Professional Documents
Culture Documents
การเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนโครงการจัดสรรในประเทศไทย ปทุม
การเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนโครงการจัดสรรในประเทศไทย ปทุม
การเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนโครงการจัดสรรในประเทศไทยโดยการใช้
เบอร์โทด์โมเดล: กรณีศึกษา หมู่บ้านจัดสรรในอาเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
The Comparison of The Costs and Benefits of Housing
Subdivision Projects in Thailand by Using The Bertaud Model
: Case Study of Thanyaburi District, Pathumthani Province
บทคัดย่อ
เบอร์ โ ทด์ โ มเดล (Bertaud model) ถู ก สร้ า งขึ้ น มาเพื่ อ ใช้ ท ดสอบความเป็ น ไปได้ ใ นการพั ฒ นาโครงการ
อสังหาริมทรัพย์ในแนวราบ และเพื่อให้ทาการวิเคราะห์ความเป็นไปได้เบื้องต้นของโครงการ (pre-feasibility study) มีความ
รวดเร็วและครบถ้วนทั้งในด้านกายภาพและด้านการเงิน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันของผู้มีส่วนร่วมในอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ
การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์แนวราบ สามารถใช้คานวณต้นทุน และผลตอบแทนจากการออกแบบวาง
ผังโครงการ ซึ่งใช้ได้ทั้งก่อนการทางานและควบคู่ไปกับการออกแบบวางผัง จึงมีประโยชน์มากในการพัฒนาโครงการหมู่บ้าน
จัดสรร
จากการศึกษารูปแบบการออกแบบวางผังโครงการหมู่บ้านจัดสรร พบว่ามีรูปแบบที่หลากหลายตามบริบทของพื้นที่
โครงการรวมถึงวัตถุประสงค์ของผู้พัฒนา ซึ่งจะเป็นสิ่งที่กาหนดสัดส่วนพื้นที่ขาย ต้นทุน และผลตอบแทน ไปจนถึงคุณภาพ
การอยู่อาศัย บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ วิเคราะห์เปรียบเทียบรูปแบบการวางผังโครงการจัดสรรในพื้นที่กรณีศึ กษา
อาเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 5 รูปแบบ ตามลักษณะการสัญจรภายในโครงการ คือ แบบเชิงเส้น (linear) แบบตาราง (grid)
แบบวง (loop) แบบถนนปลายตัน (cul-de-sac) และแบบผสม (multi-layout) พร้อมทั้งวิเคราะห์เปรียบเทียบการใช้พื้นที่ใน
การวางผังแต่ละรูปแบบกับต้นทุนและผลตอบแทนจากสัดส่วนการใช้พื้นที่นั้น ๆ โดยใช้แบบจาลองการคานวณ เบอร์โทด์
โมเดล (Bertaud model) เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ขนาดที่ดิน รูปร่างที่ดิน และรูปแบบของการวางผังที่แตกต่างกัน ส่งผลให้การใช้พื้นที่
ประกอบไปด้วยพื้นที่ขายได้และพื้นที่ขายไม่ได้ ต้นทุน และผลตอบแทนต่างกัน โดยจากกรณีศึกษา พบว่า การวางผังแบบผสม
(multi-layout) เป็นรูปแบบการวางผังที่ทาให้เกิดอัตราผลตอบแทน (IRR) สูงที่สุดจากการเปรียบเทียบในแต่ละรูปแบบ โดย
ปัจจัยหลักมี 2 ส่วน ประการแรกคือต้นทุนที่ต่ากว่าเมื่อเทียบกับราคาค่าที่ดินที่พัฒนาแล้ว ประการที่สองคือมีสัดส่วนการใช้
ที่ดินและมีการออกแบบวางผัง โดยมีการแบ่งพื้นที่สีเขียวและนันทนาการในสัดส่วนที่มากกว่ารูปแบบอื่น ผู้พัฒนาโครงการจึง
สามารถเพิ่มมูลค่าราคาขายได้ โดยผลที่ได้จะนามาสู่ข้อเสนอแนะในการวางผังโครงการจัดสรรต่อไป
Abstract
The Bertaud Model was created for improving the project feasibility study, for instance, the low-
rise real estate projects development. For the related professionals in project development, a model is a
tool as a computer application that can simplify the development process and achieve the pre- feasibility
study at once. Meanwhile, a model can be used in parallel to calculate the costs and benefits of the
project plan. A specialty of a model is using it either before a planning process or in parallel with the
design process. Therefore, a model is suitable for housing subdivision projects.
