เนื้อหาในรีพอร์ต

You might also like

Download as docx, pdf, or txt
Download as docx, pdf, or txt
You are on page 1of 11

เนื ้อหาในรี พอร์ ต

เขื่อนศรี นคริ นทร์


ลักษณะเขื่อน : หินถมแกนดินเหนียว
ความสูงจากฐานราก : 140 เมตร
ความยาวสันเขื่อน : 610 เมตร
ความกว้ างสันเขื่อน : 15 เมตร
พื ้นที่อา่ งเก็บน้ำ : 419 ตารางกิโลเมตร
ความจุอา่ งเก็บน้ำ : 17,745 ล้ านลูกบาศก์เมตร
ลักษณะเฉพาะ : เขื่อนศรี นคริ นทร์ เป็ นเขื่อนประเภทหินถมแกนดินเหนียวที่สามารถกักเก็บน้ำได้ มากที่สดุ ในประเทศไทย
ลักษณะโรงไฟฟ้า : อาคารคอนกรี ตเสริ มเหล็ก
จำนวนเครื่ องกำเนิดไฟฟ้า : 5 เครื่ อง
เครื่ องที่ 1-3 กำลังผลิตเครื่ องละ : 120 เมกะวัตต์
เครื่ องที่ 4-5 (ระบบสูบกลับ) กำลังผลิตเครื่ องละ : 180 เมกะวัตต์
รวมกำลังผลิตตามสัญญา : 720 เมกะวัตต์
ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ ปีละประมาณ : 1,250 ล้ านกิโลวัตต์ชวั่ โมง
สำหรับเครื่ องที่ 4 และ 5 สามารถเปลี่ยนเป็ นระบบสูบกลับโดยสูบน้ำที่ผ่านการเดินเครื่ องจากโรงงานไฟฟ้าแล้ วกลับมาไว้ ใน
อ่างเก็บน้ำได้ อีก
เขื่อนศรี นคริ นทร์ เป็ นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุม่ น้ำแม่กลอง สร้ างขึ ้น บนแม่น้ำแควใหญ่ บริ เวณบ้ าน
เจ้ าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรี สวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี นับเป็ น เขื่อนแห่งที่ ๘ ในจำนวน ๑๗ แห่ง ที่การไฟฟ้าฝ่ ายผลิต
แห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้ างขึ ้นเพื่อ อำนวยประโยชน์ทางด้ านต่างๆ ตลอดจนช่วยพัฒนาชีวิต ความเป็ นอยู่ของราษฎร และ
ส่งเสริ มให้ เป็ น แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม
ประโยชน์ เขื่อนศรี นคริ นทร์ เป็ นโครงการอเนกประสงค์ ซึง่ อำนวยประโยชน์ในด้ านต่างๆ ดังนี ้
ชลประทาน ช่วยส่งเสริ มระบบชลประทาน โครงการแม่ กลองใหญ่ให้ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ ้น โดยมี เขื่อนแม่กลองของ
กรมชลประทานเป็ นหัวงานทดน้ำเข้ าสูพ่ ื ้นที่เกษตรได้ ตลอดปี เป็ นเนื ้อที่ถึง ๔ ล้ านไร่
ผลิตไฟฟ้า สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ เฉลี่ยปี ละประมาณ ๑,๒๕๐ ล้ านกิโลวัตต์ชวั่ โมง
บรรเทาอุทกภัย สามารถกักเก็บน้ำที่หลากมาในช่วงฤดูฝนไว้ ในอ่างเก็บน้ำ ได้ เป็ นจำนวนมาก ช่วย บรรเทาอุทกภัยในเขตลุม่
น้ำแม่กลองให้ ลดน้ อยลง
คมนาคมทางน้ำ สามารถใช้ เป็ นเส้ นทางเดินเรื อขึ ้นไปยังบริ เวณอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภอบ้ านไร่
จังหวัดอุทยั ธานี ได้ อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ ้น
ผลักดันน้ำเค็ม สามารถปล่อยน้ำลงผลักดันน้ำเค็มมิให้ หนุนล้ำเข้ ามาทำความเสียหาย แก่พื ้นที่บริ เวณปากน้ำแม่กลองในช่วง
ฤดูแล้ ง
ประมง เป็ นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่อดุ มสมบูรณ์ ช่วยเพิ่มรายได้ ให้ กบั ราษฎรอีกทางหนึง่ ด้ วย
ท่องเที่ยว เขื่อนศรี นคริ นทร์ นบั เป็ นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงามอีกแห่งหนึง่ ในจังหวัด กาญจนบุรีให้ ทงความรู
ั้ ้
และความเพลิดเพลิน แก่ผ้ มู าเที่ยวชมปี ละเป็ นจำนวนกว่าแสนคน และก่อให้ เกิด การขยายตัวทางการท่องเที่ยวอย่างกว้ าง
ขวาง เช่น แพท่องเที่ยวในอ่างเก็บน้ำ เป็ นต้ น
(ข้ อมูลจากการไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย )

