Professional Documents
Culture Documents
ปลสยภาค
ปลสยภาค
การประมงและการเพาะเลียงสัตว์ นํา
ทําไมสัตว์ นําลดลง?
ผลผลิตสัตว ์นํ า
จากธรรมชาติ & การเพาะเลียง
ก่อนลงทุนการเพาะเลียงสัตว ์นํ า
• อดีต
• ปั จจุบน
ั คํานึ งถึงอะไรบ้าง
1
9/21/2020
14) จํานวนรอบการผลิต/ปี
9) แรงงาน 15) ศักยภาพการผลิตต่ อพืนที
10) เงินลงทุนเริ มแรก 16) ความเสียงในการเลียงและการตลาด
11) แหล่ งข้ อมูลทางวิชาการและเทคโนโลยีการผลิต 17) ภาษีและข้ อจํากัดทางการใช้ พนที
ื
12) ผลตอบแทนและกําไร
13) ต้ นทุนการผลิต
2
9/21/2020
กุ้งทะเล
กุ้งกุลาดํา VS กุ้งขาว
Penaeus monodon VS Litopenaeus vannamei
3
9/21/2020
4
9/21/2020
Examination of Gonad
Development
Stage of Ovarian Development
ระยะที 1 (ระยะไข่อ่อน)
ระยะที 2 (ระยะเริ มเจริ ญ)
ระยะที 3 (ระยะเจริ ญเต็มที )
ระยะที 4 (ระยะไข่สก ุ)
ระยะที 5 (ระยะวางไข่)
ปริ มาณและคุณภาพนําทะเล
แหล่งพ่อแม่พน
ั ธุ์
สาธารณูปโภค
สภาพดิ นฟ้าอากาศ
ที ดิ นและสิ งก่อสร้าง
อุปกรณ์ โรงเพาะฟัก
อุปกรณ์ หอ
้ งทดลอง
5
9/21/2020
6
9/21/2020
7
9/21/2020
8
9/21/2020
9
9/21/2020
10
9/21/2020
11
9/21/2020
12
9/21/2020
13
9/21/2020
14
9/21/2020
15
9/21/2020
กุ้งก้ ามกราม
(Giant Freshwater Prawn)
Macrobrachium rosenbergii
16
9/21/2020
3 15 18.00 -
ตกอยู่ตามก้ นบ่อออกทุกวัน ควร
เปลียนนํา50% ทุกวัน
หลังจากนันควรทําการย้ ายบ่อ
Blue Swimming Crab
ทุกๆ 7 วัน
4-5
6
15
10
18.00
07.00-18.00
-
17
9/21/2020
อัณฑะ การพัฒนาการของไข่
รังไข่
vas deference
เพศผู้ เพศเมีย
ระบบสืบพันธุ์
18
9/21/2020
ปูทะเล ชนิดปูทะเล
อย่ างน้ อย 3 ชนิด
Mud Crab
Scylla tranquebarica
S. oceanica
Scylla spp. S. serrata
19
9/21/2020
ปูนิม
ปูนิม
20
9/21/2020
กะพงขาว
Sea Bass
Lates calcarifer
21
9/21/2020
หอย (Mollusks)
ตะโกรมกรามขาว (Crassostrea belcheri)
หอยตะโกรมกรามดํา (Crassostrea lugubris)
หอยนางรมปากจีบ (Saccostrea cucullata)
หอยแมลงภู่ (Perna viridis)
หอยแครง (Anadara granosa)
22
9/21/2020
23
9/21/2020
24
9/21/2020
มาตรฐานฟาร์ ม
ความปลอดภัยหลังการเก็บเกียว
การตรวจสอบย้ อนกลับ (Traceability) ใน
ผลิตภัณฑ์
25
309103 : Marine Science
การใช้ประโยชน์และ
ทรัพยากรธรรมชาติจากทะเล
(อาหารและเวชภัณฑ์)
ผศ.ดร.สวามินี ธีระวุฒิ
1
309103 : Marine Science
1. การแปรรูปสัตว์น้ํา
2 S. Teerawut
309103 : Marine Science
1.1 ความสําคัญของการประมง
3 S. Teerawut
309103 : Marine Science
4 S. Teerawut
309103 : Marine Science
5 S. Teerawut
309103 : Marine Science
1.2 สาเหตุการเนาเสียของสัตวน้ํา
6 S. Teerawut
309103 : Marine Science
แช่แข็ง
เก็บถนอมและแปรรู ป บรรจุกระป๋ อง
เป็ นอาหารมนุ ษย ์
ตากแห้ง ดองเค็ม หมักดอง
สัตว ์นํ ้ าสดจากแหล่งจับ รมควัน
- สัตว ์นํ ้ าจืด
- สัตว ์ทะเล ปลาป่ น
แปรรู ปเป็ นอาหารสัตว ์และ นํ ้ ามันปลา
ผลิตภัณฑ ์อุตสาหกรรม ปุ๋ ย
การใชประโยชนจากสัตวน้ํา
7 S. Teerawut
309103 : Marine Science
1.3 จุดประสงคและความสําคัญของการถนอมอาหาร
• ยืดอายุการเก็บอาหารไวใหไดนาน
• รักษาคุณคาทางอาหาร
• บรรเทาความขาดแคลนอาหาร
• ใหเกิดการกระจายอาหาร
• ใหมีอาหารบริโภคนอกฤดูกาล
• ใชอาหารเหลือใหเกิดประโยชน
• ใหเกิดความสะดวกในการขนสง
• เพิ่มมูลคาผลผลิตทางการเกษตร และลดปญหาผลผลิตลนตลาด
8 S. Teerawut
309103 : Marine Science
หลักการถนอมอาหาร
1. ปองกัน/ ยืดเวลาการสลายตัวที่เกิดขึ้นเองของอาหาร
2. ปองกัน/ ยืดเวลาการยอยสลายอาหารที่เกิดจากจุลินทรีย
3. ปองกัน/ ยืดเวลาการเสื่อมสภาพของไขมันในอาหาร
4. ปองกันความเสียหายของอาหารจากแมลง
9 S. Teerawut
309103 : Marine Science
1.4 ประเภทผลิตภัณฑสัตวน้ํา
Ice cream
ผลิตภัณฑอาหาร
ผลิตภัณฑอุตสาหกรรม
ผลิตภัณฑเกษตรกรรม
ผลิตภัณฑยา
10 S. Teerawut
309103 : Marine Science
1.5 หลักการถนอมและแปรรูปสัตวน้ํา
• Curing
• Low temperature
• High temperature
11 S. Teerawut
309103 : Marine Science
12 S. Teerawut
309103 : Marine Science
Drying
Salting
Smoking
Fermented fish products
13 S. Teerawut
309103 : Marine Science
การตากแหง (drying)
14 S. Teerawut
309103 : Marine Science
การตากแหง (drying)
hydrolysis oxidation
Aw < 0.7
15 S. Teerawut
309103 : Marine Science
จุดประสงคของการตากแหง
• ลดปริมาณน้ํา ยืดอายุการเก็บรักษา
• ลดน้ําหนัก ขนสงสะดวก
ขอดีของการตากแหง
– นน.เบาชวยลดคาใชจายในการขนสง
– ตนทุนการผลิตและคาใชจายในการเก็บรักษาต่ํา
– ไมตองใชเครื่องมือเครื่องใชพิเศษ
16 S. Teerawut
309103 : Marine Science
การเสื่อมเสียของอาหารแหงระหวางการเก็บรักษา
oxidation
enzyme
temperature
การจับกันเปนกอน
17 S. Teerawut
309103 : Marine Science
การทําเค็ม (salting)
18 S. Teerawut
309103 : Marine Science
การเก็บถนอมอาหารโดยการใสเกลือ
• การใสเกลือ = เกลือเปนหลักสําคัญในการปองกันการเนาเสีย
• ปลาเค็มจํานวนมากมีคุณภาพต่ําเนื่องจากใชวัตถุดิบคุณภาพต่ํา
19 S. Teerawut
309103 : Marine Science
• วัตถุประสงคของการใสเกลือ
- ดึงนํ้าออกจากอาหาร
- ลดค่ า Aw
- ยับยัง้ /ทําลายจลุ นิ ทรี ย์
- ยับยัง้ การทํางานของเอนไซม์
20 S. Teerawut
309103 : Marine Science
การเสื่อมคุณภาพของปลาเค็ม
• จากจุลินทรีย
- Red halophilic bacteria
- Yeasts and molds
• จากปฏิกิริยาออกซิเดชัน
- เกิดกลิ่นหืน
- สูญเสียคุณคาทางอาหาร
- เกิดสารกอมะเร็ง
• การเกิด histamine หรือ nitrosamine
• การเสียจากแมลง
21 S. Teerawut
309103 : Marine Science
การรมควัน (smoking)
22 S. Teerawut
309103 : Marine Science
ขั้นตอนการรมควัน
1. เตรี ยมวัตถุดบิ
2. ปรุงรส
3. ผึง่ ให้ แห้ ง
4. รมควัน
5. การบรรจุ
23 S. Teerawut
309103 : Marine Science
การเสื่อมคุณภาพของสัตวน้ํารมควัน
• สูญเสียคุณคาทางอาหาร
• เกิดออกซิเดชันของไขมัน
• เสื่อมคุณภาพจากจุลินทรีย
• แตกหักเปนชิน้ เล็ก ๆ
• ถูกทําลายโดยแมลง
24 S. Teerawut
309103 : Marine Science
25 S. Teerawut
309103 : Marine Science
ปจจัยที่มีความสําคัญตอการหมัก
1. จลุ นิ ทรี ย์
2. วัตถุดบิ ปลาหรื อสัตว์ นํ้าชนิดอื่นๆ เกลือ คาร์ โบไฮเดรต
3. การควบคมุ สภาวะการหมัก
26 S. Teerawut
309103 : Marine Science
ผลิตภัณฑสัตวน้ําหมักดอง
27 S. Teerawut
309103 : Marine Science
28 S. Teerawut
309103 : Marine Science
• Chilling
• Freezing
การแชเย็น
ควบคุมอุณหภูมิของอาหาร 0oC - 8oC
เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณค่าทางโภชนาการ + คุณสมบัติทางประสาทสัมผัสน้อยที่สุด
การแชเยือกแข็ง (Freezing)
• ลดอุณหภูมิของอาหารให้ต่าํ กว่าจุดเยือกแข็ง
• นํ้า ผลึกนํ้าแข็ง
30 S. Teerawut
309103 : Marine Science
ขอดีผลิตภัณฑแชเยือกแข็ง
- คงสภาพความสดไดใกลเคียงกับอาหารสดมากที่สุด
- คงคุณคาทางโภชนาการ
- ถนอมรักษาอาหารใหนานขึ้น
ปจจัยที่ทําใหเกิดการเสียของสัตวน้ํา
Autolysis enzyme
Bacterial decomposition
31 S. Teerawut
309103 : Marine Science
ทําไมการแชเยือกแข็งอาหารจึงทําให
เก็บรักษาอาหารใหนานขึ้น???
• อุณหภูมิต่ํา
- ยับยัง้ การเจริ ญของจลุ นิ ทรี ย์
***การแชแข็งอาหารไมไดทําลายจุลินทรีย
• ลดคา Aw
- ยับยัง้ การเจริ ญของจลุ นิ ทรี ย์
- ลดการเปลีย่ นแปลงทางชีวเคมี
32 S. Teerawut
309103 : Marine Science
33 S. Teerawut
309103 : Marine Science
1. Pasteurization
2. Sterilization
การทําให้อาหารปราศจากเชื้อโรคที่เป็ นอันตรายต่อผูบ
้ ริ โภค และทําลาย
จุลินทรี ย/์ สปอร์ที่เป็ นสาเหตุทาํ ให้เกิดการเน่าเสี ย
ความร้อนในการสเตอริ ไลซ์ 100-130 oC
มีประสิ ทธิ ภาพสู ง เช่น UHT (Ultra High Temperature) โดยจะใช้อุณหภูมิ
34 S. Teerawut
309103 : Marine Science
35 S. Teerawut
309103 : Marine Science
การเสียของอาหารกระปอง
- Chemical spoilage
- Physical spoilage
- Microbial spoilage
S. Teerawut
309103 : Marine Science
2. สารสกัดจากสัตว์น้ํา
37 S. Teerawut
309103 : Marine Science
Fish oil
• คือ นํ้ามันที่สกัดจากส่ วนของเนื้อปลา หนัง หัว และหาง ของปลาทะเลนํ้าลึก
โดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ในนํ้ามันปลามีกรดไขมันหลายชนิด แต่ที่สาํ คัญและมี
การนํามาใช้ ทางการแพทย์ คือ กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3
(โครงสร้างของกรดไขมัน)
38 S. Teerawut
309103 : Marine Science
1. (ตอ)
แบ่งออกได้เป็ น 2 ชนิดตามโครงสร้างทางเคมี คือ
– Saturated fatty acids
– Unaturated fatty acids:
–MUFA (กรดโอเลอิค/โอเมก้า 9)
–PUFA (กรดไลโนเลอิค/โอเมก้า 6 และ กรดแอลฟาไล
โนเลนิค /โอเมก้า 3)
39 S. Teerawut
309103 : Marine Science
1. (ตอ)
ชนิด สวนประกอบ หนาที่
1. EPA ลดโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์และ
เพิ่ม HDL ในเลือดได้
Alpha Lenolenic acid
2. DHA เป็ นส่ วนประกอบของเซลล์ ส่ วนสมอง
โอเมก้า 3 1000 mg
โอเมก้า บํารุ งสมอง
(EPA 180 mg
3 3. EPA นําไปสร้าง Prostaglandins-3 ซึ่งทําให้เกล็ด
+
เลือดไม่เกาะกัน และนําไปสร้าง Tromboxan-3
DHA 120 mg)
ซึ่งมีผลต่อการเกาะกันของเกล็ดเลือดน้อยมาก
ผลรวมจึงทําให้เกล็ดเลือดไม่แข็งตัวง่าย
40 S. Teerawut
309103 : Marine Science
Cancer and tumer
โรคหัวใจพิบตั ิ (heart attact) โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน (atherosclerosis)
42 S. Teerawut
309103 : Marine Science
2.3 การหืนของน้ํามันปลา
hydrolytic rancidity
ketonic rancidity
oxidative rancidity
43 S. Teerawut
309103 : Marine Science
Collagen
44 S. Teerawut
309103 : Marine Science
คอลลาเจน
- เป็ นโปรตีนโครงสร้างหลักที่พบในร่ างกายสัตว์ มีอยู่ 30% ของส่ วนที่
เป็ นโปรตีนทั้งหมดในร่ างกายสัตว์
‐ พบในผิวหนัง กระดูก เอ็น และกระดูกอ่อน
45 S. Teerawut
309103 : Marine Science
โครงสร้ างของคอลลาเจน
46 S. Teerawut
309103 : Marine Science
โครงสรางของคอลลาเจน
(a) ลําดับของกรดอะมิโน (b)โครงสรางของโทรโปคอลลาเจน
(c) การจัดเรียงตัวของโทรโปคอลลาเจนเปนเสนใยคอลลาเจน (gly, pro, hyp)
47
309103 : Marine Science
3.2 (ต่ อ)
– การที่โครงสร้างของคอลลาเจนมีลกั ษณะเป็ นเกลียว โดยมีพนั ธะ
ไฮโดรเจนเชื่อมทําให้
• คอลลาเจนมีความแข็งแรง
• คงตัวมากขึ้น
• เกิดปฏิกิริยากับโมเลกุลอื่นได้ยาก ทําให้คอลลาเจนไม่ละลายนํ้า
48
309103 : Marine Science
3.2 (ต่ อ)
– ภายในโทรโปคอลลาเจนอาจมีการสร้างพันธะระหว่างสายฮีลิกซ์
(intramolecular crosslinking)
– มีการสร้างพันธะระหว่างโทรโปรคอลลาเจนเอง (intermolecular
crosslinking) ทําให้เส้นใยคอลลาเจนมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น
49
309103 : Marine Science
Agar
Agar : คุณสมบัติ
ไม่ละลายนํ้าเย็น
การเกิดเจล
ความแข็งแรงของเจล Original structure of agar repeat unit
ความหนืด
52 S. Teerawut
309103 : Marine Science
Agar : การใชประโยชน
ขนมหวาน
ขนมอบ
เนื้อบรรจุกระป๋ อง
Confectionary
ผลิตภัณฑ์นม
อาหารเลี้ยงเชื้อ
53 S. Teerawut
309103 : Marine Science
Chitin
• N-acetyl-D-glucosamine เรียงตอกันเปนสาย
54 S. Teerawut
309103 : Marine Science
N-acetyl-D-glucosamine เรียงตอกันเปนสาย
55 S. Teerawut
309103 : Marine Science
คุณสมบัติของไคติน
• ละลายได้...........ในกรดอนินทรี ย ์ เช่น กรดเกลือ กรดกํามะถัน
กรดฟอสฟอริ ก และกรดฟอร์มิกที่ปราศจากนํ้า
• ไม่ละลาย.......ในด่างเจือจาง แอลกอฮอล์ และตัวทําละลาย
อินทรี ยอ์ ื่น ๆ
• โครงสร้างและสมบัติแตกต่างกันโดยแบ่งตามลักษณะการเรี ยง
ตัวของเส้นใย
56 S. Teerawut
309103 : Marine Science
1.1.2 แหลงที่พบไคติน
• สัตวไมมีกระดูกสันหลัง ประเภทมีขอปลอง (Arthopods)
หนอนทะเล (Annelida)
หอย (Mollusk)
Coelentera
57 S. Teerawut
309103 : Marine Science
58 S. Teerawut
309103 : Marine Science
59 S. Teerawut
309103 : Marine Science
ไคโตซาน
60 S. Teerawut
309103 : Marine Science
(ตอ)
•น้ําหนักโมเลกุลของไคโตซานบอกถึงความยาวของสายไคโตซาน ซึ่งมี
ผลตอความหนืด
•การนําไคโตซานไปใชประโยชนจะตองพิจารณาทั้ง
- เปอรเซ็นตการเกิด deacetylation
- น้ําหนักโมเลกุล
61 S. Teerawut
309103 : Marine Science
รูปแบบของไคโตซานที่ผลิตขึ้นมาจําหนาย
1. เกล็ดหรือแผนบางเล็กๆ (flake)
2. ผงละเอียดคลายแปง (micromilled powder)
3. สารละลายเปนของเหลวหนืด (solutions)
4. รูปเม็ดจิ๋วขนาดประมาณ 300-500
ไมโครเมตร (bead)
62 S. Teerawut
309103 : Marine Science
63 S. Teerawut
309103 : Marine Science
64 S. Teerawut
Marine Vertebrate
วิภูษิต มัณฑะจิตร
วาริ ชศาสตร์
Subphylum Vertebrata
Cuvier 1812.
