Professional Documents
Culture Documents
U6 การนำหลักสูตรไปใช้
U6 การนำหลักสูตรไปใช้
U6 การนำหลักสูตรไปใช้
การนําหลักสูตรไปใช้
Curriculum Implementation
หัวข้อเนื้อหา
1. ความหมายของการนําหลักสูตรไปใช้
2. แนวคิดเกี่ยวกับการนําหลักสูตรไปใช้
3. หลักการที่สําคัญในการนําหลักสูตรไปใช้
4. ขั้นตอนในการนําหลักสูตรไปใช้
5. ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนําหลักสูตรไปใช้
1.ความหมายของการนําหลักสูตรไปใช้
การนําหลักสูตรไปใช้ซึ่งเป็นขั้นตอนที่นําหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติเป็นงานที่มีขอบเขต
กว้างขวาง ทําให้การให้ความหมายของคําว่าการนําหลักสูตรไปใช้แตกต่างกันออกไป นักการศึกษา
หลายท่านได้แสดงความคิดเห็นหรือให้คํานิยามของคําว่าการนําหลักสูตรไปใช้ดังนี้
โบแชมป์ (Beauchamp. 1975 : 164) ได้ให้ความหมายของการนําหลักสูตรไปใช้ว่า
การนําหลักสูตรไปใช้ หมายถึง การนําหลักสูตรไปปฏิบัติ โดยประกอบด้วยกระบวนการที่สําคัญ
ที่สุดคือการแปลงหลักสูตรไปสู่การสอน การจัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้ครูได้มีการพัฒนาการ
เรียนการสอน
สันต์ ธรรมบํารุง (2527 : 120) กล่าวว่า การนําหลักสูตรไปใช้หมายถึงการที่ผู้บริหาร
โรงเรียนและครูนําโครงการของหลักสูตรที่เป็นรูปเล่มนั้นไปปฏิบัติให้บังเกิดผล และรวมถึงการ
บริหารงานด้วยวิชาการของโรงเรียนเพื่ออํานวยความสะดวกให้ครูและนักเรียนสามารถสอนและ
เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สงัด อุทรานันทร์ (2532 : 260) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการนําหลักสูตรไปใช้ว่าเป็น
ขั้นตอนของการนํา หลั กสู ตรไปสู่การเรี ยนการสอนในห้องเรีย น ได้ แกการจั ดเอกสารประกอบ
หลักสูตร การเตรียมบุคลากร การบริหารและบริการหลักสูตร และการนิเทศการใช้หลักสูตร
จันทรา (Chandra. 1977 : 1) ได้ให้ความหมายของการนําหลักสูตรไปใช้ว่าเป็นการ
ทดลองใช้เนื้อหาวิชาวิธีการสอน เทคนิคการประเมินผล การใช้อุปกรณ์การสอนแบบเรียน และ
ทรัพยากรต่างๆ ให้เกิดประโยชน์แก่นักเรียน โดยมีครูและผู้ร่างหลักสูตรเป็นผู้ตั้งปัญหาแล้วหา
คําตอบให้ได้จากการประเมินผล
รายงานการประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับการใช้หลักสูตรของประเทศในภูมิภาคเอเชีย
(APEID. 1977 : 3) กล่าวว่า การนําหลักสูตรไปใช้มีความหมายครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนา
หลักสูตรไปจนถึงการอบรมครูผู้สอนให้เป็นผู้มีสมรรถนะที่จําเป็น พร้อมที่จะนําหลักสูตรไปใช้ให้
ได้ผลตามเป้าหมายที่กําหนดไว้
ธํารง บัวศรี (2514 : 165) กล่าวว่าการนําหลักสูตรไปใช้ หมายถึง กระบวนการ
เรียนการสอนสําหรับสอนเป็นประจําทุกๆ วัน
การนําหลักสูตรไปใช้ 2
2.แนวคิดเกี่ยวกับการนําหลักสูตรไปใช้
ถ้าเรายอมรับว่าการนําหลักสูตรไปใช้เป็นขั้นตอนหนึ่งที่สําคัญที่สุดที่จะทําให้หลักสูตร
บั งเกิ ด ผลต่ อการใช้ อย่ า งแท้ จ ริ งแล้ ว การนํ า หลั กสู ต รไปใช้ ก็ค วรจะเป็ น วิ ธี การปฏิ บั ติ การที่ มี
หลักเกณฑ์และมีกระบวนการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพพอที่จะมั่นใจได้ว่า หลักสูตรที่ได้สร้างขึ้นนั้น
จะได้มีโอกาสนําไปปฏิบัติจริงๆ อย่างแน่นอน นักการศึกษาต่างก็ให้ทัศนะซึ่งเป็นแนวคิดในการนํา
หลักสูตรไปใช้ดังนี้
โบแชมป์ (Beauchamp. 1975 : 169) กล่าวว่า สิ่งแรกที่ควรทําคือ การจั ด
สภาพแวดล้ อมของโรงเรียน ครู ผู้นําหลักสูต รไปใช้มีหน้ าที่แปลงหลักสูต รไปสู่ การสอน โดยใช้
หลักสูตรเป็นหลักในการพัฒนากลวิธีการสอน สิ่งที่ควรคํานึงถึงในการนําหลักสูตรไปใช้ให้ได้ผล
ตามเป้าหมายคือ
1.ครูผู้สอนควรมีส่วนร่วมในการร่างหลักสูตร
2.ผู้บริห ารต้ องเห็นความสําคั ญและสนั บสนุน การดําเนินงานให้เกิ ดผลสําเร็จได้
ผู้นําที่สําคัญที่จะรับผิดชอบได้ดี คือครูใหญ่
ทานการ์ด (Tankard. 1974 : 46-88) ได้ให้ความเห็นว่า ความสําเร็จของการนํา
หลักสูตรไปใช้อยู่ที่การวางแผนการทดลองใช้ ซึ่งมีองค์ประกอบต่างๆ คือ
1.รายละเอียดของโครงการ
2.ปรัชญาและจุดมุ่งหมาย
3.แผนการนําไปใช้และการดําเนินการ
ผู้เกี่ยวข้องในการนําหลักสูตรไปใช้ซึ่งมีศึกษานิเทศก์ ครูใหญ่ ผู้บริหารระดับต่างๆ เป็น
ส่วนใหญ่จะต้องร่วมมือกันดําเนินงานตั้งแต่การทําโครงการปรับปรุงหลักสูตร กําหนดจุดมุ่งหมาย
จัดทําเนื้อหาแผนการนําไปทดลองใช้ และการประเมินผล ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการนําไปทดลองใช้
