Professional Documents
Culture Documents
CollectiveIntentionalityGilbertBB 544725 16672037579583
CollectiveIntentionalityGilbertBB 544725 16672037579583
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 1 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 2
1 2
Collective intentionality
สภาวะจิตกับปัญหาเรื่องจิตร่วม
3 4
Collective intentionality
ตัวอย่างการมอบจิตให้กลุ่ม (The Routledge Companion to Philosophy of Social Science)
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 5 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 6
5 6
1
31/10/2022 R
Physicalism vs Non-Physicalism
Individualism vs Holism คำศัพท์
• Shared
Philosophy of Mind Philosophy of Social Science
• Joint
Physicalism/ Indiviualism Physical Individual
• Collective
Non-Physicalism/ Holism Mental Society
(collectivism)
• ความหมายของ ”shared” (ดูส่วน Bratman)
• 1. การใช้คำว่า share แบบอ่อน เช่น เราสองคนมีเหรียญห้าบาทในกระเป๋า อาจพูดได้ว่าเราต่างเป็นเจ้าของเหรียญ
ห้าบาทด้วยกันทั้งคู่
• แบบอ่อน ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจว่าคนกระทำการร่วมกันได้อย่างไร
• 2. การใช้คำว่า share แบบแข็ง เช่น เราสองคนแบ่งเหรียญห้าบาทกัน
• แบบแข็ง ช่วยให้เข้าใจการกระทำร่วมกัน
• ดังนั้น มักใช้คำ”ความตั้งใจแบบมีส่วนร่วมกัน” (shared intention) แบบแข็งสลับกับคำว่า “ความตั้งใจร่วม”
collective intention
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 7 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 8
7 8
9 10
11 12
2
31/10/2022 R
แต่การปฏิเสธทัศนะแบบเครื่องมือ ไม่จำเป็นต้องหมายความว่า
1. The literal view
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 13 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 14
13 14
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 15 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 16
15 16
17 18
3
31/10/2022 R
• คำอธิบายแบบผลรวม • ใน “Collective Intentions and Actions” 1990 / The Construction of Social Reality
• มอบความเชื่อให้กลุ่ม G ได้ว่าเชื่อ p เมื่อก็ต่อเมื่อ จำเป็นทางมโนทัศน์ (conceptually necessary) ที่สมาชิก • Searle ใช้คำอธิบาย ci แบบ non-summative แต่เป็นคำอธิบายแบบปัจเจก(individualistic)
กลุ่มโดยมากเชื่อว่า p • เงื่อนไขของการมีความตั้งใจร่วมได้แก่
• แข็งไป เพราะ • 1. เงื่อนไขแบบ individualism
• อาจมีกรณีที่ไม่มีสมาชิกคนใดเลยมีความเชื่อแบบเดียวกับที่กลุ่มเชื่อ • ต้องประกอบด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าสังคมไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนแต่ละคนที่ประกอบเป็นสังคม
• ความรู้สึกตัว (consciousness) และสภาวะจิตเกาะเกี่ยว เป็นจิตของแต่ละคน ของสมองแต่ละคน
• เช่นกลุ่มนักการเมืองกลุ่มหนึ่งไม่ได้เชื่อโดยส่วนตัวว่า การทำแท้งควรผิดกฎหมาย แต่เพราะมีแรงกดดันจากสภา • (we-intention อยู่ในสมองของคนแต่ละคน)
จึงได้เลือกโหวตให้ผิดกฎหมาย การมอบความเชื่อให้กลุ่มนักการเมืองอาจทำโดยดูที่การโหวต และเราก็ยังมอบ