เขื่อนศรี นคริ นทร์ (หรื อที่เรี ยกว่าเขื่อนศรี นคริ นทร์ ไทย: เขื่อนศรี นคริ นทร์ ; RTGS: เขื่อนศรี นคริ นทร์ ) เป็ นเขื่อนกันน้ำ

ในแม่น้ำแควใหญ่ อำเภอศรี สวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย วัตถุประสงค์ของเขื่อนคือการควบคุมแม่น้ำและการผลิต
ไฟฟ้าพลังน้ำ โรงไฟฟ้าของเขื่อนมีกำลังผลิต 720 เมกะวัตต์ (970,000 แรงม้ า) ซึง่ สูบเก็บได้ 360 เมกะวัตต์ (480,000
แรงม้ า) เขื่อนนี ้ตังชื
้ ่อตามพระนางศรี นคริ นทร์
การศึกษาความเป็ นไปได้ ของเขื่อนดำเนินการระหว่างเดือนพฤษภาคม 2510 ถึงพฤษภาคม 2512 และออกแบบตังแต่ ้ เดือน
กันยายน 2513 ถึงธันวาคม 2520 การก่อสร้ างเริ่ มขึ ้นในปี 2517 และแล้ วเสร็จในปี 2523[1] เครื่ องกำเนิดไฟฟ้าของเขื่อน
เครื่ องแรกเริ่ มดำเนินการในปี 2523 และครัง้ สุดท้ ายในปี 2534[2] ต้ นทุนเดิมของเขื่อนอยู่ที่ประมาณ 45 ล้ านเหรี ยญสหรัฐ
แต่เนื่องจากเขื่อนถูกสร้ างขึ ้นบนแนวรอยเลื่อน รากฐานของเขื่อนจึงต้ องได้ รับการเสริ มแรงซึง่ ทำให้ ต้นทุนเพิ่มขึ ้นเป็ น 114 ล้ าน
เหรี ยญสหรัฐ
การออกแบบ
เขื่อนศรี นคริ นทร์ สงู 140 เมตร (460 ฟุต) และยาว 610 เมตร (2,000 ฟุต) เขื่อนกันน้ำ
้ มีอา่ งเก็บน้ำขนาดความจุ 17,745
ล้ านลูกบาศก์เมตร (14.386×106 เอเคอร์ )[4] โรงไฟฟ้าของเขื่อนมีกำลังการผลิตติดตังอยู้ ่ที่ 720 เมกะวัตต์ และมีกงั หันฟราน
ซิส 120 เมกะวัตต์ (160,000 แรงม้ า) จำนวน 3 ตัว และกังหันปั๊ มฟรานซิสขนาด 180 เมกะวัตต์ 2 ตัว กังหันปั๊ มทำหน้ าที่ใน
การจัดเก็บของเขื่อนและผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงชัว่ โมงเร่งด่วน ในช่วงนอกชัว่ โมงเร่งด่วน กังหันปั๊ มจะส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำ
ด้ านล่างกลับเข้ าสูอ่ า่ งเก็บน้ำด้ านบน
(ข้ อมูลจาก วิกิพีเดีย https://en.wikipedia.org/wiki/Srinagarind_Dam)

ขยายความ fransis turbine ที่ใช้ ในเขื่อนศรี นครริ นทร์


The Francis turbine was developed by an American engineer James Bichens Francis around 1855. His
design is extremely flexible and can be tailored to different head heights and flow rates. In operation the

turbine must be completely immersed. One of the key characteristics of the Francis turbine is the fact
that water changes direction as it passes through the turbine. The flow enters the turbine in a radial
direction, flowing towards its axis, but after striking and interacting with the turbine blades it exits along
the direction of that axis. It is for this reason that the Francis turbine is sometimes called a mixed-flow
turbine. In order for it to operate efficiently, water must reach all blades equally and flow is controlled
by a casing which curls around the turbine in a spiral shape.

