Professional Documents
Culture Documents
กลยุทธ์การพัฒนาการเรียนรู้ E-Learning เพื่อตอบสนองความต้องการ
กลยุทธ์การพัฒนาการเรียนรู้ E-Learning เพื่อตอบสนองความต้องการ
ลิขสิ ทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล
ข
สารนิพนธ์
เรื่ อง
กลยุทธ์ การพัฒนาการเรียนรู้ E-Learning เพื่อตอบสนองความต้องการ
ในยุคศตวรรษที่ 21
…………………………………….
นางสาวศุภาภรณ์ พงษ์แพทย์
ผูว้ ิจยั
……………………………………. …………………………………….
ภูมิพร ธรรมสถิตเดช, รองศาตราจารย์ณัฐสิทธิ์ เกิดศรี ,
D.B.A. Ph.D.
อาจารย์ที่ปรึ กษาสารนิพนธ์ ประธานกรรมการสอบสารนิพนธ์
........................................................... .............................................................
ดวงพร อาภาศิลป์ , ผูช้ ่วยศาสตราจารย์พาสน์ ทีฑทรัพย์,
Ph.D. D.B.A.
คณบดี กรรมการสอบสารนิพนธ์
วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ค
กิตติกรรมประกาศ
ศุภาภรณ์ พงษ์แพทย์
ง
กจ.ม.
บทคัดย่อ
การวิจยั นี้ มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษากลยุทธ์การพัฒนาการเรี ยนรู ้ E-Learning งานวิจยั นี้
เป็ นงานวิจ ัยเชิ งปริ ม าณ (Qualitative Research) เพื่ อ ศึก ษาปั จ จัย ที่ มีต่ อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ย น
ออนไลน์ เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอน โดยงานวิจยั นี้ มีประเด็น ที่จะศึก ษาปั จจัย 3 ด้าน ได้แก่ ด้าน
คุณ ภาพของที่ รองรับระบบปฏิบตั ิ การ (platform) ด้านคุณ ภาพเนื้ อหา (content) และด้านคุณ ภาพ
เครื่ องมือ (tool) ที่มีผลต่อการใช้งาน (Use) บทเรี ยนออนไลน์ และความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (User
Satisfaction) กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน (Learning Achievement) ของผูใ้ ช้งานบทเรี ยน E-Learning
ผลการศึก ษาพบว่า ปั จจัยทั้ง 3 ด้าน มีอิทธิพลต่ อการใช้งาน และความพึงพอใจของผูใ้ ช้งานโดย
เรี ยงลาดับความสาคัญของปัจจัยทั้ง 3 ด้าน จากมากไปน้อย ดังนี้ คุณภาพของ platform คุณภาพของ
content และคุณภาพของ tool ตามลาดับ ผูจ้ ดั การเรี ยนการสอนหรื อผูด้ ูแลระบบสามารถนาไปเป็ น
แนวทางในการพัฒนาบทเรี ยน E-Learning โดยต้องคานึงถึงคุณภาพการบริ การเป็ นหลัก เนื่องจาก
คุณภาพการบริ การเป็ นสิ่ งจาเป็ นในการใช้งานและสร้างความพึงพอใจให้กบั ผูใ้ ช้งาน เพราะหากมี
คุณภาพการบริ การที่ดี ผูใ้ ช้งานระบบก็จะมีความรู ้สึกที่อยากกลับมาใช้งานซ้ าในครั้งต่อไป และมี
ความพึงพอใจที่ดีตามไปด้วย รวมถึงการพัฒนารู ปแบบ E-Learning ทั้งในรู ปแบบสถาบันการศึกษา
และด้านเชิงพาณิ ชย์ควรผสมผสานในเรื่ องของการตลาดและกลยุทธ์การตอบสนองความต้องการ
ของผูเ้ รี ยนด้วย เพื่อพัฒนา E-Learning ให้มีประสิทธิภาพที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน ต่อไป
คาสาคัญ: E-Learning/ผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน
53 หน้า
จ
สารบัญ
หน้ า
กิตติกรรมประกาศ ค
บทคัดย่อ ง
สารบัญตาราง ช
สารบัญรูปภาพ ฌ
บทที่ 1 บทนา 1
1.1 ที่มาและความสาคัญของปัญหา 1
1.2 ข้อมูลทัว่ ไปเกี่ยวกับอุตสาหกรรม 4
1.3 วัตถุประสงค์ของการวิจยั 6
1.4 กรอบแนวคิด (ทฤษฎีในการวิจยั ) 6
1.5 ขอบเขตงานวิจยั 6
1.6 ข้อจากัดของการวิจยั 7
1.7 นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจยั 7
1.8 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 8
บทที่ 2 แนวทฤษฎี และงานวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้ อง 10
2.1 แนวคิดเกี่ยวกับการเรี ยนการสอนออนไลน์ 10
2.2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่อการจัดการนวัตกรรม 15
2.3 อุปสรรคที่เกี่ยวข้องต่อความสาเร็ จของการจัดการนวัตกรรม 15
บทที่ 3 ระเบียบวิจยั 16
3.1 กรอบแนวคิด 16
3.2 แนวทางศึกษาและการทดสอบสมมติฐาน 17
3.3 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 20
3.4 เครื่ องมือในการเก็บข้อมูล 20
3.5 ขั้นตอนการเก็บข้อมูล 21
ฉ
สารบัญ (ต่อ)
หน้ า
3.6 แบบสอบถามที่ใช้ในงานวิจยั 21
3.7 ประเด็นของความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่เก็บ 27
3.8 กรอบการวิเคราะห์ขอ้ มูล 28
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล 29
4.1 การวิเคราะห์ความเชื่อถือได้ 29
4.2 การวิเคราะห์ขอ้ มูลเบื้องต้น 29
4.3 การวิเคราะห์ขอ้ มูลสถิติเชิงพรรณนา 36
4.4 สรุ ปผลการวิจยั 40
4.5 อภิปรายผลการศึกษา 41
บทที่ 5 สรุปผลการวิจยั และข้ อเสนอแนะ 49
5.1 การวิจยั และลักษณะของหน่วยตัววัด 49
5.2 การสรุ ปผลที่ได้จากงานวิจยั และอภิปรายผล 50
5.3 ข้อเสนอแนะสาหรับการนาผลไปใช้ 52
5.4 ข้อเสนอแนะสาหรับงานวิจยั ในอนาคต 53
บรรณานุกรม 54
ภาคผนวก ก แบบสอบถาม 56
ประวัตผิ ู้วจิ ยั 61
ช
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้ า
3.1 ตัวแปรระดับการวัดข้อมูลและเกณฑ์การแบ่งกลุ่มคาตอบสาหรับข้อมูลทัว่ ไป 22
ของผูต้ อบแบบสอบถาม
3.2 ตัวแปรระดับการวัดข้อมูลและเกณฑ์การแบ่งกลุ่มคาตอบสาหรับประสบการณ์ 23
การเรี ยนผ่าน E-learning ผ่านมา
3.3 ตัวแปรระดับการวัดข้อมูลและเกณฑ์การแบ่งกลุ่มคาตอบสาหรับปัจจัยที่มีผลต่อการ 24
ใช้บริ การหลักสูตร E-learning
3.4 เกณฑ์ในการวัดระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อรู ปแบบการเรี ยน 24
E-learning ที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจแก่ผใู ้ ช้
3.5 เกณฑ์ในการวัดระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้งาน (Use) 25
และความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (Use Satisfaction) บทเรี ยน E-learning ด้านที่รองรับ
ระบบปฏิบตั ิการ (platform)
3.6 เกณฑ์ในการวัดระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้งาน (Use) 26
และความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (Use Satisfaction) บทเรี ยน E-learning ด้านเนื้อหา
(content)
3.7 เกณฑ์ในการวัดระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้งาน (Use) 26
และความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (Use Satisfaction) บทเรี ยน E-learning ด้านเครื่ องมือ
(tool)
4.1 จานวนหน่วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามเพศ 30
4.2 จานวนหน่วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามอายุ 30
4.3 จานวนหน่วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามอาชีพ 30
4.4 จานวนหน่วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามเงินเดือน 31
4.5 จานวนหน่วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามประสบการณ์การเรี ยนผ่าน 32
E-learning ที่ผา่ นมา
ซ
สารบัญตาราง (ต่อ)
ตารางที่ หน้ า
4.6 จานวนหน่วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามช่วงเวลาที่เคยมีประสบการณ์ 32
การเรี ยนผ่าน E-learning ที่ผา่ นมา
4.7 จานวนหน่วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามระบบ E-learning ที่เคย 32
ใช้บริ การ
4.8 จานวนหน่ วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามเหตุผลในการเรี ยนหลักสูตร 33
E-learning
4.9 จานวนหน่วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามเนื้อหาที่ตอ้ งการเรี ยน 34
4.10 จานวนหน่วยตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามรู ปแบบการเรี ยน E-learning 35
ที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจแก่ผใู ้ ช้
4.11 ข้อมูลค่าเฉลี่ยเกี่ยวกับด้านคุณภาพของที่รองรับระบบปฏิบตั ิการ (platform) ที่มี 37
อิทธิพลต่อการตัดสินใจ (Use) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่าน
หลักสูตรออนไลน์
4.12 ข้อมูลค่าเฉลี่ยเกี่ยวกับด้านคุณภาพของเนื้ อหา (content) ที่มีอิทธิพลต่อการใช้งาน 38
(Use) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์
4.13 ข้อมูลค่าเฉลี่ยเกี่ยวกับด้านคุณภาพของเครื่ องมือ (tool) ที่มีอิทธิพลต่อการใช้งาน 39
(Use) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์
4.14 ข้อมูลสรุ ปรู ปแบบการเรี ยน E-learning ที่ส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจแก่ผใู ้ ช้ 43
4.15 ข้อมูลสรุ ปปัจจัยที่มีผลต่ออิทธิพลต่อการใช้งาน (Use) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ ม 44
การเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์ ด้านคุณภาพของ platform
4.16 ข้อมูลสรุ ปปัจจัยที่มีผลต่ออิทธิพลต่อการใช้งาน (Use) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ ม 46
การเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์ ด้านคุณภาพของ content
4.17 ข้อมูลสรุ ปปัจจัยที่มีผลต่ออิทธิพลต่อการใช้งาน (Use) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ ม 47
การเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์ ด้านคุณภาพของ tool
ฌ
สารบัญรูปภาพ
ภาพที่ หน้ า
3.1 โมเดลความสาเร็ จของระบบสารสนเทศของ DeLone และ McLean ปี ค.ศ. 2003 17
1
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ที่มำและควำมสำคัญของปัญหำ
โลกมีก ารเปลี่ย นแปลงตลอดเวลา สังคมแห่ งการเรี ยนรู ้ ไม่มีว นั หยุด นิ่ ง สังคมโลก
กลายเป็ นสังคมความรู ้ (Knowledge Society) หรื อสังคมแห่งการเรี ยนรู ้ (Learning Society) องค์กร
ทางการศึกษาจึงต้องปรับตัวให้เป็ นองค์กรแห่งการเรี ยนรู ้ (Learning Organization) จากแผนพัฒนา
เศรษฐกิ จและสังคมแห่ งชาติฉ บับที่ 11 (สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิ จและสังคม
แห่งชาติ, 2554) มีนโยบายมุ่งเน้นแนวทางการพัฒนาโดยยึดคนเป็ นศูนย์กลาง เพื่อให้เกิดการพัฒนา
ที่ยง่ั ยืน ภายใต้ก ารเปลี่ยนแปลง ทั้งภายในและภายนอกประเทศ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายส่ งเสริ ม
การศึ ก ษาให้ส อดคล้องกับความต้องการของผูเ้ รี ยน และสร้ างสังคมการเรี ยนรู ้ ที่มีคุ ณ ภาพอัน
ก่อให้เกิดการเรี ยนรู ้ตลอดชีวิต สอดคล้องกับนโยบายของรั ฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ข่าว
สานักงานรัฐมนตรี ,2556) ที่ตอ้ งการให้พฒั นาการศึกษาของประเทศอย่างเร่ งด่วน
ใน ยุ ค ศ ต ว ร ร ษ ที่ 2 1 ก ร ะ บ ว น ก าร เรี ย น ก า ร ส อ น มี ก าร เป ลี่ ย น แ ป ล ง
(กระทรวงศึกษาธิการ, 2556) โดยผูเ้ รี ยนจะเรี ยนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ทนั สมัย
และสามารถเข้าถึงข้อมูลข่ าวสารได้อย่างรวดเร็ ว นอกจากนี้ ยังมีปัญ หาที่ สืบเนื่ องมาจากจานวน
นักเรี ยนที่เพิ่มขึ้นต่อห้องเรี ยน (สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ,2553) จนทาให้ประสิทธิภาพในการเรี ยนการ
สอนลดลง สื่ อที่แสดงมีขนาดใหญ่ไม่เพียงพอสาหรับผูเ้ รี ยนที่อยูห่ ลังห้อง ความจดจ่อกับผูส้ อนถูก
เบี่ยงเบนจากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมในชั้นเรี ยนขนาดใหญ่ ผูเ้ รี ยนมีการนาเอาคอมพิวเตอร์
พกพาเข้ามาสืบค้นความรู ้ในชั้นเรี ยนอภิปรายหรื อซักถามคาถามเกี่ยวกับเรื่ องที่ผสู ้ อนกาลังสอน
กระทรวงศึกษาธิการ (ข่าวสานักงานรัฐมนตรี , 2556) ได้เล็งเห็นความสาคัญของการ
นาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communications Technology : ICT) มา
ใช้เป็ นเครื่ องมือสาคัญและเป็ นประโยชน์ต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษา ช่วยเพิ่มประสิ ทธิภาพ
การเรี ยนการสอนได้อย่างรวดเร็ ว รวมทั้งยังช่ วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครู ตลอดจนลดความไม่เท่า
