วิธีการบำบัดทางดนตรี- การวิเคราะห์เนื้อหาจากงานวิจัย

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 18

Journal of Public Health Vol.45 No.

2 (May-Aug 2015)

ÇÔ¸Õ¡ÒúíҺѴ·Ò§´¹µÃÕ: ¡ÒÃÇÔà¤ÃÒÐˏà¹×éÍËÒ¨Ò¡§Ò¹ÇÔ¨ÑÂ
¹Ñ·¸Õ àªÕ§ªÐ¹Ò* ÊÁªÑ µÃСÒÃÃØ‹§**

บทคัดย่อ ดังกล่าวใช้บำาบัดผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดมากที่สุด
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ (ร้อยละ 23.1) โดยส่วนใหญ่เน้นองค์ประกอบดนตรี
เนื้อหาด้านวิธีการบำาบัดทางดนตรีจากงานวิจัยทาง ด้านอัตราจังหวะเป็นหลักในการบำาบัด (ร้อยละ 13.8)
ดนตรีบาำ บัดในประเทศไทย งานวิจยั ทีน่ าำ มาวิเคราะห์ สำ า หรั บ ทั ก ษะดนตรี ที่ ใ ช้ ม ากที่ สุ ดในการบำ า บั ด คื อ
มีจำานวนทั้งหมด 65 เรื่อง เป็นงานวิจัยที่เผยแพร่ ทักษะการฟ˜ง (ร้อยละ 67.7) โดยส่วนใหญ่เป็นการฟ˜ง
ในช่วงปี พ.ศ. 2528-2553 จากสถาบันการศึกษา ผ่านดนตรีบันทึก (ร้อยละ 70.8) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อ
5 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย บำาบัดความเจ็บปวดมากทีส่ ดุ (ร้อยละ 20) รองลงมา
มหิดล มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัย ใช้ลดความวิตกกังวล (ร้อยละ 16.9) ในด้านการสรุป
เชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น เก็บรวบรวม ผลที่ได้จากการบำาบัดทางดนตรี พบว่า ผลการวิจัย
116 ข้อมูลโดยใช้แบบบันทึกสาระด้านวิธีการบำาบัดทาง ส่วนใหญ่มคี วามสอดคล้องและเป็นไปตามวัตถุประสงค์
ดนตรี จากนัน้ ทำาการวิเคราะห์ขอ้ มูลด้วยการวิเคราะห์ และสมมติฐานการวิจยั (ร้อยละ 69.2) แสดงให้เห็นว่า
เนื้อหา โดยใช้สถิติเชิงบรรยาย เพื่อจำาแนกและจัด ดนตรีมีประสิทธิผลต่อการบำาบัดและการส่งเสริม
หมวดหมูส่ าระจากงานวิจยั ผลการสังเคราะห์งานวิจยั สุขภาพ
พบว่า รูปแบบวิธกี ารบำาบัดทางดนตรีทใ่ี ช้มากทีส่ ดุ คือ
กิจกรรมการฟ˜งดนตรี (ร้อยละ 55.4) รองลงมาคือ ¤íÒÊíÒ¤ÑÞ: วิธีการบำาบัดทางดนตรี, ดนตรีบำาบัด,
กิจกรรมดนตรีทห่ี ลากหลาย ซึง่ รวมถึงกิจกรรมการฟ˜ง การสังเคราะห์งานวิจัย, การวิเคราะห์
การร้องเพลง การเล่นเครื่องดนตรี การเคลื่อนไหว เนื้อหา
และการสร้างสรรค์ (ร้อยละ 10.8) กิจกรรมดนตรี

วารสารสาธารณสุขศาสตร์ 2558; 45(2): 116-133


* ภาควิชาหูหนวกศึกษา วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล
** สาขาวิชาดนตรีศึกษา วิทยาลัยดุริยางคศิลปŠ มหาวิทยาลัยมหิดล
ÇÒÃÊÒÃÊÒ¸ÒóÊØ¢ÈÒʵÏ »‚·Õè 45 ©ºÑº·Õè 2 (¾.¤.-Ê.¤. 2558)

ดนตรีบำาบัด (Music Therapy) เป็นศาสตร์ที่ (Physical Impairment) และงานวิจยั ของ Schneider,


นำาดนตรีเข้ามาใช้ในทางการแพทย์ โดยมีเป้าหมายเพือ่ Schonle, Altenmuller, & Munte4 ซึง่ ใช้เครือ่ งดนตรี
บำาบัด รักษา ฟ„œนฟูอาการเจ็บป่วย ผ่านองค์ประกอบ เพื่อบำาบัดฟ„œนฟูการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อของ
ของดนตรีในด้านรูปแบบจังหวะ ทำานอง เสียงประสาน ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ในด้านการบำาบัดทักษะ
อัตราจังหวะ ความดัง-เบา รูปพรรณ ในป˜จจุบัน การสือ่ สาร (Communication Skills) เช่น งานวิจยั
American Music Therapy Association1 ได้ให้ ของ Groß, Linden, & Ostermann5 ได้ทาำ การศึกษา
ความหมายของดนตรี บำ า บั ด ไว้ ว่ า ดนตรี บำ า บั ด นำาร่องเกี่ยวกับผลของดนตรีบำาบัดในเด็กที่มีความ
หมายถึง การใช้ดนตรีโดยผู้เชี่ยวชาญในการบำาบัด ผิดปกติด้านการพูด และงานวิจัยของ Kennedy &
รักษาเพือ่ ส่งเสริมหรือซ่อมแซมผูป้ ว่ ยในด้านร่างกาย Scott6 ได้ทำาการศึกษานำาร่องเกี่ยวกับการใช้ดนตรี
อารมณ์ สติป˜ญญา และการเข้าสังคม หลังจากที่ได้ เพือ่ พัฒนาทักษะการรือ้ ฟ„นœ เรือ่ งราวและทักษะการพูด
มีการประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของผู้ป่วยแล้วนั้น ภาษาอังกฤษของนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็น
นักดนตรีบำาบัดจะระบุวิธีการรักษาในลักษณะต่าง ๆ ภาษาที่สอง (ESL) ในระดับชั้นมัธยมศึกษา ในด้าน
ได้แก่ การสร้างสรรค์ การร้องเพลง การเคลื่อนไหว การบำาบัดทักษะทางสติป˜ญญา (Cognitive Skills)
ไปกับดนตรี หรือการฟ˜งบทเพลง ซึ่งมีงานวิจัยทาง เช่น งานวิจัยของ Moore, Peterson, O’Shea,
ดนตรีบาำ บัดได้กล่าวสนับสนุนประสิทธิภาพของดนตรี Mclntosh, & Thaut7 ได้ทำาการศึกษาประสิทธิผล 117
บำาบัดในหลากหลายมิตดิ ว้ ยกัน เช่น การฟ„นœ ฟูสขุ ภาพ ของดนตรีทใี่ ช้เป็นเครือ่ งมือในการช่วยจำา โดยทำาการ
ร่างกาย ส่งเสริมการเคลื่อนไหว จูงใจผู้ป่วยเพื่อให้ ศึกษากับผู้ป่วยที่เป็นโรคปลอกประสาทเสื่อม และ
เข้ามาร่วมกิจกรรมดนตรีบาำ บัด เสริมสร้างความสัมพันธ์ งานวิจัยของ Ceccato, Caneva, & Lamonaca8
ระหว่างผู้ป่วยและครอบครัว และส่งเสริมให้ผู้ป่วย ได้ศึกษาเกี่ยวกับดนตรีบำาบัดที่ใช้ในการฟ„œนฟูทาง
แสดงอารมณ์ความรู้สึกผ่านตัวดนตรี สติป˜ญญาในผู้ป่วยโรคจิตเภท สำาหรับในด้านสุดท้าย
ด้วยความสำาคัญของศาสตร์ทางดนตรีบำาบัด คือ ด้านการบำาบัดทักษะทางสังคม-อารมณ์ (Social-
จึ ง มี นั ก วิ จั ย หลายท่ า นได้ ทำ า งานวิ จั ย เพื่ อ พั ฒ นา emotional Skills) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยที่ศึกษา
องค์ความรูท้ างดนตรีบาำ บัด โดยเฉพาะการพัฒนาวิธี กับเด็กออทิสซึม เช่น งานวิจัยของ Katagiri9 ได้
การบำาบัดทางดนตรีเพือ่ บำาบัดผูป้ ว่ ยทีม่ คี วามผิดปกติ ทำาการศึกษาผลของการใช้ดนตรีและเนือ้ เพลงในการ
ในด้านต่างๆ เช่น การบำาบัดทักษะการเคลื่อนไหว พั ฒ นาความเข้ าใจทางอารมณ์ ข องเด็ ก ออทิ ส ซึ ม
(Motor Skills) ได้แก่ งานวิจัยของ de Dreu, van งานวิจยั ของ Kern, Wolery, & Aldridge10 ซึง่ ศึกษา
der Wilk, Poppe, Kwakkel, & van Wegen2 ผลของการใช้บทเพลงเพื่อส่งเสริมกิจวัตรประจำาวัน
ได้ทำาการศึกษาเกี่ยวกับการบำาบัดฟ„œนฟูสมรรถภาพ ในการทักทายในตอนเช้าของเด็กออทิสซึม และ
ทางร่างกายของผูป้ ว่ ยโรคพาร์กนิ สันโดยใช้การบำาบัด งานวิจัยของ Starr & Zenker11 ที่ศึกษาเกี่ยวกับ
ทางร่างกายร่วมกับดนตรี งานวิจัยของ Lim, Miller, การใช้คยี บ์ อร์ดในกิจกรรมดนตรีบาำ บัดเพือ่ พัฒนาและ
& Fabian3 ได้ทำาการศึกษาผลของการบำาบัดด้วย ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมของเด็กออทิสซึม
เครื่ อ งดนตรี ใ นผู้ ป่ ว ยที่ มี ค วามพิ ก ารทางร่ า งกาย
Journal of Public Health Vol.45 No.2 (May-Aug 2015)

