วในเวลาเดียวกัน ผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชา นอกจากท่านจะทำงาน


ของท่านแล้ว อาตมาก็ขอฝากไวว่า นอกจากเรื่องงานแล้ว ท่านบังมี
หน้าที่สอนมารยาทให้ลูกน้องอีกด้วยนะ ใช่... โต ๆ ด้วยกันแล้วสอน

มารยาทนี่อึดอัดนะ เคืองกันด้าย แต่ว่ามันก็ด้องสอน!

อาตมาเองไม่ได้คิดว่าจะต้องมาสอนมารยาทให้ใคร เพราะ
เมื่อก่อนบวชก็ไม่ใช่คนมีมารยาทดีงามอะไรหนักหนา ก็ลูกทุ่ง แต่เมื่อ
มาบวชแล้วต้องมารับหน้าที่ปกครองภายในวัด ปรากฏว่างานประจำ
ที่เป็นอยู่ขณะนิ้ เพื่อให้พระภิกษุและสามเณรในวัดปรองดองกันด้วยดี

ไม่กระทบกระทั่งกัน เพื่อให้ญาติโยมที่มาวัดรักใคร่กลมเกลียวกัน
นึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องมามั่ง■ป็กมารยาทกันจนทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น
โปรดอย่ามองม่านเลยไป เพราะล้ามองม่านตรงนี้ งานสะดุดไปเท่าไหร่

เราก็ไม่รู้

ก็แค่ขอยืมเครื่องพิมพ์ดีดใช้สักนิดยังไม่ให้ ถามว่าเป็นสมบ้คิ

ของเราไหม
“ไม่ใช่”
“แล้วของใคร”

“ของบริษัท”
“แล้วทำไมไม่ให้เขาล่ะ”
“หมั่นไล้มัน ไม่ขอบหน้ามัน”
แค่หมั่นไล้กันเท่านั้นนะ งานของบริษัทสะดุดไปเท่าไหร่
เพราะฉะนั้น วันนี้ช่วยสำรวจตัวเองด้วยนะว่า

kalyanamitra.org
6)๘

9. เราเป็นคนมีนิสัยดีหอสมควรแก่งานของเราแล้วหรื'อยัง
เอ. เราเป็นคนงก หวงสมปติเกินไปหรือเปล่า

เหล่านี้เป็นเรื่องของมีใชั แต่ว่าท่าจนไม่มีจะใข้กัน แต่บางที


อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใชัไม่มีจริง ๆ ในกรณีที่ของไม่มีอย่างนี้ในทิ่

ทำงาน ก็คงต้องเป็นภาระของผู้บังคับบัญชาจะต้องไปขวนขวายหามาให้
ทั้งงบประมาณและอุปกรณ์ แด่ไม่ไต้หมายความว่าจะได้ของทุกอย่าง
ตามที่เราปรารถนานะ บางทีงบประมาณให้มาเท่านี้ ชึ่งไม่เพียงพอแก่

ความต้องการ ถ้าอย่างนี้ก็แนะนำได้ประการเดียวคือ หนกันละนะ

ไม่ทนก็ไม่ทราบว่าจะทำยังไงเหมือนกัน แล้วในระหว่าง
ที่ทน สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ รักษามารยาทของตัวเองเอาไว้ใพ้ดี

ด้วย อย่าบ่นจนกระทั้งผู้บังคับบัญชาทนไม่ไหว แถ้วมันก็จะยุ่งเป็นลูกโช่


ตามมา ถ้าลองได้มาบ่นมาพูดกันสารพัด ทั้ง ๆ ที่ผู้บังคับบัญชาท่าน
ก็ทำจนสุดฤทซ์แล้ว ก็เข้าข่ายมารยาทไม่ดีอีกเหมือนกัน

kalyanamitra.org
9๙

ยังมีอีกกรณีหนึ่งคือ ของใชันั้นมีอยู,แต่ว่าไม่ถึงกับครบ
กรณีนี้ก็ปันกันใชัก็แล้วกัน เข่น เครื่องมีอมีอยู่ ๑๐ขุด แต่คนทำงานมี

อยู่®๔-๑๕คน ก็ขอให้แบ่งปันกันใชั และเพราะแบ่งๆ ปันๆ กันใชันี่แหละ

มารยาทยิ่งสำคัญ
อาตมานึกไม่ถึงเสยว่านิสัยแสะมารยาทนี่จะมีบทบาทหำให้

งานสะดุดหรือรุ่งเรืองได้ งานส่วนใหญ่จะด้มเหลวหรือรุ่งเรืองอยู่ตรงนิ
จึงขอฝากไว้ในวันนี้ด้าย

เนื่องจากพื้นฐานของอาตมาเองนั้น ว่าไปแล้วก็เป็นลูกชาวไร่

ชาวนา ครั้นได้มารับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกษตรคาสตร่ วิชาที่


เรียนและงานที่ทำก็เป็นงานชนิดที่เรียกว่า ค่อนข่างจะลูกทุ่ง ก็เลยไม่ค่อย
จะระวังกิริยามารยาทกันมากนัก คำนึงเน้นแต่เรื่องปฏิบํติเป็นส่วนใหญ่
เมื่อจบการศึกษาแล้วก็ปรากฏว่า เวลาทำงานมีการกระทบกระทั่ง
กันมาก แล้วผลสุดท้ายสิ่งที่ด้องมาแก้ไข นึกว่าด้องแก้ไขโดยเน้นเรื่อง

เทคโนโลยี ก็อบรมสารพัดจะอบรมแล้วงานมันก็ไปไม่ถึงไหน ไล่ไป


ไล่มา อยู่ที่นิสัยที่มารยาทนี่เอง ตรงนี้ก็ขอฝากเอาไวด้าย

kalyanamitra.org
Iso

สิ่งที่ทำให้นิสัยของคนเสีย

สิ่งที่จะทำให้นิสัยของคนเสีย ไม่น่าเชื่อ อยู่ที่อบายมุข อบายมุข

มีอะไรบ้าง
ส. สุรา ถาใครลองได้จมอยู่ในวงสุราแล้ว นิสัยดี ๆ มารยาท
ดี ๆ จะหย่อนลงไป
หลวงพ่อ : คุณเชื่อไหม
คุณโยม : เชื่อครับ

หลวงพ่อ : แล้วกินเหล้ารึเปล่าเรา
คุณโยม : กินครับ
หลวงพ่อ : เมื่อไหร่ละเลิก

คุณโยม : ลดลงแล้วครับ
หลวงพ่อ : โล้โอ...น่ารัก ลดลงแล้วนะ เหลือวันละกี่ขวด

คุณโยม : นาน ๆ กินทีครับ


หลวงพ่อ : แล้วกินทีนานไหม
คุณโยม : (ยิ้ม)
ขอให้ระวังตรงนี้ พอกินเหล้าแล้วทำให้เราขาดสติ มีเหล้า
ที่ไหนจะมีดวามแตกแยกที,่ แน เพราะขณะที่กำลังร่วมวงกันอยู่นั้น

คำพูดทุกคำไม่ใข่คนพูด เหล้ามันพูด
๒. นารี โดยทั่วไปเราแปลว่าผู้หญิง แด่จริง ๆ แล้วในที่นี้

เราหมายถึงความเจ้าชู้ของเรา จะขายเจ้าชู้หรือหญิงเจ้าชู้ก็ได้ มีเจ้านาย


เป็นคนเจ้าชู้ที่ไหน ที่นั้นเสียการปกครองหมด

ท. พาชี แปลว่า ม้า แต่ไม่ไต้หมายถึงเล่นม้าหรอกนะ


หมายถึงขี่ม้ากินลม ขี่รถกินลม ฉุยไปฉายมา เตะฝ่น พูดง่าย ๆ ขี้เกียจ

kalyanamitra.org
เฮ 9

ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง หนาวนักร้อนนักก็ไม่ทำงาน หิวนักอี่มนักก็


ไม่ทำงาน เป็นพวกขี้เกียจ

๔. กีฬาปัตร ได้แก่การพนันทุกชนิด
เคยทำสถิติกันบ้างไหมว่า เล่นการพนันแลัวได้กับเสียคุ้มกัน
หรือเปล่า ลองทำดูไม่คุ้มหรอก เอาเป็นว่าพวกที่เล่น ๆ อยู่ด้วยกันมีใคร
รวยเพราะเล่นการพนันบ้าง มีไหม ไม่มีใครหรอกที่เล่นการพนันแล้ว
ตั้งตัวได้ เพราะฉะนั้น ครั้งใดก็าจะควักเงินชื้อหายใต้ดิน เก็บเงินเอาไว
ชื้อนมเลี้ยงลูกดีกว่านะ และก็ครั้งใดจะควักเงินชื้อเหลา ช่วยล่งไปให'

