Olympiad Biology 2021 - Genetics PDF

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 34

โครงสร1างระดับแรกสุดของสารพันธุกรรม :nucleotide

Key Concepts
- เป#นสารกลุ+ม Nucleic Acids ประกอบด2วย : น้ำตาล + ไนโตรจีนัสเบส + หมู4ฟอสเฟต
- พันธะที่เชื่อมน้ำตาลกับเบสคือ Glycosidic Bond , พันธะที่เชื่อมระหว+างหมู+ฟอสเฟตคือ Phosphoanhydride Bond
Scan me !
·nucleotide= ตาล" เบส - PO
#
Adenoline Triphosphate
= -

Nucleotide A CATPS ) >


7.3 kcal / mol
ไ องเ มoxy
nucleoside
·H ADP

sytidine triphosphate
Phosphodiester bond Deoxythymidine Diphosphate
phospoanhydride bond ICTP
P-
Pre ·
I

! /
#
I
/
(5
/
!
I
!
=>> =>
C

&
↑ ·I /
/
& I
2
( (
!
>3
↳ /

" (Hydroxyl)
( G

Glycosidic Bond
/
(

&
(


( Deoxyribose Ribose

Deoxy adenosine
I dAMP
monophosphate
nucleotide nucleotidemonophosphate *

การอ@านชื่อของ nucleotide nucleotides triphosphate *

GMP
ONLYIN
Oxygen + อnucleoside + นานห

10"
VDP #
"TMPC" eT + deoxyribose
-dt
" dUTP 1 "a utribose

ONLYIN
↓:
U.

Nitrogenous Base แบ@งเปNน 2 กลุ@มใหญ@


&

mwed > จ งonly


inมหา ย

=
Purines
2 วง

1. เบส Adenine [ A ] = Adenosine


2. เบส Guanine [ G ] = Guanosine

Pyrimidines : 1 วง

1. เบส Cytosine [ C ] = Cytidine


2. เบส Thymine [ T ] = Thymidine
3. เบส Uracil [ U ] = Uridine +ribose +deoxyribose
ต้
ก็
ลั
มี

ติ
ริ
ม่
มี
มี
มู่
ชื่
น้

กระบวนการ Nucleotide Polymerization

- นำ Nucleotide monomer มาต+อกันเป#นสายยาว โดยใช2 Phosphodiester Bond


- เรียงตัวแบบ Anti – Parallel = เหมือนขั้นบันไดเมื่อสร2างเป#นสายคู+
~เพราะ อง ใ Nitrogenous Bale ชน น

&
ห แก
&(
ฟอสเฟต า ด าย
=

-- iiiiiiii
/

8 Most ราย ,
" แล 1/ 1

GTA it

3ds DNAT
- ~diiOA ·RNA > สาย เ ยว ( SSRNA)

· 'H

8 some ssDNA virus
some dseNA virus
·
phosphodiester >) ↳
&
%
H 'H
/ Hydrogen Bond

ไฮดรอก ของ3
ล ว ด าย

โครงสร&างที่สำคัญของบันได :
1. ราวบันได = Sugar – Phosphate Back Bone
2. ขั้นบันได = Hydrogen Bond

การเชื่อมต@อพันธะระหว@าง Nitrogenous base & Chargaff’s rule

- เป#นนักวิทยาศาสตร]ที่ค2นพบความสัมพันธ]ระหว+างอัตราส+วนของ Nitrogenous Base


- เสนอแนวคิดการเท+ากันของ เบส A กับ T และ G กับ C ตามลำดับ

A=T C=G
โดยที่ A + T + C + G = 100 %

การคำนวณด&วยกฎของ Chargaff และ CG content Ratio

IP :
1.) ) A =
mostly * (
T

co content
11

↓af งท ใThor นเ า นเ นสายเ ย3ว 0 -
2.) e - 6 ยกเ น content =25%
CG ง

Quiz
1. หาก DNA สายหนึ่งมีปริมาณเบส A เท@ากับ 27 % อยากทราบว@าจะมีปริมาณของเบส G อยู@เท@าใด ? _____________________________
23/
1

2. หาก DNA สายหนึ่งมีปริมาณเบส T เท@ากับ At


62 % อยากทราบว@าจะมีปริมาณของเบส C อยู@เท@าใด ? _____________________________
24/

3. หาก DNA สายหนึ่งมีปริมาณเบส A เท@ากับ 25 % อยากทราบว@าจะมีปริมาณของเบส C อยู@เท@าใด ? _____________________________


21/
ต้
กั
สุ
ต้
สุ
ตั
ซิ
ที่มู่
คู่
สี
ข่่
ดี่
ท่
ดี
ป็

มู่
สั่
ห้
ท้
ขั้
ท้
ห้
ยิ่
นั้
ว้
ยิ่
23 AT 2 -> โต น/ค ก

( จำลองข&อสอบ ) กำหนดให1นำ DNA ของแบคทีเรียชนิดหนึ่งสายมีความยาว 51 อังสตรอม โดยมีพันธะ Hydrogen ทั้งหมด 39 พันธะ อยาก
ทราบว@า GC / AT ratio ของแบคทีเรียชนิดนี้มีค@าเท@าใด ?
3.4 A'

Soft B, 50013 จ นวน :- 16 nucleotideO


X = CG Pr AT ใจห หา Y
X/ =
①- x +4 = 16 nucleotide =71 9
②-3 ( x) + 2 ( 4) = 39
= 0.7777 ......
24+24 132

X =7, Y- 9

ประวัติการค1นพบสารพันธุกรรม
spead + Healthy
tethy b 3

·
Genetici
Frederick Griffith
- ค1นพบกระบวนการ Transformation ของ Streptocuccus pneumoniae
- Smooth Strain = มี Capsule ( Pathogenic )
- Rough Strain = ไม@มี Capsule ( Non – Pathogenic )

Avery Macleod and Mccarty


- นำ Protease , RNase , DNase มาทดลองเพื่อพิสูจนÉว@าเปNน DNA

S Dead 3 Dead >Dead


+ R
healthy
" R
healthy + Rhealthy
RNace Protease
DNaSe

4 &
*
s
healthy shealthy
↳healthy - /

Rosalind Franklin
- ใช1 x-ray diffraction ดูโครงสร1าง DNA
- พบ เส&นผZานศูนย]กลาง , DNA เปbนเกลียวเวียนขวา , ระยะของ Nucleotide

ท "1-:
0.34 3.4
ว กม

cnm
ส์
ริ
สั
รี
รั
วิ
ย่
มี


Alfred Hershey และ Martha Chase
- ใช1 Bacteriophage สนับสนุนว@า DNA เปNนสารพันธุกรรม
- P32 ติดในโมเลกุล DNA , S35 ในโมเลกุล โปรตีนของ Bacteriophage

·proper station as พบ า อใน7.co


James D. Watson และ Francis Crick


- พบว@า DNA เวียนขวา และสร1างแบบจำลองโครงสร1างของ DNA
- เชื่อว@า DNA เรียงแบบ Anti-Parallel
- เปNนสองคนที่มีดราม@าในวงการ Nobel Prize T_T

ภาพรวมการมองจากโครงสร1างของ DNA สู@การเปNนโครโมโซม

- หลักการคือวิ่งจาก DNA => Nucleosome => Solenoid => Chromatin Fiber => Chromatin Loop => Chromosome

"Snucleosome"

#fillesseammmmmmmmmmmmmsscoromantic fiber protein


to
30 am
I chromatin chromosome

planner
in

I

Histone
ที่
สิ่
ยู่
ว่
กระบวนการ Central Dogma = หัวใจคือกลไกการสร1างโปรตีนจากรหัสพันธุกรรม

chappened every
c

Translation
Transcription

↑ replication

only? cell div

Scan me !
กระบวนการจำลอง DNA ( DNA Replication ) - เกิดใน nucleus
- เกิดขึ้นในระยะ S ของ Interphase = เพิ่มปริมาณ DNA เปNนสองเท@า
Replication fork
↓ a

ให
&
· ส าง จาก 3739 ( ของ สาย
- Model of Ecoli
I semi- conservative model (
:โมเดล แบบ ง
อ ก
because
finish leading strand una

Leir
Exunuclease (Bako ห ดรอง ไ ) เกาะช
* Topoibacterman ถนน Lagging strand
&
% · ไไ อย อ แ ว
2
>28

%
& :
ยาป วนะ ความSpecificfluoroquinolones "*
dir?
DNANOTE 5g
enelbaguette 28
*
การ า
3 : &

&exs; back dna replic, back.


DNA
Template -P- P เ มจ นวนไ ไ back.
,

lestra
ตย)

phosphodiester
DNA
Ligase

bond *

I
ONA sivY ·
%
Gyrase (
... · ( primar
(= .
&
ดNickalso
% อ Nick)ใ
Topoisomerase
3
DNA
Template

::::
&NA
·
* DNA Polymerase
-> Helicase
-> 3
&

DNA Polymerase #
Finish strand
lagging (in human secreto

@@@ * I dna pold

sexonuclear be
to
exonuclear -Primase, Primosome
↓ส าง rna ไ
primer เอง )

DNAPOLE Liga
e
:· DNA 3
&

Leading
ANA Ligase: เ อมระห างOkazagifragment
+เ อมบ เวณdraps
·fo- p- p- B
&NA Primer
strand
วย Pp,

I
pyrophosphate
bonds
> ด
phosphoanhydride
* dna Pol #: งไ ใคร make sure #

ขั้นตอนที่ควรรู&
1. DNA Helicase ทำหน1าที่ สลายพันธะ Hydrogen ของ DNA สายคู@
2. DNA Topoisomerase / DNA Gyrase เข1ามาตัด Phosphodiester bond แล1วเชื่อมใหม@ = ลด DNA Tension
3. SSBP ทำหน1าที่ ป}องกันไมZให& DNA สายเดี่ยวที่แยกมา กลับเข&าไปพันกันอีกครั้ง

ณ Leading Strand ณ Lagging Strand


1. DNA Primase สร1าง RNA Primer ให1 DNA Pol III 1. DNA Primase ทำหน2าที่เติม Primer ให2 DNA Pol III
2. DNA Pol III ทำการ Polymerization จาก dNTP
2. DNA Pol IIII ทำการ Polymerization จาก dNTP
3. เมื่อไปจนสุดทางของ Pol III = จะได2 Okazaki Fragment
3. Exonuclease นำ RNA Primer ออก + เติม dNTP แทน 4. ทุก ๆ Okazaki Frament จะถูก Exonuclease นำ Primer ออก
4. DNA Ligase เชื่อม dNTP ที่มาแทน RNA Primer 5. DNA Pol I เติม dNTP เข2าไปแทนที่ Primer
-- จบละ ง@ายเนอะ -- 6. DNA Ligase เข2ามาทำหน2าที่เชื่อม Okazaki Fragment ในที่สุด
สี
ผู้
ดี
ทํ
ที่มี
ต่
ตั
ต่
ด้
ยั
ม่
มี
ด้
ม่
ด้
กึ่
นุ
พิ่
ด้
ด้
ยู่
ม่
ลุ
ริ
ติ
ชื่
รั
ค่

มี
ล้
ฏิ
ร้
ษ์
ร้
ม่
ว่
ชี
ชื่
ป•ญหาที่ปลาย 5’ ของ Linear DNA Model ↳ 3

(ของ สาย ก ส
ง าง)

1. เนื่องจาก DNA Polymerase ส@วนใหญ@ จำเปNนต1องมีปลาย 3’ สำหรับเกาะ


2. RNA Primer ที่อยู@ปลายสาย DNA เมื่อหลุดปลายแล1วจะทำให1
3. ปลาย DNA กลายเปNนปลาย 5’ และ ไมZมีตำแหนZงเกาะสำหรับ DNA Pol I
love
4. ทำให1 DNA มีขนาดสั้นลงเรื่อย ๆ ในทุก Replication Cycle :: eerstelltnucleotides
a