58,000 species.
Chordates with backbones and spinal
columns.
ข้อกระดุกสันหลัง (Vetebre)
กระเปาะคอ (pharyngeal pouches) หรื อช่องเหงือก (slits)
ระบบประสาทยุบตัว มาทางด้านหลัง
มีเซลล์สร้างฮอร์โมน thyroxin
Subphylum Vertebrata
ลักษณะเฉพาะของไฟลัมย่อย
กระดูกสันหลัง (backbone) อยูเ่ ป็ นแนวยาวตามด้านหลังของสัตว์
ต่อกันเป็ นข้อๆ ยืดหยุน่ เคลือ่ นไหวได้
ช่วยพยุงร่างกายให้เป็ นรูปร่างทรวดทรงอยูไ่ ด้
ช่วยป้ องกันไขสันหลัง (spinal cord)
ระบบของกล้ามเนื้อ จานวนมาก 2 กลุม่ ใหญ่
ระบบประสาท 3 ส่วน
กลาง (วางในกระดูกสันหลังเป็ นส่วน)
สาขา
อัตโนมัติ
สัตว์มกี ระดูกสันหลัง แบ่งออกเป็ น 2 superclass (มี/ไม่มกี ระโหลก)
Phylogenic Tree of
Chordates
Vertebrata
CHORDATA Classification
PHYLUM CHORDATA: 3 subphylum
Subphylum UROCHORDAT
Subphylum CEPHALOCHORDATA
Subphylum VERTEBRATA (CRANIATA)
Superclass AGNATHA 2 Classes "no jaws"
Class MYXINI
Class CEPHALASPIDOMORPHII
Superclass GNATHOSTOMATA 6 Classes jaw + mouth”
Class CHONDRICHTHYES (ปลากระดูกอ่อน)
Class OSTEICTHYES (ปลากระดูกแข็ง)
Class AMPHIBIA (สัตว์ครึ่ งบกครึ่ งน้ า)
Class REPTILIA (สัตว์เลื้อยคลาน)
Class AVES (นก)
Class MAMMALIA (สัตว์เล้ยงลูกด้วยน้ านม)
ความหลากหลายของชนิด 1
SP Urochordata 2,000 เพรี ยงหัวหอม (tunicate)
SP Cephalochordata 29 amphioxus - lancelets
SP Vertebrata 54,000
A. SuperClass Agnatha ปลาปากกลม
1. Myxinoidea 65 hagfish
2. Petromyzontia 41 lampreys
B. SuperClass Gnathostomata ปลามีขากรรไก, tetrapods
3. Chondrichthyes
Elasmobranchii 850 ปลากรพกูกอ่ อน (ฉลาม ประเบน)
Holocephali 30 ปลากระรอก (=chimaeras)
4. Osteicthyes 20,000 ปลากระดูกแข็ง
Sarcopterygii 7 ปลามีปอด ปลาซีลาแค้ นท์
ความหลากหลายของชนิด 2
5. Amphibia 6,000 species
5.1 Gymnophiona 165 ไส้เดือน+งู caecilians
5.2 Caudata 500 กระท่าง salamanders
5.3 Anura 4800 กบ
6. Reptilia 7000 species
6.1 Squamata 6800 Snake -lizards
Lacertilia Lizard
Amphisbaenia worm lizard
Serpentes 2900 งู
6.2 Testudinata 300 เต่า
6.3 Crocodilia 25 จรเข้ alligators, crocodiles
6.4 Rhynchocephalia 1 กิ่งก่าTautara
7. Aves 9900 species (2 subclass 27 orders)
8. Mammalia 5000 species (3 subclass ** orders)
Monotremata 6 platypus, spiny anteaters
Marsupialia 275 opossum, kangaroos, etc.
Eutheria 4700 mice, bats, elephants, horses,
dolphin, dugong, human
How many species are aquatic vertebrates
The Vertebrate Story
เริม่ พบยุค Cambrian ถึง Ordovician (600 – 500 MY.)
มีประมาณ 54,000 ชนิด ทีด่ ารงพันธุอ์ ยู่
จานวนชนิดขึน้ อยูก่ บั ชนิดของปลา
(จานวนชนิดประมาณ 29.000 ชนิด)
ความแตกต่างของขนาด
(Paedocypris progenetica)
- ปลาซิวเคราะ 0.00001 กิโลกรัม
- ปลาวาฬสีฟ้า เพศเมีย 100,000 กิโลกรัม
100 ล้านเท่า
Balsenoptera musculus
Subphylum Vertebrata
8 living classes
1. Myxii
2. Cephalaspidomorphii
3. Chondrichthyes
4. Osteichthyes
5. Amphibia
6. Reptilia Crocodylus siamensis
7. Avis
8. Mamalia
SP3. Vertebrata 1
มีลาตัวเหมือนกันทัง้ สองด้าน (bilateral symmetry)
ส่วนของลาตัวแบ่งออกเป็ น 3 ส่วนได้ชดั เจน
มีอวัยวะใช้ในการหายใจ เช่น เหงือก และปอด
มีโนโตคอร์ดเป็ น แกนพยุงลาตัว และพัฒนาเป็ นกระดูกสันหลัง
ระบบประสาทอยูต่ ามความยาวของลาตัวเหนือกระดูกสันหลัง
ระบบทางเดินอาหารมีทางเข้าและออกแยกออกจากกัน
ท่อทางเดินอาหารแบ่งเป็ น ปาก ช่องคอ หลอดอาหาร กระเพาะ
อาหาร และลาไส้ ตอนต้นของทางเดินอาหารมีตบั อยูด่ ว้ ย
SP3. Vertebrata 2
ไตอยูเ่ ป็ นคูท่ างด้านบนตามช่องว่างของลาตัว
อวัยวะสืบพันธุ์ แบ่งออกเป็ นสองเพศแยกออกจากกัน
ระบบทางเดินโลหิตเป็ นระบบปิ ด มีหวั ใจเป็ นอวัยวะสูบฉีดโลหิต
ช่องว่างภายในลาตัว แบ่งออกเป็ นส่วนๆ ตามอวัยวะทีอ่ ยู่
ระบบโครงร่าง มีกระดูก 2 ชนิดคือกระดูกอ่อน (cartilaginous bone)
และ กระดูกแข็ง (bone)
ระยางค์คู่ มีไม่เกิน 2 คู่
การแบ่งเป็ นข้อ หรือปล้องมองเห็นไม่ชดั เจนจากภายนอก
ความหลากหลายของสัตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
อยูใ่ นน้ า
ปลา 29,000 ชนิด 100%
สัตว์ครึ่ งบกครึ่ งน้ า 2,500 ชนิด
สัตว์เลื้อยคลาน 6,000 ชนิด
นก 8,600 ชนิด
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ านม 4,500 ชนิด
Superclass Gnathostomata
Class Chondricthyes (ปลากระดูกอ่อน)
Class Osteichthyes (ปลากระดูกแข็ง)
Superclass Agnatha ไม่มีขากรรไก
Class Myximi
Class Petromyzones
Class 1: Myximi (hagfishes)
สัตว์ทะเล
มีกระโหลก แต่ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีฟันเทียม มีสาร keratin เป็ นองค์ประกอบ
ตาไม่สมบูรณ์ eyespots.
ไม่มคี รีบทีแ่ ท้จริง
หนวด 6 หรือ 8 เส้น
รูจมูก 1 รู
"slime eels"
7 genera, 100 species
Myxine kuoi
Class 2: Petromyzones (Lampreys)
ฟั น เหมือนท่อ ปากดูดทรงกลม
มีรเู ปิ ดเหงือก
9 genus 40 species
อยุใ่ นเขตอบอุน่
Superclass Gnathostomata มีขากรรไก
1. Chondrichthyes ปลากระดูกอ่อน
2. Osteichthyes ปลากระดูกแข็ง
Class 3 Chondrichthyes
ปลากระดูกอ่อน
2 subclasses
Subclass Elasmobranchii ปลาฉลาม กระเบน
Subclass Holocephali ปลากระรอก
1. บรรพบุรษ
ุ มีกระดูกแข็ง กระดูกอ่อนพัฒนาเป็ นพิเศษ
2. ครีบท้องของตัวผู้ มีสว่ นพัฒนาเป็ นอวัยวะสืพพันธุ์ Clasper
3. เกล็ดเป็ นแบบ placoid
4. ฟั น Homodon
Subclass 1: Elasmobrancii
Heterocercal
Tail
Subclass 2: Holocephalii
Order. Chimaeriformes
elephant fishes, ghost shark,
spookfishes
ปลาทะเล
ช่องเปิ ดเหงือก มีแผ่นเนื้อเยือ
่ ปิ ด และรูน้า
เปิ ด
เกล็ดมีน้อย
บรรพบุรษ ุ เดียวกับฉลาม
Chimaeriformes
Class 4 Osteichthyes
Teleostomi
ปลากระดูกแข็ง
1. กระดูกเป็ นกระดูกแข็งทัว้ หมด หรือเกือบทัง้ หมด
2. ช่องเหงือก ปิ ดด้วยแผ่นกระดูกปิ ดเหงือก (operculum )
3. ผิวหนังปกคุมด้วยเกล็ด
4. มักมีกระเพาะลม (swim bladder)
5. ครีบมีกา้ นครีบ หรือเป็ นชิน
้
6. มีระยางค์คู่ 2 คู่
7. มีรงู มูก เป็ นคู่ (อาจมากกว่า 1 คู)่
แบ่งเป็ น 2 subclasses
1. Sarcopterigii 2. Actinopterigii
4.1 Subclass Sarcopterygii
ปลาปอด ปลาครีบเป็ นชิน้ (lobe-finned fishes)
ครีบคู่ เป็ นชิน้
ฐานครีบมีเกล็ดค้าอยู่ และมีชน้ิ กระดูกช่วย
เฉพาะปลาปอดมีมรี จู มูกน้าเข้าออก
4.1 Subclass Sarcopterygii
ปลาครีบเป็ นชิน้ : 3 orders.
1 Order Crossopterygii - พบยุค Paleozoic.
- ลักษณะเริม ่ ต้นขอ งสัตว์คง่ึ บกครึง่ น้า ( amphibians)
- ปอดเดีย่ ว หรือปอดคู่ หัวใจและระบบหมุนเวียนโลหิต.
- แหล่งน้ าจืด ตืน
้ มี oxygen ต่า ไม่พอสาหรับการใช้เหงือก
- กระดูกของครีบ เหมือนกับ กระดูกระยางค์ของ tetrapod
- กระดูกอ่อน
- กระโหลกคล้ายกับสัตว์ครึง่ บกครึง่ น้ ายุคแรก (amphibians)
- กระเพาะลม อาจทาหน้าทีค ่ ล้ายปอด
- หางมี 3 พลู หุม ้ ด้วยเกล็ดแข็ง
1. Order Crossopterygii
Devonian
Jurassic
Present
4.1 Subclass Sarcopterygii
2. Order Coelacanthiformes
Family Latimeriidae
Latimeria
Macropoma
กลุม่ โบราณทีส่ ดุ ทีเ่ ชือ่ มกับปลามีขากรรไก (gnathostomata)
เชือ่ มโยงระหว่าง lungfishes กับ tetrapods.
Latimeria chalumna พบชายฝั ง่ ตะวันออกของ อาฟริกกาใต้
แม่น้า chalumna ปี 1938.
Latimeria menadoensis พบทีเ่ กาะ Sulawesi, Indonesia
ปี 1999
Latimeria chalumna Latimeria menadoensis
Macropoma spp.