According to literature reviews, there is a lot of site planning typical which affect the salable area,
costs, benefits, and qualities of life. This article is comparing costs, benefits, and land- use proportion of
housing subdivision projects in 5 typical in Thanyaburi district, Pathumthani province, Thailand. The 5 types
of projects plan classify by circulation layout, as well as linear layout, grid layout, loop layout, cul- de- sac
layout, and multi-layout, and using the Bertaud Model as a project feasibility study.
The conclusion, different project layouts such as land size, land shape affect land-use proportion,
for instance, salable and non- salable area, and significantly affect costs and benefits. The result of
comparison costs and benefits of 5 case studies show that the multi- layout project got the highest return.
There are two reasons for the result. Firstly, a multi-layout project has the lower costs that compared with
developed land price. Secondly, a multi- layout project has a well- plan land- use proportion and zoning.
Therefore, project developers increase sale prices related to site efficiency in each zoning. The results will
lead to a discussion of recommendations for Housing subdivision projects development.
keywords: Residential patterns, Housing subdivisions, Bertaud Model, Saleable area, Costs and Benefits
สาระศาสตร์ ฉบับที่ 2/2563 - 439
บทนา
การออกแบบวางผังโครงการ เป็ น ส่ วนสาคั ญอย่ างมากต่อ การพัฒ นาโครงการที่ อยู่ อาศัย ส่ ว นส าคั ญที่เป็นตั ว
กาหนดการออกแบบวางผัง คือ บริบทของพื้นที่ ต้นทุน และความสามารถของผู้ออกแบบ ตัวแปรตามคือ รูปแบบผังที่ออกมา
ซึ่งจะส่งผลต่อทั้งด้านต้นทุนการเงินในการก่อสร้างของโครงการ ด้านกายภาพที่เกิดขึ้น และส่งผลไปถึงความเป็นอยู่ของผู้
อาศัยในระยะยาว ดังนั้น การออกแบบวางผังโครงการจึงเป็นส่วนสาคัญอย่างมากต่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และ
โครงการอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ในการเป็นตัวกาหนดพื้นที่ ปริมาณ สัดส่วนการใช้ที่ดินในระดับโครงการ ซึ่งมีผลกระทบต่อ
พื้นที่ใช้สอย ลักษณะของชุมชน โครงข่ายคมนาคม สาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ไปจนถึงระดับย่าน และระดับเมือง
(เดชา บุญค้า 2552)
จากการศึกษาเรื่องรูปแบบการวางผังโครงการบ้านจัดสรร พบว่ามี การศึกษาหารูปแบบการวางผังที่มีประสิทธิภาพ
และได้พื้นที่ขายมากที่สุด ซึ่งกาหนดได้จากหลายปัจจัย ปัจจัยหลักคือทางสัญจร ซึ่งถ้ามีสัดส่วนทางสัญจรน้อยทาให้เกิดการลด
ต้นทุนมากที่สุด กาหนดจากความกว้างและพื้นที่ผิวของถนน การกาหนดให้ถนนรองรับหน่วยพักอาศัยมากที่สุด จะทาให้เกิด
