Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 3 เรื่อง วงจรอินทิเกรเตอร์
บทที่ 3 เรื่อง วงจรอินทิเกรเตอร์
บทที่ 3 เรื่อง วงจรอินทิเกรเตอร์
บทที่ 3
เรื่อง วงจรอินทิเกรเตอร์
สาระสาคัญ
วงจรอินทิเกรเตอร์ เป็ นการใช้วงจรอาร์ซี(RC) ให้ทางานที่อินทิเกรทสัญญาณพัลส์รูปสี่ เหลี่ยมโดยนา
ความสัมพันธ์ระหว่างค่าของ RC และค่า PW เป็ นตัวกาหนดรู ปร่ างของรู ปคลื่นอินทิเกรเตอร์
สาระการเรียนรู้
วงจรอินทิเกรเตอร์
สมรรถนะประจาหน่ วย
1. อธิบายการทางานของวงจรอินทิเกรเตอร์
2. ประกอบวงจรและใช้เครื่ องมือวัดรู ปสัญญาณได้ถูกต้อง
ผลการเรียนรู้
1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจอธิบายการทางานของวงจรอินทิเกรเตอร์
2. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจสามารถประกอบวงจรและใช้เครื่ องมือวัดรู ปสัญญาณได้ถูกต้อง
จุดประสงค์ การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะการทางานของวงจรอินทิเกรเตอร์
2. ประกอบวงจรอินทิเกรเตอร์ได้ถูกต้อง
3. สามารถใช้เครื่ องมือและวัดรู ปสัญญาณวงจรอินทิเกรเตอร์ ได้อย่างถูกต้อง
32
1. วงจรอินทิเกรเตอร์
วงจรอินทิเกรเตอร์ ก็คือวงจรที่สามารถทาการอินทิเกรตสัญญาณที่ป้อน ณ ขั้วอินพุทหรื อกล่าวอีกนัย
หนึ่ง ก็คือ วงจรนี้จะสะสมสัญญาณที่ป้อนเข้ามาจากขั้วอินพุทเรื่ อยๆ ภายในช่วงเวลาหนึ่ง และแสดงผลของการ
สะสมนี้ออกทางเอาต์พุท
1.1 วงจรอนุกรมอาร์ซี
1 .1.1 คุณสมบัติของวงจรอนุกรมอาร์ซี เมื่อสัญญาณคลื่นที่ไม่ใช่รูปไซน์ ถูกป้ อนผ่านเข้าไปใน
วงจรประเภทเชิงเส้น ( Linear Network) แล้วผลที่ได้ทางเอาต์พุ ทจะมีลกั ษณะแตกต่างจากสัญญาณเดิม
วงจรไฟฟ้ าดังกล่าวนี้มกั ถูกเรี ยกว่า “วงจรแต่งรู ปคลื่นเชิงเส้น ” (Linear Waveshaping Circuit) ซึ่ งอาจจัดแบ่ง
ออกเป็ นประเภทใหญ่ๆได้ 3 ประเภทคือ วงจรอาร์ซี (RC Circuit), วงจรอาร์แอล (RL Circuit), วงจรอาร์แอลซี
(RLC circuit) วงจรอาร์ ซีนบั ว่าเป็ นวงจรแต่งรู ปคลื่นที่ง่ายที่สุด โดยเฉพาะรู ปคลื่นของแรงดันไฟฟ้ า อาจจัดวงจร
ได้เป็ นสองลักษณะคือ อาร์ซีอินทิเกรเตอร์ (RC Integrator) และอาร์ซีดิฟเฟอร์เรนชิเอเตอร์ (RC Differentiator)
1.1.2 การทางานของวงจรอนุกรมอาร์ซี พิจารณาถึงการทางานของวงจรดังรู ปที่ 3.1 (ก) ที่เวลา
t0 สัญญาณแรงดันอินพุทที่มีขนาด 10 V จะถูกป้ อนเข้ามาที่เวลา t0 ถึง t1 จึงคล้ายกับว่าวงจร อาร์ซี ต่ออนุกรมกับ
แหล่งจ่ายแรงดัน 10 V และทันทีที่แรงดันถูกป้ อนเข้ามา แรงดันทั้งหมดจะปราก ฏตกคร่ อมตัวต้านทาน R ที่เป็ น
เช่นนี้ก็เนื่องจากในช่วงเวลาเป็ นศูนย์ตวั เก็บประจุยงั ไม่เริ่ มเก็บประจุ (Charge) ไฟฟ้ า ดังนั้นจึงไม่มีแรงดันใดๆ
ตกคร่ อมตัวประจุ กระทัง่ เวลาผ่านไปจึงมีการสะสมประจุอิเล็กตรอนที่ดา้ นใดด้านหนึ่งของตัวเก็บประจุ C จึงทา
ให้เกิดมีแรงดันตกคร่ อม C แต่จากกฎของเคอร์ ชอฟข้อที่ 2 กล่าวไว้วา่ “ผลรวมของแรงดันที่ตกคร่ อมอยูใ่ นวงจร