กังหันฟรานซิสได้ รับการพัฒนาโดยวิศวกรชาวอเมริ กนั James Bichens Francis ราวปี 1855 การออกแบบของเขามีความ


ยืดหยุ่นสูงและสามารถทำได้ ปรับให้ เข้ ากับความสูงของหัวและอัตราการไหลที่แตกต่างกัน ในการดำเนินงานกังหันจะต้ องแช่
อย่างสมบูรณ์ ลักษณะสำคัญของกังหันฟรานซิสประการหนึง่ คือความจริ งที่วา่ น้ำเปลี่ยนทิศทางเมื่อผ่านกังหัน การไหลเข้ าสู่
กังหันในทิศทางรัศมีไหลไปทางแกน แต่หลังจากกระแทกและโต้ ตอบกับใบพัดกังหัน มันจะออกตามทิศทางของแกนนัน้ ด้ วย
เหตุนี ้เองที่กงั หันฟรานซิสคือบางครัง้ เรี ยกว่ากังหันน้ำผสม เพื่อให้ สามารถทำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลักการแล้ ว น้ำ
จะต้ องไปถึงใบพัดทังหมดเท่
้ าๆ กัน และควบคุมการไหลโดยท่อที่ม้วนตัวเป็ นเกลียวรอบกังหัน
This casing is called the volute (or sometimes simply the spiral) casing. The casing feed water through a
set of valves and fixed blades into the moving blades of the turbine rotor. Top and side schematics of a
Francis turbine are shown in Figure 4.4

เคสนี ้คือเรี ยกว่ารูปก้ นหอย (หรื อบางครัง้ เรี ยกง่ายๆ ว่าก้ นหอย) ปลอกป้อนน้ำผ่านชุดวาล์วและใบมีดคงที่ในการเคลื่อนย้ าย
ใบพัดของโรเตอร์ เทอร์ ไบน์ แผนผังด้ านบนและด้ านข้ างของฟรานซิสกังหันแสดงในรูปที่ 4.4

The blades of a Francis turbine rotor are carefully shaped to extract the maximum amount of energy
from the water flowing through it. Water should flow smoothly through the turbine for best efficiency.
The force exerted by the water on the blades causes the turbine to spin and the rotation is converted
into electricity by a generator. Blade shape is determined by the height of the water head available and
the flow volume. In general each turbine is designed for the specific set of conditions experienced at a
particular site

ใบพัดของโรเตอร์ เทอร์ ไบน์ฟรานซิสได้ รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถนั เพื่อดึงพลังงานสูงสุดจากน้ำที่ไหลผ่าน น้ำควรไหลผ่าน


กังหันอย่างราบรื่ นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แรงที่กระทำโดยน้ำบนใบพัดทำให้ กงั หันหมุนและการหมุนจะถูกแปลงเป็ นไฟฟ้าโดย
เครื่ องกำเนิดไฟฟ้า รูปร่างของใบมีดถูกกำหนดโดยความสูงของหัวน้ำที่มีอยู่และปริ มาณการไหล โดยทัว่ ไปแล้ ว เทอร์ ไบน์แต่ละ
ตัวได้ รับการออกแบบสำหรับชุดเงื่อนไขเฉพาะที่พบในไซต์งานหนึง่ ๆ
When well designed, a Francis turbine can capture 90%-95% of the energy in the water. While much of
the energy capture is through reaction to the pressure of the water, there is also an important element
of impulse transferred to the turbine blades too in consequence of the kinetic energy of motion of the
water. This motion is generated by the spiral casing and the gates that feed the water into the turbine.
The ratio of the two for a well-designed Francis turbine is probably around 1:1. The Francis design has
been used with head heights of from 3 to 600 m but it delivers its best performance between 100 and
300 m.

เมื่อได้ รับการออกแบบมาอย่างดี กังหันฟรานซิสสามารถจับ 90% 95% ของพลังงานในน้ำ ในขณะที่การจับพลังงานส่วนใหญ่


มาจากปฏิกิริยาต่อแรงดันน้ำยังมีองค์ประกอบที่สำคัญของแรงกระตุ้นที่ถ่ายโอนไปยังใบพัดเทอร์ ไบน์ด้วยเป็ นผลมาจาก
พลังงานจลน์ของการเคลื่อนที่ของน้ำ การเคลื่อนไหวนี ้ถูกสร้ างขึ ้นโดยท่อเกลียวและประตูที่ป้อนน้ำเข้ าสูก่ งั หัน วิทยุของทังสอง

