Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 10

KKU RESEARCH JOURNAL (GRADUATE STUDY) 71

Vol. 17 NO. 2: April-June 2017

การพัฒนาเทคนิคการระเบิดเปลือกดินที่เกิดแรงสั่นสะเทือนตา่ ที่เหมืองแม่ เมาะ


Development of Low-Vibration Overburden Blasting at Mae Moh mine

จิราวรรณ ดารงฤทธิ์ (Jirawun Dumrongrit)1* ดร.พิษณุ บุญนวล (Dr.Pitsanu Bunnaul)**


ดร.วิษณุ ราชเพ็ชร (Dr.Vishnu Rachpech)*** กฤษณ์ สารทะวงษ์ (Krit Santawong)****
วิสวัส หลีวจิ ิตร (Witsawas Lheewijit)*****

บทคัดย่ อ
การศึกษาวิจยั ในครั้งนี้มีวตั ถุประสงค์เพื่อพัฒนาเทคนิคการระเบิดที่เกิดแรงสัน่ สะเทือนต่ากว่าการระเบิดแบบ
ปกติที่เหมืองแม่เมาะใช้ในปั จจุบนั สาหรับประยุกต์ใช้ในการระเบิดดินแดงที่เหมืองถ่านหิ นลิกไนต์แม่เมาะ อ.แม่เมาะ
จ.ลาปาง เทคนิคที่เลือกใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ การระเบิดโดยใช้กรวยอุดรู ระเบิด เทคนิคการใช้การเว้นช่องว่างอากาศ
ในรู เจาะ เทคนิ คการใช้แก็ปกระตุน้ 2 เบอร์ ในรู เดี ยวกันและเทคนิ คที่ อาศัยการสลายพลังของคลื่น ด้วยกันเอง ผล
การศึกษาพบว่าเทคนิ คที่ลดแรงสัน่ สะเทือนได้มากที่สุดคือเทคนิคที่อาศัยการสลายพลังกันเองของคลื่น แต่เมื่อพิจารณา
ครบทั้งด้านการแตกของดิน การลดแรงสัน่ สะเทือน และความยากง่ายในขั้นตอนการปฏิบตั ิแล้วเทคนิ คที่ดีที่สุดคือการ
ระเบิดโดยใช้กรวยอุดรู ระเบิดที่สามารถลดแรงสัน่ สะเทือนได้ถึง 44.78%

ABSTRACT
The purpose of this study was to develop a blasting technique with lower vibration for blasting application
at Maemoh Lignite mine, Lampang Province. Blasting techniques to be included in this study were stem-plug
blasting., air-deck blasting, deck-charged blasting and waveform interference technique. Waveform interference
technique was found to provide the most reduction in vibration. However, if fragmentation and ease of operation
were included into consideration stem-plug blasting technique was the best. With this technique, the reduction in
vibration was 44.78%.

คาสาคัญ: เทคนิคการระเบิดแรงสัน่ สะเทือนต่า การระเบิดโดยใช้กรวยอุดรู ระเบิด


Keywords: Low-vibration blasting technique, Stem-plug blasting

1
Correspondent author : jirawun.d@gmail.com
* นักศึกษา หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานคริ นทร์
** รองศาสตราจารย์ ภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่ และวัสดุ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานคริ นทร์
*** ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่ และวัสดุ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานคริ นทร์
**** ผู้จัดการฝ่ ายผลิตหิ นก่ อสร้ าง บริ ษัทเอเชียผลิตภัณฑ์ ซีเมนต์ จากัด
***** วิศวกรระดับ 4 การไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่ งประเทศไทย
72 วารสารวิจยั มหาวิทยาลัยขอนแก่ 72 น (ฉบับบัณฑิตศึกษา)