ในป˜จจุบนั งานวิจยั ทางดนตรีบาำ บัดในประเทศไทย ตลอดจนพั ฒ นาการเรี ย นการสอนและการวิ จั ย


มีจำานวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีหลายองค์กร ในสาขาวิชาดนตรีบำาบัดในประเทศไทยต่อไป
ให้ความสนใจในการนำาดนตรีมาใช้ในการบำาบัดผูป้ ว่ ย
ด้วยจำานวนงานวิจัยที่เพิ่มขึ้น จึงเท่ากับว่ามีนักวิจัย วัตถุประสงค์ของการศึกษา
ได้พฒ ั นาวิธกี ารบำาบัดทางดนตรี (Music Intervention) การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์
เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน จากองค์ความรู้ในงานวิจัยที่ เนื้อหาด้านวิธีการบำาบัดทางดนตรีจากงานวิจัยทาง
เพิ่มขึ้นนี้เองจึงควรค่าแก่การสังเคราะห์องค์ความรู้ ดนตรีบำาบัดในประเทศไทย ที่จัดทำาขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ.
ด้านวิธกี ารบำาบัดทางดนตรีจากงานวิจยั การสังเคราะห์ 2528-2553 โดยทำาการสังเคราะห์สาระจากวิธีการ
งานวิจยั เป็นการสรุปรวมองค์ความรูท้ ไ่ี ด้จากงานวิจยั บำาบัดทางดนตรีใน 9 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่ รูปแบบ
หลาย ๆ เล่ม ผลจากการสังเคราะห์งานวิจยั จะแสดงถึง วิธีการบำาบัดทางดนตรี กลุ่มผู้รับการบำาบัด แนวคิด/
ข้อสรุปขององค์ความรูท้ สี่ มบูรณ์ ซึง่ จะเป็นประโยชน์ ทฤษ®ีที่ใช้ องค์ประกอบทางดนตรี ทักษะทางดนตรี
ต่อการพัฒนาและต่อยอดองค์ความรูใ้ นศาสตร์สาขา ลักษณะของดนตรี อาการ/พฤติกรรมที่ทำาการบำาบัด
ต่าง ๆ ต่อไป ดังที่ Wiratchai & Wongwanich12 การตรวจสอบคุณภาพของวิธกี ารบำาบัด และการสรุป
ได้กล่าวว่า การสังเคราะห์งานวิจัย (Research ผลที่ได้จากการบำาบัดทางดนตรี
118 Synthesis) เป็นระเบียบวิธีการศึกษาหาข้อเท็จจริง
เพือ่ ตอบป˜ญหาวิจยั เรือ่ งใดเรือ่ งหนึง่ โดยการรวบรวม วิธีการศึกษา
งานวิจยั ทีเ่ กีย่ วกับป˜ญหานัน้ ๆ มาศึกษาวิเคราะห์ดว้ ย การวิ จั ยในครั้ ง นี้ ใ ช้ ร ะเบี ย บวิ ธี วิ จั ย เอกสาร
วิธีการทางสถิติ และนำาเสนอข้อสรุปอย่างมีระบบ (Documentary Research) ในการวิเคราะห์เนื้อหา
ให้ได้คำาตอบของป˜ญหาที่เป็นข้อยุติ และสั ง เคราะห์ อ งค์ ค วามรู้ ด้ า นวิ ธี ก ารบำ า บั ด
ด้ ว ยประโยชน์ ข องการสั ง เคราะห์ ง านวิ จั ย ทางดนตรีจากงานวิจัยทางดนตรีบำาบัดที่จัดทำาขึ้น
จึงทำาให้ผู้วิจัยสนใจที่จะสังเคราะห์องค์ความรู้ด้าน ในประเทศไทย
วิธีการบำาบัดทางดนตรีจากงานวิจัยทางดนตรีบำาบัด แหล่งเอกสารที่ใช้ในการสังเคราะห์ ได้แก่
ทีท่ าำ ขึน้ หรือศึกษาในบริบทของประเทศไทย ด้วยวิธกี าร บทความวิจยั รายงานวิจยั วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์
วิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยในครั้งนี้จะเป็นการสรุป ในด้านดนตรีบาำ บัดทีจ่ ดั ทำาขึน้ ในประเทศไทย และมีการ
องค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการบำาบัดทางดนตรีที่มีการใช้ เผยแพร่ในฐานข้อมูลวิจยั ในระดับชาติหรือนานาชาติ
ในบริบทของสังคมไทย ทำาให้ทราบถึงขอบเขตของ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 จนถึง ปี พ.ศ. 2553 งานวิจัย
องค์ความรู้ สถานภาพและทิศทางของวิธีการบำาบัด ดังกล่าวจะต้องรายงานข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการบำาบัด
ทางดนตรีในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ ทางดนตรีที่ใช้ในการศึกษาวิจัยอย่างชัดเจน โดยมี
นักดนตรีบำาบัด บุคลากรทางการแพทย์ ครู อาจารย์ การรายงานข้ อ มู ล เกี่ ย วกั บ รู ป แบบวิ ธี ก ารบำ า บั ด
และผู้ที่เกี่ยวข้องในศาสตร์ทางดนตรีบำาบัด โดย กลุม่ ผูร้ บั การบำาบัดแนวคิดหรือทฤษ®ีทใ่ี ช้ องค์ประกอบ
สามารถนำาองค์ความรูท้ ไี่ ด้จากงานวิจยั ในครัง้ นีไ้ ปใช้ ทางดนตรี ทักษะทางดนตรี ลักษณะของดนตรีที่ใช้
เป็นแนวทางในการพัฒนาวิธีการบำาบัดทางดนตรี อาการ/พฤติกรรมทีท่ าำ การบำาบัด การตรวจสอบคุณภาพ
ÇÒÃÊÒÃÊÒ¸ÒóÊØ¢ÈÒʵÏ »‚·Õè 45 ©ºÑº·Õè 2 (¾.¤.-Ê.¤. 2558)

ของวิธกี ารบำาบัด และการสรุปผลการบำาบัดทีช่ ดั เจน โดยผู้วิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีบำาบัด จำานวน


