Professional Documents
Culture Documents
(PIDST) -617 - การดูแลรักษาเด็กและวัยรุ่นติดเชื้อ กุลกัญญา
(PIDST) -617 - การดูแลรักษาเด็กและวัยรุ่นติดเชื้อ กุลกัญญา
(Management of HIV-Infected
Children และ Adolescent)
8000
่ (VL, ประวัติมารดา)
ประเมินความเสียง
่
ความเสียงทั ่
วไป ่
ความเสียงสู ง
Standard risk High risk
• AZT 4 สัปดาห ์
• นัดตรวจ PCR 1,2-4 เดือน ตรวจ PCR
• AZT+3TC+NVP 6 สัปดาห ์
แรกเกิดถ้าทาได้ ่
• นัดตรวจ PCR ทีแรกเกิ
ด, 1, 2 และ 4 เดือน
่
ตรวจ anti HIV ทีอายุ 18 เดือน
Diagnosis of perinatal HIV has become complicated
Children with HIV Early Antiretroviral Therapy (CHER) Trial
ไข้ สมองอักเสบเจอี6
MBV JE1, JE2 ห่างกัน 4 MBVJE3
สัปดาห์สปั ดาห์ สัปดาห์ JE1,
JE3
JE2 ห่างกัน 1 เดือน
การให้ ยาป้องกันโรคติดเชื้อฉวยโอกาส
โรคปอดบวมจาก PCP
• Co-trimoxazole (TMP-SMX) ขนาด 150 mg/m2ของ TMP ต่อวัน รับประทานวันละ 1-
2 ครัง้ 3 วันต่อสัปดาห์
• ในทารกทุกรายที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื ้อเอชไอวีเมื่ออายุ 4–6 สัปดาห์
• หยุดยาป้องกันเมื่อผลการตรวจทางห้ องปฏิบตั ิการพบว่าเด็กไม่ติดเชื ้อเอชไอวี
• ในกรณีที่ตรวจพบว่าเด็กติดเชื ้อเอชไอวีควรให้ ยาป้องกันต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 12 เดือน (ทังนี
้ ้เมื่ออายุ > 12
เดือนหากพบว่า %CD4 < 15 ควรให้ ยาต่อเนื่องไปจนกว่าภูมิค้ มุ กันจะสูงขึ ้นด้ วยการรักษาด้ วยยาต้ านไวรัสจน %CD4
> 15)
การให้ ยาป้องกันโรคติดเชื้อฉวยโอกาส
วัณโรค
• ควรซักประวัติการสัมผัสวัณโรคทุกราย
• หากมีประวัติควรตรวจร่างกาย และเอ็กซเรย์ปอดเพื่อดูวา่ เด็กป่ วยเป็ นวัณโรคหรื อไม่
• หากไม่เป็ นวัณโรค แนะนาให้ ยาเพื่อป้องกันการเกิดวัณโรค isoniazid ขนาด 10-15 mg/kg /
วัน (ขนาดสูงสุด 300 mg) เป็ นเวลา 9 เดือน
แนวปฏิบัติเมื่อผลตรวจ HIV DNA PCR เป็ นบวกครั้งแรก
• ให้ รีบตามเด็กมาตรวจเลือด HIV DNA PCR ซ ้าทันที ร่วมกับเจาะ HIV RNA และส่งตรวจ viral
resistance ทุกราย
ให้ คาแนะนาปรึกษากับครอบครัวเรื่ องการรักษาด้ วยยาต้ านไวรัส และเริ่ มยาต้ านไวรัสสูตรการรักษา
AZT+3TC+LPV/r ได้ ในระหว่างรอผล HIV DNA PCR ซ ้า เพื่อยืนยัน
• ถ้ าผล HIV DNA PCR เป็ นบวกอย่างน้ อยสองครัง้ ให้ วินิจฉัยว่า เด็กติดเชื ้อเอชไอวีและให้ กินยาต้ าน
ไวรัสเพื่อการรักษาต่อเนื่องตลอดชีวิต
• ถ้ าผล HIV DNA PCR ที่ตรวจซ ้าเป็ นผลลบ ไม่สอดคล้ องกับที่เคยตรวจพบว่าเป็ นบวก แนะนาให้