ปี ที่ 17 ฉบับที่ 2: เมษายน-มิถนุ ายน 2560

บทนา
ในงานระเบิ ดเหมืองที่ จาเป็ นต้องควบคุมแรงสั่นสะเทื อนให้ต่ามากเป็ นพิเศษ เช่น การระเบิ ดเปลือกดินที่
เหมื อ งลิ ก ไนต์ แ ม่ เมาะอ าเภอแม่ เมาะจัง หวัด ล าปางของการไฟฟ้ า ฝ่ ายผลิ ต แห่ ง ประเทศไทย ซึ่ งควบคุ ม ให้
แรงสัน่ สะเทือนให้อยูใ่ นระดับที่ต่ามากเทียบเท่าเกณฑ์สาหรับโบราณสถาน คือที่ค่าความเร็ วอนุภาคไม่เกิน 2 มิลลิเมตร
ต่ อ วิ น าที โ ดยการควบคุ ม ปริ ม าณวัต ถุ ร ะเบิ ด สู ง สุ ด ต่ อ จัง หวะถ่ ว งของแก๊ ป จุ ด ระเบิ ด ตามโมเดลการประเมิ น
แรงสัน่ สะเทือนที่ได้มีการศึกษาวิจยั ที่ผา่ นมา [1] แต่เมื่อหน้างานระบิดเข้าใกล้หมู่บา้ นมากขึ้น จะไม่สามารถลดปริ มาณ
วัตถุระเบิดในรู เจาะให้นอ้ ยตามที่จะสอดคล้องกับเกณฑ์การควบคุมข้างต้นได้จึงไม่สามารถทาการระเบิดก่อนเพื่อให้รถ
ขุดสามารถขุดได้ง่าย จึงส่งผลให้อตั ราการขุดต่าลงมากและค่าสึ กหรอและค่าบารุ งรักษาสู งขึ้นมาก ดังนั้นหากสามารถ
พัฒนาเทคนิ คการระเบิดที่มีแรงสั่นสะเทือนต่ากว่าเทคนิ คที่ใช้กนั อยูท่ วั่ ไปในปั จจุบนั ได้ก็จะทาให้มีความเป็ นได้ที่จะ
ยังคงให้มีการระเบิดเปลือกดินก่อนการขุดในพื้นที่ที่ใกล้หมู่บา้ นที่มีขอ้ จากัดข้างต้นได้
มีหลายแนวทางจากงานวิจยั ที่ผา่ นมาที่อาจพิจารณาเลือกนามาศึกษาทดสอบและประยุกต์ใช้ได้เช่น การอาศัย
ช่องว่างในหิ น รอยแตก และรอยเลื่อน [2] ที่เหมืองหิ น Suprenในรัฐ Eskisehir ประเทศตุรกีที่พบว่าลักษณะโครงสร้าง
ทางธรณี วิท ยาที่ มี ส ภาพไม่ ต่อ เนื่ อ งมี ผ ลให้ แรงสั่น สะเทื อ นลดลง ซึ่ งเราอาจสามารถสร้ างแนวไม่ ต่อ เนื่ อ งได้โดย
ประยุกต์การระเบิ ดแบบสร้างหน้าเรี ยบ (pre-splitting) ดังผลการศึ กษา [3] ในปี พ.ศ. 2554 ที่ เหมื องถ่านหิ นแม่เมาะ
จังหวัดลาปางที่ พบว่าสามารถสร้างระนาบรอยแตกได้โดยจะต้องให้ระยะระหว่างรู เจาะห่ างกันไม่เกิ น 10.5 เท่าของ
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางรู เจาะ
นอกจากนี้ การใช้แนวรู วา่ งในการลดแรงสั่นสะเทื อน [4] ที่ได้ทาการศึกษาผลของการทารู ว่าง (barrier hole)
เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนโดยทาการศึกษาในพื้นที่ขนาด 1000 เมตร ×100 เมตร และทาแนวรู วา่ งขวางแนวคลื่นระเบิด 3
แถวๆ ละ 10 รู แต่ ล ะแถวห่ า งกัน 1 เมตร และระยะระหว่า งรู ว่า งในแต่ ล ะแถวเท่ า กับ 1 เมตร พบว่า สามารถลด
แรงสัน่ สะเทือน 18% แต่ถา้ มีการเติมน้ าในรู ดงั กล่าวทาให้แรงสั่นสะเทือนลดลงได้เพียง 9% ซึ่ งแสดงให้เห็นว่าการเติม
น้ าในรู ไม่ได้ช่วยลดแรงสัน่ สะเทือนเมื่อเทียบกับรู วา่ ง
การศึกษาดังกล่าวคล้ายกับการศึ กษา [5] ที่ เหมืองแม่เมาะ จังหวัดลาปางที่ ทาการทดลองการใช้ร่องกันคลื่น
โดยร่ อ งที่ ท ามี ข นาดลึ ก ประมาณ 4.5 เมตร ยาวประมาณ 12 เมตร ห่ างจากรู ร ะเบิ ด 85เมตร มี ก ารติ ด ตั้งเครื่ อ งวัด
แรงสัน่ สะเทือนก่อนและหลังร่ องประมาณ 2.5 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 นิ้ว จานวน 1 รู พบว่าการสัน่ สะเทือนที่
เกิ ดขึ้นจากการระเบิ ดลดลงเมื่อใช้ร่องไม่มีน้ า 22.5-66.8% และเมื่อให้ร่องอยูใ่ กล้ตาแหน่ งระเบิ ดเข้ามาอีก (30 เมตร)
และให้ร่องลึกประมาณ 12 เมตร ยาวประมาณ 50 เมตร สามารถช่วยลดการสัน่ สะเทือนได้มากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ ยงั มีอีก 3 เทคนิ คที่ มีการยืนยันว่าสามารถลดการสั่นสะเทื อนได้เช่นกันได้แก่เทคนิ คที่ ใช้การเว้น
ช่องว่างในรู เจาะ(air-deck blasting) [6-7] เทคนิ คการใช้กรวยอุดรู ระเบิด (stem-plug blasting) [8] และ เทคนิคการอาศัย
หลักการสลายพลังงานของคลื่นด้วยกันเอง (waveform interference)ใช้จงั หวะถ่วงในการระเบิดที่แตกต่างกันซึ่ งพบว่า
ที่จงั หวะถ่วง 12-15 มิลลิวนิ าทีจะลดแรงสัน่ สะเทือนได้มากที่สุด [5,9]