การสืบค้นแหล่งเอกสารดังกล่าว ผู้วจิ ัยทำาการ 1 ท่าน ก่อนนำาแบบบันทึกไปเก็บข้อมูลจริง ซึ่งจาก
สืบค้นจากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ไทยของศูนย์บริการ ผลการตรวจสอบได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.95
สารสนเทศทางเทคโนโลยีไทย (TIAC) EBSCO การเก็บรวบรวมข้อมูล แบ่งออกเป็น 6 ขัน้ ตอน
CINAHL และสืบค้นจากฐานข้อมูลห้องสมุดกลางของ ได้แก่ 1) สืบค้นบทความวิจัย และรายงานวิจัยทาง
มหาวิทยาลัยในประเทศไทยทุกแห่ง โดยใช้คำาสืบค้น ดนตรีบำาบัดที่เกี่ยวข้องกับวิธีการบำาบัดทางดนตรี
ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษดังนี้ “ดนตรีบำาบัด” 2) อ่านงานวิจยั รอบแรกเพือ่ คัดเลือกงานวิจยั ตามเกณฑ์
“ดนตรีและการบำาบัด” “เพลงและการบำาบัด” “ดนตรี ทีก่ าำ หนดขึน้ 3) การอ่านงานวิจยั รอบทีส่ องเพือ่ ศึกษา
และผู้ป่วย” “เพลงและผู้ป่วย” “ดนตรีและเด็กที่มี เนือ้ หาสาระของงานวิจยั ในภาพรวม 4) อ่านงานวิจยั
ความต้องการพิเศษ” “เพลงและเด็กทีม่ คี วามต้องการ รอบทีส่ ามอย่างละเอียด เพือ่ บันทึกสาระของงานวิจยั
พิเศษ” “Music therapy” “Song and Therapy” เกี่ยวกับวิธีการบำาบัดทางดนตรี 5) ตรวจสอบความ
“Music and Patients” “Song and Patients” ถูกต้องและความครบถ้วนของข้อมูลที่บันทึก และ
“Music and Children with special needs” 6) นำาสาระที่บันทึกได้จากงานวิจัยมาวิเคราะห์และ
“Music and People with disabilities” สังเคราะห์เพื่อสรุปองค์ความรู้
จากการสืบค้น ผู้วิจัยได้งานวิจัยที่ผ่านเกณฑ์ การวิเคราะห์ข้อมูลในงานวิจัยนี้ ผู้วิจัยใช้การ 119
ในการคัดเลือกจำานวนทั้งหมด 65 เล่ม จากสถาบัน วิเคราะห์เนือ้ หา (Content Analysis) เพือ่ จัดหมวดหมู่
การศึกษา 5 แห่งได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจำาแนกประเภทของวิธกี ารบำาบัดทางดนตรี โดยใช้
13 เล่ม มหาวิทยาลัยมหิดล 21 เล่ม มหาวิทยาลัย สถิติเชิงบรรยาย (Descriptive Statistics) ในการ
ศรีนครินทรวิโรฒ 15 เล่ม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วิเคราะห์ความถี่ และร้อยละของวิธีการบำาบัดทาง
7 เล่ม และมหาวิทยาลัยขอนแก่น 9 เล่ม ดนตรีในแต่ละประเด็น
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึก
สาระด้านวิธีการบำาบัดทางดนตรี ซึ่งเป็นแบบบันทึก ผลการศึกษา
ทีอ่ ยูใ่ นรูปแบบของการตรวจสอบรายการ (Checklist) ผลการวิเคราะห์จาำ นวนและร้อยละของรูปแบบ
การลงรหัส (Coding) และการเขียนตอบ ผูว้ จิ ยั พัฒนา วิธีการบำาบัดทางดนตรี พบว่า รูปแบบวิธีการบำาบัด
ขึ้นจากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ทางดนตรีที่ใช้มากที่สุด คือ กิจกรรมการฟ˜งดนตรี
และตรวจสอบคุณภาพของเครือ่ งมือในด้านความตรง (ร้อยละ 55.4) รองลงมาคือ กิจกรรมดนตรีทห่ี ลากหลาย
ตามเนื้อหา (Content Validity) จากผู้เชี่ยวชาญ ซึง่ รวมถึงกิจกรรมการฟ˜ง การร้อง การเล่นเครือ่ งดนตรี
เพื่อให้ได้ข้อคำาถามที่มีความตรงและสอดคล้องกับ การเคลื่อนไหว และการสร้างสรรค์ (ร้อยละ 10.8)
วัตถุประสงค์ของการวิจยั ในการอ่านและบันทึกสาระ รองลงมาคือกิจกรรมการฟ˜งดนตรีร่วมกับการบำาบัด
จากงานวิจยั ทำาโดยผูว้ จิ ยั 1 ท่าน โดยมีการตรวจสอบ อืน่ ๆ (ร้อยละ 9.2) ส่วนรูปแบบวิธกี ารบำาบัดทางดนตรี
ความเที่ ย งของแบบบั น ทึ กโดยใช้ วิ ธี ก ารหาความ ที่มีการใช้น้อยที่สุด คือ การบำาบัดโดยใช้การขับร้อง
สอดคล้องระหว่างผู้บันทึก (Inter-rater Reliability) การบรรเลงเครือ่ งดนตรี และกิจกรรมดนตรีของออร์ฟ
Journal of Public Health Vol.45 No.2 (May-Aug 2015)

ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นมีความถี่เท่ากัน (ร้อยละ 3.1) พบว่า วิธกี ารบำาบัดส่วนใหญ่ใช้องค์ประกอบทางดนตรี


ดังรายละเอียดในตารางที่ 1 ด้านอัตราจังหวะ (Tempo) มากทีส่ ดุ (ร้อยละ 13.8)
เมื่อพิจารณารูปแบบวิธีการบำาบัดจำาแนกตาม รองลงมาเป็นงานวิจัยที่ใช้องค์ประกอบด้านรูปแบบ
ประเภทของกลุ่มผู้รับการบำาบัด พบว่า ในกิจกรรม จังหวะ (Rhythm) และงานวิจัยที่ใช้ทั้งองค์ประกอบ
การฟ˜งดนตรีใช้บาำ บัดในกลุม่ ผูป้ ว่ ยทีเ่ ข้ารับการผ่าตัด ด้าน ทำานอง (Melody) และอัตราจังหวะ (Tempo)
มากทีส่ ดุ (ร้อยละ 15.4) รองลงมาคือผูป้ ว่ ยโรคมะเร็ง ร่วมกัน ซึง่ มีจาำ นวนเท่ากัน (ร้อยละ 10.8) รองลงมา
(ร้อยละ 9.2) ในกิจกรรมการฟ˜งดนตรีรว่ มกับการบำาบัด คือ งานวิจยั ทีใ่ ช้องค์ประกอบรูปแบบจังหวะ(Rhythm)
อื่นๆ ใช้ในกลุ่มผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดมากที่สุด ทำานอง (Melody) อัตราจังหวะ (Tempo) และความ
เช่นเดียวกัน (ร้อยละ 7.7) ในกิจกรรมดนตรีที่ ดัง-เบา (Dynamics) ร่วมกัน (ร้อยละ 9.2)
หลากหลายร่วมกับการบำาบัดอืน่ ๆ และการใช้กจิ กรรม ในด้านผลการวิเคราะห์ทักษะทางดนตรีที่ใช้
ดนตรี ที่ ห ลากหลายในการบำ า บั ด เพี ย งอย่ า งเดี ย ว ในการบำาบัดพบว่า วิธีการบำาบัดส่วนใหญ่ใช้ทักษะ
ซึ่ ง ส่ ว นใหญ่ จ ะใช้ กั บ เด็ ก ที่ มี ค วามต้ อ งการพิ เ ศษ ดนตรีด้านการฟ˜งมากที่สุด (ร้อยละ 67.7) รองลงมา
(ร้อยละ 4.6 และ 6.2) สำาหรับในด้านการบำาบัดโดย คือ งานวิจยั ทีผ่ สมผสานทักษะด้านการขับร้อง การเล่น
เน้นการเคลือ่ นไหวประกอบดนตรี จะใช้บาำ บัดในกลุม่ เครือ่ งดนตรี การฟ˜ง และการเคลือ่ นไหว (ร้อยละ 9.2)
120 ผูป้ ว่ ยเด็กมากทีส่ ดุ ได้แก่ เด็กทีม่ คี วามต้องการพิเศษ เมื่ อ พิ จ ารณาผลการวิ เ คราะห์ จำ า นวนและ
(ร้อยละ 4.6) และเด็กปฐมวัย (ร้อยละ 3.1) จากผล ร้อยละลักษณะของดนตรีที่ใช้ในการบำาบัด พบว่า
การวิจยั ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ากลุม่ ทีเ่ ข้ารับการบำาบัด วิธีการบำาบัดส่วนใหญ่ใช้ดนตรีประเภทดนตรีบันทึก
ทางดนตรีมากทีส่ ดุ คือ กลุม่ ผูป้ ว่ ยทีเ่ ข้ารับการผ่าตัด (Recorded Music) (ร้อยละ 70.8) รองลงมาเป็น
(ร้อยละ 23.1) รองลงมาคือเด็กทีม่ คี วามต้องการพิเศษ งานวิจัยที่ใช้ทั้งดนตรีบันทึกและดนตรีบรรเลงสด
(ร้อยละ 21.5) ส่วนกลุม่ ทีเ่ ข้ารับการบำาบัดทางดนตรี ร่วมกัน (Recorded & Live Music) (ร้อยละ 18.5)
น้อยที่สุดคือกลุ่มผู้ป่วยทางจิตเวช (ร้อยละ 3.1) ส่วนดนตรีบรรเลงสด (Live Music) มีการใช้ในวิธกี าร
ดังรายละเอียดในตารางที่ 1 บำาบัดน้อยที่สุด (ร้อยละ 10.8)
เมื่ อ พิ จ ารณาผลการวิ เ คราะห์ จำ า นวนและ ในด้ า นผลการวิ เ คราะห์ จำ า นวนและร้ อ ยละ
ร้อยละของแนวคิดและทฤษ®ีทนี่ าำ มาใช้ในการพัฒนา ของอาการ/พฤติ ก รรมที่ ทำ า การบำ า บั ด จำ า แนกตาม
วิธีการบำาบัดทางดนตรี พบว่า งานวิจัยส่วนใหญ่ พัฒนาการในด้านต่าง ๆ พบว่า อาการ/พฤติกรรมที่
ไม่ระบุแนวคิดหรือทฤษ®ีทนี่ าำ มาพัฒนาวิธกี ารบำาบัด มีการศึกษามากที่สุดคือ ความเจ็บปวด ซึ่งจัดอยู่ใน
(ร้อยละ 72.3) ส่วนงานวิจัยร้อยละ 24.6 ใช้แนวคิด พัฒนาการด้านร่างกาย (ร้อยละ 20) รองลงมาคือ
ทางดนตรีบำาบัดเป็นหลักในการพัฒนาวิธีการบำาบัด ความวิตกกังวล (ร้อยละ 16.9) ภาวะซึมเศร้า/ว้าเหว่
และยังพบงานวิจัยอีกร้อยละ 3.1 ที่นำาหลักการสอน และคุณภาพการนอนหลับ ซึง่ มีจาำ นวนเท่ากัน (ร้อยละ
ดนตรีของออร์ฟมาประยุกต์ใช้เป็นหลักในการบำาบัด 7.7) โดยทั้ง 3 ตัวแปรนี้จัดอยู่ในพัฒนาการด้าน
ในด้ า นผลการวิ เ คราะห์ จำ า นวนและร้ อ ยละของ อารมณ์
องค์ประกอบทางดนตรีทน่ี าำ มาใช้เป็นหลักในการบำาบัด
Table 1 Cross-tabulation of The Music Interventions With Types of Population.
Types of Population
Music Interventions
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 Total
1. Listening activities 1 2 10 0 3 5 6 3 3 3 0 0 36
(1.5%) (3.1%) (15.4%) (0%) (4.6%) (7.7%) (9.2%) (4.6%) (4.6%) (4.6%) (0%) (0%) (55.4%)
2. Listening activities and other 0 1 5 0 0 0 0 0 0 0 0 0 6
treatments (0%) (1.5%) (7.7%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (9.2%)
3. Various music activities and 3 1 0 0 0 0 0 0 0 0 1 0 5
other treatments (4.6%) (1.5%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (1.5%) (0%) (7.7%)
4. Various music activities 4 0 0 1 0 0 0 0 0 0 2 0 7
(6.2%) (0%) (0%) (1.5%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (3.1%) (0%) (10.8%)
5. Movement to music 3 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 2 5
ÇÒÃÊÒÃÊÒ¸ÒóÊØ¢ÈÒʵÏ »‚·Õè 45 ©ºÑº·Õè 2 (¾.¤.-Ê.¤. 2558)

