Professional Documents
Culture Documents
Material
Material
สภาวิศวกร
1 : 0.022 - 6.7 % โดยน้ําหนัก 2 : 1.2 - 6.7% โดยน้ําหนัก 3: 2.0 - 4.3 % โดยน้ําหนัก 4 : 2.0 - 6.7
% โดยน้ําหนัก
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
1: 0.40 % โดยปริ มาตร 2 : 0.40 % โดยน้ําหนั ก 3: 0.04 % โดยปริ มาตร 4 : 0.04 % โดยน้ําหนั ก
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
1 : น้อยกวา่ 2 : มากกวา่ 3: เทา่ กัน 4 ่ ามารถระบุไดว้ า่ เป็ นอยา่ งไร คาํ ตอบที่ถูกตอ
: ไมส ้ ง:1
้ ที่ 6 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ ไมใ่ ชว่ ั ตถุประสงคข์ องการเติมธาตุโครเมียม (Cr) ในเหล็กกลา้ ผสมสูง
(High alloy steels)
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
1/63
สภาวิศวกร
19/2/2559
้ ที่ 9 : โลหะผสมสูงกลุม
ขอ ่ ซูเปอร์อัลลอย (Superalloys) เชน
่ Nickel-based superalloys มักนิ ยมนําไปใช้
งานใดในปัจจุบัน
้
1 : ทั งสเตน 2 : โมลิบดินัม 3: แทนทาลัม 4 : เยอรมั นเนี ยม คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้
1: ทั งสเตน 2 : แพลตินัม 3: ิ อน 4 : เยอรมันเนี ยม คาํ ตอบที่ถูกตอ
ซิลก ้ ง :2
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้ ที่ 13 : โลหะใดที่ไมค
ขอ ่ วรนํามาเป็ นภาชนะบรรจุอาหาร
walalalalalala
1:อะลูมิเนี ยม 2: ตะกั ่ว 3: ดีบุก
4 : เหล็กกลา้ ไร้สนิ ม คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 16 : โลหะใดที่นํามาใชท
ขอ ้ าํ เป็ นชิ้นสว่ นเครื่ องบินน้อยที่สุด
้ ที่ 17 : เหล็กกลา้ ไร้สนิ มเกรด 18-8 หมายถึง เหล็กกลา้ ที่ผสมโลหะชนิ ดใดเป็ นปริ มาณสูงสุดสองชนิ ดแรก
ขอ
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=7010128aSubj=33
263
19/2/2559
สภาวิศวกร
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 22 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชส
่ มบัติของเหล็กกลา้ คาร์บอนตา่ ํ
้ ที่ 23 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชส
่ มบัติเดน
่ ของอะลูมิเนี ยม
้ ที่ 25 : ขอ
ขอ ้ ใดคือลักษณะเดน
่ ของเหล็กหลอ่ ขาว
1: แข็ง ยากตอ่ การตกแตง่ 2 : ออ่ น เหนี ยว ตกแตง่ -ขึ้นรู ปได้งา่ ย 3: รับแรงอัดและแรงสั ่นสะเทือนได้ดี
่ นตอ่ การเสียดสี คาํ ตอบที่ถูกตอ
4 : ไมท ้ ง:1
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
363
19/22559
สภาวิศวกร
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
1:1% 2: 2% 3:3% 4 : 4%
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 31 : ขอ
ขอ ้ ความใดตอ่ ไปนี้ เป็ นการกลา่ วที่ถูกตอ
้ ง
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 33 : ชิ้นงานใดตอ
ขอ ่ ไปนี้ มีความแข็งแรงสูงสุด
้ ที่ 34 : โลหะชนิ ดใดตอ่ ไปนี้ ที่เหมาะสมสาํ หรับทาํ เครื่ องยนต์ (Engine block) สาํ หรับรถแขง่
ขอ
มากที่สุด
1 : เหล็กกลา้ (Steel) เนื่ องจากหลอ่ งา่ ยที่สุด 2: เหล็กกลา้ ไร้สนิ ม (Stainless steel) เพราะทนตอ่ การเกิดสนิ ม
ได้ท่ี 3: อะลูมิเนี ยมผสม (Aluminium alloy) เพราะมีน้ําหนักเบา
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
ม 63
สภาวิศวกร
19/22559
4 : โลหะผสมยิง่ ยวด (Superalloy) เพราะทนอุณหภูมส ้ ี คาํ ตอบที่ถูกตอ
ิ ูงไดด ้ ง:3
1:อะลูมิเนี ยมบริ สุทธิ์ 2: อะลูมิเนี ยมผสมซิลิคอน 3: อะลูมิเนี ยมผสมทองแดง 4 : อะลูมิเนี ยมผสมแมงกานี ส คาํ ตอบ
ที่ถูกตอ
้ ง:2
1 : เหล็กกลา้ ไร้สนิ ม
2 : ทองแดง 3: อะลูมิเนี ยม
้ 1 2 และ 3 ผิด คาํ ตอบที่ถูกตอ
4 : ขอ ้ ง:4
1 : เหล็กกลา้ คาร์บอนสูง (High carbon steel) 2: เหล็กกลา้ ไร้สนิ มเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel) 3 :
เหล็กกลา้ ไร้สนิ มออสเทไนต์ (Austenetic stainless steel)
4 : เหล็กกลา้ ไร้สนิ มมาร์เทนไซต์ (Martensitic stainless steel) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง
:3
้ ที่ 41 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชว่ ั สดุพอลิเมอร์
1: ยาง (Rubber) 2 : พลาสติก (Plastic) 3 : ไม้ (Wood) 4 : แก้ว (Glass) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้ ที่ 42 : ยางที่ผา่ นกระบวนการ Vulcanization แลว้ จัดเป็ นพอลิเมอร์ประเภทใด
ขอ
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 43 : ขอ
ขอ ้ ใดเป็ นพอลิเมอร์แบบโครงขา่ ย (network)
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
863
19/22559
สภาวิศวกร
้ ที่ 45 : ขอ
ขอ ่ ไปนี้ กลา่ วไมถ
้ ใดตอ ่ ูกตอ
้ ง
1: โคพอลิเมอร์ (Copolymer) ประกอบด้วย มอนอเมอร์มากกวา่ หนึ่ งชนิ ดเรี ยงตอ่ กัน 2 : อัลเทอร์เนต
โคพอลิเมอร์ (Alternate copolymer) ประกอบด้วย มอนอเมอร์มากกวา่ หนึ่ งชนิ ดเรี ยงตอ่ แบบสลับกัน
3 : แรนดอมโคพอลิเมอร์ (Random copolymer) ประกอบด้วย มอนอเมอร์มากกวา่ หนึ่ งชนิ ดเรี ยงตอ่ แบบสุม่ 4
: กราฟทโ์ คพอลิเมอร์ (Graft copolymer) ประกอบดว้ ย มอนอเมอร์มากกวา่ หนึ่ งชนิ ดเรี ยงตอ่ อยูใ่ น
สายโซท ่ ่ีเป็ นเสนตรง
้ คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
1: 1 2 : II 3 : III
4 : IV คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง :4
้ ที่ 49 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ ไมใ่ ชพ
่ อลิเมอร์
้ ที่ 51 : โดยทั่วไปพอลิเมอร์มีสมบัติเชิงกลในขอ
ขอ ่ ไปนี้ มากกวา่ วัสดุวศ
้ ใดตอ ิ วกรรมชนิ ด
อื่นๆ
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=7010128aSubj=33
#63
19/2/2559
สภาวิศวกร
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้ ที่ 54 : ขอ
ขอ ่ ไปนี้ ไมใ่ ชโ่ ครงสร้างของโคพอลิเมอร์ (Copolymer)
้ ใดตอ
้ ที่ 55 : ขวดพลาสติกใสที่ใชบ
ขอ ้ รรจุน้ําอัดลมในทอ
้ งตลาดมักทาํ ดว้ ยพอลิเมอร์ชนิ ดใด
่ ีสงิ่ ใดเปลี่ยนแปลง 2
1 : ไมม : น้ําอัดลมจะมีสีท่ีจางลง 3 : แก๊สคาร์บอนไดออกไซดจ์ ะระเหยออกไป
4 : ปริ มาณของน้ําอั ดลมจะลดลง คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง :3
้ ที่ 58 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ ไมเ่ ป็ นความจริ ง
้ ที่ 59 : กระบวนการในขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ เป็ นกระบวนการสร้างพอลิเมอร์จากมอนอเมอร์
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
7/63
19/2/2559
สภาวิศวกร
1 : ปฏิกิริยา Hydration 2: ปฏิกิริยา Oxidation 3: ปฏิกริ ยา Reduction 4 : ปฏิกิริยา Dehydration คาํ ตอบที่
ถูกตอ
้ ง:1
้ ที่ 64 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชส
่ มบั ติของเซรามิก
้
1 : เป็ นฉนวนทังทางความร ้ ้ดี 4 : เฉื่ อยตอ
้ อนและไฟฟ้า 2: ความตา้ นทานตอ่ แรงกระแทกตา่ํ 3: ทนตอ่ แรงตั งได ่ การเกิด
ปฏิกิริยาเคมี
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 65 : ขอ
ขอ ่ ลที่เกิดจากการเกิดรู พรุ น (Porosity) ในเนื้ ออิฐทนไฟ
้ ใดไมใ่ ชผ
้ ที่ 66 : วัสดุในขอ
ขอ ้ ใดเหมาะที่จะทาํ เป็ นวัสดุขัดถู (Abrasive material)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 68 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชเ่ ซรามิกวิศวกรรม (Engineering ceramic)
