Professional Documents
Culture Documents
รายงานเล่มจริง
รายงานเล่มจริง
รายงานเล่มจริง
บทนำ
1.1 ความเป็ นมาและความสำคัญของปัญหา
โรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลเป็ นโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุ ขหรื อองค์กร
ปกครองส่ วนท้องถิ่นที่มีความสามารถระดับปฐมภูมิ ได้รับการยกระดับเป็ นสถานีอนามัยหรื อศูนย์
สุ ขภาพชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่ งได้รับจัดสรรงบประมาณ
ตามแผนปฏิบตั ิการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2555 หมายถึงเป็ นสถานพยาบาลที่ดูแลตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้ง
การตรวจสุ ขภาพเบื้องต้น ฝากครรภ์ และสร้างภูมิคุม้ กันโรค นอกจากนี้ ยงั เป็ นแหล่งฝึ กงานที่สำคัญ
สำหรับสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ( นพ.ชูชยั ศุภวงศ์ , นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ , พญ.ลัดดา ดำริ
การเลิศ , พญ.สุ พตั รา ศรี วณิ ชากร , นพ. เกษม เวชสุ ทรานนท์ และ นพ. ศุภกิจ ศิริลกั ษณ์ ,2552 )
โรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลเป็ นสถานพยาบาลขนาดเล็กกว่าที่อื่นและสามารถรองรับผูป้ ่ วย
ได้ครั้งละจำนวนจำกัด บางคนจึงต้องทำงานโรงพยาบาลระดับอำเภอซึ่ งครอบคลุมทุกอำเภอในพื้นที่
อย่างไรก็ตามประชาชนในชนบทและรอบกรุ งเทพมหานครยังคงใช้บริ การโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพ
ตำบลจนกลายเป็ นส่ วนหนึ่งของชุมชน และบ่อยครั้งที่ผคู ้ นเรี ยกพนักงานที่ท ำงานในโรงพยาบาลเหล่านี้
ว่า "หมออนามัย" แม้วา่ จะไม่มีกฎหมายวิชาชีพรองรับการทำงานก็ตาม (ยกเว้นพยาบาลและแพทย์ที่มา
ตรวจคนไข้เป็ นครั้งคราว) อุปสรรคสำคัญของการพัฒนาโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบล คือ การขาด
ความชัดเจนในระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร คุณสมบัติ และขอบเขตของงาน อีกทั้งการ
สร้างเครื อข่ายกับองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่น (อปท.) และโรงพยาบาลที่พร้อมจะส่ งต่อผูป้ ่ วยไปยังโรง
พยาบาลอำเภอและโรงพยาบาลศูนย์ได้อย่างรวดเร็ วยังทำได้ยาก หากมีอาการหนักจะรับการรักษาใน
โรงพยาบาลที่มีความพร้อม (สรวัชร์ สุ ดแก้ว ,2563 )
จากพัฒนาการของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลที่กล่าวมา แต่เดิมเคยเป็ นส่ วนหนึ่งของ
ระบบสุ ขภาพไทยในลักษณะทางเลือกที่ช่วยสนับสนุนการให้บริ การของโรงพยาบาลอำเภอ ต่อมามีการ
ปรับปรุ งการให้บริ การ ทำให้ประชาชนในชุมชนเริ่ มมาใช้บริ การโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลมาก
ขึ้น เพราะมีความคุน้ เคยและใกล้ชิดมากกว่าโรงพยาบาลอำเภอ ดังนั้นการแก้ไขปั ญหาและการพัฒนา
รพ.สต.ให้มีคุณภาพและมีความพร้อมด้านบุคลากร จะทำให้โรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลเป็ นหลัก
ของการให้บริ การด้านสุ ขภาพอนามัยของชุมชน ซึ่ งช่วยลดภาระโรงพยาบาลอำเภอและโรงพยาบาล
ศูนย์ได้อย่างมากที่สำคัญคือการบำบัดรักษาและการดูแลสุ ขภาพมิให้เกิดการเจ็บป่ วย หรื อรักษาพยาบาล
เสี ยแต่แรก ย่อมเป็ นประโยชน์ต่อระบบสุ ขภาพไทยทั้งในปั จจุบนั และอนาคต เนื่องจากโรงพยาบาลส่ ง
เสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อเป็ นที่พ่ งึ หลักของคนในชุมชน เพื่อทราบถึงคุณภาพการให้บริ การโดยหวัง
ว่าจะได้น ำข้อมูลจากผลงานการ ศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพเพื่อประโยชน์ของประชาชนและ
พัฒนาหน่วยงานบริ การต่อไป( นพ.ชูชยั ศุภวงศ์ , นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ , พญ.ลัดดา ดำริ การเลิศ ,
