Professional Documents
Culture Documents
เลขเสริม
เลขเสริม
การดาเนินการบนเซต
- สมบัติการเปลี่ยนกลุ่ม (ใช้ได้กับ ∪, ∩) เช่น A ∪ (B ∪ C) = (A ∪ B) ∪ C
- สมบัติการสลับที่ (ใช้ได้กับ ∪, ∩) เช่น A ∩ B = B ∩ A
- สมบัติการแจกแจง (ใช้ได้กับ ∪, ∩)
A ∩ (B ∪ C) = (A ∩ B) ∪ (A ∩ C)
A ∪ (B ∩ C) = (A ∪ B) ∩ (A ∪ C)
- De Morgan’s theorem
(A ∪ B)′ = A′ ∩ B′
(A ∩ B)′ = A′ ∪ B′
- ผลต่างระหว่างเซต A − B = A ∩ B′
1
Inclusion – Exclusion theorem
2 เซต n(A ∪ B) = n(A) + n(B) − n(A ∩ B)
3 เซต n(A ∪ B ∪ C) = n(A) + n(B) + n(C) − n(A ∩ B) − n(B ∩ C) − n(C ∩ A) + n(A ∩ B ∩ C)
สมบัติของเพาเวอร์เซต
1. P(X) ∩ P(Y) = P(X ∩ Y)
2. P(X) ∪ P(Y) ⊂ P(X ∪ Y) โดย P(X) ∪ P(Y) = P(X ∪ Y) ก็ต่อเมื่อ X ⊂ Y หรือ Y ⊂ X
3. A ⊂ B ก็ต่อเมื่อ P(A) ⊂ P(B)
ตรรกศาสตร์
รูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน
p → q ≡∼ p ∨ q ≡∼ q →∼ p
p ↔ q ≡ (p → q) ∧ (q → p)
∼ (p ↔ q) ≡∼ p ↔ q ≡ p ↔∼ q
2
8. Add. เหตุ p
ผล p∨q
9. Conj. เหตุ 1. p 2. q
ผล p∧q
ตัวบ่งปริมาณ
∀x แทน สาหรับ x ทุกตัว ∃x แทน สาหรับ x บางตัว
ค่าความจริงของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ
∀x[P(x)] แทน x ตัวใดตัวหนึ่ง แล้วเท็จ ค่าความจริงก็จะเป็นเท็จ (ถ้าเป็นจริงหมด ค่าความจริงก็จะเป็นจริง)
∃x[P(x)] แทน x ตัวใดตัวหนึ่ง แล้วจริง ค่าความจริงก็จะเป็นจริง (ถ้าแทนทุกตัวแล้วเป็นเท็จ ค่าความจริงก็จะเป็นเท็จ)
จานวนจริง
การแก้สมการพหุนาม
ทฤษฎีบทเศษเหลือ และทฤษฎีบทตัวประกอบ
กาหนดให้ p(x) เป็นพหุนามใดๆ และ c เป็นจานวนจริงใดๆ เศษเหลือที่ได้จากการนา x– c ไปหาร p(x) จะ
เท่ากับ p(c) นั่นคือ พหุนาม p(x) จะมี x– c เป็นตัวประกอบ ก็ต่อเมื่อ p(c) = 0 หรือ เศษเหลือเท่ากับ 0
ทฤษฎีบทตัวประกอบตรรกยะ
กาหนดให้ p(x) = an xn + an−1xn−1 + ⋯ + a1x + a0 เป็นพหุนามดีกรี n และ a0, a1 , … , an เป็นจานวน
เต็ม โดยที่ an ≠ 0 ถ้า x − mk เป็นตัวประกอบของพหุนาม p(x) โดยที่ m และ k เป็นจานวนเต็ม ซึ่ง m ≠ 0
และ ห.ร.ม. ของ k และ m คือ 1 แล้ว m หาร a0 ลงตัว และ k หาร a0
ช่วงและการแก้อสมการ
1. ช่วงเปิด (a, b) หมายถึง {x ∈ ℝ| a < x < b}