1: พอร์ซิเลน (Porcelain)
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
ผ 63
19/22559
สภาวิศวกร
้ ที่ 71 : ขอ
ขอ ้ ใดกลา่ วถูกตอ
้ ง
1 : การขึ้นรู ปแกว้ จะทาํ ขณะที่แกว้ มีสภาพเป็ นของเหลวที่มีความหนื ดสูง 2 : การขึ้นรู ปแกว้ จะเกิดปฏิกิริยา
Sintering 3 : แกว้ โดยทั่วไปเป็ นของแข็งที่มีผลึก 4 : หลังจากขึ้นรู ปแก้วแลว
้ ตอ
้ งนําแก้วไปอบและเผา คาํ ตอบ
ที่ถูกตอ
้ ง:1
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้ ที่ 78 : ขอ
ขอ ้ ใดไมช่ ว่ ยทาํ ให้วัสดุท่ีผลิตจากอะลูมินา (Numina) มีสมบัติโปร่งแสง
(Translucent) ได้
1 : อะลูมินาที่ใช้มีความบริ สุทธส
์ ูงมาก 2 : เป็ นวัสดุผลึกเดี่ยว (Single crystal) 3 : การจัดเรี ยงตัวของ
ผลึกมีทิศทางใกลเ้ คียงกันมาก 4 : ขอบเกรน (Grain boundary) มีความหนามาก คาํ ตอบที่ถูกตอ ้ ง:4
้ ที่ 79 : กระถางปลูกตน
ขอ ้ ไม้ โอง่ ดิน อิฐมอญ จัดเป็ นเซรามิกประเภทใด
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
เนื้ อหาวิชา : 241 : 04 Asphalt Wood and concrete
้ ที่ 83 : ขอ
ขอ ้ ใดเป็ นสว่ นประกอบหลักของยางมะตอย (Asphalt)
1 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ไนโตรเจน (N) 2 : ธาตุคาร์บอน (C) และ ไฮโดรเจน (H) 3: ธาตุคาร์บอน (C) และ
ซั ลเฟอร์ (S)
4 : ธาตุคาร์บอน (C) และออกซิเจน (O) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 84 : ไมม
ขอ ่ ีสมบัติทางกลตามขอ
้ ใด
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
1063
19/2/2559
สภาวิศวกร
4: ยางมะตอยแข็งแรงมากกวา่ ยางมะตอยผสม
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 86 : การใชค
ขอ ่ สร้าง คอนกรี ตถูกใชเ้ พื่อให้รับแรงประเภทใด
้ อนกรี ตในการกอ
1 : ทราย (Sand หินฟันมา้ (Feldspar) และซีเมนต์ (Cement) 2: หินยอ่ ย (Aggregate) หินฟันมา้ (Feldspar) และ
ซีเมนต ์ (Cement) 3: ทราย (Sand) หินยอ
่ ย (Aggregate) และซีเมนต์ (Cement)
4 : ทราย (Sand) หินยอ่ ย (Aggregate) และบิทูเมน (Bitumen} คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง: 3
เนื้ อหาวิชา : 242 : 05 Phase equilibrium diagrams and their interpretation
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 90 : ขอ
ขอ ้ มูลที่สามารถทราบไดจ้ ากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
้ ใดไมใ่ ชข่ อ
้ ที่ 91 : ขอ
ขอ ้ ใดเป็ นสิง่ ที่สามารถทราบได้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
้ ที่ 92 : ขอ
ขอ ้ ใดคือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในแผนภาพเฟสของ Fe-Fe3C ที่กาํ หนดให้
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
11/63
19/22559
สภาวิศวกร
1800.
Atomic Percent Carbon
15
IELD
-
11
11
"T
F1
-
0.28
13
L + C(graphite)
15
ไป
---
**
-
(PF
-
*
*
*
Temperature °C
1
๒๕๕๒ ๒ - ๒๒ ๒๒ * *
Fegc
.85
ปี ที่
--
-
--
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
BE
งา
้ ที่
ขอ
93
(Eutectoid)
ของเหล็กกลา้ คาร์บอน
เกิดที่ปริ มาณคาร์บอนกี่เปอร์เซน
็ ตโ์ ดยน้ําหนัก
ปฏิกริ ยายเทกทอยด ์ Atomic Percent Carbon
I
15
15C 1536c0.92
(6Feb 053 14500163
L + Clgraphite)
27
11Egg 11
=
=
=
=
(Fe)
Temperature °C
Feac
BatH
2.EZI O.ตริ
ง
-------------
-
-
-----
600
-
Fe)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 95 : ขอ
ขอ ้ มูลที่ไดจ้ ากการอา่ นแผนภาพเฟสในสภาวะ
้ ใดไมใ่ ชข่ อ
ที่สมดุล
1: ชนิ ดของเฟสที่เกิดขึ้น 2 : ปริ มาณของเฟสที่เกิดขึ้น 3 : อุณหภูมิท่ีสาร
เริ่ มแข็งตัว (Solidify) หรื อหลอมเหลว (Melt) 4 : ชนิ ดของ
โครงสร้างผลึกของเฟสที่เกิดขึ้น
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
12/63
สภาวิศวกร
19/2/2559
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 97 : เสน
ขอ ้ Liquidus มีความสาํ คัญอยา่ งไร
้ ที่ 98 : เสน
ขอ ้ Solidus มีความสาํ คัญอยา่ งไร
้ ภาวะที่สมดุล เฟสของแข็งชนิ ดหนึ่ งจะเริ่ มเกิดเป็ นเฟสของแข็งมากกวา่ หนึ่ งชนิ ดที่
1 : ภายใตส
้ Solidus 2: ภายใตส
เสน ้ ภาวะที่สมดุล อุณหภูมิท่ีอยูต ่ า่ ํ กวา่ เสน
้ Solidus จะประกอบด้วย
เฟสของเหลวและเฟสของแข็ง 3: ภายใตส้ ภาวะที่สมดุลอุณหภูมิท่ีอยูต่ า่ํ กวา่ เสน้ Solidus เฟสของเหลวจะ
เปลี่ยนเป็ นเฟสของแข็งทังหมด
้ ้ ภาวะที่สมดุล อุณหภูมิท่ีอยูส
4: ภายใตส ่ ูงกวา่ เสน
้ Solidus จะประกอบด้วย
้
เฟสของแข็งทังหมด คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง: 3
้ ที่ 99 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชล่ ั กษณะของเสน
้ Solvus
้ ที่ 100 : ขอ
ขอ ้ ใดไมท
่ าํ ใหเ้ กิด Isomorphous Systems
1991
|
|
|
|
|
|
2800
15CNC
Liquid
1453
26]
14
Solidus line
Temperature (°C)
Liquidus line
ณ +L
1240)
1100
Temperature (°F)
2200
I 10
1065
0
20
80
40 60 Composition (wt% Ni)
100 (N)
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
1363
สภาวิศวกร
19/22559
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
28
15CMU
Liquid
1453
26]
1 40
Solidus line
Liquidus line
2400
Temperature (°C)
1300
Temperature (°F)
2007
"
บ)
I1CG]
1035
|
1000
0 (Cu)
20
40
60
80
100
(N)
Composition (wt% ND
้ ที่ 103 : ขอ
ขอ ้ ใดไมเ่ กี่ยวขอ
้ งกับการเกิดโครงสร้างแกน (Cored
structure)
1 : เกิดในสภาวะที่ไมส
่ มดุล 2: เกิดจากความเขม้ ขน
้ ของสว่ นประกอบทางเคมี
(Chemical composition) ในแตล่ ะสว่ นตา่ งกัน 3: สามารถแก้ไขได้โดยการทาํ กรรมวิธี
ทางความร้อน (Heat treatment) 4 : การเย็นตัวลงอยา่ งชา้ ๆ
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
-2500
150 |
Liquid
145
Liquidus line
Solidus line
Temperature (°C)
13OD
Temperature (°F)
I1ODE
10850
230)
1000
0
|
| 20
|
|
||||
40 60 Composition (wt% ND)
| 80
| 100
(NI)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
14463
1922559
สภาวิศวกร
26
1
ปี /
Solidus line
23C
Temperature (°C)
1300
Liquidus line
*
*
Temperature (°F)
1100
2
)
1035
1000
" (Cu)
20
40
60
80
แ e 6 10s แ 5tI
Atomic Percent Zinc 10 20 30 40 50
T Ttrrrrrrrrrr
60
70
80
90
100
32.2018
634;
.
TAT
[ C 13.02
EO,
Temperature °C
(Cu)
785
7
ราคา 63
0. 6
41
|65
560"
38.965453148.57.7
25
6
1
0725
1.5g C
(Zn)
*
Cu
10
20
30
40 50 60 Weight Percent Zinc
70
80
90
100
Zn
ขอ ้ ที่ 107 : จากแผนภาพเฟสของ นิ กเกิล (Ni) - ไททาเนี ยม (Ti) มีปฏิกิริยา Invariant ใดเกิด
ขึ้นบา้ ง
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
1563
19/22559
สภาวิศวกร
70
80
90
เ on ()
1670C
16001
ขาธิ
1400 -
1yEpE
BigC
Temperature °C
- 10
111FC
TiNi
(Ni)
1QQQ
(8Ti) |
942ec
1
BBC
TiNiz
800 -
3
765°C
#5
* (aTi)
Tizni
Stor)
ทากาชา
1
[
1
30
--- 8300 40 50 60 70 Weight Percent Nickel
Ni
11003
104.E า
1000 9f1.83c
(Cu)
"ร.10
(Ag) 0.8
25.
