Professional Documents
Culture Documents
LAW 1804 กฎหมายอาญาภาคทั่วไ
LAW 1804 กฎหมายอาญาภาคทั่วไ
ธนวัฒ พิสิฐจินดา
คานา
ธนวัฒ พิสิฐจินดา
พฤศจิกายน ๒๕๖๓
หน้า ๔
สารบัญ
หน้า
บทที่
1 หลักพื้นฐานเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญาและองค์ประกอบของความผิด 7
1.1 หลักพื้นฐานเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญา 7
1.๒ องค์ประกอบของความผิด 7
คาถามท้ายบท 9
2 เจตนา 12
2.1 หลักพื้นฐาน คือ เจตนาแบ่งได้ ๒ แบบ 12
2.1.1 แบบที่ ๑ เรียกว่า “เจตนาตามความเป็นจริง” 12
2.1.2 แบบที่ ๒ เรียกว่า “เจตนาโดยผลของกฎหมาย” 12
2.2 เจตนาตามความเป็นจริง 12
2.2.1 กรณีเจตนาประสงค์ต่อผล 12
2.2.2 กรณีเจตนาประสงค์เล็งเห็นผล 13
2.3 เจตนาโดยผลของกฎหมาย 12
2.3.1 เจตนาโดยผลของกฎหมาย 12
2.3.2 เจตนาโดยผลของกฎหมายตามมาตรา ๖๐ 14
2.4 หลักเกณฑ์การกระทาโดยพลาดที่สาคัญ 14
2.4.1 ต้องมีผู้ถูกกระทา 2 ฝ่ายขึ้นไป 14
2.4.2 การกระทาโดยพลาดตามมาตรา ๖๐
จะต้องมีผลเกิดขึ้นแก่ผเู้ สียหายฝ่ายที่สอง 15
2.4.3 การกระทาโดยพลาด ผู้กระทาจะต้องไม่ประสงค์ต่อผล
ต่อบุคคลผู้ได้รับผลร้ายและต้องไม่เล็งเห็นว่าผลจะเกิดแก่บุคคล
ซึ่งได้รับผลร้ายด้วยหากเล็งเห็นผลก็เป็นเจตนาตามมาตรา ๕๙
มิใช่เจตนาโดยพลาดตามมาตรา ๖๐ 15
2.4.4 หากกระทาโดยเจตนาต่อทรัพย์ของบุคคลหนึ่ง
แต่ผลไปเกิดแก่ทรัพย์ของอีกบุคคลหนึ่ง
ก็ถือว่าเป็นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา ๖๐ เช่นกัน 16
หน้า ๕
หน้า
บทที่
2.4.5 หากผู้กระทาได้กระทาต่อวัตถุแห่งการกระทา
อันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิดฐานหนึ่ง
ซึ่งผู้กระทารู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกนั้นแล้ว
แต่ผลของการกระทาไปเกิดแก่วัตถุแห่งการกระทา
อันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิดอีกฐานหนึ่ง
ซึ่งผู้กระทาไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบนั้นมาก่อน
เช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา ๖๐ 16
2.4.6 เมื่อเจตนาตามมาตรา ๖๐ คือ “เจตนาโอน”
ด้วยเหตุนี้ หากเจตนาในตอนแรกเป็นเจตนาฆ่า
เจตนาที่โอนมาก็เป็นเจตนาฆ่า หากเจตนาในตอนแรกเป็นเจตนาทาร้าย
เจตนาที่โอนมาก็เป็นเจตนาทาร้ายเช่นกัน 16
2.4.7 การกระทาโดยพลาดอาจเกิดขึ้น
เพราะการกระทาของบุคคลทีส่ ามได้ 17
2.4.8 กรณีผลเกิดต่อบุคคลผูม้ ีความสัมพันธ์ ( มาตรา ๖๐ ตอนท้าย ) 17
คาถามท้ายบท 17
3 ประมาท 20
3.1 ลักษณะของ “การกระทาโดยประมาท” ตามประมวลกฎหมายอาญา 20
3.๒ หลักเกณฑ์ที่ถือว่าเป็น “การกระทาโดยประมาท” 20
คาถามท้ายบท 22
4 การกระทา 25
4.1 หลักพื้นฐานในเรือ่ ง “การกระทา” 25
4.๒ เงื่อนไขในการพิจารณาว่าเป็น “การกระทา” ในทางกฎหมายอาญา 25
4.3 ประเด็นเกี่ยวกับรูปแบบของการกระทา 26
4.3.1 การกระทาแบบมีการเคลื่อนไหวร่างกาย 26
4.3.2 การกระทาแบบไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย 27
คาถามท้ายบท 28
5 การสาคัญผิด 31
5.1 การสาคัญผิดในตัวบุคคล 31
5.๒ การสาคัญผิดในข้อเท็จจริง 32
หน้า ๖
บทที่
6 ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล (ผลธรรมดา) 38
6.1 หลัก causation 38
6.1.1 ทฤษฎีเงื่อนไข 38
6.1.2 ทฤษฎีเหตุที่เหมาะสม 39
คาถามท้ายบท 41
7 เหตุยกเว้นความผิด เหตุยกเว้นโทษ และเหตุลดโทษ 44
7.1 เหตุยกเว้นความผิด 44
7.๒ เหตุยกเว้นโทษ 44
7.3 เหตุลดโทษ 44
7.4 หลักการพิจารณาว่าจะเป็นการกระทาแบบ “จาเป็น” หรือ “ป้องกัน” 44
7.5 การกระทาโดยบันดาลโทสะ 47
คาถามท้ายบท 48
8 การพยายามกระทาความผิด 51
8.1 การพยายามกระทาความผิดตามมาตรา 80 51
8.๒ เปรียบเทียบ “การไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอก
ของความผิดมาตรา ๕๙ วรรคสาม” กับ “การพยายามกระทาความผิด
ซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ตามมาตรา ๘๑” 51
8.2.1 การไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอก
ของความผิดมาตรา ๕๙ วรรคสาม 51
8.2.2 การพยายามกระทาความผิดซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้
ตามมาตรา ๘๑ 52
8.3 การยับยั้งหรือกลับใจตามมาตรา ๘๒ 53
คาถามท้ายบท 53
9 ตัวการ ผู้ใช้ และผูส้ นับสนุน 56
9.1 ตัวการ 56
9.๒ ผู้ใช้ 56
9.3 ผู้สนับสนุน 56
9.4 วิธีการวินิจฉัยความรับผิดของผูล้ งมือ , ตัวการ , ผู้ใช้ , ผู้สนับสนุน 56
คาถามท้ายบท 60
หน้า ๗
10 ขอบเขตการใช้กฎหมายอาญา 63
10.1 หลักดินแดน 63
10.๒ หลักอานาจลงโทษสากล 64
10.3 หลักบุคคล 65
10.4 การคานึงถึงคาพิพากษาของศาลในต่างประเทศ 66
คาถามท้ายบท 67
เอกสารอ้างอิง 68
หน้า ๘
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 1
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
บุคคลจะต้อ งรับ ผิดในทางอาญา ก็ ต่อ เมื่ อมี ก ารบั ญ ญั ติ ความผิด และก าหนดโทษเอาไว้
นอกจากนี้ ความผิ ด ตามประมวลกฎหมายอาญาถู ก แบ่ ง ออกเป็ น องค์ ป ระกอบแยกออกเป็ น
องค์ประกอบภายนอก และองค์ประกอบภายใน
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. อธิบายหลักพื้นฐานเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญาและองค์ประกอบของความผิดได้
2. วินิจฉัยปัญญาเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญาและองค์ประกอบของความผิดได้
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
