Professional Documents
Culture Documents
งานทั้งหมด
งานทั้งหมด
บทนำ
1.1 ควำมสำคัญของปัญหำ
เนื่ องจากปั จจุบ ันการไฟฟ้ าส่ วนภูมิ ภาค ได้มีการนาสายเคเบิล ใต้ดิน ( Underground
Cable ) มาใช้ในระบบจาหน่ายของการไฟฟ้าเป็ นจานวนมากขึ้นเรื่ อยๆเนื่องจากมีความปลอดภัยที่มี
มากกว่าสายเคเบิลอากาศ รวมทั้งทาให้ภูมิทศั น์ของเมืองนั้นๆมีความสวยงามมากขึ้นด้วยเนื่ องจาก
ไม่มีเสาไฟและสายไฟมาบดบังทัศนี ยภาพ และความมัน่ คงของระบบไฟฟ้าที่มีมากกว่าสายเคเบิล
อากาศด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการเชื่อมต่อกันระหว่างสายเคเบิลใต้ดินกับสายเคเบิลอากาศนั้น
ก็ยงั คงมีปัญหาเกิดขึ้นเนื่ องจากการเชื่ อมต่อนั้นใช้การเชื่อมกันด้วยหางปลาแล้วจึงใช้โบลท์กบั นัท
ยึดติดเข้าหากัน ซึ่ งสายเคเบิลใต้ดินจะใช้หางปลาทองแดงแต่ในส่ วนของสายเคเบิลอากาศนั้นจะใช้
หางปลาอลูมิเนี ยม ซึ่ งจุดต่อตรงนี้ เองที่เกิดปั ญหาทั้งการเกิดตะกรัน และความร้อนจึงทาให้ตอ้ งมี
การแก้ไขอยูบ่ ่อยครั้ง
1. เพื่อศึกษาปัญหาที่เกิดจากการเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้ดินกับสายเคเบิลอากาศที่เกิดจาก
สภาพแวดล้อมที่เป็ นมลภาวะ
2. หาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้ดินกับสายเคเบิลอากาศ
3. เพื่อนาผลที่เป็ นประโยชน์จากการศึกษาไปใช้กบั ระบบจาหน่ายของการส่ วนไฟฟ้า
ภูมิภาค
1.4 ขอบเขตโครงงำน
1. ศึกษาปัญหาที่เกิดจากการเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้ดินกับสายเคเบิลอากาศที่เกิดจาก
สภาพแวดล้อมที่เป็ นมลภาวะ
2. วิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุของปัญหาที่เกิดจากการเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้ดินกับสาย
เคเบิลอากาศ
3. นาตัวอย่างที่ทาการทดลองและติดตั้งนามาทดสอบหาค่าความต้านทานหน้าสัมผัส
เพื่อนาไปสู่ขอ้ สรุ ปของปัญหา
4. นาผลที่ได้ไปแก้ปัญหาจริ งต่อไป
1. สามารถเข้าใจปัญหาที่เกิดจากการเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้ดินกับสายเคเบิลอากาศได้
2. สามารถทราบสาเหตุของปัญหาที่เกิดจากการเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้ดินกับสายเคเบิล
อากาศได้
3. สามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้ดินกับสายเคเบิ ลอากาศ