Temperature °C
TTTTTTTTTTTTTTTT
T
TTTT 1
1
1
1
1
1
E1
EU
90
100
30 40 50 60
Weight Percent Copper
Cu
1 : ประมาณ 750 องศาเซลเซียส 2 : ประมาณ 800 องศาเซลเซียส 3: ประมาณ 850 องศา
เซลเซียส 4 : ประมาณ 950 องศาเซลเซียส คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง :3
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
1863
19/22559
สภาวิศวกร
32.
02
7dog
80.5
\
.8
*
*
h
Temperature °C
(Cu)
TE
อย่าง
| .5
560
38.95)
BE.
.5
Rss Ste ไม่
-
มี
419.5ger
แบบ
(ZnE
100 ราย
0
10
20
30
50
70
80
30
"
E]
100
เฟสอะไร
103
*104.8
100g
961.93*cs
79.1*
(Cu)
(Ag) 8.8
26.
Temperature °C
TTFTTTTTTTTTTTT
300 31
P
()
ปี
้ ่ 111 :
ขอที
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
1763
19/2559
สภาวิศวกร จากแผนภาพเฟสของทองแดง (Cu) - นิ กเกิล (Niy โลหะผสมประกอบดว้ ย
ทองแดง 30%โดยน้ําหนักและนิ เคิล 70%โดยน้ําหนัก ที่ 1350 องศาเซลเซียส ประกอบดว้ ย
เฟสอะไร
Composition (at% Ni) 0 20 40 60 80 100
2800
150
Liquid
1453C
2600
140
Solidus line
Liquidus line
21G
Temperature (°C)
1300
Temperature (°F)
I4I
1200F
220
1100
20
1035
|
100
C)
20
10
(ใน)
Composition (wt% Ni)
(N)
111111111111111
328602348
32.กาง 7.5
88
11111111
( 700
193.02
80,ง
#g.
Temperature °C
TTTT
(Cu)
785
38.953544
(57.7
|
BBs
CH3E4250 บ
ชาย 4i8.5gC
(Zn)
100
""
| TT เบน 1
30
70
405060 | Weight Percent Zinc
100
Cu
เฟสีอะไร
Zn
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
1863
19/22559
สภาวิศวกร
32.
02
7dog
80.5
\
.8
*
*
h
Temperature °C
(Cu)
TE
อย่าง
| .5
560
38.95)
.5
BE. เ 250 บ" REG)
- มี 419.5ger
แบบ
(ZnE
100 บาท
30
50
70
80
30
"
E]
100
23198819
(a Ph)
13
.
7.8
Temperature °C
HTTTTTTTTT
(Sn) -
-
1
1
1
1
1
1
ๆ ของ แลกราง
0
1)
30
70
80
90
40 50 60 Weight Percent Tin
100
Sn
บา้ ง
Pb
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
19/63
19/212559
สภาวิศวกร
30
40
Atomic Percent Tin 50 60 70
80
90
วแกง 10 20
1327.502c
100
350
จะมา
กกกก
"""""""
300
1
2503
231.98it
(4 Ph)
18st
163
Temperature °C
-
1E3
.
151
(BSn)
10,
20
30
70
80
90
100
0
Pb
40 50 60 Weight Percent Tin
อะไรบา้ ง
Sn
70
80
350T
90
100
322.5020
800
25] -
2319691c
(4 Pb)
200
1st
Temperature °C
18.3
61.8
B
(0)
(Sn)
20
30
70
80
90
0 11 Pb
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ่ 117 : ขอ
ขอที ้ ใดไมใ่ ชล่ ั กษณะของโครงสร้างจุลภาคของสว่ นประกอบ Eutectic
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
20/63
19/2/2559
สภาวิศวกร
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
ขอ้ ที่
119 :
(Cu)
-
นิ กเกิล
(Ni)
คา่
Degree
of freedom
ระหวา่ งเสน ้
Solidus
และ
Liquidus
มีคา่ เทา่ ใด
จากแผนภาพเฟสของทองแดง
Composition (at% Ni) 20 40 60
.0
80
100
15)
25)
150
Liquid
1153
26Ul
ไมม
่ ี
Solidus line
Liquidus line
2400
Temperature (°C)
1300
แ L/
Temperature (°F)
122C]
11on
Ill]
2
)
1035
้ ที่ 120 : ขอ
ขอ ่ ไปนี้ เป็ นปฏิกิริยา Monotectic
้ ใดตอ
1 : C++
20 x
2. ๕๕๕๕๗ g 5218
2 coloug +5+L 4.A+L sea 36
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
21/63
19/22559
สภาวิศวกร
้ ที่ 125 : ขอ
ขอ ้ ใดคือโครงสร้างที่ได้จากการเย็นตัวอยา่ งชา้ ๆ ของเหล็กกลา้ คาร์บอนตา่ ํ ที่มีโครงสร้างออสเทไนต์
(Austenite)
1 :เพอร์ไลต ์ (Pearlite) และเฟร์ไรต ์ (Ferrite) 2:เพอร์ไลต์ (Pearlite) และ ซีเมนไทต์ (Cementite) 3 : เบในต์
(Bainite) 4 : มาร์เทนไซต ์ (Martensite)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
|
A+P
--------
A+B
Temperature (°C)
Temperature (°F)
the
50 %
M(start)
100E
M(506) M(90%)
10
102
104
105
106
103 Time (s)
้ ที่ 127 : ขอ
ขอ ้ ใดคือวัตถุประสงคข์ องการอบปรกติ (Normalizing)
้ ที่ 128 : ขอ
ขอ ้ ใดคือวัตถุประสงคข์ องการอบออ่ น (Annealing)
1 : เพื่อเพิ่มความแข็งแรง 2 : เพื่อให้ได้โครงสร้างที่มีความออ
่ นตัวสูง 3 : เพื่อเพิ่มความแข็งให้กับวัสดุ 4 :
ขอ
้ 12 และ 3 ถูก
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
2263
สภาวิศวกร
19/12/2559
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 129 : ขอ
ขอ ้ ใดคือปัจจัยที่มีผลตอ
่ ความแข็งของเหล็กกลา้ คาร์บอนปานกลาง
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
15380.00
(ore)
คอ.16
L + Clgraphite)
เรา
11E
Temperature C
L
ปี
-
y
Fe
Weight Percent Carbon
10
20
30
40
Atomic Percent Tin 50 60 70
80
350 1r+
ส
90
199
าร
32.502c
//
231.9681t
200
(4 Pb)
183
Temperature °C
183
ป
(8Sn) -
9"10"20304050602060
Weight Percent Tin
Pb
Sn
1: ดีบุก 20% และตะกั่ว 80% โดยน้ําหนัก 2 : ดีบุก 25% และตะกั่ว 75% โดยน้ําหนัก 3: ดีบุก
30% และตะกั่ว 70% โดยน้ําหนัก 4 : ดีบุก 35% และตะกั่ว 65% โดยน้ําหนัก คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
0
Atomic Percent Tin 50 60
10
20
30
40
0
p0
90
00
1327.502c
231.88Bit
(u Pb)
1eset
188
Temperature °C
61.9
Temperature
(8Sn) -
แ FT PTT TTTT
10
20
30
40 50 60 Weight Percent Tin
70
80
90
100
กี่กรัม
Pb
Sn
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
http://www.coe.or.th/coe/
main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
2463
19/22559
สภาวิศวกร
502c
231.E681t
(w Ph)
183c
Temperature °C
183
(Sn)
"T
E
TEET T *
**
**
*
10
20
30
70
80
90
If
0 Pb
40 50 60 Weight Percent Tin
Sn
่ นผสมของโลหะนี้ คือขอ
32% โดยน้ําหนัก สว ้ ใด
11003
104.E า
1000 61.30
(Cu)
"ร.10
52
Temperature °C
"TTTTTTTTTTTTTTT
1 TTTTT 1 1
1
1
1
1
1
2
10
20
90
30 40 50 60 0
Weight Percent Copper
100
Cu
1: ทองแดง 10% และเงิน 90% โดยน้ําหนัก 2: ทองแดง 15% และเงิน 85% โดยน้ําหนัก
3: ทองแดง 20% และเงิน 80% โดยน้ําหนัก 4: ทองแดง 25% และเงิน 75% โดยน้ําหนัก คาํ
ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 137 : โลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยน้ําหนัก จาํ นวน
ขอ
800 กรัม ที่อุณหภูมิตา่ ํ กวา่ 779 องศาเซลเซียส เล็กน้อย จะมีเฟสใดเกิดขึ้นบา้ ง
และเกิดขึ้นเป็ นจาํ นวน
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
263
19/2/2559
สภาวิศวกร
11004
*1084.87 C
1000 961.83eck
(Cu)
"ราบ.1
รี่ (Ag)/a.8
CE.