๑. การบรรยาย
๒. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
๓. ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา
หน้า ๙
การวัดผลและการประเมินผล
1. สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียน
2. สังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
3. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
4. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
5. ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
หน้า ๑๐
บทที่ 1
หลักพื้นฐานเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญาและ
องค์ประกอบของความผิด
๑.1 หลักพื้นฐานเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญา
ข้อสังเกต หลัก “Nullum crimen nulla poena sine lege” ยังเป็นที่ มาของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 29 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า
“บุคคลไม่ต้องรับโทษอาญา เว้นแต่ได้กระทาการอันกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทา
นั้นบัญญัติเป็นความผิดและกาหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่บุคคลนั้นจะหนักกว่า
โทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทาความผิดมิได้” อีกด้วย
1.๒ องค์ประกอบของความผิด
องค์ประกอบภายนอก คือ
ข้อสาคัญ การกระทาความผิดใดก็ตามจะต้องครบองค์ประกอบความผิดเสมอทั้ ง
องค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายใน นอกจากนี้ ต้องปรากฏด้วยว่าความผิด
นั้นมีกฎหมายบัญญัติเอาผิดไว้
ตัวอย่าง
นายดาต้องการฆ่าตัวตายจึงใช้เชือกแขวนคอตนเองกั บต้นไม้ ปรากฏว่าเชือกขาด
นายดาไม่ตาย
วิเคราะห์
นายดาจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่
องค์ประกอบภายนอก คือ
(๑) ผู้กระทา = ผู้ใด
(๒) การกระทา = เอาไป
(๓) วัตถุแห่งการกระทา = ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
องค์ประกอบภายใน คือ
ผู้กระทา ต้องกระทาโดยมี “เจตนาธรรมดา” แบ่งออกเป็น
(๑) เจตนาประเภทประสงค์ต่อผล (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรค
สอง) หรือเจตนาประเภทเล็งเห็นผล (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59
วรรคสอง)
(๒) เจตนาพิเศษ คือ “โดยทุจริต” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๑)
ข้อสังเกต เกี่ยวกับ “เจตนาพิเศษ” ดังกล่าว นอกจากคาว่า “โดยทุจริต” แล้ว ยัง
รวมถึงคาว่า “เพื่อ” ด้วย เช่น มาตรา 264 วรรคแรก, ส่วนมาตราใดมีคาว่า “น่าจะ...”
ตรงนี้ จะเรียกว่า “พฤติการณ์ประกอบการกระทา” ซึ่งหมายความว่า ผู้กระทาไม่จาต้องรู้
ข้อ เท็ จจริง อันเป็นองค์ของประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59
วรรคสาม เพียงน่าจะเกิดผลเสียหายในสายตาของวิญญูชนก็เป็นความผิดสาเร็จแล้ว
เช่น ปลอมบัตรประชาชนแล้วเก็บไว้ในลิ้นชัก แม้ยังไม่นามาใช้ก็เป็นความผิดสาเร็จแล้ว
คาถามท้ายบท
นายแดงเดินทางเข้าไปในป่าลึกแห่งหนึ่ง หลังจากนายแดงคิดและตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายแล้ว
นายแดงได้นาปืนที่พกติดตัวมาจ่อศีรษะตัวเองและเหนี่ยวไกปืนเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ปรากฏว่านายแดง
ลืมใส่ลูกกระสุนปืนเอาไว้ด้วย นายแดงจึงไม่ตาย
หน้า ๑๓
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 2
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
การกระทาความผิด ผู้กระทาต้องมีเจตนา สาหรับ เจตนาแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เจตนา
ธรรมดา คือ “เจตนาประเภทประสงค์ต่อผล” หรือ “เจตนาประเภทเล็งเห็นผล” กับ เจตนาตาม
กฎหมายหรือเจตนาโอน อันเป็นที่มาของหลักที่เรียกว่า “การกระทาโดยพลาด”
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. อธิบายเกี่ยวกับเจตนาได้
2. วินจิ ฉัยปัญญาเกี่ยวกับเจตนาได้
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1. การบรรยาย
2. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา
หน้า ๑๔
การวัดผลและการประเมินผล
1. สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียน
2. สังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
3. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
4. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
5.ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
หน้า ๑๕
บทที่ ๒
เจตนา
2.2 เจตนาตามความเป็นจริง
2.๒.๑ กรณีเจตนาประสงค์ต่อผล
คาว่า “ประสงค์ต่อผล” หมายความว่ามุ่งหมายจะให้เกิดผลขึ้นหากผลเกิดขึ้นตามที่
มุ่ ง หมายก็ เป็ นความผิ ดส าเร็จ หากผลไม่ เกิ ดตามที่ มุ่ ง หมายก็ เป็ นความผิ ดเพี ย งฐาน
พยายามตามมาตรา ๘๐ หรือมาตรา ๘๑ แล้วแต่กรณี
(๑) นายแดงรู้ว่าเป็ นการ “ฆ่า”“ผู้ อื่น ” จึง เป็นการ “รู้ ” “ข้อเท็ จ จริง ” อันเป็ น
“องค์ประกอบภายนอก”ของความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา ๒๘๘ และ
(๒) นายแดง “ประสงค์ต่อผล”กล่าวคือ ประสงค์ให้ดาตายเพราะใช้ “ปืน”ซึ่งเป็น
อาวุธร้ายแรงยิงไปที่หน้าอกของนายดาอันเป็น “อวัยวะสาคัญ”
๒.๒.2 กรณีเจตนาประสงค์เล็งเห็นผล
คาว่า “เล็งเห็นผล” หมายความว่า เล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้น ได้อย่างแน่นอน
เท่าที่จิตใจของบุคคลในฐานะเช่นนั้นจะเล็งเห็นได้