สกุลทีส่ ญ
ู พันธุ.์
ยุค Cretaceous
ใกล้ชดิ Latimia
อาศัยอยูบ่ ริเวณน้ า
ตืน้ .
4.1 Subclass Sarcopterygii
3 Order Dipnoi – ปลาปอด lungfish
3 สกุลมีชวี ติ อยู่ กระจายตามภูมภิ าคของโลก
1. South America
2. Africa
3. Australia
Lepisosteus osseus
Neopterygii
2 orders
1. Lepisosteiformes Gars
1 family 4 species
2. Amiiformes Bowfin
1 species
Amia calva Linnaeus, 1766
4.3 Subclass Teleostei
ปลา ครีบเป็ นก้าน (ray-finned fishes)
ปลากระดูกแข็งปั จจุบนั
95% ของปลาปั จจุบน ั
38 orders ของปลาปั จจุบน ั
กระดูก (กาง) เป็ นกระดูกแข็ง (oscillate)
เกล็ด ยืดหยุน่ และเรียงซ้อน แบบ cycloid หรือ ctenoid
บางกลุม่ ไม่มเี กล็ด (ปลาดุก)
ครีบอก มักอยูใ่ กล้หวั
ไม่มรี เู หงือก
Order Cypriniformes
ปลาไน Carps.
ปลาน้าจืดแท้
กระจายทัวไป
่ ทุกอนุภมู ภิ าค
Eurasia, Africa, and North America.
ไม่มฟี ั นบนขากรรไก
มีฟันทีค่ อหอย
กินพืช สัตว์ทขนาดเล็ก
Order Perciformes 1
ปลาทะเล
เป็ น order ใหญทีส่ ดุ ของปลา
เป็ น order ใหญทีส่ ดุ ของสัตว์มกี ระดูกสันหลัง
1 ใน 5 ของสัตว์มก
ี ระดูกสันหลัง
มีชนิดมากกว่า 9,000 ชนิด
อาจไม่ได้มาจาก บรรพบุรษุ เดียวกัน
พบได้เกือบทุกแห่ง
เขตร้อน ถึงเขตหนาว
มีขนาดแตกต่างกันมาก 1 cm ปลาบู่ 4,500 cm ปลากรโทงแทงดา
Order Perciformes 2
few examples of
perciform fishes include
angelfishes,
barracudas, gobies,
basses, gouramies,
blennies, mackerels,
butterflyfishes, parrotfishes,
cardinalfishes, whitings,
cichlids, sea basses,
damselfishes, sillagos,
fusiliers, snappers,
glassfishes, sweepers,
goatfish wrasses,
Order
Tetraodontiformes
ปลาปั กเป้ า
ส่วนใหญ่อยูท่ ะเล
ฟั นรวมกันเป้ นแผ่น คล้ายปากนกแก้ว
เกล็ดเปลีย่ นเป็ นหนาม หรือเกราะ
ปลากวาง
ปลาปั กเป้ า
ปลาพระอาทิตย์
Mola mola
5. Class Amphibia
Amphibian มาจากภาษากรีก
Amphi referring to "both"
bio referring to “life”.
"amphíbios" = both kinds of life.
หมายถึงสัตว์ทอ่ี าศัยอยูท่ งั ้ บนบกและในน้ า
สะเทินน้าสะเทินบก
สั ตว์ สะเทินน้าสะเทินบก
มีต่อมเมือกทาให้ผวิ หนังชุม่ ชืน้ ตลอดเวลา ผิวหนังเปี ยกลืน่ อยูเ่ สมอ
ไม่มเี กล็ดหรือขน
หายใจด้วยเหงือก ปอด ผิวหนัง หรือผิวในปากในคอ
สืบพันธุโ์ ดยการผสมพันธุภ์ ายนอกลาตัว สืบพันธ์เมือ่ อายุ 2–3 ปี
ตัวผูม้ กั มีถุงลมปากเพือ่ ใช้สง่ เสียงร้องเรียกตัวเมีย
ออกลูกเป็ นไข่อยูใ่ นน้า ไม่มเี ปลือก
วางไข่เป็ นกลุม่ ในน้ามีสารเป็ นวุน้ หุม้
สัตว์ครึง่ บกครึง่ น้าเป็ นสัตว์เลือดเย็น เช่น เดียวกับสัตว์พวกปลา
สั ตว์ สะเทินน้าสะเทินบก
ลูกอ่อนทีอ่ อกจากไข่มรี ปู ร่างคล้ายปลาอยูใ่ นน้าหายใจด้วย
เหงือก
โตเต็มทีม่ ปี อด หายใจ
ขึน้ บกได้ แต่ตอ้ งอยูใ่ กล้น้า เช่น กบ คางคก อึง่ อ่าง เขียด
ซาลามานเดอร์
การเปลีย่ นแปลงรูปร่างทัง้ ภายนอกและภายในอย่างสิน้ เชิง ไป
ตามวงจรชีวติ (Metamorphosis)
ตัวอ่อนอาศัยอยูใ่ นน้า หายใจด้วยเหงือก
ตัวโตเปลีย่ นรูปร่างอาศัยอยูบ่ นบก หายใจด้วยปอดหรือผิวหนัง
สั ตว์ สะเทินน้าสะเทินบก
ฤดูหนาวถึงฤดูรอ้ น สัตว์พวกนี่สว่ นใหญ่จะขุดรูจาศีล หนีความแล้ง
ผิวหนังแห้ง อาจหายใจไม่ได้ และอาจตาย
ก๊าชจากอากาศต้องละลายไปกับน้าเมือกทีผ่ วิ หนัง แล้วจึงแพร่เข้าสู้
กระแสโลหิต
ระยะจาศีล ใช้อาหารทีส่ ะสมไว้ในร่างกาย
นิวต์และซาลามานเดอร์ เมือ่ เจริญเติบโตเต็มทีจ่ ะยังคงหางไว้
กินแมลง และ หนอนทีย่ งั มีชวี ติ อยู่
Newt larva
5. Class Amphibia
เขียดงู
ระยางค์ 2 คู่
ยกเว้น Caecilians
http://games.konseo.com/
(Gymnophiona) video-DMvL4zOLSeM
ระยางค์หายหมด
Andrias davidianus
Chinese giant salamander
1.8 m.
5. Class Amphibia
Amphibians ยุคแรก พบในช่วง Devonian Period
(400)
เหมือนกับ coelacanth และ lungfish
ครีบ เปลีย่ นเป็ นขา
บนบกปลอดภัยจากปลานักล่าขนาดยักษ์
2 ปั ญหาหลัก ของการเปลีย ่ นมาอาศัยอยูบ่ นบก
- อาหารทีก่ นิ อยูใ่ นน้า
- ผิวหนังไม่ใช่ แบบเก็บน้ า water-tight
3 Living orders 170 species
Gymnophiona, Caudata และ Anura
5.1 Order Gymnophiona
เขียดงู Caecilians
แปลกทีส่ ดุ ใน Amphibians
ไม่มขี า
เหมือนไส้เดือนขนาดยักษ์
อาศัยในป่ าดิบชื้น
ขุดรูในดิน หรือแหล่งน้ าจืด Gymnopsis syntrema
Ichthyophis cardamomensis
Geissler et al., 2014
is a genus of caecilians (limbless amphibians, sometimes called
the Asian caecilians) found in Southeast Asia, the southern
Philippines, and the western Indo-Australian Archipelago.
In Sri Lanka, three species occur, and all are found in almost all
habitats, preferring moister ones. The most common is
Ichthyophis glutinosus, which is found in almost all altitudes; the
others are I. orthoplicatus, which is found in similar habitat to I.
glutinosus, but is never found in lowlands below 460 metres
(1,510 ft) above sea level; and I. pseudangularis, found in
lowlands below 1,200 metres (3,900 ft) ASL. A new species was
recently discovered called Ichthyophis multicolor.
5.2 Order Caudata
Salamanders จิง้ จกน้า (จืด)
Newts กระท่าง
มีหางเป็ นลักษณะเด่น
ระยางค์ 4 ข้าง ขนาดใกล้เคียงกัน
Salamanders จัดเป็ นสัตว์ครึง่ บกครึง่ น้ าแท้จริง อาศัยหา
กินบนบก สืบพันธุใ์ นน้า
ขณะที่ order อื่นเป็ นสัตว์น้า หรือสัตวืบก
ลาดับนี้ อาศัยอยูใ่ นเขตอบอุ่น ของซีกโลกเหนือ รวมถึงเขต
ร้อนของทวีปอเมริกากลางและใต้
Newts
Tylototiton verrucosus
5.3 Order Anura (Salientia)
กบ อึง่ อ่าง คางคก เขียด ปาด...
ประสบผลสาเร้งมากทีส่ ดุ ในการปรับตัว
พบในแหล่งน้าจืด ทุกแห่ง ทัวโลก
่
ลัการะเด่น มีรางกายรูปสีเ่ หลีย่ ม และขายาว สาหรับการ
กระโดด
กบปกติ ชอบสันโดด ยกเว้นฤดูผสมพันธุ์
รวมฝูงนาดใหญ่ได้
ส่วนใหญ่มรี ะยะตัวอ่อน เป็ นลูกอ๊อดtadpole ก่อนเลีย่ น
รูปร่างเหมือนตัวโต และมีปอด
ในช่วง ฤดูหนาม หรือภาวะแห้งแล้ง ปรับตัวโดยการจาศิล
ประเทศไทยพบ 1 ชนิด เป็ นสัตว์ทะเล
กบน้ าเค็ม Rana cancrivora
กบน้าเค็มเป็ นสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก
ชนิดเดียวในประเทศไทยทีอ่ าศัยอยูไ่ ด้ใน
น้าเค็ม
7 cm.
ผิวลาตัวมีสนี ้าตาลอ่อนแต้มลายจุด และ
ขีดสีน้าตาลเข้ม
ไข่เป็ นแพ
แมลงและลูกปลาขนาดเล็ก
ปากแม่น้า ป่ าชายแลน ชายฝั ง่ ทะเล
อ่างศิลา ชลบุร ี
6. Class Reptilia
สัตว์เลือ้ ยคลาน หายใจจากอากาศโดยตรง
สัตว์เลือดเย็น
ผิวหนังมีเกล็ดปกคลุม (scales or scutes)
เทีย่ บได้กบั ขนสัตว์ และขนนก
เป็ นสัตว์สข่ี า (tetrapods)
ออกลูกเป็ นไข่ เรียก amniote eggs
ตัวอ่อนพัฒนาอยูใ่ นไข่แดง หุม้ ด้วย amnion
membrane
Reptiles พบบนทุกทวีป ยกเว้น Arctic และ
Antarctica … ทาใม?
6. Reptilia
Reptile ส่วนใหญ้ป็น oviparous (ออกลูกเป็ นไข่)
Squamates ออกลูกเป็ นตัวได้
ovoviviparity (ออกลูกเป็ นไข่)
viviparity (ออกลูกเป็ นตัว)
viviparous กินรกของตัวเอง fetuses
(placenta analogous to mammals)
บางชนิดอนุบาลตัวอ่อนภายใน
ความแตกต่างของขนาด
- ตุ๊กแกจิว๋ Sphaerodactylus ariasae 1.6 cm.
- จรเข้น้ าเค็ม Crocodylus porosus 6 m
หนัก 1,000 kg.
วิชาเกีย่ วกับสัตวืเลือ้ ยคลาน เรียก “herpetolog”
6. Reptile
4 orders ทีย
่ งั ไม่สญ
ู พันธุ์
Testudines (turtles, tortoises, and terrapins):
300 species
Crocodilia (crocodiles, gavials, caimans, and
alligators): 23 species
Sphenodontia (tuatara from New Zealand):
2 species Rhynchocephala?
Squamata (lizards, snakes, and amphisbaenids
("worm-lizards"): 7,900 species
6.1 Order Testudines
เต่า Turtles ลักษณะสาคัญ มี:
- เปลือกขนาดใหญ่ (carapace) ด้านบนเป็ นแผ่นต่อกัน และ
ด้านล่างเป็ นแผ่นปิ ดอก breast-covering plastron.
พบทัวโลก่
มหาสมุทร แล่งน้าจืด บนแผ่นดิน
กลุม่ ทีอ่ ยูบ่ นบกเรียก “ tortoises “
เชือ่ ว่าเต่ามีอายุได้มากกว่า 150 ปี
300 million มีการเปลีย ่ นแปลง น้อยมากเมือ่ เทียบกับ
สัตว์เลือ้ ยคลานทัง้ หมด
กลุ่มพบในทะเล
Suborder Cryptodira
Infraorder Eucryptodira
Superfamily Chelonioidea (sea turtles)
• พบ ๕ ชนิดในน่านน้าไทย
Family Cheloniidae (green sea turtles )
Chelonia mydas Green sea turtle เต่าตนุ
Eretmochelys imbricata Hawksbill sea turtle เต่ากระ
Lepidochelys olivacea Olive ridley sea turtle เต่าหญ้า
Caretta caretta Loggerhead turtle เต่าหัวฆ้อน
Family Dermochelyidae (leatherback sea turtles)
Dermochelys coriacea เต่ามะเฟื อง
Chelonia mydas Green sea turtle เต่าตนุ
Lepidochelys olivacea Olive ridley sea turtle เต่าหญ้า
Caretta caretta Loggerhead turtle เต่าหัวฆ้อน
Dermochelys coriacea เต่ ามะเฟื อง
Leatherback
6.2 Order Crocodylia
22 species.
ใหญ่และน่ากลัวทีส่ ดุ ของสัตว์เลือ้ ยคลานปั จจุบนั
อาศัยในเขตร้อน และเขตอบอุ่น subtropical.
น้าจืด และน้าทะเล ทัวโลก
่
จรเข้มลี กั ษณะทัวไปเหมื
่ อนกิง้ ก่า
Crocodiles, Alligators, Caimans, and Gavials.
จรเข้ที่พบในประเทศไทย
๑ วงศ์ Crocodylidae Cuvier, 1807
ประเทศไทยมี ๓ ชนิด
จระเข้บงึ หรือ จระเข้น้าจืด (Crocodylus siamensis)
จระเข้อา้ ยเคีย่ ม หรือ จระเข้น้าเค็ม (Crocodylus porosus)
จระเข้ปากกระทุงเหว หรือ ตะโขง (Tomistoma schlegelii)
จระเข้น้ าเค็ม
จระเข้ปากกระทุงเหว
จระเข้น้ าเค็ม
ถ้าจระเข้
คลองพันเตมะละกา
6.3 Order Sphenodontida
หรือ Rhynchocephala
สัตว์บก
สัตว์เลื้อยคลานคล้ายกิ้งก่ายุคแรก
Tuataras
2 ชนิด พบที่ New Zealand เป็ น endemic
Sphenodon guntheri (Buller, 1877)
Sphenodon punctatus (Gray, 1842)
6.4 Order Squamata
สัตว์บก 6,847 species
3 suborders.