ปิ ดทั้งหมดจะมีค่าเท่ากับผลรวมของแหล่งจ่ายแรงดันในวงจรนั้น” ดังนั้นผลรวมของแรงดันที่ตกคร่ อมตัวความ
ต้านทานและตัวเก็บประจุ จะต้องมีค่าเท่ากับแหล่งจ่ายแรงดัน +10V เมื่อเวลาเพิ่มขึ้นที่ t0 จนถึง t1 อิเล็กตรอนจะ
เคลื่อนที่ผา่ นวงจรและทาการสะสมประจุมีค่ามากพอ ก็จะได้ลกั ษณะคลื่นของแรงดันที่เอาต์พุ ท(eO) ดังแสดง
ในรู ปที่ 3.1 (ข)
0.1 = 1 – - t1 /RC
+ t /RC = 1.11
t1 /RC log10 2.178 = log10 1.11
t1 = RC X 0.045 / 0.434 = 0.130 RC 0.1 RC
ดังนั้น t1 0.1 RC
และตาแหน่งที่ t2 , eC = 0.9E
ดังนั้น 0.9E = E (1 – – t2 / RC)
0.9E = E (1 – - t2 / RC)
+t /RC = 10
t2 = RC log10 (10) / log10 (2.718) = RC X 1.00 / 0.43
ดังนั้น t2 = 2.3 RC
จาก tr = t2 – t1 = 2.3 RC – 0.1 RC
ดังนั้น tr = 2.2 RC
จากสมการสรุ ปได้วา่ เวลาไต่ข้ ึนจะเป็ นสัดส่ วนโดยตรงกับเวลาคงที่ของวงจร
1.1.7 ความถี่คตั ออฟของวงจรกรองสัญญาณประเภทให้ความถี่ต่าผ่านแบบอาร์ ซี จากวงจร
อาร์ซี ในรู ปที่ 3.6 ซึ่ งพิจารณาได้วา่ เป็ นวงจรกรองสัญญาณประเภทให้ความถี่ต่าผ่านแบบอาร์ ซี ถ้าหาก
แหล่งจ่ายแรงดันในกรณี น้ ี เป็ นสัญญาณแรงดันรู ปไซน์ที่มีอตั ราการเกิดของพัลส์ซ้ าหรื อเรี ยกง่ายๆว่าความถี่
เท่ากับ f เฮิรตซ์ และมีขนาด ein โวลต์ ดังนั้นค่าแรงดันที่ตกคร่ อมตัวเก็บประจุ (eO ) หรื อค่าแรงดันที่เอาต์พุ ทก็
คือ
eO = ein ( - j Xc / R – jXc)
โดยที่ Xc = 1 / C = 1 / 2fC ; = 2f
หรื อ eO / ein = 1 / 1+ jRC
eO/ ein = 1 / 1+j2 fRC
จากสมการจะเห็นว่ายิง่ สัญญาณของแรงดันมีค่าความถี่ f สู งขึ้นแรงดันที่เอาต์พุทจะยิง่ มีค่า
ลดลง และที่ความถี่ซ่ ึงสัญญาณแรงดันที่เอาต์พุทมีค่าลดลงเหลือเป็ น 0.707 เท่าของสัญญาณแรงดันอินพุท เรา
เรี ยกความถี่น้ ีวา่ “ ความถี่คตั ออฟ” (Cut off frequency : fT ) หรื อเขียนลงในสมการได้เป็ น
eo
e in
= 0.707 = 1 j2 1 f RC
T
เนื่องจาก 0.707 = 1 / 1+ j 2 fT RC
= 1 / 1+jA
โดยที่ A = 2 fT RC
ดังนั้น 1+jA = 1 / 0.707 = 1.414
หรื อ 1 2 A 2 = 1.414
A2 = (1.414)2 – 1
= 0.9983 1
นัน่ คือ A = 1
หรื อ 2 fTRC = 1
fT = 1 / 2RC
และเนื่องจาก tr = 2.2 RC
ดังนั้น fT = 1.1 / tr = 0.35 / tr
โดยที่ fT คือความถี่คตั ออฟ (Hz)
และ tr คือช่วงเวลาไต่ข้ ึน (sec)
จากสมการเป็ นการ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างค่าความถี่คตั ออฟ (fT) และเวลาไต่ข้ ึน (tr) ซึ่งสามารถ
นาไปใช้ในการพิจารณาหาค่าความถี่คตั ออฟของวงจรขยายได้ ซึ่ งวิธีน้ ีเป็ นวิธีมาตรฐานสาหรับการหาคุณสมบัติ
ผลตอบสนองความถี่สูงของวงจรเครื่ องขยายทัว่ ๆไป ค่าความถี่คตั ออฟ (fT) นี้อาจเรี ยกว่า “ ความถี่เหนือจุด 3
dB” (Upper 3 dB Frequency) ซึ่ งเป็ นพารามิเตอร์ ที่สาคัญตัวหนึ่งของเครื่ องขยาย กล่าวคือเมื่อความถี่สูงกว่าค่า
