Professional Documents
Culture Documents
ระบบประสาท 2564 โควิด หยุดยาว
ระบบประสาท 2564 โควิด หยุดยาว
ระบบประสาท 2564 โควิด หยุดยาว
การตอบสนองของสั ตว์
ระบบประสาทและระบบต่อมไร้ท่อ
ระบบประสาทจะควบคุมการตอบสนองทีเ่ กิดขึน้ และสิน้ สุดเร็ว เช่น
การหดตัวของกล้ามเนื้อ ทาให้เกิดการเคลือ่ นไหวได้อย่างรวดเร็ว
ระบบต่ อมไร้ ท่อ
จะควบคุมการตอบสนองทีเ่ กิดขึน้ ช้ ากว่ า แต่ เมือ่ เกิดขึน้ แล้ ว จะมีผลต่ อเนื่องเป็ น
เวลานาน เช่ น การเจริญของเซลล์ไข่ ในรังไข่
การรับรู้และการตอบสนองของสิ่งมีชีวิต
การรับรู้และการตอบสนองของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวบางชนิด
พารามีเซียม
• มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า โดยใช้เส้นใยประสานงาน (coordinating fiber)
ที่อยู่บริเวณโคนของซีเลีย
ยูกลีนา มี Eyespot เป็นบริเวณรับแสง ทาให้สามารถทราบความเข้มแสง
และทิศทางของแสงได้
การรับรู้และการตอบสนองของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
ฟองน้า
มีการรับรู้และการตอบสนองแต่ไม่มีการประสานงานระหว่างเซลล์
โดยจะตอบสนองต่อแรงกด และแรงสัมผัสได้ (ยังไม่มีระบบประสาท)
ไฮดรา
มีระบบประสาทแบบร่างแห (nerve net)
เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นจะเกิดกระแสประสาทเคลือ่ นที่ไปตามเซลล์ประสาท
ที่สานกันเป็นร่างแห จากจุดที่ถูกกระตุ้นและกระจายไปทั่วทั้งตัว
พลานาเรีย
มีพัฒนาการของระบบประสาทมากขึ้น
ตัวเซลล์ประสาทมีการรวมเป็นกลุ่มอยู่ทางด้านหัว
เรียกว่า ปมประสาท (nerve ganglion) อาจเรียกว่า
สมอง (brain)
มีเส้นประสาทใหญ่ (nerve cord) ขนานไปตาม
ด้านข้างของลาตัวจากหัวจรดท้ายลักษณะแบบ
ขั้นบันได (ladder type)
เส้นประสาทดังกล่าวเชื่อมโยงติดกันด้วยเส้นประสาท
ที่วนรอบตัวแบบวงแหวน (nerve ring)
ไส้เดือนดิน
ระบบประสาทซับซ้อนมากขึ้น
ประกอบไปด้วยปมประสาทเหนือคอหอย (supra-pharyngeal ganglion)
หรือ สมอง
มีปมประสาทตามปล้องของลาตัว และมีเส้นประสาทเชื่อมต่อปมประสาทที่มี
อยู่ตามปล้อง
ดาวทะเล ไม่มีสมอง
ไม่มีปมประสาท
มีระบบประสาทแบบวงแหวน (nerve ring) อยู่รอบปาก
และมีเส้นประสาทรัศมี (radial nerve) แยกไปตามแขน
แมลง ระบบประสาทประกอบด้วยสมอง (ปมประสาทเหนือหลอดอาหาร) ซึ่งเชื่อม
กับปมประสาทใต้หลอดอาหาร และเชื่อมต่อกับปมประสาททรวงอก
ปมประสาทท้อง โดยใช้เส้นประสาทด้านท้องช่วยเชื่อมต่อ
การรับรู้ และการตอบสนองของสั ตว์ มีกระดูกสั นหลัง
ระบบประสาทพัฒนามาก เซลล์ประสาทเกือบทั้งหมดรวมกันอยู่ที่หัว พัฒนาไป
เป็นสมอง
ส่วนที่ทอดยาวตามลาตัวทางด้านหลัง เรียกว่า ไขสันหลัง (spinal cord)
สมองและไขสันหลังทาหน้าที่เป็นศูนย์กลางของระบบประสาท
โดยมีเส้นประสาทแยกออกมาจากสมองและไขสันหลัง
และมี dorsal nerve cord มาแทนที่ ventral nerve cord
ไม่มี segmental ganglia
เซลล์ ประสาทและการทางานของเซลล์ ประสาท
เซลล์ ประสาท
เซลล์ประสาท (nerve cell) หรือนิวรอน (neuron)
เซลล์ประสาท ประกอบด้วยส่วนที่สาคัญสองส่วน คือ
กระตุ้น หน่วยรับความรู้สึก
จะเปลี่ยนให้เป็น
กระแสประสาท
วัดความต่ างศักย์ ไฟฟ้ าระหว่ างภายในกับภายนอกได้ -70 มิลลิโวลต์
Plasma K+
Na+ - K+
membrane pump
K+
channel
Na+ K+
K+ K+
Protein
K+ K+
K+
K+
K+
K+ K+
INSIDE OF CELL
Axon
Action potential
Axon
1 Na+ segment
K+ Action potential
2 Na+
K+
K+ Action potential
3 Na+
K+
1 ระยะพัก (Resting state)
ศักย์ ไฟฟ้ าเยือ่ เซลล์ระยะพัก
Na+
(Resting Membrane
2 Potential)
A stimulus opens some Na+ -70 mV
channels; if threshold is reached,
action potential is triggered.