Lacertilia – กิ้งก่า
Aipysurus laevis
Thalassophis anomalus
7. Class Aves
ปี ก 1 คู,่ ขา 1 คู่
เลือดอุ่น endothermic
vertebrate ออกลูกเป็ นไข่
10,000 ชนิด ทีม ่ ชี วี ติ
หลากหลายทีส่ ดุ ในกลุม่ tetrapod
มีถนิ่ ทีอ่ ยูห่ ลากหลาย the Arctic to the Antarctic
5 cm Bee Hummingbird
2.7 m Ostrich
7. Class Aves
หลักฐาน fossil ชีว้ า่ นกวิวฒ
ั นาการมาจาก
ไดโนเสาร์กนิ พืช theropod dinosaurs
นกตัวแรก พบปลายยุค Jurassic 155–150 Ma
Archaeopteryx
Paleontologists เป็ นสายพันธุห
์ นึ่งของไดโนเสาร์
รอดจากการสูญพันธุย์ คุ Cretaceous–Tertiary
65.5 Ma.
Modern birds
ขน
จงอยปาก ไม่มฟี ั น
วางไข่ เปลือกแข็ง
อัตราการเผาผลาญอาหารสูงมาก
หัวใจ 4 ห้อง
กระดูก พรุน เบา
ระยางค์คหู่ น้า เปลีย่ นเป็ นปี กสาหรับ บิน หรือ ว่ายน้า
Ratites และ Penguins
ระบบหายใจและย่อยอาหาร ปรับให้เหมาะกับการบิน
นกทะเล
นกปรับตัวเข้ากับสิง่ แวดล้อม ออกลูกน้อย
ของทะเล ใช้เวลาดูแลลูกมาก
ดารงชีวติ หลากหลาย ชอบยูเ่ ป็ น โคโลนี ร้อย ถึง
นกทะเลตัวแรก พบในช่วง ล้านตัว
Cretaceous
อบพย ระยะทางไกล
วงศ์นกทะเล เริม่
Paleocene
หากินบนผิวทะเล
นกทะเลมีอายุยนื คุน้ เคยกับมนุษย์มาเป็ นระ
เวลายาวนนมาก
สืบพันธุช์ า้
การจัดจาแนกชนิดนกทะเล
4 orders Charadriiformes (305 as seabirds)
Sphenisciformes Stercorariidae skuas
Spheniscidae penguins Laridae gulls นกนางนวล นกนางแอ่น
Sternidae terns
Procellariiformes (93 as seabirds)
Rhynchopidae skimmers
Diomedeidae albatrosses
Alcidae auks
Procellariidae นกจมูกหลอด
Pelacanoididae diving-petrels
Hydrobatidae storm-petrels
ข้อแตกต่างทีส่ าคัญอย่างหนึ่งคือ
Hirundinidae สร้างรังด้วยใยของต้นไม้ผสมกับดินเหนียว
Pseudochelidon sirintarae
(นกนางแอ่น)
Larus brunnicephalus
Order Ciconiiformes
นกกระสา นกกระยาง
เป็ นนกขนาดใหญ่มากจนถึงขนาด
Family Ardeidae นกกระสา-นกกระยาง มีหลายขนาดด้วยกันตามชนิด
และตามสกุล
ปากยาว แข้งยาว ขายาว นิ้วยาว
เดินลุยโคลน นิ้วกลางมี "หวี" ยืน่ ออกมาเป็ นซีเ่ ล็กๆ เหยียบไม่จมเลน
นกกระสา (heron)
นกกระยาง (egret)
นกกระยาง
Ardea alba Linnaeus, 1758
8. Class Mammalia
หายใจ บนบก สมอง neocortex (outer
layer of the cerebral
มีขน
hemisphere) ควบคุมระบบ
กระดูกหูชนั ้ กลาง 3 ชิน้ ฮอร์โมน และหม่นเวียน
ต่อมน้านม (ทางานเมือ่ มี โลหิต
ลูก) หัวใจ 4 ห้อง
ต่อมเหงือ่ 30–40 mm. Bumblebee
Craseonycteris thonglongyai
Orcinus orca
Sperm Whale Kogia breviceps
o การจัดการชายฝั่งและการอนุรักษ์ ทรัพยากรในทะเล
ดร.ประสาร อินทเจริญ
ภาควิชาวาริ ชศาสตร์
วิชา ๓๐๙๑๐๓๕๙ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
วิทยาศาสตร์ทางทะเล
(Marine Science)
o การจัดการชายฝั่งและการอนุรักษ์ ทรัพยากรในทะเล
▪ การประเมินสภาพทรัพยากรและการใช้ประโยชน์
▪ การพัฒนาปรับปรุ ง/แผนการจัดการ
การพัฒนาแบบยั่งยืน ▪ การนาแผนไปจัดการปฏิบตั ิ
▪ การติดตามตรวจสอบทรัพยากร รัฐ
- สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เกิดความไม่แน่นอน ภาคเอกชน
- เศรษฐกิจภาคทะเลและชายฝั่ง
การมีส่วนร่ วมของประชาชน
4 จังหวัดชายฝัง่ ตะวันออก
การจัดการแบบบูรณาการทางทะเลและชายฝั่ง ❑
อนุกรรมการ/คณะทางาน
คณะกรรมการทรัพยากรทางทะเล
รายประเด็นปัญหา และชายฝั่งจังหวัด
เป้าหมาย/กิจกรรม
ฟื้ นฟูระบบนิเวศ อนุรักษ์ ความ ทาประมงอย่ างยัง่ ยืน และ การใช้ การอนุรักษ์ นา้ และการ การจัดการภัยพิบัติจาก
หลากหลายทางชีวภาพ และ สนับสนุนอาชีพทางะเลือก ลดมลภาวะทางนา้ ธรรมชาติ และมนุษย์
จัดการพืน้ ทีค่ ุ้มครองทางทะเล
ประเมินสถานภาพทรัพยากร ประเมินการรองรับสารพิษได้ ผลกระทบจากภัยพิบัติ
จัดการพืน้ ทีค่ ้ ุมครองอย่างมี เศรษฐกิจ สั งคม
ประสิ ทธิภาพ ประเมินเศรษฐกิจ สั งคม และ ประเมินประสิ ทธิภาพการ
ประเมินความเสี่ ยง นิเวศของพืน้ ทีร่ ับนา้ และ แก้ ไขสถานการณ์ ฉุกเฉิน
ประเมินคุณค่ าระบบนิเวศ ชายฝั่ง
จัดการบนฐานระบบนิเวศ
จัดทาแผนทีค่ วามเสี่ ยง
ประเมินความเสี่ ยง
ศึกษาการพัฒนาคุณภาพชี วติ การลงทุนเพื่อลดมลภาวะ
อนุรักษ์ และฟื้ นฟูทรัพยากร แผนรับมือการเปลีย่ นแปลง
ทางาทะเล ส่ งเสริมธุรกิจทีเ่ ป็ นมิตรต่ อ นวัตกรรม และเทคนิคการลด ภูมิอากาศ และภัยพิบัติ
สิ่ งแวดล้อม การใช้ นา้ และลดมลพิษ
PSHEMS สาหรับท่าเรื อ
ทะเลอันดำมันเป็นทะเลเปิดติดต่อกับมหำสมุทรอินเดีย ทำ
ให้ทั้งสองฝั่งมีควำมแตกต่ำงกันทำงระบบนิเวศทำงทะเล
อย่ำงเห็นได้ชัด
DUGONG Sea Turtle Dolphin & Whale
➢ พื้นที่บริเวณชำยฝั่งเหล่ำนี้ประกอบ ไปด้วย
ทรัพยำกรธรรมชำติประเภทต่ำงๆ
➢ ชำยหำด แบบต่ำงๆ
➢ หญ้ำทะเล
➢ และแนวปะกำรัง
➢ ป่ำชำยเลน
➢ ป่ำพลุ
➢ ซึ่งมีคุณค่ำทั้งทำงด้ำนนิเวศวิทยำ และทำงด้ำน
เศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชำติ
➢ ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง ของระบบ
นิเวศของประเทศไทยมีมำกนี้เอง ที่ยังส่งผลให้ประเทศไทยมี
พันธุ์พืชและสัตว์ทะเลที่ค้นพบ และกำลังศึกษำอีกหลำยชนิด ซึ่ง
ต้องคำนึงถึงจำนวนชนิด และ ปริมำณในแต่ละชนิด
➢ ชำยฝั่งทะเล มี เต่ำทะเล โลมำ พะยูน วำฬ อำศัยในทรัพยำกร
หลำกหลำย เช่น ปะกำรังน้ำตื้นและน้ำลึก หญ้ำทะเล ป่ำชำยเลน
ป่ำชำยเลนแบบป่ำพลุ
❖ ทรัพยากรชีวภาพที่มีคุณค่าของประเทศไทย
จะดารงอยู่หรือสูญสิ้นไปช้าหรือเร็วเพียงใด มีหลายปัจจัย
➢ มนุษย์จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนได้หรือไม่ทุกคาตอบคงต้องขึ้นอยู่กับการกระทาของ
มนุษย์เอง
➢ มนุษย์จะรักษานิเวศธรรมชาติ หรือจะเลือกการทาลายซึ่งจะส่งผลกระทบให้กับมนุษย์ทั้ง
ทางตรงและทางอ้อม และ ทรัพยากรธรรมชาติในระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับ
สิ่งแวดล้อม การนาเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจาวัน
➢ ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม ตลอดจนผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีต่อมนุษย์และ
สิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงความสาคัญของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน และ
อนาคตโดยการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน
❑ ประเภทของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
o ทรัพยำกรที่ดินชำยทะเล
o ทรัพยำกรป่ำชำยเลน
o ทรัพยำกรปะกำรัง
o ทรัพยำกรพืชและสัตว์ทะเล
o ทรัพยำกรสัตว์ทะเลหำยำก
❑ ทรัพยากรที่ดินชายทะเล
o วัตถุประสงค์สวนทำงกัน
o ส่งเสริมกำรท่องเที่ยว ทำให้กำรอนุรักษ์เกิดเป้ำประสงค์ได้ช้ำ หรือยำก
เพรำะ นักท่องเที่ยวเข้ำไปรบกวนระบบนิเวศน์ทำงทะเล แต่ส่งเสริม
กำรท่องเที่ยว ทำให้ท้องถิ่นมีรำยได้เพิ่มขึ้น
o ชุมชนในท้องถิ่นต้องรวมตัวกันเพื่อตัดสินใจพื้นที่ของตัวเอง
Marine conservation project in Thailand VDO: 3.30 นำที
กิจกรรมและกรณีศึกษาการอนุรกั ษ์ในประเทศไทย
➢ 1) การอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
➢ เต่าตนุแพร่และขยายพันธุ์ได้ยาก
➢ มีสาเหตุการตายเกิดจากธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์
www.pmbc.go.th
ที่มา : www.navy.mi.th/turtles
หลุมฟักไข่เต่าทะเล เกาะคราม ดูแลโดยกองทัพเรือ ลูกเต่าทะเล ฟักออกจากไข่
เต่าตนุเมื่อครบอายุประมาณ 45 วัน เต่ากระเมื่อครบอายุประมาณ 50 วัน
การปล่ อยเต่ าทะเลสู่ ธรรมชาติ ในวันสาคัญ
เพื่อปลูกจิตสานึกในการอนุรักษ์ เต่ าทะเล
➢ 2) ปะการังและการอนุรักษ์ด้วยการปลูกเพิ่ม
ปะการังฟอกขาว
coral bleaching
Sacrophyton species
48
โครงการ วีนิไทย ร่ วมใจปลูกปะการัง ๘๐,๐๐๐ กิง่ ที่เริ่มต้ น เพื่อล้ นเกล้ าพระเจ้ าอยู่หัว
o กองทัพเรือ
o กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
o มหาวิทยาลัยราชภัฏราไพพรรณี
o มูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์
o องค์กรเครือข่ายชุมชนรักษ์เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง เกาะหวาย จังหวัดตราด
เกาะขาม จังหวัดชลบุรี ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ
o องค์การบริหารส่วนตาบลแสมสาร จังหวัดชลบุรี
❖ โครงการปลูกปะการัง
o จัดขึ้นโดยหวังเป็นจุดเริ่มต้นในกำรอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งปะกำรังให้กลับมำสมบูรณ์ดังเดิม
o โดยอำศัยท่อพีวีซีช่วยในกำรยึดเกำะตัวปะกำรังให้เติบโตเป็นกิ่งพันธุ์ และกิ่งอนุบำลเพื่อใช้ในกำรฟื้นฟู
o ได้ลงมือสำธิตวิธีกำรปลูกปะการังเขากวางด้วยท่อทีวีซี โดยกำรนำกิ่งพันธุ์ปะกำรังเขำกวำงใส่ในท่อพีวีซี
และใช้สกรูขันน็อตเพื่อให้ปะกำรังยึดเกำะ แล้วเสียบลงในแปลงบ่อพิเศษที่มีอุณหภูมิน้ำที่เหมำะสม
จำกนั้นจึงส่งมอบกิ่งพันธุ์ที่มีควำมสมบูรณ์ให้นักประดำน้ำนำปะกำรังเขำกวำงที่ปลูกเสร็จแล้วกลับคืนสู่
ท้องทะเลไทย
o เมื่อปะกำรังอำยุประมำณ 1 ปีก็จะแยกกิ่งปะกำรังออกจำกแปลงท่อพีวีซี แล้วนำไปวำงตำมแนวปะกำรังที่
เสียหำยหรือถูกทำลำย เพื่อคืนชีวิตปะกำรังสู่ท้องทะเล สร้ำงควำมสมบูรณ์ของแนวปะกำรัง
o แปลงท่ออนุบำลดังกล่ำวกลับมำใช้ใหม่ จึงทำให้สะดวกและประหยัด ทั้งยังได้ผลกำรขยำยพันธุ์ที่ดีอีกด้วย
กิจกรรมที่ว่านีค้ ือ การปลูกปะการัง กับ กิจกรรมเมื่อ วันที่ 25 พฤษภาคม 2551
o การจัดกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อปลูกจิตสานึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ คืนความสมดุลให้กับ
ธรรมชาติทางทะเล ด้วยการดาน้า .. คืนชีวิตปะการังกลับคืนสู่ท้องทะเลไทย ณ หาดเตยงาม หน่วย
บัญชาการนาวิกโยธิน (กองทัพเรือ) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
o ทางบริษัท โมโนทราเวล จากัด ได้มีการสอนเรียนดาน้าตามหลักสูตรต่างๆอยู่แล้ว จึงได้รับเกียรติให้เป็น
บริษัทนาล่อง กิจกรรม “โมโนร่วมใจ อนุรักษ์ฟื้นฟู...แนวปะการัง”
✓ ร่ วมแรงร่ วมใจอนุรักษ์ปะการังได้อย่างไร
➢ เป็นนักท่องเที่ยว ดำน้ำดูปะกำรังที่ดี อย่ำเป็นนักสะสม
➢ นักดำน้ำมือใหม่ต้องมีครูฝึก และฝึกที่ปะกำรังเทียมก่อน
➢ ไม่ส่งเสริมกำรซื้อปะกำรัง
➢ ช่วยกันตักเตือนผู้ทำลำย หรือแจ้งเจ้ำหน้ำที่ดูแล
➢ ไม่ทิ้งขยะต่ำงๆ ลงทะเล เมื่อเดินทำงท่องเที่ยวทำงทะเล
➢ 3) ป่าชายเลน และป่าพรุ
20000
15000
10000
5000
0
1975 1989 1991 1993 1996 2000 2002 2004
(year)
....... เป็นโอกาสจัดงานกิกรรมเพื่อปลูกจิตสานึกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.....