วิธกี ารดาเนินงานวิจัย
การศึกษาได้ทาที่ บ่อเหมืองลิกไนต์แม่เมาะของการไฟฟ้ าฝ่ ายผลิตแห่ งประเทศไทย ที่ จงั หวัดลาปาง ทาการ
ทดลองระเบิดในพื้นที่บ่อ C (ภาพที่ 1) โดยอาศัยรู ปแบบการระเบิ ดที่ใช้อยูเ่ ดิมเป็ นฐานสาหรับเปรี ยบเที ยบ (ภาพที่ 2)
ขนาดรู ระเบิด 7 นิ้ว ความสู งชั้นหน้างาน (Bench height) 6 เมตร ความลึกรู ระเบิ ด 6.5 เมตร ระยะห่ างจากหน้าอิสระ
KKU RESEARCH JOURNAL (GRADUATE STUDY) 73
Vol. 17 NO. 2: April-June 2017
(Burden distance) 5 เมตร ระยะระหว่างรู ใ นแต่ ล ะแถว (Stemming) 4 เมตร ปริ ม าณวัต ถุ ร ะเบิ ด ต่ อ จังหวะถ่ ว ง 50
กิโลกรัม อัตราการใช้วตั ถุระเบิ ด (explosive factor) 0.3 kg/m3และบรรจุ ดินระเบิ ด (primer) 1 กิ โลกรัมต่อหนึ่ งรู เจาะ
โดยกระตุน้ การระเบิดด้วยแก็ปโนเนล (non-electric detonator)
เทคนิ คการลดแรงสั่น สะเทื อนที่ เลื อ กศึ กษา ประกอบด้วย เทคนิ ค การใช้กรวยอุดรู ระเบิ ด เทคนิ ค การใช้
ช่องว่างในรู เจาะ (อุปกรณ์ในภาพที่ 3) เทคนิ คการใช้แก็ปกระตุน้ 2 เบอร์ ในรู เดี ยวกัน (deck-charge) ซึ่ งเป็ นการแบ่ ง
ปริ มาณวัตถุระเบิดต่อจังหวะถ่วงลงครึ่ งหนึ่งโดยแบ่งให้แก็ปดอกบนกระตุน้ วัตถุระเบิดส่วนบนของรู ระเบิดก่อน แล้วที่
เหลือในส่ วนล่างจะถูกกระตุน้ ด้วยแก็ปดอกที่ อยูก่ น้ รู อีกทีหนึ่ ง (ภาพที่ 4) และเทคนิ คสุ ดท้ายคือ เทคนิ คการอาศัยการ
สลายพลังของคลื่นระเบิด ด้วยกันเองที่ ตอ้ งใช้เครื่ องจุดระเบิ ดแบบเลือกตั้งเวลาการหน่ วงเวลาได้ (sequential blasting
machine) และในการหน่วงเวลาจะเป็ นการหน่วงระหว่างรู เจาะ ดังในภาพที่ 3 (ค)
การเก็บข้อมูลแรงสั่นสะเทื อนนั้นใช้เครื่ องวัดแรงสั่นสะเทื อนที่ นามาใช้คือ Mini mate plus และ Blastmate
Series III (ภาพที่ 5) โดยตั้งเครื่ องวัดแรงสั่นสะเทือนที่ระยะ 500 เมตรในทิศทางไปทางด้านหลังหรื อด้านข้างของหน้า
ระเบิดโดยขึ้นอยูก่ บั ลักษณะของหน้างานจะเอื้ออานวยให้

