Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 17

1

สารบัญ
เซต........................................................................................................................................................6
เลขยกกำลัง...........................................................................................................................................9
สถิติ....................................................................................................................................................10
ตรรกศาสตร์........................................................................................................................................13
ลำดับและอนุกรม...............................................................................................................................14
ความน่าจะเป็น...................................................................................................................................16

2
(twitter : @P_Est_)

3
(ig : _px.st)

4
1) เซต
⊗ สูตรหาจำนวนสมาชิก

∎ สูตร 2 เซต

𝑛(𝐴 ∪ 𝐵) = 𝑛(𝐴) + 𝑛(𝐵) - 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵)

∎ สูตร 3 เซต

𝑛(𝐴 ∪ 𝐵 ∪ 𝐶) = 𝑛(𝐴) + 𝑛(𝐵) + 𝑛(𝐶)

- 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵) - 𝑛(𝐴 ∩ 𝐶) - 𝑛(𝐵 ∩ 𝐶)


+ 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵 ∩ 𝐶)
Concept: แทนค่าตรงๆเลย Ex. โจทย์บอก 𝑛(𝐴 ∪ 𝐵), 𝑛(𝐴), 𝑛(𝐵) แล้วหา 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵)

⊗ สมบัติยอดฮิต

∎ 𝐴∪𝐵 = 𝐵∪𝐴

∎ (𝐴 ∩ 𝐵)′ = 𝐴′ ∪ 𝐵′

∎ 𝐴 − 𝐵 = 𝐴 ∩ 𝐵′

Concept: ถ้าเราเจอ “เซตที่ซับซ้อน” การใช้สมบัติเหล่านี้จะช่วยน้องได้


Ex. ถ้าเจอเซต 𝐴′ ∪ 𝐵′ แบบนี้ถือว่าซับซ้อน แนะนำให้ใช้สมบัติ
จะได้ 𝐴′ ∪ 𝐵′ = (𝐴 ∩ 𝐵)′ (แทนที่จะหาฝั่งซ้ายไปหาเซตฝั่งขวาง่ายกว่าเยอะ)

5
⊗ ปฏิบัติการของเซต

1. ยูเนี่ ยน (union)
𝐴 ∪ 𝐵 คือ เซตทีไ่ ด้จากการนำเซต 𝐴, 𝐵 มารวมเข้าด้วยกัน
A B
𝐴∪𝐵 =
C
2. อินเตอร์เซกชัน (intersection)
𝐵∩𝐶 คือ เซตทีไ่ ด้จากการนำเซต 𝐵, 𝐶 หาส่วนซ้ำ
A B
𝐵∩𝐶 =
C
3. ผลต่าง (difference)
𝐴−𝐶 คือ เซตทีไ่ ด้จากการนำเซต 𝐴 เป็นตัวตั้ง แล้วหักออกด้วยเซต 𝐶
A B
𝐴−𝐶 =
C
4. คอมพลีเมนต์ (complement)
𝐵′ คือ เซตทีไ่ ด้จากการปิดเซต 𝐵 แล้วเอาทีเ่ หลือทั้งหมด
A B
𝐵′ =
C

6
⊗ การประยุกต์ของเซต
A B C
จากการสำรวจนักเรียนห้องหนึ่งที่ชอบเล่น ฟุตบอล, บาสเกตบอล และวอลเลย์บอล
A B
1 2 3
4 5 6
7
8
C