Temperature 'C
4003
300 3
200 บาท
1
)
30 40 50 60
Weight Percent Copper
Ag
เทา่ ใด
1 : เฟส (Cu) 410.5 กรัม และเฟส (Ag) 389.5 กรัม 2 : เฟส (Cu) 501.7 กรัม และเฟส (Ag)
298.3 กรัม 3: เฟส (Cu) 524.6 กรัม และเฟส (Ag) 275.4 กรัม
4 : เฟส (Cu) 588.8 กรัม และเฟส (Ag) 211.5 กรัม คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง :4
้ ที่ 138 : โลหะผสมของทองแดง 70% และ เงิน 30% โดยน้ําหนัก จาํ นวน 800 กรัม ที่
ขอ
อุณหภูมิสูงกวา่ 779 องศาเซลเซียส เล็กน้อย จะมีเฟสใดเกิดขึ้นบา้ งและเกิดขึ้นเป็ นจาํ
นวน
0
10
20
Atomic Percent Copper
50 60
30
40
30
100
1200 รายงานระบุหมุดการกากกกกกกกกกก
T
11003
1054.67et
100g
Fi.c3C
900
79.1
77.1C
(Ag) /8.8
281
Temperature °C
10
20
30
50
70
80
90
10
นี้ Ag
40
50 Weight Percent Copper
Cu
เทา่ ใด
1: เฟส (Cu) 610.5 กรัม และเฟส (Ag) 189.5 กรัม 2 : เฟส (Cu) 510.7 กรัม และเฟส (Ag) 298.3
กรัม 3: เฟส (Cu) 524.6 กรัม และเฟส (Ag) 275.4 กรัม
4 : เฟส (Cu) 730 กรัม และเฟส (Ag) 70 กรัม คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่
ขอ
139
จากแผนภาพเฟสของ
นิ กเกิล
(Ni)
ไททาเนี ยม
ขอ
้ ใดคือปฏิกริ ยา
Eutectic
ที่เกิดขึ้น
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
2863
19/2/2559
สภาวิศวกร
70
80
90
100
TITTEET
laon 0
1670°C
1600
1455°C
14001
1380°C
1310°C
1304°C
Temperature °C
1200
1118°C
TiNi
(Ni)
1000
984°C
(BTi)
942°c
882°C
TiNiz
800
V
765°C
765°C
Hati)
Tizni
------830°C
1+1!
!
!
TTTTTTTT
6001
0
10
30
20
80
70
40 50 60 Weight Percent Nickel
Ti
Ni
70
80
90
100
1670°C 1600
1455°C
1400
1380°C
NA
1310°C
1304°C
Temperature "C
1200
1118°C
TiNi
1000
984°C
(BTi)
942°C
882"CN
TiNis
800
765°C
(aTi)
Ti Ni
630°C ------
600 1.
TTT
TTTTTTTTTTTTTTTTT
TTTTTTTTT
0
20
30
70
80
90
40 50 60 Weight Percent Nickel
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
27/63
สภาวิศวกร
19/2/2559
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้ ที่ 141 : ในระบบ Ternary ซ่ึงประกอบด้วยสว่ นประกอบ 3 ชนิ ด อยากทราบวา่ ถา้ ให้
ขอ
อุณหภูมิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แตค ่ วามดันมีคา่ คงที่ จะมีจาํ นวนเฟสเกิดขึ้นได้มากที่สุด
พร้อมกันกี่เฟสที่อุณหภูมิและสว่ นประกอบเดียวกัน
1: 5 2:4 3 : 3
4 : 2 คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
11003
1084.ครู
110 0E1.30
(Ag) 8.8
CH.1
Temperature °C
30 40 50 60
Weight Percent Copper
70
80
1[
(Ci
1 : เฟส (Cu) 610.5 กรัม และเฟสของเหลว 189.5 กรัม 2 : เฟส (Cu) 549.6 กรัม และเฟสของเหลว 250.4
กรัม 3 : เฟส (Cu) 580.6 กรัม และเฟสของเหลว 219.4 กรัม 4 : เฟส (Cu) 730 กรัม และเฟสของเหลว 70
กรัม
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 143 : ขอ
ขอ ่ ไปนี้ ไมใ่ ชเ่ ฟสในเหล็กกลา้ คาร์บอน (Carbon steel)
้ ใดตอ
ข้อที่ 144 : ซีเมนไทต์ (Cementite) ในเหล็กกลา้ คาร์บอนเป็ นเฟส (Phase) ชนิ ดใด
้ ที่
ขอ
145
เหล็กกลา้ คาร์บอน
0.8wt%C
ชุบในน้ําเย็นจากอุณหภูมิ
1000
องศาเซลเซียส
จะไดโ้ ครงสร้างใด
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
263
19/22559
สภาวิศวกร
150gs16 นเรา
13"
L + c(graphite)
15
---
**
-
(PF
-
*
*
*
Temperature °C
๒๕๕๒ ๒ ๒๒ ๒๒ * *
Fegc
.85
ปี
BE
HaFe)
35
งา
Weight Percent Carbon
้ ที่
ขอ
146
:
้ ใดตอ่ ไปนี้ ที่สามารถเพิม
โลหะผสมในขอ ่ ความแข็งแรงโดยการบม
่ แข็ง
(Age
hardening)
ได้
58
1
1
Ent
1
1
1
400 31 ()
10
0
0
0
0
0
0
0 0 0 Weight Percent Capper
Al
cu
้ ที่
ขอ
147
14
:
เฟสของแข็งเฟสแรกที่เกิดจากการแข็งตัวจากสภาวะของเหลวของ
AN+20wt00S
คือขอ
้ ใด
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
29/63
19/22559
สภาวิศวกร
1s00 3
10
350
40
30
100
1i4c
IT T
Temperature °C
(1)
(si)
0 BHTTTTT
0 Al
10
0
30 40 50 A)
Weight Percent Silicon
60
้ ที่
ขอ
148
โครงสร้างงานหลอ่ ทองเหลือง
(Zn+
20wt%Cu)
โดยทั่วไป
จะเป็ นดังในขอ
้ ใด
น 375 32.902348
"
"
FEE
700*CLB03 ใน.le
Temperature °C
ต่อมา
18.5
(Cu)
ge
38.95) %
(57.7
BB3 125r ไป
(Zn)
70
to
90
Cu
40 50 60 Weight Percent Zinc
100
Zn
้ ที่ 149 : ชว่ งการแข็งตัว (Freezing range) ของโลหะผสม Cu + 40wt%Ni มีคา่ ประมาณ
ขอ
เทา่ ใด
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
3063
19/22559
สภาวิศวกร
Composition (at% Ni)
40 60
0
20
80
100
150
Liquid
1153
26]
14
Liquidus line
Solidus line
Temperature (°C)
124]
13/0
Temperature (°F)
12tip
2200
11002
10850
2
ปี
20
Composition (wt% Ni)
(N)
ขอ้ ที่
150
:
โลหะผสม Cu + 40wt%Ni
Composition (at% Ni)
แข็งตัวอยา่ งชา้ ๆ
ในภาวะสมดุล
การแข็งตัวจะเริ่ มตน ้ สุดที่อุณหภูมิใดโดยประมาณ (องศาเซลเซียส)
้ และสิน
0 1600 |
|
20 |
|
40 |
|
60 |
|
80 |
|
100 1
280
150
Liquid
14530
14 ปี
Solidus line
Liquidus line
Temperature (°C)
Temperature (°F)
site:
[]
ไ C2CD
1100
200
10250
10000
20
40
60
80
100
Composition (wt% Ni)
(NI)
1 : เริ่ มตน ้ สุด 1085 2 : เริ่ มตน้ 1455 สิน้ สุด 1240 3 : เริ่ มต้น 1280 สิน้ สุด 1240 4
้ 1455 สิน
: เริ่ มตน้ 1280 สิน ้ สุด 1085 คาํ ตอบที่ถูกตอ้ ง : 3
ข้อที่ 151 : โครงสร้างที่เกิดขึ้นจากการแข็งตัวของโลหะผสม Pb + 30wt%Sn ในภาวะสมดุล ประกอบ
ด้วยโครงสร้างยูเทคติก (Eutectic microconstituent) ประมาณเทา่ ใด
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
3163
19/22559
สภาวิศวกร
502c
231.E681t
(w Ph)
183c
Temperature °C
183
(Sn)
"T
E
TEET T *
**
**
*
10
20
30
70
80
90
If
0 Pb
40 50 60 Weight Percent Tin
Sn
คา่ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 152 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ ที่ไมส
้ มูลในขอ ่ ามารถหาได้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
1: ชนิ ดของเฟสในภาวะสมดุล 2: สว่ นผสมของเฟสในภาวะสมดุล 3: ปริ มาณของเฟสในภาวะสมดุล
4 : รู ปร่างของเฟสในภาวะสมดุล
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
1:cr 2 : Mn 3 : Mo
4 : Si คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง: 4
1:700 2 : 800
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
3263
19/2/2559
สภาวิศวกร
3 : 950 4 : 1050
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
ขอ้ ที่
157
:
อุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการปมเพื่อเพิม
่ ความแข็ง
(Aging)
สาํ หรับโลหะผสม
AI
+
4wt%Cu
คือขอ้ ใด
(องศาเซลเซียส)
Temperature oc
1
-
1
1
1
-
1
-
1
1
IT III
900 -(al)
100 Ti 111
0
0
0
0
40 50 0 Weight Percent Copper
Al
Cu
ํ ตอบที่ถูกตอ
4 : 600 คา ้ ง :1
ขอ้ ที่
158
:
ในการหลอ่ โลหะผสม
Cu
+
10wt%Sn
จะเกิดปฏิกิริยาเพริ เทกติก
(Peritectic)
ได้หรื อไม่
120
10
20
60
70
80
90 100
111111TTTTTTTTT