-> cellตาย!
า ด
าย
except. Cancer
26 merrease ena

-เซล บ น ↳riboyne

กระบวนการถอดรหัส DNA ( Transcription ) -> เ ดใน nucleus

กwere
!
จอง เ ยว
TATA Box
Evkaryote / to
101 - 1

Tribnow Box Prokaryote ↑

Steve & Template Terminator


1. INAP01 #

POL #
·INA /
*

edit
Promotor
=

*
/
Pro: MINA

pione,
8-
/
nucleotides triphosphate En : Pre- MRNA

Initiation
!
Elongation Termination Scan me !
"

ขั้นตอนที่สำคัญ

Initiation Phase Elongation Phase


Termination Phase
- Prokaryote = RNA Pol II จับกับ Promoter
- Eukaryote = Transcription Factor จับกับ Promoter ก?อน - RNA Pol II นำ NTP มา Polymerize = สรDาง mRNA - เมื่อ RNA pol II เคลื่อนมาถึง Termination Sequence
แลDวจึงตามดDวย RNA pol II - กระบวนการ Transcription จะหยุดทันที
* RNA Pol II ทำหนDาที่คลาย H – Bond *

Pre-
↑ STR ไ
mRNA Processing = หลังสร[าง mRNA ( พบได[แค4ใน Eukaryote ) /
extron "
and
resta
&

า องเ นvirus)
wan tt os e et h eh oste ss

:Ribozyme
>cellเ ห
I

gramine เ ม methyl ก.พ. 2



3
ท ลาย
ไ ใ

cell

1. pre-mRNA ถูกเติม 7-methyguanosine Triphosphate @ 5’ End = 5’ Cap


2. pre-mRNA ถูกเติม Adenine Nucleotide @ 3’ End = Poly A Tail
"ห
3. pre-mRNA ถูก Spliceosome ตัด Intron ออก + เชื่อม Intron เข[าหากัน ton

&

conttranslating regions
ที่
ง่
ธุ
ช้
อี
น้
รู้
ที่
ป็
ทิ้
ที่


ว่
ม่
ร้
ลั
มู่
กิ
ห้
ล์
สื
ก้
พั
ติ
ธุ์
Base - Tairing @ Transcription ! เบส Non -
Template อ MRNA างแ T, น

~Non- Template 7x 3- AATTAGCTAS- 3' ( อ mplates


& MINA - BAANUAGCUA3- 3
3 3
Ex - AAATTGGICATEC- 3 ( Templates
> ............ - - - - - -
9 5 meNAey?- UUUAAC( GEUA26- 32

....
-
: ↳
Template

&NA- AUC G
DNA- ATS G

:Inside
Nom Template coding strand Sense strand
I
↳ mRN A

=
DNA Template Non- Coding strand Non- sensing strand

Translation Oviz

5 AAACOURAUCUAAAGUACAUGCCCAAReleasefactor
8 v
ต่
คื
ค่
ดั้
ค ง :Previous ""
H-bondใน วเอง เ

กระบวนการแปลรหัส ( Translation ) - เกิดใน cytosol ·A-Amino Site site



Amino
เ ด
เ ามา (
·7 - Peptidyl sites site
peptidebondl
· E- Exit Site


ร ส nucleotides 3 ห อบนMRNA

·Pro
1. Initiation : ใ StartCodon
#Proformy I - Met

Met

; terpersonias lso
*

a
setto
ระ
~- ป
*
·Memo 2. Elongation ( เห ยว ใ ribosomeเค อน Poppy
เ งปก ยา

=- Polypeptide : ~Elongation

Transfer
reNA
a set
to herged
·

·ete:functitoo,title
&
=

Pro : บ วน เลย
นๆ

#ribosome บ 59CAP *
&
Translation
·โรคคอ บโร
เค คอ นส างสาร
blockof -ส าง
polypeptide ไไ -เซล
คอ
ตา
ซา

#Process Amino ส างpeptidebond :Peptidyl


sreNA ท

transferaceactivity #

3. Termination

of
· a bit
peptide
... only
·

xxx-
stop codom
· UGA - UAA ' UAG

AminoA เกาะ
charged teNA: HINA

+INA แรก

Translation แบZงเปbนสามขั้นยZอย Code MINA

ขั้น initiation
1. Small Subunit จับ mRNA
2. tRNA นำ Amino Acids มาเข2าที่ P site
3. Large Subunit เข2ามาจับกับ mRNA

ขั้น Elongation
1. เกิดการเคลื่อนของ Ribosome Complex ไปปลาย 3’
2. ใช2 Peptidyl Transferase Activtiy ต+อกรดอะมิโนตัวใหม+

ขั้น Termination
1. Ribosome Complex เคลื่อนไปเจอ Stop Codon
2. Release Factor เข2ามาที่ A site = สลาย Translation Complex
ตั
ที่
ก็
ที่
ที่
จั
ต้
ส่
ที่
ตั
ดี
ที่
ตั
มี
ม่
ด้
ร้
ข้
พิ่

ร่
ร้
ฏิ
ร้
ริ
ห้
หั
น่

ล์
กิ
ช้
ลื่
ตี
ณั

จั
ที่
ที่
นี่
ที่
* In blood: เรา
จห กฐานจาก nucleus ของ WB > #

Covid -> เ อRNA


DNA Technology พื้นฐานที่ควรรู1
Polymerase Chain Reaction
RT- P ( 2
covid- 19
I
Reverse transcrip ·

4 จ เพาะ เบ อCovid-
19

Thermal cycle

9 Ap

Mycle and Primer


Tag Polymerase W
Concepta (cofactor
9 & |


: Extension
·Thermus aquaticus
As apenaturationof ↑. .
3

ti,
the
a <bact. น มาส ด
70 - 72%
-Temp
A

3
Amnealing ·Pyrococcus furiosul
ดอลลา
2
:4 ca content M
-Temp 35- 60 ( carcheal
Temp & ร

7 0 1
-สลาย H- bond ·

5 1

Mutation of DNA
จ. น.( DNA)

28 - จ. น.
cycle
:ATTAATCCGAAA 3 Original AAA TTC
ATA 3
Muration พน ขน
lys
ผม
Point www
WAV .
Arg
5 ATTAAGCCGAAG 3
s
Mutant SAAATTS ATC s ป ทณ
ง นหมด
ws ww
wwwwrd.UAG 5 สาร
Arg Ar 9
0 result: เป ยนช ดกรด amino: missense mutation
:ไ เป ยนช ด กรด amino:sense

-
silentmutation
:ไ ส างกรดอะ โน > เป ยน เ นstop
codon) :nonsense mutation
c Insertion
↓ Deletion
I
5 AAC AAS3'
Frameshift AAS (CT,
-
AAA
· CCT s TAC TTA G

Mutation
3 AAC GCC 3' BAAT
TAA ACT.. ACT TAA ASP 3

·
พิ
กั
จู
มุ
ป็
ตั้
ชื้
สู
ริ
ต้

ร้
ลั
กั
นิ
ลี่
นิ
ม่
ลี่

น์
ม่
ติ
มิ
ชื้
ที่
ลี่
%

ว นเตา
Mendelian Genetics - เริ่มจากการศึกษา Pisum sativum oblending concept
concept ·Particulate
of inheritance
of inheritance


Homologous Chromosome
ความเห อน
Breeding bleeding

~a
al
True true
/1.) ขนาด เ า น

pollination สง
self

เ ง
to be a

centromere
/2.) ต แห งcentro mere ตรง น

·
/Rertilize /3.) ต แห ง locus ตรง น
เ ย
x

4.) ช ด Allele

Cross fertilize
&


เตย
x
ร Sister chromatid

แปลร สไ
self ( ง ~ วน อ บนdna สามารถ
FI

·Phenotype = กษณะ เ น วยตาเป า
#

นความ ง
· Locr) = ต แห งน บนโครโมโซม

T t

งเ ย Allele 1 Alleles · Allele : ปแบบ


( ( ของ น

เ ยง น
ง ง T T + + · Genotype : ปแบบ ของ แอล ลมา

Dominant
-Homozygous
73 / 23 /

-Homozygous necessive

-Heterozygovi

การทดลองของเมนเดล

1. ศึกษา ลักษณะ 7 อย4าง ของถั่วลันเตาที่ชัดเจน = ศึกษาง+าย


- สีดอก , สีเมล็ด , รูปร+างเมล็ด , สีฝÉก , รูปฝÉก , ตำแหน+งดอก , ความสูงลำต2น

2. ถั่วลันเตาเป#น พืชที่มีดอกสมบูรณtเพศ = ผสมตัวเองได2 ข2ามดอกก็ได2


3. ถั่วลันเตา อายุสั้น ปลูกง+าย มีเมล็ดเยอะ
4. นำต2นพ+อแม+ ( P ) ผสมกันได2รุ+นลูก ( F1 ) -> ให2 F1 ผสมกันได2รุ+นหลาน ( F2 )

True
Box Be ate a
fe
Breeding

Ao x

· ·
Mendel’s law – ถูกตั้งขึ้นมาสองข2อ At An Aa ac

1 A

st => A
1 Law – Law of segration *A
- กฎแห4งการแยก = แยก Homologous Chromosome Anaphase
- สัมพันธ]กับระยะ Anaphase I ของ Meiosis I I a = a

- เกิดขึ้นในทุกครั้งที่มีการสร2างเซลล]สืบพันธุ] Meiosis
1 a

Genotype = Aabb
:

nd #
2 Law – Law of independent assortment
- กฎแห+งการรวมกลุ+มอิสระ Equatorial
1 - 13 - (

Anaphase
- เห็นเมื่อพิจารณา สองลักษณะขึ้นไปเท4านั้น plate
at
the
is

a-
a

* :
- สัมพันธ]กับระยะ Metaphase I ของ Meiosis I


2
กฎ อ มา วย #
Metaphace & AABB
#กฎ
อง
1 AABDCIDE homozygous
กษณะเ ยวก เส อน ไ เ ดอะไร น
2แบบ Echtetenei 14 จารณา gammates เห อนเ ม ... ...

oneteropygous 1 ว heterozygous
#

Aa
สามารถ เ ด
การเ ยง ว ไ
I
m
AcBb
าน
=23 16 % ส

แ ไ
ว เ ดผล s: --- ...
จ.น.
:

:: a = จ.น.
gammetes
ปีสู
สู
สู
สู
ที่
ที่
ยื
ยี
ด้
ที่
สู
สู
สู
ยี
ที่
ลี
ด้
ข้
มี
ต้
ที่
ข้
ลั
ลิ
ต่
อ่
ห็
ด้
กิ
ตี้
ตี้
รี
รี
ถั่
ท่
ด้
ด้
ขึ้
กิ
กิ
ดี
ม่
อ้
ล้
ม่
ด้

ลั
ส่


มื
ยู่
กั
กั
กั
กั
ล่
ตั
มื
พิ
หั
น่
นิ
น่
ผู้
สู
:
มื
ดิ
ที่

รู
ลั
น่
ตั
รู
พื้นฐานในการคำนวณ – Monohybrid cross
!" Ao

/
1 Aa x Aa 2 &a x ad ③AA Ac & a -> gammete (
&
Aa aa AA A a A A
A A An Aa ac
A
a

geno: 1 : I
1: 1
AA An ac
geno:
I
1: 2 :
pheno: pheno = 2
A
geno: 1: a a aa

ratio เย /

& :- 1
phews : soy : 30 %
phens: 30%): 30%

themo; gammetes
ratio เ ย

73 / 23 -
%pheno:
/

Testcross = การนำ unknown ไปผสมกับ homozygous recessive เพื่อหา Genotype

1. กำหนดดอกม6วงคุมด;วยยีน P และดอกขาวคุมด;วยยีน p : หากมีดอกม6วง 1 ดอกที่ไม6ทราบ Genotype เราจะทำการทดสอบอย6างไร)


าง
app if วง :ขาว :1 :1;Pp

"ใ %- "pp it วง =1 ;pp

Backcross = การนำรุQนลูกไปผสมกับรุQนพQอแมQ เมื่อรักษาลักษณะที่ต[องการเอาไว[


AA Aa
1. กำหนดยีนกลSามเนื้อใหญWในหมูคือ A สWวนกลSามเนื้อเล็กในหมูคือ a : หากในฟาร]มมีพWอและแมWหมูกลSามเนื้อใหญWทั้งคูW ( พWอพันธุ]แทS แมWพันธุ]ทาง ) ทำยังไงจะใหSฟาร]มมีแตWหมูกลSามเนื้อใหญW
1 x
Fi
· AA x
An Back cross AA x AA

Fi & AA AA A Aa
-> AA วน F2

Checkpoint 1 : ดอก Pisum sativum มีลักษณะดอกสีม+วง ( P ) 773 จาก 1,000 ต2น ที่เหลือเป#นสีขาว ( p ) อยากทราบ Genotype ของพ+อและแม+
วง ขา

227
pheno: 773:

3. %

geno อแ
4

Pro Pr

Checkpoint 2 : หากนำพ+อเด+นและแม+ด2อยพันธุ]แท2ทั้งคู+ผสมกัน จากนั้นนำลูกชายไป Test cross จะได2ผลเหมือนการทำ Backcross หรือไม+


· At as
Test cro" มคน ... เห อน

x
#

Back Cross

Aaxane
79,99

Checkpoint 3 : ถ;าหากพ6อแม6มีลักษณะปกติ แต6ลูกคนแรกมีลักษณะผิดปกติ วันหนึ่งพ6อนอกใจไปแต6งงานใหม6กับคนทีม่ ีลักษณะผิดปกติ โอกาสที่จะได;ลูกปกติจะเป`นเท6าไร ?



