Binder 4

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 96

การบริหารจัดการ

สินค้าคงคลัง
หัวข้อการอบรม
 ประเภทของ Inventory
 หน้ าที่ของ Inventory
 ต้นทุนการเก็บวัสดุคงคลัง
 ระบบการควบคุมและตรวจนับวัสดุคงคลัง
 การจัดหมวดหมู่วสั ดุคงคลัง
 Inventory Lead time
 ระดับการบริการลูกค้าและสินค้าคงคลังเพื่อความปลอดภัย
 การกาหนดเวลาในการสังเต ่ ิ มเต็มวัสดุ และสินค้าคงคลัง
 การกาหนดปริมาณในการสังเต ่ ิ มเต็มวัสดุ และสินค้าคงคลัง
 การบริหารจัดการ Inventory อย่างมีประสิทธิภาพ

2
ชนิดของ Inventory
หน้ าที่ของ Inventory
 Anticipation Inventory: การมีวสั ดุคงคลังเพือ่ เก็บไว้ใช้ในกรณีพเิ ศษ
ต่างๆ ทีจ่ ะเกิดขึน้ ตามแผนการดาเนินงานทัง้ กรณีทค่ี าดว่าจะมีความ
ต้องการเพิม่ ขึน้ จากปกติ เช่น planned sales promotion programs,
seasonal fluctuations และกรณีทว่ี สั ดุหรือสินค้านัน้ อาจขากแคลนชัวคราว ่
เช่น plant shutdowns
 Fluctuation Inventory: การมีวสั ดุคงคลังเพือ่ เก็บไว้สารองในกรณีทค ่ี วาม
ต้องการของลูกค้าหรือการจัดส่งวัสดุหรือสินค้าจะ Supplier มีความไม่
แน่นอน
 Lot size Inventory: การมีวสั ดุคงคลังเนื่องจากกรผลิตหรือสังซื ่ อ้ แบบเต็ม
Lot เพือ่ รักษาการผลิตให้มอี ตั ราคงทีห่ รือเพือ่ ให้ ได้สว่ นลดปริมาณจากการ
จัดซือ้ จานวนมากต่อครัง้
 Hedging Inventory: การมีวสั ดุคงคลังไว้เพือ่ เก็งกาไรในอนาคต

4
ประเภทของ Inventory
 วัสดุหรือสินค้าที่เก็บตามรอบ ( Cycle Stock): วัสดุหรือสินค้าทีเ่ ก็บตามรอบ
เป็ นวัสดุหรือสินค้าทีม่ ไี ว้เพือ่ ทดแทนวัสดุหรือสินค้าทีขายไปหรือวัสดุหรือสินค้า
ทีใ่ ช้ไปในการผลิต ซึง่ วัสดุหรือสินค้าประเภทนี้จะเก็บไว้เพือ่ ตอบสนองความ
ต้องการวัสดุหรือสินค้าภายใต้เงือ่ นไขทีม่ คี วามแน่นอน และอยูภ่ ายใต้สมมติฐาน
ทีว่ า่ ความต้องการวัสดุหรือสินค้าและเวลานาในการสังคงที ่ แ่ ละทราบล่วงหน้า
 วัสดุหรือสินค้าปลอดภัยหรือวัสดุหรือสินค้ากันชน ( Safety or Buffer
Stock): เป็ นวัสดุหรือสินค้าจานวนหนึ่งทีเ่ ก็บไว้เกินจานวนวัสดุหรือสินค้าทีเ่ ก็บ
ไว้ตามรอบปกติเนื่องจากความไม่แน่นอนในความต้องการ ซึง่ ปริมาณวัสดุคง
คลังโดยเฉลีย่ จะเท่ากับครึง่ หนึ่งของปริมาณ การสังซื ่ อ้ ตามปกติบวกกับปริมาณ
วัสดุหรือสินค้าปลอดภัย

5
Cycle Stock and Safety Stock

6
ประเภทของ Inventory
 วัสดุคงคลังระหว่างทาง (In – transit Inventories): เป็ นวัสดุหรือสินค้าทีอ่ ยู่
ระหว่างการลาเลียงจากสถานทีห่ นึ่งไปยังอีกสถานทีห่ นึ่ง ซึง่ วัสดุหรือสินค้า
เหล่านี้อาจจะถือได้วา่ เป็ นส่วนหนึ่งของวัสดุหรือสินค้าทีเ่ ก็บไว้แม้วา่ วัสดุหรือ
สินค้าเหล่านี้จะยังไม่สามารถขายหรือขนส่งในลาดับต่อไปได้จนกว่าวัสดุหรือ
สินค้านัน้ จะไปถึงผูท้ ส่ี งวั
ั ่ สดุหรือสินค้านัน้ เสียก่อน ดังนัน้ ในการคานวณต้นทุน
ในการเก็บรักษาวัสดุหรือสินค้าของต้นทางควรจะรวมต้นทุนของวัสดุหรือสินค้า
คงคลังระหว่างทางไว้ดว้ ย
 วัสดุหรือสินค้าไม่เคลื่อนไหว (Dead Stock): เป็ นวัสดุหรือสินค้าทีกจิ การเก็บ
ไว้นานและยังไม่มคี วามต้องการวัสดุหรือสินค้าชนิดนัน้ เกิดขึน้ ซึง่ อาจเป็ นเพราะ
วัสดุหรือสินค้าล้าสมัย เสือ่ มสภาพ ในกรณีทเ่ี ป็ นวัสดุหรือสินค้าตกค้างควรทา
การพิจารณาว่าเพือ่ ป้องกันการเสือ่ มของวัสดุหรือสินค้า หรือการนามาขายลด
ราคาหน้าโรงงานก็อาจจะช่วยแก้ไขปญั หานี้ลงได้
7
วัตถุประสงค์ของ Inventory
 ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ประมาณการไว้ในแต่ละช่วงเวลาทัง้ ใน
และนอกฤดูกาล
 รักษาการผลิตให้มีอตั ราคงที่สมา่ เสมอ เพื่อรักษาระดับการว่าจ้างแรงงาน การ
เดินเครื่องจักร ฯลฯ ให้สมา่ เสมอได้ โดยจะเก็บวัสดุหรือสินค้าที่ขายไม่หมด
ในช่วงขายไม่ดีไว้ขายตอนช่วงขายดีซึ่งช่วงนัน้ อาจจะผลิตไม่ทนั ขาย
 ทาให้ธรุ กิจได้ส่วนลดปริมาณจากการจัดซื้อจานวนมากต่อครัง้ ป้ องกันการ
เปลี่ยนแปลงราคาแลผลกระทบจากเงินเฟ้ อเมื่อวัสดุหรือสินค้าในท้องตลาดมี
ราคาสูงขึน้
 ป้ องกันของขาดมือด้วยวัสดุหรือสินค้าเผือ่ ขาดมือ เมื่อเวลารอคอยล่าช้าหรือ
บังเอิญได้คาสังซื
่ ้อเพิ่มขึน้ กะทันหัน
 ทาให้กระบวนการผลิตสามารถดาเนินการต่อเนื่ องอย่างราบรืน่ ไม่มีการ
หยุดชะงักเพราะของขาดมือจนเกิดความเสียหายแก่กระบวนการผลิต
8
การบริหารจัดการวัสดุคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
 มีระบบการพยากรณ์ที่เชื่อถือได้ และสามารถบ่งชี้ข้อผิดพลาดในการพยากรณ์ ได้
 สามารถประมาณการเกี่ยวกับ ต้นทุนด้านต่างๆ ได้
◦ ต้นทุนจากค่าใช้จ่ายทีจ่ ่ายไปเพือ่ ให้ได้วสั ดุหรือวัสดุหรือสินค้านัน้ ๆมา
◦ ต้นทุนการเก็บวัสดุคงคลัง
◦ ต้นทุนในการสังซื
่ อ้
◦ ต้นทุนจากการขาดแคลนวัสดุคงคลัง
 มีระบบในการควบคุมและ ติดตามปริมาณ วัสดุคงคลัง
 มีระบบการจัดหมวดหมู่วสั ดุคงคลังที่ดี
 มีข้อมูลเกี่ยวกับเวลานา ในการสังซื ่ ้อวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนในการผลิตแต่ละประเภท
 มีการกาหนดปริมาณการสังซื ่ ้อและรอบเวลาในการเติมเต็มวัสดุคงคลัง ที่เหมาะสม

9
การบริหารจัดการวัสดุคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
 มีระบบการพยากรณ์ที่เชื่อถือได้ และสามารถบ่งชี้ข้อผิดพลาดในการพยากรณ์ ได้
 สามารถประมาณการเกี่ยวกับ ต้นทุนด้านต่างๆ ได้
◦ ต้นทุนจากค่าใช้จา่ ยทีจ่ า่ ยไปเพือ่ ให้ได้วสั ดุหรือวัสดุหรือสินค้านัน้ ๆ
◦ ต้นทุนการเก็บวัสดุคงคลัง
◦ ต้นทุนในการสังซื
่ อ้
◦ ต้นทุนจากการขาดแคลนวัสดุคงคลัง
 มีระบบในการควบคุมและ ติดตามปริมาณ วัสดุคงคลัง
 มีระบบการจัดหมวดหมู่วสั ดุคงคลังที่ดี
 มีข้อมูลเกี่ยวกับเวลานา ในการสั ่งซื้อวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนในการผลิตแต่ละประเภท
 มีการกาหนดปริมาณการสั ่งซื้อและรอบเวลาในการเติมเต็มวัสดุคงคลัง ที่เหมาะสม

10
ต้นทุนวัสดุคงคลัง
 ค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปเพื่อให้ได้วสั ดุหรือวัสดุหรือสินค้านัน้ ๆมา (Item cost)
ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ประกอบด้วย
◦ ราคาวัสดุหรือวัสดุหรือสินค้า
◦ ค่าขนส่ง
◦ ค่าประกัน
◦ ค่าธรรมเนียมต่างๆ
◦ ค่าภาษีศุลกากร

11
ต้นทุนวัสดุคงคลัง
 ค่าใช้จ่ายในการสังซื่ ้อ (Ordering Cost) เป็ นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเพื่อให้
ได้มาซึ่งวัสดุคงคลังที่ต้องการ ซึ่งจะแปรตามจานวนครัง้ ของการสังซื ่ ้อ แต่
ไม่แปรตามปริมาณวัสดุคงคลัง เพราะสังซื ่ ้อของมากเท่าใดก็ตามในแต่ละ
ครัง้ ค่าใช้จ่ายในการสังซื่ ้อก็ยงั คงที่ แต่ถ้ายิ่งสังซื
่ ้อบ่อยครัง้ ค่าใช้จ่ายใน
่ ้อจะยิ่งสูงขึน้ ค่าใช้จ่ายในการสังซื
การสังซื ่ ้อได้แก่
◦ ค่าเอกสารใบสังซื
่ อ้
◦ ค่าจ้างพนักงานจัดซือ้
◦ ค่าโทรศัพท์
◦ ค่าขนส่งวัสดุหรือสินค้า
◦ ค่าใช้จา่ ยในการตรวจรับของและเอกสาร
◦ ค่าธรรมเนียมการนาของออกจากศุลกากร
◦ ค่าใช้จา่ ยในการชาระเงิน

