Professional Documents
Culture Documents
ครั้งที่ 4 Scope of Public Administration
ครั้งที่ 4 Scope of Public Administration
ADMINISTRATION
◦ The Beginning
การบริหารสามารถแยกออกจากการเมืองได้
◦ เหตุทเ่ี ราสามารถสร้างหลักการบริหารได้ เพราะการบริหารแยกออกจากการเมืองอย่างเด็ดขาด ไม่กา้ วก่ายกัน
◦ การเมืองเป็ นเรื่องของการออกกฎหมายและการกาหนดนโยบาย (หน้าทีข่ องนักการเมืองทีม่ ตี ่อประชาชน)
◦ เมือ่ การบริหารสามารถแยกจากการเมือง การศึกษาวิชา รปศ. จึงสามารถศึกษาแบบวิทยา-ศาสตร์ได้
(Science of public dministration)
◦ การบริหารเป็ นเรื่องของการนากฎหมายและนโยบายไปปฏิบตั ใิ ห้บงั เกิดผล (กลไกขับเคลือ่ น)ซึง่ เป็ นหน้าทีข่ อง
ข้าราชการ (ตามหลักการและหลักเกณฑ์ทก่ี าหนด)
แนวคิดทางการบริหารของ Woodrow Wilson
หลักการบริหารงานแบบวิทยาศาสตร์
◦ ทุกสังคมประกอบด้วยระบบการปกครองทีม่ ศี ูนย์กลางรวมอานาจสูงสุดไว้
◦ สังคมทีม่ ศี ูนย์กลางรวมอานาจอย่างเข้มแข็ง จะทาให้มคี วามรับผิดชอบในการใช้อานาจ
◦ รัฐธรรมนู ญ จะกาหนดส่วนประกอบของศูนย์กลางแห่งอานาจและโครงสร้างของกลไกในการใช้อานาจของฝ่ าย
ต่างๆ
◦ การเมืองจะเป็ นตัวกาหนดหน้าทีข่ องการบริหารแต่การทางานด้านการบริหาร และการศึกษาเรื่องการบริหารไม่
อยู่ในขอบข่ายของการเมือง
◦ รัฐบาลทีท่ นั สมัยจะมีระบบการบริหารทีม่ โี ครงสร้าง และหน้าทีซ่ ง่ึ คล้ายคลึงกัน
◦ การบริหารงานทีด่ ี ต้องมีการจัดลาดับชัน้ ของเจ้าหน้าทีต่ ามความชานาญพิเศษ
◦ การจัดลาดับชัน้ ทีด่ จี ะส่งผลให้เกิดประสิทธิ-ภาพสูงสุดในการบริหารองค์การ
◦ การบริหารงานทีด่ เี ป็ นปัจจัยทีจ่ าเป็ นต่อความก้าวหน้าของอารยธรรม และคุณภาพชีวติ ของมนุษย์
Paradigm 1: Politics-administration dichotomy (1900-1926)
Franck J. Goodnow “ Politics and Administration ”เสนอแนะว่า
◦ การปกครองด้วยหน้าที่ 2 ประการ คือ
◦ หน้าทีข่ องการเมือง หมายถึง การกาหนดนโยบายและการแสดงออกซึง่ เจตนารมณ์ของรัฐ
◦ หน้าทีข่ องการบริหาร หมายถึง การบริหารและการปฏิบตั ติ ามนโยบายของรัฐให้บรรลุผล
◦ หน้าทีท่ งั้ 2 ประการ แยกจากกันอย่างเด็ดขาดตามหลัก Separation of powers
◦ โดยฝ่ ายนิตบิ ญั ญัติ และฝ่ ายตุลาการ จะมีหน้าทีก่ ารกาหนดนโยบาย (รวมถึงการออกกฎหมาย)และฝ่ าย
บริหารจะมีหน้าทีป่ ฏิบตั ติ าม หรือนานโยบายไปปฏิบตั ิ
◦ ในการปฏิรูปทางการเมืองการปกครอง ต้องเข้าใจว่า หน้าทีก่ ารเมืองและหน้าทีก่ ารบริหาร แยกจากกันได้
◦ การบริหารภาครัฐ ไม่ควรอยู่ภายใต้การเมืองและผลประโยชน์
◦ วิชารัฐประศาสนศาสตร์เป็ นการศึกษาเรื่องระบบราชการ หรือระบบการบริหารงานภาครัฐ
◦ วิชาการบริหารสามารถศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ได้ โดยสามารถแสวงหาหลักการบริหารทีเ่ ป็ นสากลได้ โดยเชื่อ
การบริหารงานทุกอย่างจะมีวธิ ที ด่ี ที ส่ี ุดอยู่
Paradigm 1: Politics-administration dichotomy (1900-1926)
◦Herbert A. Simon
◦การพัฒนาไปสู่ ศาสตร์ ของการบริหารที่บริสุทธิ์
◦กาหนดวิธีปฏิบัติทางนโยบายสาธารณะ
◦ผลกระทบ
◦เกิดความคิดที่จะเชื่อมโยงรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์เข้าด้วยกัน คือ ศึกษา
กระบวนการกาหนดนโยบายสาธารณะโดยถือว่ารัฐประศาสนศาสตร์ ศึกษากระบวน
ภายในนโยบาย เช่น การกาหนดนโยบาย ส่ วนรัฐศาสตร์ ศึกษากระบวนการภายนอก
เช่น แรงกดดันทางการเมือง/ สังคม
◦การเน้นการสร้างเครื่ องมือเพื่อเป็ นศาสตร์บริ สุทธิ์ ทาให้เสี ยโอกาสการรับรู้ความ
เป็ นจริ งทางการเมืองและสังคม
Paradigm 3: Public Administration As a Political Science (1950-1970)
◦ ทฤษฎีองค์การเป็ นกระบวนทัศน์ของรัฐประศาสนศาสตร์
◦กลุม่ ทีเ่ น้นเป้ าหมายส่วนรวม จะแยกการจัดการภาครัฐออกจาก
เอกชน
◦กลุม่ ทีม่ ององค์กรทัง้ หมดในเชิงเปรียบเทียบจะไม่แยก
◦ขาดเอกลักษณ์ เพราะยึดแนวคิดทีใ่ หญ่กว่า
Forces of separatism (1965-1970)
◦สมาชิกประกอบด้วยวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่เปิ ดสอนรัฐประศาสนศาสตร์