Professional Documents
Culture Documents
บทคัดย่อ การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจำนวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100 และ การลบจำนวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100
บทคัดย่อ การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจำนวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100 และ การลบจำนวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100
บทคัดย่อ
1
นักศึกษาหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยตาปี
2
นักศึกษาหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยตาปี
3
อาจารย์ประจาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยตาปี
2
ABSTRACT
ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา
ในปัจจุบันการเรียนคณิตศาสตร์มีความสาคัญมากกับนักเรียนในระดับประถมศึกษาเพราะเป็นพื้นฐานใน
การเรียนรู้ในขั้นสูง การมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนคณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่สาคัญสาหรับเด็กเพราะนักเรียนส่วนใหญ่คิดว่า
คณิตศาสตร์ยากและน่าเบื่อทั้งๆที่คณิตศาสตร์มีหลักเกณฑ์ที่ตายตัวที่ต้องอาศัยความเข้าใจและการหมั่นฝึกฝนด้วย
ดังนั้นจึงจาเป็นต้องสร้างเจตคติที่ดีให้กับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนไม่รู้สึกว่าการเรียนคณิตศาสตร์เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
ให้ นั ก เรี ย นรู้ สึ ก อยากเรี ย นคณิ ต ศาสตร์ เพราะเป้ า หมายสู งสุ ด ของการเรี ย นคณิ ต ศาสตร์ คื อ การน าไปใ ช้ ใ น
ชีวิตประจาวัน และการนาไปใช้เป็นพื้นฐานการเรียนรู้วิชาอื่น ๆดังนั้นได้มีการจัดสื่อการเรียนการสอนการพัฒนา
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการสอนที่จะทาให้เด็กประสบผลสาเร็จในการเรียน เรียนอย่างมีความสุข สนุกกับการ
เรียน และสามารถเชื่องโยงให้เด็กเรียนรู้การใช้ชีวิตที่ถูกต้องเองได้
คณิ ต ศาสตร์ มี ค วามส าคั ญ ต่ อ การพั ฒ นาความคิ ด ของมนุ ษ ย์ เ ป็ น อย่ า งมาก ท าให้ ม นุ ษ ย์ มี ค วามคิ ด
สร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุมีผล เป็นระบบ มีระเบียบ มีแบบแผน สามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ได้อย่าง
ถี่ถ้วนรอบคอบ ทาให้สามารถคาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ และแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม คณิตศาสตร์เป็น
เครื่องมือในการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อ
3
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100
และ การลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส และ
โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
1.เพื่อการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน
100 และ การลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส
และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการ
บวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100 และ การลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการ
บวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100 และ การลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
4
ขอบเขตของการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยทาการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน สาหรับนักศึกษา
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์
ธานี
ด้านประชากร
1. ในการศึกษาผลสัมฤทธิ์การเรียนการสอนวิชา คณิตศาสตร์ ในระดับชั้นประถมศึกษา โดยศึกษาจาก
นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม จานวน 60 คน
2. ในการศึกษาพฤติกรรมความสนใจของนักเรียนต่อการใช้สื่อบทเรียนช่วย วิชาคณิตศาสตร์ ในระดับชั้น
ประถมศึกษา โดยศึกษาจากนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม
อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยการศึกษาจากครูผู้สอนจานวน 3 ท่าน
ด้านเนื้อหา
เนื้อหาที่ใช้ในการสร้างสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชา คณิตศาสตร์ ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
โรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบด้วยเนื้อหากลุ่มสาระ
การเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100 และ การลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 ผู้วิจัยได้
จัดทาสื่อวิทยาการคานวณ ซึ่งในหน่วยที่ 12,13 แบ่งออกเป็น 2 เรื่อง เรื่องที่ 1 การบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน
100 และเรื่องที่ 2 เป็นเรื่อง การลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัด
สุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้แก่
1.ผู้เชียวชาญด้านการพัฒนาระบบ จานวน 3 ท่าน และผู้เชียวชาญด้านการวิจัย จานวน 3 ท่าน ได้จาก
การเลือกแบบเจาะจง
2.นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม
อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จานวน 60 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง
ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่