ที่สามารถปฏิบตั ิได้จริ ง
3
บทที่2
ทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง
2.2.1. หำงปลำทองแดง
สารที่ทาปฏิกิริยา ลักษณะการเกิดปฏิกิริยา
ไนโตรเจน ไม่ทาปฏิกิริยา
2.2.2 หำงปลำอลูมิเนียม
สถานะ ของแข็ง
โครงสร้างผลึก Face-Centered Cubic
เลขอะตอม 13
มวลอะตอม 26.97กรัม/โมล
การจัดเรี ยงอิเล็กตรอน [Ne] 3s2 3p1
มีจุดเดือด 2450 ºC
จุดหลอมเหลว 660.2 ºC
ความจุความร้อนจาเพาะ 0.224cal/g ºC
ความร้อนในการหลอมละลาย (ที่ 20 ºC) 94.5 cal/g
12
สารที่ทาปฏิกิริยา ลักษณะการเกิดปฏิกิริยา
ไนโตรเจน ทาให้เกิดไนไตรด์ที่อุณหภูมิสูง
กามะถัน ไม่ทาปฏิกิริยา
กรดอินทรี ย ์ ไม่ทาปฏิกิริยา
ทนต่อปฏิ กิ ริย าของด่ างได้เล็ก น้อ ย สามารถ
ด่าง
ละลายได้ในสภาวะที่เป็ นด่างเข้มข้น
เกลือ เกิดปฏิกิริยากับเกลือได้ ทาให้เกิดการกัดกร่ อน
13
เส้นโค้ง A แสดงความสัมพันธ์ของความต้านทานผิวสัมผัสกับแรงกดที่ผิวสัมผัสเมื่อทา
การบีบอัดตัวต่อสาย จะเห็นว่าเมื่อแรงกดที่ผิวสัมผัสเพิ่มขึ้นความต้านทานผิวสัมผัสจะลดลงจนถึง
จุดๆ หนึ่ง(จุดD) และจะไม่ลดลงอีกแม้จะเพิ่มแรงกดมากขึ้นก็ตาม ในการต่อสายไฟฟ้าจึงต้องให้มี
แรงกดมากถึงจุด D และถ้าเพิ่มแรงกดมากขึ้นอีกก็จะไม่ทาให้ค่าความต้านทานผิวลดลงอีก
เส้นโค้ง B แสดงความสัมพันธ์ของความต้านทานผิวสัมผัสกับแรงกดที่ผิวสัมผัสเมื่อ
แรงบีบลดลงหรื อเกิดการคลายตัวของตัวต่อสาย ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ (สังเกตว่า เส้นโค้งจะไม่
ทับกับเส้นโค้ง A) ถ้าการคลายตัวทาให้แรงกดลดลงต่ ากว่าจุ ด C ค่าความต้านทานผิวสัมผัส จะ
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ ว ในการออกแบบตัวต่อสายจึงต้องไม่ทาให้การคลายตัวเนื่ องจาก Creep ลดลง
จนแรงกดต่ากว่าจุด Cในทางปฏิบตั ิ การกาหนดจุด C หรื อจุดที่จะไม่เกิด Creep อีกนั้นทาได้ยาก
เนื่ องจากเนื้ อโลหะมีความอ่อนตัวแม้ว่าค่าแรงบีบจะน้อยและอยู่ในอุณหภูมิห้องก็ตาม และโลหะ
ต่างชนิ ดกันก็ตอ้ งการแรงกดไม่เท่ากันเช่นทองแดงมีความแข็งมากกว่าอะลูมิเนียมจึงต้องการแรง
กดมากกว่า เพื่ อ ให้ถึ ง จุ ด ที่ ค าดว่า จะไม่เ กิ ด Creep อี ก ดัง นั้น การต่ อ ระหว่ า งตัว น าทองแดงกับ
อะลูมิเนียมจึงมีปัญหามาก