ความเชื่อนั้นให้กลุ่มนักการเมืองอยู่ดีแม้จะไม่มีนักการเมืองคนใดเชื่อโดยส่วนตัวว่าควรผิดกฎหมาย • 2. เงื่อนไขแบบ atomism
• ต้องเข้าได้กับข้อเท็จจริงที่ว่าสภาวะจิตเกาะเกี่ยวทุกสภาวะสามารถเกิดขึ้นได้กับสมองในถัง (brain in a
vat)
• สภวาะจิตเกาะเกี่ยวไม่ว่าจะเป็นของปัจเจกหรือของกลุ่ม มีอยู่โดยไม่ขึ้นกับโลกความเป็นจริง เพราะเป็นไปได้
ที่จะเราจะผิดพลาดได้อย่างสิ้นเชิง (radically mistake = แม้คนอื่นจะเป็นแค่ภาพมายา หรือแม้ว่าเราจะ
ประสาทหลอน hallucinate หรือเป็นแค่สมองในถัง)
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 19 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 20
19 20
21 22
Non-Summative Account
คำตอบของเซิร์ล Michael Bratman (content account)
• ปัญหาที่เกิดกับทฤษฎีของเซิร์ล แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าความตั้งใจของแต่ละคนจะเป็นส่วนสำคัญของ collective
intentions แต่ก็ต้องมีความเชื่อมโยงกัน
• บอกความแตกต่างได้ระหว่างกรณีที่ดูเหมือนมี collective intention กับที่ไม่มี โดยดูจากสิ่งที่คนทำ
• แบรทแมน เสนอคำอธิบายความตั้งใจร่วมด้วย
• แต่ปัญหา • ความตั้งใจของการมีส่วนร่วมของปัจเจกและความสัมพันธ์ต่อกัน (interrelations)
• ถ้าการมี “ความตั้งใจ-เรา” แบบอยู่คนเดียวเป็นไปได้ ก็หมายความว่าคนอื่นไม่มีทางรู้ว่าคนอื่นมี we-intentions
หรือไม่ • Bratman ใช้คำว่า shared intention มากกว่าคำว่า collective intention แต่ใช้ในความหมายของ shared แบบ
แข็ง ดังนั้นจึงมีความหมายเดียวกันกับ “collective”
• ดังนั้น ก็เป็นไปได้ว่าการที่คนอื่นทำอะไรเหมือนเรา อาจเป็นเพียงความบังเอิญ ไม่ใช่ความตั้งใจร่วมจริง
• การใช้คำว่า share แบบอ่อน เช่น เราสองคนมีเหรียญห้าบาทในกระเป๋า อาจพูดได้ว่าเราต่างมีส่วนเป็นเจ้าของ
เหรียญห้าบาทด้วยกันทั้งคู่
• แบบอ่อน ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจว่าคนกระทำการร่วมกันได้อย่างไร
• การใช้คำว่า share แบบแข็ง เราสองคนแบ่งเหรียญห้าบาทกัน (we share a quarter between us)
• แบบแข็ง ช่วยให้เข้าใจการกระทำร่วม ดังนั้น ใช้คำ shared intention แบบแข็งสลับกับ collective
intention
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 23 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 24
23 24
4
31/10/2022 R
ข้อเสนอของแบรทแมน
บทบาทของความตั้งใจร่วม ความตั้งใจร่วมเป็นความตั้งใจของใคร ?
• 1. ความตั้งใจร่วม ช่วยประสานการกระทำตามความตั้งใจของเรา
• เช่นการมีความตั้งใจร่วมที่จะล้างจาน จะเป็นตัวนำการกระทำของเราแต่ละคน เพื่อไปสู่เป้าหมายการล้างจาน เช่นคนหนึ่ง • ความตั้งใจร่วม
อาจทำหน้าที่ล้างจานก่อนใส่น้ำยา อีกคนทำหน้าที่ใส่น้ำยาแล้วล้างน้ำ • ไม่ใช่ความตั้งใจของผู้กระทำการแบบพหูพจน์ (plural agent)
• 2. ความตั้งใจร่วมช่วยประสานการกระทำของเราโดยเป็นตัวรับประกันว่าแผนการส่วนตัวของเราจะรวมกันได้ • และไม่ใช่เป็นของปัจเจกคนเดียว
• เช่นถ้าฉันวางแผนจะเป็นคนล้างจาน ก็ต้องเช็คดูว่าแผนของเธอเป็นอย่างไร ขัดแย้งกันหรือไม่
• 3. ความตั้งใจร่วม เป็นเหมือนฉากหลังทีท่ ำให้เกิดการต่อรองและการประนีประนอม
