Professional Documents
Culture Documents
1 Axial July18-07
1 Axial July18-07
เขาใจพื้นฐานการออกแบบองคอาคารในโครงสรางเหล็ก
เตรียมความพรอมสําหรับการสอบเลื่อนระดับชั้นใบอนุญาตฯ
ทําความคุนเคยกับมาตรฐานการออกแบบ
Tutorial
วิธีการออกแบบโครงสรางเหล็ก
วิธีหนวยแรงที่ยอมให
(Allowable stress design) ASD
Structural Analysis
(Elastic or Plastic)
Internal forces
Optimal Design? (axial, bending, shear)
No
f ≤F
Actual Stress ≤ Allowable Stress
องคอาคารรับแรงดึง (Tension members)
T
ft =
A
T T
An = Ag − เนื้อที่หนาตัดรูเจาะ
วสท 2.3.1.1 เสนผาศูนยกลางรูเจาะ = 1.5 มม. + ขนาดระบุรูเจาะ
ตัวอยางที่ 2.1
จงคํานวณหาเนื้อที่หนาตัดสุทธิของเหล็กแผนขนาด 10 มม.×150 มม. ซึ่งยึด
ติดกันดวยสลักเกลียวขนาด 15 มม. จํานวน 2 แถวตามรูป
ความกวางสุทธิคํานวณไดจากความกวางขององคอาคารหักออกดวย
ขนาดเสนผาศูนยกลางของรูเจาะตามแนวตัดผานและบวกดวยคา S2/4g
ของทุกชวงทแยงตามแนวตัดนัน้
An = tbn = t (b − ∑ ∅ + ∑ s / 4 g ) 2
ตัวอยางที่ 2.2
จงหาเนื้อที่หนาตัดสุทธิของเหล็กแผนตามรูป ซึ่งรูเจาะใชสําหรับสลักเกลียวขนาด 12 mm.
การหาเนื้อที่หนาตัดสุทธิจะตองพิจารณาแนวการวิบัติทุกแนวที่เปนไปไดของหนาตัด หนา
ตัดวิกฤตคือแนวที่มีเนื้อที่หนาตัดสุทธิต่ําสุด เนื่องจากหนาตัดมีความหนาสม่ําเสมอตลอด
ความกวาง เนื้อที่หนาตัดสุทธิจึงเทากับผลคูณของความหนากับความกวางสุทธิของหนา
ตัดวิกฤต
แนว bn = b − ∑∅ + ∑ s 2 /4g
เนื้อที่หนาตัดตามแนวที่ตัดผานรอยเชื่อมแบบอุดรองหรืออุดรูจะไมคิคดิ
รวมเนื้อที่ของรอยเชื่อม (วสท. 2.3.1.5)
ตัวอยางที่ 2.3
เหล็กฉากขนาด L75×75×9 มีรูเจาะขนาด ∅ = 10.5 มม. ตามรูป จงหาเนื้อที่หนาตัด
สุทธิ
แนว bn (มม.)