จากสาเหตุดงั กล่าวข้างต้นพอสรุ ปได้ว่า ตัวต่อสายจะต้องมีการออกแบบอย่างเหมาะสม
ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากลที่กาหนด การใช้งานจึงต้องเลือกให้เหมาะสมทั้งชนิ ด ขนาด
และแรงกดด้วย (กรณี ตวั ต่อสายเป็ นชนิ ดขั้นแน่นด้วยโบลท์แรงกดคือทอร์ คที่ใช้ขนั โบลท์ สาหรับ
ตัวต่อสายชนิ ดบีบด้วยเครื่ องมือแรงกดจะสัมพันธ์กบั ขนาดของหัวบีบที่เลือกใช้งาน) การไฟฟ้ า
ส่วนภูมิภาคจึงมีการกาหนดมาตรฐานดังตารางที่ 2.5
15
2.4.2 เกิดออกไซด์ที่ผิวสัมผัส[1]
ผิวของโลหะที่สัมผัสกับอากาศ (ออกซิ เจน) จะเกิดออกไซด์มีลกั ษณะเป็ นฟิ ล์มเคลือบ
อยู่ฟิล์มนี้ มี คุณสมบัติเป็ นฉนวนไฟฟ้ าทาให้เกิดความต้านทานที่ผิวสัมผัส ลักษณะของฟิ ล์มนี้ จะ
ขึ้นอยูก่ บั ชนิดของโลหะที่เป็ นตัวนา
- ทองแดงออกไซด์ เป็ นฟิ ล์มที่มองเห็นได้ดว้ ยสายตา มีสภาพอ่อนสามารถขจัดออกโดย
ใช้แรงกดเพี ย งไม่ ม าก นอกจากว่าผิวทองแดงจะมี ออกไซด์เกาะอยู่มากเกินไป จึ งต้องทาความ
สะอาดผิวก่อน โดยทัว่ ไปผิวทองแดงที่ขดั เพียงเล็กน้อยก็สามารถเป็ นผิวสัมผัสที่ดีได้ โดยทองแดง
ออกไซด์ เกิดขึ้นจากสมการปฏิกิริยา
4Al(s) + 3 O 2 (g) = 2 Al 2 O3
ดีบุก 11.5 10 −8
2.6 ศึกษำแนวทำงกำรแก้ไขปัญหำ
22 เควี 33 เควี
1 สายเคเบิลอากาศอลูมิเนียม - -
2 หลอดต่อสายชนิดบีบรับแรงดึงหรื อไม่รับแรง 1 1
ดึง สาหรับสายเคเบิลอากาศอลูมิเนียมขนาด 50-
185 ตารางมิลลิเมตร
ข้อดีของการเคลือบดีบุก
1. มีความต้านทานการกัดกร่ อน และไม่เป็ นสนิม
2. มีจุดหลอมเหลวต่า
3. ต้านทานการเสี ยดสี (friction)
4. เพิ่มความแข็งแกร่ งเมื่อผสมกับโลหะอื่น
5. จับผิวโลหะต่างๆได้ดี จึงนิยมใช้เคลือบโลหะ
นิกเกิล (Ni) คือธาตุที่มีหมายเลขอะตอม 28 และสัญลักษณ์คือ Ni อยูใ่ นตารางธาตุหมู่ 28
นิกเกิลเป็ นโลหะที่มีความมันวาวสี ขาวเงิน อยูก่ ลุ่มเดียวกับเหล็ก มีความแข็ง ตีเป็ นแผ่นได้
เลขอะตอม 28
32
ข้อดีของการเคลือบนิกเกิล
1.ป้องกันการกัดกร่ อนและการเกิดสนิม
2.ผิวงานไม่มีไฟฟ้าสถิต
- เคลือบหางปลาทองแดงด้วยนิกเกิลและหางปลาอลูมิเนียมด้วยนิกเกิล[6]การศึกษาเมื่อ
เร็ ว ๆ นี้ แสดงให้ เ ห็ น อย่ า งชัด เจนว่ า การเชื่ อ มต่ อ ที่ เ คลื อ บด้ ว ยนิ ก เกิ ล นั้ น เหนื อ กว่ า ในด้า น
ประสิ ทธิ ภาพของวัสดุการชุบอื่น ๆ ซึ่ งแสดงออกมาจากค่าความต้านทานหน้าสัมผัสที่ ดีภายใต้