Neuron
interior
1 Resting state: voltage gated Na+
and K+ channels closed; resting
potential is maintained.
2 Threshold Potential
Na +
Na+
Na+
2 A stimulus opens some Na+
channels; if threshold is reached,
action potential is triggered.
มีสิ่งเร้ ามากระตุ้นเซลล์ประสาทในระดับทีเ่ ซลล์สามารถตอบสนองได้
(Threshold Potential)
Na+
Na+
3 Additional Na+ channels open,
K+ channels are closed; interior of
cell becomes more positive.
ความต่ างศักย์ ทเี่ ยือ่ เซลล์ จะเปลีย่ นจาก
+50 mV เป็ น
4 ระยะ Repolarization -70 mV
(กลับสู่ สภาพเดิม)
K+
K+
Na+
3 Additional Na+ channels open, K+
K+ channels are closed; interior of 4 Na+ channels close and
cell becomes more positive.
inactivate. K+ channels
open, and K+ rushes
Na+
Action out; interior of cell more
potential negative than outside.
3
4
2 5 The K+ channels close
Na+ Threshold
potential relatively slowly, causing
2 A stimulus opens some Na+ 1 1 a brief undershoot.
channels; if threshold is reached, 5
action potential is triggered. Resting potential
Neuron
Neuron
interior interior
1 Resting state: voltage gated Na+
and K+ channels closed; resting
potential is maintained. 1 Return to resting state.
Figure 28.4
5 Hyperpolarization
5
การกระตุ้นเซลล์ประสาทในขณะที่ยังเกิด
Action Potential
อยู่ เซลล์ประสาทจะไม่ตอบสนอง เราเรียกระยะนี้ว่า
Absolutely Refractory Period
การเปลี่ยนแปลงความต่างศักย์ดังกล่าวนี้เรียกว่า
Action Potential หรือ Nerve Impulse
Action Potential
เคลื่อนที่ไปตามยาวของเส้นใยประสาทแบบจุด
แอกซอนที่ไม่มี
ต่อจุดต่อเนื่องกัน (Core Conduction)
Myelin Sheath
2
3
Vesicle fuses with
plasma membrane Neurotransmitter
is released into
synaptic cleft
เซลล์ประสาทตัวถัดไป
SYNAPTIC
4
(Postsynaptic cell)
Receiving
neuron
CLEFT
Neuro-
จะถูกกระตุน้ เฉพาะเวลา
RECEIVING Neurotransmitter
transmitter
binds to
ที่ Axon ของ
NEURON
Ion channels molecules receptor
Presynaptic Cell ปล่อย
Neurotransmitter broken
Neurotransmitter เท่านั้น
Neurotransmitter
Receptor down and released
Ions
สมองและไขสันหลังมีเยื่อหุ้ม 3 ชัน้
สมองของสัตว์มีกระดูกสันหลังชั้นสูงมีส่วนนอกเป็น เนื้อสีเทา
(Grey Matter) ส่วนนี้มีเป็นที่อยู่ Cell Body และ Unmyelinated Axon แต่
ส่วนในของสมองจะมีสขี าวอันเนื่องมาจากสารพวก Lipid ใน Myelin Sheath
เรียก White Matter เป็นที่อยู่ของ Myelinated Axon เป็นส่วนใหญ่
สัตว์ที่มีวิวัฒนาการทางสมองสูง จะพบรอยหยักมากและอัตราส่วนระหว่าง
น้าหนักของสมองต่อน้าหนักลาตัวจะมีแนวโน้มมาก เช่น สมองของมนุษย์ ซึ่งมี
วิวัฒนาการสูงสุด
สมองคนแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง และ