12
ต้นทุนวัสดุคงคลัง
 ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา (Carrying Cost) เป็ นค่าใช้จ่ายจากการมีวสั ดุ
คงคลังและการรักษาสภาพให้วสั ดุคงคลังนัน้ อยู่ในรูปที่ใช้งานได้ ซึ่งจะ
แปรตามปริมาณวัสดุคงคลังที่ถือไว้และระยะเวลาที่เก็บวัสดุคงคลังนัน้ ไว้
ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ได้แก่
◦ ต้นทุนเงินทุนทีจ่ มอยูก่ บั วัสดุคงคลังซึง่ คือค่าดอกเบีย้ จ่ายถ้าเงินทุนนัน้ มาจากการกูย้ มื หรือ
เป็ นค่าเสียโอกาสถ้าเงินทุนนัน้ เป็ นส่วนของเจ้าของ
◦ ค่าคลังวัสดุหรือสินค้า
◦ ค่าไฟฟ้าเพือ่ การรักษาอุณหภูม ิ
◦ ค่าใช้จา่ ยของวัสดุหรือวัสดุหรือสินค้าทีช่ ารุดเสียหายหรือหมดอายุเสือ่ มสภาพจากการเก็บ
นานเกินไป
◦ ค่าภาษีและการประกันภัย
◦ ค่าจ้างยามและพนักงานประจาคลังวัสดุหรือสินค้า ฯลฯ
13
ต้นทุนวัสดุคงคลัง: Trade off

14
ต้นทุนวัสดุคงคลัง
 ค่าใช้จ่ายเนื่ องจากวัสดุหรือสินค้าขาดแคลน (Shortage Cost หรือ Stock
out Cost) เป็ นค่าใช้จา่ ยทีเ่ กิดขึน้ จากการมีวสั ดุคงคลังไม่เพียงพอต่อการผลิต
หรือการขาย ทาให้ลกู ค้ายกเลิกคาสังซื ่ อ้ ขาดรายได้ทค่ี วรได้ กิจการเสียชื่อเสียง
กระบวนการผลิตหยุดชะงักเกิดการว่างงานของเครือ่ งจักรและคนงาน ฯลฯ
ค่าใช้จา่ ยเนื่องจากวัสดุหรือวัสดุหรือสินค้าขาดแคลน ได้แก่ คาสังซื ่ อ้
ของล็อตพิเศษทางอากาศเพือ่ นามาใช้แบบฉุกเฉิน ค่าปรับเนื่องจากวัสดุหรือ
สินค้าให้ลกู ค้าล่าช้า ค่าเสียโอกาสในการขาย ค่าใช้จา่ ยทีเ่ กิดขึน้ จากการเสียค่า
ความนิยม ฯลฯ
ค่าใช้จา่ ยนี้จะแปรผกผันกับปริมาณวัสดุคงคลังทีถ่ อื ไว้ นันคื ่ อถ้าถือวัสดุ
หรือสินค้าไว้มากจะไม่เกิดการขาดแคลน แต่ถา้ ถือวัสดุคงคลังไว้น้อยก็อาจเกิด
โอกาสทีจ่ ะเกิดการขาดแคลนได้มากกว่า
15
ต้นทุนวัสดุคงคลัง
 ค่าใช้จ่ายในการปรับตัง้ เครื่องจักรใหม่ (Capacity- Related Cost) เป็ น
ค่าใช้จา่ ยทีเ่ กิดขึน้ จากการทีเ่ ครือ่ งจักรจะต้องเปลีย่ นการทางานหนึ่งไปทางาน
อีกอย่างหนึ่ง ซึง่ จะเกิดการว่างงานชัวคราว ่ วัสดุคงคลังจะถูกทิง้ ให้รอ
กระบวนการผลิตทีจ่ ะตัง้ ใหม่
ค่าใช้จา่ ยในการตัง้ เครือ่ งจักรใหม่น้ีจะมีลกั ษณะเป็ นต้นทุนคงทีต่ ่อครัง้ ซึง่
จะขึน้ อยูก่ บั ขนาดของล็อตการผลิต ถ้าผลิตเป็ นล็อตใหญ่มกี ารตัง้ เครือ่ งใหม่นาน
ครัง้ ค่าใช้จา่ ยในการตัง้ เครือ่ งใหม่กจ็ ะต่า แต่ยอดสะสมของวัสดุคงคลังจะสูง ถ้า
ผลิตเป็ นล็อตเล็กมีการตัง้ เครือ่ งใหม่บ่อยครัง้ ค่าใช้จา่ ยในการตัง้ เครือ่ งใหม่กจ็ ะ
สูง แต่วสั ดุคงคลังจะมีระดับต่าลง และสามารถส่งมอบงานให้แก่ลกู ค้าได้เร็วขึน้

16
ต้นทุนวัสดุคงคลัง : Trade off

17
การบริหารจัดการวัสดุคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
 มีระบบการพยากรณ์ที่เชื่อถือได้ และสามารถบ่งชี้ข้อผิดพลาดในการพยากรณ์ ได้
 สามารถประมาณการเกี่ยวกับ ต้นทุนด้านต่างๆ ได้
◦ ต้นทุนจากค่าใช้จา่ ยทีจ่ า่ ยไปเพือ่ ให้ได้วสั ดุหรือวัสดุหรือสินค้านัน้ ๆมา
◦ ต้นทุนการเก็บวัสดุคงคลัง
◦ ต้นทุนในการสังซื
่ อ้
◦ ต้นทุนจากการขาดแคลนวัสดุคงคลัง
 มีระบบในการควบคุมและ ติดตามปริมาณ วัสดุคงคลัง
 มีระบบการจัดหมวดหมู่วสั ดุคงคลังที่ดี
 มีข้อมูลเกี่ยวกับเวลานา ในการสั ่งซื้อวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนในการผลิตแต่ละประเภท
 มีการกาหนดปริมาณการสั ่งซื้อและรอบเวลาในการเติมเต็มวัสดุคงคลัง ที่เหมาะสม
18
ระบบการควบคุมและตรวจนับวัสดุคงคลัง
 ระบบวัสดุคงคลังอย่างต่อเนื่ อง (Continuous Inventory System Perpetual
System)
◦ เป็ นระบบวัสดุคงคลังทีม่ กี ารเก็บข้อมูลทุกครัง้ ทีม่ กี ารรับและจ่ายของ ทาให้ม ี
ข้อมูลทีแ่ สดงยอดคงเหลือทีแ่ ท้จริงของวัสดุคงคลังอยูเ่ สมอ ซึง่ จาเป็ นอย่างยิง่ ใน
การควบคุมวัสดุคงคลังรายการทีส่ าคัญทีป่ ล่อยให้ขาดมือไม่ได้
◦ ปจั จุบนั การนาเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาประยุกต์ใช้กบั งานสานักงานและบัญชี
สามารถช่วยแก้ไขปญั หาในข้อนี้ โดยการใช้รหัสแห่ง (Bar Code) ติดบนวัสดุ
หรือสินค้าแล้วใช้เครือ่ งอ่านรหัสแห่ง (Laser Scan) ซึง่ วิธนี ้ีนอกจากจะมี
ความถูกต้อง แม่นยา เทีย่ งตรงแล้ว ยังสามารถใช้เป็ นฐานข้อมูลของการบริหาร
วัสดุคงคลังในซัพพลายเชนของวัสดุหรือสินค้าได้อกี ด้วย

19
ระบบการควบคุมและตรวจนับวัสดุคงคลัง
 ระบบวัสดุคงคลังเมื่อสิ้นงวด (Periodic Inventory System)
◦ เป็ นระบบวัสดุคงคลังทีม่ กี ารเก็บข้อมูลเฉพาะในช่วงเวลาทีก่ าหนดไว้เท่านัน้
เช่นตรวจนับและลงบัญชีทุกปลายสัปดาห์หรือปลายเดือน และจะมีการสังซื ่ อ้
เข้ามาเติมให้เต็มระดับทีต่ งั ้ ไว้ ระบบนี้จะเหมาะกับวัสดุหรือสินค้าทีม่ กี าร
สังซื
่ อ้ และเบิกใช้เป็ นช่วงเวลาทีแ่ น่นอน เช่น ร้านขาย CD จะมีการสารวจ
ยอดCDในแต่ละวัน และสรุปยอดตอนสิน้ สัปดาห์ เพือ่ ดูปริมาณ CD คงค้าง
ในร้านและคลังวัสดุหรือสินค้า เพือ่ เตรียมสังมาเพิ
่ ม่ เพราะจะมีการเผื่อสารอง
การขาดมือโดยไม่คาดคิดไว้ก่อนล่วงหน้าบ้าง และระบบนี้จะทาให้มกี ารปรับ
ปริมาณการสังซื่ อ้ ใหม่ เมือ่ ความต้องการเปลีย่ นแปลงไปด้วย

20
ระบบการควบคุมและตรวจนับวัสดุคงคลัง
 ข้อดีของระบบวัสดุคงคลังแบบต่อเนื่ อง
◦ มีวสั ดุคงคลังเผื่อขาดมือน้อยกว่า โดยจะเผื่อวัสดุหรือสินค้าไว้เฉพาะช่วงเวลา
รอคอยเท่านัน้ เนื่องจากสามารถสังเพิ ่ ม่ ใหม่ได้ตลอด ในขณะทีก่ ารตรวจนับ
วัสดุคงคลังเมือ่ สิน้ งวดต้องเผื่อวัสดุหรือสินค้าไว้ทงั ้ ช่วงเวลารอคอย และเวลา
ระหว่างการสังซื ่ อ้ เนื่องจากจะไม่สามารถสังซื่ อ้ ถ้ายังไม่ถงึ ช่วงเวลาทีก่ าหนด

 ข้อดีของระบบวัสดุคงคลังเมื่อสิ้นงวด
◦ ใช้เวลาน้อยกว่าและเสียค่าใช้จา่ ยในการควบคุมน้อยกว่าระบบต่อเนื่อง
◦ ค่าใช้จา่ ยในการเก็บข้อมูลวัสดุคงคลังต่ากว่า

21
การบริหารจัดการวัสดุคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
 มีระบบการพยากรณ์ที่เชื่อถือได้ และสามารถบ่งชี้ข้อผิดพลาดในการพยากรณ์ ได้
 สามารถประมาณการเกี่ยวกับ ต้นทุนด้านต่างๆ ได้
◦ ต้นทุนจากค่าใช้จา่ ยทีจ่ า่ ยไปเพือ่ ให้ได้วสั ดุหรือวัสดุหรือสินค้านัน้ ๆมา
◦ ต้นทุนการเก็บวัสดุคงคลัง
◦ ต้นทุนในการสังซื
่ อ้
◦ ต้นทุนจากการขาดแคลนวัสดุคงคลัง
 มีระบบในการควบคุมและ ติดตามปริมาณ วัสดุคงคลัง
 มีระบบการจัดหมวดหมู่วสั ดุคงคลังที่ดี
 มีข้อมูลเกี่ยวกับเวลานา ในการสั ่งซื้อวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนในการผลิตแต่ละประเภท
 มีการกาหนดปริมาณการสั ่งซื้อและรอบเวลาในการเติมเต็มวัสดุคงคลัง ที่เหมาะสม
22
ระบบการจาแนกวัสดุคงคลังเป็ นหมวดเอบีซี
 ระบบนี้ เป็ นวิธีการจาแนกวัสดุคงคลังออกเป็ นแต่ละประเภทโดยพิจารณาปริมาณและ
มูลค่าของวัสดุคงคลังแต่ละรายการเป็ นเกณฑ์ เพื่อลดภาระในการดูแล ตรวจนับ และ
ควบคุมวัสดุคงคลังที่มีอยู่มากมาย ซึ่งถ้าควบคุมทุกรายการอย่างเข้มงวดเท่าเทียมกัน
จะเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากเกินความจาเป็ น เพราะในบรรดาวัสดุคงคลังทัง้ หลาย
ของแต่ละธุรกิจจะมักเป็ นไปตามเกณฑ์ดงั ต่อไปนี้
◦ A เป็ นวัสดุคงคลังทีม่ ปี ริมาณน้อย (5-15% ของวัสดุคงคลังทัง้ หมด) แต่มมี ลู ค่ารวม
ค่อนข้างสูง (70-80% ของมูลค่าทัง้ หมด)
◦ B เป็ นวัสดุคงคลังทีม่ ปี ริมาณปานกลาง (30% ของวัสดุคงคลังทัง้ หมด) และมีมลู ค่ารวม
ปานกลาง (15% ของมูลค่าทัง้ หมด)
◦ C เป็ นวัสดุคงคลังทีม่ ปี ริมาณมาก (50-60% ของวัสดุคงคลังทัง้ หมด) แต่มมี ลู ค่ารวม
ค่อนข้างต่า (5-10% ของมูลค่าทัง้ หมด)