• ความตั้งใจร่วม = กลุ่มของสภาวะการณ์ประกอบด้วยสภาวะความตั้งใจของปัจเจกแต่ละคนที่เชื่อมโยงกัน
• ความขัดแย้งว่าใครจะทำหน้าที่อะไร จะหมดไปถ้าเรามีความตั้งใจร่วมว่าจะล้างจาน ดังนั้น ความตั้งใจร่วมเป็นตัวหลอม • เราตั้งใจล้างจาน เมื่อก็ต่อเมื่อ
รวมและประสานการกระทำตามความตั้งใจของปัจเจกเข้าด้วยกันโดยดูที่เป้าหมายของแต่ละคน • 1.(a) ฉันตั้งใจว่าเราล้างจาน
• ดังนั้นต่างจากทฤษฎีของเซิร์ล • 1.(b) เธอตั้งใจว่าเราล้างจาน
• ความตั้งใจร่วม ไม่ใช่แบบต่างคนต่างมีความตั้งใจ (ไม่ใช่แบบ individualistic)
• 2. ฉันตั้งใจว่าเราล้างจานและเพราะ 1 (a)และ (b)
• และไม่ใช่แบบระดับอะตอม ที่มองว่าเราแต่ละคนต่างมี we-intention ที่จะล้างจาน (อยู่คนเดียวก็มีความตั้งใจ-เรา ที่จะ
ล้างจานได้ !) • 3. เรามีความรู้ร่วมกันว่า (1) และ (2)
• การบังเอิญมี “ความตั้งใจแบบเรา”ตรงกัน ไม่ได้เป็นตัวรับประกันว่าเราจะล้างจานร่วมกัน
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 25 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 26
25 26
ปรับคำอธิบาย คำอธิบายแบบเซิร์ลและแบรทแมน
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 27 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 28
27 28
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 29 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 30
29 30
5
31/10/2022 R
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 31 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 32
31 32
2.บทนำ การเดินด้วยกัน
เงื่อนไขทางตรรกะครบถ้วนของการเดินไปด้วยกัน
• การเดินด้วยกันหมายความว่าอะไร ความเป็นไปได้สองแบบ
• 1. การวิเคราะห์แบบอ่อน (weak shared personal goal analysis)
• คนสองคนต่างมีเป้าหมายของตนเองตรงกัน - คนสองคนเดินมาขนาบข้างกันมา ต่างคนต่างมีเป้าหมายว่าจะ 1. พยายามเดินข้างๆกัน ไม่ใช่เดินล้ำหน้า
เดินคู่กันไป 2. ถ้าฝ่ายหนึ่งเดินล้ำหน้าไปมาก อีกคนมีสิทธิตำหนิ ท้วงติง อีกฝ่าย (entitlement to rebuke)
• แต่การที่แต่ละคนมีเป้าหมายที่จะเดินขนาบข้างกันไป ยังไม่เพียงพอทางตรรกะที่จะเรียกว่าเป็นการเดินด้วยกัน 3. สิทธิที่จะตำหนิท้วงติง แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่มีพันธะ (obligation) ที่จะสังเกตเห็นการตำหนิและกระทำการแก้ไข
เพราะเป็นไปได้ว่าต่างคนต่างไม่รู้เป้าหมายของอีกคน
• 2. การวิเคราะห์แบบแข็ง (strong shared personal goal analysis) - ทั้งคู่มีสิทธิ(rights) ที่จะใส่ใจอีกคนและแก้ไขการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
• เป้าหมายของแต่ละคนต้องเปิดเผยออกมาชัดเจน ดังนั้น การเดินด้วยกัน ทั้งคู่ตระหนักว่าตนเองมีพันธะและมีสิทธิ
• ทั้งเพียงพอและจำเป็นทางตรรกะที่การเดินด้วยกัน ทั้งสองคนต้องมีความรู้ร่วม (common knowledge)
• Lewis “Convention”
• แต่แม้ต่างคนจะรู้เป้าหมายของอีกคนว่าต้องการเดินด้วยกัน แต่ก็สามารถไม่รับพันธะและความชอบธรรมที่จะ
ตำหนิกันได้ (obligation &entitlement to rebuke)
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 33 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 34
33 34