หมายเลข 1 = นักเรียนที่ชอบฟุตบอลเพียงอย่างเดียว

หมายเลข 3 = นักเรียนที่ชอบบาสเกตบอลเพียงอย่างเดียว

หมายเลข 7 = นักเรียนที่ชอบวอลเลย์บอลเพียงอย่างเดียว

หมายเลข 2 = นักเรียนที่ชอบฟุตบอลและบาสเกตบอลแต่ไม่ชอบวอลเลย์บอล

หมายเลข 4 = นักเรียนที่ชอบฟุตบอลและวอลเลย์บอลแต่ไม่ชอบบาสเกตบอล

หมายเลข 6 = นักเรียนที่ชอบบาสเกตบอลและวอลเลย์บอลแต่ไม่ชอบฟุตบอล

หมายเลข 5 = นักเรียนที่ชอบกีฬาทั้ง 3 ชนิด

หมายเลข 8 = นักเรียนที่ไม่ชอบกีฬาทั้ง 3 ชนิด

Concept: การประยุกต์ควรเน้นฝึก “การใช้คำ” ในแต่ละพื้นที่ของแผนภาพเวนน์

7
2) เลขยกกาลัง
⊗ สมบัติ

∎ 𝑎0 =1
∎ ( 𝑎 𝑚 )𝑛 = 𝑎𝑚𝑛
1 𝑛
∎𝑎 −𝑛
= (𝑎)
𝑚 𝑚
∎ 𝑎𝑛 = ( 𝑛√𝑎)
𝑚
∎ 𝑎𝑚+𝑛 = (𝑎𝑚 )(𝑎𝑛 ) และ 𝑎𝑚−𝑛 = 𝑎𝑎𝑛
𝑎 𝑛 𝑎𝑛
∎ (𝑎𝑏 )𝑛 =𝑎 𝑛 𝑛
𝑏 และ (𝑏 ) = 𝑏𝑛
Concept: สมบัติเหล่านี้ใช้ในการ “จัดรูป” เพื่อหาคำตอบ (ใช้สมบัติเป็น = คะแนนฟรี)

เทคนิคการจำ: ยกกำลังศูนย์ = 1
ยกกำลังติดลบ = เศษส่วน
ยกกำลังเศษส่วน = ติดรูท

8
3) สถิติ
⊗ สรุปสูตรยอดฮิต

∎ ฐานนิยม (Mode) คือ ข้อมูลที่มีการซ้ำกันมากที่สุด (มีได้เพียงค่าเดียว)


𝑥 1 + 𝑥2 + … + 𝑥𝑛
∎ ค่าเฉลี่ยเลขคณิ ต (𝑥̅ ) =
𝑛

∎ พิสัย (Range) = 𝑥𝑚𝑎𝑥 – 𝑥𝑚𝑖𝑛


∎ พิสัยระหว่างควอร์ไทล์ (𝐼𝑄𝑅) = 𝑄3 – 𝑄1
∎ ค่านอกเกณฑ์ (Outlier) คือ ค่าทีโ่ ดดออกมาจากข้อมูลส่วนใหญ่

ถ้า 𝑥 แทนค่านอกเกณฑ์ แล้วค่าของ 𝑥 ต้องอยู่ในช่วงต่อไปนี้


3 3
𝑥 < 𝑄1 − 𝐼𝑄𝑅
2
หรือ 𝑥 > 𝑄3 + 𝐼𝑄𝑅
2

∎ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation หรือ S.D.)

∑(𝑥𝑖 −𝜇)2 ∑𝑥 2
𝑆=√
𝑛
หรือ 𝑆 = √ 𝑖 − 𝜇2
𝑛

𝑆 2 = ความแปรปรวน
𝑠
∎ สัมประสิทธิ์การแปรผัน (Coefficient of variation) =
𝑥̅

Concept: สูตรทั้งหมดนี้สามารถแทนตรงๆได้เลยฮะ (มีแค่ควอไทล์ที่ตอ้ งหา 2 step)

9
⊗ การหาตำแหน่ง

∎ ตัวละครพิเศษ ที่จำเป็นต้องหาตำแหน่งก่อนเสมอ

ตำแหน่งมัธยฐาน = 12 (𝑛 + 1)
ตำแหน่งควอไทล์ = 𝑟4 (𝑛 + 1)
𝑟
ตำแหน่งเปอร์เซนไทล์ = 100 (𝑛 + 1)

Concept: ตัวละครเหล่านี้ จำเป็นต้องหา 2 step ทุกครั้ง


นั่นคือ หาตำแหน่ง & หาค่า

Ex. จงหาพิสยั ระหว่างควอไทล์ของข้อมูล 2, 5, 9, 13, 17, 21


หาควอไทล์ที่ 1 (𝑟 = 1)
Step 1: หาตำแหน่ง = 𝑟4 (𝑛 + 1) = 14 (6 + 1) = ตัวที่ 1.75
Step 2: หาค่าตัวที่ 1.75 = ตัวที่ 1 + ตัวที่ 0.75
= 2 + 0.75(ตัวที่ 2 – ตัวที่ 1)
= 2 + 0.75(5 – 2)
= 2 + 2.25
= 4.25 (ค่าของ 𝑄1 )

10
หาควอไทล์ที่ 3 (𝑟 = 3)
Step 1: หาตำแหน่ง = 𝑟4 (𝑛 + 1) = 34 (6 + 1) = ตัวที่ 5.25
Step 2: หาค่าตัวที่ 5.25 = ตัวที่ 5 + ตัวที่ 0.25
= 17 + 0.25(ตัวที่ 6 – ตัวที่ 5)
= 17 + 0.25(21 – 17)
= 17 + 1
= 18 (ค่าของ 𝑄3 )

