Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 2

ส.ต.อ.

ภานุมาศ บับภาแก้ว รหัส 2010811781608 กลุม่ วันอาทิตย์ วิชาLW316 กฎหมายลักษณะครอบครัว

คำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 2702/2546
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจาเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตร1 คน พักอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้าน
บิดาของโจทก์ เมื่อประมาณปี 2541 หลังจากที่โจทก์ไปทางานรับจ้างที่ดินแดนไต้หวัน จาเลยประพฤติชั่ว ทา
ตนเสเพล เที่ยวกลางคืนดื่มสุราเป็นอาจิณ หาเรื่องทะเลาะวิวาท ตลอดจนดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ดุด่าบิดา
มารดาของโจทก์อย่างร้ายแรง ไม่ประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว บิดาของโจทก์จึงไล่จาเลยออกจากบ้าน
ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจาเลยหรือบังคับให้จาเลยไปจดทะเบียนหย่าขาดจากโจทก์ภายใน 7
วัน นับแต่วันมีคาพิพากษา ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อานาจปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงผู้เดียว

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์จาเลยเป็น


สามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรผู้เยาว์ 1 คน คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มี
เหตุฟ้องหย่าจาเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(2) และ (3) หรือไม่ คดีนี้โจทก์มี
นายทองอยู่หรือทองภู หอมมาลัย บิดาโจทก์ นางบุญชู พันธ์โพงา และเด็กหญิง จ.บุตรผู้เยาว์ เป็นพยานเบิก
ความถึงพฤติการณ์ของจาเลยว่า โจทก์จาเลยและบุตรผู้เยาว์อาศัยอยู่กับนายทองอยู่บิดาโจทก์ เมื่อปี 2535
จาเลยไปทางานที่ประเทศบรูไนและประสบอุบัติเหตุทาให้ดวงตาพิการ 1 ข้าง นายจ้างจึงส่งตัวจาเลยกลับ
ประเทศไทยต่อมาปี 2541 โจทก์จะเดินทางไปทางานที่ดินแดนไต้หวันจึงได้จดทะเบียนสมรสกับจาเลย
ระหว่างที่โจทก์ทางานอยู่ที่ดินแดนไต้หวัน จาเลยไม่ทามาหาเลี้ยงครอบครัวไม่ดูแลบุตรผู้เยาว์ ดื่มสุราเมา
อาละวาดขู่จะฆ่าบิดาโจทก์จนบิดาโจทก์ต้องไล่จาเลยออกไปจากบ้าน จาเลยจึงกลับไปอยู่กับบิดามารดาจาเลย
จนกระทั่งกลางปี 2544โจทก์เดินทางกลับประเทศไทยและขอหย่ากับจาเลย แต่จาเลยไม่ยอมหย่า เห็นว่าใน
ส่วนความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาของโจทก์จาเลยนั้น โจทก์เบิกความยืนยันว่านับตั้งแต่โจทก์จาเลยอยู่กินฉันสามี
ภริยากันมา จาเลยไม่เคยมีความประพฤติเสียหายใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจาเลยเป็นไปโดยปกติ
ไม่มีปัญหาทะเลาะวิวาทกันอีกทั้งในช่วงที่จาเลยไปทางานที่ประเทศบรูไน จาเลยก็ส่งเงินมาให้โจทก์ใช้จ่ายใน
ครอบครัวตลอดมา จาเลยเพิ่งจะมีความประพฤติเสียหายหลังจากโจทก์เดินทางไปทางานที่ดินแดนไต้หวันและ
ทราบว่าโจทก์จะมีสามีใหม่ ซึ่งเด็กหญิง จ. บุตรผู้เยาว์และนายทองอยู่บิดาโจทก์ ก็เบิกความสอดคล้องกับ
โจทก์ว่าก่อนหน้าที่โจทก์จะไปทางานที่ดินแดนไต้หวัน จาเลยไม่เคยมีความประพฤติเมาสุราอาละวาดทั้งมี
ความเคารพเชื่อฟังบิดาโจทก์ จากคาเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวจึงบ่งชัดว่า โดยลักษณะนิสัยตามปกติ
ของจาเลยแล้วจาเลยไม่มีความประพฤติเสียหาย แต่ที่พฤติกรรมของจาเลยได้แปรเปลี่ยนไปหลังจากโจทก์
เดินทางไปทางานที่ดินแดนไต้หวันนั้น ก็คงต้องมีสาเหตุปัจจัยสาคัญอันเกิดจากการที่เกรงว่าโจทก์จะมีสามีใหม่