สำหรับกังหันฟรานซิสที่ออกแบบมาอย่างดีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1:1 แบบฟรานซิสถูกใช้ โดยมีความสูงของศีรษะตังแต่ ้ 3 ถึง
600 ม. แต่ให้ ประสิทธิภาพที่ดีที่สด
ุ ระหว่าง 100 ถึง 300 ม.
Flow rate is often the limiting factor for a given head. As the head height rises it increases the pressure
at the base of the water column, and the size of the turbine must fall for a given flow, making fabrication
more difficult. High-head Francis applications therefore require a large flow to be successful. Conversely
for low-head applications the flow must be low or the turbine will become excessively large. It is for this
reason that while the Francis turbine is the most versatile, different designs are generally used for both
very high and very low heads. Francis turbines are also the heavyweights of the turbine world. The
largest, found at both the Itaipu power plant on the Brazil-Paraguay border and at the Three Gorges
Dam in China, have generating capacities of 700 MW each.

อัตราการไหลมักเป็ นปั จจัยจำกัดสำหรับหัวที่กำหนด เป็ นหัวหน้ าความสูงที่เพิ่มขึ ้นจะเพิ่มแรงดันที่ฐานของเสาน้ำและขนาด


ของกังหันจะต้ องตกตามกระแสที่กำหนดยากขึ ้น. แอปพลิเคชันระดับสูงของฟรานซิสจึงต้ องมีการไหลขนาดใหญ่ที่จะประสบ
ความสำเร็จ ในทางกลับกันสำหรับแอพพลิเคชัน่ หัวต่ำการไหลจะต้ องต่ำหรื อกังหันจะมีขนาดใหญ่เกินไป มันมีไว้ สำหรับเหตุผล
นี ้ในขณะที่กงั หันฟรานซิสมีความหลากหลายมากที่สดุ แตกต่างโดยทัว่ ไปแล้ วการออกแบบจะใช้ ส ำหรับหัวสูงและต่ำมากกัง
หันฟรานซิสยังเป็ นรุ่นใหญ่ของโลกกังหันที่ใหญ่ที่สดุ พบได้ ทงที
ั ้ ่โรงไฟฟ้า Itaipu บนชายแดนบราซิลปารากวัยและที่เขื่อน
Three Gorges ในประเทศจีนมีกำลังการผลิตเครื่ องละ 700 เมกะวัตต์

(ข้ อมูลจาก Chapter 4 - Hydropower Turbines, Paul Breeze 2018)