เทียมทางการศึกษาในโรงเรี ยนที่ห่างไกลอีกด้วย
ปัจจุบนั กระทรวงศึกษาธิการได้มีแนวทางการพัฒนา ICT เพื่อการศึกษา ดังนี้
2
1.2 ข้ อมูลทั่วไปเกี่ยวกับอุตสำหกรรม
ควำมหมำยของ E-Learning
การเรี ยนทางอิเล็ก ทรอนิ ก ส์ หรื อ E-Learning รู ปแบบการเรี ยนการสอน ซึ่ งใช้ก าร
ถ่ายทอดเนื้ อ หา (delivery methods) ผ่านทางอุป กรณ์ อิเล็ก ทรอนิ ก ส์ ไม่ ว่าจะเป็ น คอมพิ ว เตอร์
เครื อข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรื อ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรื อ สัญญาณดาวเทียม
และใช้รูปแบบการนาเสนอเนื้ อหาสารสนเทศในรู ปแบบต่าง ๆ ซึ่งอาจอยู่ในรู ปแบบการเรี ยนเช่น
คอมพิวเตอร์ ช่วยสอน (Computer-Assisted Instruction) การสอนบนเว็บ (Web-Based Instruction)
การเรี ยนออนไลน์ (On-line Learning) การเรี ยนทางไกลผ่านดาวเทียม หรื ออาจอยูใ่ นลักษณะที่ยงั ไม่
ค่อยเป็ นที่แพร่ หลายนัก เช่น การเรี ยนจากวิดีทศั น์ตามอัธยาศัย (Video On-Demand) เป็ นต้น
1.3 วัตถุประสงค์ของกำรวิจยั
1. เพื่อศึกษาปัจจัย 3 ด้าน ได้แก่ ด้านคุณภาพของที่รองรับระบบปฏิบตั ิการ (platform)
ด้านคุณภาพเนื้ อหา (content) และด้านคุณภาพของเครื่ องมือ (tool) ที่มีอิทธิพลต่อการใช้งาน (Use)
บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์
2. เพื่อศึกษาปัจจัย 3 ด้าน ได้แก่ ด้านคุณภาพของที่รองรับระบบปฏิบตั ิการ (platform)
ด้านคุณภาพเนื้อหา (content) และด้านคุณภาพของเครื่ องมือ (tool) ที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของ
ผูใ้ ช้งาน (User Satisfaction) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์
3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของการใช้งาน (Use) และความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (User
Satisfaction) กับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยน (learning Achievement) ของผูใ้ ช้งานบทเรี ยนออนไลน์
เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์
1.5 ขอบเขตงำนวิจยั
ผูว้ ิจยั ใช้การวิจยั เชิงปริ มาณ (Quantitative Research) สาหรับการศึกษานี้ โดยเลือกใช้
วิธีการสารวจด้วยแบบสอบถามที่สร้างขึ้น และได้กาหนดขอบเขตของการวิจยั ไว้ดงั นี้
7
1.6 ข้ อจำกัดของกำรวิจยั
1. กลุ่มตัวอย่างของงานวิจ ัยนี้ คือ ผูท้ ี่เคยใช้วิธีก ารเรี ยนแบบออนไลน์เพื่อเรี ยนรู ้ใน
ศาสตร์ความรู ้ดา้ นต่างๆ และผูท้ ี่ไม่เคยใช้วิธีการเรี ยนแบบออนไลน์ จานวนรวม 100 คน
2. การวิจยั นี้เป็ นการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนออนไลน์หรื อ E-Learning เพื่อเสริ ม
การเรี ยนการสอนภายในหลักสูตรออนไลน์ รวมถึงหลักสูตรอื่นๆที่ เปิ ดตามความต้องการของผูเ้ รี ยน
ซึ่งอาจไม่สามารถสะท้อนถึงการเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนในภาพรวมได้
บทที่ 2
แนวคิดทฤษฎี และงานวิจยั ที่เกี่ยวข้ อง
2.1 แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอนออนไลน์
การจัดการศึกษาในปั จจุบนั มีการนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเครื อข่ายอินเตอร์เน็ต
มาใช้ เพื่อเป็ นแนวทางในการเรี ยนการสอน ทั้งในด้านการจัดกิจ กรรมการเรี ยนการสอน การวัด
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน การมีส่วนร่ วมของผูเ้ รี ยน ซึ่งกระบวนการเรี ยนการสอนเปลี่ยนบทบาทของ
ครู จากการการเป็ นผูถ้ ่ายทอดมาเป็ นผูอ้ อกแบบการศึกษา โดยผลการวิจยั พบว่าการนาเทคโนโลยีมา
ใช้ในการเรี ยนออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็ นอินเตอร์ เน็ต หรื อเครื อข่ายสังคมออนไลน์ สามารถส่ งเสริ ม
เครื อข่ายสังคมระหว่างผูเ้ รี ยนและส่ งเสริ มประสิ ทธิภาพในการเรี ยนให้ก ับผูเ้ รี ยนได้มากขึ้น และ
สามารถส่งเสริ มความร่ วมมือและการสื่อสารกันมากขึ้นระหว่างผูเ้ รี ยนกับผูเ้ รี ยน และระหว่างผูเ้ รี ยน
กับผูส้ อน (Barbour & Plough,2009) ในทานองเดียวกัน ปั ทมา นพรัตน์ (2548) กล่าวว่า การเรี ยน
การสอนออนไลน์ หรื อ E-learning เป็ นการศึกษาเรี ยนรู ้ผ่านเครื อข่ ายอิน เตอร์ เน็ต (Internet) หรื อ
อินทราเน็ต (Intranet) ด้วยตัวเอง ผูเ้ รี ยนจะได้เรี ยนตามความสามารถและความสนใจของตน โดย
เนื้อหาของบทเรี ยนประกอบด้วย ข้อความ รู ปภาพ เสียง วิดีโอ และมัลติมีเดียอื่นๆ โดยผูเ้ รี ยน ผูส้ อน
และเพื่ อ ร่ ว มชั้น เรี ยนทุ ก คนสามารถติ ด ต่ อ ปรึ ก ษา แลกเปลี่ ย นความคิ ด เห็ น ระหว่ างกัน ได้
เช่น เดียวกับการเรี ยนในชั้นเรี ยนตามปกติ โดยอาศัยเครื่ องมือการติ ดต่อสื่ อสารที่ทนั สมัย เช่ น E-
mail, Web-board, Chat และ Social Network การเรี ยนรู ้แบบออนไลน์จึงเป็ นการเรี ยนสาหรับทุกคน
เรี ยนได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ (ปัทมา นพรัตน์, 2548)
การเรี ยนตามปกติในชั้นเรี ยนมีความแตกต่างกับการเรี ยนออนไลน์ (วิชุดา รัตนเพียร,
2542) สามารถสรุ ป ได้ว่า การเรี ยนออนไลน์ เป็ นรู ป แบบการเรี ยนการสอนที่ เข้าถึงผ่านระบบ
เครื อข่ ายอิน เทอร์ เน็ ต ด้ว ยคอมพิว เตอร์ ซึ่ งแตกต่ างจากการเรี ย นตามปกติ ในชั้น เรี ย นที่ ต ้องเข้า
ห้องเรี ยน เพื่อเรี ยนตามเวลา และสถานที่ที่กาหนดไว้ ผูส้ อนจะเป็ นคนกาหนดกระบวนการเรี ยนการ
สอน เพื่ อช่ ว ยให้ผูเ้ รี ย นเกิ ด การเรี ยนรู ้ ต ามวัต ถุประสงค์ที่ ก าหนด โดยเตรี ย มเนื้ อหาสาระ แล้ว
บรรยาย กล่าวคือ พูด บอกเล่า อธิบาย เนื้ อหาสาระหรื อสิ่ งที่ตอ้ งการสอนแก่ผเู ้ รี ยน และประเมินการ
เรี ยนรู ้ ของผูเ้ รี ยนด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ ง ซึ่ งมีว ตั ถุประสงค์คื อ วิธีก ารบรรยายเป็ นวิธีก ารที่ มุ่งช่ ว ยให้
ผูเ้ รี ยนจานวนมากได้เรี ยนรู ้เนื้ อหาสาระพร้อมๆ กันได้ในเวลาจากัด (ทิศนา แขมมณี , 2547) สาหรับ