➢ 5) อนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก
o โลมาเผือกหลังโหนก
สีชมพู มีรูปร่ำงยำว ปำกผอมยำว ยิ่ง
อำยุมำกปำกจะจำงลงเรื่อย ๆ
o โลมาหัวบาตรหลังเรียบ
รูปร่ำงคล้ำยโลมำอิรวดีมำก แต่ขนำดเล็กกว่ำ ไม่มีจะงอย
ปำก ครีบค่อนข้ำงใหญ่ปลำยแหลม แต่ไม่มีครีบหลัง
• มีวำฬบรูด้ำจำนวน 4 ตัว ว่ำยน้ำห่ำงจำกชำยฝั่งบำงแสน
เมื่อปี พศ 2551 และต่อมำมีลูกเพิ่มอีก 2 ตัว
ต่อมำ 10 สิงหำคม 2559 เกยตื้นตำยที่หำดบำงแสน
และ 14 สิงหำคม 2559 ตำย ชำยฝั่งอ่ำงศิลำ
ศูนย์ต่างๆ ในโครงการพระราชดาริ
โครงการจัดการชายฝั่งแบบบูรณาการ จังหวัดชลบุรี
หน่วยงานเอกชนในประเทศ และ สถาบันการศึกษา ต่างๆ
องค์กรระหว่างประเทศ เช่น
• WWF (World Wild Foundation)
• Green Peace
• Green Fins
o ตัวอย่างศูนย์ศึกษาในประเทศไทย
o ศูนย์ศึกษำกองทัพบก (บำงปู)
o ศูนย์ศึกษำฯ อุทยำนสิ่งแวดล้อมนำนำชำติ สิรินธร จังหวัดเพชรบุรี เพือ่ กำร
ฟื้นฟูพัฒนำสิ่งแวดล้อมป่ำชำยเลน
o ศูนย์วิจัย และ ศึกษำธรรมชำติ ป่ำพลุแดง จังหวัดนรำธิวำส
o ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่ำชำยเลนสิรินำถรำชินี จังหวัดประจวบคีรีขนั ธ์ คืนชีวิต
แก่พื้นที่ถูกทำลำยด้วยควำมสำมัคคี
o อุทยำนสิ่งแวดล้อมนำนำชำติสิรินธร ตำบลแสมสำร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
กฎระเบียบใหม่ ที่ควรทราบ...
o สานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกระเบียบการเข้าถึงและ
การแบ่งปันผลประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พศ ๒๕๕๔ ทั้งนี้เพื่ออนุรักษ์และใช้
ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ
o ในส่วนของผู้วิจัยในสถาบันการศึกษา เมื่อต้องการเก็บตัวอย่างทั้งสัตว์ทะเล พืชทะเล ตาม
ชายฝั่ง เกาะ ต้องทาการแจ้งต่อหน่วยงานของรัฐทีค่ รอบครองทรัพยากรชีวภาพ เช่น
อุทยานแห่งชาติ กองทัพเรือ
o จะได้ใบอนุญาตในการเข้าเก็บตัวอย่างได้ อาจใช้เวลาประมาณ ๓-๖ เดือน
o พรบ. ส่งเสริมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ปี พ.ศ 2558 เริ่มใช้เมื่อ 26 มิถุนายน 2558
➢ ภัยคุกคามการอนุรักษ์ทรัพยากรพืชและสัตว์ทะเล
o กำรทำผิด ฝ่ำฝืนกฎหมำย
o โลกร้อน
o ภัยแล้ง
o น้ำท่วม
o ครำบน้ำมันจำกกำรรั่วไหลน้ำมันจำกอุบัติเหตุ และ กำรลอบทิ้ง ล้ำง
เรือ ถ่ำยน้ำมันเครื่องยนต์
❖ ข้อสรุป
• กำรดำเนินงำนด้ำนกำรสร้ำงจิตสำนึกด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร กำรพัฒนำ
ศักยภำพในกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรสำหรับเจ้ำหน้ำที่อุทยำนแห่งชำติ
ทำงทะเล
• งำนฟื้นฟูทรัพยำกรทำงทะเล
• งำนฟื้นฟูวิถีชีวิตของชุมชนชำยฝั่ง
• กำรสนับสนุนด้ำนข้อมูลทำงเทคนิคสำหรับท้องถิ่น ผู้ประกอบกำรท่องเที่ยว
องค์กรพันธมิตร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำรร่วมขับเคลื่อนเชิง
นโยบำย ตลอดจนข้อกฎหมำย ด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและ
สิ่งแวดล้อม
...จบการบรรยาย...
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
สภาวะภูมิอากาศของโลกกับปรากฏการณ์ธรรมชาติทางทะเล
อ.ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
สภาวะภูมิอากาศของโลกจากอดีตถึงปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกตั้งแต่ยุคไพลโตซีน (Pleistocene) เมื่อ 2,588,000 –
12,000 ปีก่อน พบว่าโลกมีช่วงที่เป็นยุคน้้าแข็งและยุคโลกร้อนสลับผลัดเปลี่ยนกันมาเป็นวัฏจักรไม่ต่้ากว่า 7-8
ครั้ง ในแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 100,000 – 150,000 ปี (Imbrie & Imbrie, 1986) ซี่งเกิดจากการโคจร
ของโลกรอบดวงอาทิตย์ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงต้าแหน่งของโลก มุมและระยะห่างของโลกที่มีต่อดวง
อาทิตย์ (Lomolino et al. 2010) การเปลี่ยนแปลงต้าแหน่งของโลก และมุมที่ท้าต่อดวงอาทิตย์ เกิดจาก
ปัจจัยหลักสามประการ คือ
1. แกนโลกเกิ ด การเปลี่ ย นแปลงตามธรรมชาติ โดยการเอี ย งของแกนโลกมี ก ารเปลี่ ย นแปลงอยู่
ตลอดเวลา โดยมี มุ ม เอี ย งน้ อ ยที่ สุ ด 22.1 องศา จนถึ ง มุ ม เอี ย งมากที่ สุ ด 24.5 องศา โดยการ
เปลี่ยนแปลงหนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 41,000 ปี (รูปที่ 1) ในปัจจุบันแกนโลกอยู่ที่มุมเอียง 23.5
องศา การเปลี่ยนแปลงของแกนโลกนี้มีผลต่อการเข้าสู่ยุคต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าบริเวณใดของโลกเอียงเข้า
หาดวงอาทิตย์ บริเวณนั้นก็จะมีน้าแข็งปกคลุมน้อย
รูปที่ 1 การเอียงของแกนโลก (การเปลี่ยนแปลง 1 รอบ ใช้เวลาประมาณ 41,000 ปี) ที่มา: Lomolino et al.
(2010)
2. แกนหมุนของโลกส่ายเป็นวงคล้ายลูกข่าง โลกมักมีการเคลื่ อนที่ 3 แบบ คือ 1) หมุนรอบตัวเอง รอบ
ละ 1 วัน (ท้าให้เกิดกลางวัน-กลางคืน) 2) โคจรรอบดวงอาทิตย์ รอบละ 1 ปี (ท้าให้เกิดปี และความ
แตกต่างของฤดูกาล) และ 3) แกนของโลกซึ่งเป็นแกนสมมติที่ผ่านขั้ว โลกเหนือและขั้วโลกใต้นั้น
นอกจากจะเอียงกับระนาบการโคจรของโลกรอบดวงอาทิต ย์แล้ว ยังส่ายไปรอบๆด้วยลักษณะคล้าย
การหมุนของลูกข่าง ซึ่งการส่ายของแกนหมุนของโลกเป็นการเคลื่อนที่แบบที่ 3 ของโลก โดยมีรอบ
1
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
2
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
ยุคน้าแข็งและยุคโลกร้อน
ยุคโลกร้ อนครั้งหลังสุ ด (interglacial) เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 125,000 ปีก่อน ในยุคไพลสโตซีน
(Pleistocene) โดยโลกมีอุณหภูมิสูงกว่าปัจจุบัน 3-5 องศาเซลเซียส และน้้าท้าเลมีระดับสูงกว่าปัจจุบัน 2-4
เมตร ในยุคนี้พบว่าน้้าทะเลได้ท่วมถึงจังหวัดสิงห์บุรีและบางส่วนของจังหวัดชัยนาท (ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล,
2550) ต่อมาโลกมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงยุคน้้าแข็งครั้งล่าสุด (Last glacial period) ในช่วงท้ายของยุค
ไพลสโตซีน เมื่อประมาณ 100,000 ปีที่แล้ว ระดับน้้าทะเลลดต่้ากว่าระดับน้้าทะเลปัจจุบันประมาณ 20 เมตร
เมื่อ 60,000 และ 30,000 ปีก่อน น้้าทะเลเริ่มเป็นน้้าแข็งมากขึ้น ท้าให้ระดับน้้าทะเลได้ลดต่้า กว่าปัจจุบัน
ประมาณ 50 เมตร และ 80 เมตร ตามล้าดับ บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่ยุคน้้าแข็งเต็มที่ในช่วงที่โลก
เย็นที่สุดของยุคน้้าแข็ง ครั้งหลังสุด (Last Glacial Maximum: LGM) เมื่อประมาณ 19,000 – 20,000 ปีก่อน
3
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
4
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
สภาวะโลกร้อนในอดีต และภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน
ภาวะโลกร้อนในอดีตเกิดจากมีเทนไฮเดรต (methane hydrate) ที่อยู่ในชั้นตะกอนในมหาสมุทรใต้
แผ่นน้้าแข็ง และในดิน ในภาวะปกติมีเทนไฮเดรตจะเป็นผลึกของแข็งอยู่ใต้พื้นท้องทะเลและมหาสมุทร ใน
บริเวณที่อุณหภูมิต่้าหรือความดันสูง หากอุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงโดยเพิ่มสูงขึ้นในระดับหนึ่ง มีเทนไฮเดรต
จะเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นกาซมี เทน ลอยขึ้นสู่บรรยากาศ กาซมีเทน เป็นกาซเรือนกระจกตัวหนึ่งที่มี
คุณสมบัติในการดูดกลืนรังสีอินฟราเรด (infrared) ได้มากกว่ากาซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่าตัว กาซ
มีเทนมีข้อดีคือ ตามวัฏจักรในธรรมชาติ กาซมีเทนจะสลายตัวกลับไปอยู่ในรูปเดิมได้เองโดยใช้เวลาประมาณ
11 ปี การเพิ่ ม ขึ้ น ของกาซมี เ ทนอย่ า งต่ อ เนื่ อ งในอดี ต ท้ า ให้ เ กิ ด ภาวะโลกร้ อ น น้้ า แข็ ง ขั้ ว โลกละลาย
ระดับน้้าทะเลสูงขึ้น จึงมีผลท้าให้มีเทนไฮเดรตเกิดการแตกตัวกลายเป็นกาซเรือนกระจกเข้าสู่บรรยากาศมาก
ขึ้น ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสภาวะโลกร้อน ซึ่งยุคโลกร้อนที่ผ่านมาในอดีตทุ กครั้งมักเกิดจากกาซมีเทนไฮเดรต
ทั้งสิ้น (ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล, 2550)
5
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
ภาวะโลกร้อนจากอิทธิพลของมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงสภาวะสมดุลของบรรยากาศของโลกในปัจจุบัน เกิดขึ้นจากอิทธิพลของมนุษย์เป็น
ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นกลไกผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เนื่องมาจากการปลดปล่อยกาซเรือน
กระจก (greenhouse gas: GHG) เข้าสู่ชั้นบรรยากาศเป็นจ้านวนมาก
ในสภาวะปกติชั้นบรรยากาศของโลกประกอบไปด้วยกาซไนโตรเจน 78 % กาซออกซิเจน 21% กาซ
อาร์กอน 0.9% นอกจากนั้น 0.1% ประกอบไปด้วยไอน้้า กาซคาร์บอนไดออกไซด์และกาซอื่นๆ ถึงแม้ว่ากาซ
ไนโตรเจน กาซออกซิเจน และกาซอาร์กอนจะเป็นองค์ประกอบหลักของชั้นบรรยากาศของโลก แต่กาซเหล่านี้
ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกตรงกันข้ามกาซปริมาณน้อยต่างๆ ส่วนที่เป็นกาซโมเลกุลใหญ่
หรือกาซเรือนกระจก ประกอบไปด้วย ไอน้้า กาซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) กาซมีเทน (CH4) กาซไนตรัส
ออกไซด์ (N2O) กาซโอโซน (O3) กาซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และฮาโลคาร์บอน (กาซที่มีองค์ประกอบของ
ฟลูออรีน คลอรีน และโบรมีน) เป็นต้น ถึงแม้กาซเหล่านี้จะมีปริมาณน้อยในบรรยากาศ แต่การเปลี่ยนแปลง
ความเข้มข้นของกาซเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลก โดยไอน้้ามีหน้าที่เป็น
ตัวดูดกลืนรังสีอินฟราเรด (infrared radiation) กาซคาร์บอนได้ออกไซด์ เป็นกาซที่ใช้ในกระบวนการ
สังเคราะห์แสง (photosynthesis) ของพืชและจุลินทรีย์บางชนิด และยังเป็นกาซที่ส้าคัญในการดูดกลืนรังสี
อินฟราเรดอีกด้วย กาซโอโซนมีหน้าที่ในการดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet radiation: UV) เป็น
การกักเก็บความร้อนไว้ กาซเหล่านี้ในปริมาณที่สมดุลที่มีอยู่ตามธรรมชาติช่วยให้พื้นผิวของโลกมีอุณหภูมิที่
อบอุ่นพอเหมาะส้าหรับการด้ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ถ้าปราศจากกาซเหล่านี้พื้นผิวโลกจะมีอุณหภูมิเพียง -
18 องศาเซลเซียสเท่านั้น
ภาวะโลกร้อนจากอิทธิพลของมนุษย์ มีจุดเริ่มต้นนับตั้งแต่มนุษย์เริ่มต้นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ปี พ.ศ.