23
ระบบการจาแนกวัสดุคงคลังเป็ นหมวดเอบีซี
ประเภท ปริมาณการใช้ ต้นทุน/หน่ วย ($) มูลค่าการใช้ ($) เปอร์เซ็นต์มลู ค่าการใช้
1 5,000 1.50 7,500 2.9%
2 1,500 8.00 12,000 4.7%
3 10,000 10.50 105,000 41.2%
4 6,000 2.00 12,000 4.7%
5 7,500 0.50 3,750 1.5%
6 6,000 13.60 81,600 32.0%
7 5,000 0.75 3,750 1.5%
8 4,500 1.25 5,625 2.2%
9 7,000 2.50 17,500 6.9%
10 3,000 2.00 6,000 2.4%
Total $ 254,725 100.0%
24
ระบบการจาแนกวัสดุคงคลังเป็ นหมวดเอบีซี
มูลค่ าการใช้ ($) เปอร์ เซ็นต์ มลู ค่ าการใช้
3 41.2%
6 32.0%
9 6.9%
2 4.7%
4 4.7%
1 2.9%
10 2.4%
8 2.2%
5 1.5%
7 1.5%
25
ระบบการจาแนกวัสดุคงคลังเป็ นหมวดเอบีซี
45.0% 120.0%

40.0%
100.0%
35.0%

Cumulative % Usage
Percent Usage

30.0% 80.0%

25.0%
60.0%
20.0%

15.0% 40.0%

10.0%
20.0%
5.0%

0.0% 0.0%

Item No.

Percentage of Total Dollar Usage Cumulative Percentage

26
ระบบการจาแนกวัสดุคงคลังเป็ นหมวดเอบีซี
การจาแนกวัสดุคงคลังเป็ นหมวด ABC จะทาให้การควบคุมวัสดุคงคลังแตกต่าง
กันดังต่อไปนี้
 A ควบคุมอย่างเข้มงวดมาก ด้วยการลงบัญชีทุกครัง้ ทีม ่ กี ารรับจ่าย และมีการตรวจนับ
จานวนจริงเพือ่ เปรียบเทียบกับจานวนในบัญชีอยูบ่ อ่ ยๆ (เช่น ทุกวันหรือ ทุกสัปดาห์)
การควบคุมจึงควรใช้ระบบวัสดุคงคลังอย่างต่อเนื่องและต้องเก็บของไว้ในทีป่ ลอดภัย
ในด้านการจัดซือ้ ก็ควรหาผูข้ ายไว้หลายรายเพือ่ ลดความเสีย่ งจากการขาดแคลนวัสดุ
หรือสินค้าและสามารถเจรจาต่อรองราคาได้
 B ควบคุมอย่างเข้มงวดปานกลาง ด้วยการลงบัญชีคุมยอดบันทึกเสมอเช่นเดียวกับ A
ควรมีการเบิกจ่ายอย่างเป็ นระบบเพือ่ ป้องกันการสูญหาย การตรวจนับจานวนจริงก็ทา
เช่นเดียวกับ A แต่ความถีน่ ้อยกว่า (เช่น ทุกสัปดาห์ หรือ ทุกสิน้ เดือน) และการ
ควบคุม B จึงควรใช้ระบบวัสดุคงคลังอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับ A

27
ระบบการจาแนกวัสดุคงคลังเป็ นหมวดเอบีซี
 C ไม่มกี ารจดบันทึกหรือมีกเ็ พียงเล็กน้อย วัสดุคงคลังประเภทนี้จะวางให้หยิบ
ใช้ได้ตามสะดวกเนื่องจากเป็ นของราคาถูกและปริมาณมาก ถ้าทาการควบคุม
อย่างเข้มงวด จะทาให้มคี า่ ใช้จา่ ยมากซึง่ ไม่คมุ้ ค่ากับประโยชน์ทไ่ี ด้ป้องกันไม่ให้
สูญหาย การตรวจนับ C จะใช้ระบบวัสดุคงคลังแบบสิน้ งวดคือเว้นสักระยะจะมา
ตรวจนับดูวา่ พร่องไปเท่าใดแล้วก็ซอ้ื มาเติม หรืออาจใช้ระบบสองกล่อง (Two
bin system) ซึง่ มีกล่องวัสดุอยู่ 2 กล่องเป็ นการเผื่อไว้ พอใช้ของในกล่องแรก
หมดก็นาเอากล่องสารองมาใช้แล้วรีบซือ้ ของเติมใส่กล่องสารองแทน ซึง่ จะทาให้
ไม่มกี ารขาดมือเกิดขึน้

28
การบริหารจัดการวัสดุคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
 มีระบบการพยากรณ์ที่เชื่อถือได้ และสามารถบ่งชี้ข้อผิดพลาดในการพยากรณ์ ได้
 สามารถประมาณการเกี่ยวกับ ต้นทุนด้านต่างๆ ได้
◦ ต้นทุนจากค่าใช้จา่ ยทีจ่ า่ ยไปเพือ่ ให้ได้วสั ดุหรือวัสดุหรือสินค้านัน้ ๆมา
◦ ต้นทุนการเก็บวัสดุคงคลัง
◦ ต้นทุนในการสังซื
่ อ้
◦ ต้นทุนจากการขาดแคลนวัสดุคงคลัง
 มีระบบในการควบคุมและ ติดตามปริมาณ วัสดุคงคลัง
 มีระบบการจัดหมวดหมู่วสั ดุคงคลังที่ดี
 มีข้อมูลเกี่ยวกับเวลานา ในการสั ่งซื้อวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนในการผลิตแต่ละประเภท
 มีการกาหนดปริมาณการสั ่งซื้อและรอบเวลาในการเติมเต็มวัสดุคงคลัง ที่เหมาะสม

29
Lead Time & Its Impact
 เวลานา (Lead Time) คือ ช่วงเวลาตัง้ แต่เริ่มมีความต้องการ
วัสดุควงคลัง จนกระทังได้่ รบั วัสดุคงคลังหรือสินค้านัน้ มา
Lead time can be defined as “the time it takes from when
you first determine a need for a product until it arrives on your
doorstep”. If lead time was zero, inventory could be zero.

30
ระดับการบริการลูกค้า (Service Level)
 ระดับการบริการลูกค้า หมายถึง ความน่ าจะเป็ นที่ความต้องการของ
ลูกค้าจะไม่เกินกว่าปริมาณวัสดุคงคลังที่มีอยู่คลังที่มีอยู่ในขณะนัน้
 Service level = 95%
 ถ้ามีลกู ค้าสังวั
่ สดุหรือสินค้า 100 ครัง้ จะมีแค่ 5 ครัง้ ทีเ่ ราจะไม่มวี สั ดุหรือสินค้าให้
ทันที (วัสดุหรือสินค้าทีม่ อี ยูใ่ นคลังวัสดุหรือสินค้าไม่เพียงพอ)
 ถ้าระดับ Service Level สูงจะมีในการตัดสินใจว่าจะกาหนดระดับ Service
Level เป็ นเท่าไหร่ตอ้ งคานึงถึงต้นทุนทีเ่ กิดเพิม่ ซึง่ คือต้นทุนในการเก็บวัสดุหรือ
สินค้าไว้ในคงคลังในรูปแบบของ safety stock
 ถ้าระดับ Service Level สูงจะมีตน้ ทุนในการเก็บวัสดุหรือสินค้าไว้ในคงคลัง
(The cost of carrying safety stock) มาก และต้นทุนจากการทีวสั ดุหรือสินค้า
ขาด (the cost of a stockout) น้อย

31
วัสดุคงคลังที่เก็บสารองเพื่อความปลอดภัย
(Safety Stock)
วัสดุคงคลังเพือ่ ความปลอดภัย (Safety stock) เป็ นวัสดุคงคลังทีต่ อ้ งสารองไว้
กันวัสดุหรือสินค้าขาดเมือ่ วัสดุหรือสินค้าถูกใช้มากกว่าทีค่ าดการณ์ไว้

วัสดุคงคลังทีเ่ ก็บสารองไว้ โดยปริมาณของ Safety stock จะมากหรือน้อยนัน้


จะขึน้ กับความไม่แน่นอนของปริมาณความต้องการ ถ้าปริมาณความต้องการ
วัสดุหรือสินค้า ในแต่ละช่วงเวลาไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอน อาจทา
ต้องเก็บ Safety stock ในปริมาณมากขึ้ น

32
วัสดุคงคลังที่เก็บสารองเพื่อความปลอดภัย
(Safety Stock)

33
การกาหนดปริมาณ Safety Stock
 ความถูกต้องในการพยากรณ์ (Forecast Accuracy) ถ้าความถูกต้องในการ
พยากรณ์มากจะช่วยให้ปริมาณ Safety Stock น้อยลง
 เป้าหมายการบริการลูกค้า (Target service Level ) ถ้าเราตัง้ เป้าหมายในการบริการ
ลูกค้าไว้สงู เราจะต้องเก็บ Safety Stock ในปริมาณมากขึน้
 ความถีใ่ นการเติมเต็ม (Replenishment Frequency) ถ้าเราสามารถเติมเต็มวัสดุคง
คลังได้บอ่ ยๆ เราจะสามารถลดปริมาณ Safety Stock ลงได้ เนื่องจากเรามีโอกาสถี่
ขึน้ ทีจ่ ะสังวั
่ สดุหรือสินค้ามาเพิม่
 เวลานาและความแปรปรวนของเวลานา (Lead time & Its’ variability) ถ้าเวลานาใน
การเติมเต็มวัสดุคงคลังลดลง เราสามารถลดปริมาณ Safety Stock ลงได้ เนื่องจาก
เราสามารถสังวั ่ สดุหรือสินค้ามาเพิม่ ได้โดยใช้เวลาไม่นาน นอกจากนี้ถา้ เวลานามี
ความแน่นอนหรือมีความแปรปรวนต่า จานวน Safety Stock เราอาจไม่ตอ้ งเก็บ
Safety Stock
34
การกาหนดปริมาณ Safety Stock
 ถ้าต้องการเพิม่ Service Level
ปริมาณวัสดุคงคลังทีเ่ ราจะต้อง
เก็บจะเพิม่ มากไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ถ้าเรา
ต้องการเพิม่ Service Levelให้
ใกล้ 100% เราจะต้องเพิม่
ปริมาณวัสดุคงคลังเป็ นจานวน
มาก