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
HIV DNA PCR HIV Ab ที่ แปลผลว่ า แนวทางการดูแล
การแปลผลการตรวจทางห้ องปฏิบัตกิ ารเพื่อวินิจฉัย แรกเกิด 1 เดือน 2 เดือน 4 เดือน 18 เดือน
-ve N/A N/A N/A N/A น่าจะไม่ตดิ เชื ้อเอชไอวีจากในครรภ์ แต่ยงั สรุป ติดตาม HIV PCR ต่อตามแนวทาง
ไม่ได้ วา่ ติดเชื ้อระหว่างคลอดหรื อไม่
การติดเชื้อเอชไอวีในทารก
-ve -ve -ve N/A N/A เด็กเสี่ยงทัว่ ไป: ไม่ตดิ เชื ้อเอชไอวี ในเด็กเสี่ยงสูงยังต้ องตรวจ HIV PCR
เด็กเสี่ยงสูง: ยังสรุปไม่ได้ ยืนยันที่อายุ 4 เดือนอีกครัง้ หลังหยุดยา
ต้ านไวรัสอย่างน้ อย 4 สัปดาห์
-ve -ve -ve -ve N/A เด็กเสี่ยงสูง: ไม่ตดิ เชื ้อเอชไอวี ติดตามผล anti HIV ที่ 18-24
เดือน
-ve -ve -ve -ve + เด็กไม่มีอาการ: น่าจะไม่ตดิ เชื ้อ ติดตามผล anti HIV ที่ 24 เดือน ถ้ า
ผลเป็ นลบ ยืนยันว่าไม่ตดิ เชื ้อเอชไอวี
+ve/+ve ต่ อเนื่องกันที่ครั ง้ ใดก็ตามจากนัน้ เป็ นบวกหรื อ -ve เด็กติดเชื ้อแต่มีปริมาณเชื ้อต่ามาก ทา ติดตามต่อเนื่องให้ เด็กกินยาให้ ดี เด็กมี
การติดเชื้อเอชไอวีในทารก (ต่ อ)
ลบก็ตาม ให้ ไม่สร้ างภูมิต้านทาน พบได้ ดงั พยากรณ์โรคที่ดี
รายงาน (ref) ควรบันทึกไว้ และลงสมุดให้ เด็กและ
ผู้ปกครองเก็บไว้
+ve/+veต่ อเนื่องกันที่ครั ง้ ใดก็ตาม +ve เด็กติดเชื ้อเอชไอวี ให้ การรักษาด้ วยยาต้ านไวรัสโดยเร็ ว
ที่สดุ และกินยาต่อเนื่อง
+ve ครั ง้ เดียว จากนัน้ เมื่อตรวจซา้ ก็กลายเป็ นลบ N/A อาจเป็ นผลบวกลวง หรื อให้ การรักษา ซักประวัติการเริ่มยาและความเสี่ยงต่อ
เร็วมากจน HIV antibody เป็ นลบ การติดเชื ้อดูผล VL แรกรับ
ถ้ าไม่มีความเสี่ยง อาจเป็ นผลบวกลวง
ให้ หยุดยาต้ านไวรัสอย่างน้ อย 4
สัปดาห์ขึ ้นไปและเจาะเลือดใหม่
ถ้ ามีความเสี่ยงและรักษาเร็ว อาจเกิด
จากการให้ การรักษาเร็วมาก ควรให้ กิน
ยาต่อเนื่อง
1.3 ซักประวัตแิ ละประเมินว่ าผู้ป่วยเคยได้ รับการรั กษาด้ วยยาต้ านไวรั สมาก่ อนหรื อไม่
รวมถึงประวัติการใช้ ยาต้ านไวรัสในมารดาและช่วงทารก ประวัติยาอื่น ๆ สมุนไพร หรื อ อาหารเสริ ม ซึง่ อาจมี
ปฏิกิริยาต่อยาต้ านไวรัสได้
1. การตรวจประเมินภาวะสุ ขภาพก่ อนเริ่มยาต้ านไวรัส
1.4 การตรวจทางห้ องปฏิบัตก
ิ ารที่แนะนาก่ อนเริ่มยาต้ านไวรัส ได้ แก่
• CBC, CD4, AST, ALT
• กรณีเลือกใช้ ยา Tenofovir (TDF) พิจารณาตรวจ urine analysis และ BUN, creatinine
• พิจารณาตรวจ urine pregnancy test ในกรณีที่สงสัยการตังครรภ์ ้
