Professional Documents
Culture Documents
การดำรงชีวิตของพืช
การดำรงชีวิตของพืช
การดำรงชีวิตของพืช
สารอินทรีย์ในพืช
คือสารที่พืชสร้างขึ้นผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงแล้วเก็บสะสมไว้ตามส่วนต่างๆภายในเซลล์ของพืช
สารอินทรีย์ที่อยู่ภายในเซลล์บางชนิดทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของเซลล์ เช่น เซลลูโลสที่สะสมอยู่ที่ผนังเซลล์ หรือบาง
ชนิดทำหน้าที่เกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ภายในเซลล์
คาร์ไฮเดรต
ผ่านปฏิกิริยาต่างๆ โปรตีน
ลิพิด
ภาพ การสังเคราะห์ด้วยแสงกับการสะสมสารอินทรีย์ในส่วนต่างๆของพืช
สาระน่ารู้ นักเรียนทราบไหมว่าสารอินทรีย์คืออะไร??
สารอินทรีย์ คือสารที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติหรือเกิดจาก
การสังเคราะห์ สารอินทรีย์ซึ่งพบได้ในธรรมชาติ จะเรียกว่า สารชีวโมเลกุล ยกตัวอย่างเช่น สารในตระกูลคาร์โบไฮเดรต
ไขมัน โปรตีน วิตามิน และกรดนิวคลิอิก
สารอินทรีย์ที่พืชสร้างขึ้นจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง ไม่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง
สารอินทรีย์กลุ่มนี้มีหลายชนิด เช่น โปรตีน สารอินทรีย์กลุ่มนี้มีไม่เกี่ยวข้องกับการ
ลิพิด กรดนิวคลีอิก กรดอะมิโน วิตามิน เจริญเติบโตโดยตรง แต่สำคัญต่อการ
คลอโรฟิลล์ ฮอร์โมนพืช ซึ่งสารเหล่านี้มี ดำรงชีวิตของพืช เช่นน้ำยางมะละกอ
ผลต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น การ ป้องกันแมลงและจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคใน
ขยายขนาดของเซลล์ การแบ่งเซลล์ การ มะละกอ หรือ สารคาแฟอีนในกาแฟยับยั้ง
สังเคราะห์แสงเป็นต้น การเจริญของจุลินทรีย์เป็นต้น หรือน้ำ
ยางพาราช่วยปิดแผลต้นยาง
ก า ร ด ำ ร ง ชี วิ ต ข อ ง พื ช |2
ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช
พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการเจริญเติบโตและดำรงชีวิตอยู่ได้ย่อมต้องการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต
ของพืช ซึ่งพืชแต่ละชนิดมีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป เช่นบางชนิดเจริญได้ดีในที่แจ้ง บางชนิดเจริญได้ดีในที่เค็ม
ดังนั้นการปลูกพืชแต่ละชนิดต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตด้วย ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญของ
พืชแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ปัจจัยภายนอก และ ปัจจัยภายใน
ปัจจัยภายนอก คือปัจจัยที่มาจากสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น แสง น้ำ อากาศ
อุณหภูมิ ดิน ธาตุอาหาร แก๊สออกซิเจน เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจจะยับยั้ง หรือกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชได้
แสงสว่างหรือแสงแดด พืชต้องการแสงแดดมาใช้ในการสร้างอาหาร ถ้าขาดแสงแดด พืชจะแคระแกรน
ใบจะมีสีเหลืองหรือขาวซีดและตายในที่สุด พืชแต่ละชนิดต้องการแสงไม่เท่ากันพืชบางชนิดต้องการแสงแดดจัด แต่พืช
บางชนิดก็ต้องการแสงรำไร
จากกราฟ หากความเข้มของแสงมาก
ส่งผลให้อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงก็จะ
เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอัตราการ
สังเคราะห์ด้วยแสงจะเพิ่มขึ้นถึงจุดหนึ่ง
เท่านั้น และจะไม่เพิ่มขึ้นอีก แม้ความเข้ม
แสงจะเพิ่มขึ้ก็ตาม
กราฟแสดงผลของความเข้มแสงต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง
อุณหภูมิ มีส่วนช่วยในการงอกและเจริญเติบโตของพืช จะเห็นได้ว่าพืชบางชนิดชอบขึ้นในที่มีอากาศหนาว
เย็น แต่พืชบางชนิดก็ชอบขึ้นในที่มีอากาศร้อน การนำพืชมาปลูกจึงควรเลือกชนิดที่เหมาะสมกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป
ตามฤดูกาล ในแต่ละท้องถิ่นด้วย
อุณหภูมิมีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง เนื่องจากมีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ต่างๆที่เกี่ยวข้องใน
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ดังนั้นถ้าอุณหภูมิเหมาะสม การสังเคราะห์แสงก็จะเกิดได้มากขึ้นด้วย
สาเหตุที่เมื่ออุณหูมิสูงขึ้นระดับหนึ่งแล้วการสังเคราะห์ด้วยแสงลดลง เพราะ
- เมื่ออุณหูมิสูงหรือต่ำกว่าอุณหภูมิเหมาะสมมาก ๆ ทำให้เยื่อหุ้มออร์แกเนลสูญ เสียสมบัติการเป็นเยื่อเลือก
ผ่าน (เยื่อหุ้มออร์แกเนลเป็นที่อยู่ของโปรตีนและเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ด้วยแสง)ทำให้การสังเคราะห์แสง
ลดลง
- เมื่ออุณหภูมิ สูง ทำให้เอนไซม์เสียสภาพการทำงานไป
คาร์บอนไดออกไซด์ พืชใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis)
และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชด้วย เมื่อ CO2 มากขึ้นอัตราการสังเคราะห์แสงก็มากขึ้น
ด้วย แต่อย่างไรก็ตามอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะมากถึงจุดๆหนึ่งเท่านั้น และจะไม่เพิ่มขึ้นอีกแม้ความเข้มข้นของ
CO2 จะเพิ่มขึ้นดังกราฟ
กราฟแสดงความสัมพันธ์ของอัตราการสังเคราะห์แสงสุทธิกับความเข้มข้นของ CO2
ถ้าพืชขาดน้ำ อัตราการสังเคราะห์แสงจะ............................เนื่องจาก…………………………….....
………………………………………………………………………………………………………………………………….
ตารางแสดงบทบาทของธาตุอาหารที่มีผลต่อการเจริญของพืช
ฟอสฟอรัส
โพแทสเซียม
แคลเซียม
แมกนีเซียม
กำมะถัน
เหล็ก
ทองแดง
สังกะสี
แมงกานีส
ก า ร ด ำ ร ง ชี วิ ต ข อ ง พื ช |5
ตัวเลขข้างกระสอบปุ๋ยที่ยกตัวอย่างมานั้น เป็น
ตัวเลขในระบบสากล ในความหมายนั้นบอกว่า
ในกระสอบปุ๋ยน้ำหนัก 100 กิโลกรัม มีธาตุ
ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ที่ต้นไม้
นําไปใช้ประโยชน์ในสัดส่วนเท่าไหร่
แก๊สออกซิเจน เป็นแก๊สที่พืชนำมาใช้ในกระบวนการหายใจระดับเซลล์เพื่อให้ได้พลังงานสำหรับนำไปใช้
ในการเจริญ เติบโต หากได้รับแก๊สออกซิเจนไม่เพียงพอจะทำให้อัตราการหายใจระดับเซลล์ลดลงและส่งผลต่อการ
เจริญเติบโตของพืช พืชได้รับออกซิเจนผ่านทางรากและได้รับจากกระบบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
ศัตรูพืช หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่สร้างความเสียหายหรือทำอันตรายต่อพืชที่ มนุษย์ปลูก เช่น จุลินทรีย์สาเหตุ
โรคพืช แมลงศัตรูพืช และวัชพืช ซึ่งศัตรูพืชเหล่านี้สร้างความเสียหายต่อภาคการเกษตร ทำให้ผลผลิตพืชอาหารของ
โลกลดลง สำหรับประเทศไทยมีรายงานว่าศัตรูพืชชนิดต่างๆ ทำให้ผลผลิตพืชแต่ละปีลดลงประมาณร้อยละ 10-30
เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการลดการใช้สารเคมีในทางการเกษตร นักวิจัยพยายามที่จะหาวิธีการควบคุมศัตรูพืชโดย
ใช้ สิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ เป็ น ศั ต รู ธ รรมชาติ ข องศั ต รู พื ช เหล่ า นั้ น เป็ น การควบคุ ม พื ช โดยชี ว วิ ธี ( biological control หรื อ
biocontrol) โดยอาศัยการเลียนแบบความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ เช่น การควบคุมแมลงศัตรูพืชนั้นมีการ
เลียนแบบการล่าเหยื่อ (predation) (+, -) และภาวะปรสิต เช่น กรณีของตัวห้ำ ตัวเบียน
ตัวห้ำ (predator) คือสัตว์หรือแมลงชนิดหนึ่งที่เป็นผู้ล่า จะกัดกินศัตรูพืชหรือเหยื่อ (prey) เป็นอาหาร โดยมัก
มีขนาดใหญ่กว่าเหยื่อหรือมีอวัยวะพิเศษใช้ในการจับเหยื่อ ตัวห้ำ 1 ตัวสามารถกินเหยื่อได้วันละหลายตัว หลายชนิด
และหลายระยะการเจริญเติบโต ดังภาพที่ 3
ก า ร ด ำ ร ง ชี วิ ต ข อ ง พื ช |6
1. เป็นสารอินทรีย์ที่พืชสร้างขึ้นตามธรรมชาติ หรือเป็นสารอินทรีย์ที่สังเคราะห์ขึ้นในห้องปฏิบัติการ
2. ปริมาณที่ใช้น้อยมากเพื่อควบคุมการเติบโตและพัฒนาของพืช
3. ปริมาณความเข้มข้นที่ใช้อาจจะเป็นแบบกระตุ้นหรือแบบยับยั้งขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อเยื่อและช่วงอายุ
ของพืช
4. ไม่ใช่ธาตุอาหารของพืช
5. เป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชโดยมีแฟคเตอร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น สิ่งแวดล้อมภายนอก
และกิจกรรมต่างๆ ภายในเซลล์
ภาพแสดงตำแหน่งที่สร้างฮอร์โมนพืชชนิดต่างๆ
ก า ร ด ำ ร ง ชี วิ ต ข อ ง พื ช |8
1. auxin
การศึกษาเกี่ยวกับออกซิน
Charles Darwin ได้ทำการศึกษาส่วนปลายยอดอ่อน (coleoptile) ของต้นอ่อนของหญ้า (grass seedlings)
พบว่าส่วน coleoptile จะโค้งเข้าหาแสงเสมอ เมื่อเขาตัดส่วนปลายยอดอ่อนทิ้งพบว่าต้นหญ้าจะเจริญตั้งตรง เมื่อเขา
เอากระดาษทึบแสงมาหุ้มส่วนปลายยอดไว้พบว่าลำต้นเจริญตั้งตรง เมื่อเอากระดาษใสมาหุ้มส่วนปลายยอดไว้พบว่าลำ
ต้นเจริญโค้งเข้าหาแสง หรือนำกระดาษทึบแสงหุ้มส่วนต้นอ่อนตรงโคนพบว่าลำต้นโค้งเข้าหาแสงเช่นเดียวกัน
ภาพแสดงการบทบาทของแสงที่มีผลต่อการลำเลียงออกซิน
บทบาทของออกซิน auxin
การตอบสนองระดับเซลล์
ภาพแสดงผลของออกซินต่อขนาดผลของสตอเบอร์รี่
ภาพแสดงผลของออกซินต่อขนาดผลของสตอเบอร์รี่
2. cytokinin
ผลของไซโทไคนินที่มีต่อพืช
1. กระตุ้นให้เกิดการแบ่งเซลล์และการเปลี่ยนแปลงทางรูปร่างสัณฐานในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อโดยต้องใช้ร่วมกับ
ออกซิน
3. gibberellins
ผลของจิบเบอเรลลินที่มีต่อพืช
1. กระตุ้นการเจริญเติบโตของลำต้นในพืชแคระ
2. กระตุ้นการเจริญของเนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ
3. ผลองุ่นใหญ่ขึ้นจากการที่ก้านช่อดอกยืดตัว
4.กระตุ้นการงอกของเมล็ดที่พักตัว
• โดยจิบเบอเรลลินจะมีบทบาทในการกระตุ้นให้เอ็มบริโอเริ่ม
เจริญและพัฒนา ตลอดจนกระตุ้นการเคลื่อนย้ายอาหารสะสม
จากเอนโดสเปิร์มมายังเอ็มบริโอ
ก า ร ด ำ ร ง ชี วิ ต ข อ ง พื ช | 13
5. กระตุ้นการออกดอกและการกำหนดเพศของดอก
• พืชบางชนิดต้องการใช้ความเย็นกระตุ้นให้ออกดอก (Vernalization) เช่น กะหล่ำปลี แต่สามารถให้จิบเบอ