(4.6%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (3.1%) (7.7%)
6. Singing activities 2 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 2
(3.1%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (3.1%)
7. Instrumental playing 0 1 0 1 0 0 0 0 0 0 0 0 2
(0%) (1.5%) (0%) (1.5%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (3.1%)
8. Orff-based music activities 1 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 1 2
(1.5%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (0%) (1.5%) (3.1%)
Total 14 5 15 2 3 5 6 3 3 3 3 3 65
(21.5%) (7.7%) (23.1%) (3.1%) (4.6%) (7.7%) (9.2%) (4.6%) (4.6%) (4.6%) (4.6%) (4.6%) (100%)
Types of Population 1 = Children with special needs 2 = Elderly 3 = Surgical patients 4 = Psychiatric patients 5 = Trauma patients
6 = Emergency patients 7 = Cancer patients 8 = Cardiac patients 9 = Pregnant woman 10 = Wellbeing people
11 = Adolescents in welfare institutions 12 = Children in early childhood
121
Journal of Public Health Vol.45 No.2 (May-Aug 2015)

สำ า หรั บ ผลการวิเคราะห์จำา นวนและร้อ ยละ ผลการวิจัยของ Silverman13 ซึ่งทำาการวิเคราะห์


การตรวจสอบวิธีการบำาบัด พบว่า วิธีการบำาบัด อภิมานอิทธิพลของดนตรีบาำ บัดต่ออาการป่วยทางจิต
ส่วนใหญ่ใช้วธิ กี ารตรวจสอบโดยผูเ้ ชีย่ วชาญมากทีส่ ดุ ผลการวิจัยพบว่า กิจกรรมดนตรีบำาบัดที่มีการใช้
(ร้อยละ 40) รองลงมาใช้การตรวจสอบโดยผูเ้ ชีย่ วชาญ มากที่ สุ ด คื อ กิ จ กรรมดนตรี บำ า บั ด ที่ เ น้ น ทั ก ษะ
และการวิจัยนำาร่อง (Pilot Study) (ร้อยละ 26.2) การฟ˜ง โดยเฉพาะการฟ˜งดนตรีแบบผ่านหู (Passive
และยังมีวิธีการบำาบัดอีกร้อยละ 29.2 ที่ไม่ระบุการ Listening) เมือ่ พิจารณาถึงลักษณะของการฟ˜งผ่านหู
ตรวจสอบคุณภาพวิธีการบำาบัด พบว่า เป็นกิจกรรมทางดนตรีทไี่ ม่ยากและเป็นทีน่ ยิ ม
เมื่ อ พิ จ ารณาผลการวิ เ คราะห์ จำ า นวนและ ของคนส่วนใหญ่ที่มักจะหาความสุข สนุกสนานและ
ร้อยละของการสรุปผลการวิจัยจากการบำาบัดด้วย ความผ่อนคลายผ่านการฟ˜งเพลงอยู่บ่อย ๆ ในชีวิต
ดนตรี พบว่า ผลการวิจัยส่วนใหญ่มีความสอดคล้อง ประจำาวัน สอดคล้องกับผลการวิจัยของ Tridech14
และเป็นไปตามวัตถุประสงค์และสมมติฐานการวิจัย ซึ่งทำาการสำารวจความคิดเห็นของนักศึกษาระดับ
(ร้อยละ 69.2) รองลงมาคือมีบางตัวแปรเท่านั้นที่ ปริญญาตรี คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัย
สอดคล้อง และเป็นไปตามวัตถุประสงค์และสมมติฐาน มหิดล เกีย่ วกับการปฏิบตั ติ นเมือ่ มีความสุข ผลการวิจยั
การวิจัย (ร้อยละ 27.7) และส่วนที่เหลือคืองานวิจัย พบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่มคี วามคิดทีส่ อดคล้องกันว่า
122 ที่มีการสรุปผลว่า ไม่สอดคล้องและไม่เป็นไปตาม กิจกรรมการฟ˜งเพลงเป็นกิจกรรมทีป่ ฏิบตั เิ ป็นประจำา
วัตถุประสงค์และสมมติฐานการวิจัย (ร้อยละ 3.1) เมือ่ ตนเองรูส้ กึ มีความสุข จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้
อย่างไรก็ตามเมือ่ พิจารณาประสิทธิผลของดนตรีทใี่ ช้ เห็นว่า กิจกรรมการฟ˜งเพลงนอกจากจะใช้ในเชิงของ
ในการบำาบัดจากผลการวิเคราะห์โดยรวม พบว่า การบำาบัดแล้ว ยังเป็นทีน่ ยิ มใช้ในการส่งเสริมความสุข
งานวิจยั โดยส่วนใหญ่ให้ขอ้ สรุปอย่างชัดเจนว่า ดนตรี ได้อีกด้วย
มีประโยชน์และมีประสิทธิผลต่อการบำาบัดและการ เมื่อพิจารณาผลการสังเคราะห์ในด้านรูปแบบ
ส่งเสริมสุขภาพ กิจกรรมการฟ˜งดนตรี พบว่า ส่วนใหญ่ใช้ในการบำาบัด
กลุม่ ผูป้ ว่ ยทีเ่ ข้ารับการผ่าตัด และรองลงมาใช้ในกลุม่
อภิปรายผล ผูป้ ว่ ยโรคมะเร็ง โดยมีเป้าหมายในการบำาบัดเพือ่ บรรเทา
ผลการวิเคราะห์จาำ นวนและร้อยละของรูปแบบ ความเจ็บปวด และลดความวิตกกังวล สอดคล้องกับ
วิธีการบำาบัดทางดนตรี พบว่า รูปแบบวิธีการบำาบัด ผลการสังเคราะห์เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผล
ทางดนตรีที่ใช้มากที่สุด คือ กิจกรรมการฟ˜งดนตรี ในงานวิจัยทางดนตรีบำาบัดในประเทศไทย ซึ่งพบว่า
เมือ่ พิจารณาผลการวิจยั ด้านนีร้ ว่ มกับผลการวิเคราะห์ มีการใช้แบบวัดความเจ็บปวด และแบบวัดความวิตก
จำานวนและร้อยละของทักษะทางดนตรีที่ใช้ในการ กังวลในการประเมินอาการหรือพฤติกรรมของผู้ป่วย
บำาบัด พบว่า วิธีการบำาบัดส่วนใหญ่ใช้ทักษะดนตรี ในกลุ่มดังกล่าวมากที่สุด15
ด้านการฟ˜งซึง่ ทัง้ ผลการวิจยั ด้านรูปแบบวิธกี ารบำาบัด เมือ่ พิจารณาถึงลักษณะของกิจกรรมดนตรีทใี่ ช้
และด้ า นทั ก ษะดนตรี ที่ ใ ช้ ใ นวิ ธี ก ารบำ า บั ด มี ค วาม ในการบำาบัด พบว่า ส่วนใหญ่เป็นการเปดดนตรีบนั ทึก
สอดคล้องกัน และผลการวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับ (Recorded Music) ให้ผู้ป่วยฟ˜ง แต่เมื่อพิจารณา
ÇÒÃÊÒÃÊÒ¸ÒóÊØ¢ÈÒʵÏ »‚·Õè 45 ©ºÑº·Õè 2 (¾.¤.-Ê.¤. 2558)

ถึงประสิทธิภาพและความชืน่ ชอบของผูร้ บั การบำาบัด จากใยประสาทขนาดใหญ่จะไปกระตุ้นเซลล์ S.G.