ความสำคัญของโครงการ หลักการและเหตุผล
พลังงานแสงอาทิตย์ เป็ นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้ าที่มีศกั ยภาพสู งที่สุดในโลกและราคาของเซลล์แสง
อาทิตย์มีแนวโน้มลดลงในทุก ๆ ปี เนื่องจากมีการปรับปรุ งพัฒนาเทคโนโลยี กระบวนการผลิต และจำนวนการ
ผลิตที่เพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าของการผลิตไฟฟ้ าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็ นไปอย่างรวดเร็ ว เป็ นการผลิตแบบไม่
สามารถสัง่ จ่ายไฟฟ้ าตามความต้องการได้ พลังงานแสงอาทิตย์ถูกนำมาใช้ในการขับเคลื่อนโรงไฟฟ้ าพลังงานน้ำ
(HPP) และระบบกักเก็บพลังงานน้ำแบบสูบกลับ (PHES) ซึ่ งการผสานการทำงานของ PV HPP และ PHES เป็ น
สิ่ งที่น่าสนใจทั้งในแง่มุมมของการผลิตไฟฟ้ าที่ลดการปล่อย CO2 สู่ บรรยากาศและในแง่ของต้นทุนการผลิต (อ้
างอิงจาก Gilton C de Andrade และคณะ, 2022)
หลักการทำงานของระบบผลิตไฟฟ้ าแบบ Hybrid ระหว่าง PV-PHES ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำชั้นบน
และชั้นล่าง เครื่ องจักรไฮดรอลิก ท่อเชื่อม และองค์ประกอบทางพลังงานที่ข้ ึนอยูก่ บั รู ปแบบการทำงานของ
เครื่ องจักรไฮดรอลิก ซึ่ งการทำงานของเครื่ องจักรนี้ มี 2 รู ปแบบ ได้แก่ รู ปแบบการทำงานโดยตรง (PAT) และ
รู ปแบบการทำงานย้อนกลับ (RT) ในช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้ าสู ง จะทำการปล่อยนำจากอ่างเก็บน้ำชั้นบนลง
มาอ่างเก็บน้ำชั้นล่างเพื่อขับเคลื่อนกังหันให้สามารถผลิตไฟฟ้ าได้ ในช่วงที่ความต้องการไฟฟ้ าน้อยจะอาศัย
เซลล์แสงอาทิตย์ที่สามารถผลิตไฟฟ้ าได้ในระหว่างวัน หรื อช่วงที่มีแสงแดด ในการกักเก็บพลังงานโดยจัดเก็บ
อยูใ่ นรู ปของพลังงานน้ำ กระบวนการคือ นำพลังงานไฟฟ้ าที่ผลิตได้จากเซลล์แสงอาทิตย์ไปใช้ในการสู บน้ำจาก
อ่างเก็บน้ำชั้นล่างขึ้นมาสู่ อ่างเก็บน้ำชั้นบน (Lukas Coch, 2019)
ประเด็นสำคัญของโครงการนี้ ต้องการเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้แนวคิดการทำงานของ PV-PHES
เพื่อให้การผลิตไฟฟ้ าในประเทศไทยมีประสิ ทธิ ภาพสู งสุ ด โดยเขื่อนที่ใช้ระบบผลิตไฟฟ้ าพลังงานน้ำแบบสู บ
กลับมี 3 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ เขื่อนศรี นคริ นทร์ จ.กาญจนบุรี เขื่อนภูมิพล จ.ตาก และโรงไฟฟ้ าลำตะคอง
ชลภาวัฒนา จ.นครราชสี มา นอกจากนี้ ยงั มีโครงการที่อยูร่ ะหว่างการดำเนินการอีก 1 แห่ง คือ โครงการโรง
ไฟฟ้ าพลังงานน้ำจุฬาภรณ์แบบสูบกลับ จ.ชัยภูมิ และเขื่อนที่มีการผสานพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำเข้า
ด้วยกัน คือ เขื่อนสิ รินธร จ.อุบลราชธานี โดยลักษณะพิเศษของเขื่อนสิ ริธร คือมีการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ลอย
น้ำที่มีขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่ งเป็ นการใช้พ้ืนที่ผวิ น้ำในเขื่อนที่มีอยูเ่ ดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุ ด
ในโครงการนี้จะเสนอการวางแผนระบบผลิตไฟฟ้ าพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับพลังงานน้ำ โดยใช้เขื่อน
ศรี นคริ นทร์เป็ นต้นแบบ และนำแนวคิดการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์แบบลอยน้ำจากเขื่อนสิ ริธรมาประยุกต์ร่วม
ด้วย ในการออกแบบและวางแผนโครงการจำเป็ นต้องศึกษาตัวแปรทางด้านภูมิศาสตร์ของพื้นที่ที่สนใจ เช่น
ปริ มาณความเข้มแสงที่ได้รับ พื้นที่ผวิ น้ำของเขื่อน ระดับความสู งของเขื่อนที่สมั พันธ์กบั การผลิตไฟฟ้ า เป็ นต้น
นอกจากนี้การศึกษาเรื่ องคุณภาพน้ำที่มีผลจากการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ลอยน้ำก็เป็ นเรื่ องสำคัญ เพราะการติด
ตั้งเซลล์แสงอาทิตย์บนผิวน้ำที่ผดิ วิธีอาจส่ งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ และสิ่ งมีชีวิตที่อาศัยอยูใ่ ต้น ้ำ การนำไฟฟ้ า
ที่ผลิตจากเขื่อนไปใช้ประโยชน์ ***แบ่งออกเป็ น 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การส่ งจ่ายไฟไปยังศูนย์การเรี ยนรู ้และ
ชุมชนระแวกใกล้เคียงเพื่อพัฒนาศักยภาพภายในชุมชน การจัดเก็บพลังงานในแบตเตอรี่ เพื่อติดตั้งระบบ EV
Charger และการส่ งจ่ายไฟเข้าระบบจำหน่ายของการไฟฟ้ า***
ทบทวนวรรณกรรม
ผลกระทบจากปัจจัยที่สำคัญของเซลล์แสงอาทิตย์
1. ผลของระดับความเข้มแสงอาทิตย์
ตามความสัมพันธ์ของกระแสโฟโต้ที่เกิดขึ้นต่อแสงสว่างจะมีสดั ส่ วนที่เป็ นเชิงเส้นกับแสงสว่างของ
ดวงอาทิตย์ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาวงจรเทียบเคียงของเซลล์แสงอาทิตย์ และกราฟคุณลักษณะของเส้นโค้ง
จะพบว่าเส้นโค้งเกี่ยวข้องกับแรงดันที่ตกคร่ อมไดโอดภายใน ซึ่ งสัมพันธ์กนั กับคุณลักษณะกลับของไดโอด
และเมื่อค่าความเข้มของแสงสว่างต่ำ VOC และ ISC ก็มีค่าที่ต ่ำตามไปด้วย ดังรู ป ....
รู ปภาพ เส้นโค้งคุณลักษณะของ I-V ที่ค่าความเข้มแสงอาทิตย์ที่แตกต่างกัน
2. ผลของอุณหภูมิ
ถ้าอุณหภูมิของเซลล์แสงอาทิตย์มีค่าสู งขึ้นจะทำให้อิเล็กตรอนที่บริ เวณรอยต่อ P-N junction จะมี
พลังงานในการเคลื่อนตัว จึงทำให้กระแสลัดวงจรของเซลล์แสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิ แต่ไม่มากนัก
ประมาณ 0.07% (ISC เพิ่มขึ้น 0.07% /K) ส่ วนผลของ VOC ปกติจะขึ้นอยูก่ บั ปริ มาณแสงอาทิตย์ที่เซลล์แสง
อาทิตย์ได้รับ (VOC ลดลงประมาณ 0.4 % /K)
ดังนั้นในการติดตั้งใช้งานเซลล์แสงอาทิตย์ตอ้ งคำนึกถึงอุณหภูมิดว้ ย เพราะการติดตั้งกลางแจ้งอุณหภูมิ
อาจสู งมากกว่า 40 ºC จากอุณหภูมิมาตรฐาน ดังนั้นการระบายความร้อนอาจจะจำเป็ นในบางโอกาส แต่อย่างไร
ก็ดีเมื่ออุณหภูมิมีผลต่อแรงดัน กำลังไฟฟ้ าจากเซลล์แสงอาทิตย์กม็ ีผลกระทบด้วยเช่นกัน (P ลดลง 0.4-0.5% /K)
จากผลกระทบที่กล่าวมานี้ สามารถแสดงได้ดงั รู ปที่ ...