ABCD 141-2(10.5) = 120
ABECD 141-3(10.5)+402/4×61+402/4×30 = 129.4
Shear Lag
องคอาคารยึดตอดวยสลักเกลียวหรือหมุดย้ํา Ae = UAn
องคอาคารมีจุดตอแบบเชื่อม Ae = UAg
ตัวคูณลดคา (Reduction Factor) U
องคอาคารยึดตอดวยสลักเกลียวหรือหมุดย้ํา
กรณี ชนิดขององคอาคาร คาตัวคูณลด
ก เหล็กหนาตัดรูป W, M, S และเหล็กรูป T ซึ่งตัดจากหนาตัดเหลานี้ U = 0.90
ที่มีความกวางแผนปกไมนอยกวา 2 ใน 3 ของความลึกของหนา
ตัด ยึดตอเฉพาะทีแ่ ผนปก นอกจากนี้รอยตอใชสลักเกลียวหรือ
หมุดย้ําไมนอยกวาแถวละ 3 ตัว ในทิศทางของแรง
ข เหล็กหนาตัดรูป W, M, S และเหล็กรูป T ซึ่งตัดจากหนาตัดเหลานี้ U = 0.85
ที่มีสัดสวนไมเขาขายเงื่อนไขตามขอ ก ขางตน เหล็กหนาตัด
อื่นๆทุกชนิดรวมทั้งหนาตัดประกอบ และรอยตอใชสลักเกลียว
หรือหมุดย้าํ ไมนอยกวาแถวละ 3 ตัว ในทิศทางของแรง
ค องคอาคารทุกชนิดที่มจี ุดตอแบบสลักเกลียวหรือหมุดย้าํ ที่มีเพียง U = 0.75
แถวละ 2 ตัว ในทิศทางของแรง
ตัวคูณลดคา (Reduction Factor) U
องคอาคารยึดตอดวยสลักเกลียวหรือหมุดย้ํา
ตัวคูณลดคา (Reduction Factor) U
องคอาคารยึดตอดวยสลักเกลียวหรือหมุดย้ํา
องคอาคารยึดตอแบบเชื่อม
กรณีพิเศษ 1
ถาชิ้นสวนบางชิ้นสวนขององคอาคารรับแรงดึงมีรอยเชื่อมตามขวางกับทิศทาง
ของแรงดึง ใหใชพื้นที่หนาตัดสุทธิประสิทธิผลเทากับพื้นที่ของชิ้นสวนที่เชื่อมติด
ดวยรอยเชื่อมตามขวางนั้นเทานั้น
ตัวคูณลดคา (Reduction Factor) U
องคอาคารยึดตอแบบเชื่อม
กรณีพิเศษ 2
ความยาวรอยเชื่อม U
l > 2w 1.0
2 w > l > 1.5w 0.87
1.5w > l > w 0.75
การเฉือนออก (Block Shear)
การเฉือนออก (Block Shear)
เปนการฉีกขาดตรงรอยตอขององคอาคารโดยเกิดตามแนวเสนรอบรูป
ของรูเจาะหรือแนวรอยเชื่อมกับขอบขององคอาคาร
อาจเกิดบนองคอาคารที่รับแรงดึงเองหรือเกิดบนแผนเหล็กประกับก็ได
ขึ้นอยูกับลักษณะการตอปลาย
สาเหตุของการวิบัติแบบนี้เกิดจากการเกิดหนวยแรงเฉือนกับหนวยแรง
ดึงพรอมๆกัน
ปกติ Block shear จะไมใชปจจัยสําคัญในการออกแบบองคอาคารรับ
แรงดึง แตอาจเปนปจจัยสําคัญสําหรับการออกแบบรอยตอ โดยเฉพาะ
การยึดตอขององคอาคารที่มีความหนานอยๆ
หนวยแรงดึงที่ยอมให (Allowable Tensile Stress, Ft)
กรณีที่พิจารณาหนาตัดรวม Ft = 0.6 Fy
กรณีที่พิจารณาหนาตัดสุทธิประสิทธิผล Ft = 0.5Fu
ผูออกแบบจะตองตรวจสอบไมใหองคอาคารรับแรงดึงสูง
กวาคาทั้งสามขางตน
ตัวอยางที่ 2.4
เหล็กฉากขนาด L50×50×5 มีลักษณะจุดตอตามรูป เหล็กมาตรฐาน
SM400 (Fy = 24.5 MPa, Fu = 400 MPa) จงหากําลังในการรับแรง
ดึง
สําหรับ L50×50×5 Ag = 4.8 cm2
An = ((5+5-0.5) - 1.35)×0.5 = 4.08 cm2
เพื่อปองกันไมใหเกิดการไหวตัวไดงายภายใตแรงลมหรือการ
สั่นสะเทือนหรือเกิดลักษณะการตกทองชางภายใตนา้ํ หนัก
บรรทุกของตัวเอง
KL
≤ 300