ประสิทธิภาพในการใช้พื้นทีโ่ ดยการใช้สาธารณูปโภคร่วมกัน และประหยัดต้นทุนในการสร้างส่วนที่ไม่ใช่พื้นที่ขาย ทาให้มีพื้นที่
โล่งอื่นไปเสริมมูลค่าของพื้นที่ขาย เช่น พื้นที่สวนและนันทนาการ เป็นต้น ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่า โครงการ และทาให้ได้
ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ลดมาตรฐานของการวางผัง หรือมุ่งเป้าไปที่การลดจานวนถนนจนมากเกินไป (Bertaud, Bertaud
and Wright 2010)
จากการศึกษาการออกแบบวางผังที่อยู่อาศัยแนวราบในประเทศไทยพบว่ายังไม่มีการศึกษาเรื่องรูปแบบการวางผัง
โครงการหมู่บ้านจัดสรรที่ส่งผลต่อต้นทุนและผลตอบแทนโดยตรง ซึ่งผู้วิจัยจึงเลือกศึกษาในพื้นที่ทมี่ ีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ของโครงการแนวราบ ซึ่งก็คือจังหวัดปริมณฑล โดยเฉพาะจังหวัดปทุมธานีที่มีทาเลศักยภาพเหมาะกับการอยู่อาศัย จึงมีกลุ่ม
อุปสงค์ในด้านที่อยู่อาศัย มีโครงการที่มีการวางผังหลายรูปแบบและมีหลากหลายประเภท ส่วนใหญ่เป็นโครงการจัดสรรขนาด
กลาง ซึ่งมีหน่วยพักอาศัย ตั้งแต่ 100 - 499 แปลง หรือเนื้อที่ 19 - 100 ไร่ โดยจะศึกษาทั้งในส่วนของกายภาพด้านการใช้
พื้นที่ และด้านการเงินในส่วนของต้นทุนและผลตอบแทนด้านการเงินโครงการ (IRR) ที่เกิดขึ้นจากการวางผัง
งานวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษารูปแบบการวางผังของโครงการจัดสรรที่ส่งผลต่อปริมาณและสัดส่วนพื้นที่ขาย และต้นทุนของ
โครงการ ซึ่งเป็นการศึกษาทั้งด้านกายภาพและการเงิน ผู้วิจัยจึงนาแบบจาลองการคานวณเบอร์โทด์โมเดล (Bertaud
model) มาเป็นเครื่องมือวิเคราะห์กรณีศึกษา เพื่อให้สามารถวิเคราะห์พื้นที่ทางกายภาพร่วมกับต้นทุนและผลตอบแทน
ทางการเงินไปพร้อม ๆ กัน ทั้งวิเคราะห์รูปแบบการวางผังทีท่ าให้เกิดผลตอบแทน และมีประสิทธิภาพที่สุด
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาเปรียบเทียบระหว่างรูปแบบการวางผัง สัดส่วนการใช้ที่ดิน โดยการใช้แบบจาลองการคานวณเบอร์โทด์
โมเดล (Bertaud model) เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนทางการเงิน (IRR) ของโครงการจัดสรรรูปแบบ
ต่างๆในพื้นที่ศึกษา 5 รูปแบบ คือ แบบเชิงเส้น (linear) แบบตาราง (grid) แบบถนนปลายตัน (cul-de-sac) แบบวง (loop)
และแบบผสม (multi-layout)
ทบทวนวรรณกรรม
1. การแบ่งประเภทรูปแบบการวางผังโครงการ และสัดส่วนการใช้พื้นที่
การแบ่งประเภทผังโครงการนั้นสามารถแบ่งได้หลากหลายแบบและหลากหลายเกณฑ์ ซึ่งเกณฑ์การแบ่งที่นิยมใช้
มากที่สุดคือแบ่งโดยทางสัญจร ซึ่งในกระบวนการวางผังถือเป็นลาดับต้นๆในการดาเนินการวางผัง และเป็นตัวแปรในการสร้าง
สาระศาสตร์ ฉบับที่ 2/2563 - 440
วิธีวิจัย
งานวิจัยนี้มี 4 ขั้นตอน ดังนี้
1. รวบรวมข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรม ได้แก่ การแบ่งประเภทรูปแบบการวางผังโครงการและสัดส่วนการใช้พื้นที่ เบอร์