เงื่อนไขการทดลองที่มีแบบจาลอง จากข้อมูลที่มีอยูน่ ิกเกิลดูเหมือนจะเป็ นวัสดุเคลือบผิวที่ใช้งานได้
จริ งมากที่สุดจากมุมมองทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการปรับปรุ งคุณสมบัติทางโลหะและที่สาคัญคือ
การเชื่อมต่อระหว่างอลูมิเนียมกับทองแดง ความเหนือกว่าของนิกเกิลต่อวัสดุเคลือบอื่น ๆ ได้รับการ
ยืนยันเมื่อเร็ ว ๆ นี้โดยการทดสอบในปัจจุบนั เกี่ยวกับบัสบาร์ทองแดงแบบดีบุก เงิน และชุบนิกเกิล
การเคลือบนิเกิลบนการเชื่อมต่อทองแดงมีเสถียรภาพที่ดีเยีย่ มและความต้านทานหน้าสัมผัสเริ่ มต้นมี
ค่ า ต่ า ประสิ ท ธิ ภาพที่ไ ม่ดีข องการเชื่ อมต่อ ของการเคลือบด้วยดี บุก และเงิน เกิดจากผลของการ
ขยายตัวทางความร้อนที่แตกต่างกันระหว่างพื้นผิวของอลูมิเนี ยมและทองแดงที่ส่งเสริ มการสู ญเสี ย
จุดสัมผัสอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าความไม่เสถียรของการเชื่อมต่ออลูมิเนียมสามารถลดลงอย่าง
มีนยั สาคัญโดยเทคโนโลยีที่พฒั นาขึ้นใหม่ของการชุบนิ กเกิลโดยตรง ผลของการทดสอบการวงจร
กระแสรุ นแรงแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพที่ยอดเยีย่ มของความต้านทานหน้าสัมผัสของอลูมิเนียมชุบ
33
บทที่ 3
วิธีกำรดำเนินกำรโครงงำน
3.1 วิธีดำเนินกำรทดลอง
3.3 สถำนที่กำรทดลอง
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง
บทที่ 4
ผลกำรทดลองและวิเครำะห์ ผล
4.1 ผลกำรทดลอง
4.1.1 ครั้งที่ 1
ประกอบหางปลาตามที่ออกแบบการทดลองไว้แล้ววัดค่าความต้านทานหน้าสัมผัสก่อน
นาไปติดตั้งบริ เวณสถานีไฟฟ้าเพชรบุรี 2 วันที่ 11 ธันวาคม 2561
4.1.2 ครั้งที่ 2
เก็บข้อมูลวันที่ 11 มกราคม 2562 ระยะเวลา 30 วัน
แบบมีการป้องกันจากสภาวะแวดล้อมโดย
24.8 *
วิธีการใช้ท่อหดความร้อน
4.1.3 ครั้งที่ 3
เก็บข้อมูลวันที่ 11 เมษายน 2562 ระยะเวลา 120 วัน
แบบมีการป้องกันจากสภาวะแวดล้อมโดย
30.4*
วิธีการใช้ท่อหดความร้อน
หลัง จากนั้นปล่ อยไว้ใ นสภาพเดิ ม จนครบ 120 วัน แล้วท าการวัดค่ า ความต้า นทาน
หน้าสัมผัสอิ กครั้ ง เราจะได้ค่าความต้า นทานหน้าสัม ผัสดัง นี้ กรณี ที่ 2 ( แบบมีการป้ องกันจาก
สภาวะแวดล้อมโดยวิธีการพันเทป ) จะมีค่าเพิม่ ขึ้นมาอยูท่ ี 52.33 หรื อเพิม่ ขึ้นมา 27.33 ซึ่ง