พญ.สุ พตั รา ศรี วณิ ชากร , นพ. เกษม เวชสุ ทรานนท์ และ นพ. ศุภกิจ ศิริลกั ษณ์ ,2552 )
1.2 วัตถุประสงค์ ของการศึกษา
เพื่อศึกษาความพึงพอใจการบริ การของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพแม่นาเรื อที่
ให้บริ การแก่บุคคลทุพพลภาพ ผูส้ ูงอายุ บุคคลทัว่ ไป
เพื่อศึกษาความต้องการของผูร้ ับบริ การหรื อข้อเสนอแนะ
ความพึงพอใจการบริ การหลัก 5A
1.ความพอเพียงของสถานที่
สถานะ หมูท่ ี่อาศัย
2.สถานที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
เพศ ช่วงอายุ
3.สะดวกเมื่อใช้บริ การ ขั้นตอนไม่ยงุ่ ยาก
อาชีพ
4.ผูร้ ับบริ การมีความสามารถในการจ่ายค่า
บริ การ
5.ยอมรับคุณภาพความสามารถของบุคลากร
ภาพประกอบที่ 1.1 กรอบแนวคิดที่ใช้ศึกษา
1.4 สมมติฐานการวิจัย
ผูร้ ับเข้าบริ การโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อที่มีสถานะที่มีสถานะ หมู่ที่อาศัย
เพศ ช่วงอายุ และอาชีพที่แตกต่างมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
1.6 ขอบเขตการวิจัย
ขอบเขตด้ านเนือ้ หา
จากการศึกษาเรื่ อง การบริ การของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อ ในครั้งนี้
ทำเป็ นเชิงสำรวจ สอบถามและทำแบบประเมินความพึงพอใจโดยใช้ทฤษฎีจากหลัก 5A
ตัวแปรต้น ได้แก่ สถานะ หมู่ที่อาศัย เพศ ช่วงอายุ และอาชีพ
ตัวแปรตาม ได้แก่ ความพึงพอใจต่อการรับบริ การ
ขอบเขตด้ านพืน้ ที่
จากการวิจยั ครั้งนี้จะครอบคลุมพื้นที่ที่โรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อ หมู่ 9,
ตำบลแม่นาเรื อ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เป็ นฝ่ ายรับผิดชอบจาก 11 หมู่เราจะทำการสุ่ ม
มา 4 หมู่ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 242 คน คิดเป็ น 70% จากตารางสุ่ ม krejcie & morgan 1970
ขอบเขตด้ านระยะเวลา
21 ธันวาคม 2565 – 21 กุมภาพันธ์ 2566
ลงพื้นที่เก็บข้อมูลตัวอย่าง : 18 มกราคม 2566 – 9 กุมภาพันธ์ 2566
ตารางที่ 1 แผนการดำเนินงาน (Gantt Chart)
กิจกรรม วัน/เดือน/ปี
จัดทำโครงร่ างรายงาน 21 ธันวาคม 2565 - 13 มกราคม 2566
จัดทำแบบสอบถาม 14 มกราคม 2566 - 16 มกราคม 2566
ลงพื้นที่เก็บข้อมูล 18 มกราคม 2566 - 9 กุมภาพันธ์ 2566
รวบรวมข้อมูล 10 กุมภาพันธ์ 2566 - 12 กุมภาพันธ์ 2566
วิเคราะห์และสรุ ปข้อมูล 13 กุมภาพันธ์ 2566 - 17 กุมภาพันธ์ 2566
จัดทำรู ปเล่มรายงาน 18 กุมภาพันธ์ 2566 - 20 กุมภาพันธ์ 2566
1.7 คำนิยายศัพท์ เฉพาะ
การบริการ หมายถึง บริ การ หมายถึง การดำเนินการที่ช่วยตอบสนองความต้องการของบุคคลหรื อ
องค์กร เมื่อคนหรื อองค์กรมีความพึงพอใจในบริ การก็จะนำไปสู่ ความสำเร็ จได้ การบำเพ็ญประโยชน์
สามารถเกิดขึ้นได้ในครอบครัว เพื่อน และในสังคมที่กว้างขึ้น ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดความพึงพอใจและ
ออกแบบมาเพื่อให้เกิดความสุ ข
บริการทางสุ ขภาพ หมายถึง การให้บริ การทางการแพทย์และสาธารณสุ ขในรู ปแบบต่างๆเพื่อ
เป็ นการแก้ไขปัญหาและความต้องการของประชาชนในเรื่ องสุ ขภาพอนามัยและเป็ นการยกระดับ
สุ ขภาพอนามัยของประชาชนให้อยูบ่ นรากฐานของการมีสุขภาพอนามัยที่ดี
สิ ทธิในการรับบริการทางสุ ขภาพ และสิ ทธิในการได้ รับการบริการ หมายถึง ประชาชนควรได้รับ
การดูแลที่จ ำเป็ นในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและดีปลอดภัยต่อสุ ขภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถเข้า
ถึงสุ ขภาพที่ดีได้ รัฐมีหน้าที่ตอ้ งจัดให้มี จัดทำแผนหรื อนโยบายที่เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าบริ การเหล่า
นี้จะพร้อมใช้งานโดยเร็ วที่สุดและสามารถประสบความสำเร็ จได้
