LECTURE 6

MESH CURRENT ANALYSIS

วิธีการวิเคราะห์ วงจรด้วยวิธี Mesh จะเป็ นการหากระแสไฟฟ้ าในแต่ละ

Mesh โดยใช้ KVL

ข้อจำกัดของวิธีการนีค
้ ือ จะใช้กับวงจรที่มีลักษณะเป็ น planar circuit

Planar circuit คือวงจรที่อุปกรณ์ทุกตัววางในแนวราบ

Planar circuit

4 nodes 5 branches

Non-planar circuit

ใช้วิเคราะห์กระแส mesh ไม่ได้

Mesh วงรอบปิ ดที่เล็กที่สุดในวงจร

Loop วงรอบปิ ดใดๆในวงจรไฟฟ้ า

วิธีการวิเคราะห์วงจรด้วยวิธีกระแส Mesh

1. กำหนดทิศทางของกระแสไฟฟ้ าลงในแต่ละ Mesh ของวงจรโดย

จะต้องมีทิศทางเดียวกันทัง้ วงจร
2. กำหนดตัวแปรกระแสลงในแต่ละ Mesh จนครบทัง้ หมด
i a ,i b , i c , i d , …
i 1 , i 2 ,i 3 ,i 4 , … .

3. เขียนสมการของ KVL ในแต่ละ Mesh จนครบทัง้ หมด

4. แก้สมการหากระแสไฟฟ้ าในแต่ละ Mesh ออกมา

การวิเคราะห์วงจรด้วย Mesh Current จะมี 2 แบบ

ขึน
้ อยู่กับ ชนิดของอุปกรณ์ที่นำมาต่อในวงจรไฟฟ้ า

กรณีที่ 1

1.วงจรประกอบไปด้วย R กับ Voltage

สามารถเขียนสมการได้ทันที

ตัวอย่าง

ที่ MESH ia ใช้ KVL

KVL 80+2 I A +3 I A −3 I B +40=0 สมการที ่ 1

 ที่ MESH ib ใช้ KVL

KVL 100+ 4 I B−40+3 I B−3 I A=0สมการที ่ 2

จากสมการที่1 5 I A −3 I B=−120

จากสมการที2 −3 I A +7 I B=−60

[−35 −37 ][ II ]=[−120

A

B −60 ]

I A=−39.23 A I B =−25.38 A

1. P=IV =80 ×−39.23=−3138.4 W

2. P=I 2 R=¿

3. P=IV =100×−25.38=−2538 W

4. P=I 2 R=¿

5. KCL=39.23−25.38+i x =0 i x =−13.85 A P=I 2 R= (−13.85 )2 ×3=+575.47 W

6. P=IV =−13.85 ×40=−554 W

∑ p=−3138.4+3078−2538+2576.6+575.5−554=0 W
กรณีที่ 2

ประกอบไปด้วย ตัว R , Voltage source , Current source

ถ้ามีแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้ า เพิ่มเข้ามาในวงจรแล้วต้องวิเคราะห์วิธี
Mesh จะพบว่าไม่สามารถ หาว่าแรงดันไฟฟ้ าที่ตกคร่อมแหล่งจ่ายกระแส
ได้ วิธีการทำมี ดังนี ้

1. ให้หาความเกี่ยวข้องของ Current Source กับตัวแปรกระแส

Mesh ในกระแสแล้วเขียน 1 สมการ
2. ให้เปิ ดวงจร Current Source ออกและเขียนสมการของ KVL ถ้า
เขียนได้

ตัวอย่าง

4 mesh 4 สมการ.
1 I A =5 A สมการที ่ 1

2−I D + I C + 4=0 → I D−I C =4 สมการที ่ 2

เขียนสมการของตัวจ่ายกระแสเสร็จแล้ว เปิ ดวงจร Current Source

KVL I B=25 I B −25 I A −60+20 I B −20 I C =0→−25 I A + 45 I B−20 I C =60 สมการที ่ 3

KVL I D , I C =20 I C −20 I B + 60+100+40 I C =0 →−20 I B +60 I C =−160 สมการที ่ 4

จากสมการที่ 3 แทน IA ¿ 4 5 I B −20 I C =185

[ ][ ]
0 −1 1 I B 3.43
45 −20 0 I C =[ −1.52 ]
−20 60 0 I D 2.48

I B=3.43 A I C =−1.52 A I D=2.48 A

1 P=I 2 R=¿

2. P=IV =2.48 ×100=+ 248W

KCL=−3.43+5+ I X =0 I X =−41.57 A

KCL=1.52+ 3.43+ I Y =0 I Y =−4.95 A

3. P=I 2 R=¿
2
4 P=I R=¿

V =IR=−1.57× 25=−39.25

5. P=IV =−5 ×39.23=−196.25W

KVL=−V Y + 60+100=0V Y =160 V

6. P=IV =−160 ×4=−640W

KCL=−4 +4.98+ I Z =0 I Z =−0.95 A

7. P=IV =−0.98 ×60=−57

∑ P=+92.41+284+ 61.6+490.05−39.5−196.25−640+57=0
ตัวอย่าง 2

1.วิธีโนด NODE VOLTAGE

V 2=0.4 V 1 สมการที ่ 1

V 1−V 3 V 1 −V 2
−5+ + =0 สมการที ่ 2
50 20

V 3−V 2 V 3 −V 1
+ −0.01V 1=0สมการที ่ 3
30 50

2.วิธี MESH
i 3=−5 A สมการที ่ 1

i 3−i 1=0.01 V 1 สมการที ่ 2

KVL=20 i2 +50 ( i 2−i 3 ) +30 ( i 2−i 1 )=0 สมการที ่ 3

หา V1 ใช้ KVL −0.4 V 1 +20 i 2 +V 1=0

 0.6 V 1 +20 i 2=0

V 1=−33.33 i 2

จากสมการที่ 2 ¿ i 3−i 1=0.01 ×−33.33 i2 →−0.33 i 2+ i1 =−5

จากสมการที่ 3 20 i 2+50 i 2−50 i 3+ 30i 2−30i 1=0

20 i 2+50 i 2 +30 i2 −30i 1=50 ×−5

−30 i 1+100 i 2=−250

[−301 100 ][ ] [ ]
−0.333 i 1
=
−5
i 2 −250

i 1=−6.48 A

i 2=−4.44 A