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 35 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 36
35 36
6
31/10/2022 R
3. เดินด้วยกัน : โครงร่างคำอธิบาย
ความเป็นไปได้ของที่มาของสิทธิและพันธะ
• การเดินด้วยกัน = ต่างคนต่างต้องแสดงความเต็มใจที่จะบรรลุเป้าหมายให้เป็นที่ยอมรับโดยตัวเองและอีกคนร่วมกัน
• 3. การสื่อสารเป้าหมายด้วยภาษาในพื้นที่สาธารณะ = ต้องแสดงความเต็มใจที่จะประกอบกันขึ้นเป็นองค์ประธานพหูพจน์ (plural subject) ของเป้าหมายว่าจะเดินไป
• Charles Taylor - ความรู้ร่วมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงระหว่างคนสองคน ยังไม่เท่ากับเป็นเรื่องระหว่างเรา (entre ด้วยกัน
nous) เพราะความรู้นนั้ ยังไม่ได้อยู่ในพื้นที่สาธารณะ • เงื่อนไขเพียงพอของการเป็น plural subject = การแสดงความเต็มใจว่าจะเดินด้วยกันภายใต้เงื่อนไขของความรู้
• เมื่อข้อเท็จจริงนั้นถูกสื่อสารออกมาโดยการใช้ภาษา ถึงจะเป็นเรื่องระหว่างเราในพื้นที่สาธารณะ ร่วมกัน
• กิลเบอร์ตแย้ง แม้จะประกาศออกมาเป็นกฎ เช่นว่า “ฉันตั้งใจทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อบรรลุให้เป้าหมาย เช่นถ้าเธอเดิน • ถ้าเกิดขึ้น จะเกิดพันธะและสิทธิที่จะตำหนิกันและคาดหวังได้ว่าทั้งคู่รู้ด้วย
ล้ำหน้าไปมาก ฉันจะตะโกนเรียก เป้าหมายของเธอ จะทำให้ฉันบรรลุเป้าหมายของฉัน”
• แม้การประกาศนี้จะทำให้เกิดสิทธิที่จะคาดหวัง (entitled to expect) เช่นว่าคนหนึ่งจะตะโกนเรียกถ้าอีกล้ำหน้า
ไปมาก และอีกคนก็มีสิทธิคาดหวังว่าอีกคนจะไม่แปลกใจที่ได้ยินอย่างนั้น
• แต่การพูดว่ามีสิทธิที่จะคาดหวัง เป็นเพียงการพูดอีกแบบว่าภายใต้เงื่อนไขปกติ ทั้งคู่สามารถอนุมานการกระทำ
บางอย่างว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่มีพันธะที่จะกระทำหรือสิทธิที่จะตำหนิอยู่ดี
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 37 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 38
37 38
เนื้อหาของภาระผูกพันเป็นอย่างไร
มโนทัศน์ขององค์ประธานพหูพจน์
• บ่อของเจตจำนงในฐานะที่เป็นหนึ่งเดียว ต้องอุทิศให้เป้าหมาย
• 1. ความเป็นองค์ประธานพหูพจน์ (plural subjecthood)
• = แต่ละคนต้องกระทำการในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของบุคคลเดียวกัน (a single person) หรือประธานของการกระทำ
• เมือ่ เป้าหมายมีประธานเป็นพหูพจน์ ภายใต้เงื่อนไขที่สมาชิกมีความรู้ร่วมกันถึงเป้าหมายของคนอื่น เขาก็จะเสนอ เพื่อเป้าหมายที่มี
เจตจำนงของเขาให้เป็นส่วนหนึ่งของบ่อแห่งเจตจำนง (part of a pool of wills)
• = ทั้งคู่ต้องกระทำการราวกับเป็นสมาชิกของร่างๆเดียว (a single body) ร่างที่ประกอบด้วยคนสองคน
• บ่อนี้เป็นตัวเชื่อมโยงกลุ่มของปัจเจกเข้าด้วยกันเพื่อประกอบกันเป็น เจตจำนงพหูพจน์ (plural will) ที่เป็นหนึ่งเดียว • จะทำให้เกิดความรับผิดชอบและสิทธิ (rights) ที่ชัดเจน
อุทิศต่อเป้าหมายเฉพาะ
• เมื่อเกิดการแลกเปลี่ยนความคิด ก็เกิดภาระผูกพัน (commitment)
• ภาระผูกพัน = ไม่มีใครสามารถปลดปล่อยคนใดคนหนึ่งออกจากภาระผูกพันนี้ แต่ละคนมีพันธะต่อกันที่จะกระทำการ
แต่ละคนมีสิทธิ (entitle) ที่จะกระทำการ
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 39 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 40