2393 กาซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์เป็นตัวการเร่งทีส้าคัญท้าให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นที่ผิดปกติ
ไปจากสมดุลธรรมชาติ (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 สรุปปริมาณการปล่อยกาซเรือนกระจกชนิดต่างๆ ก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมและปัจจุบัน พร้อมทั้ง
เปรียบเทียบคุณสมบัติของกาซเรือนกระจกที่ส้าคัญชนิดต่างๆด้วย (ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล, 2550)
ชนิดกาซ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน (CH4) ไ น ต รั ส คลอโรฟลู อ อ โอโซน (O3)
(CO2) อ อ ก ไ ซ ด์ โ ร ค า ร์ บ อ น
(N2O) (CFCs)
แหล่งก้าเนิด วัฏจักรธรรมชาติ พื้นที่ชุ่มน้้า ดิน ป่าเขต ไม่มี สาร
ตามธรรมชาติ การหายใจ การสลาย ร้อน ไฮโดรคาร์บอน
มีเทนไฮเดรต
แหล่งก้าเนิด การเผาป่า นาข้าว ปศุ ปุ๋ย การใช้ เครื่องท้าความ การเผาไหม้
โดยมนุษย์ อุตสาหกรรม การ สัตว์ การเผา ประโยชน์ที่ดิน เย็น ละออง เชื้อเพลิง มวล
เผาไหม้เชื้อเพลิง ไหม้เชื้อเพลิง การเผาไหม้ อากาศ โรงงาน ชีวภาพ
เช่น ถ่านหิน น้้ามัน เชื้อเพลิง อุตสาหกรรม
อายุที่คงอยู่ใน 200-450 ปี 11 ปี 120 ปี 60-100 ปี 30-40 สัปดาห์
บรรยากาศ
6
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
8
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
9
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
รูป ที่ 8 เปรี ยบเทีย บการเปลี่ ยนแปลงของอุณหภูมิพื้ นผิ ว โลก ในระดับโลก โดยใช้โ มเดลค้านวณจากการ
เปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากมนุษย์ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ โดย
การส้ารวจในช่วงปี ค.ศ. 1906-2005 แสดงโดยใช้เส้นสีด้า แถบสีน้าเงินเป็นการพยากรณ์โดยใช้โมเดลโดยใส่
เฉพาะข้อมูลการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ แถบสีแดง เป็นการพยากรณ์โดยใช้ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงตาม
ธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ ที่มา: IPCC (2007)
10
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
ปรากฏการณ์ธรรมชาติทางทะเลและผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลก
โลกประกอบไปด้วยพื้นที่ที่เป็นน้้าทะเลประมาณร้อยละ 70 กระแสน้้าในมหาสมุทรมีอิทธิพลมากต่อ
ภูมิอากาศและลมฟ้าอากาศ กระแสน้้าบนพื้นผิวมหาสมุทรเกิดจากลม และมีทิศทางไหลไปตามทิศทางเดียวกับ
ลมเป็นส่ วนใหญ่ กระแสน้้าพื้นผิ วมีบทบาทในการถ่ายโอนความร้อนจากเขตร้อนไปยังแถบขั้วโลก แต่ล ะ
มหาสมุทรจะมีระบบกระแสน้้าพื้นผิวและลมสินค้าที่พัดพาไปทางเหนือและใต้เส้นศูนย์สูตร
11
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
12
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
13
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
14
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
2) กาซเรือนกระจกเป็นตัวขับเคลื่อนให้น้าแข็งขัวโลกละลาย
ภาวะโลกร้อน ส่งผลให้ธารน้้าแข็งบริเวณแอนตาร์กติกา ในขั้วโลกใต้ และอาร์กติกในขั้วโลกเหนือ
ละลายอย่างรวดเร็ว รวมทั้งแผ่นธารน้้าแข็งชายฝั่งก็ละลายแตกออกเป็นภูเขาน้้าแข็งขนาดมหึมาหลายก้อน
การเปลี่ ย นแปลงของธารน้้ าแข็งขั้ว โลก เกิดจากการขับเคลื่ อนซึ่งประกอบด้ว ย การเปลี่ ยนแปลงสภาวะ
ภูมิอากาศของยุคโฮโลซีน (Holocene) ฝนที่ตกเพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้้าในมหาสมุทร แต่
ในระยะหลังการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลก ส่งผลโดยตรงและเฉียบพลันต่อแผ่นน้้าแข็งและธาร
น้้าแข็งขั้วโลก ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่บริเวณแอนตาร์กติก ทีมีอุ ณหภูมิอากาศสูงขึ้นประมาณ 2 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 การละลายของน้้าแข็งในแอนตาร์กติก ท้าให้สูญเสียปริมาตรของน้้าแข็งไปเป็นจ้านวนมาก
ถึงแม้จะมีการสะสมแทนที่ของหิมะที่ตกลงมา แต่การละลายของชั้นหิ้งน้้าแข็ง (ice shelves) ท้าให้ลดการ
สะสมตัวของกลาเซียร์ (glaciers) ท้าให้เกิดความไม่สมดุลอย่างรุนแรง และการเคลื่อนที่ของก้อนน้้าแข็งไปยัง
พื้นที่ต่างๆยังเป็นการท้าให้เกิดความไม่สมดุลของชั้นน้้าแข็งขั้วโลก และส่งผลต่อการเพิ่มระดับของน้้าทะเล
(sea level rise) (Cook et al. 2005) (รูปที่ 13).
รูปที่ 13 ภาพแสดงแผ่นน้้าแข็งที่ปกคลุมอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic circle) ในปี ค.ศ. 1979 และ ปีค.ศ. 2003
ที่มา: http://earthobservatory.nasa.gov
15
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
3) ผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ
ภาวะโลกร้อนส่งผลให้เกิดปะการังฟอกขาว
แนวปะการั งเป็ น ระบบนิ เ วศทางทะเลที่ มี ความอุ ดมสมบู ร ณ์ มีค วามหลากหลายทางชีว ภาพสู ง
เนื่องจากโครงสร้างที่สลับซับซ้อนท้าให้เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นอีกนับพันชนิด ปะการังมีการก่อตัว
มานับพันนับหมื่นปี โดยปะการังชนิดที่สามารถสร้างแนวปะการังได้ (hermatypic corals) จะมีสาหร่ายซูแซน
เทลลี (zooxanthallae) ซึ่งเป็นไดโนแฟลกเจลเลต (dinoflagellates) ที่มีคุณสมบัติในการสังเคราะห์แสงได้
อาศัยอยู่ร่วมกับปะการังโดยอยู่ในชั้นเนื้อเยื่อแกสโตรเดอร์มิส (gastrodermis) ของปะการัง สาหร่ายซูแซน
เทลลีเป็นแหล่งอาหารและพลังงานให้กับปะการังถึงประมาณร้อยละ 80 นอกจากนี้สาหร่ายซูแซนเทลลียังมี
ส่วนในกระบวนการสะสมหินปูนซึ่งท้าให้เกิดเป็นแนวปะการังและท้าให้เกิดสีสันต่างๆในปะการัง
การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้าเพียง 1-2 องศาเซลเซียส จากอุณหภูมิน้าปกติ จะส่งผลอย่างมากต่อการ
ด้ารงชีวิตของปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลีที่อาศัยอยู่ร่วมกับปะการัง เนื่องจากอัตราการเพิ่มของอุณหภูมิ
น้้าทะเลในรอบ 100 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่าน้้าทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-1.5 องศาเซลเซียส จนใกล้พับ
อุ ณ หภู มิ สู ง สุ ด ที่ ป ะการั ง จะสามารถด้ า รงชี วิ ต ได้ อ ย่ า งปกติ การเพิ่ ม ขึ้ น หรื อ ลดลงของอุ ณ หภู มิ น้ า อย่ า ง
เฉียบพลันเพียง 1-2 องศาเซลเซียส (อุณหภูมิเพิ่มขึ้นในฤดูร้อน หรืออุณหภูมิลดต่้าลงในฤดูหนาว เกินกว่าการ
เปลี่ยนแปลงปกติของอุณหภูมิในรอบปี) จึงท้าให้เกิดปะการังฟอกขาวได้ ปะการังฟอกขาวเป็นการตอบสนอง
ของสาหร่ายซูแซนเทลลีต่ออุณหภูมิของน้้าทะเลที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างกะทันหันเป็นเวลา
ต่อเนื่องกัน ท้าให้เซลล์ของสาหร่ายซูแซนเทลลีถูกท้าลายได้ง่ายขึ้น เนื่องจากความเข้มแสงและอุณหภูมิที่
เปลี่ยนแปลง ท้าให้สาหร่ายชนิดนี้ออกจากตัวของปะการังที่เป็ นเจ้าบ้าน หากสถานการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็น
เวลานาน สาหร่ายไม่สามารถกลับเข้ามาอาศัยในตัวปะการังได้เหมือนเดิมก็จะท้าให้ปะการังขาดอาหารและ
ตายได้ในที่สุด เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้าเกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างมีผลจากการเคลื่อนที่ของมวลน้้า
และทิศทางการไหลของกระแสน้้าที่มีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้เกิดการตายของปะการังเป็นบริเวณกว้าง ท้าให้แนว
ปะการังที่ได้รับผลกระทบอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว (Hoegh-Guldberg, 1999; Hoegh-
Guldberg et al. 2007)
สาเหตุ ห ลั ก ที่ ท้ า ให้ ป ะการั ง ฟอกขาวครอบคลุ ม พื้ น ที่ เ ป็ น วงกว้ า ง กิ น อาณาเขตครอบคลุ ม ใน
ระดับประเทศ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นๆ คือ อุณหภูมิน้าทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ
สืบเนื่องจากผลกระทบของเอลนิโญและลานิญา ซึ่งในน่านน้้าไทยเคยได้รับผลกระทบเช่นนี้เมื่อปี พ.ศ.2534
2538 2541 2546 2548 2550 และ 2553 โดยเฉพาะในปีพ.ศ. 2534 และ 2538 แนวปะการังทางฝั่งทะเล
อันดามันได้รับความเสี ยหายอย่างมาก ปะการังตายไปประมาณร้อยละ 10-20 ส่วนในปีพ.ศ. 2541 แนว
ปะการังในอ่าวไทยได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าฝั่งทะเลอันดามัน (Wilkinson, 1998) ในปีต่อมาได้เกิดปะการัง
ฟอกขาวบางส่วน ซึ่งพบทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันแต่ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก
ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2553 นั้นท้าให้แนวปะการัง เสียหายมากที่สุดในประวัติการณ์ที่
เคยมีรายงานมาในประเทศไทย อุณหภูมิน้าทะเลจากปกติ 29 องศาเซลเซียสเพิ่มขึ้นเป็น 30 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม พ.ศ.2553 สามสัปดาห์ต่อมาเริ่มมีการรายงานพบปะการังฟอกขาวครอบคลุมพื้นที่
เป็นบริเวณกว้างทั้งสองฝั่งของประเทศไทย จากข้อมูลอุณหภูมิน้าในแนวปะการังที่บันทึกโดยสถาบันวิจัยและ
พัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2552 ถึงเดือนกันยายน
16
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้าในมหาสมุทร อาจส่งผลต่อระดับน้าทะเลท้องถิ่น
การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้้าในมหาสมุทรอาจส่งผลต่อระดับน้้าในทะเลท้องถิ่นหรือภูมิภาคให้เพิ่ม
สูงขึ้นมากกว่า หรือน้อยกว่าระดับน้้าโดยเฉลี่ยของโลก อัตราการเพิ่มขนาดและทิศทางของการเปลี่ยนแปลง
ของน้้าทะเลจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของลักษณะชายฝั่ง การเปลี่ยนแปลงของการไหลของน้้า
ทะเล เป็นต้น ซึ่งลักษณะเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามลักษณะของท้องถิ่นและภูมิภาค การที่ระดับน้้า ทะเล
สูงขึ้นเป็นล้าดับ จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งผลกระทบที่ส้าคัญได้แก่
1. พื้นที่บริเวณชายฝั่งจะถูกน้้าท่วมและถูกกัดเซาะมากขึ้น
2. สร้างความเสียหายค่อเศรษฐกิจชายฝั่งทะเลที่ส้าคัญ โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงและการประมง
ชายฝั่งรวมถึงการท่องเที่ยว
3. ระบบนิเวศชายฝั่งที่มีคุณค่าจะมีความเสี่ยงสูง เช่น ป่าชายเลน แนวปะการัง และหญ้าทะเล
4. ระบบนิเวศของมหาสมุทร นอกจากจะได้รับผลกระทบจากการแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ
แล้ว ยังจะท้าให้แผ่นน้้าแข็งในมหาสมุทรลดลง เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการหมุนเวียนของน้้า
ทะเล ส่งผลกระทบต่อผลผลิตของทรัพยากรชี วภาพ ธาตุอาหารและโครงสร้างของระบบนิเวศ
(ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล, 2550)
4) ปรากฏการณ์ธรรมชาติทางทะเลอื่นๆ
ธรณีพิบัติภัย: คลื่นสึนามิ
17
เอกสารประกอบการสอนวิชา 309103 วิทยาศาสตร์ทางทะเล ......................................................................................ดร.นรินทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี
เอกสารอ่านประกอบ
ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล (2550) โลกร้อนสุดขัว วิกฤติอนาคตประเทศไทย. ฐานบุ๊คส์: กรุงเทพ. 258 หน้า.
IPPC (2007) Climate Change 2007: Synthesis Report. An Assessment of the Intergovernmental
Panel on Climate Change. Allali A. et al., Eds.
www.ipcc.ch/publications_and_data/publications_and_data.shtml
Lomolino M.V., Ridele B.R., Whittaker R.J., Brown J.H. (2010) Biogeography. Sinauer
Associates, Inc. Massachusetts. p. 259-353.
http://earthobservatory.nasa.gov
18
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
วิทยาศาสตร์ทางทะเล กับชีวิตประจาวัน
ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยบูรพา
วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล
ข่าวพยากรณ์อากาศ บอกอะไรเราบ้าง
1
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ในชีวิตประจาวัน เราเคยสงสัยเรื่องเหล่านี้ไหม
พยากรณ์อากาศ จังหวัดภูเก็ต
• มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30% ของพื้นที่ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ความเร็ว 15 – 35 กม./ชม.
• ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
• วันนี้ อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 33 องศาเซลเซียส วันพรุ่งนี้ อุณหภูมิต่าสุดประมาณ 24 องศา
เซลเซียส
ที่ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ
• วันนี้ ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18.35 น. วันพรุ่งนี้ ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.19 น.