ตัวแปรต้น คือ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชา วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน
100 และการลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100
ตัวแปรตาม ได้แก่
1. ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนา
ราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
2. ความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยผู้ใช้งาน(นักเรียน)
วิธดี าเนินการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้ง คือ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยเพื่อสร้างสื่อบทเรียนช่วยสอน วิชา
คณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100 และการลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 ได้มาจากการเลือก
แบบเจาะจง จากนักเรียนที่กาลังศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม
อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ซึ่งมีจานวนประชากรคือ กลุ่มโรงเรียนระดับ
ประถมศึกษาจานวน 2 โรงเรียน ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 แสดงประชากรของนักเรียนระดับประถมศึกษา
ลาดับ โรงเรียน ระดับการศึกษา จานวนนักเรียน(คน)
1. โรงเรียนวัดสุทธาวาส ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 30
5
2. โรงเรียนวัดวิโรจนาราม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 30
รวมจานวนนักเรียนทั้งสิ้น 60
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชันประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดสุทธาวาส จานวน 30
คน และโรงเรียนวัดวิโรจนาราม จานวน 30 คน รวมจานวนทั้งสิ้น 60 คน ในการเก็บข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ผู้วิจัยได้ทาการคานวณกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane, อ้างถึง ใน สุทธนู ศรีไสย์ ,
2551) ได้จานวน 79 คน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือของข้อมูล และจานวนกลุ่มตัวอย่างไม่เยอะ จึงทาการเก็บข้อมูล
กลุ่มตัวอย่างทั้ง 60 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
การวิจัย เรื่องการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจานวนที่มผี ลบวก
ไม่เกิน 100 และ การลบจานวนทีต่ ัวตั้งไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนวัด
สุทธาวาส และโรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
ดังนี้
1. แบบสัมภาษณ์เพื่อหาความต้องการของผู้ใช้ (แบบสัมภาษณ์เบื้องต้น)
2. เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์
3. แบบสัมภาษณ์ เพื่อใช้สอบถามผู้เชียวชาญ จานวน 6 ท่าน คือ ผู้เชียวชาญด้านการวิจัย จานวน 3 ท่าน
และด้านการพัฒนาระบบ จานวน 3 ท่าน
4. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไปทดลองใช้กับ กลุ่มตัวอย่างที่มีคุณสมบัตเิ ดียวกันกับกลุม่
ทดลองจานวน 60 คน
4.1 แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) เป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 15 ข้อ
4.2 แบบทอสอบหลังเรียน (Post-test) เป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 15 ข้อ
5. แบบสอบถามความพึงพอใจ ในการดาเนินการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้แบบสอบถามความพึงพอใจเป็น
เครื่องมือ ในการวิจัย ซึ่งเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ที่มีการให้คะแนน แบบ
เดียวกันทุกข้อโดยกาหนดในแต่ละข้อมีคะแนนเป็น 1 2 3 4 5 ตามลักษณะการตอบระดับ ความพึงพอใจ มี 5
ระดับ ได้แก่ น้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก มากที่สุด ผู้วิจัยได้จัดทาเป็นเครื่องมือ ในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมี
วิธีการสร้างและตรวจสอบคุณภาพ
6. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในการดาเนินงานวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย
6.1 การวิเคราะห์หาคุณภาพ ของสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ผู้วิจัยนาไปให้ผู้เชี่ยวชาญ
จานวน 3 ท่าน ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม โดยหาคาเฉลี่ย ( X ) และหาสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
6.2 การวิเคราะห์หาคุณภาพของแบบทดสอบโดยการหาดัชนีความสอดคล้องของ ข้อคาถาม
IOC ค่าความยากง่าย (P) ค่าอานาจจาแนก (D) และหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบใช้ วิธีการของ คูเดอร์-ริ
ชาร์ดสัน KR-20 (มนต์ชัย เทียนทอง, 2545)
6.3 การวิเคราะห์ความพึงพอใจโดยหาคาเฉลี่ย (X) และหาสวนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) (บุญ
ธรรม กิจปรีดาบริสุที,ธ์ 2543)
6.4 การวิเคราะห์เปรียบเทียบคาความแตกตางคะแนนแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน ด้วยค่า
ทางสถิติ t-test ที่ระดับนัยสาคัญทางสถิติ .05
การวิเคราะห์ข้อมูล
งานวิจัย สื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100
และการลบจานวนที่ตัวตั้ง ไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จานวน 2 โรงเรียนวัดสุทธาวาสและ
โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีวิธีดาเนินการวิจัย ดังนี้
6
1. วิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้
การศึกษาความต้องการของผู้ใช้เป็นเรื่องที่จาเป็นมาก เพราะการพัฒนาสื่อบทเรียนช่วยสอนนั้นต้อง