35
การบริหารจัดการวัสดุคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
 มีระบบการพยากรณ์ที่เชื่อถือได้ และสามารถบ่งชี้ข้อผิดพลาดในการพยากรณ์ ได้
 สามารถประมาณการเกี่ยวกับ ต้นทุนด้านต่างๆ ได้
◦ ต้นทุนจากค่าใช้จา่ ยทีจ่ า่ ยไปเพือ่ ให้ได้วสั ดุหรือวัสดุหรือสินค้านัน้ ๆมา
◦ ต้นทุนการเก็บวัสดุคงคลัง
◦ ต้นทุนในการสังซื
่ อ้
◦ ต้นทุนจากการขาดแคลนวัสดุคงคลัง
 มีระบบในการควบคุมและ ติดตามปริมาณ วัสดุคงคลัง
 มีระบบการจัดหมวดหมู่วสั ดุคงคลังที่ดี
 มีข้อมูลเกี่ยวกับเวลานา ในการสั ่งซื้อวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนในการผลิตแต่ละประเภท

36
การตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการวัสดุคงคลัง
 ควรสังซื
่ อ้ วัสดุหรือสินค้าเมือไร บ่อยแค่ไหน (ความถี่ ) และแต่ละครัง้ ห่างกัน
เท่าไร (Timing)
 ควรสังซื
่ อ้ วัสดุหรือสินค้าครัง้ ละเท่าไร (Quantity)
 ควรมีวสั ดุคงคลังสารองไว้บา้ งหรือไม่ ด้วยจานวนเท่าใด (Safety Stock)

37
การกาหนดรอบเวลาในการเติมเต็มวัสดุคงคลัง

38
การกาหนดรอบเวลาในการเติมเต็มวัสดุคงคลัง
 การใช้การวางแผนความต้องการวัสดุ (Material requirement Planning)
 การสังซื
่ อ้ เมือ่ ถึงจุดสังเติ
่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่ (Reorder Point)
 การสังเมื
่ อ่ ครบรอบเวลาในการสัง่ (Fixed-Order-Interval)

39
การวางแผนความต้องการวัสดุ
 แนวคิดของระบบ MRP มุง่ เน้นการสังวั ่ สดุให้ถกู ต้อง เพียงพอกับจานวนที่
ต้องการ และในเวลาทีต่ อ้ งการ การจะดาเนินการให้บรรลุตามเป้าหมายดังกล่าวนี้
ได้ จาเป็ นต้องมีการประสานงานภายในระบบ เป็ นอย่างดี ระหว่าง ความต้องการ
ของลูกค้า (Customers) ผูผ้ ลิต และผูส้ ง่ มอบ (Suppliers) โดยมีหน่วยงานกลาง
เช่นฝา่ ยวางแผนช่วยในการประสานและรวบรวมข้อมูลของฝา่ ยต่างๆมาทาการ
ประมวลผลและจัดทาเป็ นแผนความต้องการวัสดุแต่ละรายการ
 ผลจากระบบ MRP จะเป็ นรายงานทีบ ่ อกให้ทราบว่าจะต้องทาการสังซื ่ อ้ หรือสัง่
ผลิตวัสดุอะไร จานวนเท่าไร และ เมือ่ ไร โดยแผนการสังวั ่ สดุทงั ้ หมดจะมี
เป้าหมายทีส่ อดคล้องกัน คือผลิตภัณฑ์ หรือวัสดุขนั ้ สุดท้ายทีก่ าหนดไว้ในตาราง
การผลิตหลัก (Master Production schedule)
 แผนความต้องการวัสดุน้ีจงึ เปรียบเสมือนเป็ นตัวประสานเป้าหมายของบริษท ั กับ
ทุกฝา่ ย
40
การวางแผนความต้องการวัสดุ
คาสังซื
่ อ้ แผนการผลิตรวม พยากรณ์
จากลูกค้า ความ
การ ต้องการ การ
เปลีย่ นแปลง
ทางวิศวกรรม ตารางการผลิตหลัก เปลีย่ นแปลง
วัสดุคงคลัง

แฟ้มข้อมูลรายการวัสดุ ระบบ MRP แฟ้มข้อมูลสถานะของคงคลัง


(BOM) (Inventory Record File)

รายงานขัน้ ต้น รายงานขัน้ ที่ 2


รายงานแผนกาหนดการออกใบสัง่ รายงานปญั หาพิเศษ
รายงานการเปลีย่ นแปลงใบสังเดิ
่ ม รายงานผลการดาเนินงาน
สถานะวัสดุคงคลัง รายงานกาวางแผน
การวางแผนความต้องการวัสดุ: Input
 ตารางการผลิตหลัก เป็ นตารางทีแ่ สดงกาหนดการของรายการวัสดุทเ่ี ป็ น
ความต้องการอิสระ (Independent Demand) ซึง่ ได้แก่ผลิตภัณฑ์ขนั ้ สุดท้ายของ
บริษทั ทีจ่ าหน่ายให้แก่ลกู ค้า ซึง่ อาจจะเป็ นผลิตภัณฑ์สาเร็จรูปหรือ ชิน้ ส่วนที่
บริษทั ผลิตขายออกไปในลักษณะของชิน้ ส่วนบริการ โดยตารางการผลิตหลักจะ
บรรจุกาหนดการผลิตทีไ่ ด้รบั ความเห็นชอบแล้ว และ จะแสดงให้ทราบว่า
ต้องการจะผลิตอะไร จานวนเท่าไร และ เมือ่ ไร สาหรับตารางการผลิตหลักอาจ
กาหนดขึน้ จากแหล่งข้อมูลแหล่งใดแหล่งหนึ่งหรือหลายแหล่งดังต่อไปนี้ เช่น
จากใบสังของลู
่ กค้า ซึง่ สังซื
่ อ้ ผลิตภัณฑ์ชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ และมักจะ
กาหนดเวลาส่งมอบผลิตภัณฑ์ทแ่ี น่นอน หรือ จาก การพยากรณ์ความต้องการ
ซึง่ คานวณตามหลักการทางสถิตจิ ากข้อมูลยอดขายในอดีตและจากการวิจยั
ตลาด

42
การวางแผนความต้องการวัสดุ: Input
 ตารางการผลิตหลัก
Item: Ladder-back chair Order Policy: 150 units
Lead Time: 1 week
April May
Quantity
55 1 2 3 4 5 6 7 8
on Hand:

Forecast 30 30 30 30 35 35 35 35

Customer
38 27 24 8 0 0 0 0
orders booked

Projected on-
hand 17 137 107 77 42 7 122 87
inventory

MPS quantity 0 150 0 0 0 0 150 0

MPS start 150 0 0 0 0 150 0 0

43
การวางแผนความต้องการวัสดุ: Input
 บัญชีรายการวัสดุ (Bill of Material) หรือ เรียกอีกชื่อหนึ่ งว่าแฟ้ มโครงสร้าง
ผลิตภัณฑ์(Product Structure Files) จะบรรจุสารสนเทศทีเ่ ป็ นรายละเอียดของ
ผลิตภัณฑ์แต่ละรายการอย่างสมบูรณ์ โดยแฟ้มบัญชีรายการวัสดุจะบรรจุโครงสร้าง
ของผลิตภัณฑ์ทุกๆรายการของบริษทั รายละเอียดภายในโครงสร้างผลิตภัณฑ์จะ
แสดงให้ทราบถึงรายการวัสดุทุกๆรายการ พร้อมทัง้ ปริมาณความต้องการวัสดุแต่ละ
รายการทีจ่ าเป็ นต่อการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สาเร็จรูปแต่ละรายการหนึ่งหน่วย
 รายการวัสดุดงั กล่าวนี้ยงั ถูกบรรจุอยูใ่ นแฟ้มบัญชีรายการวัสดุทส่ี ะท้อนให้เห็นถึง
โครงสร้างของการผลิตเป็ นผลิตภัณฑ์ โดยแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของวัสดุแต่ละ
รายการตามลาดับขัน้ ในการผลิตเป็ นผลิตภัณฑ์สาเร็จรูป นับตัง้ แต่ วัตถุดบิ (Raw
materials) ชิน้ ส่วน (Parts) ประกอบย่อย (Subassemblies) และชิน้ ส่วนประกอบ
(Assemblies) ผลิตภัณฑ์แต่ละรายการจะต้องมีหนึ่งโครงสร้างผลิตภัณฑ์ หรือ หนึ่ง
บัญชีรายการวัสดุ

44
Bill of Materials A
Ladder-back
chair

B (1) C (1) D (2) E (4)


Ladder-back Seat Front Leg
subassembly subassembly legs supports

F (2) G (4) H (1) I (1)


Back legs Back slats Seat frame Seat cushion

BOM for a Ladder-Back Chair J (4)


Seat-frame
boards
การวางแผนความต้องการวัสดุ: Input
 แฟ้ มข้อมูลสถานะพัสดุคงคลัง (Inventory Record Files) เป็ นแฟ้มข้อมูลที่ บันทึก
รายการวัสดุแต่ละรายการทีค่ งคลังไว้อย่างสมบูรณ์

 ข้อมูลสถานะพัสดุคงคลังทีจ่ าเป็ นต่อการประมวลผลในระบบ MRP สามารถแยกได้


เป็ น 2 กลุม่ หลัก คือ กลุม่ ทีม่ กี ารเคลือ่ นไหวตลอดเวลา และกลุม่ ทีค่ อ่ นข้างคงทีไ่ ม่
ค่อยมีการเคลือ่ นไหวหรือเปลีย่ นแปลง

 ความถูกต้องและทันสมัยของข้อมูลในแฟ้มข้อมูลสถานะของคงคลังนับว่ามีสว่ นสาคัญ
เป็ นอย่างยิง่ ต่อความมีประสิทธิผลของการดาเนินงานระบบ MRP และปจั จัยสาคัญที่
ทาให้แฟ้มข้อมูลสถานะพัสดุคงคลังมีความถูกต้องและเป็ นปจั จุบนั แบบเวลาจริง
(Real-time) อยูต่ ลอดเวลา ก็คอื การมีระบบการบันทึกการเคลือ่ นไหวของของคงคลัง
ทีม่ ปี ระสิทธิภาพ ทัง้ ด้านความถูกต้อง รวดเร็ว และ ครบถ้วน

46
แฟ้ มข้อมูลสถานะพัสดุคงคลัง
 ข้อมูลพัสดุคงคลังที่แสดงสถานะจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (Status
Data)จาก การรับเข้าหรือการจ่ายออกพัสดุคงคลัง
◦ แผนการสัง่ (Planed order Releases)
◦ พัสดุคงคลังในมือ (Inventory on hand)
◦ วัสดุระหว่างการสัง่ (Materials on order)
◦ พัสดุคงคลังพร้อมใช้(Available Inventory)