เรลลินแทนการได้รับความเย็นได้
• ในพืชใบเลี้ยงคู่ เช่น แตงกวา กัญชา และผักโขมฝรั่ง เมื่อได้รับจิบเบอเรลลิน จะส่งเสริมให้พืชเหล่านี้พัฒนา
ดอกเพศผู้ และสารยับยั้งกระบวนการสร้างจิบเบอเรลลินส่งเสริมการพัฒนาดอกเพศเมีย
6. ควบคุมการเปลี่ยนแปลงระหว่างระยะเยาว์วัย (Juvenile) กับระยะเจริญเต็มที่ (Mature)
• จิบเบอเรลลินมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงระหว่างระยะเยาว์วัยกับระยะเจริญเต็มที่ ของพืชหลายชนิด เช่น
ต้นสน โดยชักนำให้พืชเหล่านี้เปลี่ยนจากระยะเยาว์วัยเข้าสู่ระยะเจริญเต็มที่ได้
7. กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาของรังไข่ไปเป็นผลโดยไม่ต้องปฏิสนธิ
• เป็นการกระตุ้นให้เกิดผลลม (Parthenocarpic fruit) ในพืชบางชนิด เช่น องุ่น
4. ethylene
โครงสร้างของเอธิลีน
มีสูตรโมเลกุลเป็น C2H4 มีสถานะเป็นแก๊ส เบากว่าอากาศในสภาพแวดล้อมทั่วไป เป็นแก๊สที่ติดไฟและถูก
ออกซิไดซ์ง่าย
แหล่งที่สร้างเอธิลีน
• เอธิลีนเป็นฮอร์โมนที่สร้างได้จากทุกส่วนของพืช โดยเฉพาะที่ใบและดอกที่แก่กำลังจะร่วง หรือผลที่กำลังสุก
• นอกจากนี้การเกิดบาดแผลและสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น น้ำท่วม แห้งแล้ง อากาศหนาวเย็น จะชักนำ
ให้พืชสร้างเอธิลีนได้เช่นกัน
ผลของเอทีลีนที่มีต่อพืช
1. กระตุ้นให้ผลไม้บางชนิดสุกเร็วขึ้น
• ผลไม้บางชนิดเมื่อได้รับเอธิลีนจะมีอัตราการหายใจเพิ่มมากขึ้นก่อนการสุก เรียกว่า “Climacteric fruit”
เช่น มะเขือเทศ กล้วย ละมุด น้อยหน่า แอปเปิ้ล มะม่วง มะละกอ อะโวคาโด
• แต่ผลไม้หลายชนิดที่ไม่ตอบสนองต่อเอธิลีน ถึงแม้จะให้เอธิลีนกับผลที่แก่ แต่ก็ไม่สามารถเร่งให้ผลไม้นั้นสุกได้
เร็วขึ้น เรียกผลไม้เหล่านี้ว่า “Nonclimacteric fruit” เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม องุ่น เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ สตรอเบอ
รี เชอรี่ แตงกวา
ก า ร ด ำ ร ง ชี วิ ต ข อ ง พื ช | 14
2. เร่งให้ส่วนต่างๆ ของพืชเกิดการหลุดร่วง
• ใบ กิ่ง ก้าน ดอก ผล
• การเปลี่ยนแปลงทางด้านชีวเคมีและสัณฐานวิทยาของเนื้อเยื่อชัน้ ก่อการร่วง (Abscission layer) หรือ
บริเวณการร่วง (Abscission zone) ซึง่ เซลล์ในเนื้อเยื่อจะแยกออกจากกันจนกระทั่งส่วนต่างๆ ของพืช
สามารถหลุดร่วงออกมาได้
Abscission layer
3. ชักนำให้พืชในวงศ์สับปะรดออกดอก
• เกษตรกรจะใช้เอธิลีนในการฉีดพ่นเพื่อให้สับปะรดออกดอกพร้อมกันเพื่อช่วยในการจัดการการเก็บเกี่ยวได้
4. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยางพารา
• โดยเอธิลีนจะกระตุ้นให้น้ำยางเกิดการจับตัวกันเป็นก้อนแข็งช้าลง ทำให้น้ำยางยังคงไหลได้นานขึ้น และให้
ปริมาณน้ำยางในแต่ละครั้งของการกรีดมากขึ้น เกษตรกรจึงสามารถลดความถี่ของการกรีดยางลงได้
5. abscisic Acid
แหล่งที่สร้าง abscisic acid
• ABA สร้างได้ในใบแก่ ผลแก่ เอ็มบริโอ โดยการสังเคราะห์เกิดในคลอโรพลาสต์ ดังนั้น ใบ ลำต้น และผลไม้สี
เขียวจึงสังเคราะห์ ABA ได้ เมื่อเกิดการสังเคราะห์ ABA แล้วจะเคลื่อนย้ายจากใบไปสู่ส่วนอื่นๆ และไประงับ
การเจริญที่บริเวณนั้น
• เป็นสารเคมีที่เป็นสัญญาณให้พืชเข้าสู่ การเสื่อมตามอายุ (Senescence)