r
การออกแบบองคอาคารรับแรงอัด
(Design of Compression Members)
พื้นฐาน
•กําลังขององคอาคารรับแรงอัด ขึ้นอยูกับสัดสวนขององคอาคารหรือเสานัน้ เสา
ซึ่งมีหนาตัดขนาดใหญหรือความยาวนอย ความสามารถในการรับน้ําหนักจะ
ขึ้นอยูกับกําลังของวัสดุโดยตรง นั่นคือหนวยแรงอัดที่เกิดขึ้นจะสูงขึ้นไดจนถึง
จุดคลาก (Yield point) โดยทีก่ ารเปลีย่ นรูปจะเกิดขึ้นนอยมากจนถึงจุดนี้ เสา
ชนิดนี้เรียกวา “เสาสั้น”
•เสาซึ่งมีหนาตัดเล็กหรือความยาวมากเมื่อรับน้ําหนักถึงจุดๆหนึง่ จะเกิดการ
เปลีย่ นรูปเนื่องจากการโกงเดาะ (Bucking) หนวยแรงที่เกิดขึ้นที่จุดนี้ ถึงแมจะต่ํา
กวาจุดคลากแตก็ถือวาองคอาคารนีว้ ิบัติ (failure) แลว เนือ่ งจากโครงสราง
เปลีย่ นรูปไปมากเกินกวาจะใชงานไดอีก เสาชนิดนี้จําแนกเปน “เสายาว”
•สัดสวนของขนาดหนาตัดและความยาว ซึ่งมีผลตอกําลังของเสาอยางมากนี้
เรียกวา อัตราสวนความชลูด (Slenderness Ratio)
Euler’s Buckling Load
π 2 EI
Pcr =
L2
เนื่องจากรัศมีไจเรชัน r= I/A หรือ I = r2 A
“หนวยแรงวิกฤติ” Pcr π 2E
=
A ( L / r )2
สมการการออกแบบเสาเหล็ก
( KL / r ) 2
[1 − 2
]Fy
2Cc
Fa =
5 3( KL / r ) ( KL / r )3
+ −
3 8Cc 8Cc3
12π 2 E
Fa =
23( KL / r ) 2
ตัวคูณความยาวประสิทธิผล
(Effective Length Factor)
ตัวคูณความยาวประสิทธิผล
(Effective Length Factor)
Effect Length
(∑ 4 EI / L)column ∑ (I / Lc )
G= = c
(∑ 4 EI / L) girder ∑ (I
g / Lg )
Alignment Chart
วิธีการใช Alignment chart เพื่ อ ใช หาค า K
1. เลื อ กแผนภาพที่ เ หมาะสม โดยพิ จ ารณาวา เสา
อยู ในโครงสรา งที่ มีการเคลื่ อ นตั วด า นข า ง
หรือ ไม
2. คํ า นวณค า G ที่ แ ต ล ะปลายของเสา ใหเ ปน GA
และ GB ตามลํ า ดั บ
3. ลากเสนตรงเชื่ อ มระหวา งค า GA และ GB ใน
แผนภาพ และอ า นค า K จากจุ ด ตั ด แกน
SSRC ได ตั้ ง ข อ สัง เกตเกี่ ย วกั บการใช Alignment charts
ดั ง นี้
1. สําหรับเสาที่ ยึ ด รัง้ แบบข อ หมุนกับฐานราก ค า G
ในทางทฤษฎีจ ะมีค า เปนอนันต แต ในสภาพจริง นัน้ ข อ
หมุนจะมีค วามฝ ด ดั ง นัน้ ใหใช ค า G = 10.0 ในการ
คํ า นวณ
2. สําหรับเสาที่ ยึ ด รัง้ แบบสมบูรณ (Rigid connection) กับ
ฐานราก ค า G ในทางทฤษฎีจ ะมีค า เท า กับ 0 แต ใน
สภาพจริง ไมสามารถที่ จ ะมีการยึ ด รัง้ สมบูรณ ได ดั ง นัน้
ในทางปฏิบตั ิ ใหใช ค า G = 1
3. สําหรับกรณี ที่ ท ราบเงื่ อ นไขการยึ ด ปลายคานอี กด า น
หนึง่ แนนอน ใหคู ณ ค า (I/L) ของคานด วยค า ในตารางที่
9.2
ไมมีการเคลื่อนตัวทาง มีการเคลื่อนตัวทาง
สภาวะที่ปลายคานอีก ดานขาง ดานขาง
ดาน (Sidesway prevented) (Sidesway Uninhibited)
แบบบานพับหรือสลัก 1.5 0.5
เพื่อปองกันไมใหเกิดการไมเสถียรระหวางการรับแรง
KL
≤ 200
r