ตัวอย่าง ๑
การใช้ปืนยิงเข้าไปในกลุ่มคนโดยไม่แน่ชัดว่าเจาะจงยิงผู้ใดโดยเฉพาะ
คาพิพ ากษาฎีก าที่ ๙๒๙/๒๔๖๘ วินิ จ ฉัยว่า การยิง ปืนเข้าไปในขบวนรถไฟส าหรับ คน
โดยสารในขณะที่ มี คนโดยสารมาในระยะใกล้ๆ แต่เผอิญ กระสุนปืนมิ ได้ถูก ต้องผู้ใด ดังนี้ ผู้ยิง มี
ความผิดฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนาตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐
คาพิ พ ากษาฎี กาที่ ๒๙๘/๒๔๗๒ จ าเลยเอาปื นยิง เข้ าไปในหมู่ คนกระสุ นปื นถู ก ผู้ห นึ่ ง
บาดเจ็บ แม้จาเลยจะมิ ได้ตั้งใจยิงใครโดยเฉพาะเจาะจงก็ดี จาเลยต้องมีความผิดฐาน
พยายามฆ่าคนโดยเจตนาตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐
คาพิพากษาฎีกาที่ ๘๑๘/๒๕๑๔ จาเลยเมาสุราแล้วยิงปืนเข้าไปในฝูงชนโดยมิได้คานึงว่า
กระสุน ปืนจะไปถูกผู้ใดเข้า จาเลยย่อมเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทาของตน เมื่อ
กระสุนปืนไปถูกผู้อื่นตาย ถือ ว่า จาเลยมีเจตนาฆ่าตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๕๙
วรรคสอง
ตัวอย่าง ๒
นายแดงจุดไฟเผาบ้านของตนเอง เพื่อหวังจะได้เงินจากการประกันอัคคีภัยนายดาซึ่งเป็นผู้เช่า
ถูก ไฟ คลอตาย นายแดงมีความผิดฐานฆ่านายดาตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล หากนายแดง
เล็งเห็นได้ว่านายดาจะต้องถูกไฟคลอกตาย อย่างแน่นอน
นายแดงต้องการฆ่านายดาในขณะที่นายดายืนอยู่ติดกับนายขาว นายแดงใช้ปืนลูกซองยิงนาย
ดาโดยเล็งเห็นผล ว่า กระสุนปืน จะแผ่กระจายไปถูกนายขาวด้วย ถือว่า
หน้า ๑๗
2.3 หลักเกณฑ์การกระทาโดยพลาดที่สาคัญ
ตัว อย่ า ง นายแดงยิง ด ากระสุ นไม่ ถูก นายด า แต่ พ ลาดไปถูก นายขาว
บาดเจ็บถือว่านายแดงมีเจตนาตามมาตรา ๖๐ ต่อนายขาว แต่ถ้ากระสุนไม่ถูกนายขาว
และนายขาวไม่ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจเลย ก็จะถือว่านายแดงมีเจตนาต่อนายขาว
ไม่ได้เพราะผลไม่เกิดแก่นายขาว
ตัวอย่าง แดงต้องการฆ่าดาแดงใช้ปืนยิงไปที่ตอไม้โดยเข้าใจว่าเป็นดากระสุนไม่ถูก
ตอไม้ แต่แฉลบไปถูกขาว บาดเจ็บ นอกจากนั้น กระสุนยังแฉลบไปถูกดาซึ่งอยู่ห่างออกไป
หน้า ๑๙
2.3.5 หากผู้กระทาได้กระทาต่อวัตถุแห่งการกระทาอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของ
ความผิดฐานหนึ่งซึ่งผู้กระทารู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกนั้นแล้วแต่ผล
ของการกระทาไปเกิดแก่วัตถุแห่งการกระทาอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิด
อีกฐานหนึ่งซึ่งผู้กระทาไม่รู้ข้ อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบนั้นมาก่อน เช่นนี้ ไม่ถือว่า
เป็นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา ๖๐
2.3.7 การกระทาโดยพลาดอาจเกิดขึ้นเพราะการกระทาของบุคคลที่สามได้
คาถามท้ายบท
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 3
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
บุคคลจะต้องรับ ผิดในทางอาญาเมื่ อกระท าโดยเจตนา อย่างไรก็ตาม กฎหมายอาญาได้
บัญญัติถึงความผิดบางฐานที่อาจเกิดจากการกระทาโดยประมาทเอาไว้ด้วย
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. อธิบายเกี่ยวกับการกระทาโดยประมาทได้
2. วินจิ ฉัยปัญญาเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญาเมื่อเป็นการกระทาโดยประมาทได้
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1. การบรรยาย
2. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา
หน้า ๒๓
การวัดผลและการประเมินผล
1.สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียนสังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
2. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
3. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
4.ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
หน้า ๒๔
บทที่ ๓
ประมาท
องค์ประกอบภายนอก
(1) ผู้กระทา = ผู้ใด
(2) การกระทา = กระทำเป็นเหตุให้ถึงแก่ควำมตำย
(3) วัตถุแห่งการกระทา = ผู้อื่น
องค์ประกอบภายใน
ในทางอาญาก็ต่อเมื่อเป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทาโดยประมาท
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคหนึ่ง เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ถ้า “การกระทา
โดยประมาท” ดังกล่าว ไม่มีการบัญญัติเป็นความผิดและกาหนดโทษเอาไว้ตามหลักใน
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง ผู้กระทาโดยประมาทนั้นย่อมไม่มีความผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญา
สภาพปัญหา
(๑) นายขาวผิดมาตรา 288 แน่นอน ไม่มีปัญหา
วิเคราะห์
คาถามท้ายบท
นายเอกขับรถยนต์ด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกาหนดไว้บนถนนสาธารณะ ขณะที่
ฝนตกหนักมาก ปรากฏว่ารถยนต์ของนายเอกลื่นไถลออกนอกถนนสาธารณะชนกับกาแพงบ้านของ
นายโทได้รับความเสียหาย
หน้า ๒๗
ให้วินิจฉัยว่าการกระทาของนายเอกดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 4
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
การกกระทาตามความหมายของกฎหมายอาญา แบ่งออกเป็นแบบเคลื่อนไหวร่างกายกั บ
แบบไม่เคลื่อนไหวร่างกาย ทั้ งนี้ การกระทาดังกล่าวอาจเกิ ดจากเจตนาหรือประมาทของผู้กระท า
แล้วแต่กรณี
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. อธิบายเกี่ยวกับการกระทาได้