39 40
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 41 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 42
41 42
7
31/10/2022 R
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 43 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 44
43 44
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 45 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 46
45 46
คำอธิบายแบบองค์ประธานพหูพจน์ไม่แคบเกินไป มีข้อกังวลสองข้อ
สรุป คำอธิบายแบบองค์ประธานพหูพจน์
1. อาจสงสัยว่าในทุกกลุ่มสังคม มีหลักการ ความเชื่อ เป้าหมาย ร่วมจริงหรือ เช่น USA คนอเมริกันทุกคนประกอบเป็น
ประธานพหูพจน์กับคนอเมริกันคนอื่นไหม
• หรือเรียกได้ไหมว่า USA เป็นตัวอย่างของกลุ่มสังคม • การเดินด้วยกันเป็นการสร้างประธานพหูพจน์
• คนมักคิดว่าชาติเป็นตัวอย่างของกลุ่มสังคม แต่ไม่ชัดเจนว่าเราจะคิดถึงคนอเมริกันทุกคนว่าเป็นชาติ จะเป็นตัวอย่าง • ตามปกติเข้าใจกันว่ากลุ่มสังคม หมายถึงตัวอย่างเช่นครอบครัว สมาคม เผ่าชาติพันธ์
ของกลุ่มสังคม เพราะประชากรอเมริกันไม่ได้เข้าเงื่อนไขของกลุ่มสังคม แต่ก็ไม่ว่าจะเข้าหรือไม่ก็ไม่ได้ล้มคำอธิบายว่า • แต่มโนทัศนกลุ่มสังคม = มโนทัศน์ของประธานพหูพจน์
กลุ่มสังคมคือประธานพหูพจน์
2. อาจมีข้อสงสัยว่าคำอธิบายของกิลเบอร์ตอาจใช้ไม่ได้กับกลุ่มที่เป็นชนชั้นทางเศรษฐกิจ เช่นกลุ่มคนงานกรรมการ • และเป็นหัวใจสำคัญของการบรรยายชีวิตทางสังคมของมนุษย์
blue-collar workers ในบางสังคม แน่นอนกลุ่มนี้ไม่ใช่ plural subject เสมอไป แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งกับคำอธิบายแบบ ps • เป็นตัวนำทางให้กับชีวิต ในชาติ ในคลับ ในครอบครัวและแม้แต่ในการเดิน
ตามปกตินักสังคมวิทยาและสังคมศาสตร์อื่นๆก็มักไม่รวมเอาชนชั้นทางเศรษฐกิจเป็นกลุ่มสังคม แม้จะสำคัญ แต่ถ้าการ
พูดถึงชนชั้นจะเป็นการสร้างประธานพหูพจน์ ก็นับได้ว่าเป็นกลุ่มสังคม
• กลุ่มสังคมคือประธานพหูพจน์
• สรุป การเดินด้วยกันเป็นการสร้างประธานพหูพจน์ และมโนทัศน์ของกลุ่มสังคม ที่ตามปกติคิดถึงตัวอย่างเช่น • การเดินด้วยกันเป็นการสร้างประธานพหูพจน์
ครอบครัว สมาคม เผ่าชาติพันธ์ ก็เป็น มโนทัศน์ เดียวกันกับมโนทัศน์ของประธานพหูพจน์ และเป็นหัวใจสำคัญของ
การบรรยายชีวิตทางสังคมของมนุษย์ เป็นตัวนำทางให้กับชีวิต ในชาติ ในคลับ ในครอบครัวและแม้แต่ในการเดิน • -------------------
• ดังนั้น การเดินด้วยกันเป็นกลุ่มสังคม
10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 47 10/31/22 Kanit M.Sirichan/ Philosophy of Social Science 48
47 48
8
31/10/2022 R
• “It can be seen that there is a misunderstanding here from the mere fact that in the course of our
argument we give on interpretation after another; as if each one contented us at least for a moment,
until we thought of yet another standing behind it. What this shews is that there is a way of grasping
a rule which is not an interpretation, but which is exhibited in what we call ”obeying the rule” and
“going against it” in actual cases.”
49