Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 4 สัจธรรมอันสูงสุดอยู่ที่ไหน
บทที่ 4 สัจธรรมอันสูงสุดอยู่ที่ไหน
53
ฯลฯ สิ่ งที่ดมได้ในขณะนั้นคือกลิ่น เช่นกลิ่นสบู่ กลิ่นของแชมพูสระผม กลื่น
น้ าหอม กลิ่นปัสสวะหรื ออุจจาระ เป็ นต้น เสี ยงในขณะนั้นคือเสี ยงของน้ า
ฝักบัว หรื อ เสี ยงการตักน้ าจากตุ่มราดตัว ใครมีวิทยุก็รวมเสี ยงเหล่านั้น
เป็ นต้น รสในขณะนั้นก็คงเป็ นแต่รสของน้ าลาย ยาสี ฟัน น้ ายาบ้วนปาก
นอกจากว่าใครเอาของเข้าไปกินในห้องน้ าด้วย ส่วนความรู ้สึกจากกการ
สัมผัสก็เกี่ยวเนื่องกับน้ าที่รดตัวบ้าง เนื่องกับการถูสบู่บา้ ง เนื่องกับการเอา
ผ้าเช็ดตัวบ้าง และที่แน่นอนคือ ความรู ้สึกของฝ่ าเท้าที่ยนื บนพื้นของห้องน้ า
เป็ นต้น ประสบการณ์เหล่านี้ อนั เนื่องกับประสาทสัมผัสทั้งห้านั้นคือโลกแห่ง
ความเป็ นจริ ง truth หรื อ reality ของเราในขณะนั้น ๆ สิ่ งที่นอกเหนือจากนั้น
เป็ นความคิดทั้งสิ้ น
54
ความหมายของความจริ งในระดับนี้ให้ออกก่อน จะเห็นว่ามันเป็ นเรื่ อง
หญ้าปากคอก ใกล้ตวั และง่ายที่สุดจนเรานึกไม่ถึงว่ามันแค่น้ ีเอง เป็ นเรื่ อง
เส้นผมบังภูเขาจริ ง ๆ คนที่มองออกจะรู ้และเข้าใจว่า ความจริ งใน
ความหมายนี้คือ ความจริ งที่เคลื่อนไปกับตัวเราตลอดเวลา หรื อพูดให้ชดั
เข้าไปอีก คือความจริ งที่เคลื่อนไปกับประสาทสัมผัสทั้งห้านัน่ เอง การมีตวั
เราก็คือการมีประสาทสัมผัสทั้งห้า มิเช่นนั้นแล้วจะไม่เป็ นที่นี่ขณะนีแ้ ละ
เดี๋ยวนี้ เมื่อเราออกจากห้องน้ า เข้าห้องนอนแต่งตัว เรื่ องราวในห้องน้ าเมื่อ
กี้น้ ี ถึงแม้จะจริ งอย่างไรก็ตาม ก็ไม่นบั ว่าเป็ นจริ งเสี ยแล้ว เพราะไม่ได้อยู่
ตรงหน้าเราในขณะนี้และเดี๋ยวนี้ ความจริ งตรงหน้าเราเปลี่ยนอีกแล้ว มันคือ
ห้องนอน และทุกอย่างในห้องนอนที่เราสัมผัสได้ดว้ ยประสาททั้งห้า เมื่อเรา
ออกจากห้องนอน เดินลงกระได ห้องนอนจึงเป็ นอดีตที่เพ้อฝันไปแล้ว ไม่ใช่
ความจริ งเสี ยแล้ว สิ่ งที่จริ งก็คือสิ่ งที่เราเห็นสัมผัสได้ในขณะที่ลงกระได นี่
แหละคือความจริงที่เคลื่อนไปกับตัวเราที่อยู่ในปัจจุบันขณะนั้น ๆ
นอกเหนือจากนั้นไม่ใช่เป็ นความจริ ง ฉะนั้น ปัจจุบนั ขณะจะเปลี่ยนหรื อ
เคลื่อนไปเรื่ อยอย่างไม่หยุดยั้งเหมือนกับเข็มวินาทีของนาฬิกาแบบที่ไม่มี
การหยุดเลย
55
แหละคือทีป่ ระกอบขึน้ มาเป็ นโลกหรือจักรวาลทีอ่ ยู่หน้าเรา ฉะนัน้ คาว่ารูป โลกกับจักรวาลของ
พระพุทธเจ้า2จึงมีความหมายเหมือนกันซึง่ พระพุทธเจ้าได้ใช้แทนกันในบางโอกาส ฉะนัน้ เมื่อเอา
ความหมายของรูปหรือจักรวาลมาต่อเนื่องกับความจริงทีพ่ ดู ถึงเบือ้ งต้นแล้ว เราจะเห็นตัวร่วม คือ
ความจริง truth หรือ reality ในความหมายทีอ่ ธิบายเบือ้ งต้นนัน้ มี ความหมายเดียวกับคาว่า รูป
โลก หรือ จักรวาลของพระพุทธเจ้านันเอง ่ ฉะนัน้ บางครัง้ พระพุทธเจ้าจะตรัสแก่สาวกของท่านว่า
หากเข้าใจ รูป เท่านัน้ ก็จะเข้าใจพระนิพพาน
56
เพราะสิง่ ทีเ่ ขาเห็นนัน้ มันไม่มชี ่อื เด็กคนนี้เห็นความจริงของธรรมชาติหรือ ธรรมสัจจะ นันคื
่ อความ
เป็ นอย่างนัน้ เอง หรือ ตถตา ความทีไ่ ม่มอี ะไรผิดจากความเป็ นอย่างนัน้ เอง อนัญถตา ความจริงใน
ระดับนี้แหละทีพ่ ระพุทธเจ้าเรียกว่า ปรมัตถสัจจะ
57
ทีต่ ดิ มากับมันด้วยแล้ว จะกลายเป็ นอุปสรรคอันใหญ่หลวงต่อการเห็นอย่างซื่อ ๆ คนทีค่ ดิ แต่เรื่อง
ได้เรื่องเสียมากเท่าไร ก็จะยิง่ ไม่มวี นั เห็นสัจธรรมอันสูงสุดนี้ได้เลย อย่างไรก็ตาม สัจธรรมอัน
สูงสุดหรือพระนิพพานก็คอื การสามารถเข้าถึงสภาวะทีไ่ ม่มชี ่อื ของจักรวาลหรือของสิง่ ต่าง ๆ ทีเ่ รา
กาลังเห็นอยู่สมั ผัสอยู่ในขณะนี้นนั ่ เอง
58