2. วินิจฉัยปัญญาเกี่ยวกับการกระทา
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1. การบรรยาย
2. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา
หน้า ๒๘
การวัดผลและการประเมินผล
1.สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียนสังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
2. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
3. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
4.ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
บทที่ 4
การกระทา
4.3 ประเด็นเกี่ยวกับรูปแบบของการกระทา
4.3.1 การกระทาแบบมีเคลื่อนไหวร่างกาย
อธิบาย สาหรับการกระท าโดยการเคลื่อนไหวร่างกายนั้นมีห ลายรูปแบบด้วยกั น
เช่น การชก การผลัก การวิ่งชน เป็นต้น อย่างไรก็ ตาม การที่ จ ะถือว่าผู้ก ระท า มี ก าร
กระทาได้นั้น จะต้องพิจารณาเป็นขั้นตอนไปดั่งตัวอย่างต่อไปนี้
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายแดงโกรธนายขาวจึงใช้ปืนนายยิงขาว นายขาวถูกยิงถึงแก่ความ
ตาย เช่นนี้ ถือว่านายแดงมี “การกระทา” เพราะ
(ก) นายแดง “คิด” จะยิงนายขาว
(ข) นายแดง “ตกลงใจ” ทีจ่ ะยิงนายขาวตามที่คิดไว้
(ค) ในที่สุดนายแดงก็ได้ “ยิง” นายขาวตามที่ตกลงใจอันสืบเนื่องมาจากความคิด
ทั้งนี้ การยิงดังกล่าว คือ การกระทาในรูปแบบเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเริ่มตั้งแต่
(๑) ลงมือยิงนายขาวด้วยการเล็งปืนไปที่นายขาว
(๒) การลั่นไกปืนยิงไปที่ขาวและ
(๓) การที่กระสุนถูกนายขาว
หน้า ๓๐
4.3.2 การกระทาแบบไม่มีเคลื่อนไหวร่างกาย
ตัวอย่างคาพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับเรื่อง “งดเว้น”
คาพิพากษาฎีกาที่ 16412/2555 วันเวลาเกิดเหตุจาเลยพาผู้เสียหายที่ 2 ซึ่ง
เป็นหญิงคนรักนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่
จาเลยขับล้มลงทาให้ผู้เสียหายที่ 2 ตกจากรถจักรยานยนต์ได้รับอันตรายสาหัส นอนหมด
สติในพงหญ้า ข้า งทาง แล้วจาเลยหลบหนีไม่ให้ความช่ วยเหลือ ทิ้ง ให้ผู้เสียหายที่ 2
นอนหมดสติในที่เกิดเหตุเป็นเวลานานถึง 8 วัน และไม่แจ้งให้ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นมารดา
ทราบจนมี ผู้ ไปพบผู้เสี ยหายที่ 2 จาเลยย่ อมเล็งเห็นผลได้ว่า การงดเว้นไม่ ให้ ความ
ช่วยเหลือ ผู้เสียหายที่ 2 อาจถึงแก่ความตายได้ เมื่อผู้เสียหายที่ 2 ไม่ถึงแก่ความตาย
จ าเลยจึ ง มี ค วามผิ ด ฐานพยายามฆ่ าผู้ อื่ น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288
ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 59 วรรคท้าย
ข้อสังเกต คือ การกระท าโดยการ “งดเว้น” นั้น อาจเกิ ดจาก “เจตนา” หรือ
“ประมาท” ก็ได้
ตัวอย่าง นางแดงสมรสกับ นายดาเกิดบุตรทารกขึ้นมาคนหนึ่ง คือ เด็กชายขาว
นายดาไปทางานที่ ต่างประเทศและคอยส่งเงินมาให้นางแดงเอาไว้เลี่ยงดูบุตร นางแดง
ปล่อยปละละเลยไม่ให้เด็กชายขาวกินนมจนเด็กชายขาวอดนมตายในที่ สุด เช่นนี้ ถือว่า
นางแดงมี “การกระทา” คือ “งดเว้น” และ “ประมาท” ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๕๙ วรรคสี่
คาถามท้ายบท
หน้า ๓๒
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 5
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
ในการกระทาตามที่กฎหมายอาญาบัญญัติเป็นความผิด อาจเกิดกรณีสาคัญผิดในตัวบุคคล
หรือสาคัญผิดในข้อเท็จจริงก็ได้ ซึ่งกฎหมายบัญญัติเงื่อนไขเหตุแห่งการรับผิดเอาไว้แตกต่างกัน
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. อธิบายเกี่ยวกับการสาคัญผิดในตัวบุคคล และสาคัญผิดในข้อเท็จจริงจริงได้
2. วินจิ ฉัยปัญญาเกี่ยวกับ การกระทาที่เกิดจากการสาคัญผิดในตัวบุคคลและสาคัญผิด
ในข้อเท็จจริงจริงได้
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1. การบรรยาย
2. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา
หน้า ๓๓
การวัดผลและการประเมินผล
1.สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียนสังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
2. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
3. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
4.ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
บทที่ 5
การสาคัญผิด
5.๑ การสาคัญผิดในตัวบุคคล
5.2 การสาคัญผิดในข้อเท็จจริง
กล่าวโดยสรุป
5.2.1.๑.ป้องกันโดยสาคัญผิดตามป.อ.มาตรา ๖๘ ประกอบมาตรา ๖๒ วรรคหนึ่ง มีได้
5.2.1.๒.จาเป็นโดยสาคัญผิดตามป.อ.มาตรา ๖๗(๑) หรือ (๒) ประกอบมาตรา ๖๒ วรรค
หนึ่ง มีได้
5.2.1.๓.บันดาลโทสะโดยสาคัญผิดตามป.อ.มาตรา ๗๒ ประกอบมาตรา ๖๒ วรรคหนึ่ง มี
ได้
5.2.1.๔..ป้องกันโดยสาคัญผิดแล้วพลาดตามป.อ.มาตรา ๖๘ ประกอบมาตรา ๖๒ วรรค
หนึ่งประกอบมาตรา ๖๐ มีได้
5.2.1.๕..จาเป็นโดยสาคัญผิดแล้วพลาดตามป.อ.มาตรา ๖๗(๑)หรือ(๒) ประกอบมาตรา
๖๒ วรรคหนึ่งประกอบมาตรา ๖๐ มีได้
5.2.1.๖..บันดาลโทสะโดยสาคัญผิดแล้วพลาดตามป.อ.มาตรา ๗๒ ประกอบมาตรา ๖๒
วรรคหนึ่งประกอบมาตรา ๖๐ มีได้
หน้า ๓๕
ตัวอย่าง นายแดงเห็นคนเดินเข้าไปในบริเวณบ้านของนายขาวซึ่งเป็นเพื่อนของตน
ในเวลากลางคืนจึงไปแอบดูอยู่ที่หลังพุ่ม ไม้ ข้างรั้วบ้านของนายขาว นายขาวเดินมาปิด
ประตูหน้าต่างมองเห็นเงาคนก็เข้าใจว่านายแดงเป็นคนร้ายจะเข้ามาลั กทรัพย์ในบ้านของ