พ่อแม่ใช่จะดีกว่า
มีตัวอย่างอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าฝากเอาไร้ตรงนี้ อาดมา
มีพี่ที่ร่วมสร้างวัดกันมาตั้งแต่ขุดดินก้อนแรกอยู่คนหนึ่ง เป็นผู้หญิง ตั้ง
เรียนเก่งตั้งทำงานเก่ง เมื่อตอนท่านเรียนจบ จบอักษรศาสตร์ได้เกียรตินิยม
ทำงานก็ทำงานดี ท่านได้ ๒ ขั้นติดต่อกัน ๓ ปี เนื่องจากทำทุ่มเทและ
มีฟิมีอมาก ปีที่ ๔ ผู้บังคับบัญชาจะให้ ๒ ขั้นอีก ท่านก็ไปกราบงาม ๆ
แล้วบอกว่า พอแล้ว ให้คนอื่นเขามั่งเถอะ

kalyanamitra.org
Is เอ

ปีที่ ๕ ท่านจะได้ ๒ ขั้นอีก ท่านก็บอกว่าพอเถอะให้คนอื่น


เขาทั้ง ผู้บังคับบัญชาก็บอกว่า ก็คนอื่นเขาไม่ท่างานทุ่มเทเหมือนอย่าง
คุณ ฉันให้คนอื่นไม่ได้หรอก หากให้ไปแล้วจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี พี่
คนนี้ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นขอให้บรรดาเพื่อนร่วมงานทั้งหมดไป

ช่วยคิดกันมาเองว่าใครสมควรจะได้ ผู้บังคับบัญชาจึงตองหาทุนไปต่าง
ประเทศให้เป็นการชดเชย ก็ขอม่ากให้เป็นขอคิดเอาไว้ด้วยว่า บางครั้ง
เมื่ออยู่ด้วยกัน ๒ ขั้นนี่ไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ แต่เมื่อเราได้หลายหนแล้วก็
ให้คนอื่นเขาทั้งเถอะ ปันกันกินปันกันใช้ ถ้าไม่อย่างนั้นก็อยู่ด้วยกัน

ลำบาก มีคนอิจฉากันมาก ๆ แน่ เพราะจะเหมือนคำของหลวงวิจิตร-


วาทการ ที่ว่า

ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน

kalyanamitra.org
๒๓

ประการที่ ๒
ขาดกำลังใจ

ทำ’งานไป ๆ แล้วกำลังใจมันจะขาด อะไรทำให้กำลังใจขาด


เคยถามตัวเองห้างไหม อะไรทอนกำลังใจเรามากที่สุด คำพูด เป็นคำพูด
ประเภทไหน ก็ที่บาด ๆ ใจกันนะ แล้วอะไรที่ให้กำลังใจกันมากที่สุด ก็
คำพูดอีกนั่นแหละ เป็นเรื่องที่แปลกนะ อะไรจะทอนกำลังใจกันก็ไม่เกิน

คำพูด แล้วให้กำลังใจกันก็ไม่เกินคำพูด
สามีภรรยาแต่งงานกันเมื่ออายุ ๒๐ ปี อยู่ด้วยกันมาจนกระทั่ง
อายุ๖๐ ปีแล้ว มาหย่ากันเมื่ออายุ๖๐ ปีก็มี ถามไปถามมาก็เรื่องคำพูด
แล้วหย่ากันไปตั้งหลายปีมาคืนดีกันก็มี ก็เรื่องคำพูดอีกนั่นแหละ คำพูด
แม้ไม่มีตัวไม่มีตน แด,ว่ามีฦทธิ๋ที่จะยก่ใจก็ได้ มีฦทธิทจะเหยียบใจให้

ตกตำก็ได้อีกเหมือนกัน
ตรงนํ่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงฝากเอาไว้ว่า หัดกรอง
คำพูดกันเสียก่อน เพราะคำพูดที่ไม่ได้กรองมันบาดใจคนได้ และหาก

บาดแล้วก็เป็นแผลลึกเสียด้วยชิ หากเรากรองคำพูดแล้วจะสามารถยก
ใจได้ หมดเรี่ยวแรงไม่มีกำลังใจจะไปรบ พูดดี ๆ ไม่กี่คำไปรบได้ หมด
เรี่ยวแรงอดข้าวอดนั่ากันมาเท่าไหร่ ๆ ทำงานลำบากตรากดรำมาจน
คิดว่าไม่ไหวแล้ว แต่พอพูดดี ๆ ไม่กี่คำ ยังพอปีนไปทำงานกันได้

แม้ที่สุดพระภิกษุว่าจะสึกอยู่แล้วเขียวนะ อุปัชฌาย์พูดไม่กี่คำ
บวชต่อจนเป็นสมภารได้เมือนกัน เพราะฉะนั้น ก็ฝากเรื่องคำพูดกันไว้
ให้ดี พระสัมมาสันพุทธเจ้าใชัคำว่า ปิยะวาจา ชึ่งส่วนมากเรามักจะ

kalyanamitra.org
เอ๔

แปลกันว่า วาจาไพเราะ ถ้าแปลอย่างนี้บางทีหลาย ๆ ท่านที่ทำงานใน


สนามบอกว่าไม่เชื่อ เพราะเวลาทำงานเร่ง ๆ รีบ ๆ มัวมาพูดหวาน ๆ
บางทีคลื่นไถ้เอาด้วย เคยมีอาการอย่างนี้บ้างไหม ในกรณีอย่างนี้ละก็

ปียะวาจาที่พระองค์ทรงใช้ ทรงหมายถึง “พูดภาษาคนรักคนชอบกัน”


อาจจะ ฯย! ไถ้! กันบ้างก็ยังจัดเป็นปียะวาจา สำหรับเรื่องนี้ไม่เป็น

ปีญหา เพราะพวกเราเช้าใจกันแถ้ว

แด่ว่าที่เป็นปัญหาขีงอาตมาขอปากไวกับผู้บังคับบัญชาทุก

ระดับ คือได้มีการทดลองเอาไว้ว่า ถ้าผู้บังคับบัญชาเรียกลูกน้องมาว่า


หรือด่าสัก ซิ เรื่อง คือชี้โทษ ด่าคือใช้คำหนัก ๆ กดเขาใหตาลง แถ้ว

ตอนเย็นเรียกมาชมสักเรื่อง จากนั้นส่งคนไปแอบถามหลังจากเลิกงานแถ้ว
“เป็นไงเพื่อนทำงานวันนี”้

“เอ้อ...แย่ โดนด่าไม่รู้จักจบ”

คือคนเรานี่หากไปว่าสักครั้งหนึ่ง พอเรามาชมกลับ จะชดเชย


ไม่คุ้มกันหรอก จึงได้ทดลองใหม่ ตอนเช้าเรียกมาว่าลัก ซิ เรื่อง ตอนเย็น
เรียกมาชมลัก ๒ เรื่อง พอเลิกงานส่งคนไปแอบถาม

“เป็นไงทำงานวันนี”้

“เอ้อ...มันก็ไม่วายโดนด่าโดนว่าอยู่นี้แหละ ชะตามันยังไง

ก็ไม่ร”
ู้
นี่ขนาดชม ๒ เรื่อง ก็ยังมีความฝังใจว่าโดนว่า จึงได้ทดลอง
กันใหม่ ตอนเช้าเรียกมาว่าสัก ซิ เรื่อง ตอนเย็นเรียกมาชมสัก ๓ เรื่อง

เสร็จแถ้าส่งคนไปถาม
“เป็นไงเพื่อน”

“อือม! ! มันก็มีโดนด่าโดนชมกันบ้างนะ”

kalyanamitra.org
1อ๕

อ้อ... ต้อง ซิ ต่อ ๓ เขียวนะถึงจะพอตู๊กันได้ ดังนั้นจึงขอ


ฝากไว้ด้วยว่า หากมีความจำเป็นที่จะต้องดุด่าว่ากล่าวลูกน้องละก็ วัน
หนึ่งว่ากล่าวเพียงเรื่องเดียวก็เต็มกลึนแล้ว เพราะกว่าจะพื่นความรู้สึก

ได้ต้องชมถึง ๓ เรื่องถึงจะหมดไปได้เชียวนะ
ผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาหากมีความจำเป็นจะตำหนิลูกน้องละก็
อ้าให้ดีมีข้อแนะนำว่าให้พยายามหาเรื่องชมเสียก่อนเท่าที่เขาจะมีใหั

