กรณี ตัวอยา่ งการคั ดลอกทางวิชาการ (plagiarism) โดยรู้ เทา่ ไมถ ่ ึงการณ์ท่ีพบในการตรวจงานนั กศึกษารอบลา่ สุด

%%%
-The resourceful citer: นั กศึกษาใสเ่ ครื่ องหมายอั ญประกาศ (".....") และอา้ งอิงแหลง่ ที่มาเรี ยบร้อย ทวา่ quote
ยาวเหยียด ๔ - ๕ ยอ่ หน้าตอ่ กัน จนกลายเป็ นท ำ "คติพจน์" หรื อทดแทนการคิดและเขียนดว้ ยตัวเองไป
-The forgotten footnote: นั กศึกษาเอย่ ชื่อนั กคิดนั กเขียนนั กวิชาการแลว้ บรรยายขอ ้ คิดข้อคน้ พบของเขา แตไ่ มไ่ ด้ให้แหลง่
อา้ งอิงไมว่ า่ ในเชิงอรรถหรื อวงเล็บทา้ ยขอ
้ ความ
-The misinformer: นั กศึกษาใสว่ งเล็บขอ ้ มูลแหลง่ อา้ งอิงยน
่ ยอ่ ไวท ้ ความในตัวบท (ชื่อผูเ้ ขียน, ปี พ.ศ./ค.ศ.ที่พิมพ)
้ า้ ยขอ ์
แลว้ หมดแคน ้
่ ั น ไมม ่ ่ ้
่ ีบรรณานุ กรมตอนทา้ ยทีเชือมโยงชีแจงรายละเอียดของขอ ้ มูลอา้ งอิงลวก ๆ ในวงเล็บดังกลา่ ว ท ำใหส ื หาที่มาของแหลง่
้ บ
อา้ งอิงไมพ ่ บ
-The too-perfect paraphrase: นั กศึกษาบอกแหลง่ อา้ งอิงในวงเล็บทา้ ยขอ ้ ความ แตไ่ มไ่ ดใ้ สเ่ ครื่ องหมายอั ญประกาศ เมื่อ
ตรวจเช็คดูกับแหลง่ อา้ งอิง (โดย application Turnitin) พบวา่ เป็ นการคั ดลอกมาแทบจะค ำตอ ่ ค ำหรื อดัดแปลงแก้ไขเพียงเล็ก
น้อย ราวกับเป็ นนั กศึกษาเขียนขอ ้ เองหรื อตีความมันเอง
้ ความนั น