ผลการศึกษา
การระเบิดที่ปฏิบตั ิกนั อยูใ่ นปั จจุบนั ที่เหมืองแม่เมาะช่วยให้รถขุดบุง้ กี้เสย (shovel) สามารถทาการขุดได้ง่าย
และเร็ ว โดยค่ าแรงสั่ น สะเทื อ นเฉลี่ ยที่ ต รวจวัด ที่ ร ะยะ 500 เมตรเท่ ากับ 3.1 – 5.33 มิ ล ลิ เมตรต่ อ วิ น าที เฉลี่ ย 4.48
มิ ล ลิ เมตรต่ อ วิน าที และแรงอัด อากาศ (air blast) เฉลี่ ย 117.17 dB(L) (ตารางที่ 1) ซึ่ งจะใช้เป็ นค่ าฐานส าหรั บ การ
ประเมินผลของการใช้เทคนิ คการระเบิดแบบต่างๆที่จะประยุกต์ใช้สาหรับการลดระดับแรงสัน่ สะเทื อนลงมา ทั้งนี้ ผล
การแตกของเปลือกดิ นที่ ได้หลังการระเบิดไม่ค่อยจะดี นกั (ระดับ 3 จากที่ จดั ระดับเชิ งเปรี ยบเที ยบจาก 1 ถึง 5 คือ 1 =ไม่ดี
2=พอใช้ 3=ปานกลาง 4=ดี 5=ดีมาก) ดังภาพที่ 6
เทคนิ คแรกที่ ทดลองคื อการใช้กรวยอุดรู ระเบิ ด (ผลแสดงในตารางที่ 2 และภาพที่ 7) ได้ผลการแตกของ
เปลือกดิ นดีข้ ึนมากโดยสามารถจัดให้อยูใ่ นลาดับที่ 5 ในขณะเดี ยวกันก็สามารถลดระดับแรงสั่นสะเทื อนมาที่ 2.05 –
2.75 เฉลี่ย 2.47 มิลลิเมตรต่อวินาที ทั้งนี้ แรงอัดอากาศยังคงอยูใ่ นระดับใกล้เคียงกับเทคนิ คเดิม วิธีน้ ี มีขอ้ ได้เปรี ยบใน
เรื่ องวิธีปฏิบตั ิที่ทาได้ค่อนข้างง่ายและสะดวกเพราะหลังอัดวัตถุระเบิดแล้วก็เพียงใส่ กรวยอุดรู ระเบิดที่เตรี ยมไว้ ก่อน
อุดปากรู ดว้ ยเศษดินที่ได้จากการเจาะ ไม่มีข้ นั ตอนที่ยงุ่ ยากซับซ้อน
เมื่อประยุกต์ใช้เทคนิ คการเว้นช่องว่างในรู ระเบิด พบว่าเมื่อเว้นช่องว่างมากขึ้นจาก 10% ถึง 15% จะสามารถ
ลดแรงสั่ น สะเทื อ นได้ม ากขึ้ น จาก 2.94 มิ ลลิ เมตรต่ อ วิน าที ที่ 10% ลงมาเป็ น 2.07 มิ ล ลิ เมตรต่ อ วิน าที เมื่ อ เพิ่ ม %
ช่องว่างเป็ น 15% โดยลดลงมาจากที่ ใช้เทคนิ คเดิ มถึง 53.78% (ตารางที่ 3) แต่ผลการแตกของเปลือกดิ นกลับแย่ลงไป
จนถึงระดับ 1 (ดูรูปผลการระเบิดในภาพที่ 8 ประกอบ) ทั้งนี้ จะเห็นว่าการลดลงของแรงสัน่ สะเทือนนั้นสอดคล้องกับ
การลดลงของ explosive factor หรื ออัตราการใช้วตั ถุระเบิดต่อหน่วยปริ มาตรเปลือกดิน นัน่ คือแรงสั่นสะเทือนที่ลดลง
น่าจะมีผลมาจากการใช้วตั ถุระเบิดที่นอ้ ยลงเป็ นหลัก จึงทาให้การแตกของเปลือกดินดินที่ข้ ึนกับอัตราการใช้วตั ถุระเบิด
กลับ มี การแตกที่ แย่ลงมาก นอกจากจะด้อยในเรื่ องการแตกของดิ นแล้ว วิธีน้ ี ยังมี ความยุ่งยากพอสมควรในการใส่
อุปกรณ์ข้ นั ช่องว่างในรู ระเบิด
74 วารสารวิจยั มหาวิทยาลัยขอนแก่ 74 น (ฉบับบัณฑิตศึกษา)