Max A

Max ac

An An an ac

PC กปก ต >
4 , 30%
ม่
สู
สู
ม่
ล้
ม่
กุ
พ่
พ่
ตี้
ตี

ม่
ลู
มื
พ่
ม่
การ ณ :เ ดพ อม น
กฏ

พื้นฐานการคำนวณ - Polyhybrid cross ! ดแยก กรวาล ไ

AaBb x AaBb a . Rel



โอกาส

ถามAun" B
· น งก ง
Bb
หา า
Bb x

↑(RABB) = "

:
is 168 pcaabb): It is in PSA_B_3 = = =
I t

PCARBb): x:

AABb x Aabb P(A aBb) :4 งแคนา


:

AA > A a Bbobb PCA_ bb) =


:

At A a PCAAbb
③bbb
:I

4 กรก
ง - แคบ - Gi
AaBbCc x AABbcc
p ( Abbec

= ง
PCAABBCC) = o ns
=-
:เ

การหาอัตราส+วน Phenotype โดยการคูณสลับที่


AaBb " Aabb phew they area in
Phenotype งหมด : phe, phe,"
x
Genotype งหมด : Ge, x Gee

AB Ab aB ab
Phenotype
Aabb + Aabb ->

I Bb Bb
pheno
ration = 933 : 13

·Abb
Max A a x

AB AA B B AABb AaBR A aBb A- B- = 9 / 16 At that


a ha b8 ab sb
bb
ex. 3: 3:1 :1
( 3: 1 7 x
3 3: 1)
A- bb = 3 / 16 <3: 17 ( 1:13
ACBS Aabb bb (
( 9:3:3:13 (Aaxta) ( Bb +
aa B - = 3 / 16
aB AaBB AaBb aa BB aabb
aabb =
ab
1/ 16 ( 1:2:13 ( 1:2 :13
AaBb Aabb aaBb nabb
1 :2 :1
21:2:1 :2:4:2:
9 แบบ
genoal:
-- วง Punnettsquare :16 แบบ

62 รวม = 4 x 4 = 16 ge อง เ
น ต
& แส คว

แตก าง น : 79 (
cactually

3x3
↳เอาไ แ เ น วน
:: 16 อง
Checkpoint 9 แบบ ta นแยก A
a

าง น Aa=Aa
but, จ งๆไ
&
&

2 2

1.) กำหนดให2ยีนตาใหญ+เป#นยีนเด+นต+อตาเล็ก ยีนปìกแดงเป#นยีนเด+นต+อปìกขาว จากการศึกษาประชากรรุ+นลูก พบว+าสามารถแบ+งจำนวนเป#นกลุ+ม ๆ ตามลักษณะได2


ดังนี้ จงหา Genotype พ+อแม+

647:632:217:223 :· EeRrvEerr

/
ลักษณะของรุ+นลูก จำนวน
3: 1: 1
3:
ตาใหญ+ปìกแดง E- R- 647 3
phe:
ratio
21:13
ตาใหญ+ปìกขาว
ตาเล็กปìกแดง
Z_ rr

R-
652
217
3
(31) = &2 : rr

ee I
&

647+63 2: 217- 223


ตาเล็กปìกขาว eer r 223 1

1299:440

3 : I

R 647+C17: 632+223

1: 1
จั
สู
ต้
สู
สู
ส่
พั
กั
ต่
ที่
ช่
ส่
ต่
กิ
น็
ป็
คิ
ค่
ม่
ว่
ทั้
ทั้
ร้
ด้
ร์
ว้
รู
นั
ช่
กั
ชั่
ช่
คู
กั
ริ
ชื้
Pre งหมด :

AaBbCcx aabbcc

phean: phe, , phenx phes


: 2 x
2x 2

=8 #

AABC) x
Aabb ( c


ระ

ทั้
ลักษณะพันธุกรรมที่ถ<ายทอดแบบนอกเหนือกฎ Mendel

รูปแบบการถZายทอดแบบ Incomplete dominance

- ลักษณะเด+นข+มด2อยได2ไม+สมบูรณ]

-เ ด กษณะ งกลางผสม น ระห างPhenotype


อแ
↑ " , au !ไ ใ blending concept

ไ อนลง เ
↑ เพราะ
อย ๆ
F An expect: แดง ไ

reality : ชม
A a x A a
:· ไ Dominant,RecessiveAllele แจง
* a x a c

Fe data a

aaa
At An A a a a

uncomplete ( pheexpect
แดง ชม
ชม ขาย

the reality
i

น ไป , Incomplete
:: Incomplete
dominance Penetrance

blood
Major group = ABO

รูปแบบการถZายทอดแบบ Codominance Minor blood ar


group =

- ลักษณะเด+นข+มด2อยแบบไม+ยอมกัน :เ ด กษณะ Phenotype อแ วม น

·ไ Dominant,Recessive Allele แจง


~ ง

หาหมอ
Fa &9 - แดง ปน ขา
heat #
More re
Incomplete
Penetrance
= ~
MN codominance)
#การ realityPhenotype
=ors wer ไ ตรง บ
Expected Phenotype
Checkpoint
AA Aa
1.) หากนำหมาสีดำผสมสีเทา ข2อใดถูกต2อง
%
1.) F1 จะเป#นสีเทา ถ2าหากเป#นการควบคุมแบบ co-dominance %

%
2.) F1 จะเป#นสีขาวสลับดำ ถ2าหากเป#นการควบคุมแบบ incomplete dominance
+ 3.) F2 จะเป#นสีดำ : สีขาว = 1 : 1 หากเป#นการควบคุมแบบ Complete dominance
4.) F2 จะเป#นสีดำ : สีเทา : สีขาว = 2 : 4 : 2 หากเป#นการควบคุมแบบ incomplete dominance
%

·หา if incomplete dominance

@ AA Aa AA Aa - ค 30%,1 หา
30%


AA
&A x A G Max An / AA x

· h
AA An ac

2:
1

1:
ลั
กั
พ่
สี
อ่
ที่
พ่
ลั
ร่
ที่
ดีตั
ถึ
กั
รื่
ด้
ท้
ท้


ม่
ม่
กึ่
กิ
พู
พู
ริ
กิ
ริ
ก่
ม่
พู
ม่
ม่
ม่
กั
ม่
ว่
สู่
มี
ที่
มี
ช่
การถ4ายทอดพันธุกรรมแบบ Multiple Alleles


Ex.) ABO blood also condominance
group (

ขาย :a
as
AA ad

7 73

it
normal : ช ด ประกอบ : It isto
i

Allele มา
·

ช ด
2

aGcGA
As
* A ta

An ak
aa

KK Technique - It: A

+? : B
M. A. : ช ด Allele มาประกอบ > 2 ชด
โอกาส อยากไ กครบ ก
ห เ อด
Ai x Bi

A3 Ai Bi ii

Checkpoint

ข2อใดต+อไปนี้เป#นลูกที่เกิดจากพ+อแม+ได2 จากข2อมูลระบบเลือด ABO

หมูเลือดลูก หมู+เลือดพ+อแม+
/

* B AxA
7 O A x AB
% AB AxO
% O AB x O
/ A AB x B AB x
Bi

tici
แอล ล

กำหนดยีMน a b c d เป#น Multiple Alleles มีลำดับการข+มเป#น a > b = c > d จงบอก Genotype และ Phenotype ทั้งหมดที่เป#นไปได2

genoall: M อ
if 3 alleles

inlit cancel
4 34+ 1
10 pheno =5 แผน est
thebest
=
แบบ all
Alleles
จ. น.

ab ad ↓
า(
aa ac
res
bb ⑥cbd 2 ก ( จ.
ตร 1+....+
R
6 ( 2.3)
cd
<13.0
C

dd
สุ
ที่
ที่
ที่
ทุ
ลู
ลี
สู
ที่
บ้
นิ
นิ
มู่
ลื
ด้
นิ
นิ
คื
การถ4ายทอดพันธุกรรมแบบ Sex – Influenced Trait

·เ น ในชาย, อย ใน ห ง " : ผม, 3 ไ ผม

↓ &
t

พ.ช. 3 เว ยว : าน

พ. ญ อง BB - าน

โอรตใน ผ.ญ ใน ใน พ.ศ.


ขต

5B

ใน
พบ ณฑะของ
↑ เพศชาย

8B

·แรง ก า testosterone ในญ

การถZายทอดพันธุกรรมแบบ Sex – limited trait

· กษณะ

ใ Genotypeเห อน น จะแสดงออก แ เพศ 6 เ าน

Also แผงคอ งโต

Checkpoint
กสาวแ ไ
ว องน มา ดโอกาส จะไ กสาว

สามีภรรยาเป#น Heterozygous ของยีนศีรษะล2านทั้งคู+ หากเขามีลูกสาว ลูกคนนี้มีโอกาสศรีษะล2านเท+าไร ? *

กญ :
·โอกาส จะ

กสาว ว าน
1
BBBB โอกาสจะ กสาว
Solt * อง ด วย :

Birthits a ล.ส. ว าน
5. :*

กสาว ว าน : · #

&
288 :

สามีภรรยาเป#น Heterozygous ของยีนศีรษะล2านทั้งคู+ โอกาสที่จะได2ลูกสาวหัวล2านจะเป#นเท+าไร ? *


·

"
&
ชาย ว านแ ง บห ง ว าน &3x ผ. วเ ยง แ ว
+

ผม
B
Bts + "
3

ผม
-> ไ กพ.ญ. ว ปก
พ. ธ.