ค านึ ง ถึ ง ความต้ อ งการของผู้ ใ ช้ เ ป็ น ส าคั ญ หากไม่ มี ก ารสอบถามความต้ อ งการของผู้ ใ ช้ ใ ห้ ชั ด เจน บทเรี ย น
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็ไม่สามารถเป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้ได้
จากการตอบแบบสัมภาษณ์เบื้องต้นของครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จานวน 2 โรงเรียนวัด
สุทธาวาสและโรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
1.1 ต้องการให้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิชา คณิตศาสตร์
2.2 สามารถวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยการทาแบบทดสอบก่อน-หลังเรียน
3.3 รูปแบบของสื่อบทเรียนช่วยสอนต้องมีความง่ายต่อการใช้งาน
2. การออกแบบระบบ
ภาพที่ 1 การออกแบบหน้าแรกของสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ผลการวิจัย
การวิจัยด้วยสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชา คณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100
และ การลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส และ
โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี สามารถสรุปผลการวิจัยของสื่อบทเรียนที่สร้างขึ้นมาตาม
วัตถุประสงค์ได้ดังต่อไปนี้
1. เพื่อสร้างสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิช าคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน
100 และ การลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส
และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง
การบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100 และ การลบจานวนที่ตัวตั้งไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่าหลังเรียน
นักเรียนมีผลการเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 คะแนนเฉลี่ยโดยรวมจากการวัด
7
ภาพที3่ หน้าแรกของสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
การอภิปรายผล
จากการดาเนินการวิจัยพบว่า 1) ผลการทดลองระบบจากผู้เชี่ยวชาญ จานวน 3 คน เพื่อหาค่าดัชนีความ
สอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับวัตถุประสงค์ของสื่อบทเรียนช่วยสอนที่เสร็จสิ้นแล้ว (IOC) เท่ากับ 0.76 ซึ่งแสดงให้
เห็นว่าการทางานของสื่อบทเรียนช่วยสอนสอดคล้องกับขอบเขตงานที่ออกแบบไว้ สามารถนาไปใช้งานได้ 2) ผลการ
ประเมินดัชนีความสอดคล้องเชิงเนื้อหาและวัตถุประสงค์ โดยผู้เชียวชาญ 3 คน ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง
ข้อคาถามกับวัตถุประสงค์ (IOC) เท่ากับ 0.74 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าข้อคาถามในแบบทดสอบสาหรับการประเมินความ
พึงพอใจต่อการทางานของระบบ มีความสอดคล้องกับวัตถุ ประสงค์ของการประเมินระบบ สามารถใช้สาหรับ
ประเมินระบบได้
เมื่อทาการพัฒนาสื่อบทเรียนช่วยสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกจานวนที่มีผลบวกไม่เกิน 100 และ
การลบจานวนทีต่ ัวตั้งไม่เกิน 100 สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนวัดสุทธาวาส และ
โรงเรียนวัดวิโรจนาราม อาเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วเสร็จ จึงนาระบบไปประเมินความพึงพอใจต่อการใช้
งานของสื่อบทเรียนช่วยสอนโดยผูเ้ ชียวชาญและนักเรียน มีผลการประเมินเฉลีย่ โดยรวมจากแต่ละกลุม่ ผู้ประเมิน ดัง
ตารางที่ 2
ตารางที่ 2 ผลการประเมินความพึงพอใจการใช้งานของสื่อบทเรียนช่วยสอน
ผลประเมินประสิทธิภาพ
รายการประเมิน จานวน
X S.D แปรผล
ค่าประเมินโดยรวมทุกด้านของ
3 0.76 .00 ดีมาก
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบด้านเนื้อหา
ค่าประเมินโดยรวมทุกด้านของ
3 0.74 .00 ดีมาก
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบด้านเครื่องมือวิจัย
ค่าประเมินโดยรวมทุกด้านของนักเรียน 60 4.79 0.30 ดีมาก
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจัยไปใช้
1.1 การนาสื่อการเรียนออนไลน์ไปใช้ประกอบการเรียนการสอนควรมีการเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์
สถานที่ให้ครบถ้วน
2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
2.1 ควรมีการพัฒนาบทเรียนออนไลน์ ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น มีการเพิ่มเทคนิคต่าง ๆ เพื่อสร้างความ
คงทนและการมีส่วนร่วมระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนมากยิ่งขึ้น
2.2 ควรศึกษาโปรแกรมที่หลากหลายเพื่อการนาเสนอเนื้อหาบทเรียนในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้มีความ
น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
กิตติกรรมประกาศ
ขอกราบขอบพระคุณคุณครูโรงเรียนวัดสุทธาวาส และ โรงเรียนวัดวิโรจนาราม ที่ให้ความร่วมมือในการทา
วิจัยครั้งนี้จนกระทั้งสามารถสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี
งานวิจัยเรื่องนี้สาเร็จได้ด้วยความกรุณาอย่างดี จากผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้ให้คาแนะนาตรวจสอบแก้ไขเครื่องมือ
ที่ใช้ในการวิจัย และประเมินงานวิจัยในครั้งนี้
ขอขอบพระคุณอาจารย์ในสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ได้ให้คาแนะนา
ในเรื่องการศึกษาและการทาวิจัยเป็นอย่างดี
ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยตาปี ที่ไห้การสนับสนุนในการทาวิจัยครั้งนี้
เอกสารอ้างอิง