ตนจึงใช้ปืนยิงนายแดง ๑ นัด กระสุนปืนไม่ถูกนายแดงแต่ไปถูกนายดาซึ่งเดินผ่านมาถึงแก่
ความตาย
ปัญหา คือ นายขาวมีความผิดฐานใดหรือไม่
คาตอบ นายขาวมีความผิดฐานพยายามฆ่านายแดงตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ แต่เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามมาตรา ๖๙
เพราะเป็นการกระทาโดยมีเจตนาฆ่าคนร้ายซึ่งจะเข้ามาลักทรัพย์ ทั้งนี้ โดยสาคัญผิดใน
ข้อเท็ จจริงตามมาตรา ๖๒ วรรคแรก นายขาวมีความผิดฐานฆ่านายดาโดยเจตนาตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ เป็นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา ๖๐ แต่เมื่อ
การกระทาของนายขาวต่อนายแดงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุโดยสาคัญผิด การที่
พลาดไปถูก นายดาก็ย่อมอ้างว่าเป็นการป้องกั นเกินสมควรแก่ เหตุต่อนายดาได้เช่นกั น
(เทียบคาพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๕/๒๕๑๖ และ ๘๙๒/๒๕๑๕)
ตัวอย่างคาพิพากษาฎีกา
หน้า ๓๖
คาถามท้ายบท
นายดาหยอกล้อนายแดงเพื่อนร่วมชั้นเรียนโดยการนาปืนเด็กเล่นที่มีลักษณะเหมือนของจริง
มากมาจ้องทาท่าเล็งจะยิงนายแดง นายแดงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นปืนจริงจึงใช้หนังสือขว้างไปที่มือของ
นายดาเพื่อให้ปืนหลุดมือ แต่หนังสือดังกล่าวถูกบริเวณลาตัวนายดาทาให้เป็นแผลถลอกเล็กน้อย
ให้วินิจฉัยว่า การกระทาของนายแดงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่
หน้า ๓๘
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 6
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
ความผิ ด ทางอาญาที่ ต้ อ งการผล ผลนั้ น จะต้ องเป็ น ผลธรรมดาที่ ย่ อ มเกิ ด ขึ้ น ได้ อั น สื บ
เนื่องมาจากหลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล ( causation)
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. อธิบายเกี่ยวกับหลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผลได้
2. วินจิ ฉัยปัญญาเกี่ยวกับหลักผลธรรมดาได้
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1. การบรรยาย
2. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา
หน้า ๓๙
การวัดผลและการประเมินผล
1.สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียนสังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
2. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
3. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
4.ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
หน้า ๔๐
บทที่ 6
ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล
( ผลธรรมดา )
ปัญหาเบื้องต้น ข้อเท็จจริง คือ นาย ก. วิ่งไล่ใช้มีดฟันนาย ข. ประสงค์จะฆ่านาย
ข. ให้ตายด้วยมีดของตน
ประเด็น คือ นาย ข. วิ่งหนีและปรากฏว่า
(1) นาย ข. โดนฟ้าผ่าตาย
(2) นาย ข. วิ่งหนีกระโดดลงน้าและจมน้าตาย
(3) นาย ข. ถู ก นาย ก. ใช้ มี ด ฟั น ที่ หั ว แล้ ว แต่ ไม่ ต าย นาย ข. รั ก ษาตั ว ที่
โรงพยาบาล ต่อมาปรากฏว่า พยาบาลประมาทใช้อุปกรณ์ไม่สะอาดทาแผลให้ นาย ข.
จึงเกิดอาการบาดแผลติดเชื้อตาย
6.1.1 ทฤษฎีเงื่อนไข ( The Condition Theory หรือ “but for test” ) แยก
พิจารณาได้ดังต่อไปนี้
สรุป คือ
หน้า ๔๓
คาถามท้ายบท
นายเหลืองโกรธนายทองจึงชกหน้านายทองหลายครั้งจนดวงตาซ้ายของนายทองปิดบวมช้า
ต่อมาอีก 6 วัน ตาซ้ายของนายทองนั้นบอดเพราะการถูกชก
ให้วินิจฉัยว่า นายเหลืองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่
หน้า ๔๔
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 7
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
ความผิดทางอาญาในบางกรณีกฎหมายมีการบัญญัติถึงเหตุยกเว้นความผิด เหตุยกเว้นโทษ
และเหตุลดโทษเอาไว้ซึ่งจะต้องนามาพิจารณาประกอบกับโครงสร้างความรับผิดในทางอาญาด้วย
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1.การบรรยาย
2.การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3.ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา
หน้า ๔๕
การวัดผลและการประเมินผล
1.สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียนสังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
2. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
3. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
4.ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
หน้า ๔๖
บทที่ 7
เหตุยกเว้นความผิด เหตุยกเว้นโทษ เหตุลดโทษ
แม้มีการกระทาที่ “ครบองค์ประกอบ”ตามที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดปรากฏ
ขึ้นแล้วก็ตาม จะรีบด่วนวินิจฉัยว่า ผู้กระทามีความผิดทันทีเลยไม่ได้ ทั้งนี้ ต้องพิจารณาถึง
เหตุยกเว้นความผิด , เหตุยกเว้นโทษ , เหตุลดโทษ ประกอบด้วยเสียก่อน
7.1 เหตุยกเว้นความผิด
7.2 เหตุยกเว้นโทษ
7.3 เหตุลดโทษ
หน้า ๔๗
เหตุล ดโทษ คือ เหตุที่ ก ฎหมายก าหนดเอาไว้ว่า แม้ มี ก ารกระท าอั นนั้น เกิ ดขึ้ น
ผู้กระทามีความผิดทางอาญาแล้ว แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกาหนดไว้สาหรับ
ความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ เช่น การกระทาโดยบันดาลโทสะตามป.อ.มาตรา ๗๒ เป็นต้น
ข้อสังเกต จะเห็นว่า เฉพาะในกรณี ป.อ.มาตรา ๖๗ กับ มาตรา ๖๘ นั้นจะมีป.อ.