11
3.1 การประชุมทางคอมพิวเตอร์
ในที่น้ ี หมายถึง การประชุมทางคอมพิวเตอร์ท้ งั ในลักษณะของการติดต่อสื่ อสารแบบ
ต่างเวลา(Asynchronous) เช่น การแลกเปลี่ยนข้อความผ่านทางกระดานข่าวอิเล็กทรอนิ กส์ หรื อ ที่
รู ้จกั กันในชื่อของเว็บบอร์ ด (Web Board) เป็ นต้น หรื อในลักษณะของการติดต่อสื่ อสารแบบเวลา
เดี ยวกัน (Synchronous) เช่น การสนทนาออนไลน์ หรื อที่ คุน้ เคยกัน ดี ในชื่ อของ แช็ท (Chat) และ
ICQ หรื อ ในบางระบบ อาจจัด ให้มี ก ารถ่ ายทอดสัญ ญาณภาพและเสี ยงสด (Live Broadcast /
Videoconference) ผ่านทางเว็บ เป็ นต้น ในการน าไปใช้ด าเนิ น กิจ กรรมการเรี ยนการสอน ผูส้ อน
สามารถเปิ ดสัมมนาในหัวข้อที่เกี่ ยวข้องกับเนื้ อหาในคอร์ ส ซึ่งอาจอยู่ในรู ปของการบรรยาย การ
สัมภาษณ์ผเู ้ ชี่ยวชาญ การเปิ ดอภิปรายออนไลน์ เป็ นต้น
3.2 ไปรษณี ยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ (e-mail)
ไปรษณี ยอ์ ิเล็กทรอนิ กส์ เป็ นองค์ประกอบสาคัญเพื่อให้ผเู ้ รี ยนสามารถติดต่อสื่ อสาร
กับ ผูส้ อนหรื อผูเ้ รี ยนอื่น ๆ ในลัก ษณะรายบุ ค คล การส่ งงานและผลป้ อนกลับ ให้ผู ้ เรี ยน ผูส้ อน
สามารถให้ ค าแนะน าปรึ กษาแก่ ผูเ้ รี ยนเป็ นรายบุ ค คล ทั้ง นี้ เพื่ อ กระตุ ้น ให้ ผู ้เรี ยนเกิ ด ความ
กระตื อรื อร้ น ในการเข้าร่ ว มกิ จ กรรมการเรี ยนอย่างต่ อ เนื่ อ ง ทั้งนี้ ผูส้ อนสามารถใช้ไปรษณี ย์
อิเล็กทรอนิกส์ในการให้ความคิดเห็นและผลป้อนกลับที่ทนั ต่อเหตุการณ์
4. แบบฝึ กหั ด /แบบทดสอบ องค์ ป ระกอบสุ ด ท้ า ยของ E-Learning แต่ ไ ม่ ไ ด้ มี
ความสาคัญ น้อยที่ สุดแต่อย่างใด ได้แก่ การจัดให้ผูเ้ รี ย นได้มีโอกาสในการโต้ต อบกับเนื้ อหาใน
รู ปแบบของการทาแบบฝึ กหัด และแบบทดสอบความรู ้
4.1 การจัดให้มีแบบฝึ กหัดสาหรับผูเ้ รี ยน
เนื้อหาที่นาเสนอจาเป็ นต้องมีการจัดหาแบบฝึ กหัดสาหรับผูเ้ รี ยนเพื่อตรวจสอบความ
เข้าใจไว้ดว้ ยเสมอ ทั้งนี้เพราะ E-Learning เป็ นระบบการเรี ยนการสอนซึ่งเน้นการเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง
ของผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ ดังนั้นผูเ้ รี ยนจึงจาเป็ นอย่างยิง่ ที่จะต้องมีแบบฝึ กหัดเพื่อการตรวจสอบว่าตน
เข้าใจและรอบรู ้ในเรื่ องที่ศึกษาด้วยตนเองมาแล้วเป็ นอย่างดีหรื อไม่ อย่างไร การทาแบบฝึ กหัดจะทา
ให้ผเู ้ รี ยนทราบได้ว่าตนนั้นพร้อมสาหรับการทดสอบ การประเมินผลแล้วหรื อไม่
4.2 การจัดให้มีแบบทดสอบผูเ้ รี ยน
แบบทดสอบสามารถอยู่ในรู ปของแบบทดสอบก่อนเรี ยน ระหว่างเรี ยน หรื อหลังเรี ยน
ก็ได้ สาหรับ E-Learning แล้ว ระบบบริ หารจัดการการเรี ยนรู ้ทาให้ผสู ้ อนสามารถสนับสนุ นการ
ออกข้อสอบของผูส้ อนได้หลากหลายลักษณะ กล่าวคือ ผูส้ อนสามารถออกแบบการประเมินผลใน
ลักษณะของ อัตนัย ปรนัย ถูกผิด การจับคู่ ฯลฯ นอกจากนี้ ยงั ทาให้ผสู ้ อนมีความสะดวกสบายใน
การสอบเพราะผูส้ อนสามารถที่ จ ะจัด ทาข้อสอบในลัก ษณะคลังข้อสอบไว้เพื่อเลือกในการน า
15
บทที่ 3
ระเบียบวิจยั
3.1 กรอบแนวคิด
กรอบแนว์นดของการวนั ย นี้ แสดงดยงภาืทีอเ3.1เซึองดยดแปลงมาัากโมเดล์วามสาเร็ ั
ของรสบบสารสนเทศของเDeLone แลสเMcLean ปี เ์.ศ.เ2003เทีอแสดงุึง์วามสยมืยนธทรสหว่างอยว
แปรอนสรสเดดรแก่เ์ปณภาืของทีอรองรยบรสบบปฏนบอย นการเ(platform)เ์ปณภาื์ปณภาืเน่้ อหาเ(content)
แลส์ปณ ภาืเ์ร่อ องม่อเ(tool)เโด มีผลสยมฤทธน์ทางการเรี นเ(Learning Achievement) เป็ นอยวแปร
อามเเน่อ องัากปรสโ ชนท ทีอ ผูใร ชรดดรรย บ เ(Net Benefit) ัสืนั ารณาโด ์ านึ งุึ งวยอ ุปป รสสง์ทหร่ อ
ผลปรสโ ชนททีอดดรัากการใชรงานรสบบของผูใร ชรงานเซึอ งผลสยมฤทธน์ ทางการเรี นใชรวดย ผลทีอ ดดรัาก
การศึกษาสนองใดสนอ งหนึอ งเช่นกยนเอาักล่าวดดรว่าผลสยมฤทธน์ัึงเป็ นปรสโ ชนททีอผใู ร ชรดดรรยบัากการเรี น
ออนดลนทเื่ออเสรน มการเรี นการสอนผ่านหลยกสู อ รออนดลนทเอีกทย้ง งย มีอวย แปรร่ วม์่ อเการใชรงาน
รสบบเ(Use) แลส์วามืึงือใัของผูใร ชรงานเ(User Satisfaction)
เเเเเเเเเเเเเเเเเเ
17
3.2 แนวทางศึกษาและการทดสอบสมมติฐาน
งานวนั ย นี้ เป็ นงานวนั ย เชนงปรน มาณเ(Qualitative Research) ทีอมป่งอธนบา เหอปการณทเหร่ อ
สนองอ่างๆเโด ใชรอวย เลขปรสกอบการวนเ์ราสหทแลสสรป ปผลเโด ใชรแบบสอบุามเ(Questionnaire) เป็ น
เ์ร่อ องม่อในการเก็บขรอมูลเเื่ออศึก ษาปย ััย ทีอ มีอ่ อผลสยมฤทธน์ทางการเรี นออนดลนทเื่ออเสรน มการ
เรี นการสอนเโด งานวนั ย นี้ มีปรสเด็นทีอัสศึกษาเดยงนี้เ(1)เเื่ออศึกษาปยััย เ3เดรานเดดรแก่เดราน์ปณภาื
ของทีอรองรยบรสบบปฏนบอย นการเ(platform) ดราน์ปณ ภาืเน่้ อหาเ(content) แลสดราน์ปณภาืเ์ร่อ องม่อเ
(tool)เทีอ มี ผ ลอ่ อ การใชรงานเ(Use) บทเรี นออนดลนท เื่อ อ เสรน ม การเรี นการสอนผ่านหลยก สู อ ร
ออนดลนท เเ(2)เเื่อ อ ศึ ก ษาปย ััย เ3เดรา นเดดรแ ก่ เดรา น์ป ณ ภาืของดรา น์ป ณ ภาืของทีอ ร องรย บ
รสบบปฏนบยอน ก ารเ(platform) ดราน์ป ณ ภาืเน่้ อหาเ(content) แลสดราน์ป ณ ภาืเ์ร่อ องม่อเ(tool)เทีอ มี
อนทธนืลอ่อ์วามืึงือใัของผูใร ชรงานเ(User Satisfaction) บทเรี นออนดลนทเื่ออเสรน มการเรี นการ
สอนผ่านหลยก สู อ รออนดลนทเเ(3)เเื่ออศึกษา์วามสยมืยน ธทรสหว่างการใชรงานเ(Use) แลส์วามืึง
ือใัของผูใร ชรงานเ(User Satisfaction)เบทเรี นออนดลนทเื่ออเสรน มการเรี นการสอนผ่านหลยกสู อร
ออนดลนทเเเ(4)เเื่ออศึกษา์วามสยมืยนธทของการใชรงานเ(Use) แลส์วามืึงือใัของผูใร ชรงาน (User
Satisfaction) กยบผลสยมฤทธน์ทางการเรี นเ(Learning Achievement) ของผูใร ชรงานบทเรี น E-Learning
ัากการทบทวนวรรณกรรมในอดีอ แลสทฤษฎี ทีอเกีอ วทีอเกีอ วขรองืบว่าเแบบั าลอง
์วามสาเร็ ัของรสบบเท์โนโล ีสารสนเทศเ(Information System Success Model) ทีอ ุูกน าเสนอ
โด เDeLone แลสเMcLean (2003)เดดรอธนบา ว่ามีปยััย ทีอส่งผลอ่อ์วามสาเร็ ัของรสบบเท์โนโล ี