คิดเป็ น 109.32 เปอร์ เซ็นต์ เมื่อเทียบกับค่าความต้านทานหน้าสัมผัสในครั้งแรกที่ทาการติดตั้ง ใน
กรณี ที่ 3 ( แบบมีการป้ องกันจากสภาวะแวดล้อมโดยวิธีการใช้ท่อหดความร้อน ) จะมีค่าเพิ่มขึ้นมา
อยู่ที่ 30.4 หรื อ เพิ่มขึ้นมา 5.4 ซึ่งคิดเป็ น 21.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับค่าความต้านทาน
หน้าสัมผัสในครั้งแรกที่ทาการติดตั้ง โดยเมื่อเปรี ยบเทียบกับวิธีการที่ใช้อยู่ในปั จจุบนั คือวิธีที่ 1 (
แบบไม่มีการป้ องกันจากสภาวะแวดล้อม ) จะมี ค่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 89.26 หรื อเพิ่มขึ้น 64.26
ซึ่งคิดเป็ น 257.04 เปอร์เซ็นต์
บทที่5
สรุปอภิปรำยผลและข้ อเสนอแนะ
5.1 สรุปกำรดำเนินงำน
5.2 สรุปผลโครงงำน
5.3 อภิปรำยผล
5.4 ข้อเสนอแนะเพื่อดำเนินกำรและศึกษำครั้งต่อไป
ตามที่ ไ ด้ก ล่า วไว้ข ้า งต้นว่า การทดลองที่ ก าหนดได้พิ จารณาจากปั จจัย เดี ย วคื อ การ
ป้ องกันการเกิดออกไซค์โดยการป้ องกันไม่ให้โลหะ(อลูมิเนี ยม , ทองแดง) สัมผัสกับความชื้นและ
อากาศ ซึ่งเป็ นวิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรื อในกรณี ที่ยงั ไม่ได้เกิดปั ญหาที่บริ เวณนั้น
เพื่อเป็ นการชะลอให้จุดต่อบริ เวณนั้นสามารถใช้ได้ยาวนานกว่าที่ติดตั้งในปั จจุบนั ซึ่ งหากต้องการ
แก้ปัญหาระยะยาวหรื อหากจุดเชื่อมต่อบริ เวณนั้นเกิดปั ญหาขึ้นแล้วต้องการแก้ไขให้มีผลที่ดีกว่านี้
จากการศึ ก ษาเพิ่ ม เติ ม มาตรฐาน ANSI C119.4-1991 (STANDARD FOR ELECTRIC
CONDUCTORS – CONNECTORS FOR USE BETWEEN ALUMINUM – TO – ALUMINUM
OF ALUMINUM – TO – COPPER BARE OVERHEAD CONDUCTORS ) ได้มีการนาเสนอแนว
ทางแก้ไขไว้คือ ทาการเคลือบ(ชุบ)อลูมิเนียมด้วยนิคเกิล และ ทาการเคลือบ(ชุบ)ทองแดงด้วยดีบุก
ซึ่งเป็ นการป้องกันการกัดกร่ อนและการกัดกร่ อนแบบกัลวานิค ซึ่งจากการศึกษาการกัดกร่ อนแบบ
กัลวานิค เมื่อเรานาค่าจากข้อมูลที่ได้ หน้าสัมผัสของหางปลาอลูมิเนียมที่เคลือบนิคเกิลกับหางปลา
ทองแดงเคลือบด้วยดีบุก จะทาให้เกิดปฎิกิริยาของค่าความต่างศักย์นอ้ ยลงดัง
สมการดังนี้
Ni(s) + Sn 2+ = Ni 2+ + Sn(s)
เอกสำรอ้ำงอิง
[1] ลือชัย ทองนิล . การตรวจสอบและบารุ งรักษาระบบไฟฟ้าอย่างมืออาชีพ, เอกสารประกอบการ
บรรยาย, 2557.