มาตรา ๖๙ ควบคุมขอบเขตของผู้กระทาเอาไว้ด้วย กล่าวคือ หากการกระทาตามมาตรา
๖๗ หรือ มาตรา ๖๘ เป็นการกระท าไปเกิ นสมควรแก่ เหตุห รือเกินกว่ากรณี แห่ง ความ
จาเป็นหรือเกินกว่ากรณีแห่งการกระทาเพื่อป้องกันผลนั้น เช่นนี้ ป.อ.มาตรา ๖๙ กาหนด
ว่า ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกาหนดไว้สาหรับความผิดนั้นก็ได้
7.5 การกระทาโดยบันดาลโทสะ
หลักเกณฑ์ในเรื่องบันดาลโทสะตามป.อ.มาตรา ๗๒ มีดังนี้
ข้อ ๑. ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
ข้อ ๒. การที่ถูกข่มเหงเช่นนั้นเป็นเหตุให้ผู้กระทาบันดาลโทสะ
ข้อ ๓. ผู้กระทาได้กระทาความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะบันดาลโทสะ
ผลทางกฎหมาย คือ หากผู้กระทากระทาโดยผ่านหลักเกณฑ์ทั้ง ๓ ข้อข้างต้นย่อมเป็นการ
กระทาโดยบันดาลโทสะอันเป็นเหตุลดโทษได้
ข้อสังเกตพิเศษ แต่ถ้านายดากับนางขาวสมรสกันส่งผลให้เป็นสามีภริยากันโดยชอบ
ด้วยกฎหมาย เช่นนี้ การกระทาของนายดาที่แทงนายแดง ๒ ทีจะกลายเป็นการป้องกัน
ตามป.อ.มาตรา ๖๘ ผล คือ นายดาไม่มีความผิด (เทียบคาพิพากษาฎีกาที่ ๓๗๘/๒๔๗๙ )
ตัวอย่างอื่นๆ
ตัวอย่างที่ ๑ จาเลยถูกคนร้ายที่มีสมัครพรรคพวกหลายคนแต่ละคนมีอาวุธปืน
ครบมือ ใช้ปืนจี้ขู่บังคับให้เอาเรือรับส่งข้ามฟากเพื่อช่วยคนร้ายให้พ้นจากการจับกุม ดังนี้
เป็นการที่จาเลยกระทาไปเพราะอยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อานาจซึง่ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงขัด
หน้า ๕๐
ตัวอย่างที่ ๒ ผู้ตายเข้ามาต่อว่าและตบหน้าจาเลยจาเลยโมโหจึงชักปืนยิงผู้ตาย ๓
นัด ถือว่ายังไม่มีภยันตรายที่จาเลยจาต้องป้องกันแต่อย่างใด การกระทาของจาเลยจึงไม่
เป็นการป้องกันตามกฎหมาย ดังนั้น จาเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ ( คาพิพ ากษาฎี ก าที่
๕๖๖๔/๒๕๔๐ )
ตัวอย่างที่ ๓ การที่ผู้เสียหายตะโกนด่าถึงมารดาจาเลยว่ามารดาจาเลยเป็นโสเภณี
และถึงแก่กรรมด้วยโรคเอดส์ เป็นการกล่าวหาว่ามารดาจาเลยสาส่อนทางเพศถือว่าเป็น
การข่มเหงจาเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม การที่จาเลยตบหน้าผู้เสียหาย ๒ ครั้ง
ในขณะนั้นจึง เป็นการกระท าโดยบันดาลโทสะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕
ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ (คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๗๐/๒๕๔๔ )
คาถามท้ายบท
หน้า ๕๑
นายหนึ่งใช้ปืนจ้องเล็งไปทางนายสองโดยบอกบังคับให้นายสองชกหน้านายสามมิฉะนั้นนาย
หนึ่งจะยิงนายสองให้ตายทันทีปรากฏว่านายสองกลัวตายจึงชกหน้านายสาม
ให้วินิจฉัยว่า นายสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 8
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
การลงมือกระทาความผิด หากความผิดไม่สาเร็จสมดั่งเจตนาของผู้กระทา ย่อมถือว่าเป็นการ
พยายามกระทาความผิดซึ่งกฎหมายกาหนดลักษณะของการพยายามกระทาความผิดไว้แตกต่างกัน
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. อธิบายหลักพื้นฐานเกี่ยวกับการพยายามกระทาความผิดได้
2. วินจิ ฉัยปัญญาเกี่ยวกับการพยายามกระทาความผิดได้
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1. การบรรยาย
2. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
สื่อการเรียนการสอน
หน้า ๕๒
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา
การวัดผลและการประเมินผล
1. สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียน
2. สังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
3. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
4. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
5. ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
บทที่ 8
การพยายามกระทาความผิด
8.1 การพยายามกระทาความผิดตามมาตรา ๘๐
๑. กระทาไปไม่ตลอด
๒. กระทาไปตลอดแล้วแต่การกระทาไม่บรรลุผล
8.2.1 การไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิดมาตรา ๕๙
วรรคสาม
หลั ก คื อ ความจริ ง มี ข้ อเท็ จ จริ ง อั น เป็ น องค์ ป ระกอบภายนอกของ
ความผิดอยู่ครบถ้วนทุกข้อ แต่ผู้กระทาเข้าใจผิดไปว่าขาดข้อเท็จจริงบางประการอันเป็น
องค์ประกอบภายนอกของความผิดนั้นไป
ตัวอย่าง นายแดงยิงนายดาโดยนายแดงเข้าใจผิดไปว่านายดาซึ่งนอนคลุม
โปงอยู่หัวใจวายตายไปก่อนแล้ว ปรากฏว่านายดาตายเพราะถูกนายแดงยิง
ผลของการไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิด คือ
ผู้กระทาไม่ต้องรับผิดฐานกระทาโดยเจตนา กล่าวคือ ตามตัวอย่าง นายแดงไม่ต้องรับผิด
ฐานฆ่านายดาตายโดยเจตนาตามมาตรา ๒๘๘ เพราะนายแดง “ไม่รู้” ว่า วัตถุแห่งการ
กระทา คือ “ผู้อื่น” โดยเข้าใจว่าเป็นศพ
8.3 การยับยั้งหรือกลับใจตามมาตรา ๘๒
ตัวอย่างกรณียับยั้ง
ก. ต้องการฆ่า ข. ก. ยกปืนเล็งไปยัง ข. แล้ว ก. เกิ ดสงสาร ข. จึงยับ ยั้งไม่ ยิง ข.