ทางดนตรีระหว่างดนตรีบันทึก (Recorded Music) (Substantia Gelatinosa) ในไขสันหลังให้ยับยั้ง
และดนตรีบรรเลงสด (Live Music) จากงานวิจัย กระแสประสาทไม่ให้ไปประสานกับ T Cell จึงไม่มี
ในต่างประเทศ ซึ่งศึกษากับกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง กระแสประสาทส่งต่อไปยังสมองให้รบั รูค้ วามเจ็บปวด
พบว่า ดนตรีบรรเลงสด (Live Music) มีประสิทธิภาพ เปรียบได้กบั การปดประตู แต่ถา้ ใยประสาทขนาดเล็ก
ในการบำาบัดและเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าดนตรีบันทึก มีกระแสประสาทที่มากกว่า จะไปยับยั้งการทำางาน
(Recorded Music)16 เนือ่ งจากว่า ในขณะทีน่ กั ดนตรี ของเซลล์ S.G. (Substantia Gelatinosa) ทำาให้
บำาบัดบรรเลงเครื่องดนตรีหรือร้องเพลงสด ผู้รับ มีการส่งกระแสประสาทไปยัง T Cell และส่งผ่าน
การบำาบัดจะได้ใช้ประสาทสัมผัสในการรับรู้ดนตรีได้ ไปยังสมอง จึงทำาให้รับรู้ความเจ็บปวด เปรียบได้กับ
ทั้งทางการมองเห็นท่าทางและสีหน้าในการบรรเลง การเปดประตู
หรือขับร้อง และรับรู้ทางโสตประสาทจากการรับฟ˜ง จากทฤษ®ี ดั ง กล่ า วสามารถเชื่ อ มโยงไปถึ ง
เสียงดนตรี ซึง่ นักดนตรีบาำ บัดสามารถเข้าไปบรรเลง คุ ณ สมบั ติ แ ละกลไกของดนตรี ที่ ส ามารถบรรเทา
หรือร้องเพลงใกล้ๆกับผูร้ บั การบำาบัดได้ ทำาให้ผรู้ บั การ ความเจ็บปวด ซึง่ Chlan & Halm18 กล่าวว่า การใช้
บำาบัดสามารถรับรูอ้ ารมณ์ ความรูส้ กึ และความหมาย ดนตรีเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เป็นการใช้ดนตรี
ของบทเพลงจากการบรรเลงและขับร้องสดได้ ซึง่ ถือ ในลักษณะของตัวเบี่ยงเบนการรับรู้ถึงความเจ็บปวด 123
ได้ว่ากิจกรรมดังกล่าวสามารถส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ เมื่อผู้ป่วยได้ฟ˜งดนตรี จะทำาให้ผู้ป่วยจดจ่อกับดนตรี
และการสือ่ สารกันระหว่างนักบำาบัดกับผูร้ บั การบำาบัด สัญญาณของเสียงดนตรีจึงเปรียบกับตัวกระตุ้นใน
ได้มากกว่าการเปดเพลงจากดนตรีบันทึกให้ผู้รับการ เชิงบวก ทำาให้สมองรับรู้ถึงสัญญาณแห่งความสุข
บำาบัดฟ˜งเพียงอย่างเดียว สนุกสนาน และความผ่อนคลาย แทนที่การรับรู้
สำาหรับการใช้ดนตรีบนั ทึก (Recorded Music) สั ญ ญาณของความเจ็ บ ปวดและความวิ ต กกั ง วล
ในกิจกรรมการฟ˜งดนตรี เพือ่ การบำาบัดความเจ็บปวด เท่ากับว่าประตูที่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดได้ถูกปด
และความวิตกกังวล ซึ่งได้ข้อสรุปที่ได้มาจากการ จากการกระตุ้นด้วยดนตรี เพราะฉะนั้นสมองจึงไม่
สังเคราะห์งานวิจัยในครั้งนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ยึดหลัก รับรูถ้ งึ ความเจ็บปวด เป็นผลให้ความวิตกกังวลลดลง
กลไกของดนตรีที่ใช้ในการบำาบัดในแนวทางเดียวกัน ด้วยเช่นกัน
คือการใช้ดนตรีเพื่อเบี่ยงเบนการรับรู้ความเจ็บปวด นอกจากนี้ เ มื่ อ พิ จ ารณาถึ ง การควบคุ ม หรื อ
ของผูป้ ว่ ย โดยยึดหลักทฤษ®ีควบคุมประตู (The Gate บรรเทาความเจ็บปวดตามธรรมชาติของร่างกาย
Control Theory of Pain) ของ Melzack & Wall17 ซึ่งมีกลไกการควบคุมโดยสารเคมีชนิดหนึ่งที่อยู่ใน
ซึ่งกล่าวว่า กลไกลการควบคุมประตูความเจ็บปวด ร่างกาย นั่นคือ Endorphins และกิจกรรมหนึ่งที่
อยูท่ ร่ี ะดับไขสันหลังซึง่ เป็นตัวปรับลดกระแสประสาท สามารถกระตุ้นการผลิต Endorphins ในร่างกายได้
ของความเจ็บปวดก่อนส่งไปยังสมอง ถ้าใยประสาท คือ ดนตรี เมื่อผู้รับการบำาบัดได้ฟ˜งหรือเล่นดนตรี
ขนาดใหญ่ มีกระแสประสาทมากกว่าใยประสาท ในเพลงที่ชื่นชอบ (Preferred Music) Endorphins
ขนาดเล็ก (รับรู้ความเจ็บปวด) กระแสประสาท ในร่างกายก็จะถูกผลิตออกมา ทำาให้รู้สึกผ่อนคลาย
Journal of Public Health Vol.45 No.2 (May-Aug 2015)

และมีความสุขกับกิจกรรมดนตรีนั้น ๆ ความรู้สึกถึง Theory of Pain) ของ Melzack & Wall17 โดยมี