• Plasma HIV Viral load (VL) โดยทัว่ ไปไม่มีความจาเป็ นต้ องตรวจก่อนเริ่มยาเพราะไม่ใช้ เป็ น
เกณฑ์ในการตัดสินการเริ่มยาต้ านไวรัส
• แนะนาให้ สง่ ตรวจการดื ้อยา (genotype) ก่อนเริ่มยาต้ านไวรัสด้ วยสูตร Protease inhibitors
2. การเตรียมความพร้ อมของเด็กติดเชื้อเอชไอวีและผู้ปกครอง
(ARV counseling)
2.1) อธิบายให้ ความรู้ความเข้ าใจเกี่ยวกับโรคแก่ผ้ ดู แู ลของเด็ก การดาเนินโรค ผลข้ างเคียงของยาต้ านไวรัส
2.2) สาหรับเด็กวัยเรี ยน (อายุ 6 ปี ขึ ้นไป) และวัยรุ่นควรอธิบายเหตุผลในการรับประทานยา
2.3) ช่วยวางแผนเวลารับประทานยาให้ เหมาะกับกิจกรรมของเด็กและครอบครัว
2.4) ให้ คาแนะนาการปฏิบตั ิในกรณีตา่ ง ๆ เช่น เมื่อลืมรับประทานยาต้ านไวรัส และควรให้ ข้อมูลสาหรับ
ติดต่อทีมรักษาพยาบาลที่จะให้ คาปรึกษาได้
2.5) การเตรี ยมความพร้ อมเรื่ องวินยั ในการรับประทานยาต้ านไวรัส
การเลือกยาต้ านไวรัสในเด็กติดเชื้อเอชไอวีที่ไม่ เคยได้ รับยาต้ านไวรัส
มาก่ อน (antiretroviral naÏve)
อายุ < 3 ปี อายุ 3 - 12 ปี อายุ > 12 ปี
สูตรยาที่แนะนา (preferred AZT1 (หรื อ ABC2) AZT1 (หรื อ ABC2) +3TC + EFV TDF5+ 3TC + EFV
regimens) +3TC + LPV/r3
สูตรยาทางเลือก (alternative AZT1 (หรื อ ABC2) AZT1 (หรื อ ABC2) +3TC + NVP4 AZT1 (หรื อ ABC2)+3TC +EFV
regimens) +3TC + NVP4 TDF5+ 3TC + ATV/r6
TDF5 + 3TC + RPV7
TDF5+ 3TC + EFV
TDF5+ 3TC + NVP4 เด็กวัยรุ่นติดเชื ้อเอชไอวี ที่มีความเสี่ยงที่จะมีวินยั การ
กินยาไม่สม่าเสมอ พิจารณา เลือกใช้ ยา
boosted PI ได้ แก่ Atazanavir/r
ในทารกกลุ่มที่มีความเสี่ ยงสู งต่อการติดเชื้อเอชไอวี จากมารดา จะได้รับยาต้านไวรัส
สู ตร 3 ตัว คือ AZT/3TC/NVP ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 สัปดาห์
•หากผลตรวจเลือด HIV DNA PCR ที่แรกเกิด หรื อ อายุ 1 เดือนเป็ นบวก
• ให้ รีบตามมาเจาะเลือดตรวจ HIV DNA PCR ซ ้าทันที พร้ อมกับเจาะ plasma HIV RNA และเจาะ HIV
viral resistance
• เปลี่ยนสูตรยาต้ านไวรัสเป็ นสูตรเพื่อการรักษา เป็ น AZT/3TC/LPV/r ทันทีระหว่างรอผลการตรวจ HIV DNA
PCR ทังนี้ ้ต้ องปรับเพิ่มขนาดยา AZT และ 3TC เป็ นขนาดเพื่อการรักษา
•หากผลตรวจเลือด HIV DNA PCR ที่อายุ 1 เดือนเป็ นลบ หรื อยังไม่ ได้ ผลตรวจ
• สามารถหยุดยาต้ านไวรัสสูตรป้องกันทังสามตั
้ วพร้ อมกันได้ เมื่อครบ 6 สัปดาห์ และให้ นดั เด็กมาเจาะเลือด HIV