รู ปที่ ... กราฟ I-V ที่อุณหภูมิต่างๆ


ค่าปกติในการทดสอบเซลล์แสงอาทิตย์ที่ “Watt peak (Wp)” ที่ Standard Test Conditions(STC) ซึ่ งมี
ความเข้มแสง 1,000 W/m2 อุณหภูมิ 25 ºC และ AM 1.5 ดังนั้น “Peak Power” สามารถจะเกินได้ถา้ แสงมากกว่า
และอุณหภูมิต ่ำกว่าที่ก ำหนดสามารถลดลงได้ในทางตรงข้ามเช่นกัน
จากการทดลองเกี่ยวกับระบบผลิตไฟฟ้ าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินและแบบลอยน้ำใน
ช่วงเวลา 06.30-18.30 น. ในวิทยานิพนธ์น้ ี พบว่าความเข้มรังสี ดวงอาทิตย์ของระบบที่ติดตั้งแบบลอยน้ำจะมีค่า
สู งกว่าระบบที่ติดตั้งบนพื้นดินเนื่องจากมีการสะท้อนของรังสี แสงอาทิตย์มากกว่าการติดตั้งบนดิน ส่ วนของ
อุณหภูมิของแผงโซล่าร์เซลล์พบว่าอุณหภูมิของแผงโซล่าร์เซลล์ที่ติดตั้งแบบลอยน้ำที่ระดับความลึกของน้ำแตก
ต่างกัน 3-15 เมตร มีอุณหภูมิต ่ำกว่าแผงโซล่าร์เซลล์ที่ติดตั้งบนพื้นดินเนื่องจากมีน ้ำช่วยในการระบายความร้อน
และส่ วนของการผลิตไฟฟ้ านั้นพบว่าในระบบมีการติดตั้งอุปกรณ์ Back Feed Protection และบางช่วงอุปกรณ์
อินเวอร์เตอร์มีความเสี ยหายส่ งผลต่อการประเมินการผลิตไฟฟ้ าที่แท้จริ งทำให้ค่าการผลิตไฟฟ้ ามีความคลาด
เคลื่อน (การวิเคราะห์สมรรถนะการผลิตไฟฟ้ าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำพิกดั 50 kWp, กาญจนศิษฎ์ เวช
การ)