อิทธิพลน้าทะเลที่เกาะตะเภาน้อย คานวณโดยกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ
• วันพรุ่งนี้ น้่าขึ้นเต็มที่เวลา 00.10 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 1.13 เมตร
และเวลา 12.26 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 1.07 เมตร
• น้่าลงเต็มที่เวลา 06.26 น. ต่่ากว่าระดับทะเลปานกลาง 1.59 เมตร
และเวลา 18.42 น. ต่่ากว่าระดับทะเลปานกลาง 1.66 เมตร
ทะเล เกี่ยวข้องกับชีวิตประจาวันของเราอย่างไร
https://www.youtube.com/watch?v=6vgvTeuoDWY
2
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ทะเล เกี่ยวข้องกับชีวิตประจาวันของเราอย่างไร
มีใครเข้าใจเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดแล้วบ้าง
ลมมรสุม (ตต.เฉียงใต้/ตอ.เฉียงเหนือ) • ฤดูกาลประเทศไทย vs ที่อื่น
การเกิดคลื่นลม • น้าขึน้ – น้าลง (อ่าวไทย vs
อันดามัน)
อุณหภูมสิ ูง-ต่า
• การเกิดคลื่น (ใกล้ฝั่ง-ไกลฝั่ง)
ดวงอาทิตย์ขึ้น-ตก
• กระแสน้าในมหาสมุทร
น้าขึ้น-น้าลง
ระดับทะเลปานกลาง • แผ่นดินไหว
• สึนามิ
• ไซโคลน/เฮอริเคน/ไต้ฝุ่น
• เอลนิโญ ลานิญา
3
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ปริมาณแสงและความร้อนที่ดวงอาทิตย์ส่องไปยัง
ภูมิภาคต่างๆของโลกไม่เท่ากัน
ทาไมน้าทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรจึงไม่เดือดพล่าน
หรือแข็งเป็นน้าแข็งทั้งหมดในเขตหนาว
เนื่องจากมีการเคลื่อนที่ของมวลอากาศร้อน
และเย็นในชั้นบรรยากาศของโลก
4
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
การเคลื่อนที่ของอากาศร้อนและเย็น มีลักษณะเช่นเดียวกับ
การเคลื่อนที่ของอากาศในห้องปรับอากาศ
รูปแบบการหมุนเวียนอากาศของโลก
5
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ความกดอากาศและการเกิดมรสุม
ลมบก - ลมทะเล
6
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก
และการเกิดแผ่นดินไหว
การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก จากอดีตสู่ปัจจุบัน
7
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ได้อย่างไร
การเกิดภูเขาและรอยแยกในทะเล
8
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
การเกิดภูเขาและรอยแยกในทะเล
การเกิดแผ่นดินไหว
S wave
P wave
9
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
สึนามิ (Tsunami)
การเคลื่อนที่ของสึนามิ (Tsunami)
10
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
กระแสน้าในมหาสมุทร
ลม และกระแสน้า
Ocean gyres
กระแสน้าในมหาสมุทร
11
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
12
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
การเกิดน้าขึ้น - น้าลง
อิทธิพลจากแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์
โลก และดวงจันทร์
13
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ทาไมน้าขึ้นสูงสุดในแต่ละวัน จึงไม่ใช่เวลาเดิม
และความสูงเท่าเดิม
14
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
การเกิดคลื่น
15
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ความสูงของคลื่น
ความสูงของคลื่นในภูมิภาคต่างๆของโลก
16
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
17
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ระดับความรุนแรงของเฮอริเคน
ความกดอากาศ ความเร็วลม ลมพายุซัด (ม) การทาลาย
(hectopascals) (กม/ชม)
1 > 980 118-152 1.2 – 1.6 น้อย
2 965-979 153-176 1.7-2.5 ปานกลาง
3 945-964 177-208 2.6-3.7 มาก
4 920-944 209-248 3.8-5.4 รุนแรงมาก
5 < 920 > 248 >5.4 รุนแรงมาก-
เป็นพื้นที่กว้าง
18
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ระดับความรุนแรงของเฮอริเคน
ฝน wet
ใบไม้ผลิ spring
ร้อน summer
ฤดูกาลเกิดขึ้นได้อย่างไร
หนาว winter
ใบไม้ร่วง fall
19
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
การเกิดฤดูกาลในภูมิภาคต่างๆของโลก
เนื่องจากโลกหมุนรอบตัวเอง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ ปริมาณแสงและความร้อนในภูมิภาค
ต่างๆที่แตกต่างกันในรอบปี ทาให้เกิดเป็นฤดูกาล
เอลนิโญ
ภาวะปกติ เอลนิโญ
20
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ลานิญา
ภาวะปกติ ลานิญา
21
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
การเกิดภาวะโลกร้อน ในอดีต
• การเกิดยุคโลกร้อนและยุคน้าแข็ง เนื่องวิถีการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
- การเปลี่ยนแปลงตาแหน่งของโลก ขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์
การเกิดภาวะโลกร้อน ในอดีต
• ความแตกต่างของมุมที่โลกเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์
(รอบของการเปลี่ยนแปลง ~ 41,000 ปี)
• ทิศทางของแกนโลก
(รอบของการเปลี่ยนแปลง ~ 22,000
ปี)
22
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
โลกในอดีต กับโลกปัจจุบัน
50,000 BP
Present
การเปลี่ยนแปลงระดับน้าทะเลในอดีต
ในยุคไพลโตซีน (Pleistocene) มีการเปลี่ยนแปลงของ
ระดับน้าทะเลอย่างมาก น้าทะเลอยู่ต่ากว่าระดับน้าทะเล
ปัจจุบัน 100 -130 เมตร แผ่นทวีปหลายๆแผ่นเชื่อมต่อ
กันในยุคน้าแข็ง (glacial maxima) เบอรินเจีย
(Beringia) เชื่อมอเมริกาเหนือและเอเชียเข้าด้วยกัน
เกาะหลายเกาะในอินโดนีเซีย เชื่อมต่อกับ
แผ่นดินเอเชียและออสเตรเลีย โดยมีแนว
เขตวอลเลซ แบ่งเขตการ กระจายตัวของ
สิ่งมีชีวิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ
ออสเตรเลียออกจากกัน
23
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
• ในยุค ฟาเนอโรโซอิก
(Phanerozoic) แสดงให้เห็นว่า
ระดับน้าทะเลในอดีต สูงกว่า
ระดับน้าทะเลในปัจจุบันอย่างมาก
• หลักฐานในยุคไพลโตซีน
(Pleistocene) ในยุคน้าแข็ง
(glacial และ interglacial) แสดง
ให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงขึ้น ลง
ของระดับน้าทะเล หลายครั้ง ทั้งสูง
กว่า และต่ากว่าระดับน้าทะเล
ปัจจุบนั
• การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเกิดขึ้น
ในช่วงยุคต่างๆ ตามการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ
โลก กราฟนี้แสดงให้เห็นถึงการ
เปลี่ยนแปลงในช่วง ตั้งแต่
140,000 ปี ก่อนคริสตกาลจนถึง
ปัจจุบนั
การเกิดภาวะโลกร้อน ในปัจจุบัน
• การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Green House Gases – GHGs)
• ก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ เพิ่มขึ้น
70% ตั้งแต่ยุคที่เริ่มมีการพัฒนาอุตสาหกรรม ในช่วงปี 1970 – 2004
24
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
ผลจากภาวะโลกร้อน ในปัจจุบัน
• การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
• ระดับน้าทะเล
• และปริมาณหิมะที่ปกคลุม
บริเวณขั้วโลก
25
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
26
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศทางทะเล
อุณหภูมิเฉลี่ยของน้าทะเลสูงขึน้ น้าทะเลมีความเป็นกรดสูงขึน้
27
ผศ.ดร.นริ นทร์รัตน์ คงจันทร์ตรี วิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 03/09/63
สิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายประกอบ
ไปด้วยหินปูน เช่น ปะการัง
หอย เม่นทะเล ฟอแรม จะ
ได้รับผลกระทบ
อุณหภูมิโลกสูงขึ้นมีผลน้าแข็งขั้วโลกละลายทาให้น้า
ทะเลอุ่นขึ้นทีม่ ีโอกาสเกิดการก่อตัวของพายุ
https://www.youtube.com/watch?v=xNmhFA7Td54
28
การใช้ ประโยชน์ ทรัพยากรทางทะเลในด้ านเศรษฐกิจและสั งคม
(Utilization of Natural Resources from
Economic and Social Perspectives)
หอยเป๋าฮื้อ
Mud crab
ปูทะเล
ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติสามารถจาแนกได้เป็ น 3 ประเภทดังนี้
1. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วไม่หมดสิ้ นไป (non-exhausting natural
resources) ทรัพยากรธรรมชาติประเภทนี้พบทัว่ ไปในโลก และสามารถ
นามาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ไม่มีวนั หมดสิ้ น เช่น อากาศ น้ า และ
แสงอาทิตย์ เป็ นต้น
ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ
Domoic acid (DA), the neurotoxin that causes amnesic shellfish poisoning (ASP)
produced by certain harmful algal blooms
ทีม่ า: กรมควบคุมมลพิษ
การนาทรัพยากรชีวภาพทางทะเลไปใช้ ประโยชน์
การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรชีวภาพทางทะเล
ความหลากชนิดในระบบนิเวศ
ความหลากหลายของแหล่งที่อยู่อาศัย/ระบบนิเวศ
2
3
ประเด็นการอนุรกั ษ์
เกี่ยวกับสัตว์ทะเลหายาก (หรือใกล้ สญ
ู พันธุ์ หรือ
ได้ รับความคุ้มครอง)
ลักลอบทาการค้ าชิ้นส่วนสิ่งมีชีวิตที่มีการคุ้มครอง ทั้ง
ในประเทศ และส่งออก
ลักลอบเคลื่อนย้ ายสัตว์สงวน (มีชีวิต) ข้ ามพรมแดน
ศึกษาชีววิทยา และชีวประวัติ
http://switchboard.nrdc.org/ อธิบายความหลากชนิดในกรณีท่สี ณ
ั ฐานแยกไม่ได้
การตัดสินใจขอบเขต ของความคุ้มครอง/
http://www.telegraph.co.uk
อนุรักษ์ กลุ่มของสิ่งมีชีวิต
การประเมินผลกระทบกิจกรรมมนุษย์ต่อความ
หลากหลายทางพันธุกรรมของประชากรสิ่งมีชีวติ
4
ตัวอย่างประเด็นฯ ในสัตว์กลุม่ โลมา วาฬ เต่าทะเล และฉลาม
อยู่ภายใต้ การคุ้มครองภายในประเทศ (พรบ. สงวนและคุ้มครองสัตว์
ป่ า, สัตว์สงวน และสัตว์ค้ ุมครอง) และระหว่างประเทศ (CITES,
The Convention on International Trade in
Endangered Species of Wild Fauna and Flora;
Appendix 1, 2)
สามารถเคลื่อนที่ในระยะทางไกลไปในน่านนา้ ของหลายประเทศ ที่มี
กฎหมายคุ้มครองไม่เหมือนกัน
มีการขายเนื้อในตลาด ในบางประเทศ http://www.telegraph.co.uk
ชนิดไหน เป็ นชนิดที่ได้ รับความคุ้มครองหรือไม่
ในกรณีท่มี ีการอนุญาตให้ จับ เนื้อที่พบมาจากสัตว์ก่ตี วั
(ตรงตามที่ขออนุญาตไว้ หรือไม่)
5
จับจากแหล่งที่ถูกกฎหมายหรือไม่
6
http://switchboard.nrdc.org/
ประเด็น (ต่อ)
มีการซื้อขายตัวที่มชี ีวิต และซาก
(หรือชิ้นส่วน)
ชนิด และแหล่งของสินค้ าตรงตามที่
ระบุไว้ ในใบขออนุญาตหรือไม่
มีอตั ลักษณ์ตรงตามที่ระบุไว้ หรือไม่
Thaidolphin.com
10
เครือ่ งหมายพันธุกรรม
สารพันธุกรรมทีบ่ ่งชี้
แยกความแตกต่าง
ระหว่าง
• ชนิด
• ประชากร ของสัตว์
ชนิดเดียวกัน
• อัตลักษณ์ตัวตน
ของสัตว์
13
คุณสมบัตทิ พี่ งึ ประสงค์เครือ่ งหมายพันธุกรรม
ระดับที่ตอ้ งการบ่งบอก คุณสมบัติ ประเภทของสารพันธุกรรม
ความแตกต่าง (เน้นดีเอ็นเอ)
ชนิด - ดีเอ็นเอโปรไฟล์ ต่างกันระหว่าง ยีน (มีรหัสพันธุกรรมของ
ชนิด แต่ไม่ตา่ งกันภายในชนิด กรดอะมิโน หรือเกี่ยวข้อง
กับการสังเคราะห์โปรตีน)
ประชากร - มีความแปรปรวนภายในประชากร ดีเอ็นเอที่ไม่ใช่ยีน
- มีความหลากหลายพอที่จะบ่งชี ้
ความแตกต่างระหว่างกลุ่มได้ (ถ้ามี)
ระหว่างสมาชิกภายใน - มีความแปรปรวนสูง ดีเอ็นเอในนิวเคลียสที่ไม่ใช่
ประชากร - ดีเอ็นเอโปรไฟล์ตอ้ งไม่ซา้ กัน ยีน
14
ระหว่างสัตว์ตา่ งตัว
กรณ๊ศกึ ษา….
กรณีศกึ ษา 1: การบ่งชี้ชนิดสัตว์อนุรักษ์ จากซาก เนื้อ หรือชิ้นส่วน
อย่างอื่น
กรณีศกึ ษา 2: ศึกษาความต่างระหว่างประชากร; แหล่งของเนื้อวาฬ
ในญี่ปุ่น และเกาหลี
15
กรณีศกึ ษาที่ 1 การบ่งชีช้ นิดสัตว์อนุรกั ษ์ จากซาก เนือ้ หรือชิน้ ส่วน
อย่างอืน่ ; เนือ้ วาฬชนิดใหน
เนื้อวาฬ พบขายอยู่บ้างในตลาดขายเนื้อของญี่ปุ่น เกาหลี และสหรัฐอเมริกา
ในญี่ปุ่น เนื้อวาฬที่อนุญาตให้ ขายได้ โดยถูกกฎหมาย (‘scientific whaling’)
ได้ แก่ Antarctic minke whale (เริ่มในปี ค.ศ. 1988), western North
Pacific common minke whales, sei whales, Bryde’s whales,
sperm whales and Antarctic fin whales
www.weirdasianews.com
16 pbase.com
บริบทของการค้าเนือ้ วาฬ
ในจีน เกาหลี อนุญาตให้ วางขายเนื้อของวาฬที่เป็ นติดอวนประมงมาโดยไม่ได้
ตั้งใจ (bycatch) ได้
Iceland และ Norway ก็อนุญาตให้ ล่าได้ ในบริเวณมหาสมุทร North
Atlantic ภายใต้ เงื่อนไขพิเศษ
แต่ วาฬทุกชนิด (13 ชนิด) ไม่สามารถส่งออกได้ ตามข้ อกาหนดของ CITES
ยกเว้ นจะส่งออกไปยังประเทศที่ ขอสงวนสิทธิ์ท่จี ะทาตาม CITES (ญี่ปุ่นกับ
นอร์เวย์) แต่ข้อยกเว้ นไม่ได้ คลอบคลุมถึงประเทศอื่นๆ
ประเด็น
เนื้ อวาฬที่วางขายในตลาดต่างๆ เป็ นวาฬชนิดที่ได้รบ ั อนุ ญาตหรือไม่
แหล่งของเนื้อวาฬมาจากไหน
เนื้อวาฬที่วางขายมาจากสัตว์ก่ตี วั (ตรงตามที่ได้ รับอนุญาตหรือไม่)
17
ตรวจสอบชนิดด้วยยีนบนไมโตคอนเดรีย
18
ปฏิกริ ยิ าลูกโซ่ (Polymerase Chain Reaction,
PCR) - เพิม่ ปริมาณดีเอ็นเอในหลอดทดลอง
วัตถุดิบ ทาให้ดีเอ็นเอสายคูแ่ ยก
ออกจากกัน ด้วย
ความรัอนสูง (95°C)
ไพร์เมอร์ (primers) ที่
ขนาบบาร์โคด ลดอุณหภูมิให้ไพร์เมอร์
สามารถเกาะกับดีเอ็นเอ
ดีเอ็นเอต้นแบบ ต้นแบบ (45-60°C)
เพิ่มปริมาณ
dNTPs: dATP, dTTP, dGTP, ดีเอ็นเอแบบ
dCTP ทวีคณู ในแต่
ละรอบ
เอนไซม์ดีเอ็น ปฏิกิรยิ า
เอ็นไซม์โพลีเมอเรส สังเคราะห์
19
เอโพลีเมอเรส ดีเอ็นเอสายใหม่ (70-75°C)
ข้อดีของเทคนิคทีใ่ ช้พซี อี าร์
ใช้ปริมาณดีเอ็นเอเพียงเล็กน้อย และคุณภาพของดีเอ็นเอไม่จาเป็ นต้องสมบูรณ์
แบบ
สามารถเพิ่มปริมาณดีเอ็นในหลากหลายบริเวณ ขึน้ กับวัตถุประสงค์การใช้งาน
เก็บตัวอย่างโดยไม่รบกวนสัตว์มากนัก หรือไม่ทาให้สตั ว์ตาย
20
ลาดับนิวคลีโอไทด์
21
Minke whale Molecular genetic
method to monitor
whaling (Baker and
Palumbi, 1994)
Humpback whale
Whale meat sold in Japanese
market (labeled as kujira)
Use of PCR – avoid violation to
Fin whales CITES
Dloop mtDNA sequences
16 samples from markets
Baseline sequences from known
individuals
22
North Pacific Minke
Antarctic Minke
Mitochondrial
Sei whale cytochrome b, D-loop
วิเคราะห์เนื้อวาฬในตลาดและ
ร้ านอาหาร ใน USA และ S.