ปี ที่ 17 ฉบับที่ 2: เมษายน-มิถนุ ายน 2560


ในกรณี ของเทคนิ คที่ใช้แก็ป 2 เบอร์ในรู เดียวกันเพื่อช่วยลดปริ มาณวัตถุระเบิดต่อจังหวะถ่วงนั้น สามารถลด
แรงสั่นสะเทื อนลงได้ถึง 46.65% และผลการแตกของดิ นดี ข้ ึนถึงระดับ 4 (ดูตารางที่ 4 และภาพที่ 9) แต่วิธีน้ ี มีขอ้ เสี ย
เปรี ยบที่ข้ นั ตอนยุง่ ยาก และอาจมีขอ้ ผิดพลาดในการวางลาดับเบอร์จงั หวะถ่วงได้ง่าย
สาหรับเทคนิ คสุ ดท้ายที่ประยุกต์ใช้คือ หลักการหักล้างหรื อสลายพลังกันเองของคลื่นระเบิดนั้น จะเห็นว่าที่
จังหวะการถ่วงเวลา 15 มิลลิวินาที สามารถลดแรงสั่นสะเทื อนได้มากถึง 68.07 % (ภาพที่ 10 และตารางที่ 5) และการ
แตกของดินก็ดีมากถึงระดับ 4 (ภาพที่ 11) อย่างไรก็ตาม ผูป้ ฏิบตั ิการระเบิดที่เหมืองแม่เมาะไม่นิยมใช้วธิ ีน้ ีเพราะมีความ
เชื่อว่าอาจมีความผิดพลาดในลาดับของการถ่วงจังหวะจากการเบี่ยงเบนของแก็ปไฟฟ้าที่ใช้จริ ง