โทด์ โ มเดล (Bertaud model) การวิ เ คราะห์ ต้ น ทุ น และผลตอบแทน (costs and benefits analysis) และกฎหมายที่
เกี่ยวข้องกับการจัดสรร
2. รวบรวมข้อมูลผังโครงการ และข้อมูลด้านต้นทุนจากเอกสารโครงการและวิธีการจัดสรรที่ดิน จากสานักงานที่ดิน จังหวัด
ปทุมธานี และจาแนกโครงการตามรูปแบบถนน
3. นาข้อมูลมากรอกใส่แบบจาลอง เบอร์โทด์โมเดล เพื่อวิเคราะห์สัดส่วนพื้นที่ขายได้และขายไม่ได้ ควบคู่กับวิเคราะห์การเงิน
โครงการ ได้แก่ ต้นทุน และผลตอบแทน
สาระศาสตร์ ฉบับที่ 2/2563 - 442
4. การวิเคราะห์ข้อมูล
วิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือเบอร์โทด์โมเดล (Bertaud model) โดยใช้ข้อมูลต้นทุนที่รวบรวมจากเอกสารโครงการและ
วิธีการจัดสรรที่ดิน จากสานักงานที่ดิน จังหวัดปทุมธานี และข้อมูลราคาประเมินของกรมธนารักษ์ ตามปีที่ได้รับอนุญาตจัดสรร
ของโครงการกรณี ศึ ก ษา ซึ่ งประกอบไปด้ ว ย ค่ า ที่ ดิ น (land cost) ค่ า เตรี ย มการ (site preparation cost) ค่ า ก่ อ สร้ า ง
โครงสร้ า งพื้ น ฐาน (on-site infrastructure cost) ค่ า ก่ อ สร้ า งบ้ า น (construction cost) และค่ า ก่ อ สร้ า งอื่ น (other
development cost) นามาคิดร่วมกับราคาขายและสัดส่วนรูปแบบประเภทที่อยู่อาศัยในโครงการแต่ละโครงการ สัดส่วน
พื้นที่ทางสัญจร และพื้นที่โล่งอื่น ๆ โดยจะไม่คานวณในส่วนของการเชื่อมสาธารณูปโภคภายนอกโครงการเนื่องจากที่ตั้งมี
ความแตกต่างกัน
ระบุข้อมูลด้านการเงินต่าง ๆ ตามปีที่ได้รับอนุญาตจัดสรร เพื่อให้ได้มาซึ่งต้นทุนค่าพัฒนาที่ดินสุทธิต่อตารางเมตร ที่
จุดคุ้มทุน (break even) และระบุจานวนพื้นที่ขายได้ รวมถึงสัดส่วนพื้นที่ทางสัญจร และพื้นที่ขายไม่ได้อื่น ๆ เพื่อคานวณหา
ผลตอบแทนที่เกิดจากการวางผังแต่ละรูปแบบซึ่งในที่นี้โปรแกรมจะวิเคราะห์ออกมาในรูปแบบของอัตราผลตอบแทนภายใน
(IRR) โดยอยู่บนพื้นฐานการวางแผนการเงินแผนเดียวกัน
เนื่องจากข้อมูลในส่วนแผนการเงินและการก่อสร้าง ไม่มีผู้ใดระบุข้อมูลด้านแผนการตลาดและการพัฒนา ลงไปใน
โครงการและวิธีการจัดสรรที่ดิน ผู้วิจัยจึงใช้แผนการดาเนินการด้านการเงินของโครงการที่มีข้อมูล นั่นคือ โครงการซื่อตรง โคซี่
รังสิต คลอง6 เป็นตัวแปรหลัก และจะวิเคราะห์หาส่วนของผลตอบแทนโดยการใช้แบบจาลองการคานวณเบอร์โทด์โมเดล
(Bertaud model) เป็นเครื่องมือในการหาผลตอบแทนทางการเงินของโครงการ แทนการหา ROI (Return On Investment)
เนื่องจากขาดข้อมูลในส่วนผลตอบแทน และจะใช้แผนการดาเนินการแผนเดียวกัน ซึ่งก็คือระยะเวลาหลังจากได้รับอนุญาตให้
จัดสรรในช่วงระยะเวลา 3 ปี ตามที่ระบุไว้ในโครงการและวิธีการจัดสรรที่ดิน
การคัดเลือกโครงการกรณีศึกษา
จากโครงการกรณี ศึ ก ษาทั้ ง หมด 25 โครงการ ในวิ ท ยานิ พ นธ์ เ รื่ อ ง รู ป แบบการวางผั งที่ ส่ งผลต่ อ ต้ น ทุ น และ
ผลตอบแทนของโครงการจัดสรรที่ดนิ : กรณีศึกษาโครงการจัดสรรในอาเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ของ โชติรัตน์ สว่างวงษ์ ใน