เราชมได้แล้วค่อยว่ากัน แล้วหากมีความจำเป็นจะด้องว่ากล่าว มีข้อแม้ว่า


วันหนึ่งตำหนิสัก ๒ เรื่องก็พอแล้ว อ้าจะมีขัอผิดพลาดอะไรเพิ่มเดิม

หากไม่จนใจจริง ๆ ช่วยยกข้ามวันเถอะนะ เพราะสภาพใจของคนเรา


จะเป็นอย่างนี้ และเพราะเหตุนี้เอง ตั้งแต่ปูย่าตาทวดของเรา ท่านได้
เตือนเอาไว้ว่า เวลาดุด่าว่ากล่าวใคร ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นลูกน้อง จะเป็น
เพื่อนร่วมงาน จะเป็นสามีภรรยาหรือบุตรก็ตามที หากจะต้องว่าด้องดิ
ใครละก็ ท่านให้กฎเกณฑ์ไว้ ดังนี้

kalyanamitra.org
เอ'ข

วิธีดึคน ๕ ประการ

๑. เลือกจังหวะให้เหมาะสม คนเราขึ้นอยู่กับเวลาและ

อารมณ์ ถ้าจังหวะไม่เหมาะ อย่าว่าแต่ไปว่าอะไรเลย ไปขออะไรบางที

ยังไม่ได้เลยนะ อารมณ์ดีลูกมาขออะไรให้หมด พ่อบ้านจะเอาอะไรยก


ให้หมด อารมณ์ไม่ดีขออะไรก็ไม่ให้ ลูกน้องบางคนหวังดีต่อเจ้านาย
มาก เห็นท่านกำกังจะพลาดจึงไปเดือน แต่ไม่ดูจังหวะ ไปเดือนต่อหน้า
ธารกำนัล เลยถูกไล่ออกชะก็มี

๒. ชมก่อนแสัวค่อยเตือน เพื่ออะไร เพื่อให้เขามั่นใจว่า


ที่เราจะติจะว่าต่อไปนี้ เป็นการติการว่าที่เกิดจากความเมตตา มิใช่

แกล้งด่าแกล้งว่า

๓. ยิ้มก่อนติ เพื่ออะไร เพื่อให้ผู้ที่ถูกดิ ผู้ที่ถูกว่ากล่าวเกิด


ความมั่นใจว่า สี่งที่เราว่ากล่าวนั้นไม่ใช่เพราะจับผิด แต่ทำด้วยความ
ปรารถนาดี ลอง‘ผิกดูเถอะ แล้วทำได้เอง ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เพราะทำ
ได้แล้วจึงกล้าพูด ถ้าเร่าเองก็ยังยิ้มไม่ออก อย่าเพิ่งไปดิใครเลย เดี๋ยว

จะพลาด โดยเฉพาะอย่างยี่งเมื่อเวลาทำงานใหญ่ ๆ

๔. ต้องเป็นเรื่องจริง เรื่องที่เราดิลงไปขอให้แน่ใจว่าเรื่อง
นั้นเป็นเรื่องที่จริงด้วยนะ ไม่ใช่เราเข้าใจผิด สอบให้แน่ใจเสียก่อน
ไม่อย่างนั้นจะยุ่งวันหลัง

๕. เป็นเรื่องหี่เกิดประโยชน์ เรื่องที่เราจะดินั้น ต้องเห็น

ด้วยว่าจะเกิดประโยชน์ต่อไปภายภาคหน้า

kalyanamitra.org
lacil

เพราะฉะนั้น จะเห็นว่า การจะติจะว่าใครสักคนหนึ่งไม่ใช่


เรื่องง่ายเลย เมื่อเริ่มสร้างวัด อาตมาอาศัยความเป็นกันเองกับเพื่อน

ร่วมงาน ก็ดิก็ว่ากัน มีอะไรก็พูดกันโครม ๆ โดยมิได้กรองคำพูดและดู


องค์ประกอบทั้ง ๕ ตามที่กล่าวมา ผลปรากฏว่าเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ

หายไปทีละคนสองคน ถามว่ารักกันไหม รัก รักกันคิดถึงกัน แต่ว่าอย่า


มาทำงานร่วมกันเลย เขารู้ว่าเรามีความจริงใจให้ แต่เขาทนอารมณ์
เราไม่ได้ แล้วต่างคนก็ต่างไป กันอยู่ด้วยกันไม่ได้

รักจริงจึงเตือน

พวกเราเคยมีประสบการณ์อย่างนี้บ้างไหม พี่ ๆ น้อง ๆ ของ


เรานี่แหละ เมื่อเวลาที่อยู่ห่างกันก็คิดถึงกัน แต่พอมาอยู่ใกล้กัน เดยว
เถอะ เริ่มขัดคอกันแล้ว ดังนั้นจะเห็นว่า การที่จะดิลูกน้องแต่ละครั้ง
เตือนเพื่อนร่วมงานแต่ละครั้ง มันยากเย็นอย่างนี้แหละ สำหรับคนที่
ถูกเตือน จะเป็นเพื่อนเดือน จะเป็นผู้บังคับบัญชาเดือน หรือเวลาเรา

kalyanamitra.org
1อ๘

พลาดอะไรลูกน้องมาเดือน แม้ที่สุด จะเป็นพ่อบ้านแม่ม้านของเรา

ช่วยฝากเป็นข้อคิดว่า ให้รีบขอบคุณเขาเสีย ไม่ว่าจะเดือนผิดเดือนถูก


รีบยกมือไหวขอบคุณได้ยงดี เพราะนั่นแสดงว่า ถ้าไม่รักจริงจะไม่กล้า

เตือนนะ
ทำไมจึงพูดเช่นนั้น ก็เพราะว่าเมื่อเวลาจะเดือน ดูขิจะด้อง
ทำถึง ๕ อย่างดังที่กล่าวไปแล้ว แต่เมื่อเขาถึงกับมาเดือนเรา จะเดือนผิด

จะเดือนถูกก็ตามรีบยกมือไหว้ขอนคุณเขาเสีย หรือล้าเป็นลูกน้องให้รีบ
ขอบใจเสีย เพราะนั้นแสดงว่า เขาเห็นเราเป็นคนมีคุณค่า เขาจึงกล้า

ลงทุนมาเดือน ขอบคุณเขาเถอะ แม้เขาเดือนผิด เอาละ ก็ยังขอบคุณอยู่


ขอบคุณในฐานะที่ว่า เขายังใจจริงกับเราอยู่ เมื่อเขาเดือนผิดก็อธิบาย

ให้เขาฟังเสียว่า จริง ๆ เป็นอย่างไร แด่ล้าเขาเดือนผิดแล้วเราไปตวาด


กลับ กันหลังเขาไปเจอข้อผิดพลาดของเรา เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเดือน
เราได้ไหม

ในกรณีทีเขาเตือนถูก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าว
ไว้ว่า ขอให้มองผู้ที่เตือนเราเหมือนเป็นผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้ เพราะ

ไม่อย่างนั้นแล้ว เราจะไม่ทราบข้อบกพร่องของเรา แล้วเราจะหลงตัวเอง


เข้าใจตัวเองผิด แต่เมื่อเขาเดือนให้แล้ว เราจะได้แก้ไขตัวเองเสียแต่วันนี้
โชคดีจริง ๆ ที่เขามาชี้ขุมทรัพย์ให้ ล้าใครทำตัวได้อย่างนี้ อยู่ที่ไหน

ก็จะมีคนรักทั้งเมือง เพราะว่าเป็นคนไม่มีทิฐิมานะ น่ารักจริง ๆ

สำหรับเรื่องการเดือน ตรงนี้ล้าใครทำได้จะเป็นเสน่ห์อย่างยิ่ง

แล้วจะรักกันยืดอีกด้วย คือเมื่อถูกเดือนด้วยเรื่องอะไรก็ตาม นอกจาก


จะยกมืกไหว้หรือขอบคุณเขาแล้ว มีข้อแม้นิดหนึ่ง หากเห็นข้อบกพร่อง
ของเพื่อนที่มาเดือนเหมือนกันแต่เป็นคนละเรื่อง อย่าเพื่งรีบเตือนเขา

kalyanamitra.org
(0๙

ตอนนั้น เดียวจะหน้า‘ชาด้วยกันทั้งคู่ หากจะเดือนเขากลับ ขอให้พ้น


ข้ามชั่วโมงไปก็ยังดี ยกเว้นเป็นเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานจริง ๆ จะต้อง

เดือนกันทันควันละก็ ขอให้รักษามารยาทกันให้ดี ไม่อย่างนั้นขาด


ความเป็นเพื่อนกันทีเดียว
ที่หยิบยกมาพูดนี้เพราะได้ประสบมากับตัวเอง เราเดือนเขา
ว่าเขาผิดอย่างนั้น ๆ เขาก็ขอบใจ แล้วเขาเดือนเรากลับ เราเกิดอาการ
ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน เหมือนอย่างกับกินล้มตำ เราดูแล้วว่าไม่ผืพริก
เคี้ยวกินอย่างสบายใจ แต่บังเอิญเคี้ยวไปโดนพริกกร้อมเน้อเร่อ มัน