47
แฟ้ มข้อมูลสถานะพัสดุคงคลัง
 ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ ง ส่วนใหญ่จะเป็ นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านการ
วางแผนที่ใช้ในระบบ MRP
◦ ขนาดรุน่ การสัง่ (Lot sizes)
◦ ช่วงเวลานา (Lead Times)
◦ ระดับสต๊อกเผื่อความปลอดภัย (Safety Stock Level)
◦ อัตราของเสีย (Scrap Rates)
◦ อัตราผลได้ (Yield)

48
การวางแผนความต้องการวัสดุ: Output
 ผลได้จากระบบ MRP จะออกมาในรูปของรายงานต่างๆ ทีเ่ ป็ นตาราง
กาหนดการในการจัดหาวัสดุแต่ละรายการในอนาคตเพือ่ ตอบสนองต่อความ
ต้องการของMPSในแต่ละช่วงเวลา ซึง่ มักจะมีการเปลีย่ นแปลงเกิดขึน้
ตลอดเวลา ตารางดังกล่าวนี้จะเป็ นสารสนเทศทีช่ ่วยผูบ้ ริหารในการตัดสินใจใน
การดาเนินการด้านการจัดการพัสดุคงคลังของบริษทั
◦ แผนการสังซื่ อ้ หรือสังผลิ
่ ต
◦ ใบสังซื
่ อ้ หรือสังผลิ
่ ต
◦ การเปลีย่ นแปลงแผนการสัง่
◦ ข้อมูลสถานะพัสดุคงคลัง

49
่ ิ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่
จุดสังเต
 จุดสังเติ
่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่ (Reorder Point) เป็ นการบริหารจัดการ
วัสดุและสินค้าคงคลังโดยกาหนดจุดทีจ่ ะสังเติ่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่ไว้
ล่วงหน้า
 จุดสังเติ
่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่ (Reorder Point)นัน้ มีความสัมพันธ์แปร
ตามตัวแปร 2 ตัว คือ อัตราความต้องการใช้วสั ดุคงคลังและรอบเวลานาในการ
สังเติ
่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลัง (Lead Time)
 ระดับวัสดุคงคลังรายการนัน้ จะลดต่าลงในช่วงสังเติ
่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลัง
จนถึงระดับต่าสุดทีว่ างแผนไว้ และเมือ่ ถึงกาหนดเวลารับวัสดุหรือสินค้า จะทา
การรับสินค้าเข้ามา
◦ การรับสินค้าแต่ละครัง้ มีปริมาณทีจ่ ะทาให้มสี นิ ค้าคงคลังถึงระดับทีว่ างแผนไว้ (Min-Max)
◦ การรับสินค้าแต่ละครัง้ มีปริมาณคงที่ ตาม lot size ทีก่ าหนดไว้

50
่ ิ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่
จุดสังเต
 ่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่ในอัตราความต้องการวัสดุคงคลังคงที่
จุดสังเติ
และรอบเวลาคงที่ เป็ นสภาวะทีไ่ ม่เสีย่ งทีจ่ ะเกิดวัสดุหรือสินค้าขาดมือเลย
เพราะทุกสิง่ ทุกอย่างแน่นอน
 จุดสังเติ
่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่ R = d x L
d = อัตราความต้องการวัสดุคงคลัง
L = เวลานาในการเติมเต็มวัสดุหรือสินค้า

51
่ ิ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่
จุดสังเต

Q
Inventory level

Reorder
point, R
0
LT LT
Time

52
่ ิ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่
จุดสังเต
Safety Stock ขึน้ กับความต้องการในช่วง lead time
Inventory level

Q
Reorder
point, R

Safety Stock
0
LT LT
Time

53
่ ิ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่
จุดสังเต
 ่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่ในอัตราความต้องการวัสดุคงคลังที่
จุดสังเติ
แปรผัน เป็ นสภาวะทีอ่ าจเกิดของขาดมือได้เพราะว่าอัตราการใช้หรือความ
ต้องการวัสดุคงคลังไม่สม่าเสมอ จึงต้องมีการเก็บวัสดุคงคลังเพือ่ ความปลอดภัย
ซึง่ ช่วยให้อตั ราการบริการลูกค้าดีขน้ึ
 ในกรณีทม ่ี ขี อ้ มูลความเบีย่ งเบนมาตรฐานของอัตราความต้องการวัสดุหรือสินค้า
ในช่วงเวลานา จุดสังเติ ่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่ สามารถหาได้ดงั นี้
 จุดสังเติ
่ มเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลังใหม่ = ความต้องการในช่วงเวลานา + วัสดุ
คงคลังเพือ่ ความปลอดภัย
 Reorder Point = Demand during Lead Time + Safety Stock

54
การสังเมื
่ ่อครบรอบเวลาในการสัง่
 การสังเมื
่ อ่ ครบรอบเวลาในการสัง่ (Fixed-Order-Interval) ระบบนี้ จะกาหนดช่วง
ห่างของการตรวจสอบระดับและสัง่ วัสดุคงคลังแต่ละครั้งเป็ นระยะเวลาคงที่
หากระดับวัสดุคงคลังไม่เพียงพอกับความต้องการก่อนถึงกาหนดการตรวจสอบ
ครั้งต่อไป ให้ทาการสัง่ วัสดุหรือสินค้ามาก่อนกาหนดการตรวจสอบได้
 ความถี่ในการตรวจสอบและสัง่ วัสดุหรือสินค้าจะแตกต่างกันตามประเภทของ
วัสดุหรือสินค้า โดยเป็ นการกาหนดจากฝ่ ายวางแผน ปริมาณการสัง่ วัสดุหรือ
สินค้าแต่ละรายการจะแตกต่างโดยปริมาณการสัง่ จะเป็ นการประมาณการ
ล่วงหน้าและครอบคลุมความต้องการใช้เป็ นระยะเวลาสั้นๆ เช่น สองสัปดาห์,
สี่สปั ดาห์ หรือสิบสองสัปดาห์ โดยใช้การตรวจสอบระดับวัสดุหรือสินค้า เช่น
การตรวจนับ การดูขอ้ มูลจากวัสดุคงคลังการ์ด การใช้ระบบคอมพิวเตอร์

55
การสังเมื
่ ่อครบรอบเวลาในการสัง่
 สิง่ ทีเ่ ราสนใจสาหรับระบบนี้คอื ระดับวัสดุคงคลังสูงสุดทีว่ างแผนไว้ (Planned
maximum stock) ซึง่ ในการสังแต่ ่ ละครัง้ เราต้องมันใจว่
่ าวัสดุคงคลังจะขึน้ ไปถึง
ระดับสูงสุดนี้
 ระดับสูงสุดดังกล่าวจะต้องมากพอทีจ่ ะใช้ในช่วงรอการตรวจสอบ (Review
Interval) และช่วงเวลานาการสัง่ ดังนัน้ ระดับวัสดุคงคลังสูงสุดทีว่ างแผนไว้เรา
จะกาหนดให้เป็ น Target Level

56
การสังเมื
่ ่อครบรอบเวลาในการสัง่
Review Period
Target
Order quantity

level 1 2 3
Quantity

Time
Lead time
การสังเมื
่ ่อครบรอบเวลาในการสัง่
 Target Level ในอัตราความต้องการวัสดุคงคลังคงที่และรอบเวลาคงที่
เป็ นสภาวะทีไ่ ม่เสีย่ งทีจ่ ะเกิดวัสดุหรือสินค้าขาดมือเลย เพราะทุกสิง่ ทุกอย่าง
แน่นอน
Target Level = ความต้องการในช่วงรอการตรวจสอบ (Review Interval) +
ความต้องการช่วงเวลานาการสังซื ่ อ้
Target Level = d x (R + L)

โดยที่ d = อัตราความต้องการวัสดุคงคลัง
L = เวลานาในการเติมเต็มวัสดุหรือสินค้า
R = เวลาในช่วงรอการตรวจสอบ (Review Interval)

58
การสังเมื
่ ่อครบรอบเวลาในการสัง่
Order Quantity Review Period
Target
level 1 2 3
Quantity

Lead time
Time
การสังเมื
่ ่อครบรอบเวลาในการสัง่
 Target Level ในอัตราความต้องการวัสดุคงคลังที่แปรผัน เป็ นสภาวะทีอ่ าจ
เกิดของขาดมือได้เพราะว่าอัตราการใช้หรือความต้องการวัสดุคงคลังไม่
สม่าเสมอ จึงต้องมีการเก็บวัสดุคงคลังเพือ่ ความปลอดภัย ซึง่ ช่วยให้อตั ราการ
บริการลูกค้าดีขน้ึ
 Target Level = ความต้องการในช่วงรอการตรวจสอบ (Review Interval) +
ความต้องการช่วงเวลานาการสังซื ่ อ้ + วัสดุหรือสินค้าสารองเพือ่ ความปลอดภัย
(Safety-Stock, SS)

Target Level = d x (R + L) + SS

60
การกาหนดปริมาณในการเติมเต็มวัสดุคงคลัง

61
การกาหนดปริมาณเติมเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลัง
 สังแบบ
่ Lot for Lot
 สังแบบ
่ Fixed Order Quantity
 สังแบบ่ ปริมาณการสังที
่ ป่ ระหยัด (Economic Order Quantity)

62
การกาหนดปริมาณเติมเต็มวัสดุหรือสินค้าคงคลัง
Lot-for-Lot
 สังเท่
่ าทีต่ อ้ งการจะไม่มกี ารเหลือเก็บเนื่องจากสังเท่ ่ าทีต่ อ้ งการ
 ใช้สาหรับการสังซื ่ อ้ วัตถุดบิ หรือสินค้าที… ่ …….
◦ ความต้องการทีเ่ ป็ นอิสระต่อกัน (Independent demand)
◦ ราคาไม่แพง (A items)
◦ ผลิตแบบ Just-in-Time (JIT)

Fixed-Order Quantity
 สังซื
่ อ้ เป็ นปริมาณตายตัวทุกครัง้ ทีม่ กี ารสัง่
◦ เร็วและง่าย
◦ การตัดสินใจสาหรับปริมาณในการสังซื
่ อ้ ให้ดจู ากความเหมาะสม
◦ อาจไม่ได้ผลลัพธ์ทด่ี ที ส่ี ุด
63
่ วยปริมาณการสังที
การสังด้ ่ ่ประหยัด (EOQ)
 เป็ นระบบวัสดุคงคลังทีใ่ ช้กนั อย่างแพร่หลาย โดยจะใช้กบั วัสดุคงคลังทีม่ ลี กั ษณะ
ของความต้องการทีเ่ ป็ นอิสระไม่เกีย่ วข้องต่อเนื่องกับความต้องการของวัสดุคง
คลังตัวอื่น (Independent Demand) จึงต้องวางแผนพิจารณาความต้องการและ
พยากรณ์อุปสงค์ของลูกค้าโดยตรง
 ระบบขนาดการสังซื ่ อ้ ทีป่ ระหยัดจะพิจารณาต้นทุนรวมของวัสดุคงคลังทีต่ ่าสุด
เป็ นหลักเพือ่ กาหนดระดับปริมาณการสังซื ่ อ้ ต่อครัง้ ทีเ่ รียกว่า “ขนาดการสังซื
่ อ้ ที่
ประหยัด”