จะต้องบันทึกไว้ทั้งหมด เพื่อนําไปเป็นข้อมูลในการแก้ไขปรับปรุงหลักสูตร
สําหรับ เวอร์ดุน (Verduin, 1977 : 88-90) เข้าให้ทัศนะว่าการนําหลักสูตรไปใช้จะต้อง
เริ่ ม ดํ า เนิ น การโดยการนิ เ ทศให้ ครู ใ นโรงเรี ย นเข้ า ใจหลั กสู ต ร แล้ ว ตั้ ง กลุ่ ม ปฏิ บั ติ การขึ้ น เพื่ อ
3
การศึกษาปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการใช้หลักสูตรจากพื้นที่ที่เป็นปัญหาหลายๆ แห่งเพื่อให้ได้
ข้อมูลมากที่สุด กลุ่มปฏิบัติการนี้จะต้องเข้าไปทํางานร่วมกันกับครูผู้สอนอย่างจริงจังเพื่อให้เกิด
ความเห็นอกเห็นใจและมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน การจัดการอบรมปฏิบัติการแก่ครูประจําการถือ
ว่าเป็นกิจกรรมที่สําคัญที่สุดในการนําหลักสูตรไปใช้ ต้องใช้วิทยากรผู้เชี่ยวชาญการสอนโดยเฉพาะ
สามารถฝึกผู้อื่นได้ดี และมีวิธีการให้ครูเกิดความสนใจ ถ้ามีข้อเสนอแนะให้มีการเปลี่ยนแปลง
ระหว่างการใช้หลักสูตรควรเลือกครูผู้สอนที่อาสาสมัครและเต็มใจ ไม่ควรใช้ครูทุกคนในโรงเรียน
เพราะอาจมีบางคนที่ไม่เห็นด้วยและไม่เต็มใจการเปลี่ยนแปลง จึงควรทําแบบค่อยเป็นค่อยไป
เพื่อให้ครูส่วนใหญ่เข้า จะทําให้การเปลี่ยนแปลงมีความหมายและได้รับการยอมรับโดยปริยาย
จากเอกสารการประชุมของประเทศต่างๆในเอเชีย(APEID. 1977 : 29) ในการประชุม
ทบทวนประสบการณ์ต่างๆ ของประเทศในเอเชีย เรื่อง ยุทธศาสตร์การนําหลักสูตรไปใช้ได้สรุป
เป็นองค์ประกอบที่สําคัญได้ดังนี้
1.วางแผนและเตรียมการนําหลักสูตรไปใช้โดยให้คนหลายกลุ่มเข้าร่วมแสวงหาการ
สนับสนุนจากประชาชนและจัดเตรียมทรัพยากร (มนุษย์และวัสดุ) ให้พร้อม
2.จัดให้มีหน่วยงานส่งเสริมการนําหลักสูตรไปใช้ให้เป็นไปได้สะดวกและรวดเร็ว
3.กํ า หนดวิ ถีทางและกระบวนการนํ า หลั กสู ต รไปใช้ อย่ า งเป็ น ขั้ น ตอน รวมเหตุ
ผลต่างๆ ที่จะใช้ในการจูงใจครูและติดตามผลการปฏิบัติงาน
ธํารง บัวศรี (2514 : 165-195) ได้สรุปชี้ให้เห็นปัจจัยที่จะนําไปสู่ความสําเร็จของการ
นําหลักสูตรไปใช้ไว้ว่าควรคํานึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1.โครงการสอน เช่น การวางโครงการสอนแบบหน่วย (Unit Organization of
Instruction, Teaching Unit) ประเภทของหน่วยการสอนมี 2 ประเภทคือ หน่วยรายวิชา
(Subject Matter Unit) และหน่วยงานประสบการณ์ (Experience Unit)
2.หน่วยวิทยาการ (Resource Unit) เป็นแหล่งให้ความรู้แก่ครู เช่น เอกสาร คู่มือ
และแนวการปฏิบัติต่างๆ
3.องค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยในการสอน เช่น สถานที่และเครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์
การเรียนการสอน วิธีสอนและวัดผลการศึกษา กิจกรรมร่วมหลักสูตร การแนะนําและการจัดและ
บริหารโรงเรียน เป็นต้น
วิชัย วงษ์ใหญ่ (2521 : 140-141) ได้ให้ความเห็นว่า ผู้มีบทบาทในการนําหลักสูตรไปใช้
ให้บรรลุจุดหมายมี 3 กลุ่มคือ ครูใหญ่ ครูประจําชั้น และชุมชน ในจํานวนนี้ครูใหญ่เป็นผู้ที่มี
บทบาทมากที่สดที่จะต้องศึกษาและวางแผนเกี่ยวกับการใช้หลักสูตรโดยมีขั้นตอนสรุปสั้นได้ดังนี้
1.เตรียมวางแผนงาน
2.เตรียมจัดอบรม
3.การจัดครูเข้าสอน
4.การจัดตารางสอน
5.การจัดวัสดุประกอบหลักสูตร
6.การประชาสัมพันธ์
การนําหลักสูตรไปใช้ 4
7.การจัดสภาพแวดล้อมและการเลือกกิจกรรมเสริมหลักสูตร
8.การจัดโครงการประเมินผล
จากเอกสารทางวิ ช าการของแผนกวิ ช าประถมศึ กษา คณะครุ ศ าสตร์ จุ ฬ าลงกรณ์
มหาวิทยาลัย (2516 : 11) กล่าวถึง บทบาทของโรงเรียนในการนําหลักสูตรไปใช้ให้ได้ผลว่าควรจัด
กิจกรรมดังนี้
1.ประชุมครูเพื่อศึกษาหลักสูตรและทําโครงการสอน
2.จัดอบรมครู เพื่อให้เพิ่มพูนความรู้จากวิทยากรในด้านวิธีการสอนแบบใหม่ๆ
3.เตรียมการเอกสารทุกชนิดไว้ให้ค้นคว้าและอ่านประกอบ
จากคู่มือการนําหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2521 ไปใช้ (กรมวิชาการ. 2520 : 279)
ได้กล่าวไว้ในเรื่องการเตรียมการในการใช้หลักสูตรว่ามีขั้นตอนสรุปได้ดังนี้
1.เผยแพร่และประชาสัมพันธ์
2.จัดตั้งกลุ่มปฏิบัติการหลักสูตรขึ้นในส่วนภูมิภาคทุกเขตการศึกษา
3.ประสานงานกับกรมการฝึกหัดครู
4.ฝึกอบรมครู
5.จัดสรรงบประมาณ
6.จัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขจัดปัญหาและอุปสรรคการใช้หลักสูตร
จากแนวคิ ด ของการนํ า หลั ก สู ต รไปใช้ ที่ ไ ด้ ย กตั ว อย่ า งข้ า งต้ น จะเห็ น ได้ ว่ า การนํ า