ดังนั้น พิสยั ระหว่างควอไทล์ = 𝑄3 – 𝑄1


= 18 – 4.25
= 13.75

11
4) ตรรกศาสตร์
⊗ ตารางค่าความจริง

∎ “หรือ” จำแค่ 𝐹 ∨ 𝐹 ได้ 𝐹 ส่วนกรณีที่เหลือ ตอบตรงข้าม


∎ “และ” จำแค่ 𝑇 ∧ 𝑇 ได้ 𝑇 ส่วนกรณีที่เหลือ ตอบตรงข้าม
∎ “ถ้า...แล้ว” จำแค่ 𝑇 → 𝐹 ได้ 𝐹 ส่วนกรณีที่เหลือ ตอบตรงข้าม
∎ “ก็ต่อเมื่อ” จำว่า ของเหมือนกันตอบ 𝑇 ส่วนกรณีที่เหลือ ตอบตรงข้าม

⊗ แนวข้อสอบ ยอดฮิต (ออกทุกปี)

∎ มอง “ข้อความ” ให้เป็น “ตัวแปร” (เพื่อให้ง่ายในการหาคำตอบ)

Ex. กำหนดให้ข้อความ “ถ้าเอไม่กินข้าว แล้วบีล้างจาน” มีค่าความจริงเป็นเท็จ


จงหาค่าความจริงของข้อความ “เอกินข้าว ก็ต่อเมื่อบีไม่ล้างจาน”
Step 1: มองเอไม่กินข้าวเป็น 𝑝 และมองบีล้างจานเป็น 𝑞
จะได้ 𝑝 → 𝑞 เป็นเท็จ ดังนั้น 𝑝 ≡ 𝑇 และ 𝑞 ≡ 𝐹
Step 2: ถาม “เอกินข้าว ก็ต่อเมื่อบีไม่ล้างจาน” แปลงเป็นตัวแปรได้ ~𝑝 ↔ ~𝑞
แทนค่าตัวแปร ; ~𝑝 ↔ ~𝑞 ≡ 𝐹 ↔ 𝑇 ≡ 𝐹
ดังนั้น ข้อความ “เอกินข้าว ก็ต่อเมื่อบีไม่ลา้ งจาน” มีคา่ ความจริงเป็นเท็จ

12
5) ลาดับและอนุกรม
⊗ ลำดับ (Sequence)

∎ ลาดับเลขคณิต คือ ลำดับที่เพิม่ โดยการ “บวก” หรือ “ลบ” แบบคงที่

พจน์ทั่วไป 𝑎𝑛 = 𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑

ผลต่างร่วม 𝑑 = 𝑎𝑛+1 − 𝑎𝑛 (จับตัวที่ติดกันลบกัน)

Concept: จำเป็นต้องหาผลต่างร่วม (𝑑) อันดับแรก เพราะ ต้องใช้หาพจน์ทั่วไป

∎ ลาดับเรขาคณิต คือ ลำดับที่เพิม่ โดยการ “คูณ” หรือ “หาร”แบบคงที่

พจน์ทั่วไป 𝑎𝑛 = 𝑎1 ⋅ 𝑟 𝑛−1
𝑎𝑛+1
อัตราส่วนร่วม 𝑟 = (จับตัวที่ติดกันหารกัน)
𝑎𝑛

Concept: จำเป็นต้องหาอัตราส่วนร่วม (𝑟) อันดับแรก เพราะ ต้องใช้หาพจน์ทั่วไป

∎ ลาดับฮาร์มอนิก (Harmonic sequence)


ถ้า 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , …, 𝑎𝑛 เป็นลำดับฮาร์มอนิก
1
แล้ว 𝑎1
, 𝑎1 , 𝑎1 , …, 𝑎1 เป็นลำดับเลขคณิต
2 3 𝑛

Concept: แค่รู้ “นิยาม” ด้านบน 2 บรรทัด ของฮาร์มอนิกได้ ก็เพียงพอแล้วฮะ

13
⊗ อนุกรม (Series)

∎ อนุกรมเลขคณิต คือ การบวกของลำดับเลขคณิต


𝑛
ผลรวม 𝑆𝑛 = (𝑎1 + 𝑎𝑛 )
2

Concept: สูตรนี้สามารถใช้ได้เมื่อ “พจน์ที่น้องจับบวกกันเป็นลำดับเลข”

∎ อนุกรมเรขาคณิต คือ การบวกของลำดับเรขาคณิต

𝑎1 (1−𝑟 𝑛 )
ผลรวม 𝑆𝑛 =
1−𝑟
𝑎1
𝑆∞ = หาค่าได้/ลูเ่ ข้าเมื่อ |𝑟| < 1
1−𝑟

Concept: สูตรนี้สามารถใช้ได้เมื่อ “พจน์ที่น้องจับบวกกันเป็นลำดับเรขา”