[2] ณปภัช พิมพ์ดี . การกัดกร่ อนและการป้องกัน ; สถาบันส่งเสริ มการสอนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี (สสวท.). 05 มิถุนายน 2560
[3] การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคคู่มือปฎิบตั ิงานด้านวิศวกรรม การทดสอบเพื่อการตรวจรับเคเบิลใต้ดิน
ไฟฟ้ากาลัง ระบบ 22 เควี, 33 เควี และ 115 เควี ณ โรงงานผูผ้ ลิต,2560
[4] การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค SPACED AERIAL CABLES RATED VOLTAGES OF 22 KV AND 33
KV, 13 November 2017
[5] ANSI/NEMA CC 1-2009 Electric Power Connection for Substations
1300 North 17th Street Rosslyn, Virginia 22209,2009
[6] M. Braunovic POWER CONNECTIONS MB Interface, Scientific Consultants
59 Ménard, St. Basile-le-Grand, Québec Canada, J3N 1J4,2559
[7] ANSI C119.4-1991 ,STANDARD FOR ELECTRIC CONDUCTORS – CONNECTORS FOR
USE BETWEEN ALUMINUM – TO – ALUMINUM OF ALUMINUM – TO – COPPER BARE
OVERHEAD CONDUCTORS ,1
ก
รหัสโครงงาน 61EE107
บทคัดย่อ (Abstract)
โครงงานนี้ ได้วิเคราะห์ปัญหาที่เกิดจากการเชื่ อมต่อสายเคเบิลใต้ดินกับสายเคเบิลอากาศ
เนื่องจากพบว่าจุดนี้ เกิดความเสี ยหายขึ้นบ่อยครั้งทั้งเล็กน้อยและรุ นแรง จากการศึกษาพบว่าสาเหตุ
ของการเกิดปั ญหาเหล่านี้ มีสาเหตุหลักด้วยกัน 2 ประการ คือ (1) เกิดการออกซิ เดชัน (2) เกิดจาก
การกัดกร่ อนแบบกัลวานิ ค จากการศึกษาทาให้ทางผูจ้ ดั ทาโครงงานตัดสิ นใจที่จะออกแบบและทา
การทดลองเพื่อป้ องกันปั ญหาการเกิดออกซิ เดชัน โดยการออกแบบเป็ นการป้ องกันโลหะไม่ให้
สัมผัสกับอากาศและความชื้ น โดยการออกแบบแบ่งออกเป็ น 3 กรณี คือ1.จุดเชื่ อมต่อที่ไม่มีการ
ป้ องกันอากาศ 2. จุ ดเชื่ อมต่อที่ มี ก ารป้ องกันอากาศด้วยการพันเทปพันสายไฟ 3. จุ ดเชื่ อมต่อ ที่
ป้องกันอากาศด้วยท่อหดความร้อน หลังจากนั้นนาตัวอย่างทั้ง 3 ไปติดตั้งไว้ในจุดที่กาหนดซึ่ งเป็ น
บริ เวณที่มีสภาพแวดล้อมที่เป็ นมลภาวะรุ นแรง หลังจากนั้นทาการวัดค่าความต้านทานหน้าสัมผัส
ได้ค่า 16.1,16.5และ15.9 ตามลาดับ และเมื่อผ่าน 120 วันทาการวัดค่าความต้านทานหน้าสัมผัส
อิกครั้งได้ค่า 89.6 ,52.33 และ 30.4 ตามลาดับ จากผลการทดสอบทาให้ทราบว่าการป้ องกัน
อากาศด้วยท่อหดความชื้นมีประสิ ทธิ ภาพดีที่สุด ทางคณะผูจ้ ดั ทาโครงงานจึงได้ตดั สิ นใจที่จะแก้ไข
ปัญหาการเกิดออกซิเดชันด้วยการใช้ท่อหดความร้อนเพื่อป้ องกันอากาศและความชื้น
ข
กิตติกรรมประกำศ
การจัดการทาโครงงานนี้ สาเร็ จผลลุล่วงไปได้ดว้ ยความช่วยเหลืออย่างดียิ่งของ ผศ.ดร.