เผ็ดจนนั้าตาร่วงเขียวนา แต่ล้าวันนี้เราเตรียมตัวแล้วว่าอยากกินเผ็ด ๆ

แม้จะกินพริกเข้าไป ก็ไม่รู้สึกเผ็ดถึงขนาดนั้าตาร่วง เพราะได้เตรียมตัว


ไว้แล้ว แล้วที่มีความรู้สึกว่า ผู้บังคับบัญขาก็พูดไม่รู้เรื่อง ลูกน้องก็พูด
ไม่รู้เรื่อง เพื่อนร่วมงานก็พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ก็อยู่ตรงที่วาจาของเราที่
บางครั้งขาดความระมัดระวังในสิ่งเหล่านี้ หากมี ปียะวาจา แล้ว กำลังใจ
ที่หมดไปมันจะฟูกลับขึ้นมาเอง

kalyanamitra.org
๓0

ประการที่ ๓

ขาดกำลัง

ในตัวของคนแต่ละคนนั้นมีขุมกำลังอยู่หลายขุม บางทีเรา

อาจจะไม่ได้นึกถึง เรามาดูกันว่ามีขุมอะไรบ้าง

ซิ. กำลังกาย
๒. กำลังความรู้'
๓. กำลังความสามารถ
๔. กำลังญาติ พรรคพวกเพื่อนฝูง
๕. กำลังความดีที่มีอยู่ในอดีต (เช่นเคยช่วยเหลือเจือจุน

ใครเอาไว้)

แต่ละคนจะมีขุมกำลังอยู่ในตัวคนละหลาย ๆ ขุม ป่ย่าตาทวด


สอนเอาไว้เลยว่า จะเป็นกำลังอะไรก็ตาม หากต้องใช้แล้ว... มัน
เหนื่อยทั้งสิ้น คิดนี่เหนื่อยไหม เหนื่อยชิ แม้ไม่ด้องแบกด้องหามก็

เหนื่อย กว่าจะแบ้ปัญหาแด่ละเรื่องได้ บางทีนอนไม่หลับเป็นเดือน จริง


ไหม ทุกเรื่องหากต้องใช้กำลังเมื่อไหร่ เหนื่อยทั้งนั้นแหละ ป่ย่าตาทวด

ของเราจึงใหข้อคิดเอาไว้ว่า ธรรมชาติของคนเราเหงื่อต้องออก คือ


บ้าใช้กำลังเมื่อไหร่เหงื่อด้องออก

มีกำอั1กาย...ก็ไม่อยากจะช่วยใคร

มีกำอังความรู้...ก็เก็บเงียบ หวงวิชา
มีกำอังความสามารถ...ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่
มีกำอังญาติ พวกพอง...ก็ไม่ค่อยเอามาช่วยใคร

kalyanamitra.org
๓(ริ)

คนประเภทนี้จัดเป็นประเภทเหงื่อหลบใน กลัวจะเหนื่อย

ไม่ช่วยใคร ใจคับแคบ พวกใจแคบนี่เหงื่อหลบในหมด ถึงคราวตัวเดือดร้อน


ขึ้นมาบ้างก็เลยไม่มีใครเขาใจกว้างด้วย เขาก็ใจแคบบ้าง เหงื่อที่หลบใน

มัโ.จะทะลักออกมาเป็นนี้าตาแทน วันนั้นคงร้องไห้คนเดียว ไม่มีใครเห็นใจ


เพราะฉะนั้น ในการอยู่ร่วมกัน พระสัมมาลัมพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้ว่า

๑. ให้หมั่นปรับปรุง พัฒนาความรู้ความสามารถของเราให้
ยี่ง ๆ ขึนไปดลอดเวลา เป็นการเพี่มพลังเก็บเอาไว้ในตัว

๒. ใจกว้าง พร้อมที่จะนำพลังเหล่านั้นเอามาช่วยทุก ๆ
คนที่เขาเดือดร้อน เปีดใจให้กว้างเอาไว้ก่อน

แต่คนในโลกนี้มีลักษณะแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือมักจะเกี่ยง
ให้คนอื่นทำความดีกับเราก่อน แล้วถึงจะทำดีกับคนอื่นเป็นการตอบแทน

ภายหลัง ลองคิดดู ล้าแม่ของเรานึกอย่างนี้บ้าง เราคงไม่ได้โตมาจน


ป่านนี้หรอก เคยทำอะไรให้แม่มั่งเมื่อท่านคลอดเราออกมา แล้วเราเคย

ไปสัญญากับท่านหรือเปล่าว่าเมื่อเราโต เราจะเลี้ยงตอบแทนท่าน ก็
เพราะท่านให้เราก่อนน่ะขิ ขาตินี้แม้เราจะเลี้ยงดูท่านกลับคืนก็ยังใชั

ไม่ค่อยจะหมด

เพราะฉะนั้น เราอย่าเป็นคนแล้งนั้าใจเลยนะ หัดโปรยนั้าใจ


ให้คนอื่นเขาบ้างเถอะ แล้วต่อไปข้างหน้าจะเป็นพ่อคนทั้งเมือง จะเป็น
แม่คนทั้งเมือง ล้ามัวมาเกี่ยงอย่างนี้ละก็ ขาดินี้เม่ด้องทำความดีกันเลย

แม้ถึงเราลำบาก เขาไม่ช่วยเราก็ไม่เป็นไร คิดเสียว่ายืดเสันยืดสายก็แล้วกัน


เราติตัวเองไม่ได้แล้ว เราได้ทำดีที่สุดแล้ว ล้าคิดอย่างนี้แล้วเราจะสบาย

อย่าหวงแรงนะ

kalyanamitra.org
๓ Is

ถ้า‘ฝืนคิดอย่างนี้แล้ว ยังทำใจไม่ได้อีก ทำนบอกว่าให้ดูต้น


มะม่วงที่ขึ้นข้างหน้าน้านเรา ถ้ามีมะม่วงต้นใหญ่เป็นโอบใดมา ๑๐ กว่าปี
แล้ว แต่ไม่เคยให้ลูกเลย ถ้ามะม่วงด้นนั้นขึ้นที่น้านคุณ คุณจะทำยังไง

๑. รดนั้าพรวนดิน ใส่ปุยเข้าไปอีก มันจะไม่ให้ลูกเลยก็ไม่ว่า

๒. เฉยๆ
๓. โค่นมันเสียเถอะ

คุณจะทำยังไง? “รดนั้าพรวนดิน ใส่ปุยเข้าไปอีก” สาธุ ขอให้


พ่อจำเริญ ๆ ยิ่งขึ้นไปอีกนะ

มะม่วงด้นนี้ จะยังไม่โดนโค่น ถ้าผลประโยขน์ยังไม่ขัดกัน


ต่อมามีมะม่วงด้นอื่นอีกต้นหนึ่งมาขึ้นอยู่ใกล้ ๆ กันแล้วออกลูกให้กิน

ทุกๆปี เราชักเริ่มคิดแล้ว นี่ถ้ามะม่วงด้นนั้นไม่บังร่มมะม่วงต้นที่มีลูก


ป่านนี้มะม่วงต้นนี้คงลูกดกกว่านี้นะ ว่าแล้วก็โค่นมะม่วงด้นที่ไม่มีลูกทิ้ง

เมื่อใดที่ผลประโยขน์ขัดกันจะไม่มีใครไว้หน้าใคร อยู่ใน
ที่ทำงานเดียวกันหากไรันั้าใจกันแล้ว จะไม่มีใครไว้หน้าใคร ก็ขอให้
หว่านนั้าใจออกไปกันมาก ๆ หน่อย แล้วเราจะอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข
ความสุขสบายของมนุษย์ในหลาย ๆ กรณีขึ้อไม่ได้ด้วยเงินนะ ขอฝาก

พวกเราด้วย

kalyanamitra.org
ตไ๓

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใชัศัพท์ว่า รัตถะจริยา คึอบำเพ็ญตน


ให้เป็นประโยชน์ ถ้าพูดภาษา,ชาวบานเรียกว่า ไม่แล้งนาใจ หรือ มีนํ้าใจ
อยู่ที่ไหนไม่แล้งนี้าใจ หากแล้งนี้าใจกันแล้วมันจะคล้ายด้นมะม่วงที่
ปลูกมา ๑๐ ■ปีแล้วไม่มีลูก วันหลังก็จะถูกโค่นทิ้ง เมื่อถึงตรงนี้แล้ว ที่
เรามีความรู้สึกกับพรรคพากว่าเพื่อนไม่เช้าใจเรา รวมทั้งไม่เข้าใจตัวเอง
ด้วย ที่รู้สึกว่าอะไรมันวน ๆ อยู่ พบว่าเป็นเพราะขาดในสิ่งเหล่านี้ คือ
ขาดตั้งแต่ทาน รวมทั้งนิสัยและมารยาทด้วย เพราะคนนิสัยดีมารยาทดี
ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง ขาดทั้งปิยะวาจา ขาดทั้ง ชัตถจริยา คือความ
พร้อมที่จะยื่นมือไป,ช่วยคนอื่น ถ้ามีพร้อมทั้ง ๓ ประการนี้แล้วทุกอย่าง
จะดีขิ้นแน่นอน

kalyanamitra.org
๓๔

ประการที่ ๔

ขาดความปลอดภัย

คนส่วนมากเมื่ออยู่ด้วยกันนานๆเช้า บางทีขาดความ
ปลอดภัย อะไรหนอทำให้คนขาดความปลอดภัย สี่งที่ทำให้ขาดความ