DNA PCR ซ ้าอีก 2 ครัง้ ที่ อายุ 2 เดือน และ 4 เดือน
• หากผลเลือด HIV DNA PCR เป็ นลบทัง้ 3 ครัง้ แสดงว่า “เด็กไม่ติดเชื ้อเอชไอวี”
• หากผลเลือด HIV DNA PCR ครัง้ ใดครัง้ หนึง่ เป็ นบวก แสดงว่า เด็กอาจติดเชื ้อเอชไอวี” ให้ เริ่ มยาต้ านไวรัสสูร
AZT/3TC/LPV/r
ขนาดยาต้ านไวรัสสาหรับรักษาทารกอายุตา่ กว่ า 1 ปี ที่ตดิ เชื้อเอชไอวี
AZT ชนิดนา้ (10 3TC ชนิดนา้ (10 LPV ชนิดนา้ (80 NVP ชนิดนา้ * (10
mg/mL) mg/mL) mg/mL) mg/mL)
นา้ หนัก (kg)
180-240 mg/m2 ทุก
4 mg/kg ทุก 12 ชม. 300 mg/m2 ทุก 12 ชม. 200 mg/m2 ทุก 12 ชม.
12 ชม.
3-4 kg 4 mL เช้ า เย็น 1.5 mL เช้ า เย็น 1 mL เช้ า เย็น 5 mL เช้ า เย็น
4-5 kg 5 mL เช้ า เย็น 2 mL เช้ า เย็น 1 mL เช้ า เย็น 5 mL เช้ า เย็น
5-6 kg 6 mL เช้ า เย็น 2.5 mL เช้ า เย็น 1.2 mL เช้ า เย็น 6 mL เช้ า เย็น
6-7 kg 7 mL เช้ า เย็น 3 mL เช้ า เย็น 1.4 mL เช้ า เย็น 7 mL เช้ า เย็น
7-9 kg 8 mL เช้ า เย็น 3.5 mL เช้ า เย็น 1.6 mL เช้ า เย็น 9 mL เช้ า เย็น
9-11 kg 9 mL เช้ า เย็น 5 mL เช้ า เย็น 1.6 mL เช้ า เย็น 10 mL เช้ า เย็น
12-15 kg 12 mL เช้ า เย็น 5 mL เช้ า เย็น 1.8 mL เช้ า เย็น 12 mL เช้ า เย็น
การรักษาด้ วยยาต้ านไวรัสในเด็กติดเชื้อเอชไอวีที่มีการติดเชื้อฉวย
โอกาสร่ วมด้ วย
การรักษาวัณโรค ร่วมกับให้ ยาต้ านไวรัส ต้ องระวังเรื่ อง drug interaction
• ควรเริ่ มยารักษาวัณโรคก่อนเริ่ มยาต้ านไวรัส 2-8 สัปดาห์
• แนะนาให้ เลือกใช้ ยา efavirenz โดยไม่ต้องปรับขนาดยา
• กรณีที่เด็กจาเป็ นต้ องได้ รับยาต้ านไวรัสกลุม่ boosted PI ให้ พิจารณาปรับยารักษาวัณโรคโดยใช้ ยากลุม่
quinolone หรื อ aminoglycoside แทน rifampin
ควรรักษาการติดเชื ้อฉวยโอกาสก่อนเริ่มยาต้ านไวรัส ประมาณ 2-8 สัปดาห์เพื่อลดการเกิด Immune
reconstitution inflammatory syndrome (IRS)
การติดเชื ้อ Cryptococcus และ Cytomegalovirus (CMV) ก่อให้ เกิด IRIS ที่รุนแรง
สาหรับเด็กที่มีระดับ CD4 ต่ามาก จึงควรคัดกรอง เช่น ตรวจ Crytococcus antigen ใน
เลือด ตรวจจอตาเรตินา
ยา rifampin มีผลลดระดับยาต้ านไวรัส ritonavir boosted PI
nevirapine และ efavirenz โดยมีผลจากมากไปน้ อยตามลาดับ
การติดตามเด็กหลังเริ่มการรักษาด้ วยยาต้ านไวรัส
• ติดตามอาการทางคลินิก และ วินยั ในการกินยา ทุกครัง้ ที่มาตรวจในคลินิก
• Plasma HIV Viral load แนะนาให้ เจาะหลังจากเริ่ มยาต้ านไวรัสหรื อปรับสูตรยาเป็ นเวลา 6 เดือน
หลังจากนันควรตรวจทุ