คุณภาพการให้ บริการ หมายถึง มีคุณสมบัติสามารถจับต้องและไม่สามารถจับต้องได้ เป็ นการให้บริ การ
ที่มีคุณภาพตรงตามความคาดหวังของผูม้ าใช้และการให้บริ การที่มีคุณภาพตรงมาตรฐานตามหลักการ
บริ การ
บทที่ 2
แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
การศึกษาความพึงพอใจและข้อเสนอแนะจากการบริ การของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพ
ตำบลแม่นาเรื อ โดยรวมรวบแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการศึกษาข้อมูลได้
อย่างมีถูกต้องและประสิ ทธิภาพ มีขอ้ มูลดังนี้
2.1 ความหมายของบริ การ
2.2 แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2.3 แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับคุณภาพการบริ การ
2.1 ความหมายของบริการ
Kotler (1994) กล่าวไว้วา่ การบริ การ คือ การทำกิจกรรมหรื อการปฏิบตั ิร่วมกันเป็ น
กลุ่มๆ ขณะใดขณะหนึ่ง โดยการบริ การนั้นสามารถนำเสนอสิ่ งสำคัญที่มองไม่เห็นเป็ นตัวตน
และไม่มีผลในการเป็ นเจ้าของ ผลผลิตจากการบริ การสามารถเป็ นหรื อไม่เป็ นผลิตภัณฑ์กไ็ ด้
Max Waber (1996 ) ให้ความหมายเกี่ยวกับทักษะการบริ การ คือ การให้บริ การที่ก่อให้
เกิดประสิ ทธิภาพและเป็ นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุ ด โดยไม่ค ำนึงถึงตัวบุคคล การให้บริ การ
ควรปราศจากอารมณ์ไม่มี ความชอบพิเศษโดยส่ วนตัว ต้องมีการปฏิบตั ิให้เท่าเทียมกันตาม
เกณฑ์เมื่ออยูใ่ นสถานการณ์เดียวกัน
สมิต สัชกร (2543) บริ การ หมายถึง การให้การปฏิบตั ิ ให้ความสะดวกต่างๆ ปฏิบตั ิให้
กับผูร้ ับบริ การเพื่อสนองความต้องการและก่อให้เกิดความสะดวก
ดนัย เทียนพุฒ (2543) กล่าวไว้วา่ เป็ นการเข้าใจและสามารถตอบสนองความต้องการ
ของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม มีเป้ าหมายไปสู่ การบริ การที่เป็ นเลิศ
จิตตินนั ท์เดชะคุปต์ (2540) ให้ความหมาย การบริ การ ในที่น้ี มี 2 ฝ่ ายคือ เป็ นการกระทำ
ที่ก่อให้เกิดกิจกรรม การปฏิบตั ิท้งั ฝ่ ายเสนอขายและผูร้ ับมอบบริ การเป็ นกิจกรรมเพื่อให้เกิดการ
ตอบสนองและสร้างความพึงพอใจ การบริ การมีลกั ษณะที่ไม่มีรูปร่ างหรื อตัวตน เป็ นสิ่ งที่เสื่ อม
สูญสลายได้ง่ายโดยเราไม่สามารถจับต้องหรื อสัมผัสได้โดยแต่ละองค์กรมีการแข่งขันการ
บริ การด้วยกลยุทธ์ต่างๆ จากนั้นจะการนำเสนอและบริ การทั้งก่อนและหลังขายให้มี
ประสิ ทธิภาพเพื่อให้เป็ นตัวเลือกที่ดีในการบริ การ
บุษยมาศ แสงเงิน (2552) การกระทำโดยผูใ้ ห้บริ การก่อให้เกิดความสุ ข ความสบายใจ
ความพึงพอใจที่เปี่ ยมไปด้วยความปรารถนาดี ไม่เลือกปฏิบตั ิ มีท้ งั ผูใ้ ห้บริ การและผูร้ ับบริ การ
ความหมายกว้างๆ ของคำว่า “การบริ การ” ก็คือ การกระทำหรื อการปฏิบตั ิโดยดำเนิน
การอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อตอบสนองความต้องการของบุคคลหรื อองค์กร ต้องการสร้างพึงพอใจ
ให้กบั ตัวบุคคลหรื อองค์กรที่มีความต้องการ เนื่องจากผลสำเร็ จของการบริ การขึ้นอยูก่ บั “ความ
พึงพอใจ”ของผูร้ ับบริ การ เป็ นเรื่ องของ ความรู ้สึก การบริ การเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อตามสังคม โดย
สถาบันทางสังคมที่เล็กที่สุดในสังคมตั้งแต่ครอบครัว เพื่อนแล้วก็ขยายไปในสังคมที่กว้างขึ้น
การกระทำต่างๆสร้างขึ้นเพื่อก่อให้เกิดความสุ ขและความพึงใจ
3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่ าง
ประชากรในการศึกษาครั้งนี้ คือ ผูร้ ับบริ การของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อ หมู่
9 ตำบลแม่นาเรื อ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เนื่องจากทราบขนาดประชากรจะใช้สูตร krejcie &
morgan 1970 (อ้างอิงใน ธีรวุฒิ เอกะกุล 2543)
n = ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง
N = ขนาดของประชากร
e = ระดับความคลาดเคลื่อนของการสุ่ มตัวอย่างที่ยอมรับได้
x²= ค่าไคสแควร์ที่ df เท่ากับ 1 และมีระดับความเชื่อมัน่ 95% โดย ( x² = 3.841)
p = สัดส่ วนของลักษณะที่สนใจในประชากร (ถ้าไม่ทราบให้ก ำหนด p = 0.5)
จากตารางสำเร็ จรู ปของ krejcie & morgan 1970 หาขนาดของกลุ่มตัวอย่าง กำหนดสัดส่ วนโดยให้
ระดับความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ 5%และระดับความเชื่อมัน่ 95% โดยตารางสำเร็ จหาได้ต้ งั แต่ประชากร
และกลุ่มตัวอย่างตั้งแต่ 10 ขึ้นไป ดังนี้
ตารางที่ 2 ขนาดของกลุ่มตัวอย่างของ krejcie & morgan 1970
(ที่มา : Robert V. Krejcie and Earyle W. Morgan, 1970 อ้างใน ธี รวุฒิ เอกะกุล, 2543)
การลงพื้นที่สำรวจความพึงพอใจการให้บริ การของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่
นาเรื อ สำรวจความต้องการของผูร้ ับบริ การประสงค์ให้มีบริ การรู ปแบบใด จากประชากรจำนวน
3,500 คน จะได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 346 คนจากตารางสุ่ ม krejcie & morgan 1970
ตารางที่ 3
ข้ อมูลทั่วไป จำนวน (คน) ค่ าร้ อยละ
ผู้ตอบแบบสอบถาม (สถานะ)
ประชาชนทัว่ ไป 111 45.7
ผูท้ ุลพลภาพ 12 4.9
ผูส้ ู งอายุ 120 49.4
รวม 243 100
ที่อยู่
หมู่ที่ 1 60 24.7
หมู่ที่ 8 61 25.1
หมู่ที่ 9 62 25.5
หมู่ที่ 16 60 24.7
รวม 243 100
เพศ
ผูห้ ญิง 143 58.8
ผูช้ าย 100 41.2
รวม 243 100
อายุ
ต่ำกว่า 20 ปี 2 0.8
20-29 ปี 4 1.6
30-39 ปี 4 1.6
40-49 ปี 23 9.5
50-59 ปี 85 35
60 ปี ขึ้นไป 125 51.4
รวม
อาชีพ
นักเรี ยน,นักศึกษา 5 2
พนักงานหรื อลูกจ้างบริ ษทั 6 2.6
ค้าขาย/ประกอบธุรกิจส่ วนตัว 27 11.1
ข้าราชการ,พนักงานรัฐวิสาหกิจ 4 1.6
เกษตรกร,รับจ้างทัว่ ไป 124 51
ว่างานและรับเบี้ยยังชีพผูส้ ูงอายุ 77 31.7
รวม 243 100
ผู้ตอบแบบสอบถาม (สถานะ)
จากตารางที่ 3 กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 243 คน ส่ วนใหญ่เป็ นผูส้ ู งอายุจ ำนวน 120 คน คิดเป็ นร้อยละ
49.4 ประชาชนทัว่ ไปจำนวน 111 คน คิดเป็ นร้อยละ 45.7 และผูท้ ุลพภาพจำนวน 12 คน คิดเป็ นร้อยละ 4.9
ที่อยู่
จากตารางที่ 3 กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 243 คน ส่ วนใหญ่เป็ นประชาชนหมู่ที่ 9 จำนวน 62 คน คิดเป็ น
ร้อยละ 25.5 หมู่ที่ 1 จำนวน 60 คน คิดเป็ นร้อยละ 24.7 หมู่ที่ 8 จำนวน 61 คน คิดเป็ นร้อยละ 25.1 และหมู่ที่
16 มีจ ำนวน 60 คน คิดเป็ นร้อยละ 24.7
เพศ
จากตารางที่ 3 กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 243 คน ส่ วนใหญ่เป็ นผูห้ ญิงจำนวน 143 คน คิดเป็ นร้อยละ
58.8 และผูช้ ายจำนวน 100 คน คิดเป็ นร้อยละ 41.2
อายุ
จากตารางที่ 3 กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 243 คน ส่ วนใหญ่60 ปี ขึ้นไปจำนวน 125 คน คิดเป็ นร้อยละ
51.4 รองลงมา 50-59 ปี จำนวน 85 คน คิดเป็ นร้อยละ 35 ช่วงอายุ 40-49 ปี จำนวน 23 คน คิดเป็ นร้อยละ 9.5
ช่วงอายุ 30-39 ปี จำนวน 4 คน คิดเป็ นร้อยละ 1.6 ช่วงอายุ 20-29 ปี จำนวน 4 คน คิดเป็ นร้อยละ 1.6 และ
ช่วงอายุต ่ำกว่า 20 ปี จำนวน 2 คน คิดเป็ นร้อยละ 0.8 ตามลำดับ
อาชีพ
จากตารางที่ 3 กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 243 คน ส่ วนใหญ่อาชีพเกษตรกร,รับจ้างทัว่ ไป
จำนวน 124 คน คิดเป็ นร้อยละ 51 รองลงมาคือการว่างานและรับเบี้ยยังชีพผูส้ ูงอายุจ ำนวน 77
คน คิดเป็ นร้อยละ 31.7 อาชีพค้าขาย/ประกอบธุรกิจส่ วนตัวจำนวน 27 คิดเป็ นร้อยละ 11.1
อาชีพข้าราชการ,พนักงานรัฐวิสาหกิจจำนวน 4 คน คิดเป็ นร้อยละ 1.6 อาชีพพนักงานหรื อ