บทความนี้ได้มีการคัดเลือกกรณีศึกษา โดยการจาแนกรูปแบบของผังโครงการจัดสรรในพื้นที่ศึ กษาออกเป็น 5 รูปแบบ และ
คัดเลือกกรณีศึกษาในกลุ่มโครงการจัดสรรขนาดกลาง ตั้งแต่ 100 - 499 แปลง หรือเนื้อที่ 19 - 100 ไร่ โดยการคัดเลือก
โครงการที่มีลักษณะตามรูปแบบการวางผังแต่ละรูปแบบมากที่สุด รูปแบบละ 1 โครงการ ดังนี้
1) แบบเชิงเส้น (Linear) โครงการนันธารา โดย บริษัท ทรัพย์พล กรุ๊ป จากัด (มหาชน)
2) แบบตาราง (Grid) โครงการภัสสร ดอนเมือง-พหลโยธิน โดย บริษัท พนาลี เอสเตท จากัด (มหาชน)
3) แบบถนนปลายตัน (Cul-de-sac) โครงการเจวิลล่า รังสิต คลอง 1 โดย บริษัท บ้านพุทธรักษา2015 จากัด
(มหาชน)
4) แบบวง (Loop) โครงการซื่อตรง โคซี่ รังสิต คลอง 6 โดย บริษัท ซื่อตรงกรุ๊ป จากัด (มหาชน)
5) แบบผสม (Multi-layout) โครงการบางกอก บลูเลอวาร์ด รังสิต โดย บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จากัด
(มหาชน)
ผลการศึกษา
ผู้วิจัยได้สืบค้นข้อมูลของโครงการกรณีศึกษา 5 โครงการ ซึ่งเป็นตัวแทนของโครงการ 5 รูปแบบการออกแบบวางผัง
ในพื้นที่ศึกษา อาเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยมีข้อมูลพื้นฐานดังต่อไปนี้
สาระศาสตร์ ฉบับที่ 2/2563 - 443
1.การวางผังและการใช้ที่ดินโครงการ
ตาราง 2 รูปแบบการวางผังของโครงการกรณีศึกษา
รูปแบบ โครงการ
แบบเชิงเส้น (Linear) โครงการ นันธารา โดย บริษัท ทรัพย์พล กรุ๊ป
แบบถนนปลายตัน โครงการ เจ วิลล่า รังสิต คลอง 1 โดย บริษัท บ้านพุทธรักษา 2015 จากัด
(Cul-de-sac)
แบบวง (Loop) โครงการ ซื่อตรง โคซี่ รังสิต คลอง 6 โดย บริษัท ซื่อตรงกรุ๊ป จากัด
ที่มา: ผู้วิจยั
2.ต้นทุนและผลตอบแทนที่เกิดขึน้ จากการวางผัง
จากการศึกษารูปแบบการวางผังในพื้นที่ศึกษา ผู้วิจัยได้วิเคราะห์หาต้นทุนและผลตอบแทนโดยใช้เครื่องมือเบอร์โทด์
โมเดลในการคานวณ โดยในส่วนต้นทุนจะคานวณต้นทุนค่าพัฒนาที่ดินที่จุดคุ้มทุน ซึ่งเป็นต้นทุนในการพัฒนาโครงการทั้งหมด
ต่อตารางเมตรของแต่ละโครงการ ซึ่งหมายความรวมค่าก่อสร้างสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และค่าก่อสร้างหน่วยพักอาศัย
ทั้งหมด วิเคราะห์ร่วมกับประมาณราคาที่ดินพัฒนาแล้ว ซึ่งจะเป็นส่วนที่คานวณจากราคาขายต่อหน่วยที่ผู้พัฒนาโครงการระบุ
ไว้ในโครงการและวิธีการจัดสรรที่ดิน คานวณออกมาในหน่วยราคาขายต่อตารางเมตร ซึ่งจะเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด
ที่แตกต่างไปตามแต่ละโครงการ โดยการตั้งราคานี้จะถูกนามาคิดรวมกับส่วนของต้นทุนค่าพัฒนาที่ดินที่จุดคุม้ ทุน และส่งผลไป
ยังผลตอบแทน ซึ่งในเครื่องมือเบอร์โทด์โมเดลจะวิเคราะห์ออกมาในรูปแบบของ อัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of
Return: IRR) ดังแสดงในตารางตารางต่อไปนี้
ตาราง 4 ต้นทุนและผลตอบแทนจากรูปแบบการวางผังแต่ละรูปแบบ
แบบถนนปลาย
แบบผสม