วิเคราะห์คุณภาพน้ำ
สภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลที่มีความแตกต่างกันของอุณหภูมิความเข้มรังสี ดวงอาทิตย์และปริ มาณนํ้า
ฝนล้วนส่ งผลต่อคุณภาพนํ้าในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ าํ ซึ่ งเป็ นปั จจัยหลักในการกำหนดผลผลิตสัตว์น้ าํ อุณหภูมิน้ าํ จะมี
ผลต่ออุณหภูมิในร่ างกายของสัตว์น้ าํ ซึ่ งปรับตามอุณหภูมิสภาพแวดล้อม อัตราการเจริ ญเติบโตการกินอาหาร
อัตราการแลกเนื้อ และการทำงานของอวัยวะต่างๆ ซึ่ งส่ งผลให้การเจริ ญเติบโตการสื บพันธุ์และอัตรารอดของ
สัตว์น้ าํ ลดลงและการเกิดโรคเพิม่ ขึ้น อุณหภูมิของนํ้าตามธรรมชาติจะผันแปรตามอุณหภูมิของอากาศ และส่ งผล
ต่อคุณภาพนํ้าอื่น ๆ เช่น ปริ มาณออกซิเจนที่ละลายนํ้า(DO) ที่จะเพิม่ ขึ้นเมื่ออุณหภูมิลดลง อุณหภูมิน้ าํ ในบ่อจะ
ขึ้นกับสภาพภูมิประเทศความสูงจากระดับนํ้าทะเลแสงอาทิตย์และความเร็ วลม นอกจากนี้ ยงั ขึ้นกับขนาดและ
ความลึกของบ่อความขุน่ ของนํ้าและสภาพแวดล้อมของบ่อ ความสู งจากระดับนํ้าทะเลมีผลต่อสภาพอากาศ
ความสู งจากระดับนํ้าทะเลเพิม่ ขึ้นอุณหภูมิอากาศจะลดลง ซึ่ งมีผลให้อุณหภูมิน้ าํ ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ าํ ที่ต้ งั ในพื้นที่
ความสู งจากระดับนํ้าทะเลต่างกันมีความแตกต่างกัน ความเข้มแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านลงในนํ้ามีผลต่ออุณหภูมิน้ าํ
ในบ่อ แสงที่ส่องลงในนํ้าจะถูกดูดกลืนและเปลี่ยนรู ปจากพลังงานแสงเป็ นพลังงานความร้อนเมื่อสะสมอยู่
ในนํ้าจะทำให้อุณหภูมิน้ าํ สูงขึ้นดังนั้นในช่วงฤดูร้อนที่ความเข้มแสงอาทิตย์มีมากจะทำให้ส่องลงสู่ น้ าํ ได้มาก
อุณหภูมิน้ าํ ในช่วงฤดูร้อนจึงสูงกว่าในฤดูอื่น ๆ ในฤดูร้อนอุณหภูมิอากาศสู งและแสงส่ องลงสู่ ผวิ นํ้ามากทำให้
เกิดการแบ่งชั้นของนํ้าโดยนํ้าชั้นบนจะมีอุณหภูมิและปริ มาณออกซิ เจนสู ง ในขณะที่น้ าํ ชั้นล่างที่แสงส่ องไม่ถึง
จะมีอุณหภูมิต่าํ และปริ มาณออกซิเจนตํ่า
ที่เกี่ยวข้องกับ OTOP(ของพริ ก)
การอบแห้งระบบ Hybrid คือระบบอบแห้งที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และยังต้องอาศัยพลังงานในรู ปแบบอื่นๆ
ช่วยในเวลาที่มีแสงอาทิตย์ไม่สม่ำเสมอหรื อต้องการให้ผลิตผลทางการเกษตรแห้งเร็ วขึ้น เช่น ใช้ร่วมกับ
พลังงานเชื้อเพลิงจากชีวมวล พลังงานไฟฟ้ า วัสดุอบแห้งจะได้รับความร้อนจากอากาศร้อนที่ผา่ นเข้าแผงรับแสง
อาทิตย์ และการหมุนเวียนของอากาศจะอาศัยพัดลมหรื อเครื่ องดูดอากาศช่วย
EV Charger

เทคโนโลยีการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ปั จจุบนั รูปเเบบการใช้ งานสถานีอดั ประจุยานยนต์ไฟฟ้า สามารถแบ่งออก


ได้ เป็ น 3 รูปแบบ คือ การอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบใช้ สาย สถานีสบั เปลี่ยนแบตเตอรี่ และการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบไร้
สาย โดยแต่ละรูปแบบมีรายละเอียด ดังนี ้
1. การอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบใช้ สาย

การอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบใช้ สายเป็ นรู ปแบบการอัดประจุหลักที่ทกุ ประเทศทัว่ โลกเลือกใช้ เนื่องด้ วยมีความ