ลูกจ้างบริ ษทั จำนวน 6 คน คิดเป็ นร้อยละ 2.6 อนักเรี ยน,นักศึกษาจำนวน 5 คน คิดเป็ นร้อยละ 2
ด้ านกระบวนการให้ บริการ
จากตารางที่ 4 กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อการบริ การด้านกระบวนการให้
บริ การโดยรวยอยูร่ ะดับดีมาก โดยมีภาพรวมค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.53 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(SD) เท่ากับ 0.67 เมื่อพิจารณาเป็ นราย ข้อพบว่า การให้บริ การตามลำดับก่อน - หลังค่าเฉลี่ย (x̅)
เท่ากับ 4.63 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.569 ความเสมอภาคในการรักษาพยาบาลค่า
เฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.59 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.599 การได้รับการบริ การที่สะดวก
รวดเร็ วและชัดเจน ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.51 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.651 การได้
รับบริ การที่ตรงความต้องการ ถูกต้อง ครบถ้วน ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.56 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(SD) เท่ากับ 0.618 การได้รับบริ การที่สุภาพนุ่มนวล ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.47 ส่ วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.717 การมีส่วนในการตัดสิ นใจเลือกรับบริ การ วิธีรักษาพยาบาลและ
สามารถจ่ายค่าบริ การเมื่อเข้ารับบริ การ ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.48 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)
เท่ากับ 0.802 ท่านได้รับบริ การที่สะดวกรวดเร็ วปลอดภัย บริ การ ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.54 ส่ วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.723 ตามลำดับ
ส่ วนที่ 4 การทดสอบสมมติฐาน
ผูร้ ับเข้าบริ การโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อที่มีสถานะที่มีสถานะ หมู่ที่
อาศัย เพศ ช่วงอายุ และอาชีพที่แตกต่างมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
1.ผูร้ ับเข้าบริ การโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อที่มีสถานะที่แตกต่างกัน
มีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
H0 : สถานะที่แตกต่างกันมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ไม่ต่างกัน
H1 : สถานะที่แตกต่างกันมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
สำหรับสถิติที่ใช้วิเคราะห์สมมติฐานจะใช้การทดสอบค่า โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทาง
เดียว (One Way Analysis of Variance : One – Way ANOVA) ใช้ระดับความเชื่อมัน่ ร้อยละ 95
ดังนั้น จะ ปฏิเสธสมมติฐานหลัก (H) ก็ต่อเมื่อ Sig. (2 – tailed) มีค่าน้อยกว่า 0.05
ตารางที่ 5 วิเคราะห์สถานะของกลุ่มตัวอย่างต่อความพึงพอใจการรับบริ การ
ความพึงพอใจ แหล่งความ SS Df MS F Sig
โดยรวม แปรปรวน
ความพึงพอใจ ระหว่างกลุ่ม 1.53 2 0.76 2.637 0.74
การให้บริ การ
ของเจ้าหน้าที่
ภายในกลุ่ม 62.18 215 0.289
รวม 63.708 217
ความพึงพอใจ ระหว่างกลุ่ม 2.77 3 0.92 3.24 0.02
ต่อสถานที่
ที่ได้รับบริ การ ภายในกลุ่ม 60.93 214 0.29
รวม 63.70 217
ความพึงพอใจ ระหว่างกลุ่ม 9.88 8 1.23 4.765 น้อยกว่า
ต่อการได้รับ 0.01
บริ การ ภายในกลุ่ม 52.85 204 0.26
รวม 62.72 212
รวม ระหว่างกลุ่ม 5.325 5 1.07 1.13 0.35
ภายในกลุ่ม 199.5 212 0.94
รวม 204.8 217
จากตารางที่ 5 ผลการวิเคราะห์ความแตกต่างสถานะของกลุ่มตัวอย่างต่อความพึงพอใจ
การรับบริ การจําแนกตามถานะ มีค่า Sig. เท่ากับ 0.35 ซึ่งน้อยกว่า 0.05 คือ ปฏิเสธสมมติฐาน