หลั ก สู ต รไปใช้ นั้ น เป็ น งานหรื อกิ จ กรรมที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ บุ ค คลหลายฝ่ า ย นั บ แต่ ผู้ บ ริ ห ารระดั บ
กระทรวง กรม กอง ผู้บริหารระดับโรงเรียน ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์ และบุคคลอื่นๆ ขอบเขตและ
งานของการนําหลักสูตรไปใช้เป็นงานที่มีขอบเขตกว้างขวาง เพราะฉะนั้นการนําหลักสูตรไปใช้จึง
เป็นสิ่งที่ต้องทําอย่างรอบคอบและระมัดระวัง
3. หลักการที่สําคัญในการนําหลักสูตรไปใช้
จากแนวคิดดังกล่าว สรุปเป็นหลักการสําคัญในการนําหลักสูตรไปใช้ได้ดังนี้
1.จะต้องมีการวางแผนและเตรียมการในการนําหลักสูตรไปใช้ ทั้งนี้บุคลกรผู้มีส่วน
เกี่ยวข้องควรจะได้ศึกษาวิเคราะห์ ทําความเข้าใจหลักสูตรที่จะนําไปใช้ให้มีความเข้าใจตรงกัน
เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในทํานองเดียวกัน และสอดคล้องต่อเนื่องกัน
2.จะต้ อ งมี อ งค์ ค ณะบุ ค คลทั้ ง ส่ ว นกลางและส่ ว นท้ อ งถิ่ น ที่ จ ะต้ อ งทํ า หน้ า ที่
ประสานงานกันเป็นอย่างดีในแต่ละขั้นตอนของการนําหลักสูตรไปใช้ นับแต่การเตรียมการนํา
หลักสูตรไปใช้ในด้านวิธีการ สื่อ การประเมินผล การจัดการอบรมผู้ที่จะไปพัฒนาครู การอบรม
ผู้ใช้หลักสูตรในท้องถิ่นการนําหลักสูตรไปใช้ของครู และการติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรของ
ครู ฯลฯ
3.การนํา หลั กสู ตรไปใช้ จะต้องดํา เนิ นการอย่ างเป็ นระบบ เป็น ไปตามขั้ นตอนที่
วางแผนและเตรียมการไว้
5
4.การนําหลักสูตรไปใช้จะต้องคํานึงถึงปัจจัยสําคัญที่จะช่วยให้การนําหลักสูตรไปใช้
ประสบความสําเร็จได้ ปัจจัยต่างๆ เหล่านั้นก็คือ งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ เอกสารหลักสูตรต่างๆ
ตลอดจนสถานที่ต่ า งๆ ที่ จ ะเป็ นแหล่ งให้ ความรู้ป ระสบการณ์ ต่ างๆ สิ่ งเหล่ า นี้ จะต้ องได้ รั บ การ
จัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนได้เมื่อได้รับการร้องขอ
5.ครูเป็นบุคลากรที่สําคัญที่สุดในการนําหลักสูตรไปใช้ ดังนั้นครูจะต้องได้รับการ
พัฒนาอย่างเต็มที่และจริงจัง เริ่มตั้งแต่การอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจทักษะ และเจตคติเกี่ยวกับ
การใช้ ห ลั กสู ต รอย่ า งเข้ มแข็ ง การให้ การสนั บ สนุ น ด้ า นปั จ จั ย ต่ า งๆ แก่ ครู ได้ แก่ การติ ด ตาม
ประเมินผลการปฏิบัติการสอนของครูอย่างเป็นระบบ และการพัฒนาตัวครูเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการสอน เช่น การจัดอบรมสัมมนาเป็นระยะๆ การเผยแพร่เอกสารที่เป็นประโยชน์ การพาไป
ทัศนะศึกษาการเชิญวิทยากรมาให้ความรู้ และการสร้างขวัญกําลังใจในการปฏิบัติงาน ฯลฯ
6.การนําหลักสูตรไปใช้ ควรจัดตั้งให้มีหน่วยงานที่มีผู้ชํานาญการพิเศษ เพื่อให้การ
สนับสนุนและพัฒนาครู โดยทําหน้าที่นิเทศ ติดตามผลการนําหลักสูตรไปใช้ และควรปฏิบัติงาน
ร่วมกับครูอย่างใกล้ชิด
7.หน่วยงานและบุคลากรในฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนําหลักสูตรไปใช้ไม่ว่าจะ
เป็นส่วนกลางหรือส่วนท้องถิ่น ต้องปฏิบัติงานในบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่และเต็มที่
ความสามารถในส่ ว นที่รั บ ผิด ชอบ ซึ่ งจะส่ งผลกระทบโดยตรงต่ อการนํา หลั กสู ต รไปใช้ ของครู
ลักษณะเช่นนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าการนําหลักสูตรไปใช้จะประสบความสําเร็จหรือล้มเหลว
8.การนําหลักสูตรไปใช้สําหรับผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานจะต้องมี
การติดตามและประเมินผลเป็นระยะๆ ซึ่งจะต้องกําหนดไว้ในแผนปฏิบัติการ ทั้งนี้เพื่อจะได้นํา
ข้อมูลต่างๆ มาประเมิน วิเคราะห์ เพื่อพัฒนาทั้งในแง่ของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและการวาง
แนวทางในการนําหลักสูตรไปใช้ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
4. ขั้นตอนในการนําหลักสูตรไปใช้
จากลักษณะงานและกิจกรรมของการนําหลักสูตรไปใช้ดังกล่าว สามารถสรุปขั้นตอน
ของการนําหลักสูตรไปใช้ดังนี้
1.ขั้นการเตรียมการใช้หลักสูตร
2.ขั้นดําเนินการใช้หลักสูตร
3.ขั้นติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตร
4.1 ขั้นการเตรียมการใช้หลักสูตร
ในการเตรียมการใช้หลักสูตรเป็นขั้นตอนที่สําคัญ เพราะการนําเอาหลักสูตรใหม่
เข้ามาแทนที่หลักสูตรเดิมจะสําเร็จลุล่วงไปด้วยดีก็ต่อเมื่อได้มีการเตรียมการเป็นอย่างดีนับแต่การ