สรุป
เมื่อพิจารณาในเรื่ องของเปอร์ เซ็นต์การลดแรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดแล้ว เทคนิคการอาศัยการสลายพลัง
กัน เองของคลื่ น ระเบิ ด จากการระเบิ ด ที่ ถ่ วงจังหวะไป 15 มิ ลลิ วิน าที จ ะดี ที่ สุ ด แต่ เมื่ อ พิ จารณาครอบคลุ ม ทั้งเรื่ อ ง
แรงสั่นสะเทื อน การแตกของดิน และความยากง่ายหรื อยุง่ ยากในการปฏิ บตั ิแล้ว เทคนิ คที่ ใช้กรวยอุดรู ระเบิ ด จะเป็ น
เทคนิคที่ดีที่สุด

กิตติกรรมประกาศ
ผูว้ ิจยั ขอขอบคุณการไฟฟ้ าฝ่ ายผลิตแห่ งประเทศไทย (กฟผ.) สาหรับทุนวิจยั และพัฒนาในหัวข้อการพัฒนา
เทคนิคการระเบิดที่เกิดแรงสัน่ สะเทือนต่าสาหรับการระเบิดเปลือกดินที่เหมืองแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศ
ไทย สัญ ญาเลขที่ 56-B104000-112-IO.SS03A3008182-PSU ในครั้ งนี้ ขอขอบคุ ณ แผนกเจาะระเบิ ด ส าหรั บ ความ
ช่วยเหลือในทุกๆเรื่ องทั้งความรู ้ ความช่วยเหลือในการปฏิ บตั ิงานภาคสนาม สุ ดท้ายนี้ ขอขอบคุณภาควิชาวิศวกรรม
เหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานคริ นทร์

เอกสารอ้างอิง
1. Bunnaul P, Walthongtanawat T, Rachpech V, Katekaew C. Local ground paramaters of blasting vibration models
in the SE Pit-Hang direction at Mae Moh lignite mine. Proceeding of the 5th IWCERT International Workshop and
Conference on Earth Resources Technology; 2011 May 10-12; The University of Science Malaysia at Heritage
Hotel, Perak. Malaysia.
2. Ak H, Konuk A. The effect of discontinuity frequency on ground vibrations produced from bench blasting: A case
study. Soil Dynamics and Earthquake Engineering. 2008 Sep; 28(9) .686–694
3. Santawong K, Bunnaul P, Rachpech V. Development of overburden blasting technique with no free face.
Proceeding of the 9th International Conference on Mining Metallurgical and Petroleum Engineering; 2011 Jan 13-
14; Chulalongkorn University at Montien Riverside Hotel, Bangkok, Thailand.
4. Uysal O, Erarslan K, Cebi M, Akcakoca H. Effect of barrier holes on blast induced vibration. International Journal
of Rock Mechanics & Mining Sciences. 2008 July; 45(8).712–719
5. Langoo J. Reduction of Ground Vibration from blasting at Mae Moh mine [dissertation]. Chaingmai: Chaingmai
University; 2002.
KKU RESEARCH JOURNAL (GRADUATE STUDY) 75
Vol. 17 NO. 2: April-June 2017
6. Park D, Jeon S. Reduction of blast-induced vibration in the direction of tunneling using an air-deck at the bottom
of a blasthole. International Journal of Rock Mechanics & Mining Sciences. 2010 July; 47(5). 752–761
7. Bunnaul P, Naewbunthud S. A study on air-deck blasting applied for limestone quarries. Proceeding of the 10th
International Conference on Mining, Materials and Petroleum Engineering and the 6th International Conference on
Earth Resources Technology; 2012 May 9-11; Prince of Songkla University, Hat Yai, Thailand
8. Lheewijit W, Bunnaul P, Rachpech, V. A Comparison Study on Conventional Blasting and Stem Plug Blasting
Technique. Proceeding of the 10th International Conference on Mining, Materials and Petroleum Engineering and
The 6th International Conference on Earth Resources Technology; 2012 May 9-11; Prince of Songkla University,
Hat Yai, Thailand
9. Shi X.Z, Chen Sh.R. Delay time optimization in blasting operations for mitigating the vibration-effects on final pit
walls’ stability. Soil Dynamics and Earthquake Engineering. 2011 August; 31(8). 1154–1158