/8 :. genotype อแ
Pet
=

ครอบครัวหนึ่ง พ+อแม+ศีรษะไม+ล2านทั้งคู+ มีลูกชาย 4 คน ลูกสาว 2 คน ลูกชายคนหนึ่งศีรษะล2าน แต+ลูกสาวศีรษะไม+ล2านทั้งคู+


- จงหา genotype ของพ+อแม+
- หากลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัวนีไ้ ปแต+งงานกับชายศีรษะล2าน ปรากฏว+าได2ลูกสาวศีรษะล2าน โอกาสที่จะได2ลูกชายคนต+อไปศีรษะล2านเป#นเท+าไร ?
·= 8 bit, B #

BBBB
siplaceisright :

Bitte issites
:

Prev ) ·
ต้
มี
อั
ล้
ต้
ล้
ตั
มี
มี
ที่ต่
ก็
มีลู
สิ
หั
มีลู
ที่
ลู
ที่
ติ
ต้
หั
ด้
มีลู
ที่
ติ
ที่หั
ลู
หั
กั
หั
ก็
ตั
หั
ลู
พ่
มี
พ่
ท่
ดี
ตี
ห้

ด้
ค่
ลั
ล้
ล้
ม่
ม่
ว่
ล้
ต่
ญิ
มี
ด่
ล้
ล้
ติ
ล้
มื
ญ๋
สุ
มี
ล้
ม่
ญิ
นั้
ด้
ต้
กั
การถ4ายทอดแบบ Sex – linked gene

homologous ยกเ นเ องขนาด / centromere


เพราะ

pseudo
PAR:
autosomal region O( CUS
เ ยว น
X linked gene = ยีนที่อยู4บนโครโมโซม X

/ · บ เย * น อย
บนXchromosome
-Duchenne muscular
Dystrophy : ก.พ. แบน บา บ

- Hemophilia : เ อด ห ไหล
ด า

ส( cell ใน retina ญหา


-Color Blindness : ตาบอ cone
layer
-660D: โรคพ อง enz.7D | เ ดเ อดแดง แตก าย
G6

( glucose - 6 - phosphate dehydrogenace deficiency (

· pentoce phosphate pathway a pathway แยก ใน glycolysis


เ น บน X
-> ใ G- 6- Benz ใน การส างสารเ อ นRBC แตก าย

-โรค หมา า ( Werewolf Syndrome)


ม ษ Hypertrichosis /
****
xxxxx

Y – linked gene = ยีนที่อยู4บนโครโมโซม Y ( only 5 )

-Hairy ear · ขนยาวบน ใบ

การเขียน Genotype
es

yenXiamento
-> พ.ญ. จะ heterozygous เ ด นไ

xxxxxx
KEY WORDS ก ไ โอกาสตา นอ สโ
by , x

-> โอกาส ก ห ง
จะ

ตาบอด
-> หาก ก ห งโอกาส กคน นจะตา มนต 3 Focus เพศญา แ
Checkpoint =30 /

ตบ
เน

แมลงหวี่มียีนควบคุมสีตาอยู+บนโครโมโซม X หากผสมพันธุ]แมลงหวี่ตัวเมียตาสีขาวพันธุ]แท2 กับตัวผู2ตาสีแดงจะได2ลูก F1 หากนำ F1 ผสมกันเองจนได2 F2


จะได2 F2 ตัวผู2ตาสีขาวเท+าใด ?

↑: 25%
·XY !
" if Q: กเพศ Fe โอกาส
ใน ตา เ าไห
ขาว

xerferexia
5
=

x =30. /

Fe
xexxY xXY

นายกฤชผู2มีตาบอดสี สมรสกับนางดวงใจที่ตาปกติ มีบุตรชาย 4 คนปกติ บุตรหญิง 2 คนปกติ หลังจากนั้นเค2าสมรสครั้งที่สองกับนาง หฤทัยตาปกติ มีบุตรหญิงตาบอดสี


บุตรหญิงปกติ บุตรชายตาบอดสี และบุตรชายตาปกติ อยากรู2 genotype ของนางดวงใจและนางหฤทัย
แอบ
โอการ
:: genotype โอกาสมากก
①* * Ee, นาง

ดวงใจ : ***, xye


x นาง
หฤ ย:xxe
x
2

******
ที่
มี
ยื
ยี
สิดี
มีปั
ดี
ช้
ง่
ง่
กั
มี
ลู
ที่
ตี
มี
ที่
ที่
มีลู
ที่ลู
หู
มี
ผู้
มี
มี
ลี
ด่
ลื
กิ
ด้
ดี
ป็
ม็
พื่
ด้
ท่
รื่
ลี
ด้
ยุ
นั้
ค่
ร่
สี
ผู้
นุ
รี
ผู้
ลี
ทั
ด้
ขึ้
ญิ
ลื
ว้
กั
รี
ป่
ว่
หู
ญิ
ช้
ย์
สี
ร่
ร้
ลู
ลู
ที่
4 ใ หลาย ใน
น การแสดงออก 7. : หลายระ บ

ลนทรงพล วห ง:ARSOCCOd
เจ
ระ บ ค. บาง

การถ4ายทอดแบบ Polygene GABBCCD O


-

ก ๆAllele เ น :1
ระ บ

::: หา ยา > ลด 1 ระ บ

- เกิดกับลักษณะที่ต2องใช2หลายยีนในการแสดงออก tabbC( DD - 6

- ระดับการแสดงออกของ Phenotype แปรผันตาม allele


- สิ่งแวดล2อมมีผลต+อการแสดงออก Multifactorial trait
-> อ น ษฐาน
- สีผิวของคน ความสูงของคน สีของเมล็ดข2าว , IQ -> แปร น แบบ อเ อง

- สังเกตที่การค+อย ๆ เพิ่มขึ้นของ Phenotype


เ ดระ บ V
นแ วถาม :โอกาส จะ
Its ค รอ ส

โดย บอกกราฟ

1 AABBCC =
aabbcc จ. น. normal distribution curvealways
2 only allele ไ ด งแวด อม
·Pascal
~
triangle #
Fi
Aabb cc x AaBb) ↳ ค. เ ม
-

เ อ กราฟnormaldistributiona polygene ม วย น
I ## IV v VI VII

·· จารณา Extreme phenotype การใ Pascal &


"
Triangle บPolygene
in=s ·Allel'
ex. " & =2
Allele
Le 1 2 | >4 ' =จ.น. น
:: 4 = จ นวน น 4 Alle /
I 3
& 3
!

1 a 6 4 1 ·12 = . Alleles
-

1 - 10 - 10 5
1

>MY = 6 Alleles

8 1320 13 a lit
I
I

AaBb x A aBb
โอกาส เ ดมาก ด
ค. งระ บ3 :
A/
แถว: Allele + 1

Checkpoint

1.) กำหนดความสูงให2ถูกคุมด2วยยีน abcde โดยกำหนดให2คนที่เป#น Homozygous dominant มีความสูง 170 cm


และคนที่เป#น Homozygous Recessive สูง 100 cm จงตอบคำถามต+อไปนี้ AABBCCDDEE = 170
· เ ม

a.) คนที่เป#น AABbCcDdee จะมีความสูงพอ ๆ กับ aaBBCCDdee ( True / False )


↑70 cm. 10 alleles a
callele:
Ican

<- - - - - -
aabbccddee: Nana - - -
=-
100

b.) จากข2อ a. แต+ละคนจะมีความสูงประมาณเท+าไร ? 133


c.) หากชาย AaBbCcDdEe มีลูกกับหญิง AaBbCcDdEe จะมีโอกาสได2ลูกความสูงเท+าไรมากที่สุด ?
ก:AaBbCcDdEe ( โอกาสมาก ด

-> 135 CM.

2.) ข2อใดไม+เกี่ยวข2อกับ Polygene


↑ญ
a. ปลูกข2าวที่ไทยได2 500 ต2น แต+ไปปลูกที่อเมริกาได2 700 ต2น
b. ผสมหมูตัวเล็กกับตัวใหญú ได2ลูกขนาดไล+เลี่ยกันตั้งแต+เล็กไปใหญ+ 17 ตัว -

c. ผักกาดผสมพันธุ]กัน ได2ลูกที่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว+างสองสายพันธุ]
%d. พี่น2องสองคนมีหมูเลือด AB เหมือนกันหมด

multiple alkeele incomplete dominance : นเ ย

polygene = หลาย น
มี
ยิ
ผิ
สี
ทุ
ต่
พั
ที่
กั
ที่
คิ
กี่ยี
ด้
นี้คุ
ถู
ผิ
กั
สู
ยี
ยื
ที่
ที่
ยี
ยื
ที่
ลู
มี
ม่
ข้
ด่
มื่
กิ
สุ

สิ่
ดี
ล้
ดั
สุ
ดั
ดั
พิ่
ดั
ดั
ดั
พิ
กิ
ช้
ข้
นั
นื่
ช้
ล้
สั
นิ
ที่
ม่
Reed Ex อ :
ห MN , แ
เ น น ->วางแผน จะ
MN ก3คนโดย
อยากไ MN 1คน ห
กชาย ง กก 2 คน

lodSeo) (
MN + MN

ก ณณลI
& เ ง ง

·cs

สวน บ น เ ยก " +i3 ปแบบ การ เ ดเ

MN * M N
↓อ. นพ. case

1 x 3 2 จ.พ. ปแบบ
MM en MN NN 256
:I
<ร
หา จ นวน case / ปแบบ
236 () = = = = 3

CnR เ อ วยใ ครบ ก เค


(4) : วง มะ

ex(): : : 10 แบบ

Ex. อ MN แ MN ก
10 คน ; อยาก ช MN 3 คน
ญ กา
กา >
คน

(Ex)" ( extr) ( 1 :
( เ อกเ นเลข อย ด

EX. อ Aa aa จะ ก 12 3 คน AAA
แ คน,
Gaa 9คน

")()" (
มีลู
ลู
กุ
ถุ
ผู้
ตั
รี
วิ
รู
รู
รู
ช่
ทุ
ช่
มี
ลู
สุ
น้
มีลู
ม่
กิ
ธี
ป็
ม่
ม่
ห้
กิ่

ญิ
มู่
ก๋
ช่
รี
ลื
พ่
พ่
พื่
กั
ด้
พ่
การถ4ายทอดแบบ Autosomal – Linked Gene

- เมื่อพิจารณายีนที่อยู+บนโครโมโซมดียวกันของโครโมโซมร+างกาย
- เมื่อยีนอยู+ใกล2กัน จะทำให2มีโอกาสถ+ายทอดไปด2วยกันสูง = ลดโอกาส Crossing Over
- ทำให2ลักษณะของลูกที่เกิดมา มักจะไม+ได2ออกมาเป#นอัตราส+วนที่ปกติตามที่คำนวณ
If not linked

Keypoint is the concept


*****
If I rabb
A

Normal go * น ใก นจะไ อย อยากแยก : ใก A. Bunlinked Artfabbleslabria


ga aabb
ga
AaBb + gene
ออกจาก น

Autocortical linkedgene
aa,
Max Bb = 66

-"" "" "" "" "


=ร ส :Motor = "* *
&0 20 ( M
1

prophase
#

aapb: Aab
·I these and passidabs:
took
at
aabb
the

2 } centiMorgan 2 ห วย
10% 10 %

aabb Rabb ของระยะ วงของ



20 c M

=C- 3cm
3.1.2.0.
:: งใก : แยกยาก

Checkpoint 2 จะ ไ าเ น linked
gene
จนก า
จะ
ตรา วน / ก หนดใ

หากนำแมลงหวี่ตาสีแดงลำตัวสีเทา ( WY / wy ) ผสมกับแมลงหวี่ตาสีเหลืองลำตัวสีขาว ( wy/wy ) จะได2ลูกแบบใดมากที่สุด ?


! อ งเกต
W - -w
if
-

w
- %

-Y

- Y
30 ( M

linkage
10


2 ratio ของ พวก

%. C. 0. = 30
wwYy wwyy
31
W - w - - -
35 - 70%
=
-w

Y -- :. 3.5:3.3: 1.5:1.3
y y -- Y

Newly / Wwyy,

(AB/ ab)
หากนำ AaBb x aabb โดยที่ A และ B อยู+บนโครโมโซมเดียวกัน ส+วน a และ b ก็อยู+อีกโครโมโซม จะได2ลูกเป#นอัตราส+วนตามข2อใด ?
a. AaBb : aabb = 3 : 1
b. AaBb : Aabb : aaBb : aabb = 1 : 1 : 1 : 1
c. AaBb : Aabb : aaBb : aabb = 9 : 3 : 3 : 1
d. AaBb + aabb > Aabb + aaBb
%
e. AaBb + Aabb > aaBb + aabb

~: AaBb, cabb
&-- a

B -- b

* aaBb, tabl
*

:
ที่
กั
กั
ยี
ห่
ว่
ดูอั
กั
ยิ่
ป็

ม่
ม่
ข้
ห้
ด้
ล้
ค่
รู้
ล้
ยี
ล้
ยิ่
สั
ว่
ส่
หั
น่
Pedigree – พงศาวลี ที่ไม4ใช4แบรนดtอาหารสุนัขอะครับ what
happened to
organelles when well dir

- หัวใจคือให2มาเพื่อดูการถ+ายทอดพันธุกรรมในครอบครัว = หา Genotype , รูปแบบการถ+ายทอดของลักษณะที่สงสัย

· Autosomal Recessive
Autosomal ·· Autosomal Dominant
Key Features · Dominant 2A- 3

& & · Recessive an

fortreely stato
#

molto

#
/ 3
&
2

อ มาก
x - linked
#
o Dominant 2x1 ความ อน ขาย => กา ขอ า
% 2
MMAMA Auto Re
· Recessive ex** * *
#อา มาก =อา
อย #
-ชาย -ห ง
ทา ด : เ นโรค Y- linked
**