สารสนเทศปรสกอบดรว เ6 ปยััย เเ(DeLone &เMcLean, 2003) ดดรแก่เ(1) ์ปณภาืของรสบบเ(System
Quality) หร่ อเ์ปณภาืของทีอรองรยบรสบบปฏนบอย นการเ(platform)เ(2)เ์ปณภาืสารสนเทศเ(information
Quality) หร่ อเ์ป ณ ภาืเน่้ อหาเ(content)เเ(3)เ์ป ณ ภาืดรานบรน ก ารเ(Service Quality) หร่ อเเ์ปณ ภาื
เ์ร่อ องม่อเ(tool)เ(4)เการใชรงานรสบบเ(Use) (5)เ์วามืึงือใัของผูใร ชรงานเ(User Satisfaction) แลสเ
18
สมมอนฐานขรอทีอเ2เ์ปณภาืของทีอรองรยบรสบบปฏนบอย นการเ(platform)เมีอนทธนืลอ่อ์วาม
ืึงือใัของผูใร ชรงานเ(User Satisfaction) บทเรี นออนดลนท
H0:เ์ปณภาืของทีอรองรยบรสบบปฏนบอย นการเ(platform)เดม่มีอนทธนืลอ่อ์วามืึงือใั
ของผูใร ชรงานเ(User Satisfaction) บทเรี นออนดลนท
H1:เ์ปณภาืของทีอรองรยบรสบบปฏนบอย นการเ(platform)เมีอนทธนืลอ่อ์วามืึงือใัของ
ผูใร ชรงานเ(User Satisfaction) บทเรี นออนดลนท
สมมอน ฐ านขรอ ทีอ เ8เการใชรง านเ(Use) มี ์ วามสยม ืยน ธทก ยบ ผลสยม ฤทธน์ ทางการเรี นเ
(Learning Achievement) ออนดลนท
H0:เการใชรงานเ(Use) ดม่ มี ์ วามสย ม ืยน ธทก ยบ ผลสย ม ฤทธน์ ทางการเรี นเ(Learning
Achievement) ออนดลนท
H1:เการใชร ง านเ(Use) มี ์ วามสย ม ืย น ธท ก ย บ ผลสย ม ฤทธน์ ทางการเรี นเ(Learning
Achievement) ออนดลนท
อยวแปร เกณฑทการแบ่งกลป่ม
1. เืศเ เเหญนง
เเชา
2. อา ป เเนรอ กว่าเ20 ปี เ
20 – 30 ปี
31 – 40 ปี
41 – 50 ปี
50 ปี ขึ้นดป
3. เเเอาชีื เเขราราชการ
เเืนยกงานรยฐวนสาหกนั
เเเ เเืนยกงานบรน ษทย
เเธปรกนัส่วนอยว
เเรยบัราง/ลูกัราง
เเนนสนอ/นยกศึกษา
เเว่างงาน
เเอ่อนๆเ
4. เงนนเด่อน เนรอ กว่าเ15,000 บาท
เเ15,000 – 30,000 บาท
เเ30,001 – 50,000 บาท
เเ50,001 – 100,000 บาท
เเ100,000 บาทขึ้นดป
5. ปรสสบการณทการเรี นผ่านเ 1เเเเเ= ดม่เ์ เมีปรสสบการณท
E- Learning ทีอผา่ นมา 2เเเเเ= เเ์ เมีปรสสบการณทเ
23
อยวแปร เกณฑทการแบ่งกลป่ม
1. ช่วงเวลาทีอมีปรสสบการณท เเเ์ เรี นผ่านเE-learning ในช่วงเ1 ปี
เเเ์ เรี นผ่านเE-learning มาแลรวมากกว่าเ
1 ปี
2. รสบบเE-learning ทีอเ์ ใชรบรน การ(ออบดดร TUTOR ME
มากกว่าเ1เขรอ) MasterClass
Chula MOOC
Thai MOOC
CMMU E-learning
FutureLearn
Coursera
iTunes U
TEDx
Khan Academy
DuoLingo
Udacity
Cognitive Class
EdX
อ่อนๆเ
อารางทีอเ3.3เอยวแปรรสดยบการวยดขรอมูลแลสเกณฑทการแบ่งกลป่ม์าออบสาหรยบปยััย ทีอมีผลอ่อการใชร
บรน การหลยกสูอรเE-Learning
อยวแปร เกณฑทการแบ่งกลป่ม
1. เหอปผลในการเรี นหลยกสูอรเE-Learning อรองการ์วามรู รเฉืาสทาง
(ออบดดรมากกว่าเ1 ขรอ) เป็ นเร่อ องทีอสนใัส่วนอยว
เรี นอามในชย้นเรี นดม่ทนย
อรองการใบรยบรองเ(Certificate)
ช่ออหยวขรอเรี น/เน่้ อหาน่าสนใั
ผูสร อนมีช่ออเสี ง/น่าสนใั
เรี นฆ่าเวลา/แกรเบ่ออ
ดดรแลกเปลีอ น์วามรู รกบย กลป่มทีอสนใัเร่อ องเเเ
เเเเเเเเเเเเเเเดี วกยน
อ่อนๆเโปรดรสบป
2. เน่้อหาทีอออร งการเรี นเ(ออบดดรมากกว่าเ1 อนวเขรมเเช่นเืนชนอเO-Net, GAT, PAT เป็ นเเเ
ขรอ) เเเเเเเเเเเเเเอรน
ภาษาอ่างๆเ
ธปรกนัเเช่นเอ่อ อดธปรกนั,เMoney Coach
เเเเเเเเเเเเเเเป็ นอรน
ดลฟสดอลท เช่นเกีฬา,เทาอาหาร,เดนอรี เเป็ น
เเเเเเเเเเเเเเอรน
อ่อนๆเโปรดรสบป
์าุามทีอใชรในการวนั ย
1. หลยกสูอรเE-Learning ใชรงานดดรง่า
2. หลยกสูอรเE-Learning สามารุใชรงานดดรุูกอรอง
3. หลยกสูอรเE-Learning สามารุออบสนองดดรในรส สเวลาทีอ
เหมาสสม
4. หลยกสูอรเE-Learning สามารุใชรงานดดรอ า่ งอ่อเน่อองอลอดเวลา
หลยงการเขราสู่รสบบ
5. หลยกสูอรเE-Learning สามารุใชรงานดดรอลอดเวลาทีอออร งการ
26
์าุามทีอใชรในการวนั ย
6. หลยกสูอรเE-Learning สามารุรองรยบการใชรงานดดรกบย
หลากหลา อปปกรณท
7. หลยกสูอรเE-Learning มีมาอรการรยกษา์วามปลอดภย เื่ออ ปกปรอง
ขรอมูลส่วนบป์์ลของผูเร รี น
์าุามทีอใชรในการวนั ย
3. ท่านสามารุเขราุึงช่องทางการช่ว เหล่อแลส์าแนสนาในการใชร
งานรสบบหลยกสูอรเE-Learning นี้ดดรง่า
4.เช่องทางการส่ออสารผ่านเSocial Media อ า่ งเFacebook Group
ภา ในหลยกสูอรเE-Learning ช่ว เืนอมช่องทางในการอนดอ่อส่ออสาร
กยบผูสร อนเเัราหนราทีอดูแลรสบบเแลสผูเร รี นดรว กยนดดรง่า
5. หลยกสูอรเE-Learning มี์ู่ม่อแลสเน่้ อหาปรสกอบการเรี นการ
สอน
3.7 ประเด็น ของความถูกต้ อง (Validity) และความน่ าเชื่ อถื อ (Reliability) ของข้ อมูล ที่
เก็บ
การวนั ย นี้ เป็ นการเก็บอยวอ า่ งโด อรงัากหน่ว อยวอ า่ งเผูวร นั ย ื า ามอ า่ งทีอสปดเื่ออทีอ
ใหรดดรข รอมูลทีอ ดี สาหรยบน าดปสู่ ผลสรป ปทีอ ุูกอรองเ(Valid) แลสเช่อ อุ่อดดรเ(Reliability) โด ขรอมูลทีอ
ุูกอรองเ์่อขรอมูลทีอมี์่าของอยวแปรอรงอามทีอนยดวนั ย อรองการเก็บเื่ออออบ์าุามวนั ย เกล่าว์่อเอรอง
เป็ นเ์ร่อ องม่อทีอ สามารุวยด ในสนอ งทีอ นยก วนั ย อรองการวยด ดดรเแลสขรอมูลทีอ เช่อ อุ่อดดรเ์่ อขรอมูลทีอ มี์่ า
อรงกยนในทปก์รย้งทีอวดย เ(กยล าเวานน ช บท ญ ย ชา,เ2554)เเเการออบวยอุปปรสสง์ทของงานวนั ย ใหรุูกอรอง
แลสน่าเช่ออุ่อัาเป็ นอรอง์วบ์ปมอยวแปรทีอเกีอ วขรองเดยงนี้
1) การเล่อกหน่ว วยดอยวอ า่ งเเื่ออใหรสอด์ลรองกยบงานวนั ย เผูวร นั ย เล่อกศึกษาปรสชากร
ทีอสามารุเขราุึงอนนเทอรท เน็อโด ผ่านเ์ร่อ องม่ออ า่ งเ์ร่อ อง์อมืนวเออรท หร่ อโทรศยืททม่อุ่อเซึองใน
ปยััปบนย มีกลป่ม์นหลา ช่ว อา แป ลสหลากหลา อาชีืทีอมี์ปณสมบยอนน้ ี เผูวร นั ย ัึงแ กกลป่มทีอออร งการวนั ย
ออกเป็ นเ2 กลป่มใหญ่ๆเ์่อเผูทร ีอมีปรสสบการณทในการเรี นผ่านเE-Learning เื่ออวนั ย ุึงปย ััย ์วามืึง
ือใัในการใชรงานแลสผลสยมฤทธน์แลส์วามืึงือใัทีอเกนดขึ้นเแลสกลป่มทีอดม่เ์ มีปรสสบการณทใน
การเรี นผ่านเE-Learningเเื่ออศึก ษาปย ััย แลสมูลเหอป ัูงใัในการเรนอ มอรน ในการเรี นเโด หน่ ว
อยวอ า่ งัสทาการออบแบบสอบุามเืี ง์รย้งเดี วเท่านย้นเแลสดม่อนป ญาอใหรหน่ ว อยวอ ่าง์นเดนม