สาเริ ง ฮินท่าไม้ อาจารย์ที่ปรึ กษาโครงงาน ที่ได้ให้หลักการทฤษฎีคาแนะนาตลอดจนข้อคิดเห็น
ต่างๆของโครงงานมาโดยตลอด ขอขอบคุณ นายสมศักดิ์ คะนา ผูอ้ านวยการกองบารุ งรักษาเขต 1
ภาคใต้ การไฟฟ้าส่ วนภูมิภาค ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์สถานที่ทาการทดลอง และอุปกรณ์ในการ
ทดสอบจุดเชื่ อมสายเคเบิลใต้ดินและสายเคเบิลอากาศ และนายณรงค์เดช โพธิ์ มล วิศวกร กอง
ข้อกาหนดทางเทคนิค การไฟฟ้าส่ วนภูมิภาค ที่ได้เอื้อเฟื้ อข้อมูลสาหรับแนวทางการศึกษาโครงงาน
นี้ จึงใคร่ ขอขอบพระคุณทุกๆท่านเป็ นอย่างสู งอย่างสู งมา ณ ที่น้ ีดว้ ย
คณะผูจ้ ดั ทาโครงงาน
12 พฤษภาคม 2562
ค
สำรบัญ
หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญ ค
สารบัญตาราง ง
สารบัญภาพ จ
บทที่ 1 บทนา 1
1.1 ความสาคัญของปัญหา 1
1.2 ทบทวนบทความวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 1
1.3 วัตถุประสงค์โครงงาน 2
1.4 ขอบเขตโครงงาน .2
1.5 ประโยชน์ของโครงงาน 2
1.6 โครงสร้างโครงงาน 3
บทที่2 ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง .4
2.1 ศึกษาโครงสร้างเสาที่มีการติดตั้งสายเคเบิลอากาศและสายเคเบิลใต้ดิน .4
2.2 ชนิดของหางปลา 9
2.3 ลักษณะการเชื่อมต่อหางปลาทองแดงกับหางปลาอลูมิเนียม . 13
2.4 ศึกษาปัญหาที่เกิดจากการเชื่อมต่อกันระหว่างสายเคเบิลอากาศกับเคเบิลใต้ดิน 16
2.5 ศึกษาผลที่เกิดจากเชื่อมต่อกันระหว่างสายเคเบิลอากาศกับเคเบิลใต้ดิน 20
2.6 ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหา 21
บทที่ 3 วิธีการดาเนินโครงงาน 35
ค
สำรบัญ(ต่ อ)
หน้า
3.1 วิธีดาเนินการทดลอง 35
3.2 แผนดาเนินงาน และระยะเวลาในการทดลอง 35
3.3 สถานที่การทดลอง 35
3.4 อุปกรณ์ในการทดลอง 36
3.5 วิธีการเชื่อมต่อหางปลาและวัสดุป้องกัน 36
3.6 การเก็บข้อมูล 45
บทที่ 4 ผลการทดลองและวิเคราะห์ผล 46
4.1 ผลการทดลอง 46
4.2 วิเคราะห์ผลการทดลอง 47
บทที่ 5 สรุ ปอภิปายผลและข้อเสนอแนะ 49
5.1 สรุ ปการดาเนินงาน 49
5.2 สรุ ปผลโครงงาน 49
5.3 อภิปรายผล 50
5.4 ข้อเสนอแนะเพื่อดาเนินการและศึกษาครั้งต่อไป 50
เอกสารอ้างอิง . 52
ง
สำรบัญตำรำง
หน้า
ตารางที่ 2.1 คุณสมบัติทองแดง 9
ตารางที่ 2.2 ปฏิกิริยาของทองแดง 10
ตารางที่ 2.3 คุณสมบัติอลูมิเนียม 11
ตารางที่ 2.4 ปฏิกิริยาของอลูมิเนียม 12
ตารางที่ 2.5 ค่า Tightening Torque สาหรับ Bolted Connectors ชนิดต่างๆ[5] 15
ตารางที่ 2.6 ค่าความต้านทานและค่าสัมประสิ ทธิ์อุณหภูมิของความต้านทาน 20