ฝ¢กวิเคราะห]รูปแบบการถ+ายทอดพันธุกรรม

linked

↓โอกาส
x-

การ เ นโรค ในเพศชาย ม ชะเธศญ


:. เ อก ตอบ x-
linked Autosomal
เพราะ

คา ร จะก ระ ย

Autosomal Recessive
Autosomal dominant x- linked recessive

Autosomal Recessive x - linked Dominant Autosomal Dominance


ต่
ชื่
ก้
น้
ล้
ป็
ป็

ผู

ยุ
ลื
ญิ
สี
ยุ
Key concept เบื้องหลังวิชามาร
ชามาร
· *ง
=:: สง ยAuto- Re Auto- DO

x - linked recessive :
*
· า;แ เ น :
·Auth กชาย อง เ นว
↓a
กชาย +leastเ นพาหะ
Y

x- linked Dominant

#- Ar ·*X7; ~อ
กสาว
if อเ น : กสาว อง เ น

4*
0-1

#Edid lyrs

********
4- linked
ex
hairy- ear
วิ
ลู
สี
ต้
ลู
พ่
ตั
ลู
ต้
ลู
ป็
ป็
ม่
ป็
ป็
ป็
ร้
ช่
สั
คี่
สั
ชน Mendelian Genetics Past Papers
&

9 Ref
1.หากนักเรียนทดลองผสมพืชที่มีจีโนไทปàดังต4อไปนี้ pheรวม : phe," these phest... phem -- caddff- &
&
1. The two phe, phee...
x

AaBBCcDdFfGG x AAbbCcDdffGg = (x1x2x2x2x 1 2. Ge ราม : Ge, x


Ge, ...
=8 แบบ 3. 2; ntheterozygous
ข2อใดไม+ถูกต2อง ge ราม 2x1x3x3x 2x 2

-ก. จะได2ลูกที่มีฟìโนไทป£แตกต+างกัน 8 แบบ ↑1 - 8 / =72 แบบ

72

ข. จะได2ลูกที่มีจีโนไทป£แตกต+างกัน 108 แบบ


*
-

/ค. มีความน+าจะเป#นที่ได2ลูกที่มีจีโนไทป£เป#น homozygous recessive ของยีน 3 ตาแหน+ง ⑧

/ง. ต2น AaBBCcDdFfGG สามารถสร2างเซลล]สืบพันธุ]ที่มีจีโนไทป£หลากหลายได2มากกว+าต2น AAbbCcDdffGg /


3
&" &
>
&

2.หากนักเรียนทดลองผสมพืชที่มีจีโนไทปดังตQอไปนี้ Ref
A B C DE = G
(ต;นพ6อ) aaBbCcDDEeFfgg x AAbbccDdEeffGg (ต;นแม6) be = 1x2x2x2x3" 2x2 sperm, egg
- gammete > เซล น

ข;อใดไม6ถกู ต;อง =96


Phe: 1x2x2x1x2x2x2
แบบ
ของ อแ

gammetes gammetes
ก. sperms ที่มาปฏิสนธิมีจีโนไทปหลากหลายกว6า eggs -> gammete, น อง " แ
-
-
%
M"
=32 แบบ

ข. ลูกที่ได;มีจีโนไทป และฟhโนไทปแตกต6างกัน 96 และ 32 แบบตามลาดับ /


ค. ลูกที่ได;จะมีจีโนไทปเป`น homozygous recessive ได;มากที่สุด 6 ยีน *


<
=

ง. ลูกที่ได;จะมีจีโนไทปเป`น heterozygous ได;มากที่สุด 7 ยีน /

-Polygene
3.กำหนดให[ลักษณะความยาวหูกระต4ายควบคุมด[วยยีน 5 คู4 แอลลีลเด4นของแต4ละยีนทำให[หูกระต4ายยาวขึ้น เท4า ๆ กันกระต4ายที่มีจีโนไทปเปäน
homozygous recessive และ homozygous dominant มีความยาวหู 15 เซนติเมตร และ 30 เซนติเมตร ตามลำดับ ข[อใดไม4ถูกต[อง
ก เจอ
างๆ
กา อแ / also environment
aabbed Piด อม "sabbccdBEE ->
aabb > >PPEE & ง

ไ Ivr
ลง ว เพราะ Multifactorialtrait (8)
|
4 หาร
เ น Multifactorial
ก. เมื่อผสมพันธุ]กระต+ายหูยาว
* 20 เซนติเมตร 2 ตัวจะไม+ม*
ีโอกาสได2ลูกหูยาวมากกว+าพ+อแม+ AABBCIddee - 19 + (1.3) ( 6 ) left a
Polygene trait

/ ข. กระต+ายที่มีจีโนไทปแบบ homozygous dominant 3 ยีน และ homozygous recessive 2 ยีน มีความยาวหู24 เซนติเมตร
19+902& AABBCCDDEE " :สายลม อ

-> IAllele ios 1.5 Cr.

/ค. เมื่อผสมพันธุ]ระหว+างกระต+ายที่มีจีโนไทป heterozygous ของทุกยีน จะมีโอกาสได2รุ+นลูกความยาวหู 22.5เซนติเมตรมากที่สุด ↳


/ง. เมื่อผสมพันธุ]ระหว+างกระต+ายหูยาว 15 เซนติเมตรและ 30 เซนติเมตร จะมีโอกาสได2รุ+นลูกความยาวหู 22.5เซนติเมตรทุกตัว ↓
aabbeeddee 13

A aBbCcDd Ze

5
15 + ( 1.33 ( 37
aabbccddee P ( max)
AABBCCDDEE เอา กษณะ
↓ ·13 + 7.5
=22.5
A aBbCcDdEe ความ าจะเ ก
น าร
เ ด เยอะ ด
จาก มา ณ น
ก น

4. ข[อความใดกล4าวถูกต[องเกี่ยวกับพอลิยีน ส
น า มาก 1 โล

* ก. ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีแอลลีลของยีนมากกว+า 2 คู+ แต+ละคู+ควบคุมการแสดงออกของฟìโนไทป£ที+แตกต+างกัน -> Multiple allele


อเ อง
ข. ลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมโดยพอลิยีนให2ฟìโนไทป£แปรผันแบบไม+ต+อเนื่อง ไ
Ref polygene จะอ บนโครโมโซม
% เ ยว

คนละเอง ยา
% ค. ยีนที่เป#นพอลิยีนจะมีแอลลีลทั้งหมดที่ควบคุมลักษณะเดียวกันอยู+บนโลคัสเดียวกัน
ง. ลักษณะที่แสดงออกจะลดหลั่นกันขึ้นอยู+กับจานวนของแอลลีลเด+นและด2อยทีม่ ี
%
กุ
พั
สื่
พ่
พ่
ต้
พ่
สู
ล้
ที่มี
ลั
ต่
ลู
ต่
คั
ว่
ยื
กั
คู
ยื
ทุ
ที่
ดี
กิ
ป็
ว่
สุ
ด้
ม่
ยู่
ธ์
ล์
ตั
ม่
ม่
นื่
ม่
น่
ลิ้
ป็
st
self
#

5. ในการทดลองผสมลักษณะเดียวของ Mendel ข[อใดแสดงลาดับของการทดลองถูกต[อง ·P 9 Ant pollination


·Fa
*
#for pure
in
ei

ก. cross pollination ถั่วลันเตา heterozygous ในรุ +น P ได2ลูก heterozygous ในรุ+น F1 จากนั้น self pollination Cross pollination
ใ ไ ก น Fa
ลูกรุ+น F1 ได2 ลูก pure line และ heterozygous ในรุ+น F2
* ข. self pollination ถั่วลันเตา pure line ในรุ+น P ได2ลูก heterozygous ในรุ+น F1 จากนั้น cross pollination ลูกรุ+น F1 ได2 ลูก pure line
*

และ heterozygous ในรุ+น F2


ลค. cross pollination ถั่วลันเตา pure line ในรุ+น P ได2ลูก heterozygous ในรุ+น F1 จากนั้น self pollination ลูก รุ+น F1 ได2 ลูก pure line
และ heterozygous ในรุ+น F2
% ง. self pollination ถั่วลันเตา heterozygous ในรุ+น P ได2ลูก pure line ในรุ+น F1 จากนั้น cross pollination ลูก รุ+น F1 ได2 ลูก pure line
และ heterozygous ในรุ+น F2
Red R
6. ในการทดลองผสมลักษณะเดียวของ Mendel ความน4าจะเปäนของการทดลองและผลที่ได[ในข[อใดไม4ถูกต[อง - -

gammete แบบ เ ย
ก. ความน+าจะเป#นของ sperm แต+ละแบบของต2นในรุ+น P มีค+าเท+ากับ 1 เ น
OPP App↑
เพราะ

⑤ก 8 homozygous
ข. ความน+าจะเป#นของ egg แต+ละแบบของต2นในรุ+น F1 มีค+าเท+ากับ 1
% * 1 x
Pp
8
ค. ความน+าจะเป#นของจีโนไทปแต+ละแบบของต2นในรุ+น F1 คำนวณโดยใช2กฎการคูณเท+านั้น 0.3 0.5 pppp
⑤10 pp

ง. ความน+าจะเป#นของจีโนไทปแต+ละแบบของต2นในรุ+น F2 คำนวณโดยใช2กฎการบวกและการคูณ
&
&
·8. อ = ·
! น

** -> กฏ
การ ณ

It is กฎ การมาก

7.จากข[อมูลเกี่ยวกับลักษณะ (ฟêโนไทป) ของถั่วลันเตาต4อไปนีผ้ ลการทดลองในข[อใดไม4ถูกต[อง

ลักษณะเด+น ลักษณะด2อย
ดอกสีม+วง
ต2นสูง
&
T
ดอกสีขาว
ต2นเตี้ย
% กษณะเห อน
phenotype เห อน
เมล็ดสีเหลือง Y
เมล็ดสีเขียว
· อ า ม ด กcase
เมล็ดกลม & เมล็ดย+น
⑧ ⑤ &

Tipexttpp -> Thep ecttpp) " .: "" #


-> PST_ P_) =

ก. เมื่อผสมถั่วลันเตา homozygous ต2นสูงดอกสีม+วง กับถั่วลันเตา homozygous ต2นเตี้ยดอกสีขาวในรุ+น P ความน+าจะเป#นที่จะได2ลูกรุ+น F2


phenotype
มีลักษณะเหมือนกับต2นในรุ+น P เท+ากับ 10 ส+วน 16 / :- deno อย / เห อน

ข. เมื่อผสมถั่วลันเตา homozygous ต2นสูงเมล็ดสีเหลือง กับถั่วลันเตา homozygous ต2นเตี้ยเมล็ดสีเขียวในรุ+น P ความน+า/


+ จะเป#นที่จะได2ลูกรุ+น F2
มีลักษณะต+างจากต2นในรุ+น P เท+ากับ 6 ส+วน 16 VTTTY Ittyy -> fly ->: pitygap pHUTP is it is the
ค. เมื่อผสมถั่วลันเตา homozygous ดอกสีม+วงเมล็ดย+น กับถั่วลันเตา homozygous ดอกสีขาวเมล็ดกลมในรุ+น P ความน+าจะเป#นที่จะได2ลูกรุ+น F2
มีลักษณะเหมือนกับต2นในรุ+น P เท+ากับ 6 ส+วน 16 ป PPUr* PPRR & Per -> 037_ น ว ( ก ง ด -

G

ง. เมื่อผสมถั่วลันเตา homozygous ต2นสูงเมล็ดสีเหลือง กับถั่วลันเตา homozygous ต2นเตี้ยเมล็ดสีเขียวในรุ+น P ความน+าจะเป#นที่จะได2ลูกรุ+น F2