มากกว่า ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบคาถามค้านของทนายจาเลยยอมรับว่า ขณะที่โจทก์อยู่ดินแดนไต้หวันโจทก์
เคยส่งจดหมายตามเอกสารหมาย ล.1 มายังจาเลยโดยโจทก์บอกว่าโจทก์มีสามีใหม่แล้ว ซึ่งโจทก์น่าจะ
ตระหนักได้ดีว่าจดหมายดังกล่าวต้องเพิ่มความทุกข์ให้แก่จาเลยเป็นทวีคูณ เพราะเมื่อโจทก์เดินทางไปทางานที่
ต่างประเทศซึ่งต้องห่างไกลกันย่อมทาให้จาเลยเกิดความว้าเหว่คิดถึงโจทก์ ประกอบกับจาเลยอยู่ในสภาพคน
พิการต้องสูญเสียดวงตาไปจากการทางาน จึงไม่สามารถหาการงานทาเป็นกิจจะลักษณะได้อีก เชื่อได้ว่าเป็น
สาเหตุให้จาเลยเกิดความกลัดกลุ้มใจยิ่งขึ้น การกระทาของโจทก์ที่บอกจาเลยว่าโจทก์มีสามีใหม่แล้วนั้นไม่ว่า
ส.ต.อ.ภานุมาศ บับภาแก้ว รหัส 2010811781608 กลุม่ วันอาทิตย์ วิชาLW316 กฎหมายลักษณะครอบครัว
ด้วยเจตนาหรือความตั้งใจใดก็ตาม โจทก์ควรมีมโนธรรมว่าโจทก์กับจาเลยเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เมื่อ
จาเลยต้องประสบเคราะห์กรรมดวงตาพิการจนไม่สามารถทางานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวได้ดังก่อน โจทก์ควร
สงสารให้ความเห็นอกเห็นใจจาเลย มิใช่ซ้าเติมหรือกระทาการอันเป็นการบั่นทอนสภาพจิตใจของจาเลยเช่นนี้
เมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวระหว่างโจทก์และจาเลยมาจากสาเหตุที่เกิดจากโจทก์อันทาให้จาเลยต้องดื่ม
สุรา แม้บางครั้งจาเลยจะดื่มมากเกินไปจนทาให้มีปากเสียงกระทบกระทั่งกับบุพการีหรือบุคคลในครอบครัว
ของโจทก์ก็ตาม แต่พฤติกรรมก้าวร้าวของจาเลยก็เนื่องมาจากความทุกข์ที่เกิดจากการกระทาของโจทก์ ทั้ง
จาเลยก็ยินยอมที่จะแยกตัวออกไปอยู่ที่บ้านบิดามารดาจาเลยตามความประสงค์ของโจทก์เพื่อมิให้เกิดความ
บาดหมางกับบุพการีของโจทก์แล้ว ดังนั้น พฤติการณ์ของจาเลยที่ไม่สามารถทามาหาเลี้ยงครอบครัวได้อัน
เนื่องมาจากความพิการของจาเลยก็ดี หรือดื่มสุราเพื่อดับความกลัดกลุ้มจากสภาพความแตกแยกของ
ครอบครัวก็ดี และก็ไม่ปรากฏว่าจาเลยใช้ถ้อยคาดุด่าบิดาโจทก์ให้ได้รับความเสียหายอย่างไร ยังถือไม่ได้ว่า
จาเลยประพฤติชั่วหรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(2) และ (3) เมื่อเป็นเช่นนี้จึงคงให้โจทก์จาเลยเป็นผู้มี
อานาจปกครองบุตรผู้เยาว์ต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่าง
ทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
กฎหมำยที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๕๑๖ เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(๒) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็น
เหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่
ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่
ร่วมกันฉันสามีภริยามาคานึงประกอบ
อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(๓) สามีหรือภริยาทาร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีก
ฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
จำกคำพิพำกษำดังกล่ำว เห็นด้วยกับคาพิพากษา เพราะพฤติการณ์ของจาเลยที่ไม่สามารถทามาหา
เลี้ยงครอบครัวได้อันเนื่องมาจากความพิการของจาเลยก็ดี หรือดื่มสุราเพื่อดับความกลัดกลุ้มจากสภาพความ
แตกแยกของครอบครัวก็ดี และก็ไม่ปรากฏว่าจาเลยใช้ถ้อยคาดุด่าบิดาโจทก์ให้ได้รับความเสียหายอย่างไร ยัง
ถือไม่ได้ว่าจาเลยประพฤติชั่วหรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง

You might also like