ต้นทุน(บาท/ตารางเมตร) แบบเชิงเส้น แบบตาราง ตัน แบบวง
Multi-layout
และร้อยละผลตอบแทน Linear Type Grid Type Cul-de-sac Loop Type
Type
Type
ต้นทุนค่าพัฒนาที่ดินที่ ต้นทุน 8,095.18 6,993.75 7,987.68 6792.10 7,511.83
จุดคุ้มทุน (Break even) ลาดับที่ 1 4 2 5 3
ประมาณราคาที่ดินพัฒนา ราคาขายต่อ 9,500 12,500 12,500 10,800 14,500
แล้ว หรือ ราคาขายต่อ ตารางเมตร
ตารางเมตร (Market price) ลาดับที่ 4 2 2 3 1
ผลตอบแทน (Internal ร้อยละ 10.19 24.46 25.18 24.28 29.65
Rate of Return: IRR) ลาดับที่ 5 3 2 4 1
ที่มา: ผู้วิจยั
อภิปรายผลการศึกษา
จากผลสรุป พบว่าผลการศึกษามีข้อค้นพบ และความไม่สอดคล้องกับการทบทวนวรรณกรรมบางประการ คือ
1. สัดส่วนการใช้พื้นที่ของโครงการจัดสรรแต่ละรูปแบบ
การใช้พื้นทีใ่ นแต่ละรูปแบบโครงการนั้น จากการทบทวนวรรณกรรม ในบทความเรื่อง Residential Street
Pattern Design พบว่า รูปแบบตาราง (grid) มีการใช้พื้นที่ถนนมากที่สุด อยู่ที่ร้อยละ 31.4 – 36.0 ซึ่งแปรผันตามความถี่ของ
ตาราง รองลงมาคือ รูปแบบวง (loop) ซึ่งมีพื้นที่ทางสัญจรที่ร้อยละ 27.4 และรูปแบบถนนปลายตัน (cul-de-sac) มีพื้นที่
ทางสัญจรที่น้อยทีส่ ุด อยู่ที่ร้อยละ 23.7 ของพื้นที่ ในพื้นที่ขนาดเท่ากัน (Grammenos and Tasker-Brown) ในส่วนของ
ผลการวิจัย ในกรณีศึกษาพบว่า รูปแบบวง (loop) มีสัดส่วนทางสัญจรน้อยที่สุด ทีร่ ้อยละ 27.68 ซึ่งมีความใกล้เคียงกับการ
ทบทวนวรรณกรรม แต่ในส่วนของรูปแบบถนนปลายตัน (cul-de-sac) กลับมีสดั ส่วนพื้นที่ทางสัญจรมากที่สุด ที่ร้อยละ
34.57 ซึ่งไม่สอดคล้องจากการทบทวนวรรณกรรม โดยรูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่มีสดั ส่วนทางสัญจรน้อยที่สุดที่ร้อยละ 23.7
ของพื้นที่ ซึ่งปัจจัยที่มีส่วนทาให้เกิดผลนีค้ ือ ขนาดพื้นที่ศึกษาและข้อจากัดในกฎหมาย และแม้จะมีขอ้ กาหนดทางกฎหมายใน
สาระศาสตร์ ฉบับที่ 2/2563 - 448
ข้อเสนอแนะ
เนื่องจากในงานวิจัยนี้ มีข้อจากัดหลายส่วนและตัวแปรแทรกซ้อนอีกจานวนมาก อาจเกิดความคลาดเคลื่อนในหลาย
มิติ จึงมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
1. ด้านกายภาพ นั่นคือขนาดของพื้นที่ที่ดินโครงการที่แตกต่างกัน แม้จะอยู่ในกลุ่มโครงการจัดสรรขนาดกลางเหมือนกัน แต่
ขนาดที่ดินของกรณีศึกษาที่ใหญ่ที่สุดคือ 55-2-66.1 ไร่ และเล็กที่สุด ที่ 23-1-28.9 ไร่ อาจทาให้เกิดความแตกต่างของสัดส่วน
การใช้พื้นที่ในข้อกาหนดเดียวกัน หากมีการศึกษาโดยใช้ขนาดที่ดินที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกันจะทาให้เปรียบเทียบได้ดีขึ้น
2. ในด้านผลิตภัณฑ์ของโครงการ ซึ่งแต่ละบริษัทนั้นมีการคิดวิเคราะห์ด้านการตลาด กลุ่มเป้าหมายต่างกัน และในขาดส่วน
ของข้อมูลด้านต้นทุนบางส่วน ในด้านข้อมูลค่าเตรียมที่ดิน (site preparation cost) การวางแผนการก่อสร้าง และด้าน