หลัก (H) และยอมรับสมมติฐานรอง (H) หมายความว่า สถานะที่แตกที่ต่างกันมีความพึงพอใจ
ในการรับบริ การต่างกัน อย่างมีนยั สําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ต้ งั
ไว้
2.ผูร้ ับเข้าบริ การโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อที่มีหมู่ที่อาศัยที่แตกต่างกัน
มีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
H0 : หมู่ที่อาศัยที่แตกต่างกันมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ไม่ต่างกัน
H1 : หมู่ที่อาศัยที่แตกต่างกันมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
สำหรับสถิติที่ใช้วิเคราะห์สมมติฐานจะใช้การทดสอบค่า โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทาง
เดียว ( (One Way Analysis of Variance : One – Way ANOVA) ใช้ระดับความเชื่อมัน่ ร้อยละ 95
ดังนั้น จะ ปฏิเสธสมมติฐานหลัก (H) ก็ต่อเมื่อ Sig. (2 – tailed) มีค่าน้อยกว่า 0.05
ตารางที่ 6 วิเคราะห์หมู่ที่อาศัยของกลุ่มตัวอย่างต่อความพึงพอใจการรับบริ การ
ความพึงพอใจโดย แหล่งความ
รวม แปรปรวน SS Df MS F Sig
ความพึงพอใจการ ระหว่างกลุ่ม 0.99 2 0.496 1.31 0.271
ให้บริ การของเจ้า
หน้าที่ ภายในกลุ่ม 81.29 215 0.378
รวม 82.28 217
ความพึงพอใจต่อ ระหว่างกลุ่ม 1.12 2 0.56 1.64 0.20
สถานที่ ภายในกลุ่ม 73.71 215 0.34
ที่ได้รับบริ การ รวม 74.84 217
ความพึงพอใจต่อ ระหว่างกลุ่ม 2.79 2 1.396 4.19 0.016
การได้รับบริ การ
ภายในกลุ่ม 71.58 215 0.33
รวม 74.37 217
รวม ระหว่างกลุ่ม 8.68 5 1.74 1.44 0.21
ภายในกลุ่ม 255.81 212 1.20
รวม 264.50 217
จากตารางที่ 6 ผลการวิเคราะห์ความแตกต่างของหมู่ที่อาศัยต่อความพึงพอใจการรับ
บริ การจําแนกตามหมู่ที่อาศัย มีค่า Sig. เท่ากับ 0.21 ซึ่งน้อยกว่ากว่า 0.05 คือปฏิเสธสมมติฐาน
หลัก (H) และยอมรับสมมติฐานรอง (H) หมายความว่า หมู่ที่อาศัยแตกต่างกันมีความพึงพอใจ
ในการรับบริ การต่างกัน อย่างมีนยั สําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ต้ งั
ไว้
3.ผูร้ ับเข้าบริ การโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อที่มีเพศที่แตกต่างกันมีความพึง
พอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
H0 : เพศที่แตกต่างกันมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ไม่ต่างกัน
H1 : เพศที่แตกต่างกันมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
สำหรับสถิติที่ใช้วิเคราะห์สมมติฐานจะใช้การทดสอบค่า โดยใช้สถิติ (Independent Samples T
– test) ใช้ระดับความเชื่อมัน่ ร้อยละ 95 ดังนั้น จะปฏิเสธสมมติฐานหลัก (H) ก็ต่อเมื่อ Sig. (2 –
tailed) มีค่าน้อยกว่า 0.05
ตารางที่ 7 วิเคราะห์เพศของกลุ่มตัวอย่างต่อความพึงพอใจการรับบริ การ
ความพึงพอใจ เพศ N x̅ S.D T Df Sig
โดยรวม
ความพึงพอใจ หญิง 123 4.60 0.61 44.62 216 น้อยกว่า
การให้บริ การ ชาย 95 3.89 0.49 0.01
ของเจ้าหน้าที่
ความพึงพอใจ หญิง 123 4.59 0.58
ต่อสถานที่
ที่ได้รับ ชาย 95 3.68 0.49
บริ การ
ความพึงพอใจ หญิง 123 4.64 0.59
ต่อการได้รับ
บริ การ ชาย 95 3.71 0.49
ตารางที่ 11 ค่าความถี่จากข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะ ค่าความถี่
เสนอให้มีวคั ซีนป้ องกันโรคพิษสุ นขั บ้าใน 6
โรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อ
สิ ทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการ อยาก 12
ให้มีการเบิกได้ ณ ที่ที่ไปรักษา เนื่องจากบาง
คนไม่สะดวกสำรองจ่ายล่วงหน้า
บทที่ 5
บทสรุป
5.1 อภิปรายผล
จากการวิจยั เรื่ อง การบริ การของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อ มี
วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อศึกษาความพึงพอใจการบริ การของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพ
แม่นาเรื อที่ให้บริ การแก่บุคคลทุพพลภาพ ผูส้ ูงอายุ บุคคลทัว่ ไปและเพื่อศึกษาความต้องการของ
ผูร้ ับบริ การหรื อข้อเสนอแนะในจังหวัดพะเยา
การวิจยั การบริ การของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อเป็ นวิจยั เชิงปริ มาณ
และวิจยั เชิงคุณภาพ โดยมีจ ำนวนกลุ่มตัวอย่าง 346 คน จากการสำรวจเก็บข้อมูล 243 คน คิดเป็ น
70% จากกลุ่มตัวอย่าง โดยคณะผูว้ ิจยั ได้ต้ งั สมมติฐานดังนี้
1. ผูร้ ับเข้าบริ การโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อที่มีสถานะที่มีสถานะ หมู่ที่
อาศัย เพศ ช่วงอายุ และอาชีพที่แตกต่างมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
เครื่ องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาวิจยั เชิงสำรวจจะใช้แบบสอบถาม โดยมีรูป
แบบคำถามออกเป็ น 3 ส่ วนดังนี้
ส่ วนที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม เพศ ช่วงอายุ อาชีพ ที่อยู่
ส่ วนที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็น
ส่ วนที่ 3 แบบสอบถามความพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่และข้อเสนอแนะหรื อ
ข้อคิดเห็น
สถิติที่ใช้ศึกษา
สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) เป็ นการศึกษาและวิเคราะห์แบบสอบถาม
ใช้สถิติเบื้องต้น ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) ค่าเฉลี่ย
(Average) และหาค่าความถี่ (frequency)
สถิติเชิงอนุมาน(Inferential Statistics) ใช้เป็ นสถิติในการหาความสัมพันธ์ของ
ข้อมูลและ ทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ T-test, ANOVA
5.2 สรุปผลการวิจัย
ด้ านกระบวนการให้ บริการ
จากตารางที่ 4 กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อการบริ การด้านกระบวนการให้บริ การ
โดยรวยอยูร่ ะดับดีมาก โดยมีภาพรวมค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.53 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)
เท่ากับ 0.67 เมื่อพิจารณาเป็ นราย ข้อพบว่า การให้บริ การตามลำดับก่อน - หลังค่าเฉลี่ย (x̅)
เท่ากับ 4.63 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.569 ความเสมอภาคในการรักษาพยาบาลค่า
เฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.59 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.599 การได้รับการบริ การที่สะดวก
รวดเร็ วและชัดเจน ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.51 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.651 การได้
รับบริ การที่ตรงความต้องการ ถูกต้อง ครบถ้วน ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.56 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(SD) เท่ากับ 0.618 การได้รับบริ การที่สุภาพนุ่มนวล ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.47 ส่ วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.717 การมีส่วนในการตัดสิ นใจเลือกรับบริ การ วิธีรักษาพยาบาลและ
สามารถจ่ายค่าบริ การเมื่อเข้ารับบริ การ ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.48 ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)
เท่ากับ 0.802 ท่านได้รับบริ การที่สะดวกรวดเร็ วปลอดภัย บริ การ ค่าเฉลี่ย (x̅) เท่ากับ 4.54 ส่ วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 0.723 ตามลำดับ
ผลการทดลองสมมติฐาน
ผูร้ ับเข้าบริ การโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อที่มีสถานะที่มีสถานะ หมู่ที่
อาศัย เพศ ช่วงอายุ และอาชีพที่แตกต่างมีความพึงพอใจต่อการรับบริ การที่ต่างกัน