fT อัตราการขยายจะลดลงจากปกติเหลือน้อยกว่า –3dB ซึ่ งถือว่าเป็ นย่านคัตออฟของเครื่ องขยาย โดย 0.35 เป็ น
ค่าของการ ขยายนั้น เอง นอกจากนี้ในการออกแบบเครื่ องขยายสาหรับขยายสัญญาณรู ปสี่ เหลี่ยมมุมฉากใดๆ
เพื่อให้ได้สัญญาณที่เอาต์พุ ทมีค่าเวลาไต่ข้ ึน (tr) ใดๆ ก็สามารถออกแบบได้โดยให้ความถี่ค ั ตออฟของเครื่ อง
ขยายคานวณจากค่า 0t.35 (Hz) นัน่ เอง
r
43
ขั้นตอนการทดลอง
การทดลองเรื่อง วงจรอินทิเกรเตอร์
1. ประกอบวงจรตามรู ปที่ 1
รู ปที่ 1
V/DIV = ..................................
T/DIV = ...................................
Amplitude = ..................................
Time = ..................................
Frequency = ..................................
เอาต์พทุ
V/DIV = ..................................
T/DIV = ...................................
Amplitude = ..................................
Time = ..................................
Frequency = ..................................
44
V/DIV = ..................................
T/DIV = ...................................
Amplitude = ..................................
Time = ..................................
Frequency = ..................................
45
เอาต์พทุ
V/DIV = ..................................
T/DIV = ...................................
Amplitude = ..................................
Time = ..................................
Frequency = ..................................
รู ปคลื่นความถี่ 2 kHz
อินพุท
V/DIV = ..................................
T/DIV = ...................................
Amplitude = ..................................
Time = ..................................
Frequency = ..................................
เอาต์พทุ
V/DIV = ..................................
T/DIV = ...................................
Amplitude = ..................................
Time = ..................................
Frequency = ..................................
46
สรุ ปและวิจารณ์การทดลอง
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.......
47
5. จากรู ปจงอธิบายการทางาน
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
6. จากรู ปจงอธิบายการทางาน
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
49
7. จากรู ปจงอธิบายการทางาน
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
8. จงอธิ บายความหมายของคาว่า “เทาร์” (Tau)
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
9. จงเขียนพร้อมทั้งอธิบายสมการสะสมประจุ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
10. จงเขียนพร้อมทั้งอธิ บายสมการคายประจุ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................