ตรวจสอบทบทวนหลักสูตรตามหลักกรทฤษฎีของหลักสูตร การทําโครงการและวางแผนการศึกษา
นําร่องเพื่อหาประสิทธิภาพของหลักสูตรหรือการทดลองใช้หลักสูตร การประเมินโครงการศึกษา
ทดลอง การประชาสัมพันธ์หลักสูตร และการเตรียมบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการใช้หลักสูตร
1.การตรวจสอบลักษณะหลักสูตร
การนําหลักสูตรไปใช้ 6
การศึกษาเป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพของนักการศึกษาในระดับการศึกษาต่างๆ
เพราะผลจากการวัดจะเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจของครูและนักการศึกษาเพื่อใช้ปรับปรุงวิธีการ
สอน การแนะแนว การประเมิ น ผลหลั กสู ต รแบบเรี ย น การใช้ อุป กรณ์ การสอนตลอดจนการ
จัดระบบบริหารทั่วไปของโรงเรียน และนอกจากนี้ยังไม่ช่วยปรับปรุงการเรียนของนักเรียนให้เรียน
ถูกวิธียิ่งขึ้น เช่น ผลการสอบของนักเรียนที่ไม่ดี ไม่เพียงแต่แสดงความอ่อนของนักเรียนแต่ละคน
เท่านั้น เพราะถ้าพิจารณาผลการสอบรวมทั้งโรงเรียนก็จะแสดงถึงความบกพร่องในสอนไม่ดีของ
ครูด้วย และถ้าพิจารณาผลการสอบรวมทั้งโรงเรียนก็จะแสดงถึงความบกพร่องในด้านการบริหาร
โรงเรียนของครูใหญ่ และคณะผู้บริหาร ยิ่งกว่านั้นถ้าเราพิจารณาผลสอบรวมทั้งประเทศก็จะแสดง
ถึงความบกพร่องในการจัดระบบการบริหารของนักการศึกษาระดับประเทศอีกด้วย ดังนั้นการวัด
และประเมินผลกาเรียนการสอนจึงนับว่ามีความสําคัญยิ่งในการพัฒนาคุณภาพของการศึกษา
การวั ด และประเมิ น ผลเป็ น ส่ ว นที่ จ ะใช้ พิ จ ารณาตั ด สิ น ว่ า ผู้ เ รี ย นบรรลุ
จุดมุ่งหมายของการสอนตามที่กําหนดไว้หรือไม่เพียงใด การวัดและประเมินผลจึงเป็นกระบวนการ
ต่อเนื่องสัมพันธ์กับกระบวนการเรียนการสอน ซึ่งจําเป็นต้องจัดให้เป็นระบบที่ชัดเจนเหมาะสม
เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการเรียนการสอน อันเป็นส่วนสําคัญของการนําหลักสูตรไป
ใช้
3. การสนับสนุนและส่งเสริมการใช้หลักสูตร
3.1 การจั ด งบประมาณ การจัด งบประมาณเพื่ อการเรี ยนการสอนนั้ นเป็ น
สิ่งจํ าเป็ น และมี ความสํา คั ญ มากสํ าหรั บ สถานศึกษาทุกระดับ ผู้ บริ ห ารโรงเรี ย นและผู้ ที่มีส่ ว น
เกี่ยวข้องต้องบริหารงานงบประมาณของโรงเรียนประจําปีการศึกษาหนึ่งๆ ให้มีประสิทธิภาพสูง
และยังประสิทธิผลตามเป้าหมายที่ได้กําหนดไว้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้บริหารโรงเรียนและผู้มีส่วน
เกี่ยวข้องกับการเงินของโรงเรียนจะต้องมีสมรรถภาพในการจัดงบประมาณของโรงเรียนได้ดี ไม่มี
ผิดพลาด จึงจะสามารถจัดงบประมาณของโรงเรียนให้สอดคล้องกับแผนการเรียนการสอนของแต่
ละกลุ่มวิชาได้เป็นอย่างดี
3.2 การใช้ อ าคารสถานที่ เป็ น สิ่ ง สนั บ สนุ น การใช้ ห ลั ก สู ต รซึ่ ง ผู้ บ ริ ห าร
การศึกษา พึงตระหนักอยู่เสมอว่า อาคารสถานที่ และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในสถานศึกษาย่อมเป็น
ส่ว นประกอบสํ า คั ญต่ อการเรี ย นการสอน และการอบรมบ่ มเพราะนิ สั ย แก่ผู้ เ รี ย นได้ ทั้งสิ้ น แต่
เนื่องจากสถานศึกษาแต่ละแห่งอาจมีปริมาณและคุณภาพของอาคารสถานที่แตกต่างกันฉะนั้น
ผู้บ ริ ห ารจํา เป็ น จะต้องวางโครงการและแผนการใช้ อาคารสถานที่ ทุกแห่ งให้ เ หมาะสมให้ เ กิ ด
ประโยชน์สูงสุดและให้เป็นการประหยัดมากที่สุดเท่าที่จะสามารถกระทําได้ โดยจะต้องสํารวจ
ศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดรอบคอบ แล้วจึงวางแผนว่าควรดําเนินการอย่างไรจึงจะบรรลุผลตาม
เจตนารมณ์ หรืออุดมการณ์ของหลักสูตรที่กําหนดไว้
3.3 การอบรมเพิ่มเติมระหว่างการใช้หลักสูตร ขณะที่ดําเนินการใช้หลักสูตร
จะต้องศึกษาปัญหาและปรับแก้สิ่งต่างๆ ให้เข้ากับสภาพจริงและความเป็นไปได้ให้มากที่สุดเท่าที่
จะมากได้ ทั้ งนี้ โ ดยไม่ ให้ เ สี ย หลั กการใหญ่ ของหลั กสู ต ร สิ่ งที่ ครู ต้ องการมากคื อการฝึ กอบรม
เพิ่มเติม เพื่อสร้างความพร้อมในการสอนของครูให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น การฝึกอบรมจะกระทํา
11
การประเมินหลักสูตร
การบรรลุเป้าหมาย ด้านเศรษฐกิจ
ด้านงบประมาณ ด้านเทคนิค
ด้านระบบบริหาร ด้านบรรยากาศในการทํางาน
ด้านการบริหารสนับสนุน ด้านสิ่งแวดล้อม
เพื่อทราบ
- การบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย
- ปัญหาและแนวทางแก้ไข
แผนภูมิ 1 แสดงข้อพิจารณาในการประเมินหลักสูตร
กระบวนการในการประเมิ น ผลเพื่ อควบคุ มภาพของหลั ก สู ต ร ในแง่ ของการ