สมองส่วนหลัง แต่ละส่วนควบคุมการทางานแตกต่างกัน ดังนี้
1. สมองส่วนหน้า (Forebrain)
- Olfactory Bulb ทาหน้าทีเ่ กี่ยวกับการดมกลิ่น ซึ่งพัฒนาดีในปลา
มากกว่าในคน
- Cerebrum ทาหน้าทีเ่ กี่ยวกับความคิด ความจา เชาว์ปัญญา และเป็น
ศูนย์กลางควบคุมการทางานต่างๆ เช่น การรับสัมผัส การพูด การได้ยิน การ
ดมกลิ่น การทางานของกล้ามเนื้อ
- Hypothalamus ทาหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย การเต้นของ
หัวใจ ความดันเลือด ความหิว ความอิ่ม ความต้องการทางเพศ รวมทั้งสร้าง
ฮอร์โมนควบคุมการทางานของต่อมใต้สมองส่วนหน้า
- Thalamus ทาหน้าที่รวบรวมกระแสประสาทที่ผ่านเข้าออก แล้วแยก
กระแสประสาทไปยังสมองส่วนที่ตอบสนองโดยเฉพาะ
Corpus callosum
Olfactory Bulb
2. สมองส่วนกลาง (Midbrain)
สมองส่วนนี้ลดรูปเหลือเพียงแค่ Optic Lobe ทาหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว
ของนัยน์ตา ทาให้ลูกตากลอกไปมาและควบคุมการเปิดปิดของรูม่านตาในเวลาที่
แสงเข้ามามากหรือน้อย
3. สมองส่วนหลัง (Hindbrain)
- Cerebellum ทาหน้าที่ควบคุมการทรงตัว การเคลื่อนไหวของร่างกายให้ราบเรียบ
สละสลวยและเที่ยงตรง ทาให้สามารถทางานที่ประณีตได้
- Pons ทาหน้าที่ควบคุมการเคี้ยว การหลั่งน้าลาย การเคลื่อนไหวบนใบหน้า เป็นศูนย์
ควบคุมการหายใจและเป็นทางผ่านของกระแสประสาทระหว่าง Cerebellum กับ Cerebrum
และ Cerebellum กับ Spinal Cord
- Medulla Oblongata ทาหน้าที่ควบคุมการเต้นของหัวใจ การหายใจ ความดันเลือด
การกลืน การจาม การสะอึกและการอาเจียน
ไขสันหลัง
ไขสันหลังอยู่ภายในกระดูกสันหลัง ตั้งแต่กระดูกสันหลังข้อแรกถึงกระดูกสันหลัง
บริเวณเอวข้อที่ 2 ส่วนปลายของไขสันหลังจะเรียวเล็กจนเหลือแต่ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มไข
สันหลังเท่านั้น
ไขสันหลังประกอบด้วยสองบริเวณ โดย White Matter จะอยู่ด้านนอก แต่
Grey Matter อยู่ด้านใน ตรงกลางมีช่องกลวงบรรจุ Cerebrospinal Fluid ดังภาพ
2. ระบบประสาทรอบนอก
เส้นประสาทสมอง (cranial nerve)
การทางานของเส้นประสาทในระบบประสาทรอบนอกแบ่งออกเป็นสองส่วน
คือส่วนที่รับความรู้สึก (Sensory Division) ซึ่งรับความรู้สึกจากทั้งภายนอกและ
ภายในร่างกาย และส่วนที่สั่งการ (Motor Division)
ถ้าการสั่งการเกิดขึ้นกับหน่วยปฏิบัติงานที่บังคับได้ เช่น กล้ามเนื้อลายที่ยึด
กับกระดูก ก็จัดเป็น Somatic Nervous System (SNS)
ถ้าการสั่งการเกิดขึ้นกับหน่วยปฏิบัติงานที่บังคับไม่ได้ เช่น อวัยวะภายใน
หรือต่อมต่างๆ ก็จัดเป็นระบบประสาทอัตโนวัติ หรือ Autonomic Nervous System
(ANS) ซึ่งยังแบ่งออกเป็น 2 ระบบย่อย คือ Sympathetic Nervous System และ
Parasympathetic Nervous System ดังแผนภาพแสดงการทางานของระบบ
ประสาทในสัตว์ชั้นสูง
**Acetylcholine
**Norepinephrine
ข้อเปรียบเทียบ Somatic nervous system Autonomic nervous system
การทางาน ในอานาจจิตใจ นอกเหนือในอานาจจิตใจ
(Blind Spot)
Sclera
Choroid