64
การบริหารจัดการ Inventory อย่างมีประสิทธิภาพ
 ลดขนาดการสังซื ่ ิ ตลง
่ ้อและการสังผล
◦ สาหรับสินค้าทีท่ าการจัดซือ้ ให้ทาการบริหารต้นทุนการจัดซือ้ (Acquisition transaction
costs) ให้ต่าลง โดยใช้ คอมพิวเตอร์หรือระบบสารสนเทศในการสร้างคาสังซื ่ อ้ (Purchase
Orders: PO) การใช้ระบบ (Electronic Data Interchange: EDI) ในการส่งผ่านข้อมูลคา
สังซื
่ อ้ (PO) การใช้ระบบแจ้งการขนส่งสินค้าล่วงหน้า (Advance Shipping Notices:
ASNs) เพือ่ ทาการลดต้นทุนการจัดซือ้ ซึง่ จะสามารถลดต้นทุนด้านการจัดซือ้ และการรับ
สินค้าลดลง และสามารถสังได้ ่ บอ่ ยขึน้ หรือสามารถลดปริมาณสินค้าคงคลังโดยเฉลีย่ ได้
◦ สาหรับสินค้าทีท่ าการผลิตนัน้ หากต้นทุนการติดตัง้ หรือการเปลีย่ นเครือ่ งมือ (Equipment
changeover costs) มีคา่ สูง การแก้ไขให้กจิ กรรมนี้ให้มเี วลาการเปลีย่ นเครือ่ งมือทีส่ นั ้ ลง
จะสามารถลดปริมาณ สินค้าคงคลังได้ และเพิม่ ประสิทธิภาพการผลิตได้

65
การบริหารจัดการ Inventory อย่างมีประสิทธิภาพ
 ลดต้นทุนการเก็บสินค้าคงคลัง (Lower inventory costs)
◦ เพิม่ การใช้ประโยชน์ของพืน้ ทีโ่ ดยการให้เช่าพืน้ ทีท่ ม่ี อี ยู่ หรือ ลดการการขยายพืน้ ที่
คลังสินค้า โดยใช้ เครือ่ งมือทีส่ ามารถขนถ่านสินค้าในช่องแคบ การใช้ชนั ้ ลอย หรือ
วิธกี ารเก็บสินค้าทีเ่ หมาะสมมากขึน้
 การตัง้ ระดับปริมาณสินค้าเผือ่ ขาดให้เหมาะสม
◦ การตัง้ ระดับปริมาณสินค้าคงคลังเผือ่ ขาด (Safety stock) ให้มคี วาม เหมาะสมและ
ชัดเจน
 วางแผนการประกอบเมื่อเกิดความต้องการ(Think postponement)
◦ สาหรับสินค้าทีเ่ ป็ นชิน้ ส่วนทีส่ ามารถนาไปผลิตสินค้าต่อเนื่องได้อกี หลายชนิด
(Parent products) ควร จะทาการเก็บสินค้าคงคลังไว้ในรูปแบบของสินค้ากึง่
สาเร็จรูป (Semi-finished product) เพือ่ ลดปริมาณสินค้า คงคลังทัง้ หมด เนื่องจาก
สามารถลดปริมาณสินค้าคงคลังของทุกรายการแต่ละแบบได้

66
การบริหารจัดการ Inventory อย่างมีประสิทธิภาพ
 พยากรณ์ ความต้องการของลูกค้าอย่างสมา่ เสมอ
◦ การใช้ประสบการณ์แก้ไขสมการพยากรณ์ในการคานวณความต้องการของสินค้า
เพือ่ ทีล่ ดความ ผิดพลาดจากการใช้สตู รพยากรณ์เพียงอย่างเดียวจะสามารถลดการ
เก็บสินค้าเกินความจาเป็ น สินค้าขาดแคลน ทาให้มสี นิ ค้าเพียงแค่ความต้องการของ
ลูกค้า
◦ เหตุการณ์บางเหตุการณ์ทาให้เกิดความต้องการของสินค้าเพิม่ ขึน้ ในเวลาอันรวดเร็ว
ทาให้ตอ้ งคานึงถึง เหตุการณ์นนั ้ ในการจัดการสินค้าคงคลัง อาทิ เทศกาลสงกรานต์ท่ี
ทาให้ความต้องการตั ๋วรถยนต์โดยสารประจา ทางหรือตั ๋วเครือ่ งบินเพิม่ สูงขึน้ ทาให้
ต้องมีการวางแผนสินค้าคงคลังรองรับเหตุการณ์ดงั กล่าว

67
การบริหารจัดการ Inventory อย่างมีประสิทธิภาพ
 ่ ้อสินค้า
สร้างความร่วมมือระหว่างซัพพลายเออร์ในการสังซื
◦ สร้างความร่วมมือของซัพพลายเออร์หลักในการจัดซือ้ สินค้าหลายรายการ (Multiple
SKUs) ซึง่ จะทาให้สามารถการจัดซือ้ สินค้าแต่ละประเภทได้ในปริมาณทีน่ ้อยลง และสังได้ ่
ถีข่ น้ึ ทาให้การเก็บสินค้าคงคลังน้อยลง
◦ สร้างความร่วมมือของซัพพลายเออร์หลักทีต่ งั ้ อยูใ่ นพืน้ ทีใ่ กล้เคียงกัน สามารถเพิม่ การ ใช้
ประโยชน์ของรถบรรทุกขนส่งสินค้าให้สามารถขนสินค้าได้เต็มน้าหนักบรรทุกมากขึน้
 รวมรายการสินค้าระหว่างการขนส่ง (Try merge-in-transit)
◦ กรณีทล่ี กู ค้ามีความต้องการรับสินค้าหลายรายการในเวลาเดียวกัน ในระหว่างการขนส่ง
อาจจะมีการ รวมบางรายการทีม่ าจากสถานทีต่ ่างกันมาขนรวมกันเพือ่ ความสะดวกในการ
รับสินค้าของลูกค้าภายในครัง้ เดียว ทาให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึน้ และสามารถเพิม่
ประสิทธิภาพการบริหารสินค้าคงคลังได้ดขี น้ึ เนื่องจาก สามารถขนส่งสินค้าได้ถม่ี ากขึน้
ต้นทุนสินค้าคงคลังจะลดลง
68
การบริหารจัดการ Inventory อย่างมีประสิทธิภาพ
 จัดส่งสินค้าต่อไปให้ลกู ค้าเมื่อสินค้ามาถึง (Cross-dock customer
shipments)
◦ การจัดการจัดส่งสินค้าต่อไปให้ลกู ค้าเมือ่ สินค้ามาถึง (Cross-dock) จะสามารถลดความ
ต้องการในการ เก็บสินค้าคงคลัง เนื่องจากสินค้าสามารถนาส่งต่อไปยังลูกค้าได้ทนั ที โดย
ไม่ตอ้ งทาการจัดเก็บสินค้า
 การให้ซพั พลายเออร์เป็ นผูบ้ ริหารสินค้าคงคลัง (Vendor-Managed
Inventory: VMI)
◦ สร้างแรงจูงใจทีเ่ หมาะสมให้ซพั พลายเออร์เข้ามารับผิดชอบการบริหารสินค้าคงคลัง เนื่อง
จากซัพพลายเออร์สามารถทราบปริมาณสินค้าคงคลังและแผนการผลิตสินค้าของฝา่ ย
ตนเอง และสามารถทราบความ ต้องการทีแ่ ท้จริงของสินค้าพร้อมกับปริมาณสินค้าคงคลัง
ของลูกค้า ส่งผลให้ตน้ ทุนสินค้าคงคลังทัง้ ฝา่ ยซัพพลายเออร์และลูกค้าลดลง

69
การบริหารจัดการ Inventory อย่างมีประสิทธิภาพ
 ลดระยะเวลาในการสังซื
่ ้อ
◦ การลดระยะเวลาในการสังซื่ อ้ วัตถุดบิ หรือชิน้ ส่วน ไม่วา่ จะเป็ นระยะเวลาในการสังซื
่ อ้ จาก
ซัพพลายเออร์หรือระยะเวลาในการขนส่งสินค้า หรือ ระยะเวลาในการรับสินค้า จะส่งผลให้
ปริมาณความต้องการในการ เก็บสินค้าคงคลังลดลง นอกจากนี้การลดความไม่แน่นอน
ของระยะเวลาในการสังซื
่ อ้ ก็สามารถลดความต้องการ ของการเก็บสินค้าได้
 เคลื่อนย้ายสินค้าคงคลัง (Transshipment)
◦ เมือ่ สินค้าคงคลังของสินค้าบางรายการ ณ คลังสินค้าแห่งหนึ่งมีมากเกินไป อย่างไรก็ตาม
ได้มคี วาม ต้องการสินค้าประเภทเดียวกัน ณ คลังสินค้าอีกทีห่ นึ่ง ดังนัน้ ระบบในการเกลีย่
ปริมาณสินค้าคงคลังจากทีห่ นึ่ง มาทีห่ นึ่งทีม่ ปี ระสิทธิภาพ จะส่งผลดีต่อการบริหารสินค้า
คงคลังได้ดี อย่างไรก็ตามต้นทุนในการเคลื่อนย้าย สินค้านี้ตอ้ งอยูใ่ นระดับทีจ่ งู ใจ

70
การบริหารจัดการ Inventory อย่างมีประสิทธิภาพ
 การกาจัดสินค้า Dead Stock (สินค้าที่ไม่เคลื่อนไหวเป็ นเวลามากกว่า 6
เดือน) และสินค้า Slow Moving (สินค้าที่ถกู ขายออกไปช้า อาจจะเดือนละ
ครัง้ หรือ สองเดือนครัง้ เป็ นต้น)
◦ ซึง่ การจัดการลดกลุ่มสินค้าเหล่านี้เป็ นการช่วยลดต้นทุนทัง้ ในคลังสินค้า (Warehousing)
การจัดดาเนินการสินค้าในคลัง (Handling) การขนส่ง (Transportation) เช่น สินค้าทีไ่ ม่
เคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวช้า ทาให้เปลืองพืน้ ทีจ่ ดั เก็บ และการดูแลสินค้าในคลัง อีกทัง้
ค่าขนส่งต่อรายการเมือ่ มีการสังซื
่ อ้ จากลูกค้า อาจทาให้ไม่คมุ้ กับการส่ง เมือ่ เทียบสัดส่วน
ปริมาณสัง่ ซือ้ ต่อค่าจัดส่ง(กรณีใช้ Third Party Logistics ส่วนใหญ่จะคิดค่าบริการตาม
จานวนกล่องทีจ่ ดั ส่ง โดยจะส่งตามรอบและเส้นทางทีก่ าหนดไว้ก่อนหน้านี้)

71
การเชื่อมโยงตัวชี้วดั
ประสิทธิภาพ
กับกิจกรรมโลจิสติกส์
ตัวชี้วดั ประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์
 มิติด้านต้นทุน
◦ ต้นทุนถือครองสินค้าคงคลัง (Inventory Carrying Cost)
◦ ต้นทุนการบริหารคลังสินค้า (Warehousing Cost)
◦ ต้นทุนการขนส่งสินค้า (Transportation Cost)
 มิติด้านเวลา
◦ ระยะเวลาเฉลีย่ ของการตอบสนองคาสังซื ่ อ้ จากลูกค้า (Average Order Cycle Time)
◦ ระยะเวลาเฉลีย่ ของการจัดส่งสินค้า (Average Delivery Cycle Time)
◦ ระยะเวลาเฉลีย่ การเก็บสินค้าสาเร็จรูปอย่างเพียงพอเพือ่ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
(Average Inventory Day)
 มิติด้านความน่ าเชื่อถือ
◦ อัตราความสามารถในการส่งมอบสินค้า (DIFOT)
◦ อัตราความแม่นยาการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า (Forecast Accuracy)
◦ อัตราการถูกตีกลับของสินค้า (Return Rate)
◦ อัตราความถูกต้องของข้อมูลสินค้าคงคลัง (Inventory Accuracy)
กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 73
ต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลัง
 ตัวชีว้ ดั : สัดส่วนต้นทุนการถือครองสินค้าต่อยอดขาย (Ratio of Inventory Carrying Cost Per Sales)