2. ช่วงปิด [a, b] หมายถึง {x ∈ ℝ| a ≤ x ≤ b}
3. ช่วงครึ่งเปิด - ปิด (a, b] หมายถึง {x ∈ ℝ| a < x ≤ b}
4. ช่วงครึ่งปิด - เปิด [a, b) หมายถึง {x ∈ ℝ| a ≤ x < b}
3
แบบฝึกหัด
1. (ดัดแปลงจาก PAT1 ต.ค. 53)
กาหนดให้ A, B และ C เป็นเซต โดยที่ n(A) + n(B) + n(C) = 243 และ n(A ∪ B ∪ C) = 82
ถ้า X = {x|x = n(A ∩ B ∩ C)} และกาหนดให้ α ∈ X โดยที่ ∀a ∈ X, α ≥ a และกาหนด β ∈ X โดยที่ ∀b ∈ X, β ≤ b
จงหาค่าของ α + β
3. กำหนดให้ A และ B เป็นเซต โดยที่ n(A) = 26 และ n(P(A)) + n(P(B)) = n(P(A ∪ B))
ถ้ำ X = {x|x = n(A ∩ B)} จงหำผลบวกของสมำชิกใน X ทั้งหมดที่เป็นไปได้
4
4. Given that A, B, C and D are sets.
′
Prove (or disprove) that ((A ∪ D) − [A′ − (B − C)′ ]) ⊂ 𝒰 − A
5
7. (แนว SUM 56)
กำหนด A, B เป็นเซตซึ่ง n(B − A) = 2; n(P(A) ∪ P(B)) = 64 และ P(A ∪ B) ⊂ P(A) ∪ P(B)
จงแสดงวิธีหำจำนวนสมำชิกของ {X ∈ P(B)|X ∩ A ≠ ∅}
6
10. (ดัดแปลงจากข้อสอบสมาคมคณิตศาสตร์)
เมื่อเขียนตำรำงค่ำควำมจริงของ (a ∧ b) ∨ (p → q) ∨ (x ↔ y) จะได้ว่ำประพจน์ดังกล่ำว เป็นจริงทั้งหมดกี่กรณี
7
13. (แนว SUM)
จงหำค่ำควำมจริงของประพจน์ p, q, r และ s ที่สอดคล้องกับเงื่อนไขต่อไปนี้
- (p → q) →∼ [(s ∨∼ p) ∧ (∼ q ↔ r)] มีค่ำควำมจริงเป็นเท็จ
- [(p ∧ r) →∼ (q ∧ s)] → [∼ p ∧ (r ↔ q)] มีค่ำควำมจริงเป็นเท็จ
- [∼ q ∧ (p → r)] ↔ {[(∼ s → p) ∧ r] ↔ [(r →∼ s) ∧ (r →∼ p)]} มีค่ำควำมจริงเป็นจริง
8
15. (แนว SUM 56)
จงใช้กฎพีชคณิตของตรรกศำสตร์ตรวจสอบว่ำ รูปแบบประพจน์ที่กำหนดให้เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่
[(p →∼ (q ∧ s)) ∨ ((r → p) ∧∼ s)] ↔ [(q →∼ (∼ r → s)) ∨ (p→ ∼ s)]
9
17. (ดัดแปลงจากข้อสอบทุนญี่ปนุ่ 2010)
กำหนดพหุนำม P = x 3 + 2x 2 + ax + 3 ถ้ำมีจำนวนตรรกยะ a ที่ทำให้ P เป็นจำนวนตรรกยะ และสอดคล้องกับเงื่อนไข
x 2 + 7x − 9 = 0 จงหำค่ำของ P − a
10
19. (แนว SUM 59)
กำหนดกำรดำเนินกำร ∗ โดยมีเงื่อนไข ได้แก่
- x∗y= y∗x
- x ∗ (x + y) = (x ∗ y)(x + y)
- (x ∗ x) − 8 = x
z
จงหำค่ำของ เมื่อ z = 480 ∗ (4 ∗ 6)
186
ถ้ำ a, b ∈ A จงหำค่ำที่มำกที่สุดที่เป็นไปได้ของ |a − b|
11