้ ก 6-12 เดือน
• CD4 ในระยะแรกแนะนาให้ ตรวจทุก 6 เดือน แต่หลังจากที่เด็กมีอายุ > 5 ปี plasma HIV Viral load < 50
copies/mL, มีระดับ CD4 > 500 cells/mm3 ในการตรวจล่าสุดและกินยาต้ านไวรัสอย่างสม่าเสมอ พิจารณาลดการตรวจ
CD4 เป็ นปี ละครัง้
การรักษา IRIS
• แนะนาให้ ยาต้ านจุลชีพจาเพาะต่อเชื ้อที่เป็ นสาเหตุโดยไม่ต้องหยุดยาต้ านไวรัส สังเกตอาการ
ในรายที่อาการไม่รุนแรง
• พิจารณาให้ NSAIDs ในรายที่มีอาการรุนแรงปานกลาง
• ให้ corticosteroid ร่วมกับการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกรณีที่มีอาการรุนแรงมาก
มีอาการผิดปกติทางคลินิก
(clinical events)
(1)
การวินิจฉัยและรักษา IRIS
ใช่
ร ักษาตามอาการและปร ับสูตร
เป็ นผลข ้างเคียงของยาต ้าน ยา
ไวร ัส ต ้านไวร ัสตามความเหมาะสม
ไม่ใช่
้
• เป็ นโรคติดเชือฉวย ใช่
IRIS ชนิ ด ร ักษาตาม
โอกาส (OI)
่
unmasking คาแนะนา
• เป็ นโรคเจ็บป่ วยทัวไป (4) (6, 7)
(common childhood
illness)
ไม่ใช่
ประเมินอาการทางคลินิก
่ ม
และหาสาเหตุเพิมเติ
การปรับยาต้ านไวรัสในเด็กที่มีการตอบสนองต่ อการรักษาดี
• เด็กอายุ > 3 ปี ที่เริ่มยาต้ านไวรั สด้ วยสูตร LPV/r มาก่ อน เมื่อได้ รับการรักษาเป็ นเวลาอย่างน้ อย
12 เดือนและมี HIV RNA < 50 copies/mL อาจพิจารณาเปลี่ยนยา LPV/r เป็ น EFV ได้
(หลังเปลี่ยนยาเป็ น EFV แล้ ว 3-6 เดือน ควรส่งตรวจ HIV RNA เพื่อยืนยันว่าสามารถกดไวรัสในระดับต่าได้ ต่อเนื่อง)
• เด็กเริ่มเข้ าสู่วัยรุ่ น พิจารณาเลือกใช้ ยาต้ านไวรัสแบบรับประทานวันละครัง้ เพื่อให้ สะดวกในการ
รับประทานยา
• เด็กมีผลข้ างเคียงด้ านเมตาบอลิก เช่น
• หากได้ รับยาต้ านไวรัสสูตร LPV/r และมีภาวะไขมันในเลือดสูง พิจารณาเปลี่ยนเป็ นยาต้ านไวรัสสูตร ATV/r
• หากได้ รับยาต้ านไวรัสสูตร d4T หรื อ AZT และมีภาวะไขมันย้ ายที่ (lipodystrophy) พิจารณาเปลี่ยนเป็ นยา
ต้ านไวรัสไปเป็ น TDF หรื อ ABC
การปรั บยาต้ านไวรั สในเด็ก ให้ เป็ นสูตรวันละครั ง้ ในรายที่มี
การตอบสนองต่ อการรั กษาดี เพื่อให้ adherence ดีนาน
TDF/FTC หรือ
ABC/3TC
+
EFV หรือ
RPV หรือ
ATV/r
(LPV/r ในเด็กมีการศึกษาเปรี ยบเทียบการใช้ยาแบบวันละครัง้ พบว่า
ประสิ ทธิ ภาพด้อยกว่า การให้ยาแบบวันละสองครัง้ เล็กน้อย (PENTA study)
การวินิจฉัยเด็กที่มีการรักษาล้ มเหลว (diagnosis of
treatment failure in HIV-infected children)
viral load > 200 ระดับCD4 ลดลง และมีความ มีการพัฒนาของระบบประสาท