=
มีลักษณะต+างจากต2นในรุ+น P เท+ากับ 10 ส+วน 16 *

8 .จากข[อมูลในข[อ 7. ผลการทดลองในข[อใดไม4ถูกต[อง a
phenotype
ก. เมื่อผสมถั่วลันเตา heterozygous ต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม 2 ต2น จะมีความน+าจะเป#นที่ได2ลูกที่มีลักษณะ
ต+างจากต2นพ+อแม+ และมีจีโนไทปของทุกยีนเป#น homozygous เท+ากับ 9 ส+วน 64
ข. เมื่อผสมถั่วลันเตา heterozygous ต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม 2 ต2น จะมีความน+าจะเป#นที่ได2ลูกที่มีลักษณะ /
&
เหมือนกับต2นพ+อแม+ แต+มีจีโนไทปของทุกยีนเป#น homozygous เท+ากับ 1 ส+วน 64 =pheหน อmozygous : PSTTPR2): ( 1) a

ค. เมื่อผสมถั่วลันเตา heterozygous ดอกสีม+วงเมล็ดกลมสีเหลือง กับถั่วลันเตา homozygous ดอกสีม+วง


เมล็ดย+นสีเหลือง จะได2ลูกที่มีลักษณะต+างกัน 2 แบบเท+านั้น Periy PPurit: phe:
x 1x2x1 = 2

ง. เมื่อนำเรณูของถั่วลันเตา homozygous ดอกสีขาวเมล็ดย+นสีเหลือง มาถ+ายลงบนเกสรตัวเมียของถั่วลันเตา


homozygous ดอกสีม+วงเมล็ดกลมสีเขียว จะไม+ได2ลูกที่มีลักษณะเหมือนต2นแม+เลย
รุ่
ลู
ทุ
คิ
ห้ปีนี้ห้
รั
ลึ
ตั
ชั
ช้
ดี
ป็
ด้
ห้
ผู้
มื
ลั
มื
ย่
คู
ลื
วั
มื
5. ในการทดลองผสมลักษณะเดียวของ Mendel ข[อใดแสดงลาดับของการทดลองถูกต[อง
ก. cross pollination ถั่วลันเตา heterozygous ในรุ+น P ได2ลูก heterozygous ในรุ+น F1 จากนั้น self pollination
ลูกรุ+น F1 ได2 ลูก pure line และ heterozygous ในรุ+น F2
ข. self pollination ถั่วลันเตา pure line ในรุ+น P ได2ลูก heterozygous ในรุ+น F1 จากนั้น cross pollination ลูกรุ+น F1 ได2 ลูก pure line
และ heterozygous ในรุ+น F2
ค. cross pollination ถั่วลันเตา pure line ในรุ+น P ได2ลูก heterozygous ในรุ+น F1 จากนั้น self pollination ลูก รุ+น F1 ได2 ลูก pure line
และ heterozygous ในรุ+น F2
ง. self pollination ถั่วลันเตา heterozygous ในรุ+น P ได2ลูก pure line ในรุ+น F1 จากนั้น cross pollination ลูก รุ+น F1 ได2 ลูก pure line
และ heterozygous ในรุ+น F2

6. ในการทดลองผสมลักษณะเดียวของ Mendel ความน4าจะเปäนของการทดลองและผลที่ได[ในข[อใดไม4ถูกต[อง


ก. ความน+าจะเป#นของ sperm แต+ละแบบของต2นในรุ+น P มีค+าเท+ากับ 1
ข. ความน+าจะเป#นของ egg แต+ละแบบของต2นในรุ+น F1 มีค+าเท+ากับ 1
ค. ความน+าจะเป#นของจีโนไทปแต+ละแบบของต2นในรุ+น F1 คำนวณโดยใช2กฎการคูณเท+านั้น
ง. ความน+าจะเป#นของจีโนไทปแต+ละแบบของต2นในรุ+น F2 คำนวณโดยใช2กฎการบวกและการคูณ

*7.จากข[อมูลเกี่ยวกับลักษณะ (ฟêโนไทป) ของถั่วลันเตาต4อไปนีผ้ ลการทดลองในข[อใดไม4ถูกต[อง

ลักษณะเด+น ลักษณะด2อย
ดอกสีม+วง & ดอกสีขาว
ต2นสูง ต2นเตี้ย
T

เมล็ดสีเหลือง Y
เมล็ดสีเขียว
เมล็ดกลม % เมล็ดย+น

TTPOxttps -> Thip - : ง 900


ก. เมื่อผสมถั่วลันเตา homozygous ต2นสูงดอกสีม+วง กับถั่วลันเตา homozygous ต2นเตี้ยดอกสีขาวในรุ+น P ความน+าจะเป#นที่จะได2ลูกรุ+น F2
prenotype
มีลักษณะเหมือนกับต2นในรุ+น P เท+ากับ 10 ส+วน 16 /
ข. เมื่อผสมถั่วลันเตา homozygous ต2นสูงเมล็ดสีเหลือง กับถั่วลันเตา homozygous ต2นเตี้ยเมล็ดสีเขียวในรุ+น P ความน+าจะเป#นที่จะได2ลูกรุ+น F2
มีลักษณะต+างจากต2นในรุ+น P เท+ากับ 6 ส+วน 16 o TTTYx Hey I thor a


ค. เมื่อผสมถั่วลันเตา homozygous ดอกสีม+วงเมล็ดย+น กับถั่วลันเตา homozygous ดอกสีขาวเมล็ดกลมในรุ+น P ความน+าจะเป#นที่จะได2ลูกรุ+น F2
มีลักษณะเหมือนกับต2นในรุ+น P เท+ากับ 6 ส+วน 16 ar first in de per pro?: จะม e #
la
a

ง. เมื่อผสมถั่วลันเตา homozygous ต2นสูงเมล็ดสีเหลือง กับถั่วลันเตา homozygous ต2นเตี้ยเมล็ดสีเขียวในรุ+น P ความน+าจะเป#นที่จะได2ลูกรุ+น F2


*

*
มีลักษณะต+างจากต2นในรุ+น P เท+ากับ 10 ส+วน 16 TTYYxtyy
Fa
a

IG

*8 .จากข[อมูลในข[อ 7. ผลการทดลองในข[อใดไม4ถูกต[อง it Peer Thiper per x


nette
ก. เมื่อผสมถั่วลันเตา heterozygous ต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม 2 ต2น จะมีความน+าจะเป#นที่ได2ลูกที่มีลักษณะ
*

ต+างจากต2นพ+อแม+ และมีจีโนไทปของทุกยีนเป#น homozygous เท+ากับ 9 ส+วน 64


ข. เมื่อผสมถั่วลันเตา heterozygous ต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม 2 ต2น จะมีความน+าจะเป#นที่ได2ลูกที่มีลักษณะ
เหมือนกับต2นพ+อแม+ แต+มีจีโนไทปของทุกยีนเป#น homozygous เท+ากับ 1 ส+วน 64 /TIPpRrx TAOpRr epSTTOORR)
=(I)" JR
ค. เมื่อผสมถั่วลันเตา heterozygous ดอกสีม+วงเมล็ดกลมสีเหลือง กับถั่วลันเตา homozygous ดอกสีม+วง
เมล็ดย+นสีเหลือง จะได2ลูกที่มีลักษณะต+างกัน 2 แบบเท+านั้น Perigs Perris et de - 2
ง. เมื่อนำเรณูของถั่วลันเตา homozygous ดอกสีขาวเมล็ดย+นสีเหลือง มาถ+ายลงบนเกสรตัวเมียของถั่วลันเตา
homozygous ดอกสีม+วงเมล็ดกลมสีเขียว จะไม+ได2ลูกที่มีลักษณะเหมือนต2นแม+เลย /

pprois ppedyy
a
PpRrTy
ถึ
ที่
9. จากข[อมูลเกี่ยวกับลักษณะของถั่วลันเตาต4อไปนี้ ผลการทดลองในข[อใดไม4ถูกต[อง
ลักษณะเด4น ลักษณะด[อย
ดอกสีม+วง ↑ ดอกสีขาว
ต2นสูง T

ต2นเตี2ย
เมล็ดสีเหลือง Y
เมล็ดสีเขียว
เมล็ดกลม & เมล็ดย+น

ก. เมื่อผสมถั่วลันเตาฮอมอไซกัสต2นสูงดอกสีม+วง กับถั่วลันเตาฮอมอไซกัสต2นเตี้ยดอกสีขาว จะได2 ลูกรุ+น F1 ทุกต2นเป#นต2นสูงดอกสีม+วง / เ ยว Pheno

ข. เมื่อผสมถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสต2นสูงเมล็ดสีเหลือง 2 ต2น จะได2ลูกที่มีฟìโนไทป£แตกต+างกัน 4 แบบ โดยแบบที่พบได2น2อยที่สุดคือ ต2นเตี้ยเมล็ดสีเหลือง


%
ค. เมื่อผสมถั่วลันเตาฮอมอไซกัสดอกสีขาวเมล็ดกลม กับถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสดอกสีม+วงเมล็ดกลม จะได2ลูกที่มีฟìโนไทป£แตกต+างกัน 2 แบบเท+านั้น /
ง. เมื่อผสมถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสเมล็ดกลมสีเหลือง กับถั่วลันเตาฮอมอไซกัสเมล็ดย+นสีเขียว จะได2ลูกที่มีจีโนไทป£แตกต+างกัน 4 แบบในจำนวนเท+า ๆ กัน /
ข.
ค. 9)
the THTy ↑parax ppar
ก.)
TTPOf THYy + priy rryy
x

itPl pheno= axd pheno= 2x1 = 2


genu: 2x2:
=&

ใ งพบ อย
ด :Ix
เ ยว)

· ว( เ ย

10. จากข[อมูลในข[อ 9 ผลการทดลองในข[อใดไม4ถูกต[อง


I
itparty :

ก. ถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลมสีเหลือง จะสามารถสร2างเซลล]สืบพันธุ]ที่มีจีโนไทป£แตกต+างกันได2 8 แบบ


%
/ข. เมื่อผสมถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม 2 ต2น จะมีความน+าจะเป#นที่ได2ลูกที่มีฟìโนไทป£เหมือนต2นพ+อแม+น2อยกว+า 50%
ค. เมื่อผสมถั่วลันเตาฮอมอไซกัสต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม กับถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม จะไม+ได2ลูกที่มีฟìโนไทป£เป#นต2นสูงดอกสีขาวเมล็ดกลมเลย
ง. เมื่อผสมถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสเมล็ดกลมสีเหลือง 2 ต2น จะได2ลูกที่มีจีโนไทป£แตกต+างกัน 9 แบบและฟìโนไทป£แตกต+างกัน 4 แบบ
ThPpRu x
Thepar
T- P- Re
pheno=
·*** 100
~ Ex100 : < 30%

11. ในการทดลองผสมสองลักษณะของ Mendel ความน4าจะเปäนของการทดลองและผลที่ได[ในข[อใดไม4ถูกต[อง


http
ก. ในการสร2างเซลล]สืบพันธุ]ของถั่วลันเตาในรุ+น F1 ความน+าจะเป#นของ sperm แต+ละแบบ มีค+าเท+ากันทุกแบบ +
ข. ในการสร2างเซลล]สืบพันธุ]ของถั่วลันเตาในรุ+น F1 ความน+าจะเป#นของ sperm ที่มีแต+ dominant alleles มีค+าเท+ากับ 0
&
:2.แบบ
meter
2093 0.23
0.92
=0.23-&#
(0.25)

ค. ในการสร2างเซลล]สืบพันธุ]ของถั่วลันเตาในรุ+น F1 ความน+าจะเป#นของ sperm ที่มีทั้ง dominant และrecessive alleles มีค+าเท+ากับ 0.5


ง. ในการสร2างเซลล]สืบพันธุ]ของถั่วลันเตาในรุ+น F1 ความน+าจะเป#นของ sperm แต+ละแบบ มีค+าไม+ต+างจากความน+าจะเป#นของ egg แต+ละแบบ
ttpp = #Pe ↓
F, Geno ญ
/self as pure line
เห อน น
12.ในการทดลองผสมลักษณะเดียวของ Mendel ข[อใดไม4ถูกต[อง Peppe
ก. Mendel ใช2ถั่วลันเตาที่เป#น true breeding line เป#นคู+ผสมในรุ+น P / Cross ไ Fl