ปฏิ บั ติ การกระบวนการของการประเมิ น ผลเพื่ อควบคุ มคุ ณภาพของหลั กสู ต รแบ่ งออกเป็ น 3
ขั้นตอนคือ การตรวจสอบหาประสิทธิผลและความตกต่ําของคุณภาพของหลักสูตร การตรวจสอบ
13
หาสาเหตุ ของความตกต่ํ า ของคุ ณ ภาพ และการนํ า วิ ธี การต่ า งๆ มาแก้ ไขพร้ อมทั้ ง ตรวจสอบ
ประสิทธิผลของวิธีการเหล่านั้น รายละเอียดของแต่ละขั้นตอน มีดังนี้
1. การตรวจสอบประสิทธิผลและความตกต่ําของคุณภาพของหลักสูตร
วิธีการตรวจสอบเริ่มด้วยการรวบรวมข้อมูลพื้นบาน (Basic Data) เพื่อใช้เปรียบเทียบกับข้อมูล
ระหว่ า งดํ า เนิ น การ ข้ อ มู ล พื้ น ฐานนี้ ค วรเก็ บ รวบรวมในระหว่ า งที่ นํ า หลั ก สู ต รไปทดลองใน
ภาคสนาม ควรเก็บให้ได้มากและหลากหลาย เราจะสรุปว่าคุณภาพของหลักสูตรต่ําลงก็ต่อเมื่อ
ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ในด้านต่างๆ ที่รวบรวมได้หลังจากการทดลองใช้ในภาคสนาม มีค่าต่ํากว่าข้อมูลที่
รวบรวมได้จากการทดลองใช้ในภาคสนาม อย่างไรก็ตามสิ่งที่พึงระมัดระวังก็คือ ในการเก็บข้อมูล
ทั้ ง สองครั้ ง นั้ น จะกระทํ า ในสภาพที่ ใ กล้ เ คี ย งกั น ที่ สุ ด มิ ฉ ะนั้ น แล้ ว จะนํ า ข้ อ มู ล ทั้ ง สองครั้ ง มา
เปรียบเทียบกันไม่ได้
สํ า หรั บ การเก็ บ รวบรวมข้ อ มู ล หลั ง จากการนํ า เอาหลั ก สู ต รมาใช้ ใ น
ระยะเวลาหนึ่งแล้ว มีข้อมูลที่ควรรวบรวม 3 รายการคือ ผลการทดสอบขั้นสุดท้าย (ผลการ
สอบปลายปี) ผลการสอบแต่ละวิชาในแต่ละภาคเรียน และข้อมูลจากพฤติกรรมของผู้เรียน
และจากการใช้เครื่องมือวัด เช่น แบบทดสอบความสนใจและเจตคติ นอกจาก 3 รายการนี้เรา
อาจเก็บข้อมูลอื่นที่มีผลพลาดพิงถึงคุณภาพของหลักสูตรด้วยก็ได้ เช่น สถิติการยืมหนังสือ
ห้องสมุด การเลือกเรียนวิชาที่ไม่ได้บังคับ และบันทึกเรื่องราวการกระทําต่างๆ ของผู้เรียนเป็น
ต้น
2. การตรวจสอบหาเหตุที่ทําให้คุณภาพตกต่ํา งานนี้เริ่มขึ้นเมื่อได้มีการพบ
แล้วว่าคุณภาพของหลักสูตรตกต่ําลง มีสมมุติฐานหลายเรื่องที่อาจนํามาใช้ในการค้นหาสาเหตุที่
สําคัญคือ
2.1 ความล้ ม เหลวในการใช้ ห ลั ก สู ต ร การที่ จ ะใช้ ห ลั ก สู ต รให้ มี
ประสิทธิผลในทุกสภาพย่อมเป็นไปไม่ได้ หลักสูตรแต่ละหลักสูตรย่อมมีจุดหมายแตกต่างกัน และ
การที่บรรลุจุดหมายก็ต่อเมื่อได้มีการใช้หลักสูตรในสภาพและเงื่อนไขที่เหมาะสมเท่านั้น ดังนั้นสิ่ง
แรกที่พึงกระทําในการตรวจสอบหาสาเหตุก็คือ ตรวจสอบดูว่าได้มีการนําหลักสูตรมาใช้อย่างไร
ผู้สอนใช้วิธีการสอน ใช้เครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนถูกต้องหรือไม่ ฯลฯ
ข้อมูลที่รวบรวมได้นี้ จะช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ว่าสาเหตุของการตกต่ําของคุณภาพเกิดจาก
อะไร
2.2 ความเปลี่ยนแปลงของสภาพและเงื่อนไขในเวลาที่นําหลักสูตรไป
ใช้ สภาพภายในโรงเรี ย นหรื อ สถานศึ ก ษาที่ นํ า หลั ก สู ต รไปใช้ ย่ อ มเปลี่ ย นแปลงได้ ทุ ก เวลา
ตัวอย่างเช่น ในตอนที่ทําการทดลองใช้ในภาคสนาม ขวัญและกําลังใจของผู้สอนดีมาก แต่ในตอน
ที่นําเอาหลักสูตรไปใช้จริงๆ กลับลดต่ําลง และถ้าสภาพอย่างอื่นๆ ยังคงเหมือนเดิมเราก็อาจสรุป
ได้ว่าความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ในด้านต่างๆ ของผู้เรียนในตอนแรกและตอนหลังย่อมมีสาเหตุ
จากความเปลี่ยนแปลงด้านขวัญและกําลังใจนั่นเอง อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติสิ่งที่จะมีผลกระทบ
ต่อคุณภาพไม่ได้ มีเพี ยงอย่ างเดียว ลักษณะเดียว หรือรูปแบบเดี ยว ดังนั้น การเก็บข้ อมูล อย่า ง
ละเอียดหลายๆ ด้าน จึงเป็นสิ่งจําเป็นที่จะต้องกระทําเพื่อตรวจสอบดูว่าข้อมูลที่แตกต่างกันมาก
การนําหลักสูตรไปใช้ 14
ของหลักสูตรคืออะไร อย่างไรก็ตามวิธีการนี้มีข้อเสียตรงที่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเสียเวลา
มาก
3. การแก้ไขและตรวจสอบประสิทธิผลของวิธีการที่นํามาแก้ไข หลังจากที่
ได้ทราบแล้วว่าความตกต่ําของคุณภาพหลักสูตรคือเรื่องอะไร และเกิดจากสาเหตุอะไรแล้วขั้น
ต่อไปของกระบวนการควบคุมคุณภาพก็คือการแก้ไข สําหรับการแก้ไขนี้อาจทําได้หลายวิธี ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัญหาที่ทําให้คุณภาพตกต่ําลง ในบางกรณีอาจใช้วิธีปรับปรุงวิธีการสอนและ
แก้ไขหลักสูตรบางส่วน เช่น ตัดทอนหรือเพิ่มเติมเนื้อหาสาระ แก้ไขวิธีสอนโดยแบ่งกลุ่มผู้เรียนให้