ร่ วมใหรขอร มูลอีกเการทีอผวู ร นั ย ์วบ์ปมใหรเป็ นดปอามทีอกล่าวมานย้นเัสนาดปสู่ การดดรมาซึองขรอมูลทีอ มี
์วามุูกอรองแลสน่าเช่ออุ่อ งนอ ขึ้น
28
2) แบบสอบุามเงานวนั ย นี้ ัสวยด ์่ าอยว แปร 6 อยว เดดรแก่ เ(1)เ์ป ณ ภาืของทีอ รองรย บ
รสบบปฏนบอย นการเ(platform) (2)เ์ปณภาืเน่้อหาเ(content) (3)เ์ปณภาืเ์ร่อ องม่อเ(tool) (4)เการใชรงาน
รสบบเ(Use) (5)เ์วามืึงือใัของผูใร ชรงานเ(User Satisfaction) แลสเ(6)เผลสยมฤทธน์ทางการเรี นเ
(Learning Achievement)เโด ใชรแบบสอบุามเ(Questionnaires) ในลยก ษณสของ์ าุามปลา ปน ดเ
(Closed-ended) เป็ น์าุามทีอมีทางเล่อกในการออบแลสใหรผอู ร อบเล่อกเืี งเ1 ์าออบทีออรงกยบ์วาม
์น ด เห็ น ของผูอร อบแบบสอบุามมากทีอ สป ด เในงานวน ั ย นี้ แบบสอบุามเป็ นเ์ร่อ อ งม่ อ ส า์ยญ ทีอ
ผูวร นั ย ืยฒนาใหรมีปรสสน ทธนภาืเเื่ออทาใหรขอร มูลทีอเก็บมี์ปณ ภาืแลสนาดปสู่ การวนเ์ราสหทแลสผลทีอ
ุูกอรองเ(Validity) แลสมี์ วามน่ าเช่ออุ่อเ(Reliability) โด ขรอ์าุามแอ่ ลสขรอในแบบสอบุามนย้น
์วรทีอัสนาดปสู่ขอร มูลทีอสสทรอนุึง์าออบดดรอ า่ งุูกอรองเทางผูวร นั ย ศึกษางานวนั ย ในอดีอทีอเกีอ วขรอง
แลสทาการเล่อกขรอุามทีอ เหมาสสมัากงานวนั ย เหล่านย้นทีอมีการรา งาน์วามน่ าเช่ออุ่อแลส์วาม
ุูกอรองมาใชรหร่ อปรยบปรป งใหรเขรากยบหยวขรอทีอทาการศึกษา
3) การอรวัสอบ์ปณภาืเ์ร่อ องม่อเเป็ นการวยด์ปณภาืของแบบสอบุามก่อนนาดปใชร
ในการเก็บรวบรวมขรอมูลเเื่ออใหรแน่ ใัว่าผูอร อบแบบสอบุามัสมี์ วามเขราใัอรงกยน แลสออบ
์าุามดดรอาม์วามเป็ นัรน งทปกขรอเรวมทย้งขรอ์าุามมี์วามน่าเช่ออุ่อทางสุนอนเวนธีการทดสอบกรสทา
โด การทดลองนาแบบสอบุามทีอืฒย นาขึ้ นดปใชรเก็บขรอมูลกยบกลป่มอยวอ า่ งทีอมีลกย ษณสใกลรเ์ี งกยบ
กลป่มอยวอ ่างทีอใชรในงานวนั ย เหลยงัากนย้นนาแบบสอบุามทีอทดลองทาแลรวดปอรวัสอบ์าออบเื่ออ
วนเ์ราสหท
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
จากตารางที่ 4.9 แสดงให้เห็น ว่า หน่ ว ยตัวอย่างในงานวิจยั นี้ ส่วนใหญ่ ตอ้ งการเรี ยน
เนื้ อหาธุรกิจ ร้อยละ 32.95 รองลงมา ได้แก่ ภาษาต่างๆ ร้อยละ 31.82 ไลฟสไตล์ ร้อยละ 25 ติวเข้ม
ร้อยละ 6.25 และ อื่นๆ ร้อยละ 3.98
ตารางที่ 4.11 ข้อมูล ค่ าเฉลี่ยเกี่ ยวกับ ด้านคุ ณ ภาพของที่ รองรั บ ระบบปฏิ บัติ ก าร (platform) ที่ มี
อิทธิพลต่อการใช้งาน (Use) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์
เข้าถึงได้ง่าย
TQ2 หลักสูตร E-learning จัดเตรี ยมช่องทางการช่วยเหลือและคาแนะนาการใช้
งานระบุไว้อย่างเหมาะสม
TQ3 ท่านสามารถเข้าถึงช่องทางการช่วยเหลือและคาแนะนาในการใช้งาน
ระบบหลักสูตร E-learning นี้ได้ง่าย
TQ4 ช่องทางการสื่อสารผ่าน Social Media อย่าง Facebook Group ภายใน
หลักสูตร E- learning ช่วยเพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับผูส้ อน
เจ้าหน้าที่ดูแลระบบ และผูเ้ รี ยนด้วยกันได้ง่าย
TQ5 หลักสูตร E-learning มีคู่มือและเนื้ อหาประกอบการเรี ยนการสอน
ตาราง 4.13 ข้อมูลค่าเฉลี่ยเกี่ยวกับข้อมูลค่าเฉลี่ยเกี่ยวกับด้านคุณภาพของเครื่ องมือ (tool) ที่มีอิทธิพล
ต่อการใช้งาน (Use) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์
Item S.D. ระดับ
TQ1 4.01 0.76 มาก
TQ2 4.13 0.63 มาก
TQ3 4.09 0.66 มาก
TQ4 4.1 0.69 มาก
TQ5 4.13 0.68 มาก
เฉลี่ย 4.09 0.68 มาก
จากตาราง 4.13 แสดงถึงค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับเกี่ยวกับปัจจัยที่มี
อิทธิพลต่อการใช้งาน (Use) และความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (User Satisfaction) ด้านคุณภาพของ
เครื่ องมือ (tool) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสูตรออนไลน์ พบว่า ค่าเฉลี่ย
โดยรวมเท่ ากับ 4.09 ส่ ว นเบี่ ยงเบนมาตรฐาน 0.68 จัด อยู่ในระดับ ความคิ ด เห็ น ระดับ มาก เมื่ อ
พิจารณาเป็ นรายข้อ พบว่า หลักสูตร E-learning จัดเตรี ยมช่องทางการช่วยเหลือและคาแนะนาการ
ใช้งานระบุไว้อย่างเหมาะสม (TQ2) โดยมีค่าเฉลี่ยสู งที่สุดเท่ากับ 4.35 และ หลักสู ตร E-learning มี
คู่มือและเนื้ อหาประกอบการเรี ยนการสอน (TQ5) มีค่ าเฉลี่ยสู งที่ สุด เท่ ากับ 4.35 เช่ น กัน ลาดับ
รองลงมา ได้แก่ ช่องทางการสื่ อสารผ่าน Social Media อย่าง Facebook Group ภายในหลักสู ตร E-
learning ช่วยเพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่ อสารกับผูส้ อนเจ้าหน้าที่ดูแลระบบ และผูเ้ รี ยนด้วยกันได้
ง่าย (TQ4) มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.10 ท่านสามารถเข้าถึงช่องทางการช่วยเหลือและคาแนะนาในการใช้
40
งานระบบหลักสู ตร E-learning นี้ ได้ง่าย (TQ3) มีค่าเฉลี่ยเท่ ากับ 4.09 และหลักสู ตร E-learning มี
ช่ องทางส าหรั บติ ด ต่ อสื่ อสารกับ ผูส้ อนรายวิชานี้ ที่ เข้าถึงได้ง่าย (TQ1) ) มีค่ าเฉลี่ยเท่ ากับ 4.01
ตามลาดับ
4.4 สรุปผลการวิจยั
4.4.1 ข้ อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่เป็ นเพศหญิงจานวน 62 คน คิดเป็ นร้อยละ 62 เป็ นเพศ
ชาย 38 คน คิด เป็ นร้ อยละ 38 มีอายุช่วง 31-40 ปี จ านวน 37 คน คิ ด เป็ นร้อยละ 37 มีอาชี พเป็ น
พนักงานบริ ษทั จานวน 54 คน คิดเป็ นร้อยละ 54 มีเงินเดือนระหว่าง 15,000 – 30,000 บาท จานวน
40 คน คิดเป็ นร้อยละ 40
4.5 อภิปรายผลการศึกษา
4.5.1 ผลการวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ ระหว่างปั จจัยทางประชากรศาสตร์ ต่อพฤติกรรม
การเรียน E-Learning
ปัจจัยทางประชากรศาสตร์
1. ปั จจัยเพศ พบว่าไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสิ นใจเรี ยน E-Learning นอกจากนี้ จากการ
วิจยั แสดงให้เห็นว่าจานวนผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่ เป็ นเพศหญิง เป็ นร้อยละ 62 ซึ่งมากกว่า