ปลอดภัยในหมู่คณะได้มากที่สุด คือ การทำตัวไม่เหมาะสม พระส้มมา-


สม,*.ตธเจาใช้คำว่า สมานัตตะตา ถ้าทุกคนทำตัวเองกับหน้าที่กับตำแหน่ง

และกับการงานของตัวเองแล้ว ความปลอดภัยจะเกิดขน

ผู้บังคับบัญชาทำตัวเหลาะแหละไม่สมกับเป็นผู้บังคับบัญชา

ผู้ใด้บังคับบัญชาเกียจคร้าน บางทีได้รับงานมาก็หลบ ๆ
เลี่ยง ๆ บางทีก็ก้าวก่ายไปถึงงานของหัวหน้า 'แน่ก็ไม่เหมาะสมอีก สิ่ง
เหล่านี้จะก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยมาก

พ่อบ้านทำตัวไม่เหมาะสมเป็นพ่อบ้าน แม่บ้านทำตัวไม่
เหมาะสมเป็นแม่บ้าน เป็นคุณนายวางตัวเป็นคนใช้ เป็นคนใช้วางก้าม
เป็นคุณนาย เมื่อวางตัวไม่เหมาะสมเช้า หัวมันจะก่าย ท้ายมันจะเกย
ความเกรงอกเกรงใจกันก็หมดไป ความก้าวก่ายมันก็เกิดขึ้น แล้วความ

หมั่นไส้ก็จะตามมา ความอิจฉาก็จะเพี่ม เพราะฉะนั้น หน้าที่ใครหน้าที่มัน


ตรงนี้ช่วยทำกันให้ดี ถ้าหน้าที่ใครไม่ทำกันให้ดีละก็ จะเกิดผลเสียตามมา
ู ัพท์คำว่าหน้าที่ พิ้นที่พี้นดินที่เรามี การจะเป็นพื้นที่
ขอให้คศ
ที่เกิดประโยชน์ พื้นที่นั้นควรจะติดถนน ไม่ใช่เป็นพื้นที่ดัน ๆ ถ้าพื้นที่
นั้นไม่ติดถนนอย่างนี้ เรียกว่าทีไ
่ ม่มีหน้า ออกไม่ได้ ที่จะด้องมีหน้า

ถ้าไม่มีหน้าหรือหน้าที่ไม่ดีก็ทำอะไรไม่ได้ ที่จึงต้องมีหน้า แล้วหน้า

kalyanamitra.org
๓๕

ต้องสมกับตัวของมันด้วย แต่ถ้าหน้ากับที่ไม่สมกันก็เอาไปใช้ประโยชน์
อะไรไม่ได้อัก เช่น หน้าแคบเกินไป หรือหน้ากวางเกินไปแล้วที่ตี้นนิดเดียว

ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น หน้ากับที่ควรปรับให้พอเหมาะพอสมกัน


คนเราทุกคนนี่แปลกจริง ๆ มีหน้าที่ติดตัวกันมาโดยธรรมชาติ
แล้วก็มีหน้าที่ถูกบังคับตามสายงาน ทันทีที่คลอดออกมาจากท้องแม่
ก็มีหน้าที่ติดตัวมาว่าจะด้องเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นลูกเกเรไม่ได้ ถ้า
มีพี่อยู่แล้วก็มีหน้าที่ติดมาว่าเราจะต้องเป็นน้องที่ดีด้วยนะ ถึงเวลาไป
เรียนหนังสือก็มีหน้าที่ว่าจะด้องเป็นนักเรียนที่ดีด้วยนะ มาทำงานอยู่
บริษัท ก็มีหน้าที่จะต้องเป็นพนักงานที่ดีด้วยนะ ทันทีที่แต่งงานก็มี
หน้าที่สามี-ภรรยาที่ดีด้วยนะ ใครไปหย่อนตรงไหน... ใช้ไม่ได้ทั้งสิ้น
ใครทำหน้าที่ของตนเองไม่สมบูรณ์ เช่นหน้าใหญ่เกินที่...
ก็ทำอะไรไม่สำเร็จ พังหมด หรือหน้าเล็กไม่สมกับที่ คือภาระหน้าที่มีมาก
แต่ทำเพียงส่วนเดียว... เดี๋ยวก็จะอยู่ไม่ได้

kalyanamitra.org
(ท'o

ต้องทำหน้ากับที่ของตนเองให้เหมาะสม แล้วความปลอดภัย
จึงจะเกิดด้วยกันทุกระดับ ใครมีหน้าที่อะไร ศึกษางานที่ต้องรับผิดขอบ
ของตนเองแล้วทำงานในหน้าที่ของตัวเองให้ดี อาตมาเป็นพระ ศึกษา
งานหน้าที่ความรับผิดขอบของตนเองแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเล้าได้

มอบงานเอาไวให้ คือ
9. ให้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาและประพฤติตามธรรมวินัยที่

พระองค์ตรัสไร้
Is. เมื่อปฏิบัติตัวได้ดีพอสมควรตามคำลังแล้ว ให้นำคำ
สงสอนของพระองค์ไปสอนให้คนอื่นํได้รู้ตาม

พระพุทธเล้าได้ทรงวางแนวทางให้ภิกษุดำเนินตามไว้ว่า
“ภิกษุตั้งหลาย... พากเธอจงเที่ยวจาริกไป เพื่อประโยชน์
เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก จง
แสดงธรรมอันงามในเกื้องด้น ห่ามกลาง และในที่สุด* จงประกาค
พรหมจรรย์พร้อมตั้งอรรถะและพยัญชนะให้บริสุหธบริบูรณ์ สัตย์ที่มี
กิเลสน้อยบางเบามีอยู่ แต่เพราะไม่ได้ฟังธรรมจักเสื่อม ผู้รู้ทั่วถึงธรรมจักมี
ภิกษุตั้งหลาย แมเราเองก็จักไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคมเพื่อแสดงธรรม ”
ที่อาตมาเดินทางมาแสดงธรรมในรันนี้ อาตมามาตามหน้าที่

นิมนต์แล้วจะต้องมา เพราะแม้ว่าไม่ได้นิมนต์มา หากมีโอกาสก็ยัง


ต้องมาเลย เพราะว่ามันเป็นหน้าที่ แม้เป็นพระภิกษุยังมีหน้าที่อย่างนี้
แล้วพวกเราเองขึ่งต้องทำงานกันอยู่ขณะนี้ หน้าที่ก็ยิ่งมีประจำตัวกัน

มากมาย
" งามในเบื้องต้น - งามต้านศีส

งามในห่ามกราง - งามต้านaมาร
งามในที่รด - งามต้านifญญา

kalyanamitra.org
cncil

จึงขอให้ทุกคนทำงานตามหน้าที่ของตัวเองให้ดี แล้วสำรวจ
ด้วยว่าหน้าที่ของเรามีอะไร บาง ทำครบหรือยัง ถายัง รีบทำนะ หน้าที่

เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ทำครบแล้วหรือยัง ถามตัวเอง

“ส่งเงินให้แม่ใชัทุกเดือนแล้วยัง”

“ทุกเดือนเลยนะ”
“สานุ ขอให้จำเริญ ๆ เถอะพ่อเอ๊ย”

“เราละ...ส่งแล้วยัง”
“ยัง”
“ทำงานมากี่ปืแตัว”
“แล้วเมื่อไหร่จะส่ง เอาน่าตรุษจีนเพึ่งจะผ่านมาหยก ๆ
ช่วยส่งเงินไปให้แม่งวดนี้ก็แล้วกัน ไม่ใช่กลับไปขอแม่เพึ่มมาอีกล่ะ”

แล้วหน้าที่ของเราที่เป็นพ่อ-แม่ ไปดูลูกให้ดี ๆ ขอให้ทุกคน


ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ แล้วความปลอดภัยจะมี ทุกอย่างก็จะ

สมบูรณ์

“แล้วอะไรล่ะที่ทำให้คนทำหน้าที่ของตนไม่สมบูรณ์ ”