คุ้มค่าในการลงทุน มีประสิทธิภาพสูง และสามารถประยุกต์ใช้ ร่วมกับเทคโนโลยีการจัดการพลังงานได้ โดยสามารถจำแนกการ
อัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบใช้ สายตามระดับกำลังไฟฟ้าที่ใช้ ได้ เป็ น 3 แบบ ดังนี ้
1.1) การอัดประจุแบบช้ าด้ วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Slow Charge)

เป็ นการอัดประจุระดับ 1 (Level 1) ซึง่ เป็ นรูปแบบการอัดประจุที่พื ้นฐานที่สดุ และถูกใช้ มากที่สดุ ทัว่ โลก แต่ไม่เหมาะ
กับการใช้ งานในลักษณะของสถานีบริ การเฉพาะหรื อสถานีอดั ประจุยานยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากใช้ เวลาในการอัดประจุที่นาน

1.2) การอัดประจุแบบปกติด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Normal Charge) เป็ นการอัดประจุระดับ 2 (Level 2) สามารถอัด


ประจุด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 22 กิโลวัตต์ เหมาะสำหรับการอัดประจุในพื ้นที่่กึ่งสาธารณะที่ผ้ ใู ช้ ไม่รีบร้ อนมากหรื อต้ องจอดรถไว้
เป็ นช่วงระยะเวลาหนึง่ เช่น ลานจอดรถ และห้ างสรรพสินค้ า เป็ นต้ น ทังนี
้ ้ การอัดประจุในรูปแบบนี ้ สามารถดำเนินการได้ ที่
บ้ านเช่นเดียวกัน

1.3) การอัดประจุแบบเร็ ว (Fast Charge)


การอัดประจุแบบเร็วนัน้ มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ การอัดประจุแบบเร็วด้ วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC Fast Charge) การอัด
ประจุแบบเร็วด้ วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Fast Charge) ซึง่ ทังสองรู ้ ปแบบสามารถทำการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าจนถึงระดับ
80% ภายในระยะเวลาอันสัน อย่างไรก็ตามเครื่ องอัดประจุแบบเร็ วมีความต้ องการพลังไฟฟ้าที่สงู อีกทังยั ้ งมีราคาที่พงกว่ามาก
อย่างมีนยั สำคัญในด้ านการติดตังและด้
้ านปฏิบตั ิการจึงถูกใช้ ในสถานีอดั ประจุที่มีผ้ ใู ช้ บริ การจำนวนมากและผู้ใช้ บริ การเหล่า
นันต้
้ องการความรวดเร็ว

2. สถานีสบ
ั เปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping Stations: BSS) เป็ นสถานี อัดประจุแบตเตอรี่ ของยานยนต์ไฟฟ้าประเภท
หนึง่ ที่ดำเนินการ โดยอัดประจุแบตเตอรี่ ไว้ ลว่ งหน้ าเพื่อรอการสับเปลี่ยนกับแบตเตอรี่ ที่มีคา่ สถานะ ของประจุที่ต ่ำกว่า การสับ
เปลี่ยนแบตเตอรี่ เป็ นวิธีการถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าที่ รวดเร็วกว่ามาก แม้ เทียบกับการอัดประจุแบบเร็วก็ตาม โดยทัว่ ไปการ
เปลี่ยนแบตเตอรี่ ของยานยนต์ไฟฟ้า ขนาดเล็กนันง่ ้ ายกว่ามากเมื่อเทียบกับยานยนต์ไฟฟ้าทัว่ ไป ผู้ขบั ขี่สามารถดำเนินการสับ
เปลี่ยนแบตเตอรี่ ด้วยตนเองได้ ซึง่ ยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่นิยมใช้ วิธีนี ้คือ รถสองล้ อไฟฟ้า รถสามล้ อไฟฟ้าและรถ
จักรยานยนต์ไฟฟ้า
3. การอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบไร้ สายการถ่ายโอนพลังงานเข้ าสูแ่ บตเตอรี่ ในรู ปแบบไร้ สายจะทำให้ เกิดความสะดวกสบาย
แก่ผ้ ใู ช้ ยานยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ ้น ไม่วา่ จะเป็ นการอัดประจุแบบไร้ สายในขณะที่ยานยนต์จอดอยู่กบั ที่หรื อจะเป็ นการอัดประจุ
แบบไร้ สายในขณะที่ยานยนต์กำลังเคลื่อนที่อยู่ก็ตาม
(http://www.eppo.go.th/images/energy-conservation/EV/EV_Manual.pdf)

You might also like