ดังนี้ ถือว่าเป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทาการให้ตลอด
ตัวอย่างกรณีกลับใจ
ก. ต้องการฆ่า ข. จึงใช้ปืนยิง ข. ในป่าลึก ปรากฏว่ากระสุนถูก ข. บาดเจ็บ ก. เกิด
สงสาร ข. จึงพา ข. ไปรักษาจนหาย ดังนี้ ถือว่า ก. กลับใจแก้ไขไม่ให้การยิงของ ก. นั้น
บรรลุผล ( ผล คือ ความตายของ ข.)
คาถามท้ายบท
นายม่วงโกรธแค้นนายฟ้าศัตรูของตนจึงไปดักซุ่มจะทาร้ายนายฟ้า เมื่อนายฟ้าเดินมานายม่วง
ตรงเข้าใช้ไม้ที่นาติดตัวมาตีนายฟ้าจนได้รับอันตรายแก่กาย ระหว่างที่กาลังถูกตี นายฟ้าร้ องบอกนาย
ม่วงว่า “กลัวแล้วๆ” นายม่วงเกิดความสงสารจึงหยุดตี เช้าวันรุ่งขึ้นนายม่วงซึ่งยังไม่หายโกรธนายฟ้า
ได้ไปดักซุ่มรอนายฟ้าอีกโดยตั้งใจจะใช้ท่อนเหล็กขนาดใหญ่ที่นาติดตัวมาตีศีรษะนายฟ้าให้ถึงแก่ความ
ตาย เมื่อนายฟ้าเดินมา นายม่วงแอบเข้าไปทางด้านหลังของนายฟ้าและเงื้อท่อนเหล็กนั้นจะตีศีรษะ
นายฟ้าพร้อมกับร้องว่า “ตายเสียเถอะ” แต่เมื่อเหลือบไปเห็น ตารวจสายตรวจก าลังเดินมารับ ใน
บริเวณนั้นนายม่วงกลัวถูกจับจึงโยนท่อนเหล็กนั้นทิ้งและวิ่งหนีกลับไปบ้าน
ให้วินิจฉัยว่า นายม่วงจะมีความผิดเพียงใดหรือไม่
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 9
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
การลงมือกระทาความผิด อาจมีผู้เกี่ยวข้องในการกระทาความผิดประกอบด้วย กฎหมายได้
กาหนดลักษณะแห่งความผิดและโทษเอาไว้แก่ผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว อันได้แก่ ตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1. การบรรยาย
2. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
สื่อการเรียนการสอน
หน้า ๕๖
1. เอกสารประกอบการสอน
2. ประมวลกฎหมายอาญา
การวัดผลและการประเมินผล
1. สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียน
2. สังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
3. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
4. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
5. ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
บทที่ 9
ตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน
การที่ “ผู้ลงมือ” กระทาความผิด อาจปรากฏว่ามี “ผู้อื่น” เข้ามาเกี่ยวข้องกับการ
กระท าความผิ ด ด้ ว ย เช่ น ผู้ ที่ เ ป็ น “ตั ว การ” หรื อ ผู้ ที่ เ ป็ น “ผู้ ใช้ ” หรื อ ผู้ ที่ เ ป็ น
“ผู้ส นับสนุน”ซึ่งลัก ษณะแห่งการกระท าของบุคคลดังกล่าวนั้น กฎหมายอาญามี ก าร
กาหนดความผิดและโทษเอาไว้ด้วย
9.1 ตัวการ
9.2 ผู้ใช้
9.3 ผู้สนับสนุน
เมื่ อ น าตั ว อย่ า งที่ ๑ ตั ว อย่ า งที่ ๒ ตั ว อย่ า งที่ ๓ ตั ว อย่ า งที่ ๔ ประกอบกั นจะได้
“ตัวอย่างที่ ๕” ดังนี้
คาถามท้ายบท
นายดาจ้างนายแดงที่ประเทศอังกฤษให้ฆ่านายเหลืองที่ประเทศไทยโดยนายดากาชับว่านาย
แดงต้องฆ่านายเหลืองด้วยการใช้มีดแทงให้ตายเท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่จ่ายค่าจ้างให้ นายแดงตอบตกลง
ปรากฏว่าหลังจากนายแดงเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้ว นายแดงขับ รถยนต์ค้นหานายเหลืองจน
พบว่านายเหลือ งกาลังเดินข้ามถนนอยู่ นายแดงจึงขับ รถยนต์ด้วยความเร็วพุ่ งเข้าชนนายเหลือง
นายเหลืองตาย ดังนี้ จะดาเนินคดีกับนายแดงและนายดาในประเทศไทยได้หรือไม่
หน้า ๖๑
แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 10
หัวข้อเนื้อหาประจาบท
ความนา
การใช้กฎหมายอาญาบังคับ แก่ผู้กระท าย่อมต้องมีขอบเขตพื้นที่ ในการบังคับใช้กฎหมาย
กาหนดเอาไว้ด้วย อย่างไรก็ดี บางฐานความผิดอาจมีข้อยกเว้นทางด้านพื้นที่ดังกล่าวเอาไว้ด้วย
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. อธิบายหลักพื้นฐานเกี่ยวขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายอาญาได้
2. วินจิ ฉัยปัญญาเกี่ยวกับขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายอาญาได้
วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท
1. การบรรยาย
2. การศึกษาเอกสารประกอบการสอน
3. ทาแบบฝึกหัดท้ายบท
หน้า ๖๒
สื่อการเรียนการสอน
1 เอกสารประกอบการสอน
2 ประมวลกฎหมายอาญา
การวัดผลและการประเมินผล
1. สังเกตจากความสนใจในเนื้อหาที่เรียน
2. สังเกตจากการซักถามในชั้นเรียน
3. การมีส่วนร่วมในการอภิปรายเป็นกลุ่ม
4. สังเกตจากการตรวจผลงาน รายงาน และแบบฝึกหัดท้ายบท
5. ประเมินผลจากการสอบปลายภาคประจาภาคการศึกษา
บทที่ ๑0
ขอบเขตการใช้กฎหมายอาญา
ขอบเขตการใช้ กฎหมายอาญา หมายถึ ง เขตพื้ น ที่ ห รื อ อาณาเขตที่ ป ระมวล
กฎหมายอาญามีผลบังคับใช้กับตัวผู้ลงมือกระทาความผิดได้ ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายอาญา
ของไทยมี ก ารบัญ ญัติไว้ในมาตรา ๔ , มาตรา ๕ , มาตรา ๖ , มาตรา ๗ , มาตรา ๘ ,
มาตรา ๙
10.๑ หลักดินแดน
10.๒.หลักอานาจลงโทษสากล
หลักนี้มีปรากฏอยู่ในมาตรา ๗ กล่าวคือ ความผิดที่ระบุไว้ในมาตรา ๗ (๑) (๑/๑)
(๒) (๒ทวิ) (๓) แม้กระทานอกราชอาณาจักร ผล คือ ต้องรับโทษในราชอาณาจักร
เหตุผลที่มีการบัญญัติ มาตรา ๗ เนื่องจากว่า ความผิดที่ระบุอยู่ในมาตรา ๗ (๑)
(๑/๑) (๒) (๒ทวิ) (๓) ตามหลักสากล ถือว่า เป็นความผิดที่ร้ายแรงมีผลกระทบต่อความ
มั่นคงของประเทศ ดังนั้น ทุกประเทศควรต้องร่วมมือกันในการลงโทษผู้กระทาความผิด
11.๓. หลักบุคคล
หลักนี้มีปรากฏอยู่ในมาตรา ๘ มาตรา ๙
10.๓.๑ หากเป็นความผิดที่ระบุอยู่ในมาตรา ๘ (๑)ถึง (๑๓) ถ้าเข้าเงื่อนไข ดังนี้
ปัญ หาที่ ๒ คือ นาย ข. จะขอให้ ล งโทษนาย ก. ในความผิด ฐานลัก ทรัพ ย์ได้
หรือไม่
คาตอบ คือ ได้ เนื่องจากนาย ก. กระทาความผิดตามมาตรา ๘(๘) ดังนั้น แม้นาย
ข. ผู้เสียหายจะเป็นคนญี่ปุ่นก็ย่อมใช้สิทธิตามมาตรา ๘ (ก) ร้องขอได้
ปัญ หาที่ ๒ คือ นาย ข. จะขอให้ ล งโทษนาย ก. ในความผิด ฐานลัก ทรัพ ย์ได้
หรือไม่
คาตอบ คือ ได้ เนื่องจากนาย ก. กระทาความผิดตามมาตรา ๘(๘) ดังนั้น เพราะ
นาย ข. ผู้เสียหายเป็นคนไทยก็ย่อมใช้สิทธิตามมาตรา ๘ (ก) ร้องขอได้
10.4 การคานึงถึงคาพิพากษาของศาลในต่างประเทศ
๑ หมายเหตุ : ความผิดมาตรา ๑๔๗ ถึง มาตรา ๑๖๖ และมาตรา ๒๐๐ ถึงมาตรา ๒๐๕
จะได้ศึกษากันอย่างละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบความผิด ใน วิชา กฎหมายอาญา ๒ LAW 1508.
หน้า ๖๖
คาถามท้ายบท
เอกสารอ้างอิง
เอกสารภาษาไทย
หนังสือ
เกี ยรติขจร วัจ นะสวัส ดิ์. (2551). กฎหมายอาญาภาค 1 บทบัญ ญั ติทั่ วไป .(พิม พ์ ครั้ง ที่ 10).
กรุงเทพฯ:สานักพิมพ์ พลสยาม พริ้นติ้ง.
เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์. (2553). คาอธิบายหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา .(พิมพ์ครั้งที่ 7).
กรุงเทพฯ:สานักพิมพ์ พลสยาม พริ้นติ้ง.
คณิต ณ นคร. (2549). กฎหมายอาญาภาคความผิด . (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ:บริษัทสานักพิมพ์
วิญญูชน จากัด.
คณิต ณ นคร. (2556). กฎหมายอาญาภาคทั่วไป. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ:บริษัทสานักพิมพ์วิญญู
ชน จากัด.
คณพล จันทน์หอม. (2558 ). รากฐานกฎหมายอาญา. กรุงเทพฯ:บริษัทสานักพิมพ์วิญญูชน จากัด.
คนึง ฦาไชย. (2541 ). กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เล่ม 1.(พิมพ์ครั้งที่ 5) กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์
เดือนตุลา.
จิตติ ติงศภัทิย์. (2543). กฎหมายอาญาภาค 2 ตอน 1.(พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ:ห้างหุ้นส่วนจากัด
จิรรัชการพิมพ์.
จิตติ ติงศภัทิย์. (2545). กฎหมายอาญาภาค 2 ตอน 2 และภาค 3.(พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ:ห้าง
หุ้นส่วนจากัดจิรรัชการพิมพ์.
จิตติ ติงศภัทิย์. (2555). กฎหมายอาญาภาค 1.(พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพฯ: บริษัทศูนย์การพิมพ์
เพชรรุ่ง จากัด.
ทวีเกียรติ มี นะกนิษฐ. (2559 ก). กฎหมายอาญาภาคทั่วไป. (พิมพ์ครั้งที่ 17). กรุงเทพฯ:บริษัท
สานักพิมพ์วิญญูชน จากัด.
หน้า ๖๘