ข้อมูลที่ใช้คานวณ วิ ธีการคานวณ
(1) ยอดขายรวมของบริษทั บาท ((2) x (4)) + (3)
__________________________
(2) มูลค่าการถือครองรวมโดยเฉลีย่ บาทต่อปี (1)
วัตถุดบิ บาทต่อปี
สินค้าระหว่างผลิต บาทต่อปี
สินค้าสาเร็จรูป บาทต่อปี
(3) ค่าประกันภัยรวมโดยเฉลีย่ บาทต่อปี
วัตถุดบิ บาทต่อปี
สินค้าระหว่างผลิต บาทต่อปี
สินค้าสาเร็จรูป บาทต่อปี
(4) อัตราดอกเบีย้ เงินกู้ คิดเป็ นร้อยละ ต่อปี

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 74
ต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลัง (ต่อ)
 ตัวชีว้ ดั : สัดส่วนต้นทุนการถือครองสินค้าต่อยอดขาย
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ทเ่ี กีย่ วข้อง
◦ การวางแผนการจัดซือ้ : Safety stock, Order size, Lead time
◦ การวางแผนการตลาด : Forecast accuracy, Forecast on promotion
◦ การวางแผนการผลิต : Safety stock, Production size, Lead time
◦ นโยบาย Inventory : Decoupling point, Inventory target
◦ การจัดการ Dead-stock และ Slow moving
◦ การพัฒนาบุคลากรด้านการจัดการสินค้าคงคลัง
 กิจกรรมอื่น
◦ การเก็งราคา
◦ ต้นทุนทางการเงิน เช่น อัตราดอกเบีย้ หรือความคาดหวังผูถ้ อื หุน้
◦ ประสิทธิภาพในการผลิต : Yield, Produce to Plan

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 75
ต้นทุนการบริหารคลังสินค้า
 ตัวชีว้ ดั : สัดส่วนต้นทุนการบริหารคลังสินค้าต่อยอดขาย (Ratio of Warehousing Cost Per Sales)
ข้อมูลที่ใช้คานวณ
(1) ยอดขายรวมของบริษทั บาท
กรณี คลังสิ นค้าของบริ ษทั
(2) มูลค่าก่อสร้างอาคารคลังสินค้า (เป็ นการคานวณค่าเสื่อมราคาของ บาทต่อปี
สิง่ ก่อสร้างหรืออาคาร โดยกาหนดให้อายุการใช้งาน 20 ปี)
(3) ค่าประกันภัยอาคารคลังสินค้า บาทต่อปี
(4) รวมเงินเดือนพนักงานประจาของแผนกคลังสินค้า บาทต่อปี
(5) รวมค่าจ้างพนักงานชัวคราวหรื
่ อ Outsource ของแผนกคลังสินค้า บาทต่อปี
(6) ค่าล่วงเวลารวมของแผนกคลังสินค้า บาทต่อปี
(7) มูลค่าอุปกรณ์ขนถ่าย (Material Handling) ทัง้ หมดในคลังสินค้าที่ บาทต่อปี
เป็ นทรัพย์สนิ ของบริษทั (เป็ นการคานวณค่าเสือ่ มราคาของ
เครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกล โดยกาหนดให้อายุการใช้งาน
10 ปี)

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 76
ต้นทุนการบริหารคลังสินค้า (ต่อ)
ข้อมูลที่ใช้คานวณ
(8) ค่าเช่าอุปกรณ์ขนถ่าย (Material Handling) ทัง้ หมดในคลังสินค้า บาทต่อปี
(9) ค่าน้ ามันเชือ้ เพลิง / ค่าไฟฟ้า สาหรับอุปกรณ์ขนถ่ายในคลังสินค้า บาทต่อปี
(10) มูลค่าของระบบสารสนเทศการบริหารคลังสินค้า (Warehouse บาทต่อปี
Management System) ทีม่ กี ารลงทุนในปีทผ่ี า่ นมา
(เป็ นการคานวณค่าเสื่อมราคาของครุภณั ฑ์คอมพิวเตอร์ โดย
กาหนดให้อายุการใช้งาน 5 ปี)
(11) ค่าเช่าหรือค่าลิขสิทธิส์ าหรับระบบบริหารคลังสินค้า (Warehouse บาทต่อปี
Management System)
(12) ค่าใช้จา่ ยคลังสินค้าอื่นๆ (ระบุ..............) บาทต่อปี
กรณี เช่าคลังภายนอก
(13) พืน้ ทีข่ องคลังสินค้าทีเ่ ช่าทัง้ หมด หน่วยนับ (เช่น ตาราง
เมตร เป็ นต้น)
(14) ค่าเช่าพืน้ ทีค่ ลังสินค้าภายนอก บาทต่อหน่วยนับ

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 77
ต้นทุนการบริหารคลังสินค้า (ต่อ)
วิ ธีการคานวณ
((2) / 20) + (3) + (4) + (5) + (6) + ((7) / 10) + (8) + (9) + ((10) / 5) + (11) + (12) + [(13) + (14)]
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(1)

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 78
ต้นทุนการบริหารคลังสินค้า (ต่อ)
 ตัวชี้วดั : สัดส่วนต้นทุนการบริหารคลังสินค้าต่อยอดขาย
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง
◦ การเลือกสถานที่ ขนาดคลังสาหรับการจัดการสินค้าคงคลัง (Site selection)
◦ การใช้ประโยชน์จากพืน้ ทีค่ ลังสินค้า (Space utilization)
◦ การจัดการคลังทีเ่ ป็ นระบบระเบียบ (Warehouse management)
◦ ปฏิบตั กิ ารคลังสินค้าทีม่ คี วามแม่นยา รวดเร็ว ไม่มคี วามสูญเสีย
◦ การลงทุนอุปกรณ์และระบบการจัดการทีเ่ หมาะสม
◦ การซ่อมบารุงอุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการปฏิบตั กิ ารคลังสินค้า
◦ การพัฒนาบุคลากรด้านการจัดการคลังสินค้า
◦ การตรวจนับสต็อกและการจัดการกรณีมคี วามคลาดเคลือ่ นของข้อมูลสินค้าคงคลัง
 กิจกรรมอื่น
◦ การประกันภัยทีเ่ หมาะสมกับตัวสินค้าและคลังสินค้า

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 79
ต้นทุนการขนส่งสินค้า
 ตัวชีว้ ดั : สัดส่วนต้นทุนการขนส่งต่อยอดขาย (Ratio of Transportation Cost Per Sales)
ข้อมูลที่ใช้คานวณ
(1) ยอดขายรวมของบริษทั บาท
กรณี บริ ษทั ขนส่งสิ นค้าด้วยตนเอง
(2) ค่าใช้จา่ ยของพนักงานแผนกขนส่ง (เช่น เงินเดือน ค่าแรงชัวคราว
่ บาทต่อปี
ค่าล่วงเวลา เป็ นต้น)
(3) ค่าน้ ามันสาหรับการขนส่งสินค้าทัง้ ตั ถุดบิ และสินค้าสาเร็จรูปโดย บาทต่อปี
เฉลีย่
(4) มูลค่ารถทีใ่ ช้ขนส่งสินค้า (เป็ นการคานวณค่าเสื่อมราคาของรถทีใ่ ช้ บาทต่อปี
ขนส่งสินค้า โดยกาหนดให้อายุการใช้งาน 5 ปี)
(5) ต้นทุนค่าบารุงรักษารถทัง้ หมดโดยเฉลีย่ บาทต่อปี
(6) ต้นทุนอื่น ๆ (ระบุ............) บาทต่อปี

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 80
ต้นทุนการขนส่งสินค้า (ต่อ)
ข้อมูลที่ใช้คานวณ
กรณี ว่าจ้างผูใ้ ห้บริ การขนส่ง
กรณี ขนส่งสิ นค้าขาเข้า (Inbound Transport)
(7) ค่าใช้จา่ ยขนส่งสินค้าเข้าโรงงานทัง้ หมด (สาหรับกรณีนาเข้า ให้ บาทต่อปี
นับเฉพาะค่าขนส่งจากท่าเรือหรือสนามบินมายังโรงงานเท่านัน้ )
กรณี ขนส่งสิ นค้าขาออก (Outbound Transport)
(8) ค่าขนส่งสินค้าออกจากโรงงานทัง้ หมด (สาหรับกรณีสง่ ออก บาทต่อปี
ต่างประเทศ โดยนับเฉพาะค่าใช้จา่ ยในการขนส่งสินค้าจากโรงงาน
ไปยังท่าเรือหรือสนามบินภายในประเทศเท่านัน้ )

วิ ธีการคานวณ
(2) + (3) + ((4) / 5) + (5) + (6) + (7) + (8)
--------------------------------------------------------
(1)

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 81
ต้นทุนการขนส่งสินค้า (ต่อ)
 ตัวชี้วดั : สัดส่วนต้นทุนการขนส่งสินค้าต่อยอดขาย
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง
◦ กระบวนการจัดการคาสังซื ่ อ้ ของลูกค้าและการจัดเตรียมรถขนส่ง
◦ ความพร้อมของสินค้าทีจ่ ะส่งและประสิทธิภาพการหยิบสินค้าของคลัง
◦ การจัดการระบบการขนส่ง เส้นทาง ตารางเวลา
◦ การใช้ประโยชน์จากรถขนส่งและการจัดการขนส่งเต็มคัน
◦ การจัดการขนย้าย ขนถ่ายขึน้ รถ ลงรถ
◦ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ บริหารการขนส่ง
◦ การจัดซือ้ : การว่าจ้างผูใ้ ห้บริการขนส่ง การเลือกข้อกาหนดในการส่งมอบสินค้าทีเ่ หมาะสม
◦ การจัดการขนส่งหลายรูปแบบ (Multimodal Transport)
◦ การพัฒนาบุคลากรด้านการจัดการขนส่ง
 กิจกรรมอื่น
◦ กิจกรรมประหยัดพลังงาน
◦ การซ่อมบารุงรถและอุปกรณ์สว่ นควบ

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 82
ระยะเวลาเฉลี่ยของการตอบสนองคาสังซื
่ ้อจากลูกค้า
 ตัวชีว้ ดั : ระยะเวลาเฉลีย่ การตอบสนองคาสังซื
่ อ้ จากลูกค้า (Average Order Cycle Time)

ระยะเวลาตัง้ แต่บริ ษทั ได้รบั คาสั ่งซื้อจากลูกค้าจนสามารถส่งสิ นค้าให้ หน่ วยนับ (เช่น
ลูกค้าได้มีระยะเวลาเฉลี่ย (สาหรับกรณี ส่งออกต่างประเทศ นับเฉพาะ ชัวโมง
่ วัน เป็ นต้น)
ระยะเวลาในการขนส่งสิ นค้าจากโรงงานไปยังท่าเรือหรือสนามบิน
ภายในประเทศเท่านัน้ )