ข. Mendel ใช2ถั่วลันเตาที่มีลักษณะแตกต+างกันเพียงลักษณะเดียวเป#นคู+ผสมในรุ+น P /
*
pollination
ค. Mendel ปล+อยให2ถั่วลันเตาในรุ+น P ผสมตัวเองแล2วศึกษาฟìโนไทป£ที่ปรากฏในรุ+นลูก F1 และ F2 ล
cross

ง. Mendel ใช2ถั่วลันเตาที่เป#นคู+ผสมในรุ+น P จานวน 7 คู+ รวมลักษณะที่ศึกษา 7 ลักษณะ แต+ละลักษณะมี ความแปรผันของฟìโนไทป£ 2 แบบ -

13.ในการทดลองผสมลักษณะเดียวของ Mendel ผลการทดลองหรือข[อสรุปใดไม4ถูกต[อง


ก. แต+ละลักษณะของถั่วลันเตามียีน 1 ยีนควบคุม :? factor
* ->
า แหน ด น

ข. รูปแบบของยีนแต+ละยีนมี 2 แบบ ซึ่งจะแสดงออกเป#นฟìโนไทป£Alleles)


ที่แตกต+างกัน /
1 ต แห ง ( IOc ขา) ( แ


ค. ยีนที่ควบคุมแต+ละลักษณะในถั่วลันเตามี 2 ตาแหน+ง ซึ่งจะต2องแยกจากกันเมื่อมีการสร2างเซลล]สืบพันธุ]
ง. เมื่อผสมลูก F1 ที่เป#นเฮเทอโรไซกัสจะปรากฏฟìโนไทป£ในลูกรุ+น F2 ได2 2 แบบ คือลูกที่มีลักษณะเด+น และ ด2อยในอัตราส+วน 3:1 &
สุ
น้
ยื
ว่
มี
ต่
ตี้
ร่
ขี
ขี
หื้
มื

กั
น่
ด้
ชุ
9. จากข[อมูลเกี่ยวกับลักษณะของถั่วลันเตาต4อไปนี้ ผลการทดลองในข[อใดไม4ถูกต[อง
ลักษณะเด4น ลักษณะด[อย
ดอกสีม+วง & ดอกสีขาว
ต2นสูง T

ต2นเตี2ย
เมล็ดสีเหลือง Y
เมล็ดสีเขียว
เมล็ดกลม & เมล็ดย+น

ก. เมื่อผสมถั่วลันเตาฮอมอไซกัสต2นสูงดอกสีม+วง กับถั่วลันเตาฮอมอไซกัสต2นเตี้ยดอกสีขาว จะได2 ลูกรุ+น F1 ทุกต2นเป#นต2นสูงดอกสีม+วง


Pheno
ข. เมื่อผสมถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสต2นสูงเมล็ดสีเหลือง 2 ต2น จะได2ลูกที่มีฟìโนไทป£แตกต+างกัน 4 แบบ โดยแบบที่พบได2น2อยที่สุดคือ ต2นเตี้ยเมล็ดสีเหลือง
* =>>

ค. เมื่อผสมถั่วลันเตาฮอมอไซกัสดอกสีขาวเมล็ดกลม กับถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสดอกสีม+วงเมล็ดกลม จะได2ลูกที่มีฟìโนไทป£แตกต+างกัน 2 แบบเท+านั้น


ง. เมื่อผสมถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสเมล็ดกลมสีเหลือง กับถั่วลันเตาฮอมอไซกัสเมล็ดย+นสีเขียว จะได2ลูกที่มีจีโนไทป£แตกต+างกัน 4 แบบในจำนวนเท+า ๆ กัน
P
TTP x
App ThyxThYy
The v 2.2 : 4 เ ยเ ยว

:3 : gittyy !!
3:

10. จากข[อมูลในข[อ 9 ผลการทดลองในข[อใดไม4ถูกต[อง TIPORUYY gammeteloat. 16


ก. ถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลมสีเหลือง จะสามารถสร2างเซลล]สืบพันธุ]ที่มีจีโนไทป£แตกต+างกันได2 8 แบบ
%
-ข. เมื่อผสมถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม 2 ต2น จะมีความน+าจะเป#นที่ได2ลูกที่มีฟìโนไทป£เหมือนต2นพ+อแม+น2อยกว+า 50%

ค. เมื่อผสมถั่วลันเตาฮอมอไซกัสต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม กับถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสต2นสูงดอกสีม+วงเมล็ดกลม จะไม+ได2ลูกที่มีฟìโนไทป£เป#นต2นสูงดอกสีขาวเมล็ดกลมเลย


ง. เมื่อผสมถั่วลันเตาเฮเทอโรไซกัสเมล็ดกลมสีเหลือง 2 ต2น จะได2ลูกที่มีจีโนไทป£แตกต+างกัน 9 แบบและฟìโนไทป£แตกต+างกัน 4 แบบ

beatense =
30
theper
Appers


a.

-Option
>(08
=>
11. ในการทดลองผสมสองลั กษณะของ Mendel ความน4าจะเปäนของการทดลองและผลที่ได[ในข[อใดไม4ถูกต[อง
Fi. Pp TH
ก. ในการสร2างเซลล]สืบพันธุ]ของถั่วลันเตาในรุ+น F1 ความน+าจะเป#นของ sperm แต+ละแบบ มีค+าเท+ากันทุกแบบ -
ข. ในการสร2างเซลล]สืบพันธุ]ของถั่วลันเตาในรุ+น F1 ความน+าจะเป#นของ sperm ที่มีแต+ dominant alleles มีค+าเท+ากับ 0· &
I
ค. ในการสร2างเซลล]สืบพันธุ]ของถั่วลันเตาในรุ+น F1 ความน+าจะเป#นของ sperm ที่มีทั้ง dominant และrecessive alleles มีค+าเท+ากับ 0.5↳3 0.2340.23.0.3

ง. ในการสร2างเซลล]สืบพันธุ]ของถั่วลันเตาในรุ+น F1 ความน+าจะเป#นของ sperm แต+ละแบบ มีค+าไม+ต+างจากความน+าจะเป#นของ egg แต+ละแบบ


deno o
den

G OpTH + Prid
12.ในการทดลองผสมลั=> กษณะเดียวของ Mendel ข[อใดไม4ถูกต[อง
ก. Mendel ใช2ถั่วลันเตาที่เป#น true breeding line เป#นคู+ผสมในรุ+น P /
ข. Mendel ใช2ถั่วลันเตาที่มีลักษณะแตกต+างกันเพียงลักษณะเดียวเป#นคู+ผสมในรุ+น P -
Cross
prior
&>
or

ค. Mendel ปล+อยให2ถั่วลันเตาในรุ
% +น P ผสมตัวเองแล2วศึกษาฟìโนไทป£ที่ปรากฏในรุ+นลูก F1 และ F2 %
ง. Mendel ใช2ถั่วลันเตาที่เป#นคู+ผสมในรุ+น P จานวน 7 คู+ รวมลักษณะที่ศึกษา 7 ลักษณะ แต+ละลักษณะมี ความแปรผันของฟìโนไทป£ 2 แบบ /

&>
13.ในการทดลองผสมลักษณะเดียวของ Mendel ผลการทดลองหรือข[อสรุปใดไม4ถูกต[อง
ก. แต+ละลักษณะของถั่วลันเตามียีน 1 ยีนควบคุม -
ข. รูปแบบของยีนแต+ละยีนมี 2 แบบ ซึ่งจะแสดงออกเป#นฟìโนไทป£ที่แตกต+างกัน /
ค. ยีนที่ควบคุมแต+ละลักษณะในถั่วลันเตามี &
< 2 ตาแหน+ง ซึ่งจะต2องแยกจากกันเมื่อมีการสร2างเซลล]สืบพันธุ]
ง. เมื่อผสมลูก F1 ที่เป#นเฮเทอโรไซกัสจะปรากฏฟìโนไทป£ในลูกรุ+น F2 ได2 2 แบบ คือลูกที่มีลักษณะเด+น และ ด2อยในอัตราส+วน 3:1
ขี
ตี้
14.ในการทดลองผสมสองลักษณะของ Mendel ข[อใดไม4ถูกต[อง
ก. Mendel พบลูกรุ+น F2 ที่มีจีโนไทป£แตกต+างกัน 4 แบบ pheno. Geno =
9

% 9

Phenotype
ข. Mendel พบลูกรุ+น F2 ที่มีลักษณะที่ไม+ปรากฏทั้งในรุ+น P และรุ+น F1
สรา
แ ง การรวมก ม
ค. การผสมสองลักษณะนำไปสู+การเสนอ Lawกฎof Independent Assortment
ง. Mendel ใช2ถั่วลันเตาที่เป#นคู+ผสมในรุ+น P ที่มีลักษณะแตกต+างกัน 2 ลักษณะ

15.ข[อใดแสดงลักษณะที่เปรียบเทียบกับการถ4ายทอดแบบ incomplete dominance ได[ใกล[เคียงที่สุด


ก.ซักเสื้อกล2ามสีขาวร+วมกับเสื้อสีแดงได2เสื้อกล2ามสีขมพู
#

ข. หยดสีน้ำมันสีแดงลงบนผ2าใบสีขาวได2งานศิลปลายจุด
ค. ปÉกด2ายสีน้ำเงินลงบนเสื้อนักเรียน ได2เสื้อที่มีชื่อของนักเรียนเป#นเจ2าของ
ง. นำกระโปรงนักเรียนสีซีดไปย2อมคราม ได2กระโปรงสีสดเหมือนซื้อใหม+

16.ข[อใดแสดงลักษณะที่มีการถ4ายทอดแบบ incomplete dominance


Co- dominance

ก. ผสมคาเมลเลียดอกสีแดง กับดอกสีขาว ได2ลูกดอกสีแดงสลับลายขาว ทุกต2น


ข. ผสมพริมูลาดอกสีขาว 2 ต2น ได2ลูกต2นดอกสีขาว และต2นดอกสีฟßา ในอัตราส+วน 13:3 Epistasis
ค. ผสมถั่วหวานดอกสีม+วง 2 ต2น ได2ลูกต2นดอกสีม+วง และต2นดอกสีขาว ในอัตราส+วน 9:7
ง. ผสมลิ้นมังกรสีแมดง 2 ต2น ได2ลูกต2นดอกสีแดง ต2นดอกสีชมพู และต2นดอกสีขาว ในอัตราส+วน 1:2:1
<

17.ข[อใดไม4พบในยีนที่มีการถ4ายทอดแบบ multiple allele


ก. ในสิ่งมีชีวิต 1 ตัว อาจพบ allele ของยีนนี้ได2มากกว+า 2 แบบ
ข. ในสิ่งมีชีวิต 1 ตัว อาจพบ allele ของยีนนี้ได2น2อยกว+า 2 แบบ
+

ค. ในประชากรของสิ่งมีชีวิต 1 ชนิด อาจพบ dominant allele ของยีนนี้ได2มากกว+า 2 แบบ


ง. ในประชากรของสิ่งมีชีวิต 1 ชนิด อาจพบความสัมพันธ]ระหว+าง allele ของยีนนี้ที่ไม+เป#นไปตามแบบของ Mendel
A B &R Or rr

18 หากสีของดอกไม[ชนิดหนึ่งมีการถ4ายทอดแบบ multiple allele ในขณะที่ความยาวของช4อดอกมีการถ4ายทอดแบบ incomplete dominant


ผลการผสมในข[อใดไม4น4าเกิดขึ้นได[ ii
* ix ti ->
ก. ผสมต2นพ+อแม+ที่มีสีดอกเหมือนกัน แต+ได2ลูกที่มีสีดอกต+างออกไป /
ข. ผสมต2นที่มีช+อดอกสั้น กับต2นที่มีช+อดอกยาว ได2ลูกที่มีช+อยาวกึ่งกลางของพ+อแม+ r RRxrr - Ru AIRL x Airr
ค. ผสมต2นพ+อแม+ที่มีสีดอกเหมือนกัน แต+ช+อดอกยาวไม+เท+ากัน ได2&
* ลูกทั้งหมดที่มีสีและความยาวช+อเหมือนต2นพ+อแม+ต2นใดต2นหนึ่ง
~
↳ R-
↳A-
ง. ผสมต2นพ+อแม+ที่มีสีดอกต+างกัน แต+ช+อดอกยาวเท+ากัน ได2ลูกจานวนหนึ่งที่มีสีดอกเหมือนต2นพ+อและอีกจานวนหนึ่งมีสีดอกเหมือนต2นแม+ but A_ rV

jirr
แต+ลูกทั้งหมดมีความยาวช+อเท+ากัน -ไ เห อนใคร

19. การแสดงออกของลักษณะศีรษะล[านเปäนลักษณะที่อยู4ภายใต[อิทธิพลเพศ (sex-influenced traits) ถ[า