Retina
Retina Choroid
Photoreceptors
Neurons
Retina Cone Rod
Light To
brain
Optic nerve
Light
Ganglion
cell
Amacrine
cell Horizontal
cell
Optic
nerve Bipolar Pigmented
axons cell epithelium
Rod
Outer
segment
Disks INSIDE
OF DISK cis isomer
Light Enzymes
Cell body
CYTOSOL
Synaptic Retinal
Rhodopsin trans isomer
terminal Opsin
INSIDE OF DISK EXTRACELLULAR
Light FLUID
Disk
membrane
Active rhodopsin Phosphodiesterase
Plasma
membrane
CYTOSOL
Sodium
channel
cGMP
Inactive Transducin
rhodopsin GMP
Na+
Dark
0
potential (mV)
Light
Membrane
–40 Hyper-
polarization Na+
–70
Time
Dark Responses Light Responses
Glutamate No glutamate
released released
Skull Stapes
Semicircular
bone
Incus canals
Malleus Auditory nerve Cochlear Bone Auditory
to brain duct nerve
Vestibular
canal
Tympanic
Cochlea canal
Oval
window Eustachian
Pinna Auditory tube
canal Tympanic Round Organ of Corti
membrane window
Tectorial
Hair cells membrane
Oval
window Vestibular
canal
Stapes
Vibration
Basilar membrane
Base Tympanic
canal Fluid
Round (perilymph)
window
Semicircular canals
Flow of fluid
Vestibular nerve
Cupula
Hairs
Hair
cells
Vestibule Axons
Saccule
3. ผิวหนังกับการรับความรู้สึก
ผิวหนังมีหน่วยรับความรู้สึกซึ่งไวต่อการกระตุ้นเฉพาะอย่าง
เช่น
หน่วยรับ ความดัน มีลักษณะคล้ายหัวหอมผ่าซีก มี Dendrite อยู่ตรงกลาง
และมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันห่อหุ้ม หน่วยรับความรู้สึกชนิดนี้ อยู่ในชั้นหนังแท้
(Dermis)
หน่วยความรู้สึกเจ็บปวด จะอยู่บริเวณหนังกาพร้า (Epidermis)
นอกจากนี้ยั้งมีหน่วยรับอุณหภูมิ ที่รับความรู้สึกร้อน และ เย็น
4. ลิ้นกับการรับรส
ด้านบนของผิวลิ้นจะมีปุ่มเล็กๆ มากมาย ปุ่มเหล่านี้คือ
ปุ่มลิ้น (Papilla) ซึ่งที่ปุ่มลิ้นมีตุ่มรับรส (Taste Bud) หลายตุ่มทาหน้าที่รับรส
แต่ละตุ่มรับรสจะมี เซลล์รับรส (Gustatory Cell) ซึ่งต่อกับใยประสาท
เมื่อตุ่มรับรสได้รับการกระตุ้น จะเกิดกระแสประสาทส่งไปตาม
เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 และเส้นประสาทสมองคูท่ ี่ 9 ไปยัง
Cerebrum
บริเวณศูนย์รบั รส
ตุ่มรับรสมี 4 ชนิด ได้แก่ ตุ่มรับรสหวาน รสขม รสเปรี้ยว และรสเค็ม ซึ่ง
กระจายบนลิ้นใน บริเวณที่แตกต่างกัน
5. จมูกกับการดมกลิ่น
จมูกสามารถรับกลิ่นได้โดย ภายในเยื่อบุจมูกด้านบน จะมี Olfactory
Neuron ที่สามารถเปลี่ยนสาร ที่ทาให้เกิดกลิ่นเป็นกระแสประสาท แล้ว
ส่งไปตามเส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 (Olfactory Nerve) ผ่านส่วน Olfactory
Bulb เพื่อส่งต่อไปยังสมองส่วน Cerebrum
Brain
Action potentials
Olfactory
bulb
Odorants
Nasal cavity Bone
Epithelial
cell
Odorant
receptors Chemo-
receptor
Plasma Cilia
membrane
Odorants Mucus