Korea
Fin whale ละเมิดข้ อตกลงใน CITES
Risso’s dolphin
27
กรณีศกึ ษา 3: การศึกษาอัตลักษณ์ตวั สัตว์; วาฬทีข่ ายอยู่ในตลาดเนือ้
มาจากวาฬกีต่ วั
เนื้อวาฬมีท้งั มาจากแหล่งที่ได้ รับอนุญาต O stock และ แหล่งอนุรักษ์ J
stock (ในบางกรณี)
รู้ได้ อย่างไรว่า จานวนสัตว์ท่วี างขายตรงตามที่รายงานไว้ หรือไม่
สามารถใช้ รูปแบบจีโนโทป์ หลายตาแหน่ง จากดีเอ็นเอของเนื้อวาฬ
รูปแบบจีโนไทป์ ที่ไม่ซา้ กัน
mark-recapture – ประเมินขนาดประชากร
เครื่องหมายพันธุกรรมที่หลากสภาพสูง ที่สามารถเพิ่มปริมาณได้ ด้วยวิธพ
ี ีซี
อาร์
28
เครือ่ งหมายพันธุกรรมทีม่ คี วามหลากสภาพสูง
ไมโครแซทเทลไลท์ – เป็ นดีเอ็นเอสายสั้นที่มีการซา้ ของลาดับเบสเป็ นช่วงๆ มี
ลักษณะข่มร่ วม (มีอลั ลิลปรากฏทั้งสองอัลลิล ในกรณีท่เี ป็ น heterozygote)
กระจายอยู่ท่วั จีโนม
สามารถเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอ ด้ วยเทคนิคพีซีอาร์
ATGTTCACTTATACCCACAACACACACACACACAACACTGTGACTCAATGGT
TACAAGTGAATATGGGTGTTGTGTGTGTGTGTGTTGTGACACTGAGTTACCA
29
ไมโครแซทเทลไลท์ดีเอ็ นเอที่ 1 ตำแหน่ง
อัลลิล
• จีโนไทป์ ประกอบ Mother
ด้ วยอัลลิล 2 ชุด
161 179
30
31
ต้องพิสูจน์….
โปรไฟล์ของดีเอ็นเอ (จีโนไปท์หลายตาแหน่ง) ไม่ซา้ กับสัตว์ตัวอื่น
ในประชากร (probability of identity มีค่าต่า)
ค่าที่ยอมรับได้ คือ 1 ใน จานวนสัตว์ท่อี ยู่ในประชากร
ความเป็ นไปได้ ท่จี ะเกิดจีโนไทป์ ที่ตาแหน่งหนึ่งๆ ขึ้นอยู่กบ
ั ความถี่
ของอัลลิลที่อยู่ในประชากร (สัดส่วนของอัลลิลหนึ่งๆ ในประชากร
เช่น ในประชากรมี อัลลิล 161 อยู่ 3 จาก 6 อัลลิล (สัตว์ 3 ตัว)
ความถี่ของอัลลิล 161 จะเท่ากับ 0.5
ความน่าจะเป็ นของจีโนไทป์ ที่หลายตาแหน่ง คือ ผลคูณของความ
น่าจะเป็ นของแต่ละตาแหน่ง
32
p=0.6 q=0.4
p=0.6
p2 pq
q=0.4
pq q2
33 p และ q คือความถี่ของอัลลิล
Luikart and Allendorf 2007
สัตว์ทมี่ จี โี นไทป์ 11/14, 12/18, 10/10
Pop allele freq Genotypic freq
Loci Allele ID No. allele Total no. Allele Formula Freq Combined
obs alleles freq prob.
14 38 0.38
18 40 0.40
C R
N M
หลักการคือ หาสัดส่ วนของสัตว์ที่มีเครื่ องหมาย เมื่อจับขึ้นมาครั้งที่ 2
36
วาฬกีต่ วั ใน ตลาดเกาหลี + ญีป่ ุ่น ปี ค.ศ. 1997-
1999 (Dalebout et al. 2002)
ใช้ ไมโครแซทเทลไลท์ดีเอ็นเอ 5 ตาแหน่ง
ตลาดญี่ปุ่น
วิเคราะห์เนื้อจาก 99 ตัวอย่าง
ได้ จีโนไทป์ หลายตาแหน่งที่ไม่ซา้ กัน 86 จีโนไทป์
O-type (ใช้ mtDNA ยืนยัน): 57 ตัว; J-type: 29 ตัว
Probability of Identify = 1/14,500
ตลาดเกาหลี
วิเคราะห์เนื้อจาก 42 ตัวอย่าง
ได้ จีโนไทป์ หลายตาแหน่งที่ไม่ซา้ กัน 34 จีโนไทป์
O-type: 2 ตัว; J-type: 32 ตัว
Probability of Identify = 1/3,500
37
ญีป่ ุ่ น จานวนตัวของวาฬทีอ่ นุมานจากจีโน
ไทป์ของเนือ้ วาฬ
O stock
J stock
เกาหลี
38
วาฬกีต่ วั ในตลาดเกาหลี ปี ค.ศ. 1999-2003
(Baker et al. 2007)
ใช้แนวคิด capture-recapture
จากเนื้ อวาฬ 289 ชิ้ น พบ ดีเอ็นเอโพรไฟล์ทีไ่ ม่ซ้ ากัน 205 แบบ
39
40
กรณีศกึ ษา 4 การประเมินจานวนสัตว์ในธรรมชาติ ด้วย DNA profiles
North Atlantic Right Whale (Eubalaena
glacialis)
ประเมินจานวนสัตว์
ในประชากร
ใช้ การมองเห็น
ตาหนิ
DNA analysis
Fecal samples
41 www.ronnestam.com/.../10/whale_diver_wow1.jpg
Free-floating feces
Microsatellite genotyping
mtDNA control region
Sex-specific markers
ต้ องพิสจู น์ให้ ได้ ว่า จีโนไทป์ ที่หลาย
ตาแหน่งไม่ซา้ กัน
43
กรณีศกึ ษา 5: ชีววิทยา และชีวประวัต ิ
จานวนพ่อเต่าทีใ่ ห้ลูกเต่าตนุ (Chelonia mydas) ทีเ่ กาะคราม
เต่าทะเลมักกลับมาวางไข่ท่ห
ี าดเดิม
ลูกใน 1 รัง อาจมีพ่อหลายตัว
(multiple parternity, MP)
44
OR2
Mother
162 bp
166 bp
Parentage
Offspring 1 Assignment
with
microsatellite
166 174**
DNA alleles
Offspring 2
164**
45 162
ระดับ MP ของแม่เต่าทีเ่ กาะคราม
30.76% (4/13 clutches), 64.29% (9/14 clutches) for
clutches collected in 2004 and 2006
During a nest season, single paternity clutches and MP
clutches with two fathers were sired by the same male.
MP clutches usually have one or two fathers contribute to the
majority of the offspring.
46
การประยุกต์ใช้งานอืน่ ๆ….
งานวิจัย สัตว์หายากของประเทศไทย
การใช้ งาน DNA barcodes, environmental DNA
47
วานวิจยั ของม. บูรพาร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ ง
สร้ างฐานข้ อมูลดีเอ็นเอโพรไฟล์ เพื่อบ่งชี้ชนิดของโลมา และวาฬ โดยใช้ ยีน
cytochrom b, และ D-loop region
พัฒนาการตรวจสอบอัตลักษณ์ของโลมาอิระวิดใี นที่กกั ขัง โดยใช้ ลายพิมพ์ดีเอ็นเอ
ตรวจสอบความแตกต่างระหว่างประชากรพะยูนในประเทศไทย
48
www.wwf.org.ph www-bioc.rice.edu/ www.nmfs.noaa.gov/
Bottlenose
Striped
Spinner
Family
Humpback Delphinidae
Rough-
toothed
Irrawaddy
Risso’s
Family
Phocoenidae
Finless
49
Bryde’s whale
เครือ่ งมือทีใ่ ช้แยกชนิด - บาร์โคดดีเอ็นเอ (DNA
Barcode)
บาร์โคดดีเอ็นเอ คือลาดับนิวคลีโอไทด์ สายสั้นๆ ที่สามารถบ่งชี้ความแตกต่าง
ระหว่างชนิดของสิ่งมีชีวิต คล้ ายกับบาร์โคดของสินค้ า
์ นึ่งๆ (มีความแปรปรวน
บาร์โคดดีเอ็นเอ เป็ นสมบัติเฉพาะตัวของชนิดพันธุห
ภายในชนิดได้ เล็กน้ อย)
50
การเทียบมาตรฐานบาร์โคด
ต้ องมีการเทียบมาตรฐานของบาร์โคด และสร้ างฐานข้ อมูลระดับสากล เพื่อให้
สามารถเปรียบเทียบสิ่งมีชีวิตทั่วโลก ด้ วยบาร์โคดดีเอ็นเอชิ้นเดียวกัน
บาร์โคดมาตรฐานที่ผลักดันโดย Consortium for the Barcoding of Life
(CBOL, www.barcodeoflife.org)
สัตว์: ส่วนของยีน Cytochrome C oxidase I (COI หรือ COX I) ของไมโท
คอนเดรีย (ขนาด 648 คู่เบส)
พืช: ส่วนของยีนในคลอโรพลาส คือ ยีน large subunit of ribulose-
bisphosphate carboxylase (rbcL) และ ชิ้นส่วนดีเอ็นเอที่อยู่ระหว่าง ยีน
trnH tRNA และยีน photosystem II protein D1 (psbA) และ
internal transcribed sequence (ITS) ของยีนในนิวเคลียส
51
เปอร์ เซ็นต์ของระดับความเหมือนของลาดับนิวคลีโอไทด์
http://www.malariaworld.org
http://support.mosquitomagnet.com
/
52
www.barcodeoflife.org
53
ลักษณะการใช้ประโยชน์ของบาร์โคดดีเอ็นเอ
แยกชนิดสิ่ งมีชีวิต ที่มีลกั ษณะภายนอก คล้ายคลึงกัน
ใช้บางส่ วนของ 16SrDNA ขนาด 560 คู่เบส ในการแยกชนิด ปูแสมก้ามม่วง
Metopograpsus frontalis และ ปูแสมก้ามแดง M. oceanicus (บาร์โคดของ 2 ชนิดมี
ความแตกต่าง ประมาณ 6%)
Metopograpsus oceanicus
ปูแสมก้ามแดง
ภาพจาก ผศ.ดร. นงนุช ตั้งเกริ กโอฬาร (ม. บูรพา)
54
Radulovici et al. 2010
55
การใช้ประโยชน์ฯ
ยืนยันชนิดพันธุ์ที่มีความแปรปรวนของลักษณะภายนอก
ใช้บางส่ วนของ 16SrDNA ขนาด 547 คู่เบส ในการยืนยันชนิด ปูใบ้หิน Leptodius exaratus
JUA-NOV-52 11
JUA-NOV-52 12
ภาพและข้
57 อมูลจาก ดร. ทรรศิน ปณิ ธานะรักษ์
การใช้ประโยชน์
ใช้บางส่ วนของ 16SrDNA ขนาด 783 คู่เบส ในการยืนยันสกุล ฟองน้ าทะเลว่าน่าจะอยูใ่ นสกุล
Xestospongia sp. (บาร์ โคดของ 2 ตัวอย่างต่างกัน ประมาณ 0.8%)
58
ภาพจากดร. สุ เมตต์ ปุจฉาการ และข้อมูลจาก ผศ. ดร. ชูตา บุญภักดี
การใช้ประโยชน์ฯ
แยกชนิดโดยใช้ ช้ ินส่วน (เช่นเนื้อ หรือซาก)
แยกชนิดโดยใช้ ช่วงชีวิตต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตได้
คาดหวังที่จะพัฒนาเครื่องมือในการบ่งชี้ชนิดในภาคสนาม
59
www.barcodeoflife.org
Environmental DNA (eDNA)
การใช้ ดีเอ็นเอในการตรวจติดตามร่ องรอยของสิ่งมีชีวิตในสิ่งแวดล้ อม ในระบบ
เตือนภัย สาหรับสิ่งมีชีวิตที่ไมพึงประสงค์
ในการตรวจสอบ การปรากฏของดีเอ็นเอของ Asian carps ในนา้ ของ Great
Lakes ประเทศสหรัฐอเมริกา
ดีเอ็นเอของปลาที่ปรากฏอยู่ในนา้ เพียงเล็กน้ อย ก็สามารถเป็ นวัตถุดิบสาหรับการ
เพิ่มปริมาณดีเอ็นเอ (PCR ) ได้
ยีน COI, ND2
http://www.nature.org/
60
61
Grass carp
Silver carp
Bighead carp
http://brainerddispatch.com
62
63
(Bighead carp)
64
มลพิษทางทะเลและผลกระทบ
อ.ภัทราวุธ ไทยพิชิตบูรพา
ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์
What is pollution ???
เขตที่ 1 มีความเสี่ยงสูงมาก
เขตที่ 2 มีความเสี่ยงสูง
เขตที่ 3 มีความเสี่ยงระดับปานกลาง
เขตที่ 4 มีความเสี่ยงต่า
ทรัพยากรทางทะเลในพื้นที่การรั่วไหลของน้ามันดิบ
41
2.2 การขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ
2.3 การขุดลอกร่องน้า (Dredging)
และการทาเหมืองแร่ในทะเล (Offshore Mining)
Dredging
แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางทะเล
• การติดตามตรวจสอบคุณภาพน้าทะเล
• กาหนดมาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพน้าทิ้งจากแหล่งกาเนิดมลพิษ
ต่างๆ
• จัดทาแผนปฏิบัติการฟื้นฟูคุณภาพแหล่งน้าและน้าทะเลชายฝั่ง
• พัฒนาเทคโนโลยีในการลดและขจัดมลพิษทางทะเล
• ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ และจิตสานึกด้านอนุรักษ์ แก่ประชาชน
• แผนปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อป้องกันและแก้ไขมลพิษทางทะเล