B เปäนแอลลีลที่ควบคุมลักษณะศีรษะล[านและ b ควบคุมลักษณะศีรษะไม4ล[าน ข[อความใดต4อไปนี้ถูกต[อง
t
ก. BB จะมีลักษณะศีรษะล2านในเพศชาย แต+เพศหญิงศีรษะไม+ล2าน
*ข. Bb จะมีลักษณะศีรษะล2านในเพศชาย แต+เพศหญิงศีรษะไม+ล2าน
ค. bb จะมีลักษณะศีรษะล2านเฉพาะในเพศหญิง
ง. ข2อความทั้งหมดถูกต2อง

20..ลักษณะตาบอดสีเปäนลักษณะด[อยบนโครโมโซม X หากหญิงตาปกติที่มีพ4อเปäนตาบอดสีแต4งงานกับ ชายตาปกติ มีโอกาสที่จะมีลูกชายตาบอดสีเปäนเท4าใด

****

xtat xty Y
23 )
ผู
ชิ
อิ
ห่
มื
ม่
ลุ่
ข%อสอบ Challenge

1. สีดอกของพืชชนิดหนึ่ง ควบคุมโดยยีน 3 คู+ คือ ยีน A, B และ C แอลลีล A ควบคุมลักษณะ จุดสีแดง แอลลีล B ควบคุมลักษณะ จุดสีเหลือง และ
แอลลีล C ควบคุมลักษณะ จุดสีน2าเงิน ทั้ง 3 เป#นแอลลีลเด+นข+มสมบูรณ]ต+อ แอลลีลด2อย (ควบคุมลักษณะไม+มีจุดสี) คือ a, b และ c ตามลำดับ ยีนทั้ง 3
อยู+บนโครโมโซมเดียวกัน และ ควบคุมการแสดงออกของลักษณะร+วมกัน ถ2านำพืชที่มีจีโนไทป AaBbCc (ยีนมีการเรียงตัวบนโครโมโซมดัง ภาพ)
ซึ่งมีกลีบดอกเป#นจุดสีน2าเงิน จุดสีแดง และจุดสีเหลือง มาผสมกับพืชที่มีจีโนไทป aabbcc ซึ่งกลีบดอกไม+ มีจุดสี ลักษณะใดมีโอกาสพบได2น2อยที่สุดในรุ+นลูก
* -- a - a

ก. กลีบดอกไม+มีจุดสี *
B -- b ↑
- b

ข. กลีบดอกเป#นจุดสีแดง และ จุดสีเหลือง C-- C - C

ค. กลีบดอกเป#นจุดสีเหลือง และ จุดสีน2าเงิน


ง. กลีบดอกเป#นจุดสีน2าเงิน และ จุดสีแดง
*


เ ดเยอะไ C.O. ก เ ด อย : C.O. จารณา centi
Morgan
ค รอส C
สA ค รอส B

: : : .↓
a- ค รอ
-C

C- - C
- b

E IS BEEY, BEEY in /
นงต.·E ESC
Aarbic aabbcc ง ล

-BA-
S
ต. ล. ฯ ไ
f EY มา
ค รอ ส A=
AB.
5+
B- 5
-> 13

& ล
ค รอ ส B = 3+5

FB = =
29.
5- minimum
ค รอ ส 3 = 10+
-A

2. ข2อใดถูกต2องเกี่ยวกับโรคพันธุ กรรมที่มลี ักษณะดังนี้


คง
อาการ แบบ าจะ x-inactivation / อาการค ง อ

* ท ใ พ.ญ. เ นโรค : heterozygovi

(i) มีปานแดงสีเข2มขนาดใหญ+บนลาตัว ผู2ป©วยแต+ละคนมีตำแหน+งปานแตกต+างกัน ดังตัวอย+างในรูป


(ii) แสดงอาการตั้งแต+วัยเด็ก พบในเพศหญิงเท+านั้น
(iii) ข2อมูลสถิติชี้ว+า ครอบครัวของหญิงที่เป#นโรคกับชายปกติ มีสัดส+วนลักษณะของลูก ดังนี้
ลูกสาวปกติ: ลูกสาวเป#นโรค: ลูกชายปกติ: ลูกชายที่แท2งก+อนคลอด อัตราส+วน 1:1:1:1
ก. สิ่งแวดล2อมเป#นปÉจจัยหลักที่ควบคุมตำแหน+งของปาน
ข. ชายปกติไม+แสดงอาการของโรคเพราะอิทธิพลของฮอร]โมน
ค. หญิงที่เป#นโรคทุกคนมีจีโนไทปแบบ heterozygous
*
xxt -> m เพราะ ย

*** - รอต
ง. ชายปกติอาจมีแอลลีลของยีนที่ทำให2เกิดโรค x to Lethal gene

ไ :ตาย ท ไม พ.ญ. ***


* Lethal
gene : หาก
แสดงออก รอด โ
ex. **
ตาบอด
·ลอง X-
linked Recessive x x-
linked dominant # :เ ด inactivation
x-
1 ง x-inactivation
** **** embryo · - x- inactivation
center
เ น XX'
********* **********
A
x
O., Gesexi
I ↳ neterozygous
เค องอ
โรค ปก โร ปก ↓ -> ม ง

ค ง
ตย
· /
I

*************
if (file ห อ ดอ
เพราะ ห
1
ที่
ลู
ที่
ลู
จิ
พิ
มี
น้
มี
นี้น่
สีลุ
ต่
ตู่
มี
ม่
ป็
ป็
ทั้
ยู่
ม่
ยู่
รึ่
กิ
กิ

ที่

ด้
รื่
รึ่
รื
มี
มี
ค์
มี
กิ
ติ
สุ่
รึ่
ติ
ห้
สี
3. จาก pedigree การถ+ายทอดโรคพันธุกรรมหายากในครอบครัวหนึ่ง โดยพิสูจน]ทราบแล2วว+า แอลลีลของ โรคนี้ไม+ได2รับการถ+ายทอดมาจากII-1และ II-5 (TBO)

· X- linked recessive

xy xxa xtytoxty - of
=
Ext
&
&****.xy
22/
A x
x -
-xt, xy, x xx
*c 8 *Reeff 23x = 19.30

?
x Y
ข2อความต+อไปนี้ถูกหรือผิด
xxta of
& 1. โรคพันธุกรรมนี้มีการถ+ายทอดแบบX-linked dominance ↑
*

x "Y
#

/ 2. III-1 ได2รับการถ+ายทอดยีนที่ควบคุมโรคมาจากI-2 8
3. ถ2าIII-1 แต+งงานกับผู2หญิงปกติ โอกาสที่ลูกจะเป#นโรคเท+ากับร2อยละ50
# 4. III-2 มีโอกาสเป#นโรค ร2อยละ25 #tany, and by a 30%

x3 chambres ทางใด
12.3 /

ทางห ง

4. จากภาพโครงสร2างของยีนที่ประกอบด2วย 4exon 3 intron * eff ง


อง (+)

บ TR

UTR
condom วก
#prestart

4

SUTR

Reset 3 OPATAIL " ไ ใ exon

ข2อความต+อไปนี้ถูกหรือผิด
/1. ส+วนexon ที1่ และ 2 บางส+วน (สีเข2ม) เป#นบริเวณที่ไม+มีการแปลรหัสเป#นโปรตีน
% 2. start codon อยู+บนexon ที1่ และ stop codon อยู+บนexon ที4่
39 UTR
% 3. ถ2าเกิดการแทนที่เบสบริเวณสีเข2มบนexonที4่ ทำให2ได2สายพอลิเพปไทด]สั้นลง
* 4. ภาพ mRNA ข2างบน เป#นภาพที่ยังเกิดกระบวนการRNAsplicing ไม+สมบูรณ]
สั
ตั
รั
ต้
จึ
นึ่
สี
ม่
ช่
3

=
อนจะ เ ม
อง 5. จากลำดับเบสของยีนPOSN บนดีเอ็นเอสายคู+ที่กำหนดให2 acid
coding strand /
113 amino
missense - เป ยนamino
It
TATA Non- Template- sense strand
TATABOY 5 TATTATAATGTTTATACCCGGGCCCTACGAT-100 codons-TTTAAATGGCGGCCGATGCATTAA3
-- --
sense -> ไ เป ยนamino
3 ATAATATTACAAATATGGGCCCGGGATGCTA-100 codons-AAATTTACCGCCGGCTACGTAATT5
/ monsense a เป ยนเ นstopcodom
#We template / Non- coding strand / Non-
sensing strand
6
Section

3 UOAS' 3 ACT s

us? 3UAA3
3' UAG 3'
ATT
BATc s

ข2อความต+อไปนี้ถูกหรือผิด
/ 1. ยีนPOSN กำหนดการสังเคราะห]polypeptide ยาว 115 amino acid
/
/ 2. ถ2าคู+เบสCG (ตัวหนา-ระบายสี) ถูกแทนที่ด2วย GC จะทำให2เกิดnonsense mutation และ polypeptide ที่ได2จะสั้นลงโดยหายไป 109
amino acid
* 3. ถ2าคู+เบสTA (ตัวขีดเส2นใต2-ระบายสี) เพิ่มขึ้น 1 ซ้ำ จะทำให2เกิด frameshift mutation และ polypeptide
ที่ได2จะสั้นลงโดยหายไป7amino acid
/4. ถ2าคูเ+ บสAT ที่อยู+ติดกับคู+เบสTA(ตัวขีดเส2นใต2-ระบายสี) ทางด2าน 3’ถูกแทนที่ด2วยCGจะทำให2เกิด missense mutation แต+polypeptide
ที่ได2จะมีความยาวเท+าเดิม
ก่
ก๋มี
มี
ต้
ดี
ป็
ริ่
ลี่
ตี
ม่
ลี่
ลี่
เ น สายเ ยว30%
Tm = melting temp: ณห แยก

3 types of dra

RN A -
A- DNA B- DNA 2- DNA

เ ยนบา ว เ ยน น
ท เ ยน าย

%
3 1-7.33

อ ↓
Normal
+


<ค. ก าง


DNA DNA- RN A

/
A: Riboie
*
:D- vib012
%


จ.น. หน cleotides เ าน
แ ระยะ างระห างnucleotides ไ เาน

·เ น Homozygows Normal Distribution

/
a

2 ต แห ง / IOCUS
4 Allele
% - ·/ Heterozygous

%
%
~
จาก 4. AaBb + AABB
Extreme Phenotype --

น > 4 Allele
- -

E AaBb x AaBb
-
in " I i nie

5=
BB
น A a 2-

14 A4 1 2
4 | 10
* A Bb & -

... *
I # # IV V
Pre

&

I %
- I
10
-

#O
-

1เ -
16
150
2 ( M. 10 ( M.
ที่
บั
ซ้
วั
ต้
ยี
วี
ป็
วี
วี
ท่
ท่
ดี่
ม่
ว้
ต่
ป็
กั
กั

ว่
ห่
น่
อุ
ภู
มิ
Te ST &

AAbb***
เ ยว :ไ าน B

AABB cc Dd

/ ↳

& -
ม!
/
# AabbCDd x AaBbccDd
# ↓
PCA_ B- C_ D-)
·(AB- Sidd)
-* * * * : น
PA_ bb---- (

↑extilette. . : 1.0

A_ B_* A- bb

310:30:298 : 11 น

6
3:1:3:

3:3: 1: 1

23:17 ( 1:1) - phenotype


% 2 Aaxta) ( Bb-bb)

/ ( Aarb > Aabb (


%

&- - a a -

*
-> แ ว งเกต
3- ratio
b
D--
ส้
ผ่
สั
ขี
ม่
ล้
วั

You might also like