ความเจ็บปวดก็จะค่อยๆบรรเทาลง และความวิตก เป้าหมายหลักเพือ่ บรรเทาความเจ็บปวดและลดความ
กังวลก็จะลดลงเช่นเดียวกัน19 วิตกกังวล ดังรายละเอียดทีก่ ล่าวไว้ขา้ งต้น ส่วนทฤษ®ี
เมือ่ พิจารณาผลการวิเคราะห์จาำ นวนและร้อยละ ทีม่ กี ารใช้รองลงมา คือ หลักการสอนดนตรีของออร์ฟ
ขององค์ประกอบทางดนตรีที่นำามาใช้ในการบำาบัด ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้หลักการเรียนการสอนดนตรี
พบว่า วิธกี ารบำาบัดส่วนใหญ่ใช้องค์ประกอบทางดนตรี มาสูก่ ารบำาบัด วิธกี ารของออร์ฟจะเน้นการสร้างสรรค์
ด้านอัตราจังหวะ (Tempo) มากทีส่ ดุ ซึง่ องค์ประกอบ และแนวคิดเรื่องจังหวะ โดยเริ่มต้นจากจังหวะของ
ดังกล่าวเป็นองค์ประกอบที่สำาคัญ สำาหรับกิจกรรม การพูด เพื่อนำาไปสู่ความเข้าใจแนวคิดในเรื่องระดับ
การบำาบัดที่เน้นทักษะการฟ˜ง ซึ่งงานวิจัยส่วนใหญ่ เสียง ประโยคของดนตรี ลักษณะของเสียง และค่า
นิยมใช้อตั ราจังหวะของบทเพลงประมาณ 60-80 ครัง้ ตัวโน้ตต่าง ๆ นอกจากนี้ยังใช้การเคลื่อนไหว เช่น
ต่อนาที เทียบได้เท่ากับอัตราการเต้นของหัวใจหรือ การตบมือ การตบตัก การย่ำาเท้า การดีดนิ้วมือ และ
การเดินตามปกติ โดยมีรปู แบบของจังหวะทีไ่ ม่ซบั ซ้อน การใช้เครื่องประกอบจังหวะของออร์ฟ เป็นวิถีทาง
มีความเป็นระเบียบและมีความสม่ำาเสมอ รวมทั้งมี นำาไปสูก่ ารรับรูเ้ รือ่ งจังหวะอีกด้วย22 งานวิจยั ทางดนตรี
ระดับเสียงหรือทำานองที่มีความเหมาะสมไม่สูงมาก บำาบัดในประเทศไทยที่ใช้วิธีการของออร์ฟส่วนใหญ่
124 หรือต่ำาจนเกินไป จากข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับ จะใช้ ทั ก ษะทางดนตรี ที่ ห ลากหลายในการบำ า บั ด
Lane20 ผู้เชี่ยวชาญทางดนตรีบำาบัดสำาหรับผู้ป่วย เช่น การใช้คาำ พูดสร้างรูปแบบจังหวะ การใช้รา่ งกาย
โรคมะเร็ง ซึ่งกล่าวว่า การฟ˜งดนตรีสามารถเพิ่ม ทำาจังหวะ (Body Percussion) การร้องเพลง
หรือลดความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจได้ การเคลื่อนไหว การเล่นเครื่องดนตรี การฟ˜งดนตรี
โดยใช้ดนตรีที่มีอัตราจังหวะ 60-72 ครั้งต่อนาที และการสร้างสรรค์ทางดนตรี
ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดความผ่อนคลายและลด
ความวิตกกังวลได้ ข้อเสนอแนะในการวิจัย
ในด้านผลการวิเคราะห์จาำ นวนและร้อยละของ 1) จากผลการวิจัยพบว่า งานวิจัยส่วนใหญ่ใช้
แนวคิดและทฤษ®ีที่นำา มาใช้ในการพัฒนาวิธีการ กิจกรรมการฟ˜งดนตรีเป็นกิจกรรมหลักในการบำาบัด
บำาบัดทางดนตรี พบว่า งานวิจัยส่วนใหญ่ไม่ระบุ และโดยส่ ว นใหญ่ เ ป็ น การเป ด จากดนตรี บั น ทึ ก
แนวคิดหรือทฤษ®ีทนี่ าำ มาพัฒนาวิธกี ารบำาบัด แต่เมือ่ (Recorded Music) จากข้อค้นพบดังกล่าวแสดงให้
พิจารณาถึงงานวิจัยที่มีการระบุแนวคิดหรือทฤษ®ีที่ เห็นว่า วิธกี ารบำาบัดด้วยดนตรีในประเทศไทยยังไม่มี
นำามาพัฒนาวิธกี ารบำาบัด พบว่า ส่วนใหญ่ใช้แนวคิด ความหลากหลาย ดังนั้นในการพัฒนางานวิจัยใน
ทางดนตรีบำาบัดของ Chlan & Tracy21 ซึ่งได้เสนอ อนาคตข้างหน้า นักวิจยั หรือนักดนตรีบาำ บัดควรศึกษา
ไว้ในบทความวิจัย เรื่อง Music Therapy in วิธีการบำาบัดที่หลากหลายโดยเน้นการบูร ณาการ
Critical Care: Indications and Guidelines for ทักษะทางดนตรีในแต่ละทักษะเพือ่ ให้เกิดประโยชน์ตอ่
Intervention จากวารสาร Critical Care Nurse การบำาบัดตามเป้าหมายทีก่ าำ หนดไว้ เช่น การใช้ทกั ษะ
เชือ่ มโยงกับทฤษ®ีควบคุมประตู (The Gate Control การฟ˜ง การร้อง การเล่นเครือ่ งดนตรี การเคลือ่ นไหว
ÇÒÃÊÒÃÊÒ¸ÒóÊØ¢ÈÒʵÏ »‚·Õè 45 ©ºÑº·Õè 2 (¾.¤.-Ê.¤. 2558)

และการอ่านโน้ต โดยเน้นการบรรเลงหรือการแสดงจริง 2. de Dreu MJ, van der Wilk AS, Poppe E,


แทนการใช้ดนตรีบันทึก Kwakkel G, van Wegen EE. Rehabili-
2) จากผลการวิจยั พบว่า รายงานวิจยั ส่วนใหญ่ tation, exercise therapy and music in
ระบุ ร ายละเอี ย ดเกี่ ย วกั บ วิ ธี ก ารบำ า บั ดไม่ ชั ด เจน patients with Parkinson’s disease: a
หรื อ ไม่ ค รบถ้ ว นตามองค์ ป ระกอบของการเขี ย น meta-analysis of the effects of music-
รายงานวิธีการบำาบัดที่ถูกต้อง ดังนั้นในการทำาวิจัย based movement therapy on walking
หรือการเขียนแผนการบำาบัดในครั้งต่อไป ควรระบุ ability, balance and quality of life.
องค์ประกอบของวิธกี ารบำาบัดให้ชดั เจน โดยครอบคลุม Parkinsonism and Related Disorders
องค์ประกอบที่สำาคัญ ดังที่ Robb, Burns, & 2012; 18(1): 114-19.
23
Carpenter ได้สรุปองค์ประกอบทีส่ าำ คัญสำาหรับการ 3. Lim HA, Miller K, Fabian C. The effects
เขียนรายงานวิธีการบำาบัดทางดนตรี ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน of therapeutic instrumental music
7 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ทฤษ®ีที่ใช้เป็นพื้นฐาน performance on endurance level, self-
ในการพัฒนาวิธีการบำาบัด 2) เนื้อหาของวิธีการ perceived fatigue level, and self-
บำาบัด 3) ตารางระยะเวลาในการบำาบัด 4) การระบุ perceived exertion of inpatients in
ข้อมูลเกี่ยวกับนักบำาบัด 5) ความถูกต้อง/น่าเชื่อถือ physical rehabilitation. Journal of 125
ของวิธีการบำาบัด 6) สถานที่ดำาเนินการบำาบัด และ Music Therapy 2011; 48(2): 124-48.
7) ลักษณะหน่วยในการบำาบัด 4. Schneider S, Schonle PW, Altenmuller E,
Munte TF. Using musical instruments
กิตติกรรมประกาศ to improve motor skill recovery
ทความวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย following a stroke. Journal of Neuro-
ที่ ไ ด้ รั บ ทุ น สนั บ สนุ น การวิ จั ย จากสำ า นั ก งาน logy 2007; 254(10): 1339-46.
คณะกรรมการการอุดมศึกษา และมหาวิทยาลัย 5. Groß W, Linden U, Ostermann T. Effects
มหิดล ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ of music therapy in the treatment
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ผูว้ จิ ยั ขอกราบขอบพระคุณ of children with delayed speech
คณะกรรมการฯ หน่วยงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องในการ development - results of a pilot study
ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยในครั้งนี้ BMC Complementary and Alternative
Medicine 2010; 10: 39.
เอกสารอ้างอิง 6. Kennedy R, Scott A. A Pilot study: The
1. American Music Therapy Association. About effects of music therapy interventions
Music Therapy & AMTA. Available at on middle school students’ ESL skills.
http://www.musictherapy.org/about/ Journal of Music Therapy 2005; 42(4):
quotes. Accessed August 1, 2011. 244-61.
Journal of Public Health Vol.45 No.2 (May-Aug 2015)