ครึ่ งของจานวนผูต้ อบแบบสอบถามทั้งหมด
2. ปั จ จัยอายุ พบว่ามีอิทธิพลต่อการตัดสิ นใจเรี ยน E-Learning จากการวิจ ัยแสดงให้
เห็นว่า จานวนผูต้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีอายุในช่วงระหว่าง 31 – 40 ปี ร้อยละ 37 ของผูต้ อบ
42
ที่ น่ าสนใจและเป็ นที่ ต ้องการของผูเ้ รี ยน เป็ นแหล่งเรี ยนรู ้ ที่ไม่ เสี ยค่ าใช้จ่ าย และได้ใบรั บ รอง
(certificate) หลังจากที่เรี ยนครบเนื้ อหาตามหลักสูตรแล้ว
ในส่วนของแหล่งเรี ยนรู ้ E-Learning อื่นๆ ที่ผตู ้ อบแบบสอบถามเคยได้เรี ยนมีท้ งั ของ
สถาบันการศึกษาและแหล่งเรี ยนรู ้ออนไลน์แบบเปิ ด ทั้งแบบเสียค่าใช้จ่ายและไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ที่
น่ าสนใจและน่ าสังเกตคือ ยังมีแหล่งเรี ยนรู ้ของทางองค์กรที่ผตู ้ อบแบบสอบถามได้ทางานอยู่ ซึ่ ง
เป็ น E-Learning ขององค์กรนั้นๆ จัดทาเพื่อเป็ นแหล่งความรู ้ที่ให้พนักงานได้เรี ยนรู ้ทกั ษะต่างๆ ที่
จะเป็ นประโยชน์ในการทางานให้กบั องค์กรต่อไป
4. ผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่ เรี ยน E-Learning เพื่อต้องการความรู ้เฉพาะทาง เป็ น
ร้ อ ยละ 25.56 ของผูต้ อบแบบสอบถามทั้ง หมด แสดงให้ เห็ น ว่ า จุ ด ประสงค์ข องการเรี ย น E-
Learning ของผูต้ อบแบบสอบถามต้องการความรู ้ เฉพาะด้านที่ ต นเองสนใจ กล่าวคื อมีผูเ้ รี ยนมี
จุดประสงค์ที่ตอ้ งการความรู ้ในเรื่ องที่ตนเองต้องการรู ้ กล่าวคือต้องมีแรงจูงใจหรื อจุด ประสงค์ที่
เรี ยนรู ้เรื่ องนั้นๆ จึงค่อยมีการเรี ยนตามมา
5. ผูต้ อบแบบสอบถามส่ วนใหญ่ที่เรี ยน E-Learning มีความต้องการที่จะเรี ยนเนื้ อหา
ในเรื่ อง ธุรกิจ เช่น ต่อยอดธุรกิจ , Money Coach เป็ นต้น เป็ นร้อยละ 32.95 ของผูต้ อบแบบสอบถาม
ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า เนื้ อหาที่ตอ้ งการเรี ยนของผูเ้ รี ยนเป็ นเรื่ องของการดาเนิ นธุรกิจที่เป็ นเรื่ อง
สาคัญและกาลังเป็ นที่นิยมในยุค 4.0 รวมถึงในปั จจุบนั คนส่ วนใหญ่นิยมหันมาทาธุรกิจส่วนตัวกัน
มากขึ้น รวมถึงเนื้อหาในเรื่ องการดาเนินธุรกิจไม่มีแหล่งการสอนที่แพร่ หลาย
เป็ นสิ่ งที่ ผูผ้ ลิต สื่ อการสอนให้ค วามสาคัญ เป็ นอัน ดับแรก ที่จ ะสะท้อนคุ ณ ภาพของการเรี ย น E-
Learning ออกมาได้ชดั เจน
3. เนื้อหารายวิชามีความน่าสนใจ ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของคะแนน อยู่ในระดับ มาก
ที่สุด โดยผูว้ ิจยั มองว่า ความน่ าสนใจของเนื้ อหาจะเป็ นแรงผลักดันให้ผเู ้ รี ยนเข้ามาเรี ยน E-Learning
และดึงดูดให้ผเู ้ รี ยนเรี ยนจนจบหลักสูตรได้อย่างไม่น่าเบื่อ
4. เนื้อหารายวิชาตรงตามวัตถุประสงค์การเรี ยน ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของคะแนน อยู่
ในระดับ มากที่สุด โดยผูว้ ิจยั มองว่า ผูเ้ รี ยนมีค วามคาดหวังเนื้ อหาการเรี ยนตั้งแต่ เริ่ มเรี ยนจนจบ
หลักสูตรเป็ นไปตามเป้าประสงค์ที่ได้ระบุไว้
5. เนื้อหารายวิชามีความทันสมัยและมีหวั ข้อหรื อเนื้ อหาใหม่ๆ เสมอ ค่าเฉลี่ยความพึง
พอใจของคะแนน อยูใ่ นระดับ มาก โดยผูว้ ิจยั มองว่า ผูเ้ รี ยนมีความคาดหวังในเนื้ อหาใหม่ๆ ขององค์
ความรู ้ที่ตนต้องการเรี ยนรู ้เพื่อให้ทนั ต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ท้งั นี้บางองค์ความรู ้เป็ นทฤษฎีที่ไม่มี
การเปลี่ยนแปลงใดๆ ผูเ้ รี ยนจึงไม่ได้มองว่าเป็ นสิ่งที่เป็ นปัจจัยมากที่สุด
บทที่ 5
สรุปผลการวิจยั และข้ อเสนอแนะ
ก่ อสร้ างของ Lee และ Yu (2012) พบว่า คุ ณ ภาพสารสนเทศในมิติ เนื้ อหา ความสมบู ร ณ์ ความ
ถูกต้อง รู ปแบบ และความทันเวลามีอิทธิพลทางบวกต่อความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน
5.2.2 ความสั มพันธ์ ระหว่ างการใช้ งาน (Use) และความพึงพอใจของผู้ใช้ งาน (User
Satisfaction) บทเรียนออนไลน์ เพื่อเสริมการเรียนการสอนผ่านหลักสู ตรออนไลน์
จากผลการวิเคราะห์ค วามสัมพัน ธ์ระหว่างการใช้งาน (Use) และความพึงพอใจของ
ผูใ้ ช้งาน (User Satisfaction) บทเรี ยนออนไลน์ เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสู ตรออนไลน์
พบว่า การใช้งาน (Use) มีค วามสัม พัน ธ์ก ับ ความพึ งพอใจของผูใ้ ช้งาน (User Satisfaction) ซึ่ ง
สอดคล้องกับการศึกษาของ Petter และคณะ (2008) ที่ กล่าวว่า ความพึงพอใจของผูใ้ ช้งานเป็ นตัว
แปรคั่น กลางที่ มีอิทธิ พ ลต่ อการใช้งาน หากผูใ้ ช้งานมีค วามพึ งพอใจหรื อไม่ พึง พอใจในระบบ
สารสนเทศจะส่ งผลโดยตรงต่อการใช้งานระบบไม่ทางบวกก็ทางลบ (Petter et al., 2008) ทานอง
เดี ยวกับ ผลงานวิจ ัยของ Aggelidis และ Chatzoglou (2012) ที่ แสดงให้เห็ น ว่ า การใช้งานระบบ
สารสนเทศมีอิทธิ พลทางบวกต่ อความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (Aggelidis & Chatzoglou, 2012) ซึ่ ง
เป็ นไปตามแนวคิ ดของ DeLone และ McLean (2003) ที่กล่าวว่า การใช้งาน (Use) เป็ นทางเลือกใน
การใช้ว ัด การใช้ง านที่ ดี ที่ สุด กล่ าวคื อ ความตั้ง ใจที่ จ ะใช้งานคื อ ทัศนคติ ส่ ว นการใช้ง านคื อ
พฤติ ก รรม ซึ่ งทั้ง 2 ส่ ว นล้ว นส่ งเสริ ม ซึ่ งกัน และกัน โดยตัว แปรการความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน
(User Satisfaction) มีค วามสัมพัน ธ์ก ัน อย่างใกล้ชิด ต่างส่ งผลต่ อกันและกัน แสดงให้เห็ นว่าหาก
ผูใ้ ช้งานบทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสู ตรออนไลน์ มีการใช้งานบทเรี ยน
ออนไลน์ เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสู ต รออนไลน์ มากจะส่ งผลให้ผใู ้ ช้งานเกิดความพึง
พอใจต่อบทเรี ยนออนไลน์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อิท ธิ พ ลต่ อ ผลสัม ฤทธิ์ ทางการเรี ยนของผูใ้ ช้งานบทเรี ยนออนไลน์ ดังที่ Seddon (1997) ได้ต้ ัง