• สร้างมากเมื่อพืชอยู่ในภาวะเครียด เช่น การขาดน้ำ ขาดอาหาร น้ำท่วม จะกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ ABA
เพิ่มขึ้น
ผลของ abscisic acid ที่มีต่อพืช
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม
1. Contact movement
• ไมยราบ บริเวณโคนก้านใบและโคนก้านใบย่อยจะมีกลุ่มเซลล์ เรียกว่า พัลไวนัส (pulvinus)
เป็นเซลล์ที่มีขนาดใหญ่และผนังเซลล์บาง มีความไวสูงต่อสิ่งเร้าที่มากระตุ้น
2. Sleep movement
• เป็นการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงความเข้มของแสงของพืชตระกูลถั่ว เช่น ใบก้ามปู ใบ
มะขาม ใบไมยราบ ใบถั่ว ใบแค ใบกระถิน ใบผักกระเฉด เป็นต้น
แบบฝึกหัดท้ายบท
3. สารอินทรีย์ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง และสารอินทรีย์ที่ไม่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชโดย
มีความสำคัญต่อพืชอย่างไร และตัวอย่างของสารอินทรีย์ในแต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………..
4. การปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดนโปนิกส์ เป็นการปลูกพืชที่ไม่ใช้ดิน นักเรียนคิดว่าการปลูกพืชด้วยวิธีนี้ต้องมีการควบคุม
ปัจจัยภายนอกใดบ้างเพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. จงระบุชนิดของฮอร์โมนให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ที่มีต่อพืชต่อไปนี้
• Hormone พืชกลุ่มใดที่ช่วยในการเจริญเติบโต………………………………………………………………………………………
• Hormone พืชกลุ่มใดที่เร่งการเสื่อมของพืช เป็นฮอร์โมนแห่งความแก่ชรา……………………………………………….
• Hormone พืชกลุ่มใดนิยมนำมาใช้ในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ…………………………………………………..……………….
• Hormone พืชกลุ่มใดชะลอการหลุดร่วงของใบ……………………………………………………………………..……………..
• Hormone พืชกลุ่มใดกระตุ้นการหลุดร่วงของใบ…………………………………………………………………..………………
• Hormone พืชกลุ่มใดกระตุ้นการงอกของเมล็ดพักตัว………………………………………………………………..………….
• Hormone พืชกลุ่มใดยับยั้งการงอกของเมล็ดพักตัว………………………………………………………………………………
ก า ร ด ำ ร ง ชี วิ ต ข อ ง พื ช | 19
6. สารควบคุมการเจริญของพืชคืออะไร และมีความสำคัญต่อพืชอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………..
7. การใช้สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชในทางการเกษตร มีการนำไปใช้ประโยชน์เพื่อส่งผลต่อพืชอย่างไรบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
8. ยกตัวอย่างการตอบสนองที่มีทิศทางสัมพันธ์กับสิ่งเร้า และการตอบสนองที่ไม่สัมพันธ์กับสิ่งเร้ามาอย่างละ 3
ตัวอย่าง และอธิบายความสำคัญที่มีต่อพืช
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………..
9.ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากสารอินทรีย์ที่พืชบางชนิดสร้างขึ้นในด้านเภสัชกรรม เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม
อย่างน้อยด้านละ 1 ตัวอย่าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………..
10. ถ้าต้องการปลูกพืชกินใบ เช่น ใบโหระพา กระเพราให้ได้ใบจำนวนมากและสมบูรณ์ควรให้ปุ๋ยที่เน้นธาตุอาหารใด
เป็นหลัก
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
.