Bench high 6 m

ภาพที่ 1 ลักษณะของหน้างานระเบิด
76 วารสารวิจยั มหาวิทยาลัยขอนแก่ 76 น (ฉบับบัณฑิตศึกษา)

ปี ที่ 17 ฉบับที่ 2: เมษายน-มิถนุ ายน 2560

Free Face


ภาพที่ 2 (ก) แผนผังการระเบิด (ข) ภาพตัดขวางของรู เจาะแบบปกติที่เหมืองแม่เมาะใช้

ก. กรวยอุดรู ระเบิด (Stem-plug) ข. ที่ก้ นั เพื่อเป็ นช่องว่างในรู ระเบิด ค. เครื่ องจุดระเบิดแบบหน่วงเวลา

ภาพที่ 3 อุปกรณ์ที่ใช้ในการระเบิด

ภาพที่ 4 ภาพตัดขวางของรู เจาะของเทคนิคการใช้แก็ปกระตุน้ 2 เบอร์ในรู เดียวกัน (deck-charge)


KKU RESEARCH JOURNAL (GRADUATE STUDY) 77
Vol. 17 NO. 2: April-June 2017

ภาพที่ 5 เครื่ องวัดแรงสัน่ สะเทือน Mini mate plus และ Blast mate Series III

ตารางที่ 1 ผลการวัดแรงสัน่ สะเทือนจากการระเบิดแบบที่เหมืองแม่เมาะใช้อยูใ่ นปั จจุบนั วัดที่ระยะ 500 เมตรExplosive


factor 0.3 kg/m3และปริ มาณวัตถุระเบิดสูงสุดต่อจังหวะถ่วง 50 กิโลกรัม

แรงสั่นสะเทือน PPV Air blast


ชนิดของเปลือกดิน
mm/s Hz dB(L) Hz
1 5.10 11 105.5 7.8 Red bed/Gray bed
2 4.51 10 107.5 5.2 Red bed
3 4.64 9.1 136.4 N/A Red bed
4 3.10 6.6 107.5 5.1 Red bed/Gray bed
5 4.19 6 108 15 Red bed
6 5.33 9.1 138.1 N/A Red bed
ค่าเฉลี่ย 4.48 117.17

ตารางที่ 2 แรงสัน่ สะเทือนจากการระเบิดโดยใช้กรวยอุดรู ระเบิด


แรงสั่นสะเทือน PPV Air blast
mm/s Hz dB(L) Hz
1 2.40 8.5 135.2 <10
2 2.46 10 118.8 <16
3 2.05 5.1 110.9 10
4 2.75 3.7 111.8 7.6
5 2.71 6.9 113.8 5.7
เฉลี่ย 2.47 118.10
78 วารสารวิจยั มหาวิทยาลัยขอนแก่ 78 น (ฉบับบัณฑิตศึกษา)

ปี ที่ 17 ฉบับที่ 2: เมษายน-มิถนุ ายน 2560


ตารางที่ 3 ผลการระเบิดโดยเทคนิคการเว้นช่องว่างอากาศ
% ช่ องว่ าง แรงสั่นสะเทือน เฉลีย่ Explosive factor %การลดลงของ การแตกของ
เทียบความลึกรู ระเบิด ppv (mm/s) (mm/s) (kg/ m3) แรงสั่นสะเทือน เปลือกดิน
10 1.65– 3.68 2.94 0.24 34.40 3
12.5 2.29–3.87 2.87 0.22 41.44 3
15 1.62 – 2.46 2.07 0.20 53.78 1
หมายเหตุ 1=ไม่ดี 2=พอใช้ 3=ปานกลาง 4=ดี 5=ดีมาก