“สัจจะ”... คือความจริงใจที่มีต่อหน้าที่การงานรวมทั้ง
ความรับผิดขอบของเราไม่พอนะขิ จึงเกิดความไม่สมบูรณ์ขึ้น

kalyanamitra.org
๓๘

สัจจะ
ความหมายของคำว่าสัจจะ คือ จริง ตรง แท้
ร). จริงต่อหน้าที่ เช่น เป็นสามีก็รับผิดชอบต่อหนาที่สามี
เลย'งครอบครัวให้ดี ไม่ปันใจให้หญิงอื่น เป็นตำรวจก็จริงใจต่อหน้าที่
ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ทุ่มไปกับหน้าที่ของตัวให้หมด
to. จริงต่อการงาน พอมีหน้าที่ก็มีงานตามมาโดยอัดโนม่ติ

เป็นสามีก็มีงานของสามี เป็นลูกก็มีงานของลูก เป็นทหารก็มีงานของ


ทหาร ต้องป้องกันราชอาณาจักร คนที่จริงต่อการงานไม่ว่าจะอยู่หน้าที่
อะไร ให้ทุ่มทำงานในหน้าที่นั้นให้หมด ไม่ต้องขยักเอาไว้เผื่อโน่นเผื่อนี่
แม้บวชเป็นพระก็ต้องทุ่มหมดตัวเหมือนกัน ไม่ขยักไว้เผื่อสึก ประพฤติ

ปฏินํติธรรมให้สมกับเป็นพระ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงเรื่องทำนองนี้ไว้ครั้งหนึ่งว่า

“ราชสีห์ เวลาตะปบช้างเอามาคืน มันจะตะปบท้ายความ


ระมัดระวัง ทำอย่างคืที่อุด แมัสัตว์เล็กลงมาหน่อย เช่นเสีอ มันก็ตะปบ

ด้วยความระมัดระวังเหมือนกัน ตะปบแมวยังตะปบด้วยความระมัดระวัง
แมัที่อุดจะตะปบกระต่ายตัวเล็ก ๆ ไม่มี'เขี้ยวเล็บมาคืนสักตัว ก็ตะปบ

ด้วยความระมัดระวังเท่าเทียมกัน’’
ทำไมต้องทำอย่างนี้ พระพุทธองค์ทรงอธิบายว่า

“ราชสีห์มันนึกอยู่เสมอว่า ราชสีห์ตัวใหญ่อย่างมัน ถึงยังไง ๆ


ก็ท้องไม่ใท้เสียเหลี่ยมคู ชืนตะปบกระต่าย แท้วกระต่ายหนีรอดไปได้

เสียตักดครีราชสีห์หมด ’’
ฉะนั้นเราจึงควรทำดีที่สุดในทุก ๆ เรื่อง ไม่ควรประมาท
เมื่อปลายมือ อย่าเป็นคนสักแต่ว่าทำ อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ต้องทำให้ดีพร้อม
หมด จนใคร ๆ ก็ทำดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว นี่คือจริงกับงาน

kalyanamitra.org
๓๙

ถ. จริงต่อเวลา คือใชัเวลาที่ม่านไปให้คุ้มค่า เรื่องไม่เป็น


เรื่องอย่าไปทำเลย เสียเวลาเปล่า จึงควรเลือกทำแต่เรื่องที่ทำแล้วให้

ประโยชน์จริง ๆ
๔. จริงต่อบุคคล คือคบใครขอให้คบกันจริง ๆ อย่าคบกัน
แค่มารยาท คนเรามักชอบบ่น “ผมน่ะไม่มีเพื่อนจริงสักคน" ที่แท้ตัวเอง

นั่นแหละไม่จริงกับเขาก่อน ล้าจะคบก็คือคบ ล้าไม่คบก็ดัดบัญชีกันไปเลย

เพราะฉะนั้น วันนี้ก่อนนอนสวดมนต์ทำใจให้สบาย ๆ แล้ว


สำรวจตัวเองดูขิว่า หน้าที่ของตัวเองมีอะไรบ้างตั้งแต่เกิดมานี่ แบ่งให้ดี
หน้าที่ทางโลก ดูซิมีอะไรบ้าง เช่น หน้าที่ต่อครอบครัว หน้าที่ต่อการงาน
หน้าที่ต่อสังคม สำรวจดูชิว่าเราทำครบแล้วหรือยัง
แล้วก็หน้าที่ทางธรรม คือปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ศึกษาธรรมะ
ให้มากขึ้น เราทำแล้วรึยัง ล้ายัง ทำชะนะ โดยเฉพาะอย่างยี่งในฐานะที่

เป็นชาวพุทธ

“ถามจ่ริง ๆ เถอะ ที่นั่งอยู่นี่ มีใครสวดมนต์ก่อนนอนทุกคึน ๆ

ไม่เวนเลย ช่วยยกมือหน่อย,,
‘‘มี is ห่าน สารุขอไห้จำเริญ ๆ เถอะ,,
“แห้วที่เหลือนอกนั้นล่ะไปห่าอะไร,,

“อย่าตอบว่าไมมีเวลานะ,,

อาตมาขอให้ดูปริศนาธรรมตรงนี้นิดหนึ่ง เมื่อเวลาเรา
ลืมตาอยู่ เราเห็นคนทั้งโลก แต่เห็นไม่ค่อยชัดอยู่คนหนึ่ง ใคร? ตัวเอง
เมื่อเห็นคนทั้งโลก แด่ไม่ค่อยจะเห็นตัวเองก็เลยวิจารณ์ชาวบ้าน ไม่ค่อย

ไดัวิจารณ์ตัวเอง วิจารณ์ไปวิจารณ์มาไม่ค่อยจะมีใครดี เห็นมีดีอยู่


คนเดียว ใคร? ตัวเอง แต่ทแ
ี่ ท้แล้ว ตัวเองนั่นแหละแย่ที่สุด

kalyanamitra.org
๔0

แล้วทำยังไงจึงจะเห็นตัวเอง มีอยู่ทางเดียว หลับดาลงชะ


เมื่อเราหลับดา เราจะไม่เห็นคนอื่น แล้วสาดมนต์ให็ใจสงบ ล้านั่งสมาธิ
ด้วยก็จะยิ่งดี พอใจสงบแล้วใจจะเป็นกลาง เมื่อใจเป็นกลางจะเริ่มเห็น
ตัวเองในมโนภาพ ดีก็ยอมรับว่าดี ชั่วก็ยอมรับว่าชั่ว แล้วตอนนั้นเรา
จะรู้ว่า อ’อ...เล้าตัวร้ายเขี้ยวลากดินน่ะ เราเอง!

จุดนี้ดือจุดเริ่มด้นแห่งการแก้ไขตัวเอง ใครยังไม่ได้
สวดมนต์ก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน ๆ เริ่มเสียแต่วันนี้ก็ยังไม่สายจน

เกินไปนะ แล้วล้าจะให้ดี เรียกลูก เรียกแม่บ้านมาสวดมนต์ด้วยก็จะยิ่ง


ดีขี้นไปอีก เมื่อได้สำรวจตัวเองเป็นประจำ ๆ อย่างนี้ แล้วก็ปรับปรุงตัวเอง

ให้ดี ทั้งหน้าที่ทางโลก หน้าที่ทางธรรม ความรับผิดชอบของเราจะสมบูรณ์


แล้วความปลอดภัยในที่ทำงานจะเกิดมีด้วยกันโดยทั้วหน้าทุกคน แล้ว
ปัญหาต่าง ๆ ที่เราหยิบยกขึ้นมาก็จะหมดไป

ล้าเราย้อนมาดูตัวเราก็จะเห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง แต่
โดยทั้วไปการยอมรับความรับผิดพลาดของตัวเอง อย่าคิดว่าเราจะยอม

รับกันง่าย ,]นะ อยากรู้ไหมว่า เรามีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง แต่ล้าให้


ภรรยามาขี้หน้าว่าเราผิดอย่างนั้น ๆ เราจะยอมไหม เราเองก็ไม่ยอม

ทั้งหมดนี้เกิดจากการไม่ได้ย้อนมาดูดัวเองนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดู
ใน ๔ เรื่องที่ว่ามานี้คือ

ซิ. หวน รวมทั้งมารยาทด้วย

๒. โ]นะวาจา กลั่นกรองคำพูดของเราให้ดี

๓. รัตถะจริยา บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์
๔. สมานัตตะตา ทำตัวให้สมกับหน้าที่ของตัว คือรับภาระ
หน้าที่รับผิดชอบให้เป็น แล้วปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจะหมดไปเอง

kalyanamitra.org
๔9

“หำไมถึงหมด”
‘‘เพราะเห็นตัวเองชัดแล้ว”
แล้วคนอื่นล่ะ ก็ไม่ต่างกับเรานักหรอก มีความไม่เข้าท่า
เหมือนกับเรานี่แหละ แต่ล้าไปบอกเขาตรง ๆ เขาก็จะรู้สึกว่าเขาเสียหน้า
แล้วก็ตอกหน้าเรากลับมาน้าง ก็เลยหน้าแตกด้วยกันทั้งคู่
สำหรับวันนี้ ขอฝากข้อคิดไว้เพียงเท่านี้ หวังว่าพวกเราคง