Virological failure
Clinical failure
Immunological failure
copies/mL หลังได้ ยาต้ าน เสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื ้อฉวย ผิดปรกติ หรื อถดถอย
ไวรัสมาแล้ วอย่างน้ อย 6 เดือน โอกาสต่าง ๆ ได้ ไม่มีการเพิ่มขึ ้นหรื อมีการลดลง
viral load > 50 ของอัตราการเจริ ญเติบโต
copies/mL หลังการรักษา
เกิด AIDS defining
ด้ วยยาต้ านไวรัสมาแล้ วอย่าง
condition ซ ้า หรื อเป็ น
น้ อย 12 เดือน
เรื อ้ รัง
viral rebound :
plasma viral load>
1,000 copies/mL
การวางแผนการรักษาในเด็กที่มีการรักษาล้ มเหลว
ใช่
• แก้ไขปั ญหา adherence*
เด็กมีปัญหา ้ ยาต้านไวร ัสสู ตรเดิมต่อ
• ระหว่างนี ให้
วินย
ั การกินยา • ให้ยาป้ องก ันโรคฉวยโอกาสอย่างเหมาะสมถ้า CD4 <
ไม่ด ี 200 cells/mm3
• ติดตามอาการอย่างใกล้ชด ิ อย่างน้อยทุก 1 เดือน
• ติดตามระดับ CD4 และ plasma HIV viral load
เป็ นระยะ
่
• เปลียนสู ่
ตรยาต้านไวร ัสใหม่ เมือแน่ ใจว่า
adherence ดี
ไม่ใช่
่
• พิจารณาเปลียนยาต้ ่ กและครอบคร ัวพร ้อมมีความเข้าใจและ
านไวร ัสต่อเมือเด็
่
มันใจว่าสามารถมี adherence ทีดี่ และติดตามการร ักษาได้อย่างสม่าเสมอ
• ตรวจ HIV genotyping ถ้า viral load > 1,000 copies/mL
• เลือกสู ตรยาต้านไวร ัสตามผล genotyping และประว ัติการใช้ยาต้านไวร ัส อาจ
่
ส่งปรึกษาผู เ้ ชียวชาญ
การตรวจและแปลผลการดื้อต่ อยาต้ านไวรัสโดยวิธี HIV
genotyping
• HIV genotyping ทาได้ เมื่อ plasma viral load > 1,000 copies/mL และ เด็กได้
รับประทานยาต้ านไวรัสอย่างสม่าเสมอมาเป็ นเวลาอย่างน้ อย 4 สัปดาห์ หรื อหยุดยามาไม่เกิน 4 สัปดาห์
• การรายงานผล HIV genotyping จากห้ องปฏิบตั ิการจะรายงานผล 2 ส่วน
• ส่วนแรกจะบอกตาแหน่ง mutations
• ส่วนสองจะแปลผลต่อยาต้ านไวรัสแต่ละชนิดว่า no evidence of resistance, possible resistance
หรื อ resistance
• การแปลผล genotyping ควรใช้ ข้อมูลทังสองส่
้ วนในการส่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนาข้ อมูลไปใช้ ใน
การเลือกสูตรยาต้ านไวรัส
การเลือกสู ตรยาสาหรับเด็กที่มีปัญหาการรักษาล้มเหลว
ยาสูตรแรก ยาสูตรสอง
(first-line regimen) (second-line regimen)
AZT+3TC+NVP หรื อ EFV TDF+3TC+LPV/r1 หรื อ ATV/r
TDF หรื อ ABC +3TC+NVP หรื อ EFV AZT+3TC+LPV/r2 หรื อ ATV/r
AZT +3TC+LPV/r กรณีไม่ดื ้อหรื อไม่เสี่ยงต่อการดื ้อยา NNRTIs: TDF + 3TC + EFV3
กรณีดื ้อหรื อเสี่ยงต่อการดื ้อยา NNRTIs: TDF +3TC + DRV/r3