ตารางที่ 4 ผลการระเบิดโดยเทคนิคการแบ่งบรรจุวตั ถุระเบิดออกเป็ นช่วง


แรงสั่นสะเทือน เฉลีย่ %การลดลงของ
ช่ วงบน และ ช่ วงล่ าง การแตกของดิน
PPV (mm/s) (mm/s) แรงสั่นสะเทือน
1.5 เมตร ต่อ 2.5 เมตร 2.24 – 2.54 2.39 46.65 4
หมายเหตุ 1=ไม่ดี 2=พอใช้ 3=ปานกลาง 4=ดี 5=ดีมาก

ภาพที่ 6 ผลการระเบิดด้วยเทคนิคเหมืองแม่เมาะใช้อยูใ่ นปัจจุบนั

ภาพที่ 7 ผลการระเบิดของดินโดยเทคนิคการใช้กรวยอุดรู ระเบิด

10% 12.5% 15%


ภาพที่ 8 ขนาดของดินที่ได้จากการระเบิดโดยใช้ช่องว่างอากาศภายในรู เจาะ10, 12.5 และ15%ช่องว่าง
KKU RESEARCH JOURNAL (GRADUATE STUDY) 79
Vol. 17 NO. 2: April-June 2017

ภาพที่ 9 ขนาดของดินที่ได้จากการระเบิดโดยการใช้แก๊ปกระตุน้ 2 เบอร์ในรู เดียวกันแบบ 1.5:2.5 เมตร

9.0
8.0
7.0
Peak Particle Velocity (mm/s)

6.0
Peak Particle Velocity
5.0
4.0
3.0
2.0
1.0
0.0
0.0 5.0 10.0 15.0 20.0 25.0 30.0
เวลาหน่ วง (มิลลิวนิ าที)
ภาพที่ 10 ผลการศึกษาการระเบิดโดยเทคนิคที่อาศัยหลักการการสลายพลังของคลื่นระเบิด (Waveform interference)

ภาพที่ 11 ขนาดของดินที่ได้จากการระเบิดโดยการใช้หลักการสลายกันของพลังงานพันธะที่ 15 มิลลิวนิ าที


80 วารสารวิจยั มหาวิทยาลัยขอนแก่ 80 น (ฉบับบัณฑิตศึกษา)

ปี ที่ 17 ฉบับที่ 2: เมษายน-มิถนุ ายน 2560


ตารางที่ 5 เปรี ยบเทียบแรงสัน่ สะเทือนและ ระดับผลการแตกของดินสาหรับเทคนิคระเบิดที่ต่างกัน
PPV เฉลีย่ การแตกของ
เทคนิคการระเบิด %การลดลง
(mm/s) (mm/s) เปลือกดิน
การระเบิดแบบปกติที่เหมืองแม่เมาะใช้ 3.10 - 5.33 4.48 0 3
การระเบิดโดยใช้กรวยอุดรู ระเบิด 5x5.5เมตร 2.05 - 2.75 2.47 44.85 5
การระเบิดโดยการเว้นช่องว่างอากาศภายในรู เจาะ 1.62 – 2.46
2.07 53.78 1
15%
การใช้แก็ปกระตุน้ 2 เบอร์ในรู เดียวกันแบบ 2.24 – 2.54 2.39 46.65 4
หลักการการสลายกันของพลังงานพันธะ 15 ms 0.89 – 1.97 1.43 68.07 4
หมายเหตุ 1=ไม่ดี 2=พอใช้ 3=ปานกลาง 4=ดี 5=ดีมาก

You might also like