1 TL LT
บบบบบบ
1064
136 70ec
“
25.5
30.8 78
Temperature °C
เ
GAN 840%
58.8
(cu)
J582°C
415c
31.8ee
1894C60.31
18
10
20
30
70
80
100
40 50 60 Weight Percent Tin
Sn
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
1SEE
นิ
(CF)
10.11830
ขา
I + C(graphite)
st
11gc
เ
-
"
*
4 ปี
*
Temperature ac
T
**
*
*
*
*
,
*
*
%
0
0
500
afe)
1: โลหะ
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
#63
19/2/2559
สภาวิศวกร
2 : เซรามิก 3: พอลิเมอร์
4 : วัสดุเชิงประกอบ คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
1 : ใชแ
้ รงดึงน้อยกวา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield strength) 2 : ใชแ ้ รงถึงมากกวา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield
strength) 3 : ใชแ ้ รงดึงน้อยกวา่ ความตา้ นแรงดึง (Tensile strength) 4 : ใชแ้ รงดึงมากกวา่ ความตา้ นแรงดึง
(Tensile strength)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
1 : มอดุลัสของสภาพยืดหยุน
่ (Modulus of elasticity) 2 : มอดูลัสของความยืดหยุน
่ (Modulus of
resilience) 3: ความแข็งแรง (Strength) 4 : อัตราสว่ นของปัวซอง (Poisson's ratio) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง
:2
WN -
1 : มอดุลัสของสภาพยืดหยุน
่ (Modulus of elasticity) 2 : มอดุลัสของความยืดหยุน
่ (Modulus of resilience)
3: ความเหนี ยว (Toughness) 4 : อัตราสว่ นของปัวซอง (Poisson's ratio)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
3563
19/22559
สภาวิศวกร
1: Impact test 2: Tension test 3: Creep test 4 : Hardness test คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
้ ที่ 178 : ขอ
ขอ ้ ใดถูกตอ
้ ง
ขอ ้ ที่ 179 : วัสดุชิ้นหนึ่ งมีความตา้ นแรงคราก (Yield strength) เทา่ กับ 300 MPa เมื่อนําวัสดุ
ชิ้นนี้ มารับแรงซ่ึงกอ่ ให้เกิดความเค้นเทา่ กับ 200 MPa โดยเป็ นการรับแรงดึงสลับกับ การรับแรง
อัด ซึ่งอาจทาํ ใหว้ ั สดุช้ินดังกลา่ วมีโอกาสที่จะเกิดการแตกหักประเภทใดมากที่สุด
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
3a63
19/2/2559
สภาวิศวกร
1 : ใชแ
้ รงดึงน้อยกวา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield strength) 2 : ใซแ์ รงถึงมากกวา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield
strength) 3: ใฑแ์ รงดึงน้อยกวา่ ความตา้ นแรงดึง (Tensile strength) 4 : ใชแ
้ รงดึงมากกวา่ ความตา้ นแรงดึง
(Tensile strength) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
1 : ใชแ ้ รงดึงน้อยกวา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield strength) 2 : ใชแ้ รงถึงมากกวา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield
strength) 3: ใชแ ้ รงดึงน้อยกวา่ ความตา้ นแรงดึง (Tensile strength) 4 : ใชแ
้ รงถึงมากกวา่ ความตา้ นแรงดึง
(Tensile strength)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
1 : ใชแ ้ รงดึงน้อยกวา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield strength) 2 : ใชแ้ รงดึงมากกวา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield
strength) 3: ใชแ ้ รงดึงมากกวา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield strength) แตน
่ ้ อยกวา่ ความตา้ นแรงดึง (Tensile
strength)
้ รงถึงมากกวา่ ความตา้ นแรงดึง (Tensile strength) คาํ ตอบที่ถูกตอ
4 : ใชแ ้ ง :3
้ ที่ 184 : ขอ
ขอ ้ ใดกลา่ วผิด เกี่ยวกับการแตกหักของวัสดุ
้ ที่ 186 : ขอ
ขอ ้ ใดกลา่ วผิด เกี่ยวกับกฎของฮุก (Hooke's law)
: คา่ คงที่
้ (Stress) และความเครี ยด (Strain) ที่แปรผันตรงซึ่งกันและกัน 2
1 : ความสั มพันธข์ องความเสน
ของการแปรผันที่เป็ นไปตามกฎของฮุก คือ คา่ มอดูลัสสภาพยืดหยุน ่ (Modulus of
elasticity) 3 : การเสียรู ปที่เกิดขึ้นซ่ึงความเคน
้ (Stress) และความเครี ยด (Strain) แปรผัน
ตรงซ่ึงกันและกันนี้ เรี ยกวา่ การเสียรู ปอยา่ งถาวร (Plastic deformation)
่ เป็ นคา่ ที่บอกถึงความแข็งดึง (Stiffness) ของวัสดุในการตา้ นทานตอ่ การ
4 : คา่ มอดุลัสสภาพยืดหยุ น
่ (Elastic deformation) ของวัสดุ คาํ ตอบที่ถูกตอ
เสียรู ปแบบยืดหยุ น ้ ง:3
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
3763
1922559
สภาวิศวกร
้ ที่ 190 : จงคาํ นวณคา่ ความเครี ยดทางวิศวกรรม (Engineering strain) ของวัสดุรูปร่างเป็ นแทง่ ยาว 2.2
ขอ
เมตร และพื้นที่หน้าตัดเป็ นรู ปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความยาวแตล่ ะด้านเทา่ กับ 50 มิลลิเมตร เมื่อนําไปรับแรงดึง
ปรากฏวา่ ความยาวเพิ่มขึ้นเป็ น 2.202 เมตร
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
ความเครี ยด
1 : วัสดุ A มีความแข็งดึง (Stiffness) มากกวา่ วัสดุ B 2: วัสดุ A มีความเหนี ยว (Toughness) มากกวา่ วัสดุ B
่ (Resilience) มากกวา่ วัสดุ B 4 : วัสดุ A มีสภาพดึงยืดได้ (Ductility)
3: วัสดุ A มีความยืดหยุน
มากกวา่ วัสดุ B คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
้ ที่ 194 : แทง่ โลหะมีพ้ืนที่หน้าตัดเป็ นรู ปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีความยาวด้านเทา่ กับ 25 เซนติเมตร
ขอ
ทาํ จากเหล็กกลา้ เกรด 1020 ซ่ึงมีคา่ ความตา้ นแรงดึง (Tensile strength) เทา่ กับ 380 MPa
และคา่ ความตา้ นแรงคราก (Yield strength) เทา่ กับ 180 MPa เมื่อแทง่ โลหะนี้ ไดร้ ั บแรงดึง
25,000 นิ วตัน จะเกิดการเสียรู ปอยา่ งไร
่ 2:
1 : เกิดการเสียรู ปแบบยืดหยุ น เกิดการเสียรู ปอยา่ งถาวรโดยเสียรู ปอยา่ งสมา่ ํ เสมอตลอดทัง้
ชิ้นงาน 3 : เกิดการเสียรู ปอยา่ งถาวรโดยเสียรู ปอยา่ งไมส่ มา่ เสมอตลอดทังชิ
้ ้นงาน
4 : เกิดการเสียรู ปอยา่ งถาวรโดยเสียรู ปอยา่ งไมส ้ ้นงานและแตกหัก คาํ ตอบที่ถูกตอ
่ มา่ เสมอตลอดทังชิ ้ ง :
1
1.6.0 x10
1.5 x 10
3. 6.0 x10 4. 1.5x10
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
1 : ความเคน
้ (Stress) 2 : อัตราสว่ นของปัวซอง (Poisson's ratio) 3 : ความเหนี ยว (Toughness)
่ (Modulus of elasticity) คาํ ตอบที่ถูกตอ
4 : มอดสั สของสภาพยืดหยุ น ้ ง:2
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
3863
19/22559
สภาวิศวกร
1 : มีความแข็งดึง (Stiffness) สูง และความแข็ง (Hardness) สูง 2: มีความแข็งดึง (Stiiness) สูง และสภาพดึงยืด
ได้ (Ductility) สูง 3: มีความแข็ง (Hardness) ตา่ ํ และสภาพดึงยืดได้ (Ductility) สูง
4 : มีความแข็ง (Hardness) ตา่ ํ และสภาพดึงยึดได้ (Ductility) ตา่ ํ คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง: 1
เนื้ อหาวิชา : 244:07 Physical and chemical properties and testing
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
3963
19/2/2559
สภาวิศวกร
1 : วัสดุท่ีงา่ ยตอ่ การทาํ เป็ นแมเ่ หล็ก 2: วัสดุท่ีสามารถรักษาภาวะการเป็ นแมเ่ หล็กได้ดี 3: วัสดุท่ีตอ้ งใชส้ นามแม่
เหล็กภายนอกน้อยเพื่อทาํ เป็ นแมเ่ หล็ก
่ ายใน คาํ ตอบที่ถูกตอ