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 83
ระยะเวลาเฉลี่ยการตอบสนองคาสังซื
่ ้อจากลูกค้า (ต่อ)
 ตัวชี้วดั : ระยะเวลาเฉลี่ยการตอบสนองคาสังซื
่ ้อจากลูกค้า
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง
◦ นโยบายเกีย่ วกับการตอบสนองคาสังซื ่ อ้ : Delivery to order, Assemble to order, Make to order,
Purchase to order, Design to order
◦ การบันทึกกิจกรรมและวิเคราะห์มติ ดิ า้ นเวลาการตอบสนองคาสังซื ่ อ้
◦ การวิเคราะห์และลดระยะเวลารอคอยในซัพพลายเชน
◦ การวิเคราะห์ระยะเวลาเฉลีย่ และค่าความเบีย่ งเบนของแต่ละกิจกรรมใน Cycle Time
◦ ทุกกิจกรรมในซัพพลายเชนมีผลต่อระยะเวลาการตอบสนอง เช่น การวางแผนซัพพลายเชน การจัดซือ้
จัดเก็บวัตถุดบิ การผลิตและการบรรจุ การจัดเก็บผลิตภัณฑ์ การจัดการคลังสินค้า การขนส่ง ความถูกต้อง
ของงานเอกสาร
◦ การวิเคราะห์ Critical Path ในการผลิตและโลจิสติกส์

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 84
ระยะเวลาเฉลี่ยของการจัดส่งสินค้า
 ตัวชีว้ ดั : ระยะเวลาเฉลีย่ ของการจัดส่งสินค้า (Average Delivery Cycle Time)

ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ใช้ในการขนส่งสิ นค้าจากโรงงานไปยังสถานที่ หน่ วยนับ (เช่น


ของลูกค้าหลัก (สาหรับกรณี ส่งออกต่างประเทศ นับเฉพาะระยะเวลา ชัวโมง
่ วัน เป็ นต้น)
ในการขนส่งสิ นค้าจากโรงงานไปยังท่าเรือหรือสนามบิน
ภายในประเทศเท่านัน้ )

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 85
ระยะเวลาเฉลี่ยของการจัดส่งสินค้า (ต่อ)
 ตัวชี้วดั : ระยะเวลาเฉลี่ยของการจัดส่งสินค้า
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง
◦ การจัดการและการปฏิบตั กิ ารขนส่ง
◦ การวางแผนเส้นทางและตารางเวลาการขนส่ง
◦ การขับขีอ่ ย่างปลอดภัย
◦ การวิเคราะห์และลดระยะเวลารอคอยระหว่างการจัดส่งสินค้า
◦ การบันทึกกิจกรรมและวิเคราะห์มติ ดิ า้ นเวลาของการจัดส่งสินค้า
◦ การวิเคราะห์ระยะเวลาเฉลีย่ และค่าความเบีย่ งเบนของกิจกรรมการจัดส่งสินค้า

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 86
ระยะเวลาเฉลี่ยการเก็บสินค้าสาเร็จรูปอย่างเพียงพอ
 ตัวชีว้ ดั : ระยะเวลาเฉลีย่ การเก็บสินค้าสาเร็จรูปอย่างเพียงพอเพือ่ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
(Average Inventory Day)
ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่บริ ษทั ใช้สาหรับเก็บสิ นค้าสาเร็จรูปภายใน หน่ วยนับ (เช่น
คลังสิ นค้า ในปริ มาณที่เพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการของ ชัวโมง
่ วัน เป็ นต้น)
ลูกค้า

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 87
ระยะเวลาเฉลี่ยการเก็บสินค้าสาเร็จรูปอย่างเพียงพอ (ต่อ)
 ตัวชี้วดั : ระยะเวลาเฉลี่ยการจัดเก็บสินค้าคงคลัง
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง
◦ ความแม่นยาการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า
◦ ประสิทธิภาพในการวางแผนให้สอดคล้องกันทัง้ ซัพพลายเชน
◦ ความสามารถในการปรับเปลีย่ นแผนตามสถานการณ์และข้อมูลใหม่
◦ การกาหนดเป้าหมายระดับสินค้าคงคลังและความสามารถในการควบคุม
◦ การปฏิบตั งิ านด้าน Supply ให้เป็ นไปตามแผนซัพพลายเชน
◦ ความถูกต้องของข้อมูลสินค้าคงคลัง
◦ นโยบายการจัดซีอ้ และการเก็งกาไร
◦ การปนั ส่วนกับการจัดลาดับความสาคัญของลูกค้า

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 88
อัตราความสามารถในการส่งมอบสินค้า
 ตัวชีว้ ดั : อัตราความสามารถในการส่งมอบสินค้า (DIFOT Rate)
ข้อมูลที่ใช้คานวณ
(1) บริษทั ของท่านมีการส่งมอบสินค้าให้แก่ลกู ค้าหลักเป็นจานวน คาสังซื
่ อ้ ต่อปี (หรือ เดือน
สัปดาห์ วัน)
(2) บริษทั ของท่านมีการส่งมอบสินค้าครบตามจานวนให้แก่ลกู ค้าหลัก คาสังซื
่ อ้ ต่อปี (หรือ เดือน
เป็ นจานวน สัปดาห์ วัน)
(3) บริษทั ของท่านมีการส่งมอบสินค้าตรงตามเวลาให้แก่ลกู ค้าหลัก คาสังซื
่ อ้ ต่อปี (หรือ เดือน
เป็ นจานวน สัปดาห์ วัน)

วิ ธีการคานวณ
(2) (3)
----- x -----
(1) (1)

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 89
อัตราความสามารถในการส่งมอบสินค้า (ต่อ)
 ตัวชี้วดั : อัตราความสามารถในการส่งมอบสินค้า
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง
◦ ความเข้าใจในนโยบายการตอบสนองคาสังซื ่ อ้ จากลูกค้า
◦ ทราบระยะเวลาเฉลีย่ และค่าความเบีย่ งเบนของแต่ละกิจกรรมในซัพพลายเชน
◦ ความสามารถในการควบคุมระยะเวลาการส่งมอบสินค้าของแต่ละกิจกรรมในซัพพลายเชน
◦ ความสามารถในการลดระยะเวลารอคอยในซัพพลายเชน

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 90
อัตราความแม่นยาการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า
 ตัวชีว้ ดั : อัตราความแม่นยาการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า (Forecast Accuracy Rate)

อัตราความแม่นยาของการพยากรณ์ ความต้องการของลูกค้า ของการพยากรณ์


โดยเฉลี่ยคิ ดเป็ นร้อยละ แต่ละครัง้

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 91
อัตราความแม่นยาการพยากรณ์ ความต้องการของลูกค้า (ต่อ)
 ตัวชี้วดั : อัตราความแม่นยาการพยากรณ์ ความต้องการของลูกค้า
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง
◦ เทคนิคการพยากรณ์ให้สอดคล้องกับธุรกิจ
◦ ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลทางการตลาดและทักษะการวิเคราะห์
◦ อาจมีการพยากรณ์หลายชุด จากหลายหน่วยงาน
◦ รูปแบบการพยากรณ์ทส่ี ามารถนามาใช้วางแผนซัพพลายเชน
◦ ความรวดเร็วของการสือ่ สารความคลาดเคลือ่ นของการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า
◦ นโยบายการกาหนดเป้าหมายสินค้าคงคลังสารองตามความแม่นยาการพยากรณ์

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 92
อัตราการถูกตีกลับของสินค้า
 ตัวชีว้ ดั : อัตราการถูกตีกลับของสินค้า (Rate of Return Goods)

สัดส่วนสิ นค้าส่งคืน ได้แก่ กรณี ที่ได้รบั ความเสียหายระหว่างการส่ง เทียบกับจานวน


มอบ กรณี ไม่ครบตามจานวนที่ส ั ่ง กรณี ส่งซ่อม กรณี สินค้าหมดอายุใช้ สิ นค้าที่ส่งมอบ
งาน ต้องการทาลาย คิ ดเป็ นร้อยละ

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 93
อัตราการถูกตีกลับของสินค้า (ต่อ)
 ตัวชี้วดั : อัตราการถูกตีกลับของสินค้า
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง
◦ การวิเคราะห์สาเหตุของการปฏิเสธการรับสินค้าของลูกค้า
◦ กรณีคุณภาพสินค้าไม่ตรงตามความต้องการ: ปญั หามาจากวัตถุดบิ หรือการผลิตหรือกระบวนการโลจิสติกส์
◦ กรณีชนิดสินค้าไม่ตรงตามคาสังซื ่ อ้ : ความถูกต้องของการรับข้อมูลคาสังซื
่ อ้ ลูกค้า การหยิบสินค้า การจัดส่ง
◦ กรณีปริมาณสินค้าไม่ตรงตามจานวนทีส่ ง:ั ่ ความถูกต้องของการรับข้อมูลคาสังซี ่ อ้ การหยิบสินค้า การจัดส่ง
◦ กรณีสนิ ค้าล่าช้า ทาให้ลกู ค้าต้องสังจากที
่ อ่ ่นื ไปทดแทนก่อนแล้ว
 กิจกรรมอื่น
◦ เอกสารกากับสินค้าไม่ถูกต้อง เช่น ปริมาณ ราคา เงือ่ นไขการซือ้ ขายสินค้า

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 94
อัตราความถูกต้องของข้อมูลสินค้าคงคลัง
 ตัวชีว้ ดั : อัตราความถูกต้องข้อมูลสินค้าคงคลัง (Inventory Accuracy)
ข้อมูลที่ใช้คานวณ
(1) จานวนสินค้าคงคลังทีไ่ ด้มกี ารบันทึกไว้ หน่วยนับ
(2) จานวนสินค้าคงคลังทีไ่ ด้จากการนับจริง หน่วยนับ

วิ ธีการคานวณ
ค่าสัมบูรณ์ของ [ (2) – (1) ]
1 - ------------------------------------ x 100
(2)

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 95
อัตราความถูกต้องข้อมูลสินค้าคงคลัง (ต่อ)
 ตัวชี้วดั : อัตราความถูกต้องข้อมูลสินค้าคงคลัง
 กิจกรรมซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง
◦ การมีขอ้ กาหนดและระเบียบปฏิบตั ใิ นการบันทึกข้อมูลกิจกรรมการเคลือ่ นย้ายและจัดเก็บ
◦ การพัฒนาบุคลาการด้านคลังสินค้า การสร้างวินยั การปฏิบตั งิ านตามข้อกาหนด
◦ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทีช่ ว่ ยสนับสนุนการบันทึกข้อมูลให้ถูกต้องและรวดเร็ว
◦ เทคนิคการตรวจนับสินค้าคงคลังโดย Cycle Count
◦ ความสอดคล้องของกระบวนการปฏิบตั งิ านและกระบวนการบันทึกข้อมูล
◦ การจาแนกประเภทสินค้าคงคลัง เช่น สินค้าเสือ่ มสภาพ สินค้าจอง สินค้ารับคืน เป็ นต้น
 กิจกรรมอื่น
◦ การตรวจนับสต็อกเพือ่ ปิดยอดทางบัญชี

กรมอุตสาหกรรมพื้ นฐานและการเหมืองแร่ 96

You might also like