เล็กลง หรือให้มีการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองมากขึ้น หรือร่นช่วงเวลาการทดสอบให้สั้นเข้า เพื่อให้
ผู้เรียนได้รับข้อมูลจากผลการสอบเร็วขึ้น
การแก้ไขอาจก้า วไกลออกไปถึงขั้นการอบรมครู ผู้สอน เพื่อให้มีความรู้
ความเข้าใจและสามารถนําหลักสูตรมาปฏิบัติได้ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การที่จะอบรม
อย่างไรและเรื่องอะไร ย่อมขึ้นอยู่กับปัญหาซึ่งพบจากการตรวจสอบในตอนต้น อย่างไรก็ตามใน
การแก้ไขนักพัฒนาหลักสูตรจะต้องติดตามดูผลอย่างใกล้ชิด การแก้ไขไม่จําเป็นต้องทีเดียวทั้งหมด
แต่ควรใช้วิธีการทดลองกับกลุ่มเล็กๆ ก่อน เมื่อได้ผลเป็นที่พอใจแล้วจึงค่อยนําเอายุทธศาสตร์และ
วิธีการนั้นมาใช้ในวงกว้างต่อไป
5. ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนําหลักสูตรไปใช้
จากขั้นตอนของการนําหลักสูตรไปใช้ จะเห็นได้ว่าการนําหลักสูตรไปใช้เป็นกิจกรรมที่
เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือบุคคลหลายฝ่ายหลายระดับ ซึ่งจะต้องประสานงานหรือร่วมมือกันใน
อันที่จะนําหลักสูตรไปให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งแต่ละหน่วยงาน แต่ละฝ่ายแต่ละระดับมีส่วน
ในการนําหลักสูตรไปใช้ที่แตกต่างกันไป ในที่นี้จะกล่าวถึงบทบาทของหน่วยงานต่างๆ ในการนํา
หลักสูตรไปใช้ และบทบาทของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการนําหลักสูตรไปใช้ดังนี้
5.1 บทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง และหน่วยงานส่วนท้องถิ่นในการนําหลักสูตร
ไปใช้
หน่ วยงานส่ ว นกลาง หมายถึ ง หน่ วยงานหรื อ คณะบุ ค คลที่ ทํ า หน้ า ที่ พัฒนา
หลักสูตรเพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นเป็นผู้ใช้ หน่ ว ยงานส่ ว นกลางมี ห้ า ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ การนํ า
หลักสูตรไปใช้ 2 ลักษณะคือ การบริหาร การบริการหลักสูตร และการสนับสนุนและส่งเสริมการ
ใช้หลักสูตรที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนเอง
หน่วยงานส่วนท้องถิ่น หมายถึง หน่วยงานหรือผู้ทําหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนํา
หลักสูตรไปสู่การเรียนการสอน ซึ่งได้แก่โรงเรียนหรือสถานศึกษาต่างๆ ที่เป็นผู้ใช้หลักสูตรซึ่ง
สร้างโดยส่วนกลาง งานที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาจะต้องรับผิดชอบในการใช้หลักสูตรก็คืองาน
บริหารงานบริการหลักสูตร การสนับสนุนและส่งเสริมการใช้หลักสูตร
หน่วยงานทั้ง 2 ได้แบ่งลักษณะของการนําหลักสูตรไปใช้ดังนี้
1. หน่วยงานส่วนกลางมีบทบาทอย่างเต็มที่
2. โรงเรียนเป็นผู้มีบทบาทอย่างเต็มที่
การนําหลักสูตรไปใช้ 16
3. หน่วยงานส่วนกลางมีบทบาทส่วนใหญ่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากส่วน
ท้องถิ่น
4. หน่ว ยงานส่ วนท้องถิ่ นมี บทบาทส่ว นใหญ่ โดยได้รั บ การสนับ สนุ นจาก
ส่วนกลาง
(จากรายงานการประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับการใช้หลักสูตรของประเทศใน
ภูมิภาคเอเชีย (APEID. 1977))
1.การใช้ หลั ก สู ต รโดยหน่ ว ยงานส่ ว นกลางมี บ ทบาทอย่ า งเต็ ม ที่ การใช้
หลักสูตรในรูปนี้หน่วยงานส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นจะมีบทบาทที่สําคัญดังนี้คือ
บทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง
1. กําหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
2. เตรียมโปรแกรมและวัสดุหลักสูตรชนิดต่างๆ
3. ดําเนินการวิเคราะห์และติดตามผลการใช้หลักสูตร
4. พิจารณาอนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการเรียนการสอน
5. ดําเนินการวัดและประเมินผลการปฏิบัติงานการใช้หลักสูตรของ
หน่วยงานระดับท้องถิ่น
บทบาทของหน่วยงานส่วนท้องถิ่น
ทําหน้าที่ให้การช่วยเหลือหน่วยงานส่วนกลาง ในเรื่องการติดตามผล
การใช้หลักสูตร
2.การใช้หลักสูตรโดยให้โรงเรียนมีบทบาทอย่างเต็มที่ การใช้หลักสูตรแบบนี้
หน่วยงานแต่ละระดับจะมีบทบาทที่สําคัญคือ
บทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง
หน่วยงานส่วนกลาง ไม่มีบทบาทในการใช้หลักสูตรของหน่วยงานในระดับ
ท้องถิ่นแต่อย่างใด
บทบาทของหน่วยงานส่วนท้องถิ่น
1. กําหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
2. พัฒนาโปรแกรมการเรียนการสอนและสร้างผู้นําทางวิชาการ
3. วิเคราะห์และติดตามผลการใช้หลักสูตร
4. ดําเนินการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโปรกรมการเรียนการสอน
3.การใช้หลักสูตรโดยให้หน่วยงานส่วนกลางมีบทบาทเป็นส่วนใหญ่และมี
หน่ ว ยงานส่ ว นท้ อ งถิ่ น เป็ น ผู้ ใ ห้ ค วามช่ วยเหลื อ การใช้ ห ลั กสู ต รระบบนี้ ห น่ ว ยงานในระดั บ
ผู้พัฒนาหลักสูตรและหน่วยงานท้องถิ่นจะมีบทบาทดังนี้
บทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง
1. กําหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
2. จัดโปรแกรมและวัสดุต่างๆ
3. ดําเนินการวิเคราะห์และติดตามผล
17
4. จัดหาผู้นําทางด้านความคิดมาช่วยในการใช้หลักสูตร
5. สร้างบรรยากาศสนับสนุนการใช้นวัตกรรมต่างๆ
6. เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
7. เผยแพร่ข่าวสารและแหล่งข้อมูลต่างๆ
4.ใช้ ห ลั ก สู ต รโดยให้ ห น่ ว ยงานท้ อ งถิ่ น มี บ ทบาทสํ า คั ญ และหน่ ว ยงาน
ส่วนกลางเป็นผู้ให้การสนับสนุน การใช้หลักสูตรในรูปแบบนี้หน่วยงานส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น
จะมีบทบาทแตกต่างกันดังนี้คือ
บทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง
1. กํ า หนดเป้ า หมายของหลั ก สู ต รและช่ ว ยเหลื อให้ มีก ารเชื่ อมโยง
ระหว่างหน่วยการศึกษาหน่วยต่างๆ
2. ทําหน้าที่กระตุ้นให้หน่วยงานในระดับท้องถิ่นได้ปฏิบัติงานอย่างมี
ประสิทธิภาพ
3. สร้างบรรยากาศให้เกิดการสนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่น
4. ให้ความช่วยเหลือในด้านการเงินหรือวัสดุ
5. เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
บทบาทของหน่วยงานส่วนท้องถิ่น
1. ทําหน้าที่กําหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
2. พัฒนาวัสดุหลักสูตรเพื่อใช้ในโปรแกรมการเรียนการสอน
3. สร้างผู้นําทางวิชาการ
4. ดําเนินการวิเคราะห์และติดตามผลการใช้หลักสูตร
5. สร้างวิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงโปรแกรมการเรียนการ
สอน
6. แสวงหาแนวทางและเสนอประสบการณ์เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมใน
การพัฒนาโปรแกรมการเรียนการสอนสําหรับท้องถิ่น
5.2 บทบาทของบุคลากรในการนําหลักสูตรไปใช้
กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นการพิจารณาถึงบทบาทของหน่วยงานส่วนกลาง ซึ่งเป็น
ผู้พัฒนาหลักสูตรกับหน่วยงานส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ใช้หลักสูตรว่า หน่วยงานทั้งสองแห่ง
มีบทบาทในการพัฒนาและการใช้หลักสูตรแตกต่างกันอย่างไรในแต่ละรูปแบบ สําหรับหัวข้อนี้จะ
พิจารณาถึงบทบาทของบุคคลต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรว่า บุคคลในตําแหน่ง
หน้าที่นั้นๆ ควรจะมีบทบาทในการใช้หลักสูตรในลักษณะใด ดังต่อไปนี้
1.นักวิชาการ ซึ่งได้แก่ศึกษานิเทศก์ หรือนักวิชาการที่ทําหน้าที่พัฒนาหลักสูตรมี
บทบาทในการส่งเสริมการใช้หลักสูตร ดังนี้
1. ช่วยพัฒนาครูให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้หลักสูตร และ
ดําเนินการเรียนการสอนตามเจตนารมณ์ของหลักสูตร
2. ทําการนิเทศและติดตามผลการใช้หลักสูตรในหน่วยงานที่ใช้หลักสูตร
การนําหลักสูตรไปใช้ 18
3. ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการดําเนินการใช้หลักสูตร โดยการให้บริการ
วัสดุหลักสูตร และให้กําลังใจแก่ผู้นําหลักสูตรไปใช้
2.ผู้บริหารโรงเรียน ควรมีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้หลักสูตรดังนี้
1. ทําความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรที่โรงเรียนใช้อยู่อย่างชัดเจน
2. ให้บริการวัสดุ และสื่อการเรียนการสอนชนิดต่างๆ แก่ครู
3. ดํา เนิ น การนิ เ ทศ และติด ตามผลการใช้ ห ลั กสู ตรภายในโรงเรี ย นอย่ า ง
สม่ําเสมอ
4. กระตุ้นและส่งเสริมครูในการใช้หลักสูตรอย่างถูกต้อง เช่น การจัด
อบรม หรือ จัดประชุมสัมมนา เป็นต้น
5. ให้กําลังใจและบํารุงขวัญแก่ครูผู้ใช้หลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อ
เป็นแบบอย่างแก่ครูคนอื่นๆ
3.หัวหน้าหมวดวิชาหรือหัวหน้าสาขาวิชา ควรจะดําเนินการส่งเสริมการใช้
หลักสูตรดังต่อไปนี้
1. ศึกษารายละเอียดและทําความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรที่ตนเองรับผิดชอบ
อย่างชัดแจ้ง
2. ช่วยวางแผนและจัดทําแผนการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับหลักสูตรที่
ตนเองรับผิดชอบ
3. จัดหาวัสดุหลักสูตร และสื่อการเรียนการสอนและให้บริการแก่ครูคน
อื่นที่อยู่ภายในสายเดียวกัน