4 : เหล็กที่มีสนามแมเ่ หล็กตกคา้ งอยูภ ้ ง:2
1 : วัสดุท่ีงา่ ยตอ่ การทาํ เป็ นแมเ่ หล็ก 2: วัสดุท่ีสามารถลบลา้ งอาํ นาจแมเ่ หล็กได้งา่ ย 3: วัสดุท่ีตอ
้ งใชส
้ นามแมเ่ หล็ก
่
ภายนอกน้อยเพือทาํ เป็ นแมเ่ หล็ก 4 : ขอ้ 1 2 และ 3 ถูก คาํ ตอบทีถูกตอ ่ ้ ง:4
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
40/63
1922559
สภาวิศวกร
1: เหล็กกลา้ ไร้สนิ มเฟอร์ไรต์ (Ferritic stainless steel) 2: เหล็กกลา้ ไร้สนิ มมาร์เทนไซต ์ (Martensitic
stainless steel) 3: เหล็กกลา้ ไร้สนิ มออสเทไนต ์ (Austenitic stainless steel)
4 : เหล็กกลา้ ไร้สนิ มแปซิฟิก (Pacific stainless steel)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
1 : การสะทอ
้ นแสง (Reflection) 2 : การดูดกลืนแสง (Absorption) 3 : การหักเหของแสง (Refraction)
4 : ขอ้ 12 และ 3 ถูก คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง :3
1 : ทองแดงบริ สุทธิ์ ที่ใชง้ าน ณ อุณหภูมิตา่ ํ 2: ทองแดงบริ สุทธิ์ ที่ใชง้ าน ณ อุณหภูมิสูง 3: ทองแดงผสมนิ เกิลและ
ผา่ นกระบวนการรี ดเย็น ที่ใชง้ าน ณ อุณหภูมิตา่ ํ
4 : ทองแดงผสมนิ เกิลและผา่ นกระบวนการรี ดเย็น ที่ใชง้ าน ณ อุณหภูมิสูง คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
41/63
สภาวิศวกร
19/22559
ข้อที่ 227 : ขอ
้ ใดตอ่ ไปนี้ ทาํ ให้เกิดสนิ มไมม ื นผิวชิ้นงานเหล็กกลา้ ที่มีรอยขีดขว่ นในบรรยากาศที่มี
่ ีสบ
ความชื้น
์ ีเขียว 3 : เกิดการผุกร่อนที่
1 : มีการทาสีเขียวเพื่อป้องกันการผุกร่อน 2: เกิดการผุกร่อนที่ผิวเกิดเป็ นทองแดงออกไซดส
ผิวเกิดเป็ นทองแดงซั ลเฟตสีเขียว 4 : เกิดการผุกร่อนที่ผิวเกิดเป็ นทองแดงคลอไรดส์ ีเขียว คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 229 : ขอ
ขอ ้ ความใดตอ่ ไปนี้ เป็ นการกลา่ วที่ถูกตอ
้ ง
้ ที่ 230 : ขอ
ขอ ้ ความใดตอ่ ไปนี้ เป็ นการกลา่ วที่ผิด
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
ขอ้ ที่ 232 : ลวดทองเหลืองยาว 1 เมตร ถูกทาํ ใหร้ ้ อนจนมีอุณหภูมส ิ ูง 70 องศาเซลเซียส จากอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส
ขณะที่ปลายทังสองข
้ า้ งถูกยึด จงหาขนาดของความเสน ้ ที่เกิดขึ้นในหน่วย MPa กาํ หนดใหค ้ า่ มอดูลัสของสภาพยืดหยุน
่
(Modulus of elasticity) ของทองเหลืองมีคา่ 97 GPa และสั มประสิทธิ์การขยายตัวเนื่ องจากความร้อน
(Coeffeicient of thermal expansion) ของทองเหลืองมีคา่ 20x10 องศาเซลเซียส
้
1 : แก้ว 2 : ทังสเตน 3: พอลิไวนิ ลคลอไรด ์ 4:อะลูมิเนี ยม คา่ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
1 : คา่ ความไวตอ่ สภาพแมเ่ หล็ก (Magnetic susceptibility) 2 : คา่ ความสามารถซึมซั บแมเ่ หล็ก (Magnetic
permeability) 3 : เสน้ โคง้ ฮิสเทอรี ซิส (Hysteresis loop) 4 : คา่ คงที่ไดอิเล็กทริ ก (Dielectric
constant) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 239 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ ไมใ่ ชว่ ั สดุไดอะแมกนิ ติก
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
463
สภาวิศวกร
19/2/2559
้ ที่ 240 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชแ
่ มเ่ หล็กถาวร
1 : การรี ดเย็นไมท
่ าํ ให้เกิดผลึกใหม่ (Recrystallization) 2: การรี ดเย็นทาํ ให้มีความเคน้ ตกคา้ ง (Residual
stress) บนผิวเหล็กแผน ่ น้อยกวา่ การรี ดร้อน 3 : การรี ดเย็นทาํ ให้ผิวเหล็กแผน
่ เกิดออกไซดม ์ ากกวา่ การรี ด
ร้อน 4 : ขอ้ 12 และ 3 ถูก คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
้ ที่ 247 : กาํ หนดให้a, b, c คือคา่ ความยาวแตล่ ะด้านของหน่วยเซลล์ และ g, 8, y คือมุมระหวา่ งด้าน ถา้ พบ
ขอ
วา่ โครงสร้างผลึกแบบหนึ่ งมีคา่ abc และ d = 8 = y = 90 องศา อยากทราบวา่ โครงสร้างผลึกนี้ มีช่ือวา่
อะไร
้ ่ 249 : โครงสร้างผลึกแบบ body-centered cubic (BCC) ในหนึ่ งหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบด้วย
ขอที
กอะตอม
้ ที่ 250 : โครงสร้างผลึกแบบ Face-centered cubic (FCC) ในหนึ่ งหน่วยเซลล ์ (Unit cell)
ขอ
ประกอบดว้ ยกอะตอม
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้ ที่ 251 : โครงสร้างผลึกแบบ Hexagonal closed pack (HCP) ในหนึ่ งหน่วยเซลล์ (Unit cell) ประกอบ
ขอ
ด้วยกอะตอม
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 252 : ขอ
ขอ ่ ไปนี้ มีโครงสร้างแบบ Closed-pack
้ ใดตอ
้ น 2 : เพราะพอลิเมอร์มีสายโซโมเลกุลที่ยาวมาก 3:
1 : เพราะพอลิเมอร์มีโครงสร้างผลึกที่ยุง่ ยากซั บซอ
้ 1 2 และ 3 ถูก คาํ ตอบที่
เพราะการจัดเรี ยงตัวให้เป็ นระเบียบของทุกโมเลกุลของพอลิเมอร์ทา่ ได้ยาก 4 : ขอ
ถูกตอ
้ ง:4
้ ่ 255 : ปริ มาณความเป็ นผลึกของพอลิเมอร์มีผลตอ่ ความหนาแน่นของพอลิเมอร์ชนิ ดนัน
ขอที ้ อยา่ งไร
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
้ ที่ 261 : ขอ
ขอ ้ ใดคือโครงสร้างผลึกของมาร์เทนไซด์ (Martensite)
ง
้ ที่ 262 : ขอ
ขอ ้ ใดคือโครงสร้างผลึกของเบในต์ (Bainite)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
้
1 : ระหวา่ งชั นของโครงสร ้
้ างแกรไฟตย์ ึดกันดว้ ยพันธะไอออนิ ก (lonic bond) 2: ระหวา่ งชั นของโครงสร ้ าง
แกรไฟตไ์ มม ้
่ ีการยึดกันดว้ ยพันธะใดๆ 3: ระหวา่ งชั นของแกรไฟต ย์ ึดกันดว้ ยพันธะโควาเลนท์ (Covalent
้
bond) 4: ระหวา่ งชั นของโครงสร้ างแกรไฟตเ์ ป็ นพันธะแวนเดอร์วาลส ์ (Van der Waals bond) คาํ
ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้ ที่ 271 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ ไมใ่ ชโ่ ครงสร้างผลึกของเซรามิก
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
1 : เพื่อให้สามารถขึ้นรู ปแก้วได้งา่ ยขึ้น 2: เพื่อให้แก้วมีความหนื ดตา่ ํ ลง 3: เพื่อปรั บปรุ งสมบั ติของแก้ว 4 : เพื่อ
้ ก้วหลอมตัวที่อุณหภูมิตา่ ํ ลง คาํ ตอบที่ถูกตอ
ทาํ ใหแ ้ ง:3
้ ที่ 273 : ขอ
ขอ ้ ใดไมถ ้ งเมื่อกลา่ วถึงโครงสร้างของแกว้
่ ูกตอ
้ ที่ 276 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชอ่ งคป
์ ระกอบของอะตอม
1: FCC และ BCC 2: FCC llaHCP 3 : BCC และ HCP 4 : Simple cubic และ HCP
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
4g63
19/2/2559
สภาวิศวกร
้ ที่ 282 : การชบแข็งเหล็กกลา้ คาร์บอนปานกลาง ตอ้ งทาํ การเผาเหล็กจนไดโ้ ครงสร้างใดกอ่ นทาํ ใหเ้ ป็ นตัวอยา่ งรวดเร็ว
ขอ
1 : เฟร์ไรต ์ และ เพอร์ไลต ์ (Ferrite & Pearlite) 2: ซีเมนไทต ์ และเพอร์ไลด์ (Cementite & Pearlite) 3: เฟร์ไรต ์
และ แกรไฟต ์ (Ferrite & Graphite)
4 : เพอร์ไลต์ และ แกรไฟต์ (Peartite & Graphite) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 284 : ขอ
ขอ ้ ใดคือโครงสร้างของเหล็กกลา้ คาร์บอนปานกลางที่ได้จากการปลอ่ ยให้เย็นอยา่ งชา้ ๆ จากโครงสร้างออสเท
ไนต ์ (Austenite)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 285 : ขอ
ขอ ้ ใดคือโครงสร้างจุลภาคของเหล็กกลา้ คาร์บอนที่ผา่ นการเผาด้วยอุณหภูมิคงที่ประมาณ