กลุ่มตัวอย่างที่มีสถานะแตกต่างกันมีความพึงพอใจในการรับบริ การต่างกัน อย่าง
มีนยั สําคัญทางสถิติ
กลุ่มตัวอย่างที่มีหมู่อาศัยแตกต่างกันมีความพึงพอใจในการรับบริ การต่างกัน
อย่างมีนยั สําคัญทางสถิติ
กลุ่มตัวอย่างที่มีเพศแตกที่ต่างกันมีความพึงพอใจในการรับบริ การต่างกัน อย่างมี
นัยสําคัญทางสถิติ
กลุ่มตัวอย่างที่มีช่วงอายุแตกต่างกันมีความพึงพอใจในการรับบริ การต่างกัน
อย่างมีนยั สําคัญทางสถิติ
กลุ่มตัวอย่างที่มีอาชีพที่แตกต่างกันมีความพึงพอใจในการรับบริ การต่างกัน
อย่างมีนยั สําคัญทางสถิติ
ตารางแบบสอบถามคิดเห็นส่ วนที่ 2
แบบสอบถาม ค่าความถี่ ร้อยละ ร่ มเย็น สงบ บริ การดี ใส่ ใจ ความเหมาะสม
การบริ การ 180 82.5% 165 0 0 165
ของ
รพ.สต.แม่นา
เรื อมีลกั ษณะ
ความคิดเห็น 212 97.25% 0 194 212 200
กับการให้
บริ การของ
เจ้าที่
คิดเห็น 214 98.17% 0 210 212 211
อย่างไรกับ
การให้บริ การ
5.3 ข้ อเสนอแนะ
เสนอให้มีวคั ซีนป้ องกันโรคพิษสุ นขั บ้าในโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อ
มีค่าความถี่ เท่ากับ 6 และสิ ทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการ อยากให้มีการเบิกได้ ณ ที่ที่ไป
รักษา เนื่องจากบางคนไม่สะดวกสำรองจ่ายล่วงหน้า มีค่าความถี่ เท่ากับ 12
จากส่ วนหน้าที่ของทางองค์การบริ หารส่ วนจังหวัดที่สามารถรับผิดชอบหรื อทำงาน
ดำเนินงานต่อไปได้น้ นั เป็ นข้อเสนอด้านวัคซีนป้ องกันโรคพิษสุ นขั บ้าในโรงพยาบาลส่ ง
เสริ มสุ ขภาพตำบลแม่นาเรื อ เนื่องจากทางองค์การบริ หารส่ วนจังหวัดมีภารกิจในการสนับสนุน
งบประมาณในเรื่ องของยาและเวชภัณฑ์
บรรณานุกรม (ตามรู ปแบบ APA)
รจนา ภู่มาลา. (2553). แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั การบริ การ. สื บค้น 21 ธันวาคม จาก
http://cms.dru.ac.th/jspui/bitstream/123456789/108/7/unit2.pdf
โรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพตำบล. (2552). คู่มือการให้บริ การของโรงพยาบาลส่ งเสริ มสุ ขภาพ
ตำบล. สื บค้น 21 ธันวาคม 2565 จาก
http://203.157.172.1/computer/web51v2/filenewspay/021109011051.pdf?
fbclid=IwAR1imOHIKmNjm5lcz36fS5x89sFYmPOXnD4JqtahvwBs7DyhEG90tnInulQ
 ° µ¤ ª µ¤ ¡ ¹ ¡ ° Ä
µ¦ ¦ ·µ¦
° æ ¡ ¥µµ¨ nÁ ¦ ·¤ »
£ µ¡ ¤nµÁ¦º°
° Ȩ́1
o° ¤¼¨É́ªÅεȨ̂¦ »µ µÎÁ¦ ºÉ° ®¤µ¥ ¦®ضº° Á
¥̧Á·¤ ¨ Än° ª µnȨ́´
Ū o
1. o¼ °  ° µ¤
( ) ¦ ³ µ ªÉ́Å ( ) ¼o »¨ ¡ ¨ £µ¡ ( ) ¼o¼°
µ¥»
2. Ȩ́°¥¼ n
( ) ®¤¼n Ȩ́1 ( ) ®¤¼n Ȩ́8
( ) ®¤¼n Ȩ́9 ( ) ®¤¼n Ȩ́10
3. Á¡ «
( ) ® · ( ) µ¥ ( ) LGBTQ +
4. ° µ¥»
( ) ɵΪ µn 20 ¸ ( ) 20-29 ¸
( ) 30-39 ¸ ( ) 40-49 ¸
( ) 50-59 ¸ ( ) 60 ¸
ʹÅ
5. ° µ¸¡
( ) ´ Á¦¸¥,´ «¹¬µ ( )
µo¦ µ µ¦ ,¡ ´µ¦ ´ª · µ®·
( ) ¡ ´ µ®¦ º° ¨ ¼µo ¦ ·¬ ´ ( ) Á¬
¦ ¦ ,¦ ´oµ ªÉ́Å
( ) µo
µ¥/¦ ³ ° »¦ · nª ª́ ( ) ° ºÉÇà ¦ ¦ ³ »..........................
° Ȩ́2  ° µ¤
ª µ¤
· Á®È
µ¦ ¦ ·µ¦
1. ° ¦ ¡ . .¤nµÁ¦º° ¤¸¨ ´ ¬³ £µ¡ ª ¨ °o ¤° ¥nµÅ¦
hhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhh.
2. nµ· Á®È° ¥nµÅ¦ ´µ¦ Ä®o¦ ·µ¦
° Áoµ®oµȨ́Ħ ¡ . .¤nµÁ¦º°
hhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhh.
3. nµ· Á®È° ¥nµÅ¦ ´µ¦ Ä®o¦ ·µ¦
° ¦ ¡ . .¤nµÁ¦º°
hhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhh
°o Á ° ³
h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h ..
h h hhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhhh.
h h ..h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h
h h ..h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h
h h ..h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h h