จะได้นำไปสอดส่องดูตนเอง แล้วแล้ไขกัน และขอใท้รับทราบไว้ด้วยว่า


ความผิดพลาดต่าง ๆ ที่มีอยู่ไม่ใข่มีแต่เฉพาะพวกเราเท่านั้น จะเป็น
ใครก็ตามความผิดพลาดก็ไม่เกินนี้ อยู่ทางโลกยกไว้ แมัเป็นพระ,ภิกษุ
ความผิดพลาดด่าง ๆ ก็อยู่ในลักษณะนี้เข่นกัน มาช่วยกันแล้ไขก็แล้วกัน

พระภิกษุก็จะแล้ไขแบบพระภิกษุ เราฆราวาสก็แกัไขแบบฆราวาส
แล้วทุกอย่างจะค่อย ๆ สมบูรณ์ขึ้นมาเองนะ

ขออำนาจอานิลงล้ทพวกเราไล้ตั้งใจนาธรรมะของพระ-

ล้มมาล้มพุทธเล้าไปประพฤติปฏิป้ติ แกไขปรับปรุงตัวเองในภายหนา
ให้มีบุญมากมายมหาศาลเพียงใด ขอบุญกุศลฝนจงดลปันดาลให้พวกเรา
ทุกคน จงปราศจากเลียซึ่งลรรพทุกข์ ลรรพโศก ลรรพโรค ลรรพภัย

ลรรพเคราะห์'เลนยดจัญไรใดๆ อย่าไล้มาแล้วพาน ให้มี'ความลุข ให้มี


ความเจริญ ให้มีความกาวหนาในกิจการงานทื่ทำอยู่ ให้ไล้ดวงตา

เห็นธรรมของพระล้มมาล้มพุทธเล้า บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย

จงทุกท่านเทอญ.

kalyanamitra.org
บุคคลควรนน่งของน้อยให้'ตามน้อย
ควรแบ่งของปานกลางให้ตามของปานกลาง
ควรน ปงของมากให้'ดามมาก
การไม่ให้เลึยเลยย่อมไม่ควร
จงให้ทานด้วย จงบริโภคด้วย
ผู้บริโภคคนเคึยาย'อมไม่ได้'ความลุข
(๔»/๔๔๔-๔๔๕ "[ภรยชาดก)

ผู้ให้ทานย่อมเป็นทีรักของขนเป็นอันมาก
ขื่อว่าตำเนินตามรรรมของลัป'บุรุษ

ลัปบุรุษผู้ลงบ ผู้ล่ารวมอินทรีย์ ประกอบพรทมจรรย์


ย่อมคบทาผู้ให้'ทานทุกเมื่อ
ลัปบุรุษเทล่านั้นย่อมแลตงffรรมเป็นที่บรรเทาทุกย์ทงปวงแก่เขา
เขาได้ทราบขัคแลว ย่อมเป็นผู้ทาอ่าลวะมิได้
ย่อมปรินิพพานในโลกน
(๓๓/๕๖ ทานานิร',สสูดว)

ผู้ไห้ของที่พอใจย่อมได้ของที่พอใจ
ผู้ให้ของที่เลิคย่อมได้ของทีเล่ค
ผู้ไห้ของที่ดีย่อมได้ของที่ดี
ผู้ให้ของที่ประเลริฐย่อมเขัาถึงลถานที่ประเลริฐ
นรขนใตให้ของที่เลิค ให้ของที่ตึ ให้ของที่ประเลริฐ
นรขนนั้นจะปังเกิด ณที่ใดๆ
ย่อมมิอ่ายุยึน มิยค คังนั้

(๓»/๗»-๗» มหาปทายีสูดว)

kalyanamitra.org
๔๓

ดูกรภิกษุทั้งหราย
วาจาประกอบด้วยองค์๔ ประการเป็นวาจาสุภาษิตไม่เป็นหุพภาษิต
เป็นวาจาไม่'มิโทษ วิญ[พูนไม่ติเตยน คือ
(<9) เป็นวาจาที่กล่าวถูกกาล
(เอ) เป็นวาจาทีกล่าวเป็นสัจ
(๓) เป็นวาจาที่กล่าวอ่อนหวาน
(๔) เป็นวาจาที่กล่าวประกอบด้ายประโยขน์
(๔) เป็นวาจาที่กล่าวประกอบด้วยเมตตาจิต

(๓๓/๓๕<9 วาจาสูดร)

การนินทาหรึอการสรรเสริญนึ้มิม่านต่โบราณ มิใซ่มิเทียงวันนั้

คนย่อมนินทาแม้ผู้นงนง แม้ผู้ทูตมาก แม้ผู้ทูตพอประมาณ


ผู้ไม่ถูกนินทาไม่'มิในโรก
บุรุษผู้ถูกนินทาโตยร่วนเคืยว หรึอถูกสรรเสริญโตยร่วนเคืยวไม่มิ
แร้วจักไม่มิ แระไม่มิในปัดนิ้

(๓๔/๕๙ คาถาธรรมบท)

ก็วาจาหยาบเซ่นเคืยวกับขวาน
เกตในปากของบุรุษแร้ว
เป็นเหตุตัตรอนตนเองของบุรุษผู้เป็นพาล
ผู้กร่าวค์าหุพภาษิต
ผู้ใดสรรเสริญคนที่ควรนินทา หรึอนินทาคนที่ควรสรรเสริญ
ผู้นั้นย่อมก่อโทษเ พราะปาก
ย่อมไม่ได้ความรุขเพราะโทษนั้น

(๓๙/'09๘ โกการิกสูดร)

บุคคลย่อมได้ขอเสึยงด้วยสัจจะ
(๓๙/๕๙๓ อาฬวกสูดร)

kalyanamitra.org
๔๔

แม่นาIปีนทื่อย่นฟ'}ฝูงปรา
ร่วนมากย่อมหรงไหรไป'รู่ร่าคร ห้วงทะเรหรวงอันจะประมาณไม่ไห้
มี'รื่งทีน่ากรัวมาก เปีนทื่อย่นห่งรัตนะหรายซนิด รันใด
ห้วงบุญย่อมหรั่งไหรเห้าร่นรซนผู้เปีนอัณหิด
ให้ห้าว นา เครื่องนุ่งห่ม ทื่นอน ทื่นั่ง เครื่องปูราด
เหมีอนห้วงนาหรงไหรเห้ารู่ร่าดร ฉะนั้น

(๓๓/๗๔ อภิหันทสูดร)

ดูกรภิกษุนั้งหราย
เราย่อมไม่เร์งเห้นธรรมอื่นอย่างหนึ่ง
ทื่เปีนเหตุให้อกุครธรรมที่อังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรึอกุครธรรมทีเกิดขึ้นนรัว เรื่อมไป

เหมึอนความเปีนผู้เกียจคร้าน
ดูกรภิกษุนั้งหราย
เมื่อบุคครเกียจคร้านนรัว
อกุคลธรรมทีอังไม'เกิด ย่อมเกิดขึ้น
แระกุครธรรมที่เกิดขึ้นนรัว ย่อมเรื่อมไป

(๓»/<*๔ บาลีแห่'นอกธรรม)

บุคคลพึงเปล่งวาจางามเห่านั้น ไม่พึงเปล่งวาจารัวเรย
การเปล่งวาจางามอังประโยซน์ให้ร่าเร็จ
ผู้'เปล่งวาจาซวย'อมเดึอดร้อน
(๔เท/๓๖ สารัมภชาดก)

บุรุษผู้กล่าวผัดเนี้ยนการงานที่ควรหำในวันนี้ว่าควรทำในวันหรุ่งนี้
การงานทีควรจะหำในวันทรุ่งนี้ว่าควรหำในวันต่อไป
ย่อมเรื่อมจากงานนั้น

(๔๓/๖๗๙ หัดถปาสชาดก)

kalyanamitra.org
ว้ธฟิกสมาธิเบองต้น

ต่อไปนํ๋ ให้ทดลองสกซ์'อมควบ ๓) นั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้า