ข้อสังเกตไว้ว่า ผูใ้ ช้งานจะใช้งานสารสนเทศก็ต่อเมื่อระบบมีประโยชน์ บางกรณี การไม่ใช้งานไม่ได้
หมายความว่าระบบไม่ดีหรื อไม่มีประสิ ทธิภาพ การไม่ใช้งานอาจจะเกิดขึ้นได้ในกรณี ที่ผใู ้ ช้งานอื่น
ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสารสนเทศ ดังนั้นการวัดปัจจัยการใช้งานระบบไม่สามารถทาได้ชดั เจนเท่ากับการ
วัดประโยชน์ที่ได้รับจากระบบสารสนเทศไม่ว่าระบบจะถูกใช้งานหรื อไม่ (Seddon, 1997)
จากการสรุ ปผลการศึกษาปั จจัยที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการ
เรี ยนการสอนข้าต้น พบว่า ตัว แปรทั้ง 6 ตัว ที่ ผูว้ ิจ ัยได้น ามาศึก ษา ได้แก่ คุ ณ ภาพของที่ รองรั บ
ระบบปฏิบตั ิการ (platform) คุณภาพของเนื้ อหา (content) คุณภาพของเครื่ องมือ (tool) การใช้งาน
(Use) ความพอใจของผู ้ใ ช้ ง าน (User Satisfaction) และผลสั ม ฤทธิ์ ทางการเรี ยน (Learning
Achievement) มีความสัมพันธ์กนั ในขณะที่การใช้งาน (Use) และความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (User
Satisfaction) มี ค ว าม สั ม พั น ธ์ ก ั บ ผ ลสั ม ฤท ธิ์ ท างก ารเรี ย น (Learning Achievement) แต่ มี
ความสั ม พัน ธ์ก ัน น้อ ย และจากการสรุ ปผลยัง พบว่ า คุ ณ ภาพ ของที่ ร องรั บ ระบบปฏิ บัติ ก าร
(platform) คุณภาพของเนื้อหา (content) คุณภาพของเครื่ องมือ (tool) มีอิทธิพลต่อการใช้งาน (Use)
และความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (User Satisfaction) ในขณะที่ มีเพียงความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน
(User Satisfaction) เท่านั้นที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน (Learning Achievement) แต่การ
ใช้งาน (Use) ไม่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน (Learning Achievement)
5.3 ข้ อเสนอแนะสาหรับการนาผลไปใช้
1. จากการศึกษางานวิจยั ครั้ งนี้ ผูจ้ ดั การเรี ยนการสอนหรื อผูด้ ูแลระบบสามารถนาไป
เป็ นแนวทางในการพัฒนาบทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอนผ่านหลักสู ตรออนไลน์ ทั้ง
สาหรั บ สถานศึก ษาและในเชิ งพาณิ ชย์ โดยต้องค านึ งถึงคุ ณ ภาพการบริ ก ารเป็ นหลัก เนื่ องจาก
คุณภาพการบริ การเป็ นสิ่ งจาเป็ นในการใช้งานและสร้างความพึงพอใจให้กบั ผูใ้ ช้งาน เพราะหากมี
คุณภาพการบริ การที่ดี ผูใ้ ช้งานระบบก็จะมีความรู ้สึกที่อยากกลับมาใช้งานซ้ าในครั้งต่อไป และมี
ความพึงพอใจที่ดีตามไปด้วย
2. จากการศึ ก ษางานวิ จ ัย ครั้ งนี้ ผูจ้ ัด การเรี ยนการสอนหรื อผูด้ ู แ ลระบบควรให้
ความสาคัญกับความพึงพอใจของผูใ้ ช้งาน (User Satisfaction) บทเรี ยนออนไลน์เพื่อเสริ มการเรี ยน
การสอน เนื่องจากมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน (Learning Achievement)
3. จากการศึ ก ษางานวิ จ ัย ครั้ งนี้ ผูจ้ ัด การเรี ยนการสอนหรื อผูด้ ู แ ลระบบควรให้
ความสาคัญกับการใช้งาน (Use) บทเรี ยนออนไลน์ เพื่อเสริ มการเรี ยนการสอน เพื่อให้ผูใ้ ช้งาน
53
กลับมาใช้ง านบทเรี ย นออนไลน์ เพื่ อ เสริ มการเรี ย นการสอนซ้ าในคราวต่ อ ไป โดยเรี ย งลาดับ
ความส าคัญ ของปั จ จัย ทั้ง 3 ด้านจากมากไปน้อ ย ดังนี้ คุ ณ ภาพของที่ รองรั บ ระบบปฏิ บัติ ก าร
(platform) คุณภาพของเนื้อหา (content) คุณภาพของเครื่ องมือ (tool)
4. จากการศึกษางานวิจยั ครั้ งนี้ ผูจ้ ดั การเรี ยนการสอนหรื อผูด้ ูแลระบบสามารถทาให้
ผูใ้ ช้งานเกิ ดความพึงพอใจในการเรี ยนบทเรี ยนออนไลน์ เพื่อเสริ ม การเรี ยนการสอนได้ โดยให้
ความสาคัญ กับปั จจัยทั้ง 3 ด้าน เรี ยงจากมากไปน้อย ดังนี้ คุณ ภาพของที่ รองรับระบบปฏิบตั ิก าร
(platform) คุณภาพของเนื้อหา (content) คุณภาพของเครื่ องมือ (tool)
บรรณานุกรม
ภาคผนวก ก
แบบสอบถาม
57
แบบสอบถาม
เรื่ อง กลยุทธ์ การพัฒนาการเรียนรู้ E-Learning เพื่อตอบสนองความต้องการในยุค
ศตวรรษที่ 21
ส่ วนที่ 5 ปัจจัยด้ านคุณภาพของ platform คุณภาพของ content และคุณภาพของ tool ที่มผี ลต่อ
การใช้ งานระบบและความพึงพอใจของผู้เรียน
ระดับความคิดเห็น
หัวข้อ
มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด
คุณภาพของระบบปฏิบัตกิ าร (platform)
1. หลักสูตร E-learning ใช้งานได้ง่าย
2. หลักสูตร E-learning สามารถใช้งานได้ถูกต้อง
3. หลักสูตร E-learning สามารถตอบสนองได้ใน
ระยะเวลาที่เหมาะสม
4. หลักสูตร E-learning สามารถใช้งานได้อย่าง
ต่อเนื่องตลอดเวลาหลังการเข้าสู่ระบบ
5. หลักสูตร E-learning สามารถใช้งานได้
ตลอดเวลาที่ตอ้ งการ
6. หลักสูตร E-learning สามารถรองรับการใช้
งานได้กบั หลากหลายอุปกรณ์
7. หลักสูตร E-learning มีมาตรการรักษาความ
ปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผูเ้ รี ยน
60
ระดับความคิดเห็น
หัวข้อ
มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด
คุณภาพของเนื้อหา (content)
8. เนื้อหาวิชาที่ท่านได้รับสร้างความเข้าใจได้มาก
ขึ้น
9. เนื้อหารายวิชามีความน่าเชื่อถือ
10. เนื้อหารายวิชามีความน่าสนใจ
11. เนื้อหารายวิชาตรงตามวัตถุประสงค์การเรี ยน
12. เนื้อหารายวิชามีความทันสมัยและมีหวั ข้อ
หรื อเนื้อหาใหม่ๆ เสมอ
คุณภาพของเครื่ องมือ (tool)
13. หลักสูตร E-learning มีช่องทางสาหรับ
ติดต่อสื่อสารกับผูส้ อนรายวิชานี้ ที่เข้าถึงได้ง่าย
14. หลักสูตร E-learning จัดเตรี ยมช่องทางการ
ช่วยเหลือและคาแนะนาการใช้งานระบุไว้อย่าง
เหมาะสม
15. ท่านสามารถเข้าถึงช่องทางการช่วยเหลือและ
คาแนะนาในการใช้งานระบบหลักสูตร E-
learning นี้ได้ง่าย
16. ช่องทางการสื่อสารผ่าน Social Media อย่าง
Facebook Group ภายในหลักสูตร E-learning
ช่วยเพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับผูส้ อน
เจ้าหน้าที่ดูแลระบบ และผูเ้ รี ยนด้วยกันได้ง่าย
17. หลักสูตร E-learning มีคู่มือและเนื้ อหา
ประกอบการเรี ยนการสอน