7. Moore K S, Peterson D A, O’Shea G, 13. Silverman MJ. The infl uence of music on
Mclntosh G C, Thaut M H. The the symptoms of psychosis: a meta-
effectiveness of music as a mnemonic analysis. Journal of Music Therapy
device on recognition memory for 2003; 40(1): 27-40.
people with multiple sclerosis. Journal 14. Tridech P. Happiness and health: per-
of Music Therapy 2008; 45(3): 307-29. spectives of fourth year students of
8. Ceccato E, Caneva P, Lamonaca D. Music faculty of Public Health, Mahidol
therapy and cognitive rehabilitation University. Journal of Public Health
in schizophrenic patients: A controlled 2009; 39(2): 155-60.
study. Nordic Journal of Music 15. Trakarnrung S, Chiengchana N. Assess-
Therapy 2006; 15(2): 111-20. ment tools in music therapy research:
9. Katagiri J. The effect of background music a content analysis [in Thai]. Journal
and song texts on the emotional of Ratchasuda College for Research
understanding of children with autism. and Development of Persons with
126 Journal of Music Therapy 2009; 46(1): Disabilities 2014; 10(13): 92-106.
15-31. 16. Bailey LM. The effects of live music
10. Kern P, Wolery M, Aldridge D. Use of versus tape-recorded music on
songs to promote independence in hospitalized cancer patients. Music
morning greeting routines for young Therapy 1983; 3(1): 17-28.
children with autism. Journal of Autism 17. Melzack R, Wall PD. Pain mechanism: a
& Development Disorders 2006; 37: new theory. Science 1965; 150: 971-79.
1264-71. 18. Chlan L, Halm MA. Does music ease
11. Starr E, Zenker E. Understanding autism pain and anxiety in critically ill?.
in context of music therapy: bridging American Journal of Critical Care
theory and practice. Canadian Journal 2013; 22(6): 528-32.
of Music Therapy 1998; 6: 1-19. 19. Wells C, Nown, G. The pain relief handbook:
12. Wiratchai N, Wongwanich S. A synthesis self-help methods for managing pain.
of educational research by using New York: Firefl y Books; 1998.
meta-analysis and content analysis 20. Lane D. Music Therapy: a gift beyond
[in Thai]. Bangkok: Jareanpon Printing measure. Oncology Nursing Forum
House; 1998. 1992; 19(6): 863-867.
ÇÒÃÊÒÃÊÒ¸ÒóÊØ¢ÈÒʵÏ »‚·Õè 45 ©ºÑº·Õè 2 (¾.¤.-Ê.¤. 2558)

21. Chlan L, Tracy MF. Music therapy in pital Khon Kaen University [Master’s
critical care: Indications and guidelines thematic paper]. Khon Kaen, Thailand:
for intervention. Critical Care Nurse Khon Kaen University. 2008.
1999; 19(3): 35-41. Chanwimalaung S. The effectiveness of health
22. Sutthajit N. Music education principle and education program including music
subject matter [in Thai]. Bangkok: for intraoperative patients under
Faculty of Education, Chulalonglorn regional anesthesia at Bangkok
University; 2006. Metropolitan Administration General
23. Robb S L, Burns D S, Carpenter, J. S. Hospital [Master’s thesis]. Bangkok,
Reporting guidelines for music-based Thailand: Srinakharinwirot University.
interventions. Journal of Health Psycho- 2004.
logy 2011; 16(2): 342-52. Chontichachalalauk J. The effect of music
therapy on anxiety, physiological
เอกสารอ้างอิงงานวิจัยที่นำามาสังเคราะห์ responses, and weaning parameters
Booranakiti N. The effect of group counseling in patients during weaning from me- 127
using REBT only and REBT with chanical ventilation [Master’s thesis].
music therapy on emotional intelligence Nakhon Pathom, Thailand: Mahidol
of juvenile delinquents in the Youth University. 2004.
Training Center [Master’s thesis]. Jamkangwan Y. The effect of meditation and
Khon Kaen, Thailand: Khon Kaen meditation music on sleep quality
University. 2006. among elderly in Wadsanawead
Chaiyaboot S. Effects of music activities on Home for the aged [Master’s thesis].
emotional development of the children Bangkok, Thailand: Chulalongkorn
with moderate mental retardation: University. 2006.
the case study of Rajanukul Institute Jindapaisan S. Service quality improvement
[Master’s thesis]. Bangkok, Thailand: in pain management among post
Chulalongkorn University. 2004. cesarean delivery mothers by the
Channual B. The development of clinical use of music therapy in combination
practice guideline to reduce anxiety with analgesic medications [Master’s
in patients on mechanical ventrilator thematic paper]. Khon Kaen, Thailand:
by using music therapy in medicine Khon Kaen University. 2009.
critical care units of Srinagarin hos-
Journal of Public Health Vol.45 No.2 (May-Aug 2015)

Jitdee T. Self-discipline development of young 1993.


children experienced through music Klangkan S. Effects of listening favourite
activities applying Off-Schulwerk style music on patient anxiety in the
[Master’s thesis]. Bangkok, Thailand: intensive care unit [Master’s thesis].
Srinakharinwirot University. 2004. Bangkok, Thailand: Srinakharinwirot
Kamkhieo W. Effect of music on pain relief University. 1997.
in cardiac surgery patients, cardio Klomarom P. A study on reading ability of
vascular and thoracic intensive care children with mental retardation in
unit, Maharaj Nakorn Chiang Mai prathomsuksa I through songs and
Hospital [Master’s thematic paper]. music learning package [Master’s
Chiang Mai, Thailand: Chiang Mai thematic paper]. Bangkok, Thailand:
University. 2006. Srinakharinwirot University. 2005.
Kerdcharoen J. The effect of relaxing music Komenthai S. Effect of music on quality of
with breathing technique on anxiety sleep in critically ill patients [Master’s
and pain in labour [Master’s thesis]. thesis]. Nakhon Pathom, Thailand:
128 Nakhon Pathom, Thailand: Mahidol Mahidol University. 2003.
University. 2004. Kriadchaiyaphum B. Effects of music on
Khamheang P. A study on receptive language anxiety level in the intraoperative
comprehension ability of children with patients [Master’s thesis]. Nakhon
down syndrome age 3-5 years by Pathom, Thailand: Mahidol University.
using song and rhythm [Master’s 1990.
thesis]. Bangkok, Thailand: Srinakharin- Krittayapoositpot N. Effects of giving pre-
wirot University. 2004. operative information and music
Khampan W. The effects of background listening on anxiety and post opera-
music on an attention task in AD/HD tive pain in patients with lower limb
children: An electroencephalography fractures during spinal anesthesia
study [Master’s thesis]. Nakhon [Master’s thesis]. Bangkok, Thailand:
Pathom, Thailand: Mahidol University. Chulalongkorn University. 2005.
2007. Kuesakun T. A study on cognition and emo-
Kittisup C. The effect of music on pain relief tion of children with mental retarda-
and anxiety in open heart surgery tion through music activities [Master’s
patients [Master’s thesis]. Nakhon thesis]. Bangkok, Thailand: Srinakharin-
Pathom, Thailand: Mahidol University. wirot University. 2002.
ÇÒÃÊÒÃÊÒ¸ÒóÊØ¢ÈÒʵÏ »‚·Õè 45 ©ºÑº·Õè 2 (¾.¤.-Ê.¤. 2558)

Kumkart N. Effect of music therapy on pain thesis]. Chiang Mai, Thailand: Chiang
level of patients with femoral fracture Mai University. 2007.
receiving physical therapy [Master’s Payaksiri P. The effects of music therapy on
thematic paper]. Chiang Mai, Thailand: patients’ pain level during open
Chiang Mai University. 2006. wound dressing [Master’s thesis].
Leelawattanagule P. Effect of relaxing music Nakhon Pathom, Thailand: Mahidol
on anxiety among myocardial infarction University. 2001.
patient [Master’s thesis]. Chiang Mai, Petchtim S. A study on verbal ability of
Thailand: Chiang Mai University. 2003. children with moderate mental retar-
Limprasirt D. Effect of music on pain coping dation through music activities [Master’s
during labour in primiparas [Master’s thesis]. Bangkok, Thailand: Srinakharin-
thesis]. Chiang Mai, Thailand: Chiang wirot University. 2009.
Mai University. 1996. Phankein J. The effect of music therapy on
Nakpach O. Effects of health information and nausea and vomiting in pediatric
therapeutic music program on pain cancer patients receiving chemo-
and sleep quality in patients with leg therapy [Master’s thesis]. Nakhon
129
fi xation [Master’s thesis]. Bangkok, Pathom, Thailand: Mahidol University.
Thailand: Chulalongkorn University. 2006.
2007. Phuekvilai M. The effects of musical stimula-
Nongmanee S. The dipthongs – words reading tion on growth of preterm infants
skill development for learning disabled [Master’s thesis]. Nakhon Pathom,
level 1 students using songs [Master’s Thailand: Mahidol University. 1986.
thematic paper]. Bangkok, Thailand: Piyasil S. The effectiveness of music on
Srinakharinwirot University. 2006. revival of chronic psychiatric patient
Onnomdee N. The effect of music activities at Psychosocial Rehabilitation Depart-
on gross motor abilities of pre-school ment of Srithunya hospital [Master’s
children with mental retardation thesis]. Bangkok, Thailand: Chulalong-
[Master’s thesis]. Bangkok, Thailand: korn University. 1997.
Srinakharinwirot University. 1995. Pongam S. The effects of music on sleep
Pakpoe R. Effect of music therapy on stress, effi ciency among patients during
nausea, retching, and vomiting among admission in the coronary care unit
women with gynecologic cancer [Master’s thesis]. Nakhon Pathom,
receiving chemotherapy [Master’s Thailand: Mahidol University. 2005.
Journal of Public Health Vol.45 No.2 (May-Aug 2015)

Potharom A. The effects of Thai classical Pathom, Thailand: Mahidol University.