14
6) ความน่าจะเป็น
⊗ หลักการบวก

ถ้างานชิ้นหนึ่ง แบ่งเป็น 𝑘 กรณี


กรณี 1 เลือกทำได้ 𝑛1 วิธี
กรณี 2 เลือกทำได้ 𝑛2 วิธี

กรณี k เลือกทำได้ 𝑛𝑘 วิธี
ดังนั้น เราจะมีวิธีทำงานชิ้นนี้ได้ทั้งหมด 𝑛1 + 𝑛2 + ⋯ + 𝑛𝑘 วิธี
⊗ หลักการคูณ

ถ้างานชิ้นหนึ่ง แบ่งเป็น 𝑘 ขั้นตอน


ขั้นตอน 1 เลือกทำได้ 𝑛1 วิธี
ขั้นตอน 2 เลือกทำได้ 𝑛2 วิธี

ขั้นตอน k เลือกทำได้ 𝑛𝑘 วิธี
ดังนั้น เราจะมีวิธีทำงานชิ้นนี้ได้ทั้งหมด 𝑛1 ⋅ 𝑛2 ⋅ … ⋅ 𝑛𝑘 วิธี
Concept: มองงานเป็นภาพใหญ่ 1 ชิ้น โดยงานชิ้นนี้จะแบ่งเป็นงานหลักได้ 𝑛 กรณี
(งานหลักใช้หลักการบวก) ในแต่ละกรณีก็จะแบ่งเป็นงานย่อย ๆ (งานย่อยใช้หลักการคูณ)

15
⊗ การจัดหมู่ (Combination)

∎ ลาดับไม่มีความสาคัญ
∎ สูตร
มีของ 𝑛 ชิ้นต่างกัน เลือกมา 𝑟 ชิ้น
𝑛 𝑛!
จะเลือกได้ 𝐶𝑛,𝑟 = ( 𝑟 ) = (𝑛−𝑟)!𝑟! วิธี
Concept: การจัดหมู่ = การเลือก/หยิบ
Ex. จงหาจำนวนวิธีในการสุ่มหยิบลูกบอล 7 ลูก จากกล่องที่มีลูกบอล 10 ลูก ที่แตกต่างกัน
10!
ดังนั้น สุ่มหยิบลูกบอลได้ 𝐶10,7 = (10−7)!7! = 120 วิธี

⊗ การเรียงสับเปลี่ยน (Permutation)

∎ ลาดับมีความสาคัญ
∎ สูตร
มีของ 𝑛 ชิ้นต่างกัน นำมาเรียงทีละ 𝑟 ชิ้น
𝑛!
จะเรียงได้ 𝑃𝑛,𝑟 = (𝑛−𝑟)! วิธี
Concept: การเรียงสับเปลี่ยน = การเลือก + การเรียงเส้นตรง
Ex. ร้านพี่เอสมีเสื้อ 7 ตัว พี่เอสจะสามารถนำเสือ้ 4 ตัว มาโชว์หน้าร้านเป็นเส้นตรงได้กี่วิธี
จาก มีเสื้อ 7 ตัว เลือกมา 4 ตัวแล้วเรียงเป็นเส้นตรง = การเรียงสับเปลี่ยน
7!
ดังนั้น พี่เอสเรียงหน้าร้านได้ 𝑃7,4 = (7−4)! = 840 วิธี

16
⊗ การจัดเรียง

∎ เรียงของไม่มีเงื่อนไข
มีของ 𝑛 ชิ้น (ของแตกต่างทั้งหมด)
เรียงแบบเส้นตรงได้ 𝑛! วิธี
เรียงแบบวงกลมได้ (𝑛 − 1)! วิธี
∎ เรียงของซ้า
มีของ 𝑛 ชิ้น (มีของซ้ำรวมอยู่ด้วย)
𝑛!
เรียงแบบเส้นตรงได้ (ซ้า1 )! (ซ้า2 )!… (ซ้า𝑛 )!
วิธี
∎ เรียงของติดกัน
Trick: ยัดลงในกล่อง → นับกล่องเป็น 1 ชิ้น (อย่าลืม! สลับของในกล่อง)

⊗ การนับแบบตรงข้าม

หลักการ เหตุการณ์ทสี่ นใจ (โจทย์ถาม) = ทั้งหมด – เหตุการณ์ที่ไม่สนใจ


Concept: ใช้บ่อยเมือ่ เจอ “อย่างน้อย” หรือ “อย่างมาก”

⊗ ทฤษฎีบททวินาม (Binomial Theorem)


𝑛 𝑛 𝑛
ถ้ามี (𝑥 + 𝑦)𝑛 = ( ) 𝑥 𝑛 + ( ) 𝑥 𝑛−1 𝑦 + ⋯ + ( ) 𝑦 𝑛
0 1 𝑛
𝑛 𝑛 𝑛
จะได้ ผลบวกสัมประสิทธิ์ = (0) + (1) + … + (𝑛) = 2𝑛

17

You might also like