กรณีที่เชื ้อดื ้อต่อยา ทัง้ 3 กลุ่ม คือ NRTIs, NNRTIs, PI ให้ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สามารถใช้ ยากลุ่มใหม่รักษาได้ อาทิเช่น boosted darunavir, etravirine, raltegravir
การฉีดวัคซีนกระตุ้นซ้าในเด็กติดเชื้อเอชไอวีทหี่ ลังจากได้ รับการรักษา
ด้ วยยาต้ านไวรัส
• เด็กติดเชื ้อเอชไอวีที่เริ่มยาต้ านไวรัสขณะที่ CD4 < 15% แม้ วา่ จะมีประวัติเคยได้ รับวัคซีนมาก่อนแล้ ว
ควรได้ รับวัคซีนป้องกันตับอักเสบบี, ไข้ สมองอักเสบเจอี, หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม และคอตีบ-บาดทะยัก-ไอ
กรน กระตุ้นซ ้า
• โดยทัว่ ไปเด็กที่อายุตงแต่
ั ้ 10 ปี ขึ ้นไปมักมีความเข้ าใจแบบสมเหตุสมผลบ้ างแล้ วและรู้ จกั การรักษา
ความลับ
การกินยาต้ านไวรัสอย่ างสม่าเสมอและต่ อเนื่องในเด็กติดเชื้ อเอชไอวี
• ทีมผู้รักษาต้ องสร้ างความเชื่อถือไว้ วางใจจากเด็กและผู้ดแู ล กาหนดเป้าหมายการรักษาร่ วมกันและ
สนับสนุนให้ เกิด Adherence ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
• ก่อนเริ่มยา และก่อนเปลี่ยนสูตรยาทุกครัง้ ต้ องเตรี ยมความพร้ อมผู้ปกครองและเด็ก โดยสนทนา อภิปราย
ให้ ซกั ถาม ให้ เข้ าใจถึงยุทธวิธีทงหมดที
ั้ ่จะทาให้ เกิด Adherence ที่ดีที่สดุ
• หลังเริ่มยาควรมีการติดตามผลภายใน 7 วัน เพราะความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดขึ ้นในสัปดาห์แรก
• ต้ องเน้ นความเข้ าใจเรื่ อง Adherence กับผู้ดแู ลและเด็ก พร้ อมกับการให้ คาปรึกษาถึงวิธีที่จะทาให้ มี
วินยั ในการกินยาดีที่สดุ ในทุกครัง้ ที่เด็กมารับยา
• ควรประเมิน Adherence โดยใช้ อย่างน้ อยหนึง่ วิธีการ เช่นซักประวัติการกินยาย้ อนหลัง 3 วัน นับเม็ด
ยาร่วมกับการตรวจติดตาม Viral load
การดูแลวัยรุ่นติดเชื้อเอชไอวี
5Ds
1. Disclosure การเปิ ดเผยสภาวะการติดเชื ้อเอชไอวีให้ กบั เด็ก
2. Depression and self-esteem ภาวะซึมเศร้ า การส่งเสริมการนับถือตนเองและวิธีการ
บริหารจัดการความเครี ยดที่เหมาะสม
3. Drug วินยั ในการรับประทานยา สร้ างความเข้ าใจถึงผลข้ างเคียงของยาและการดื ้อยาต้ านไวรัส การใช้
ยาคุมกาเนิด รวมทังยาอื
้ ่น ๆ
4. Dangers ความอันตรายทางด้ านพฤติกรรมเสี่ยง
5. Daily activity ส่งเสริมให้ เด็กมัน่ ใจในการดารงชีวิตตามปกติเหมือนเด็กทัว่ ไป และควรเตรี ยม
ความพร้ อมเด็กให้ เข้ าสูค่ ลินิกผู้ใหญ่
การส่ งต่ อสู่ คลินิกผู้ใหญ่ (Transition to adult clinic)