730 - 750 องศาเซลเซียส เป็ นเวลานาน 20 ชั ่วโมง
1 : เพอร์ไลตห
์ ยาบ (Coarse pearlite) 2 : เพอร์ไลตล์ ะเอียด (Fine pearlite) 3 : สเฟียรอยไดต์ (Spheroidite) 4 : เบ
ในตแ์ บบขนนก (Feathery bainite)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 287 : ขอ
ขอ ้ ใดกลา่ วไมถ
่ ูกตอ
้ ง
้ ที่ 288 : ขอ
ขอ ้ ใดกลา่ วถึงกระบวนการเกิดผลึกใหม่ (Recrystallinzation) ไมถ
่ ูกตอ
้ ง
1: เหล็กกลา้ ไร้สนิ มเฟร์ไรด์ (Ferritic stainless steel) 2: เหล็กกลา้ ไร้สนิ มออสเทนไนต ์ (Austenitic stainless
steel) 3: เหล็กกลา้ ไร้สนิ มมาร์เทนไซต ์ (Martensitic stainless steel)
4 : เหล็กกลา้ ไร้สนิ มดูเพล็กซ์ (Duplex stainless steel) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง :2
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=7010128aSubj=33
4963
สภาวิศวกร
19/2/2559
2: พหุผลึก (Polycrystal) เนื้ อแน่นไมม
่ ีชอ่ งวา่ งภายใน 3: พหุผลึก (Polycrystal) ที่มีชอ่ งวา่ ง
ภายใน
4 : ขอ
้ 12 และ 3 ผิด
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
้ ที่ 294 : เพราะเหตุใดเซอร์โคเนี ยมออกไซด์ (ZrO2) ที่ผสมดว้ ยวิเทียมออกไซด์ (Y203) หรื อที่เรี ยก
ขอ
วา่ Yttria-stabilized zirconia (YSZ) จึงสามารถนํามาใชเ้ ป็ นตัวตรวจวัด ปริ มาณก๊าซออกซิเจน
(Oxygen sensor) ได้
1 : เพอร์ไลต ์ (Pearlite), เบในต ์ (Bainite), มาร์เทนไซต ์ (Martensite) 2: เบในต ์ (Bainite), เพอร์ไลต ์ (Pearlite),
มาร์เทนไซต ์ (Martensite) 3: มาร์เทนไซต์ (Martensite) เบในต์ (Bainite), เพอร์ไลต์ (Pearlite)
4 : เบในต์ (Bainite}, มาร์เทนไซต์ (Martensite), เพอร์ไลต์ (Pearlite) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
50/63
19/22559
สภาวิศวกร
1 : แผน
่ อะลูมิเนี ยม 2: แผน
่ ยาง 3: แผน ่ สั งกะสี คาํ ตอบที่ถูกตอ
่ กระจก 4 : แผน ้ ง:2
เนื้ อหาวิชา : 248 : 11 Methods and tools for structure investigation
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
์ ารกระจายตัวของเฟสที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเชื่อมยึดติดของผลิตภัณฑว์ งจรรวม
้ ที่ 304 : ถา้ ตอ้ งการวิเคราะหก
ขอ
(Integrated circuit) บนแผงวงจรรวม (Print circuit board) ควรเลือกใชเ้ ครื่ องมือใด
1 : มาตรวัดการเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffractometer) 2 : กลอ้ งจุลทรรศน์แบบแสง
(Optical microscope) 3 : กลอ้ งจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห์ (Scanning electron microscope)
้ งจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบสอ่ งผา่ น (Transmission electron microscope) คาํ ตอบที่ถูกตอ
4: กลอ ้ ง:
3
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
51/63
สภาวิศวกร
19/22559
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
1 : กลอ
้ งถา่ ยรู ปดิจิตอล (Digital Camera) 2 : กลอ้ งจุลทรรศน์แบบแสง (Optical microscope) 3 :
กลอ
้ งจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบกราดวิเคราะห ์ (Scanning electron microscope)
้ งจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบสง่ ผา่ น (Transmission electron microscope) คาํ ตอบที่ถูกตอ
4 : กลอ ้ ง:1
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
1 : ไมเ่ กินความตา้ นแรงครก (Yield strength) 2: ไมเ่ กินความตา้ นแรงดึง (Tensile strength) 3: มากกวา่ ความตา้ น
แรงคราก (Yield strength) แตไ่ มเ่ กินความตา้ นแรงดึง (Tensile strength) 4: มากกวา่ ความตา้ นแรงถึง (Tensile
strength) แตไ่ มถ
่ ึงจุดแตกหัก (Fracture point)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 315 : ขอ
ขอ ้ ดีของการขึ้นรู ปด้วยการหลอ่ แบบหลอ่ ทราย (Sand casting)
้ ใดคือขอ
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=7010128aSubj=33
52163
19/22559
สภาวิศวกร
้ ที่ 316 : การขึ้นรู ปเย็น (Cold working) หมายถึง การขึ้นรู ปด้วยแรงทางกล ณ อุณหภูมิใด
ขอ
1: การหลอ่ ด้วยแมพ
่ ิมพท
์ ราย (Sand casting) 2 : การหลอ่ แบบใชแ ่ บบ (Die casting) 3
้ มแ : การขึ้นรู ปโลหะผง
(Powder Metallurgy) 4 : การตกแตง่ (Machining)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 320 : ขอ
ขอ ้ ดีของการขึ้นรู ปร้อน (Hot working) ของโลหะ
้ ใดคือขอ
้ ที่ 321 : ขอ
ขอ ้ ด้อยของการขึ้นรู ปร้อน (Hot working) ของโลหะ
้ ใดคือขอ
้ ที่ 322 : ขอ
ขอ ้ ดีของการขึ้นรู ปเย็น (Cold working) ของโลหะ
้ ใดคือขอ
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
53.63
1922559
สภาวิศวกร
้ ที่ 324 : ในการหลอ่ ชิ้นสว่ นอะลูมิเนี ยมผสม ธาตุผสมชนิ ดใดที่ทาํ ให้จุดหลอมเหลวของอะลูมิเนี ยมตา่ ํ
ขอ
ลงมากที่สุด
ขอ้ ที่ 326 : ชิ้นงานโลหะที่ผา่ นการขึ้นรู ปดว้ ยกรรมวิธีการรี ดเย็น (Cold rolling) จะมี
ลักษณะใด
1: การหลอ่ ด้วยแมพ
่ ิมพท
์ ราย (Sand casting) 2 : การหลอ่ จากแบบพอกหุน
่ (Investment casting) 3 : การหลอ่ แบบ
ใชแ
้ มแ ่ แบบตอ่ เนื่ อง (Continuous casting)
่ บบ (Die casting) 4 : การหลอ
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
1 : เพื่อใหน ้ ้ ําโลหะสั นออกมานอกแบบ 2: เพื่อใหน ้ ้ ําโลหะในสว่ นรู ข้ึน (Riser) เดิมเต็มในชิ้นสว่ นงาน
หลอ่ ขณะแข็งตัว 3: เพื่อให้มีการหดตัวหลั งการเย็นตัวของงานหลอ่
4 : เพื่อเพิ่มน้ําหนักในการกดทับแบบงานหลอ่ คาํ ตอบที่ถูกตอ ้ ง:2
1 : เหล็กกลา้ ความเร็วรอบสูง (High speed steel) 2: เหล็กกลา้ คาร์บอนสูง (High carbon steel) 3 :อะลูมินา
(Alumina)
1: เหล็กกลา้ คาร์บอนสูง (High carbon steel) 2 : เหล็กกลา้ ความเร็วรอบสูง (High speed steel) 3: อะลู
มินา (Alumina)
4 : Cubic boron nitride คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
1: เหล็กกลา้ ไร้สนิ มเฟร์ไรต์ (Ferritic stainless steel) 2: เหล็กกลา้ คาร์บอนตา่ํ (Low carbon
steel) 3: เหล็กกลา้ ผสม (Alloy steel) 4 : เหล็กกลา้ เครื่ องมือ (Tool steel) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
563
19/22559
สภาวิศวกร
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
1 : เหล็กหลอ่ เทา (Gray cast iron) 2: เหล็กหลอ่ ขาว (White cast iron) 3 : เหล็กหลอ
่ เหนี ยว (Ductile cast
iron) 4: เหล็กหลอ่ อบเหนี ยว (Malleable cast iron) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
1 : คาร์บูไรซิ่ง (Carburizing) 2 : ในไตร์ต้งิ (Nitriding) 3 : ใชก้ ระแสเหนี่ ยวนํา (Induction hardening) 4 : ใช้
เปลวเพลิง (Flame hardening) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
1: การรี ดร้อน (Hot rolling) 2: การรี ดเย็น (Cold rolling) 3 : การทุบขึ้นรู ป (Forging) 4 : การดึงรี ด
(Drawing) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
้ ที่ 346 : ขอ
ขอ ่ ลไกการเพิ่มความแข็งแรงให้กับอะลูมิเนี ยมและอะลูมิเนี ยมผสม
้ ใดไมใ่ ชก
1: การหลอ่ แบบพอกหุน