ตารางที่ 2.7 อุปกรณ์ของการพันเทป 22
ตารางที่ 2.8 คุณสมบัติของเทป 23
ตารางที่ 2.9 คุณสมบัติท่อหดความร้อน 24
ตารางที่ 2.10 เปรี ยบเทียบคอมปาวด์ชนิดต่าง 26
ตารางที่ 2.11 คุณสมบัติของดีบุก 30
ตารางที่ 2.12 คุณสมบัติของนิกเกิล 31
ตารางที่ 2.13 เปรี ยบเทียบการเชื่อมต่อของการเคลือบแบบต่างๆ 33
ตารางที่ 4.1 วัดค่าความต้านทานหน้าสัมผัส ก่อนทาการติดตั้ง 46
ตารางที่ 4.2 วัดค่ความต้านทานหน้าสัมผัสหลังติดตั้ง 30 วัน 46
ตารางที่ 4.3 วัดค่ความต้านทานหน้าสัมผัสหลังติดตั้ง 120 วัน 47
จ
สำรบัญภำพ
หน้า
ภาพที่ 2.1 เสาต้นขึ้นต้นหัวเคเบิลใต้ดิน 4
ภาพที่ 2.2 สายเคเบิลใต้ดิน 7
ภาพที่ 2.3 สายเคเบิลอากาศ 8
ภาพที่ 2.4 หางปลาทองแดง 9
ภาพที่ 2.5 หางปลาอลูมิเนียม 11
ภาพที่ 2.6 การเชื่อมต่อระหว่างหางปลาทองแดงกับหางปลาอลูมิเนียม 13
ภาพที่ 2.7 กราฟแสดงแรงกดที่ผิวสัมผัส 14
ภาพที่ 2.8 มาตรฐานการขันทอร์คของการไฟฟ้าส่ วนภูมิภาค 16
ภาพที่ 2.9 การกัดกร่ อนที่เกิดขึ้น 16
ภาพที่ 2.10 ค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐาน 18
ภาพที่ 2.11 ลักษณะของออกไซด์ทองแดง 19
ภาพที่ 2.12 ลักษณะของออกไซด์อลูมิเนียม 20
ภาพที่ 2.13 มาตรฐานการพันเทป 21
ภาพที่ 2.14 ท่อหดความร้อน 24
ภาพที่ 2.15 คอมปาวด์ 25
ภาพที่ 2.16 หางปลาทองแดงเคลือบดีบุก 30
ภาพที่ 2.17 หางปลาอลูมิเนียมเคลือบด้วยนิคเกิล 31
ภาพที่ 3.1 อุปกรณ์ที่ใช้ในการทาการทดลอง .36
ภาพที่ 3.2 แปรงลวดเหล็กขัดหน้าสัมผัส .37
ภาพที่ 3.3 แปรงทองเหลืองขัดอีกครั้ง 37
ภาพที่ 3.4 ค่าแรงที่ใช้ในการขันทอร์ค 38
จ
สำรบัญภำพ(ต่ อ)
หน้า
ภาพที่ 3.4 ค่าแรงที่ใช้ในการขันทอร์ค 38
ภาพที่ 3.5 การประกบหางปลาและการขันทอร์ค 38
ภาพที่ 3.6 ลักษณะของหางปลาเมื่อประกอบเสร็จ .39
ภาพที่ 3.7 การวัดด้วยเครื่ องวัดค่าความต้านทานหน้าสัมผัส 39
ภาพที่ 3.8 ลักษณะของหางปลาที่เชื่อมต่อ ที่ใช้ในปัจจุบนั .40
ภาพที่ 3.9 ลักษณะการติดตั้ง 40
ภาพที่ 3.10 ลักษณะของหางปลาที่เชื่อมต่อ ก่อนนามาพันเทป .41
ภาพที่ 3.11 เทปพันสายไฟชนิดยางละลาย เบอร์ 23 .41
ภาพที่ 3.12 เทปพันสายไฟไวนิล 42
ภาพที่ 3.13 ลักษณะของหางปลาเมื่อเสร็ จสมบูรณ์ 42
ภาพที่ 3.14 ลักษณะการติดตั้ง .43
ภาพที่ 3.15 ลักษณะของหางปลาที่เชื่อมต่อ ก่อนนามาป้ องกันจุดต่อด้วยท่อหด 43
ภาพที่ 3.16 ปื นความร้อนเป่ าท่อหอ 44
ภาพที่ 3.17 ลักษณะการติดตั้ง 44
ภาพที่ 3.18 ลักษณะการติดตั้งของ 3 การทดลอง 45