music listening on trait anxiety among 1985.
adolescences [Master’s thesis]. Sapphaudom K. The effect of giving informa-
Bangkok, Thailand: Chulalongkorn tion regarding environment and music
University. 2009. therapy on sleep quality in critically
Promtao N. Effect of music on pain in the ill surgical patients [Master’s thesis].
elderly with cancer [Master’s thesis]. Bangkok, Thailand: Chulalongkorn
Chiang Mai, Thailand: Chiang Mai University. 2003.
University. 2002. Settakonnukoon N. The effects of music on
Puang-Ngerm S. The effectiveness of music pain and physiological responses
therapy on anxiety physiological in school-age children during post
responses, vital capacity, and oxygen open-heart surgery [Master’s thesis].
saturation in mechanically ventilated Nakhon Pathom, Thailand: Mahidol
patients [Master’s thesis]. Nakhon University. 2007.
Pathom, Thailand: Mahidol University. Sheaheang D. Effect of relaxing music on
130 2001. pre-competitive anxiety in university
Rattanamanee K. The effect of preparatory female amateur shooters [Master’s
information combined with listening to thesis]. Bangkok, Thailand: Chulalong-
music on pain level experienced with korn University. 2005.
activities in patients after open heart Sittishan T. The effects of music therapy on
surgery [Master’s thesis]. Bangkok, level of depression in abused girls
Thailand: Chulalongkorn University. [Master’s thesis]. Nakhon Pathom,
2006. Thailand: Mahidol University. 2004.
Rumsaeng V. The effect of listening to preferred Soonthornkul Na Cholburi J. Effect of music
music and natural music on stress therapy on anxiety and pain in cancer
reduction of Chulalongkorn University patients [Master’s thesis]. Nakhon
students [Master’s thesis]. Bangkok, Pathom, Thailand: Mahidol University.
Thailand: Chulalongkorn University. 2003.
2004. Sornboon A. The effect of music therapy on
Sangchart B. The effect of music on pain anxiety and nausea vomiting in breast
relief and on frequency of pain cancer patients receiving chemo-
medication taking in post-operative therapy [Master’s thesis]. Khon Kaen,
patients [Master’s thesis]. Nakhon Thailand: Khon Kaen University. 2000.
ÇÒÃÊÒÃÊÒ¸ÒóÊØ¢ÈÒʵÏ »‚·Õè 45 ©ºÑº·Õè 2 (¾.¤.-Ê.¤. 2558)

Srakaethong N. The effects of music on pain Supachan S. Effects of relaxing music on


relief in gynecologic patients under- stress reduction in patients with low-
going uterine curettage [Master’s thesis]. back pain [Master’s thematic paper].
Nakhon Pathom, Thailand: Mahidol Chiang Mai, Thailand: Chiang Mai
University. 2005. University. 2006.
Srirattanakorn S. A study on emotional quotient Sutthiwanichsak U. The effect of music
of the students with mild mental therapy and positioning in the fi rst stage
retardation through Carl-Orff method of labour on labour pain, anxiety, stage
in music activities [Master’s thesis]. of labour, and childbirth experience
Bangkok, Thailand: Srinakharinwirot in primiparous labouring women
University. 2006. [Master’s thesis]. Nakhon Pathom,
Srisukorn S. Preschool children’s self-confi - Thailand: Mahidol University. 2008.
dence experienced creative movement Tansakul S. Effects of using different tempo
using Thai music [Master’s thesis]. in the background music in computer-
Bangkok, Thailand: Srinakharinwirot assisted instruction on English vocabu- 131
University. 1996. lary knowledge and retention of second
Sritana K. A study on the reduction of grade students with attention defi cit
aggressive behaviors of students with hyperactivity disorder [Master’s thesis].
mild mental retardation using move- Bangkok, Thailand: Chulalongkorn
ment activities with music [Master’s University. 2009.
thesis]. Bangkok, Thailand: Srinakharin- Teerawan T. Music therapy for cripple children:
wirot University. 2008. a case study in Pakkred home for
Suharitdumrong P. The effect of music therapy cripple children [Master’s thesis].
on reduction of stress in patients Nakhon Pathom, Thailand: Mahidol
with ventilator via endotracheal tube University. 1993.
[Master’s thesis]. Khon Kaen, Thailand: Thanapaisal N. The effect of preparatory
Khon Kaen University. 1994. information regarding CAPD catheter
Sungkasophon W. Effect of music on pain and insertion and music therapy on anxiety
distress in cancer patient [Master’s and patient satisfaction, Srinagarind
thesis]. Nakhon Pathom, Thailand: Hospital [Master’s thematic paper].
Mahidol University. 1993. Khon Kaen, Thailand: Khon Kaen
University. 2008.
Journal of Public Health Vol.45 No.2 (May-Aug 2015)

Thanittheeraphan T. Relationship development Wonghom S. Activity therapy with the use of


of young children experienced move- one to fi ve music therapy technique
ment activity with song [Master’s in reducing negative behaviors for
thesis]. Bangkok, Thailand: Srinakharin- chronic schizophrenia patients admit-
wirot University. 2004. ted in Prasrimahabhodi Psychiatric
Thochu W. Effect of music therapy on Hospital [Master’s thematic paper].
depression in the elderly at the social Khon Kaen, Thailand: Khon Kaen
welfare development Center Ban University. 2010.
Buriram, Buriram Province: comparative Wongman M. Effect of music on sleep
study of music therapy using buddha quality and physiological responses
chanting versus new age music in patients with coronary artery disease
[Master’s thematic paper]. Khon Kaen, during admission in the critical care
Thailand: Khon Kaen University. 2006. unit [Master’s thesis]. Nakhon Pathom,
Thongwachira C. The Effect of nursing inter- Thailand: Mahidol University. 2007.
132 vention by using music and envi- Yimlamai K. The effect of music therapy and
ronmental adjustment on agitated progressive muscle relaxation on pain
behaviors of dementia elderly [Master’s relieve of patient with femur internal
thesis]. Bangkok, Thailand: Chulalong- fi xation in Phichit hospital [Master’s
korn University. 2010. thematic paper]. Bangkok, Thailand:
Thumma T. The development of pain relief Srinakharinwirot University. 2004.
with music therapy nursing guideline Yingsamphanchareon S. A study on mathe-
for corneal ulcer in elderly patients matical readiness in numbers 1-5 for
Eye Department, Khon Kaen Hospital the mentally retarded preschoolers
[Master’s thematic paper]. Khon Kaen, through musical activities [Master’s
Thailand: Khon Kaen University. 2010. thesis]. Bangkok, Thailand: Srinakharin-
Wangwun P. The Effect of using ankalung wirot University. 2002.
activity with group process on lonliness Yomaboot P. Effect of music therapy on
in older persons in residential home self-esteem and depression among
[Master’s thesis]. Bangkok, Thailand: female adolescents in rajvithi home
Chulalongkorn University. 2010. [Master’s thesis]. Nakhon Pathom,
Thailand: Mahidol University. 2009.
ÇÒÃÊÒÃÊÒ¸ÒóÊØ¢ÈÒʵÏ »‚·Õè 45 ©ºÑº·Õè 2 (¾.¤.-Ê.¤. 2558)

Music Therapy Interventions: A Content Analysis of Research


Natee Chiengchana* Somchai Trakranrung**

ABSTRACT including listening, singing, playing instruments,


The purpose of this study was to moving to music and creating in music
analyze music therapy interventions from (10.8%). Most interventions were used to
music therapy research in Thailand. There treat surgical patients (23.1%), focusing on
were 65 research reports in the fi eld of tempo as the main music element used most
music therapy published during 1985-2010 in the music interventions (13.8%). In terms
from fi ve universities in Thailand, including of music skill, listening skill was employed
Chulalongkorn University, Mahidol University, most in the music interventions (67.7%) by
Srinakarinwirot University, Chiang Mai Univer- using recorded music (70.8%) to alleviate
sity, and Khon Kaen University. Coding form pain (20%) and anxiety (16.9%). For the 133
of music therapy interventions was used as fi ndings of research reports in music therapy,
research instruments to collect the data from most fi ndings supported the purpose and
the research reports. Content analysis with hypothesis of the studies (69.2%) that showed
descriptive statistics was employed to analyze the effectiveness of music in therapy and
and describe the research fi ndings. The health care.
results of content analysis from 65 research
reports revealed that listening activity was Keywords: music therapy interventions,
used most in music therapy interventions music therapy, research synthesis,
(55.4%), followed by various music activities, content analysis

J Public Health 2015; 45(2): 116-133


Correspondence: Somchai Trakranrung, College of Music, Mahidol University, Salaya, Nakhonpathom, 73170
Thailand, Email: tsomchai@gmail.com
* Deaf Studies Department, Ratchasuda College, Mahidol University
** Music Education Department, College of Music, Mahidol University

You might also like