่ (Investment casting) 2: การอัดรี ด (Extrusion) 3: กรรมวิธีโลหะผง (Powder
metallurgy)
4 : การรี ดร้อน (Hot rolling) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
1 : อา่ งลา้ งหน้า 2: กระเบื้องปูพ้ืนและผนัง 3 : โอง่ มั งกร 4 : ทอ่ ระบายน้ํา คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
้ ยกาแฟ 3 : กระเบื้องมุงหลังคา 4
1 : สุขภัณฑใ์ นห้องน้ํา 2: ถว : ทอ่ น้ําทิ้ง
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้ ที่ 352 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ จะไมเ่ กิดขึ้นเมื่อใหค
้ วามร้อนกับเซรามิกในกระบวนการอบแหง้ (Drying)
์ ลังอบมีขนาดใหญข่ ้ึน 4
1 : ฝ่ระหวา่ งอนุ ภาคถูกขจัดออก 2 : สารอินทรี ยถ์ ูกขจัดออก 3 : ผลิตภัณฑห : ผลิตภัณฑห
์ ลัง
อบมีความแข็งแรงตา่ ํ และเปราะ คาํ ตอบที่ถูกตอ้ ง : 3
้ ที่ 353 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ ไมเ่ กิดขึ้นในกระบวนการ Sintering
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
1 : ขวดแก้ว 2 : จานแกว
้ 3 : กระจก 4 : เลนส ์
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
5763
19/22559
สภาวิศวกร
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
้ ที่ 358 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชว่ ั ตถุประสงคใ์ นการใชด ้ ม (Conventional
้ ินเป็ นวัตถุดิบในเซรามิกตังเดิ
ceramics)
1 : ดินชว่ ยในเรื่ องความเหนี ยวขณะขึ้นรู ปทาํ ให้ข้ึนรู ปได้งา่ ย 2 : ดินชว่ ยให้เซรามิกคงรู ปอยูไ่ ด้ขณะเผา 3
: ดินชว่ ยให้เซรามิกมีความหนาแน่นสูง
4 : ดินมีราคาถูก คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง: 3
1: การหดตัวที่ผิว (Surface) กับเนื้ อสว่ นใน (Interior) มีคา่ แตกตา่ งกัน 2 : ผลิตภัณฑผ์ นั งหนาตอ้ งอบที่
์ นั งบาง 3: น้ําในเนื้ อสว่ นใน (Interior) ของผลิตภัณฑผ
อุณหภูมิสูงกวา่ ผลิตภัณฑผ ์ นังหนาสามารถกาํ จัดออกได้งา่ ย 4:
ผลิตภัณฑผ
์ นังหนามีความแข็งแรงน้อยกวา่ ผลิตภัณฑผ
์ นังบาง
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
้ ที่ 364 : ขอ
ขอ ้ ใดเป็ นกระบวนการที่สาํ คัญที่ใชใ้ นการทาํ กระจกนิ รภัย (Safety glass) สาํ หรับ
กระจกหน้ารถ
ง
ง
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
1 : Pressing
2 : Extrusion http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
5863
สภาวิศวกร
19/2/2559
3: Blowing
4 : Casting คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 368 : ขอ
ขอ ้ ใดกลา่ วเกี่ยวกับกรรมวิธีทางความร้อนของแก้วไมถ
่ ูกตอ้ ง
1: การอบออ่ นแกว้ ทาํ เพื่อลดปริ มาณความเสน ้ ตกคา้ งของชิ้นงาน 2 : การอบออ่ นแกว้ ทาํ ไดโ้ ดยการใหค้ วามร้อนถึงจุด
้ ง 3 : การเพิ่มความแข็งใหก
ออ่ นตัวแลว้ ปลอ่ ยใหเ้ ป็ นตัวชา้ ๆ จนถึงอุณหภูมิหอ ้ ั บแกว้ (Glass tempering) ทาํ ไดโ้ ดยการ
ให้ความร้อนถึงจุดออ่ นด้ว แลว้ ทาํ ให้เป็ นตัวอยา่ งรวดเร็วโดยการเป่าลม 4 : ชิ้นงานที่เป็ นตัวอยา่ งรวดเร็วจาก
การเพิ่มความแข็งให้กับแก้ว (Glass tempering) จะทาํ ให้เกิดความเค้นอัดที่ผิวและเกิดความเคน ้ แรงดึงที่เนื้ อ
ภายใน คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
เนื้ อหาวิชา : 251 : 14 Polymers processing
1 : การฉี ดขึ้นรู ป (Injection molding) 2 : การเป่าขึ้นรู ป (Blow molding) 3 : การรี ดใหเ้ ป็ นแผน
่
(Calendering)
4: การหลอ่ (Casting) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
้ ที่ 371 : ขอ
ขอ ้ ใดคือสว่ นประกอบที่สาํ คัญของเครื่ องขึ้นรู ปแบบฉี ด (Injection molding)
1 : หน่วยฉี ด (Injection unit) 2 : หน่วยจับยึด (Clamping unit) 3 : แมพ ้ 1 2 และ 3 ถูก คาํ
่ ิมพ์ (Mold) 4 : ขอ
ตอบที่ถูกตอ
้ ง:4
1 : การฉี ดขึ้นรู ป (Injection molding) 2 : การเป่าขึ้นรู ป (Blow molding) 3 : การอัดรี ด (Extrusion) 4 : การ
อัดเขา้ กับแบบ (Compression molding)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
้ ที่ 374 : ผงถา่ น (Carbon black) ที่ใชเ้ ป็ นสว่ นผสมในยางรถยนต ์ เป็ นสารเติมแตง่ ชนิ ดใด
ขอ
1 : สี (Colorant) 2 : สารเสริ มแรง (Reinforcing filler) 3 : สารไมเ่ สริ มแรง (Non-reinforcing filler)
4: สารป้องกันการติดไฟ (Flame retardant) คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
5963
19/2/2559
สภาวิศวกร
้ ที่ 376 : สารเติมแตง่ ชนิ ดไมเ่ สริ มแรง (Non-reinforcing filer) นิ ยมใชผ
ขอ ้ สมในพอลิเมอร์กอ่ นทาํ การขึ้นรู ปเพราะเหตุ
ใด
้ ที่ 377 : พอลิไวนิ ล คลอไรด์ (Polyvinyl chloride) สามารถนํามาใชเ้ ป็ นหนังเทียมได้ ถา้ หากเดิมสารเติมแตง่ ชนิ ดใด
ขอ
ลงไปในกระบวนการผลิต
1 : สารหลอ่ ลื่น (Lubricant) 2 : สารเสริมแรง (Reinforcing filler) 3: สารป้องกันการแตกหักของสายโซ
โมเลกุล (Stabilizer)
้ 12 และ 3 ผิด คาํ ตอบที่ถูกตอ
4: ขอ ้ ง:4
1 : การขึ้นรู ปเทอร์โมเซตติ้ง ไมจ่ าํ เป็ นตอ ้ งมีการหลอ่ เย็น 2 : ผลิตภัณฑท์ ่ีได้จากการขึ้นรู ปเทอร์โมเซต
ติ้ง มีผิวที่เป็ นมันวาวกวา่ 3: ประหยัดพลังงาน เนื่ องจากในกระบวนการผลิดเทอร์โมเซตติ้ง มีความ
ตอ ้ งการใชอ ้ ุณหภูมิท่ีตา่ ํ กวา่ ในกระบวนการผลิตเทอร์โมพลาสติก 4 : ขอ ้ 1 2 และ 3 ถูก คาํ ตอบที่ถูก
ตอ
้ ง:1
้ ที่ 381 : ชอ
ขอ ์ ่ีมักจะไดจ้ ากการขึ้นรู ปแบบใด
้ นพลาสติกตักไอศกรี ม เป็ นผลิตภัณฑท
1 : การหลอ่ (Casting) 2 : การอัดเขา้ แบบ (Compression molding) 3: การฉี ดขึ้นรู ป (Injection molding) 4 : การ
อัดรี ด (Extrusion)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=7010128aSubj=33
6063
สภาวิศวกร
1912/2559
2: การอัดเขา้ แบบ (Compression molding) 3 : การฉีดขึ้นรู ป (Injection molding) 4 : การเป่าขึ้นรู ป (Blow
molding)
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:1
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:3
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?
aMenu=701012&aSubj=33
61/63
19/2/2559
สภาวิศวกร
คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ง:2
1 : เสน
้ ใยธรรมชาติ 2 : เสน ้ ใยคาร์บอน คาํ ตอบที่ถูกตอ
้ ใยพอลิเมอร์สังเคราะห์ 3: เสน้ ใยแก้ว 4 : เสน ้ ง:2
้ ที่ 397 : วัสดุเชิงประกอบ (Composite) ชนิ ดใดตอ่ ไปนี้ ที่เหมาะสาํ หรับผลิตกา้ นสูบ (Connecting rods) ใน
ขอ
เครื่ องยนต ์
1 : อะลูมิเนี ยมเสริ มใยแกว้ (Glass fibers) 2: อะลูมิเนี ยมเสริ มใยซิลิกอนคาร์ไบด์ (SiC) 3: อะลูมิเนี ยมเสริ มใยหิน
(Asbestos)
4 : อะลูมิเนี ยมเสริ มใยเหล็ก (Steel) คาํ ตอบที่ถูกตอ้ ง : 2
้ ที่ 398 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ เป็ นวัสดุเชิงประกอบที่มีสมบัติแบบไอโซทรอปิ ก
้ ที่ 399 : ขอ
ขอ ้ ใดไมใ่ ชว้ ธิ ีเพิ่มความแข็งแรงให้กับวัสดุเชิงประกอบ
้ ที่ 400 : ขอ
ขอ ้ ใดตอ่ ไปนี้ คือหน้าที่ของเฟสกระจายตัว (Disperse phase) ในวัสดุเชิงประกอบ
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=33
6263
19/2/2559
สภาวิศวกร