แผนการลงทุน ซึ่งถ้าหากมีข้อมูลด้านการเงินที่ครบถ้วนและอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับเดียวกัน ก็จะทาให้สามารถคานวณผล
ออกมาได้แม่นยาขึ้น
3. ในส่วนของการวิเคราะห์ผลตอบแทนและด้านต้นทุน จากวัตถุประสงค์ควรใช้วิธีการวิเคราะห์เปรียบเทียบด้วย Return on
Investment หรือ ROI ซึ่งผู้วิจัยไม่สามารถหาข้อมูลผลตอบแทนเพื่อนามาวิเคราะห์ในส่วนนี้ได้ครบทุกโครงการ ประกอบกับ
หลายโครงการได้รับการอนุญาตจัดสรรไม่นานมานี้ ยังไม่มีการดาเนินการแล้วเสร็จ จึงไม่สามารถหาข้อมูลผลตอบแทนสุทธิได้
4. ในส่วนของเบอร์โทด์โมเดลนั้นถูกพัฒนามาสาหรับใช้ก่อนการวางผังโครงการเป็นหลัก ดังนั้น หากมีการนาเบอร์โทด์โมเดล
ไปใช้เพื่อเปรียบเทียบการวางผังแต่ละรูปแบบในพื้นที่เดียวกันจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่ารูปแบบการวางผังแบบใดเหมาะสมกับ
พื้นที่นั้นมากที่สุด และช่วยบริหารจัดการเวลาและวางผังได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย
สาระศาสตร์ ฉบับที่ 2/2563 - 449
บรรณานุกรม
ชูศักดิ์ ศรีอนุชิต. “พระรำชบัญญัติจัดสรรที่ดิน.” สืบค้น 5 พฤษภาคม 2562.
http://constructionthaicon.wordpress.com/2009/03/25/searchforearth6.
เดชา บุญค้า. กำรวำงผังบริเวณและงำนบริเวณ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2552.
บีทวีนเมทส์. “ควำมแตกต่ำงระหว่ำง IRR และ ROI.” สืบค้น 11 มิถุนายน 2563.
https://th.betweenmates.com/difference-between-irr-and-roi-6349.
พลัส พร็อพเพอร์ตี้. “ปทุมธำนี-ลำลูกกำ ทำเลบ้ำนเดี่ยวครองใจคน.” สืบค้น 27 กันยายน 2562.
https://www.plus.co.th/articles/PLUS-1128/ปทุมธานี-ลาลูกกา-ทาเลบ้านเดี่ยวครองใจคน.
ภาวิณี ธีรสวัสดิ์. สัมภำษณ์เรื่อง ความเป็นมาของ Bertaud Model โดย ภานินี ชยานันท์. 16 มิถุนายน 2562.
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์. “สถำนกำรณ์ตลำดที่อยู่อำศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตร
มำส 1 ปี 2562.” สืบค้น 26 กันยายน 2562. Reic.or.th/Upload/สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ กทม.-
ปริมณฑลไตรมาส 1 ปี 2562-Edit_794_1561521818_64161.pdf.
Bertaud, A., M. A.,Bertaud, and James O. Wright, Jr. Efficiency in Land Use and Infrastructure Design
An Application of the Bertaud Model. Washington, D.C.: Infrastructure and Urban
Development Department, The World Bank Policy Planning and Research Staff, 1988.
Grammenos, Fanis and Julia Tasker-Brown. "Residential Street Pattern Design." Accessed September
12, 2019. www.irbnet.de/daten/iconda/CIB4226.pdf.
Pedro Ferraz de Abreu. A Two-Way Mirror on the Evolution of Information Technology’s Impact on
Planning for Low-Income Housing. Cambridge: Department of Urban Studies and Planning,
Massachusetts Institute of Technology, 1993.