คุมใจตนเองให้อยู่ในความสงบด้วยการ ซัาย มือขวาทับมือซัาย นั่วซีมือขวาจรด

ทำสมาธิในพุทธศาลนาตามแนววิชชา หัวแม่มือซัาย หลับดาพอปิดสนิท แต่


ธรรมกาย ไม่ดึงกับบีบกล้ามเนั่อดา ตั้งกายตรง
ดำรงสติมั่น
®') สำรวมใจ ระลึกถึงบุญกุศล
๔) กำหนดเครื่องหมา,ย ดวง
ที่เคยทำมาตีแล้วตลอดซีวิต เพึอยังความ
แก้ว ให้ไสเหมือนเพชรลูกที่เจียระไน
ชุ่มซืนให้แก่จิตใจ สิ่งใดล้ากระทำ ล้า
เป็นดวงกลม *1 ไม่มีตำหนิ สีขาวใสเยิน
เห็น ล้าได้ยิน ล้าระลึกถึงแล้วก่อให้เกิด
ตาเยินใจ โตเท่ากับแล้วดาดำ นเรียกว่า
ความไม่สบายใจ ควรเว้นเสีย
บรกรรมน้มืด น้อมมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลาง

๒) กราบบูชาพวะร*'ตนตร''ย กายฐานที่ ๗ (ดูภาพ) แล้วบริกรรม

หน้าที่บูชาพระ สมาทานศีลห้า (หรือ ภาวนาในใจเป็นพุทธานุสติว่า ส'ม่มใ


ศีลแปดดามกำลังศรัทธา) ตั้งใจรักษา อะระหง บริกรรมทั้งสองอย่างนํ๋ใพ้

ให้มั่น ควบคู่กันไบ

ภาหนสดงทคงสตทั้ง

หญิงข้างข้า E
านที • ปากช่องจมูก
ชายข้างขวา

หญิงข้างข้าย
านทิ ๒ เพลาค
ชายข้างขวา

านท้ on จอมป•ระสาท

นวมึอ
านที ๔ ช่องเพคาน

านท้ ๕ ปากชองลำคอ

านท้ ๖ ศูนย์กลางกาย:ะต้บละดีอ
fii'juilII' 11U

านที ๗ ศูนย์กลางกายที่รงขิ♦เทาวว

kalyanamitra.org
ภาทแflflivUhififa ๗ ฐาน

, หญิท่เา-)ข่าย
ฐานท • ปากข่องจมูก
1 ชายช้าท!วา

หญึท่เางข่าย

1 ชายช้าท!วา

ฐานที ๓ จอมปวะดาท

ฐานที่ ๔ ช่องเพดาน

ฐานที่ / ปากช่องดำคอ

ฐานที ๖ ศูนข้กดางกายวะด้บดะดึอ
ฐานที ๗ ศูนย์กดางกายที่รงจิดยาวว

เมื่อนิมิตเป็นดวงแก้วใสเกิดร้น ดวงแก้วที่เจียระไนแลัว ใสสะอาดไม่

แก้ว ให้หยุดบริกรรมภาวนาเหลือแด่ มีรอยขีดรอยร้าว สว่างเย็นตาเย็นใจ

การกำหนดสติอยู่กลางดวงนิมิตอย่าง ขนาดฺประมาณเท่าฟองไข่แดงของไข่ไก่
เดียว ก้าดวงนิมิตเกิดร้นที่อื่น เช่น ตวง หรืออย่างโตก็ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง

หัวตาบ้าง ข้างหน้าบัาง หน้าท้องบ้าง ประมาณหนึ่งคืบ เมื่อใจหยุดถูกส่วนเข้า

ให้น้อมเอานิมิตนั้น มาตั้งไว้ที่ศูนย์กลาง ในที่สุดจะมีรัศมีสว่างรอบดวงสามารถ


กายฐานที่ ๗ แด่อย่าใช่'แรงบังคับ เหินจุดศูนย์กลางดวง ซ็งมีขนาดเล็กเท่า
ทำใจให้หยุดเข้าไปดรงกลาง ดวงนิมิต ปลายเข็ม ดวงนิมิตนั้คือ ดวงธรรม

เรอยไปไม่ถอยหลังกลับ ดวงนิมิตก็จะ เรึยกว่า ดวงปฐมมรรค ที่ซือเช่นนั้


สว่างสดใสยิ่งร้น จะนิกให้ใหญ่หรือเล็ก เพราะเป็นหนทางเบื้องคันไปสู,มรรค

ก็ได้ตามปรารถนา ผลและนิพพาน ฉะนั้น ด้องหมั่น

ประคองรักษาไว้ให้ดี จนกว่าจะเหิน
เมื่อใจหยุดถูกส่วน นิมิดที่เกิด อยู่ตลอดเวลา ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน
ร้นจะ*หินได้ข้ดเจน มีลักษณะเหมือน จึงจะนับได้ว่า ได้ที่พึ่งอันประเสริขิ

kalyanamitra.org
ข้อควรวะว*ง

•• อย่าใช่กำลัง คึอ ไม่ใซักำลัง สว่างเป็นบาทเบื้องด้น เมื่อเกิดนิมิต


ได «1 ทั้งสั้น เช่น ไม,ปีบกล้ามเนื้อตา เป็นดวงสว่างแล้วค่อยเจริญวิปัสสนา
เพึ๋อจะให้เห็นนิมิตเร็ว *1 ไม่เกร็งแขน ในภายหลัง จึงไม่มีความจำเป็นต้อง
ไม่เกร็งกลัามเนื้อหนาท้อง ไม่เกร็งตัว กำหนดลมหายใจเข้าออกแต่ปวะการใด
เพราะ กาวใช่,กำลังตวงส่วนไหนของ ๔. เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว
ว่างกายก็ดาม จะทำให้จิตเคลื่อนจาก ให้ตั้งใจไว้ที่ศูนย์กลางกายที่เดียวไม่ว่า

ศูนย์กลางกายไปสู่จุดนั้น จะอยู่ในอิริยาบกใดก็ตาม เช่น ยึนก็ดี


๒. อย่าอยากเห็น คือ ทำใจให้ เดินภิดี นอนก็ดี หวือนั่งก็ดี ห้ามย้าย

เป็นกลาง ปวะดองสติมิให้เผลอจาก ฐานที่ตั้งจิตใจไปไว้ที่อื่นเป็นอันขาด

บริกววมภาวนาและบริกววมนิมิต ส่วน ให้ตั้งใจบริกววมภาวนาพว้อมกับนึกถึง


จะเห็นนิมิตเมํ่อใดนั้นอย่ากังวล ด้าถึง บริกววมนิมิตเป็นดวงแกัวใสควบคู่กัน
เวลาแลัวย่อมเห็นเอง กาวบังเกิดของ ตลอดไป
ดวงนิมิตอุปมาเสมือนกาวขื้นและดกของ ๔. นิมิตต่าง ๆ ที่เกิดขื้น จะ

ดวงอาทิตย์ไม่อาจจะเว่งเวลาได้ ต้องน้อมไปตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายทั้งหมด

๓. อย่ากังวลถึงกาวกำหนด ถ้ำนิมิตที่เกิดชื้นแล้วหายไปก็ไม่ต้อง

ลมหายใจเข้าออก เพวาะกาวฟิกเจริญ ตามหา ให้ภาวนาปวะดองใจต่อไปดาม


ภาวนาตามแนววิชชาธววมกายอาศัย ปกติ ในที่สุด เมื่อจิตสงบ นิมิตย่อม

กาวเพ่ง อาโลกกสิณ คือ กสิณแสง ปวากฎชื้นใหม่อีก

kalyanamitra.org
การเดินทางไปวด
ทุกวันอาทิตย์และวันสำคัญทางคาสนา มีรถบัสรอรับท่านจาก
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ด้านถนนพหลโยธิน) เวลา Oท1.๓๐ - ๐๘.๐๐ น.

รถประจำทาง รถประจำทางหลายสายสุดทางที่รังสิต (สาย ๒๙,

๓๔. ๓๙, ปอ.๔, ปอ.90, ปอ.99, ปอ.9๓)


รถส่วนคัว ใซัเวลาประมาณ ๔๕ นาที จากอนุสาวรีย้ชัยสมรภูมิ

พิมพ์ที่โรงพิมพ์อักษรสมัย ถ.ราชบพิตร กรุงเทพฯ ®๐๒๐๐

kalyanamitra.org
ขอให้ดูศัพท์คำว่า หนาที
พื้นที่ดินที่เรามี การจะเป็นพื้นที่ที่เกิดประโยชน์
พื้นที่นั้นควรจะติดถนน, ไม,ใช่เป็นพื้นที่ตัน ๆ
ถ้าพื้นที่นั้นไม่ติดถนน อย่างนี้เรียกว่าที่ไม่มีหน้1 ออกไม่ได้
ที่จะต้องมีหน้า ถ้าไม่มีหน้าหรือหน้าที่ไม่ดีก็ทำอะไรไม่ได้
ที่จึงต้องมีหน้า แล้วหน้าต้องเหมาะสมกับตัวของมันด้วย

มูลนิธิธรร ม ทาบ
kalyanamitra.org

You might also like