4. ดําเนินการนิเทศและติดตามผลการใช้หลักสูตรที่อยู่ในความรับผิดชอบ
ของตนเองอย่างสม่ําเสมอ
5. ประสานงานการใช้หลักสูตรกับหมวดวิชาอื่น หรือสายวิชาอื่นเพื่อให้การ
ใช้หลักสูตรภายในโรงเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4.ครูผู้สอน ในฐานะเป็นผู้ใช้หลักสูตรโดยตรงมีส่วนที่จะช่วยสนับสนุนให้การใช้
หลักสูตรภายในโรงเรียนมีประสิทธิภาพดังนี้
1. ศึกษาหลักสูตรเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรที่ตนเองใช้อยู่อย่าง
กระจ่างชัด
2. ปรับปรุงหลักสูตรที่ใช้อยู่ให้มีความเหมาะสมกับสภาพและความต้องการ
ของท้องถิ่น
3. สอนให้ถูกต้องกับเจตนารมณ์ของหลักสูตรที่ใช้อยู่
4. พยายามคิ ด ค้ น หาวิ ธี การที่ เ หมาะสมหรื อ วิ ธี การที่ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและ
นํามาใช้
5.บุคลากรอื่นๆ บุคลากรอื่นๆ ภายในโรงเรียน นักเทคโนโลยีทางการศึกษา นัก
วัดผล และนั กแนะแนว ฯลฯ ต่างก็มีบ ทบาทในการสนั บสนุ นและส่งเสริ มการใช้ หลักสูตรโดย
กระทําดังนี้
19
1. ปฏิบัติงานในหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบอย่างเต็มที่
2. ให้ความช่วยเหลือหรือให้บริการแก่ครูผู้ใช้หลักสูตรอย่างเต็มที่ ถ้าหากบุ
คลกรทุฝ่ายที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์ ก็พอคาดการณ์ได้ว่าการใช้
หลักสูตรจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีปัญหาเกิดขึ้นน้อยที่สุดอันจะช่วยให้การนําหลักสูตร
ไปใช้ประสบความสําเร็จตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ได้มากที่สุด
บทสรุป
การนําหลักสูตรไปใช้เป็นการแปลงหลักสูตรไปสู่การสอน เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
กับบุคคลหลายฝ่าย และเป็นกิจกรรมที่มีขั้นตอนการปฏิบัติหลายขั้นตอน วิธีการของกระบวนการ
นําหลักสูตรไปใช้ น่าจะเป็นหัวใจสําคัญของการพัฒนาหลักสูตรมีผู้กล่าวว่า แม้เราจะมีหลักสูตรดี
แสนดี แต่ถ้านําหลักสูตรไปใช้อย่างไม่ถูกต้องแล้วหลักสูตรนั้นก็ไม่ประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นผู้ที่
มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนําหลักสูตรไปใช้จะต้องศึกษาทําความเข้าใจกับการนําหลักสูตรไปใช้ตาม
บทบาทหน้ า ที่ ของตนให้ ส มบู ร ณ์ ที่สุ ด เพื่ อให้ การใช้ ห ลักสู ต รนั้ น สั มฤทธิ์ ผลตามจุ ด มุ่ งหมายที่
กําหนดไว้
คําถามท้ายบท
จงตอบคําถามต่อไปนี้
1. จงอธิบายถึงความสําคัญของการนําหลักสูตรไปใช้
2. จงอธิบายหลักการสําหรับในการนําหลักสูตรไปใช้
3. จงอธิบายงานที่เกี่ยวข้องกับนําหลักสูตรไปใช้
4. กระทรวง และเขตพื้นที่การศึกษา มีส่วนส่งเสริมให้การนําหลักสูตรไปใช้ได้บรรลุผล
อย่างไร
5. ครูผู้สอนมีผลต่อความสําเร็จของการนําหลักสูตรไปใช้ได้อย่างไร
6. ให้นํากิจกรรมต่างๆ ในการนําหลักสูตรไปใช้ใส่ในแผนภูมิขั้นตอนการนําหลักสูตรไปใช้ให้
ถูกต้อง
การนําหลักสูตรไปใช้ 20
การนําหลักสูตรไปใช้
เอกสารอ้างอิง
ธํารง บัวศรี. (2514). ทฤษฎีหลักสูตรภาค 2. พระนคร : มงคลการพิมพ์.
แผนกวิชาประถมศึกษา, คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2516). เอกสารทางวิชาการ
หลักสูตรและการสอนระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : วงศ์สว่างการพิมพ์.
วิชัย วงษ์ใหญ่. (2521). พัฒนาหลักสูตรและการสอน . ภาควิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยศรี
นครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2520). หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 . กรุงเทพฯ : โรง
พิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
สงัด อุทรานันท์. (2532). พื้นฐานและหลักการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์มิตรสยาม.
สันต์ สิงหภักดี และ สันติสุข โสภณศิริ แปล. (2537). ที่นี่ไม่มีโรงเรียน ไอวาน อิลลิช De-
schooling Society lvan lllich. กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์มูลนิธิเด็ก.
APEID. (1977). Implementing Curriculum : A Symposium of Experience from The
Asian Region. Bangkok ; Unesco Regional Office Education in Asia.
Beauchamp George A.. (1975). A curriculum Theory . ( 3 rd ed. ) Willamette
lllinois : The Kagg Press.
Chandra , Arvinda. (1977). Curriculum Development and Evaluation in
Education . New delhi : Sterling Publishers Private Ltd.
21